ตอนที่ 6 : ภาค 1 ตอนที่ 5
5
ผมพาไคริกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกที่ไม่สู้ดีนัก ผมพอจะนึกเรื่องราวที่พ่อเคยเล่าให้ฟังตอนเด็กๆได้แล้ว ศัตรูเพียงหนึ่งเดียวของปีศาจคือองเมียวจิ พวกเขาเท่านั้นที่ฆ่า ขัง และใช้งานเราได้ นานมาแล้วเคยมีตระกูลที่ยิ่งใหญ่พร้อมด้วยพลังอำนาจล้นเหลือออกมาปราบพวกเราเสียแทบสูญสิ้น ..ตระกูลชิมิซึ
และเป็นอย่างที่องเมียวจิในวัดนั้นเล่าให้ไคริฟัง พวกเขาบางคนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ แต่บางคนต้องฝึกฝน ไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่ไคริจังดันมีพลังนั่นเยอะจนเกินธรรมดา ผมเป็นห่วงเขา เป็นห่วงจนน่าแปลกใจ ถึงจะเจอหน้าเขาแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ผมรู้อยู่แก่ใจว่าคนคนนี้คงทำอันตรายใครจริงจังไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขามีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ได้ยังไง พลังที่รุนแรงนั้นดูดกลืนชีวิต ถ้าเขาไม่ระบายมันออก เขาเองที่จะแย่ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาได้ซีดเซียวเหมือนคนไม่แข็งแรงได้ขนาดนี้ พลังในตัวกำลังทำร้ายเขาเอง และตอนนี้มันทนอยู่ในนั้นไม่ไหวและปะทุออกมา ผมเองก็ไม่แน่ใจเรื่องพวกนี้นัก กะว่าจะพาเขากลับไปที่บ้านและถามพ่อเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ละเอียด ผมเร่งความเร็วจนไปถึงบ้านในเวลาไม่นาน ที่จริงแล้วบ้านผมนั้นมีความเหลื่อมล้ำระหว่างมิติของโลกมนุษย์และปีศาจ ทำให้อยู่รอดจากพวกปราบปีศาจมาได้จนผมโตป่านนี้
“นายหงุดหงิดอะไร เลิกทำฝนตกได้แล้วน่า ชาวบ้านเขาเดือดร้อนนะ” ร่างเล็กในอ้อมกอดบ่นพึมพำมา
“ไคริจังดื้อ บอกแล้วว่าอย่าไปๆ” ผมบ่นกลับ คนพวกนั้นจะใช้เขาแน่ๆ จะกล่อมหูเขาให้เกลียดพวกเรา ให้โกรธแค้น ดูอย่างนาโอยูกิซังสิ ริวทาโร่บอกว่าเห็นเขามาตั้งแต่เขายังเล็ก พอโตขึ้นหน่อยถูกจับเข้าวัดนั่น ออกมากลายเป็นคนเคร่งเครียดกับชีวิต คอยแต่จะหาเรื่องปราบปีศาจอยู่นั่นแหละ
แต่โชคดีที่เขาไม่เก่งเลย ทำอะไรพวกผมได้แค่แสบๆคันๆ ผมลบความทรงจำเขาจนเบื่อแล้วเนี่ย
“เรื่องของผม ผมมีสิทธิ์จะรู้ไม่ใช่เหรอ มาห้ามทำไม หรือถ้านายรู้อะไร ก็บอกกันบ้าง” เขายังดึงขนปีกผมไม่เลิก ขนร่วงหมดแล้วเนี่ย! ผมคว้ามือเล็กนั่นเอาไว้ แล้วลงยืนที่หน้าบ้าน เรื่องอะไรผมจะบอกเขากันล่ะ ขอผมรู้ให้ชัดๆก่อน จะได้คิดว่าควรทำยังไงกับเขาต่อไป
“แม่ ผมฝากไคริจังแปบนะครับ ดูแลสะใภ้แม่ดีๆนะ” ผมลากไคริจังไปหาแม่ที่นั่งเย็บผ้าอยู่ แหย่เขาอีกนิดหน่อยให้พอได้เห็นเขาถลึงตาใส่
ก็แค่อยากแกล้ง เห็นเวลาสอนอยู่โรงเรียนทำเป็นเข้ม หมันไส้นัก
“จ้า ไคริจัง หิวไหม เดี๋ยวแม่ทำอะไรให้กินนะ ตัวเล็กอย่างนี้ต้องขุนหน่อยแล้ว” ผมได้ยินเสียงแม่แว่วๆ ไคริจังคงเป็นคนขี้เกรงใจ เขาแพ้ทางแม่ของผม ไม่กล้าปฏิเสธอะไรเลย ได้แต่ปล่อยให้แม่ผมจูงไปที่ครัว ผมรีบเร่งเท้าตามหาพ่อ เวลานี้น่าจะกลับจากทำงานแล้ว ไม่ต้องสงสัยไปหรอกนะครับว่าพ่อของผมทำงานอะไร เขาต้องคอยดูความเป็นไปของปีศาจทุกตนในเขตนี้ ซึ่งมักจะมีปีศาจที่ก้าวร้าวโผล่มาให้งานยุ่งเสมอ ผมเดินไปรอบบ้าน จนเจอพ่อนั่งอยู่ใต้ต้นซากุระต้นใหญ่
“หึ มีอะไรเกี่ยวกับเจ้าแว่นนั่นอีกล่ะ” พ่อทักทันทีที่เห็นหน้าผม
“อย่าเรียกเขาอย่างนั้นสิ” ผมพึมพำ ไคริจังออกจะน่ารัก เรียกซะเสียเลย
“ปกป้องกันเข้าไป ตกลงว่าไง นั่นเมียแกหรือไม่ใช่ หวงซะอย่างกับลูก ได้ข่าวว่าตามไปเอาคืนจากวัดตระกูลชิมิซึด้วยนี่” พ่อยกมือขึ้นมาตบหัวผม ว่าแล้ว ไอ้กาที่บินตามผมตอนไปเฝ้าไคริจังเนี่ย ลูกกระจ๊อกของพ่อจริงๆด้วย
“ตอนนี้ไม่ใช่ ต่อไปไม่แน่ แต่ผมไม่ได้จะมาพูดเรื่องนั้นสักหน่อย”
“ถ้าเรื่องเขาล่ะก็ พ่อรู้หมดแล้วล่ะ รู้ด้วยว่าตัวเขาไม่รู้อะไรเลย และคนของเขตอื่นอยากกินเมียแกจะแย่อยู่แล้ว” พ่อผมหัวเราะในลำคออย่างชั่วร้าย ผมขมวดคิ้ว ตอนนี้ผมไม่ได้สนใจว่าไคริจังเป็นเมียผมหรือไม่เป็น ผมแค่อยากช่วยเขา ผมเคยบอกแล้วไง พอใจก็จะช่วย อีกอย่าง ผมล่ะช๊อบชอบเวลาได้แหย่ให้เขาทำหน้ายุ่ง ..ก็ยังอยากจะแหย่แบบนี้ไปอีกสักพัก
“ทำไมพวกมันก็รู้เรื่องไคริด้วย” ผมถามอย่างกังวล ปีศาจที่มีพลังมากกว่าเรานั้นมีอีกเยอะแยะ ปกติแล้วเราไม่สู้กัน นอกจากจะมีอะไรให้แย่งชิง ซึ่งผมก็หวั่นๆว่าพวกมันอยากจะได้ ‘ไคริ’
“พวกเราอายุยืนเพราะชีวิตมนุษย์ แต่มนุษย์ธรรมดาๆก็ไม่น่าดึงดูดใจ วิญญาณขององเมียวจิระดับสูง ให้พลังกับเราเกือบเทียบเท่ากับคำว่า ‘อมตะ’ พ่อว่าถ้าอยากได้เมีย ก็ไปหาคนอื่นเถอะ เขาอยู่กับแกได้ไม่นานนักหรอก” พ่อยักไหล่ ไม่ได้สนใจกับชีวิตของไคริมากนัก ผมรู้สึกแย่แปลกๆ หวั่นใจและกังวล ทั้งๆที่เขาไม่ใช้ญาติพี่น้องอะไรของผมเลย
“ไม่มีใครทำอะไรเขาได้หรอก ถ้าพ่อบอกว่าเขาระดับสูงหน่ะ”
“หึ แกหน่ะไม่รู้อะไร เจ้าเด็กนั่นก็ไม่ได้ต่างกับปีศาจอย่างเรานักหรอก สิ่งที่มันกิน ก็คือวิญญาณของปีศาจ”
“พ่อพูดบ้าอะไรเนี่ย” ผมร้อง ตรงเข้าไปยืนขวางหน้าพ่อที่ทำทีเป็นชมดอกซากุระที่มันร่วงไปจะหมดต้นอยู่แล้ว ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน พวกเขากินเราเนี่ยนะ ? พ่อผมเงียบไป เงยหน้าขึ้นมาจ้องตากับผมด้วยแววตาเคร่งเครียด
“ชิมิซึไม่ใช่มนุษย์ มันเป็นปีศาจ ..ปีศาจที่กินปีศาจด้วยกันยังไงล่ะ”
“ล้อเล่นใช่ไหม” ผมร้องเสียงหลง หัวเริ่มหมุนติ้ว พ่อถอนหายใจแล้วจับบ่าของผมเอาไว้ พ่อกำลังร่ายมนตร์ให้ผมใจเย็นลง ไอเย็นแผ่จากมือพ่อมาที่ตัวผม
“พ่อไม่ได้ล้อเล่น ต้นตระกูลของชิมิซึเป็นปีศาจ แต่เพราะว่ามันกินพวกเดียวกัน มนุษย์จึงไม่คิดว่าเป็นปีศาจกลับยกย่องสรรเสริญ ริวทาโร่เองก็รู้เรื่องนี้ดี เขาอยู่มานานกว่าพ่อ อาจจะเคยเจอต้นตระกูลของเมียแกตัวเป็นๆเลยก็ได้”
“มันเป็นไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะอยู่จนโตมาขนาดนี้ได้ยังไง”
“มันเป็นไปแล้วฮิโรโตะ ไม่ใช่ทุกคนที่มีพลัง เหมือนๆกับพ่อนั่นแหละ มีแกขึ้นมา แกได้พลังของพ่อไป แต่ถ้าพ่อมีอีกคนเขาก็อาจจะเป็นแค่มนุษย์ปกติ แต่พลังที่แรงขนาดนั้น พ่อไม่อยากเดาหรอกนะว่า ชิมิซึ ไคริ เกิดจากทั้งพ่อและแม่ที่เป็นปีศาจ” คำพูดของพ่อหลั่งไหลเข้ามาในหัวของผม ผมถอยหลังหนี คิดอะไรไม่ออกเลย ผมส่ายหัวไปมาแล้วจ้องหน้าพ่อ
“พอเถอะ พอแล้ว ผมรู้พอแล้ว” ผมตั้งท่าจะเดินหนี แต่พ่อคว้าไหล่ผมไว้
“ไม่กิน เขาก็ตาย ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ไม่รู้สึกเหรอว่าเขาอ่อนแอแค่ไหน ถึงจะมีพลังมหาศาล ก็ใช่ว่าจะพ่ายแพ้ให้กับเราไม่ได้ ในขณะที่ร่างกายของเขามันอ่อนแอลงขนาดนี้แล้ว ไม่รู้สิ พ่อแค่คิดว่าแกควรจะรู้ เขาจะเป็นศัตรูกับเรา พ่อไม่ได้ห้ามถ้าแกจะเอาเป็นเมีย แค่ไม่อยากเห็นแกมาคร่ำครวญทีหลัง”
“…” ผมนิ่งเงียบ ไม่ได้สนใจประเด็นที่พ่อว่าผม ผมสนใจร่างกายของไคริตอนนี้มากกว่า ผมรีบเดินกลับไปหาเขาที่นั่งคุยอยู่กับแม่
“ไปไหนมาเหรอ” เขาหรี่ตามองผมอย่างจับผิด ร่างบางดูอ่อนแอมากจริงๆ
“ไคริจังป่วยบ่อยไหม” ผมนั่งลงข้างๆแล้วถามเขา หน้าตาผมคงเครียดไปหน่อย เขาถึงได้หันมาจ้องหน้าผมอย่างสงสัย
“ก็บ่อยนะ ไม่ค่อยแข็งแรงตั้งแต่เด็กๆแล้ว คงเพราะไม่ชอบออกกำลังกายด้วยแหละ” เขายักไหล่ ไม่ได้รับรู้เลยว่าที่เขาอ่อนแอเป็นเพราะสาเหตุอื่นต่างหาก ผมจดจ้องข้อมือเล็กที่เหมือนจับครั้งเดียวก็หัก
“มาที่บ้านบ่อยๆสิ เดี๋ยวแม่ต้มสมุนไพรให้กินนะลูก ดูสิหน้าซีดเซียวเชียว” แม่ผมเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรกับเขา ยิ้มหวานไปให้ไคริ มีแววตาของความเป็นห่วงแฝงอยู่ ไคริเองก็ยิ้มกลับไปไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่แล้วจู่ๆเขาก็ทำท่าทางประหลาด คิ้วขมวดเข้าหากัน แล้วก้มลงมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง
“เป็นอะไร” ผมรีบถาม พอขยับเข้าไปจับข้อมือบางนั้น ก็เหมือนโดนไฟช็อตจนต้องสะบัดมือออก มือผมควันขึ้นเลย
“ร้อน… มันร้อน” เขาพึมพำ ดวงตาหม่นแสงลง เหงื่อเริ่มไหลลงมาจากใบหน้า ผมจับตัวเขาอีกครั้งผลก็เป็นแบบเดิม แสบจนต้องร้องออกมาเบาๆ ผมหันไปมองหน้าแม่ที่ดูตกใจไม่แพ้ผม
“แม่จะไปตามพ่อนะ” แม่พูดแล้วรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
“ไหวไหม ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ใจเย็นๆนะ” ผมดึงเขามากอดไว้ ตัวเขาร้อนมาก แถมยังทำเอาผิวผมไหม้จนควันขึ้นหน่อยๆเมื่อสัมผัสกัน แต่ผมคิดว่าเขาคงตกใจมาก ผมควรจะปลอบเขาก่อน เรื่องเจ็บหน่ะช่างมัน เดี๋ยวก็หายแล้ว ยังไม่ทันที่พ่อผมจะออกมา ก็มีไอดำพุ่งขึ้นจากกลางห้อง เด็กหนุ่มคนหนึ่งมีใบหูและหางของแมวโผล่ขึ้นมา ใบหน้าหวานนั้นคุ้นมาก เหมือนจะเคยเห็นมาก่อน
“มิ้น?” ไคริร้องขึ้นอย่างประหลาดใจ เขาหอบเล็กน้อย ผมขมวดคิ้ว เขารู้จักกันเหรอ ? เด็กนั้นสาวเท้าเข้ามา พึมพำอะไรบางอย่างแล้วเอามือวางลงบนหน้าผากของไคริ แล้วร่างในอ้อมกอดผมก็หมดสติ ..
“นายทำอะไรไม่ทราบ !” ผมพูดขึ้นอย่างตกใจ ความร้อนของเขาลดลงแล้ว ผมลูบแก้มเขาเบาๆ แล้วเงยหน้ามองตัวการ
“ทำให้เขาสงบ นทีไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว ไม่สิ ไคริไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว” คนตรงหน้าผมพูดนิ่งๆ คว้าตัวไคริไปเสียเอง พ่อผมวิ่งเข้ามาพอดี เจ้าแมวนั้นขมวดคิ้วแล้วผลุบหายไปพร้อมกับไคริ เหลือไว้แค่ควันสีดำจางๆ
“โคอิเคะ!!” พ่อผมร้องอย่างหัวเสีย แล้วเดินมาหาผม
“อะไรหน่ะ ผมงงไปหมดแล้วเนี่ย”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เจ้านั่นคือปีศาจแมว มันไม่มีมนตร์เท่าเราแต่ดึงวิญญาณออกจากร่างได้ ทั้งมนุษย์และปีศาจ แมวนั่นเป็นของเมียแกเหรอ” พ่อผมหันมาถาม ผมจะไปรู้ได้ยังไงกันล่ะ ? แต่ดูท่าทางทั้งสองคนจะรู้จักกันนะ
“เขาเอาไคริไป !!” ผมโวยวาย
“แล้วแกโง่ให้มันเอาไปเฉยๆเนี่ยนะ ?” พ่อตอกย้ำผมอีก ผมถอนหายใจ รีบวิ่งออกไปกางปีกที่ซ่อนเอาไว้และทะยานขึ้นฟ้า ทะยานขึ้นสู่ที่พักของมังกร
“ริวทาโร่ !!” ผมแหกปากทันทีเมื่อผ่านช่องว่างระหว่างมิติบนฟ้า ไปโผล่ที่บ้านพักใหญ่โตโอเวอร์ของริวทาโร่ เจ้าหัวแดงเดินเอื่อยๆออกมาเมื่อได้ยินเสียงผม ผมรีบเล่าทุกอย่างที่รับรู้ให้มันฟัง มันไม่มีท่าทีตื่นเต้นอะไร แค่ยิ้มๆแล้วตบบ่าผม ท่าทางไม่เดือดเนื้อร้อนใจแตกต่างจากผม
“ก็ตรงตามที่พ่อแกบอกแหละ ชิมิซึไม่ใช่มนุษย์ แต่ไคริจังของนายคงไม่กินนายหรอก อย่าห่วงไปเลย” เขายิ้มให้ผม
“ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนั้น ไอความร้อนที่ออกจากตัวเขามันคืออะไร ?”
“อ๋อ ก็แค่เขาไม่ได้‘กิน’นานเกินไป อาจจะหลายปีแล้ว เขาก็เลยกินตัวเองไงล่ะ”ริวทาโร่เดินผิวปากน่าหมันไส้เข้าไปในสวนที่บ้านมัน ผมรีบเดินตาม เป็นไปได้หรือไง ผมไม่กินมนุษย์นานๆก็ไม่เห็นจะมีอาการอะไร
“ทำหน้าหมาสงสัย กูบอกก็ได้ พลังเขามันรุนแรง เขาควบคุมมันไม่เป็น มันเลยกินร่างเขายังไงล่ะ พวกเราควบคุมพลังตัวเองได้ เพราะงั้นไม่ค่อยมีปัญหา แต่อดนานๆก็หิวโซได้เหมือนกัน ส่วนเจ้าแมวนั่น อาจจะเป็นคนหาอาหารให้ไคริมาตลอด มันดึงวิญญาณออกและใส่เข้าไปได้ ก็แค่ดึงของปีศาจสักตัวสองตัวใส่ให้ไคริจังตอนที่เขาหลับ เขาถึงได้ไม่รู้เรื่องจนถึงทุกวันนี้ อะไร มองหน้าทำไม จะให้ไปตามกลับมาเหรอ ?”ริวทาโร่ทำหน้าเบื่อๆใส่ผมที่จ้องมันอยู่
“เออ ไปเลยให้ไว” ผมตบหลังมันแรงๆ มันเป็นใครครับ มังกรในตำนานไงล่ะ เรื่องหาคนหน่ะง่ายจะตาย ริวทาโร่ถอนหายใจก่อนจะแปลงร่างเต็มของมัน มังกรเกล็ดแดงเหมือนไฟ ตาสีมรกต ผมกระโดดขึ้นขี่มัน
“ปีกก็มียังจะมาขี่อีก เฮ้อ ถ้าหาเจอแล้วขอหอมไคริจังทีนึงนะ เป็นของแลกเปลี่ยน” มันส่งเสียงล้อเลียน ผมกระตุกหนวดมันแรงๆ
“ฝันอยู่รึไง ไปหาสาวอื่นเถอะ”
“ทำหวงๆ” มันหัวเราะแล้วทะยานออกมา ผมบินได้ไม่เร็วเท่ามันหรอกครับ มันไม่มีปีก แต่ว่าเหาะได้เลย ผมเกาะมันไว้แน่น สร้างเกราะป้องกันลมที่ปะทะเข้าหาด้วย นั่งอยู่ไม่นานมันเหาะลงบนพื้น มีบ้านเก่าๆหลังนึงตั้งอยู่ ห่างออกจากบ้านหลังอื่นๆ ผมลงเดินและริวทาโร่แปลงร่างกลับเป็นคนอีกครั้ง เราทั้งคู่ตรงเข้าไปเปิดประตูบ้านหลังนั้นออกโดยไม่คิดจะเคาะ
“เฮ้ย” เจ้าแมวบ้านั่นอยู่ในบ้านกับไคริที่นอนอยู่บนฟูกเก่าๆ ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวเขาเลยสักชิ้น ผมตรงเข้าไปกระชากคอเจ้าแมวนั่นออกมา
“นายทำบ้าอะไร !!”
“โอ๊ย ฉันแค่ลดอุณหภูมิเขา ปล่อยมือนะ” มันกางเล็บจะตะปบผม แต่ผมเองก็มีกรงเล็บเหมือนกัน เสียงเล็บเรากระทบกันดังเสียดหู ผมเหล่ไปเห็นริวทาโร่วิ่งตรงเข้าไปยังคนที่นอนอยู่แล้ว ผมรีบสะบัดตัวเจ้าลูกแมวนี่ออกไป
“ไอ้ริวทาโร่ ออกมานะ” ผมดึงตัวมันออกห่างๆ เขาโป๊อยู่นะ ! ให้ตาย
“โอย ผอมอย่างกับหนังหุ้มกระดูก กูมองแล้วไม่เกิดอารมณ์หรอกครับ ถอยไป กูจะช่วยเขาเนี่ย” ริวทาโร่ผลักหัวผม ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด เมื่อเจ้าแมวเองก็พุ่งเข้ามาจะดึงพวกเราออก แต่เขาตัวเล็กพอๆกับริวทาโร่ ดีดนิ้วที่เดียวก็ปลิวออกไปนอกบ้านแล้ว
“อือ” เสียงครางเบาๆดังออกมาจากร่างผอมบาง ผมรีบตรงไปหา แตะตัวเขาเบาๆ เขาสะดุ้งแล้วลืมตามามองผม เขาไม่ได้ใส่แว่นอยู่
“ฮิโรโตะ?” ร่างเล็กพูดเสียงแหบแห้ง ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วขยับมากอดผม กอดแน่นสุดๆเลย ตัวเขาสั่นเล็กน้อย เหมือนพยายามควบคุมตัวเองอยู่ อุณหภูมิเขาปกติดีแล้ว ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก รวบตัวเขามากอดตอบ กวาดตามองหาเสื้อผ้าเขาไปด้วย เจอเสื้อผ้าที่พับอยู่ปลายเตียงเข้าพอดี ก็รีบเอามาใส่ให้เขา ไคริเพิ่งรู้ตัวว่าเขาไม่ได้ใส่อะไรเลย
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เขาพูดด้วยเสียงแหบๆ คงเพราะขาดน้ำ
“ฉันว่านายควรจะบอกความจริงเขาทั้งหมดนะ”ริวทาโร่แนะนำ
“ความจริงอะ… มิ้น? นั่นมิ้นใช่ไหม” เขากำลังจะถามแต่ก็ชะงักไป เมื่อเห็นเจ้าแมวนั่นกว่าเข้ามาในบ้านอย่างทุลักทุเล ผมคงซัดเขาแรงไปหน่อยเมื่อกี้
“อือ.. ขอโทษนะ ไม่เคยบอกนายเลย” มันเดินผ่านตัวไปนั่งข้างๆไคริที่ใส่แค่เสื้อตัวเดียวอยู่ตอนนี้ เจ้าตัวพอมีเรื่องมาให้สงสัยไอ้กางเกงที่อยู่ในมือก็ถือค้างไว้ ลืมใส่เลยนะ ผมทนมองไม่ไหวต้องเข้าไปจับกางเกงยัดใส่ขาให้เขา ไม่รู้สิ ไม่ชอบให้ริวทาโร่มันมองแล้วทำหน้าตาหื่นๆอย่างนั้น ถึงจะรู้ว่ามันแกล้งผมเล่นก็เถอะ
“แต่.. เธอไม่ใช่ผู้หญิงหรอกเหรอ ?” ไคริยังคงถามต่อหลังจากผมใส่กางเกงให้เสร็จ ไม่คิดจะเขินผมเลยแม้แต่น้อย
ผมจำได้แล้ว !! ผู้หญิงที่อยู่กับไคริในวันที่ผมไปช่วยเขาจากปีศาจแมงมุม ผมหันไปมองเจ้าแมวนั่นอีกครั้ง โครงหน้าเหมือนเดิม แต่รูปร่างต่างออกไป ทรวดทรงของผู้หญิงไม่เหลือเลย เขาเป็นแค่เด็กหนุ่มหน้าหวานคนหนึ่ง แต่ไม่เท่าริวทาโร่แน่ หมอนี้มันแอ๊บแบ๊วบอกได้คำเดียว
“ไม่ใช่ ไม่เคยใช่ เราถูกส่งมาให้ดูแลนาย เอ่อ แล้วก็ร่างผู้หญิงหาปีศาจได้ง่ายกว่า …” มันพูดเสียงอ่อย
ผมเข้าใจแล้ว อันที่จริงเจ้าปีศาจแมงมุมนั่นจะต้องโดนมันจัดการ แต่ไคริและผมดันโผล่เข้าไปยุ่งก่อน เขาเลยเลือกจะทำเป็นหญิงสาวหวาดกลัว แนบเนียนจริงๆ ขนาดผมที่เป็นปีศาจด้วยกันยังไม่รู้เลย
“งั้นนายต้องเล่าเรื่องทั้งหมดแล้วล่ะ” ผมกอดอกพูดกับเจ้าแมวนั่น
“…หลอกเรามาตลอดเลยเหรอ” ไคริกลับไม่สนใจความจริงนั้นแล้ว แววตาของเขาสั่นไหว ผมเงียบ รอดูสถานการณ์ก่อน ในขณะที่ริวทาโร่ยกยิ้ม หันมาเลิกคิ้วให้ผมอีก ท่าทางอย่างกับชมละครอย่างสนุกสนานงั้นแหละ
“หลอกแค่ว่าเป็นผู้หญิงเท่านั้นแหละ เอ้อ แล้วเราก็เกิดที่นี่ด้วย ไม่ใช่ที่ไทยหรอก ขอโทษนะไคริ อย่าโกรธเราเลยนะ แต่เราถูกห้ามไม่ให้บอกจริงๆ”
“จะไม่โกรธก็ได้ ถ้าบอกเรื่องทั้งหมด” เขาเงียบไปนาน กว่าจะพูดขึ้น
“..ตะแต่ว่า นายไม่รู้น่าจะมีความสุขกว่า”
“อยู่กันมาหลายปี ยังไม่รู้อีกเหรอ ที่ฉันเกลียดที่สุด ก็คือความไม่รู้ !” ไคริขึ้นเสียงหน่อยๆ ดูท่าเขาจะโกรธเพื่อนเขาจริงๆ แต่แล้วเขาก็ไอนิดหน่อย แต่ตัวบางๆอย่างนั้น ไอทีเหมือนกระดูกจะหัก
“ได้ .. เล่าก็ได้” เจ้าแมวถอนหายใจเฮือก เหลือบมองพวกผมนิดหน่อยแล้วตัดสินใจเอ่ยความจริงออกมา
จริงดังที่พ่อผมและริวทาโร่บอก ไคริจังเป็นลูกของตระกูลชิมิซึซึ่งสืบเชื้อสายปีศาจมาเต็มๆ และแม่ของเขาก็เป็นปีศาจเช่นกัน เพราะว่าเขาเป็นปีศาจที่กินดวงวิญญาณของปีศาจด้วยกัน ทำให้เขาดูดกลืนพลังของแม่ไปจนหมด และไม่กี่เดือนต่อจากนั้นก็พ่อของเขาด้วย แต่ยังมีปีศาจอีกหลายตนที่พยายามวนเวียนจะมากินเขา ก่อนตายพ่อของเขามีบุญคุณกับเจ้าแมวนี่ จึงขอร้องให้เขาพาเด็กหนีพร้อมกับแม่บ้านสาวชาวไทยซึ่งที่จริงแล้วเป็นแม่ของเจ้าแมวต่างหาก ในช่วงที่เขายังเด็ก เจ้าแมวก็แปลงร่างเป็นคนโน้นทีคนนี้ที เพื่อเป็นเพื่อนกับไคริในแต่ล่ะช่วงวัย เพื่อนเขาทั้งหมดตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้น คือเจ้าแมวนี่ทั้งหมด
“หมายความว่าผมต้องกินปีศาจ?” ไคริพึมพำ เห็นเขาเหลือบมองผม ก่อนจะหลบสายตาไป หมายความว่ายังไงหน่ะ
“อืม จะบอกว่าต้องก็ได้ จริงๆแล้วสักเดือนครั้งก็พอไหว เพราะไคริจังกินแค่นั้นมาตลอด ร่างกายเลยอ่อนแอ”เจ้าแมวพูดเสียงแผ่ว ไคริดูสับสนมาก เขาขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก ดูน้ำตาคลอๆอีกต่างหาก
“สักวันหนึ่งฉันอาจจะกินนายก็ได้ งั้นใช่ไหม ?” เขาพูดกับเจ้าแมว แล้วหันมาสบตาผม ผมรีบเดินเข้าไปหาเขา ตบแก้มที่เริ่มจะตอบของเขาเบาๆ
“มันไม่ขนาดนั้นหรอก” ผมพยายามปลอบ แต่ก็ปลอบได้แค่นั้น
“ทำเป็นซึมนะ ตัวฉันเองก็กินคน แต่ถ้าเราเป็นระดับสูง ควบคุมตัวเองได้ จะไม่กินไปทั้งชีวิตก็โอเค แค่จะมีอายุขัยเหมือนมนุษย์ทั่วๆไป”ริวทาโร่เริ่มเปิดปากพูด จะไปนับอะไรกับมันไม่ได้หรอก มังกรไม่ได้เป็นปีศาจที่กินคนอยู่แล้ว เขาแค่มีความสามารถที่จะทำ แต่ไม่มีความจำเป็นจะต้องทำ
เอ๊ะ จะว่าไปแล้ว ผมมีเพื่อนเป็นยักษ์กินคน และมันก็อยู่ได้ถึงจะไม่ได้กินนี่นา ผมหันไปมองหน้าไคริจังที่ดูหงอยๆไป
“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะพาไปหาใครบางคน เขาช่วยได้แน่” ผมยิ้มกว้างแล้วลูบหัวเขาน้อยๆ ถึงเขาจะอายุมากกว่า แต่ตอนนี้เหมือนเด็กหลงทางไปเลย เขาคงไม่รู้ตัวว่าเขากำลังขยับเข้ามาใกล้ผม เหมือนอยากได้หลักพึ่งพิง เจ้าแมวหรี่ตามองผมเหมือนไม่ไว้ใจ พลางมองไปทางไคริจัง
“ไม่โกรธเรานะ” มันทำหน้าอ้อนให้ไคริ เห็นแล้วรู้สึกตงิดๆ
“ไม่รู้สิ ขอเวลาหน่อยได้ไหม ตอนนี้อย่าเพิ่งคุยกันเลยนะ” ไคริตอบกลับไปอย่างนิ่มนวล แต่ยื่นมือมาจับแขนผมไว้
“งั้นขอตัวก่อนนะ ริวทาโร่ขอบใจมาก” ผมรีบขอตัวเมื่อรับรู้ได้ว่าไคริอยากให้ผมพาออกไปจากที่นี่ ผมพาเขาออกมาด้านนอก กางปีกแล้วบินขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ว่างเปล่า พอพ้นจากคนอื่นมา เขาก็ร้องไห้ทันที ไคริซุกตัวเข้าหาผม เกาะผมเอาไว้แน่น ไม่มองไปรอบๆเหมือนที่เขาชอบทำ
“ผมไม่รู้แล้ว ว่าตอนนี้ผมเป็นอะไรกันแน่” เขาสะอื้นแผ่ว ผมพูดอะไรไม่ถูก รู้ว่าคำปลอบใดๆก็คงช่วยเหลือเขาไม่ได้ ไม่มีอะไรในชีวิตที่ผ่านมาของเขาที่เป็นเรื่องจริง เขาโดนหลอกมาตลอด ผมเดาความเจ็บปวดนั้นไม่ออกหรอก
ผมพาเขาบินขึ้นไปยังภูเขาแถวชานเมือง นั่งลงมองท้องฟ้าที่ดำสนิทกับแสงดาวริบหรี่ อันที่จริงมีแค่ผมคนเดียวที่มอง ไคริยังคงร้องไห้อยู่กับอกผม ไม่ได้คร่ำครวญอะไร ดูเหมือนเขาจะร้องไห้และสะอื้นไปเรื่อยๆเหมือนเด็กเล็กๆ ปวดใจแปลกๆ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าผมเป็นอะไรอยู่ ได้แต่ลูบหลังเขาไปมา เขาดูเปราะบางเกินกว่าจะจินตนาการได้ ว่าเขากินปีศาจอย่างพวกผม
“ไม่ต้องกังวล ไคริจัง ผมจะคอยช่วยอยู่ตรงนี้นะ”
อะไรสักอย่างดลใจให้ผมพูดออกไป เขาชะงักแล้วมองหน้าผม ผมยิ้มให้เขา ไคริไม่ได้ยิ้มตอบ แต่ขยับตัวเข้าหา เขาหยุดร้องไห้แล้ว
“ขออยู่อย่างนี้สักพักนะ” ไคริเอ่ยเสียงแผ่ว เรานิ่งเงียบอยู่เป็นนาน
ได้ยินเสียงหัวใจของตัวผมเองที่ดูเหมือนจะเต้นดังกว่าทุกที
------------------------------------------------------------------------------------------
つづく
ไคริจังไม่ใช่แค่องเมียวธรรมดา ยังมีความลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนอยู่ หึหึ
จริงๆเรื่องนี้ไม่มีคนธรรมดาเลย นอกจากคุณแม่ของฮิโรโตะจริงๆค่ะ ฮาา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำไมชั้นชอบความเป็นกันเองของกรุ๊ปนี้555555
เพื่อนทั้งหมด คืนคนๆ เดียว เฮ้อ!!
แล้วแมวเหมียวนั่นคือ...!? 0.0 // บิ๊กอายยยยย ห่วงแบบนี้ หวงแบบนี้ หลงรักเค้าแล้วล่ะซี่~
ปล. เห็นพี่ฮั่นนี่ไม่อัพลงเฟส เลยเข้ามาส่องเป็นระยะๆ ดีใจจังคราวนี้เปิดมาเจอเลย 5555