ตอนที่ 50 : ภาค 2 ตอนที่ 22
22
หงุดหงิด .. ไอ้ชูจิมันเจ้าชู้ มือไว หื่นกามจะตายชัก แต่ลูกไก่ของผมก็ยืนยันว่าจะทำตามสัญญา ไอ้ชูจิมันก็ยิ้มร่าเลยสิ ตอนนี้นาโอยูกิไปที่โรงเรียนเพื่อติดต่อว่าจะกลับไปทำงาน กว่าจะกล่อมให้อินุงามิยอมอยู่ที่นี่โดยไม่ตามไปได้ก็ใช้เวลานานพอควร ตอนนี้ไอ้ชูจินั่งเช็คสภาพของลูกหมาที่โตเกินวัย มันพึมพำท่องบทสวดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแล้วลองให้คุโร่แปลงร่างกลับ ตอนนี้คุโร่แปลงเป็นหมาตัวเล็กๆ อารมณ์ลูกหมาได้ แปลงเป็นลูกหมาตัวใหญ่ได้ และก็แปลงเป็นเด็กอายุตรงกับอายุจริงเขาได้แล้วด้วย ความหมั่นไส้ของผมที่มีต่อมันเลยน้อยลง เมื่อมันกลายเป็นเด็กตัวเปี๊ยก ทำหน้าโง่ๆซื่อๆแบบเดิม
“นายท่านครับ มนตร์ที่ขังเธอไว้จะหมดแล้วนะครับ” ลูกน้องตนหนึ่งเข้ามากระซิบกับผม ตายล่ะ มัวแต่อ้อนเมีย ลืมไปเลยว่าจับยัยเจ๊มาขังไว้
“ขังอะไร นายแอบขังกิ๊กไว้เหรอ” ไอ้ชูจิหันควับมาตามประสาจิ้งจอกที่หูดี
“เปล่า ยัยเจ๊เจ้านายของไอ้หมาที่แกจับอยู่นั่นไง” ผมบอกแบบไม่ใส่ใจ แล้วเดินออกไปตามทางเพื่อไปยังสถานที่ที่ขังเธอไว้ ผมไม่ได้บอกนาโอยูกิ กะว่าจัดการทีเดียวเลยไม่ต้องให้เขารู้ดีกว่า
“ผมไปด้วย” คุโร่เดินมาแล้วก็คว้าๆมือผมไว้ เอ่อ.. เหมือนพ่อเดินจูงลูกชายยังไงไม่รู้ ดูมันขาดความอบอุ่นนะครับ
ผมมาทันตอนที่มนตร์คลายพอดี เธอพ้นจากสภาพแช่แข็งที่ผมสาปไว้พลันเธอจ้องมาทางผมอย่างโกรธเคือง แล้วรีบท่องมนตร์หวังว่าจะทำร้ายผม แต่ว่าฝันไปเถอะครับ ตอนนี้พลังผมเต็มร้อย เกินร้อยเสียด้วยเมื่อผมได้รับอาหารดีๆไปเสียจุใจ พลังงานผมเต็มเปี่ยม ผมท่องมนตร์กลับนิดเดียว มนตร์ที่เธอตั้งใจทำร้ายผม มันก็ใช้ไม่ได้ผล ส่วนคุโร่เลิกทำหน้าบื้อแล้วแปลงร่างกลับเป็นอินุงามิร่างสมบูรณ์ที่สูงใหญ่กว่าสุนัขปกติหลายเท่า
“นะนั่นมัน อินุงามิของฉันนี่ !” เธอหันไปมองคุโร่อย่างโมโห
“ถึงเวลาชำระแค้นแล้ว นายบันทึกภาพนี้ไว้ ส่วนนายไปเรียกคัตสึโทชิมา” ผมเรียกเด็กๆที่รายล้อมให้ไปทำหน้าที่ แต่ก็ยังเหลือจิ้งจอกอีกมากที่ล้อมเธอเอาไว้ ผมไม่รีบร้อน เพราะว่ายังไงเธอก็หนีไม่รอด เดิมทีได้แต่หลบอยู่หลังสัตว์เทพอย่างเจ้าหมาน้ำลายยืดข้างตัวผม ผมใช้มนตร์ถนัดเกือบทุกอย่างก็จริง แต่เรื่องวิญญาณผมไม่ค่อยเชี่ยวชาญ ดังนั้นผมจึงให้คนไปตามเจ้ายักษ์นั่นมาช่วยอะไรนิดๆหน่อยๆ
“อึก” ดูเหมือนมนตร์ระหว่างเจ้านายและลูกน้องยังมีผลเล็กน้อย เมื่อเธอร่ายมนตร์แรงๆเพื่อเรียกสัตว์เทพของเธอคืน คุโร่มีท่าทีเจ็บปวด แต่ไม่มากนัก
“ไม่ต้องกลัวคุโร่ ถ้ายัยเจ๊นี่ตาย พันธะทุกอย่างจะจบ”
“ไม่นะ ! นายเป็นสุนัขของฉัน ฉันเป็นเจ้าของนาย ฉันเลี้ยงนายมา นายจะแว้งกัดฉันไม่ได้นะ !” ยัยเจ๊หน้าซีดเมื่อได้ยินผมพูด แต่ผมรำคาญจะฟังเสียงเธอ จึงสาปให้เสียงหายไปซะ แล้วเธอก็ใช้มนตร์ไม่ได้ด้วยหากไม่มีเสียง
“ไม่เคยมีวินาทีไหนที่คุณเลี้ยงผม และตอนนี้คุณก็ไม่ใช่เจ้านายของผมอีกต่อไปแล้ว จำไม่ได้เลยหรือไงว่าเคยทำอะไรเอาไว้บ้าง” เสียงที่กดต่ำแสดงถึงความโกรธแค้นของสุนัขข้างตัวผม เขาหลุดพ้นออกจากมนตร์กักขังของเธอ และถึงคราวเรียกอิสรภาพให้กับตัวเอง
“ยัยนี่เคยทำร้ายนายยังไง นายจัดการเธอได้เลย อ้อ จัดการขาทั้งสองข้างของมันด้วย เหมือนอย่างที่มันเคยสั่งให้นายทำกับนาโอยูกิ” ผมพูดนิ่งๆ ไม่มีแม้แต่ความสงสารให้ผู้หญิงตรงหน้า เมื่อผมได้ยินความคิดเธอทุกอย่าง และมันไม่มีเสี้ยวไหนเลยที่ดี จิตใจที่มืดบอดและต่ำช้า ถ้าผมปล่อยเธอไป ไม่ว่ายังไงเธอก็กลับมาทำร้ายนาโอยูกิแน่ๆ เล่นแค้นเสียขนาดนี้ ในสมองของเธอมีแต่การแก้แค้นที่จะไปลงกับลูกไก่ของผม และนั่นยิ่งทำให้ผมไม่เหลือความเห็นใจใดๆ
แต่ดูเหมือนเธอเองก็มีวิชา เล่นงัดเอาชิคิงามิแล้วเรียกสัตว์เทพออกมาโดยไม่ต้องร่ายมนตร์ แถมมาทีเดียวสามตัว เลยเกิดการตะลุมบอนระหว่างสัตว์เทพกับอินุงามิเล็กน้อย ผมไม่ค่อยเป็นห่วงเพราะต่อให้ปล่อยออกมากี่ตัวก็สู้อินุงามิและบรรดาลูกน้องของผมไม่ได้อยู่แล้ว
ผมถอยออกมา ที่จริงผมไม่ได้นิยมชมชอบความรุนแรง แต่ไอ้ลูกหมานี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ เมื่อมันไม่มีท่าทีใสซื่ออะไรอีก แต่ตรงเข้าฉีกทึ้งขาสองข้างของหญิงสาวหลังจากจัดการสัตว์เทพพวกนั้นไปได้หมด เธอดิ้นหนีทุรนทุรายและพยายามร่ายมนตร์ใส่สุนัขที่เคยเป็นของเธอ ฟันแหลมคมที่มีพลังทำลายล้างสูงนั่นทำให้ผมกลืนน้ำลาย ยิ่งเธอทำให้คุโร่เจ็บปวดมากเท่าไหร่ เจ้าหมายิ่งกัดเธอแรงขึ้นเท่านั้น เล็บของคุโร่ยาวและแหลมคมมากพอๆกับฟัน มันใช้กดตัวเธอไม่ให้ดิ้นหนี ดีนะที่มันไม่คิดจะมาขบหัวผมจริงๆตอนที่เราแง่งๆใส่กัน ไม่งั้นผมได้เหวอะกันไปข้างแน่ ผมปล่อยให้คุโร่ละเลงจนสาแก่ใจ และเป็นจังหวะที่คัตสึโทชิมาพอดี ไอ้นี่จะว่าไปใครขอให้ช่วยมันก็ช่วยตลอดเลยแหะ
“นายเอาวิญญาณเจ๊นี่ไปขังให้ทีได้ไหม หรือถ้าอยากจะกินวันใดวันหนึ่งก็ตามใจนาย แต่ขอขังไว้เฉยๆสักปี ให้ยัยเจ๊มันคลั่ง” ผมหันไปพูดกับไอ้ยักษ์ ตัวมันก็สูงโคตร ขนาดผมว่าสูงมากแล้วนะ
“ได้ จัดการเลยไหม” คัตสึโทชิตอบรับง่ายๆอย่างนั้นเอง
“เดี๋ยว ขอสักหน่อย” ผมเดินไปปรามคุโร่ อันที่จริงเธออยู่ในสภาพที่ผมไม่อยากชายตามองเลย เลือดงี้กระเด็นเต็มตัว แต่ผมก้มหน้าลงไปหาเธอที่กลัวจนช็อคตาลอยไปแล้วมั้ง พอผมแตะเข้าที่หน้าก็สะดุ้ง
“ได้โปรดๆ อย่าฆ่าฉัน อย่า เรียวเมย์” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น
“แล้วตอนจะฆ่าคนอื่นทำไมไม่คิด” ผมตอบกลับเธอไปแค่นั้น แล้วลากเล็บยาวๆลงไปบนหน้าเธอเหมือนอย่างที่เธอเคยทำกับคนของผม
ผมไม่ได้ใจร้ายอะไรมากมายนัก ผมทำแค่ในสิ่งที่เธอทำและไม่ทำมากไปกว่านั้น ผมถอยออกมา สภาพเธอแทบดูไม่ได้ สงสัยว่าก่อนหน้านี้เธอคงจะกระทำกับอินุงามิไว้เยอะ เขาถึงเล่นซะไม่เหลือความปรานี คุโร่ยังคงจัดการต่อไปจนผมชักสยอง ส่วนไอ้ยักษ์ก็ยืนหน้าตายเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรกับภาพน่ากลัวเบื้องหน้า มีหัวจิตหัวใจบ้างไหมเนี่ย พอเจ้ายักษ์ขยับตัวหลังจากที่ยืนกอดอกนิ่งอยู่นาน ผมก็เลยเผลอสะดุ้ง มันหันมามองหน้าผม
“เธอใกล้ตายแล้ว ดึงวิญญาณออกมาเลยแล้วกัน”
“อือ” ผมตอบรับ แล้วเจ้ายักษ์ก็เขาไปปรามคุโร่ ก่อนจะท่องอะไรพึมพำ ดึงวิญญาณยัยเจ๊ออกมาขังไว้ในลูกแก้ว
มันก็เหมือนกับจับนักโทษขังคุก แต่เลวร้ายกว่าตรงที่พวกเขาส่งเสียงออกมาไม่ได้ ไม่มีคนให้คุยด้วย มองเห็นทุกอย่างด้านนอกแต่ไม่อาจมีส่วนร่วม ไม่ได้กิน และไม่ได้นอนเนื่องจากเป็นร่างวิญญาณ ความทรมานที่เธอสมควรได้รับ หลังจากทำเรื่องเลวร้ายต่อนาโอยูกิและอินุงามิ ผมหันไปตบบ่าคัตสึโทชิเป็นการขอบคุณ เขาไม่ได้โต้ตอบอะไร เพียงแต่เก็บลูกแก้วไว้อย่างมิดชิด
“ถ้าลูกแก้วแตก เธอจะออกมาได้ไหม” ผมกังวลเล็กน้อย
“ไม่ การที่ฉันดึงวิญญาณออกมาก่อนที่เธอจะตายทำให้เธอไม่เป็นอิสระ และขึ้นตรงต่อมนตร์ของฉัน เหมือนอย่างที่อินุงามิขึ้นตรงต่อมนตร์ของเธอ และลูกแก้วของฉันทุกลูกมีมนตร์กำกับไว้ว่า หากมันถูกทำลาย วิญญาณข้างในก็จะถูกทำลายด้วย ไม่ต้องห่วง” เขาอธิบายด้วยท่าทีจริงจัง
“มนตร์ของยักษ์สินะ” ผมไม่เข้าใจมนตร์ของเผ่าอื่นนักหรอก
“งั้นฉันไปล่ะ” เขาทำท่าจะเดินออกจากเรือนที่เต็มไปด้วยกลิ่นเลือดนี่
“นาย .. ถามอะไรหน่อย ใครเรียกให้ช่วยนายก็ไปงั้นเหรอ” ผมอดไม่ได้ที่จะพูดมันหลายครั้งแล้วที่ผมเรียกเขา และเขามาช่วยจากนั้นก็กลับ เราไม่ได้สนิทกันเสียด้วยซ้ำ และมีผมฝ่ายเดียวที่ได้ผลประโยชน์ตลอด
“ก็คงอย่างนั้น”
“แล้วชิมิซึล่ะ นายจัดการหมดแล้วรึเปล่า” ผมยังคงถามต่อ
“คิดว่าหมด แต่เดี๋ยวจะหายไปสักเดือน จะเคลียร์ให้เรียบร้อย หึ นี่ไม่ใช่เพราะมีใครขอร้อง แต่เพราะชิมิซึก็ทำกับครอบครัวฉันไว้ไม่ใช่น้อย นี่เป็นการแก้แค้นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น” คัตสึโทชิขยายความเมื่อเห็นผมทำหน้าเบ้ ผมอึ้งหน่อยๆ ผมรู้แน่ว่ายักษ์อ่านใจปีศาจหรือคนไม่ได้ แต่มันรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
“นายคงไม่คิดทำอะไรนาโอะจังกับไคริหรอกใช่ไหม” ผมถามอย่างเสียวๆ ในเมื่อเจ้ายักษ์นี่นิ่งจนอ่านไม่ออก ไม่รู้ว่าคิดอะไรในหัวกันแน่
“ฉันแยกแยะได้ ไปล่ะ มีงานต้องทำอีกเยอะ”
“วันๆนายคิดอะไรบ้างไหมเนี่ย” ผมได้แต่พึมพำ เมื่อมันเดินจากผมไปหน้าตาเฉย ผมจะบันทึกไว้เลยว่ายักษ์เป็นปีศาจที่เข้าใจยากสุดๆ
“โห ดุเดือดเลือดสาด ไอ้หมาน้อยนี่น่ากลัวกว่าที่คิดเยอะเลย แต่ก็อย่างว่า เป็นถึงสัตว์เทพที่องเมียวทุกคนอยากมีในครอบครองนี่” ชูจิโผล่หน้ามามองในห้อง มันคงวนเวียนอยู่แถวนี้ตั้งแต่ที่ผมเริ่มลงโทษเธอ คุโร่แปลงร่างกลับเป็นเด็ก แต่เลือดยังติดหน้าอยู่เลย ผมเรียกไอให้พาเขาไปอาบน้ำ
“ชูจิ ว่าแต่นายเปลี่ยนหน้าเจ้าเด็กนั่นให้เป็นอย่างที่เขาควรจะเป็นได้ไหม”
“หือ ให้หน้าไม่เหมือนนายหน่ะเหรอ คงต้องรอนาโอะจังมาทำนะ เขาเป็นคนทำให้อินุงามิกลายร่าง จะทำให้กลายร่างอีกรอบก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร” ชูจิยักไหล่ คือมันค่อนข้างกวนใจที่เห็นคนหน้าตาเหมือนตัวเองนะ
ผมก็เลยอยู่ที่ศาลทำงานโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อยรอลูกไก่น้อยกลับมา นี่ไปคุยกับผู้อำนวยการหรือไปทำงานเลยเนี่ย ไปตั้งแต่เช้าบ่ายกว่าแล้วก็ยังไม่กลับ ผมชักหงุดหงิด เพิ่งรู้ว่าตัวเองป็นคนติดเมียก็วันนี้ แต่ก่อนถึงนาโอยูกิไปทำงานจันทร์ถึงศุกร์ผมก็ไม่เคยคิดถึงอะไร แต่ตอนนี้โคตรคิดถึงเลย อยากจับล่ามโซ่เอาไว้ไม่ให้เขาต้องเดินออกไปไหน จะนั่งฟัดแก้มหอมๆ กอดตัวนิ่มๆ จูบปากแดงๆน่ารักนั่นทั้งวันทั้งคืนเลย ! ฮึ่ย คิดแล้วซู่ซ่ายังไงชอบกล
“ทำหน้าหื่น” ชูจิโบกหัวผมเบาๆ ไอ้นี่ก็ไม่ไปไหน มานั่งๆนอนๆรอเมียผม
“อยากเดทกับเมียกูจริงอ่ะ” ผมเลิกใช้คำสุภาพกับมัน ด้วยความหมั่นไส้อย่างยิ่งเมื่อเห็นมันยักคิ้วกวนเบื้องล่างมาให้
“ใครจะไม่อยาก มาเจออีกทีน่ากินกว่าเดิมอีก มึงทำอะไรน้องเขา วันนี้ดูเปล่งปลั่ง ผิวใสน่าลวนลามมาก เอวงี้ขนาดอยู่ใต้เสื้อผ้ายังดูออกเลยว่าน่าให้มาโยกบนตัวขนาดไหน โอ๊ย เจ็บ” ผมไม่ปล่อยให้มันทำหน้าหื่นคิดถึงลูกไก่ของผมแบบนั้นหรอก ผมฟาดหางเข้าหน้ามันเต็มๆ แบบไม่ยั้งแรงเลยด้วย
“หน้าเป็นรอยไหมเนี่ย จะหวงไปไหนวะ แต่กลิ่นดีมากเลยนะ โอ๊ยๆ ไม่พูดแล้ว หยุดฟาดกู” มันร้องโอดโอยเมื่อผมเอาทั้งเก้าหางฟาดหน้ามันลงไปรัวๆ
“มึงแค่จะแกล้งกูล่ะสิ พอเหอะ คนนี้กูรักจริงนะ”
“ก็รู้ แต่กูก็อยากสนุกบ้างนี่หว่า ไม่ได้จะจับเมียมึงกินหรอกน่า หรือว่ามึงจะยกหลานมึงให้แทน กูรออยู่” มันพูดพลางปรายตาไปที่ไอที่เนื้อตัวเปียกปอนไปหมดหลังจากพาคุโร่ไปอาบน้ำ ไอ้หมาโง่มันสะบัดขนจนน้ำกระเด็นมาโดนพวกเราด้วย ตอนนี้มันอยู่สภาพลูกหมา น่ารักน่าเตะมาก
“สิบขวบไอ้เวร” ผมด่ามันให้ หื่นไม่ดูอายุเด็กเลย
“กูชอบเด็กๆ” มันลอยหน้าลอยตาตอบ แต่ผมรู้ว่ามันไม่ได้จริงจังอะไร
ข้อเสนอทั้งหมดที่มันยื่นให้ เพียงเพื่อให้ผมไม่สบายใจเท่านั้น ไม่ว่าคนไหนผมก็ให้มันไม่ได้ คนนึงก็เมียคนหนึ่งก็รักเหมือนลูก แต่กับนาโอะจังยังไงก็แค่เดท ผมต้องอดทนแค่สามวัน คงจะไม่เป็นอะไรมาก ฉับพลันผมหันไปมองหน้าคุโร่
“ไอ้หมานี่ไง เด็กเหมือนกัน เอาไหม แต่กูยกให้ไม่ได้นะ ไปถามเจ้าตัวเอง” ผมยิ้มแสยะ ส่วนคุโร่ยังทำหน้าหมางงเหมือนเดิม
“ถุยเหอะ ตัวอย่างกับควาย กูชอบแบบน่ารักๆ” ชูจิทำหน้าเบ้ แล้วหันไปทำหน้าม่อใส่หลานผมอีก ต่อหน้าต่อตาเลยนะครับ ผมถอนหายใจ ยังดีที่ไอเป็นเด็กฉลาด เขาไม่ค่อยยอมตอบอะไรที่ไอ้ชูจิเข้าไปยุ่งด้วยมากนัก
“กลับมาแล้วครับ” เสียงใสดึงความสนใจของทุกคน คุโร่วิ่งหน้าตั้งออกไปหานาโอยูกิ ชูจิก็วิ่งพรวดออกไปเสนอหน้า ส่วนไอเป็นเด็กเจียมตัว เขาคิดเสมอว่าตัวเองเป็นลูกน้องคนหนึ่งของผม เขาจึงแค่เอาผ้ามาเช็ดพื้นที่เปียกจากการสะบัดของไอ้หมาหน้ามึน ผมยิ้มน้อยๆให้หลานชายแล้วอุ้มเขาขึ้นมา .. ตัวโตขึ้นเยอะเลยแหะ เขาทำหน้างงๆ ผมเองก็รู้สึกผิดที่ไม่ค่อยให้ความรักกับหลานเท่าที่ควร เขายังเด็กมาก แต่ผมไม่ค่อยได้กอดหรือให้เขาได้เล่นโน่นเล่นนี่อย่างเด็กๆเลย
“ไปหานาโอะจังกัน พื้นนี่เดี๋ยวฉันเช็ดเอง”
“แต่ว่า” เขาดูลำบากใจ ผมเลยเดินออกไปแล้วส่งไอให้นาโอะจังที่มือว่างพอดี เพราะชูจิอาสาถือกระเป๋าไปเก็บให้
“กอดลูกหน่อย ลูกคิดถึง” ผมยิ้มเผล่ นาโอะจังหน้าแดงแจ๋เมื่อผมหยอก แต่ก็ยอมอุ้มไอไปกอดแต่โดยดี คุโร่ทำหูตั้งแล้วตะกายขาของนาโอะจังอีกตัว เขายังไม่แปลงร่างกลับ ลูกไก่ของผมจึงอุ้มทั้งคู่ได้สบายๆ
“แล้วคุณไม่คิดถึงผมเหรอ” เขาเงยหน้ามาแล้วยิ้มหวานให้
ร้ายมาก เดี๋ยวนี้ร้าย ทำหน้าอ้อนใส่ผม ผมเลยชะโงกหน้าเข้าไปจูบปากช่างอ้อนนั่นซะ ร่างเล็กตกใจจนสะดุ้งแล้วถอยหนี แต่ไม่พ้นมือผมหรอก ผมรวบตัวเขาเข้ามา จับคางให้เอียงรับจูบของผม ในขณะที่เจ้าหมากับไอยังอยู่ในอ้อมกอด ผมค่อยๆอุ้มไอกับเจ้าหมานั่นเสียเองเพราะนาโอยูกิโดนผมจูบลงเริ่มหมดเรี่ยวแรง ผมขบริมฝีปากเขาเบาๆอย่างมันเขี้ยว สอดลิ้นเข้าตักตวงความหอมหวานด้านใน ผมผละออกเมื่อจูบจนเขาเข่าอ่อนลงไปนั่งที่พื้น หน้า คอ หูแดงก่ำไปหมด
“รู้รึยังว่าคิดถึงไหม” ผมพูดแล้วหันไปยักคิ้วใส่ชูจิที่ยืนอึ้งอยู่
“เลวมาก จูบโชว์กูเลย” มันบ่น
“ให้มึงรู้ว่าของใคร” ผมพูดแล้ววางเด็กๆลงบนพื้น ไอยืนนิ่งด้วยความเขินจัด ส่วนคุโร่ที่ไม่รู้เรื่องอะไรแปลงร่างเป็นพ่อหนุ่มตัวโตเข้าไปหานาโอยูกิที่นั่งก้มหน้าอยู่บนพื้น ดูจะเขินจัดจริงๆ แต่แล้วพอคุโร่แลบลิ้นเลียปากลูกไก่ของผมเข้าให้ ผมนี่สะดุ้งแล้วคว้าคอมันออกมาอย่างไว
“ทำอะไรเนี่ย !” ผมดุมัน คุโร่หูลู่อย่างตกใจก่อนจะตอบผม
“ก็ เขาเจ็บปาก ปากบวมเลย ผมเลยช่วยรักษา” เขาทำหน้าโง่ใส่ผม
“ห้ามเลียคนอื่นมั่วซั่วเข้าใจไหม โดยเฉพาะที่หน้า ห้าม! ไม่สิ ห้ามเลียทุกส่วนของนาโอะจัง” ผมรีบสั่งห้ามก่อนที่เจ้าหมานี่จะโง่ไปกันใหญ่ ส่วนชูจิขำจนน้ำตาไหลที่เห็นท่าทางโมโหของผม
“แต่น้ำลายผมรักษาแผลนะ” เขาเถียง
“นาโอะจังรักษาตัวเองได้ เพราะงั้นไม่ต้อง” ผมพูดอย่างจริงจัง แปลกใจที่มันกลัวผมด้วย เวลาผมดุหูมันจะลู่แล้วหลับตาปี๋เหมือนเด็กๆ
“แต่เลียคนอื่นได้เหรอ ไอจังล่ะ”
“โอ๊ย” ผมร้องอย่างปวดหัว นาโอยูกิเริ่มหัวเราะออกมาได้บ้างแล้ว หลังจากนิ่งไปเพราะโดนเลียปาก ชูจิดูท่าจะชอบใจมากมันหัวเราะดังลั่นแล้วขยี้หัวคุโร่ที่มองทุกคนสลับไปมาอย่างมึนๆ ลูกไก่น้อยของผมค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วเข้าไปหยิกแก้มคุโร่ ไม่ต้องทำสีหน้าเอ็นดูให้มันนักก็ได้ เพิ่งจะโดนลวนลามที่ปากไม่ใช่หรือไง ผมพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด แล้วเข้าไปล็อคเอวเมียตัวเองไว้
“ทีหลังนายก็ถามก่อนแล้วกันว่าทำได้ไหม อย่าเลียมั่วๆ โอเค๊?” ผมดุ
“ครับพ่อ” มันตอบกลับมาแล้วยิ้มแป้นแล้น
“ฮ่าๆ มึงมีลูกตัวโตขนาดนี้เลยเหรอเรียวเมย์” ชูจิตบบ่าผม ขำจนน้ำตาไหลแล้วนั่น ผมหน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมลูกไก่ผมหน้าแดงอีกแล้ว
“เชื่อฟังดีมากไอ้ลูกชาย จับตาดูลุงคนนี้ไว้ด้วย อย่าให้เข้าใกล้แม่เกินความจำเป็นเข้าใจไหม ? พ่อไปปั๊มน้องกับแม่ก่อนเดี๋ยวมา” ผมเลยเล่นต่อ แล้วหิ้วตัวร่างบางมาด้วยทันที นาโอยูกิดิ้นแล้วตีผมใหญ่
“ปั๊มน้องอะไรอีกเนี่ย ปล่อยยย” เขาโวยวาย
“พี่คิดถึงนี่ หายไปตั้งหลายชั่วโมง” ผมเอาจมูกไปจิ้มที่คอเขา เดี๋ยวนี้ตัวหอมขึ้นเยอะเลยจริงๆ ฟีโรโมนแรงมากจนผมเป็นห่วง แต่แล้วผมก็เห็นอะไรบางอย่างที่ปกคอเสื้อของเขา รอยแดงเล็กๆที่คอ มันจางมากและค่อยๆหายไป แต่ไม่รอดสายตาผมแน่ ผมลากตัวเขาเข้าห้องแล้วปิดประตูทันที
“เกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียน” ผมขมวดคิ้วถามเสียงจริงจัง
“อะไร อ้อ ผมลาออกแล้วล่ะ เดี๋ยวคงต้องไปหางานใหม่” เขาหลบสายตาผม ผมเลยจับหน้าเขาหันกลับมาอีก
“นาโอยูกิ” ผมเรียกชื่อเขาเต็มๆ หรี่ตาลง เขาเม้มปาก แล้วจู่ๆก็โถมตัวมาหาผม กอดผมเอาไว้ ตัวเขาสั่นเล็กน้อย ผมถอนหายใจ เขาไม่ต้องเล่าอะไรผมก็พอจะเดาได้ ตอนนี้เขามีฟีโรโมนที่แรงมาก ถ้าผู้อำนวยการของเขาเป็นเกย์ ก็คงจะไม่รอด ไอ้รอยแดงๆนั่นน่าจะมาจากสาเหตุนี้
“เขาเป็นคนใจดี เขาใจดีกับผมมาตลอด แต่วันนี้เขาแปลกๆ แล้วเขาก็..” เสียงของลูกไก่น้อยสั่นระริก ผมลูบหัวเขาไปมาเบาๆ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เขาทำอะไรเกินเลยไปไหม หรือหนีออกมาได้” ผมพยายามข่มอารมณ์โกรธ รู้ว่ากลิ่นของเขาส่งผลมากทีเดียว ผมน่าจะคิดได้เร็วกว่านี้ ไม่น่าปล่อยเขาไปคนเดียว
“เขาหยุด แล้วเขาก็ขอโทษผม แต่ว่าๆ เหมือนจู่ๆเขาก็จะเข้ามาทำอีก ผมก็เลยหนีมา” เสียงของนาโอยูกิย่ำแย่มากๆ ผมเลยไม่พูดอะไร ได้แต่กอดปลอบเขาไปจนเริ่มสงบ เขาไม่ได้ร้องไห้แต่ดูจะเครียดๆและหวาดกลัว แต่ช่วงนี้ถึงเขาจะสับสน ไฟก็ไม่แลบออกมาแล้ว เป็นลางดีครับ
“เดี๋ยวพี่จะหาอะไรมาให้ใส่นะ” ผมพูดกับเขา คงต้องกักฟีโรโมนที่แสนล้นเหลือนี่ให้ก่อน ไม่งั้นเขาอยู่ในสังคมยากแน่ๆ แล้วมันก็เป็นฟีโรโมนเรียกตัวผู้ด้วย ผมถึงได้กังวลนี่ไงเล่า ! กลิ่นที่เขามีมันเป็นกลิ่นหอมหวานที่เชิญชวนให้ตัวผู้มาผสมพันธุ์ เหมือนกลิ่นของสัตว์ตัวเมียในฤดูผสมพันธุ์นั่นแหละ มันรุนแรงมากด้วย เพราะตัวผมเองก็ได้รับอิทธิพลจากกลิ่นหอมๆของเขา มนุษย์ธรรมดาที่ไม่คุ้นเคยคงถูกล่อหลอกและหน้ามืดเข้าทำร้ายลูกไก่ของผมแน่ๆ นาโอยูกิพยักหน้าน้อยๆ น้ำตาที่คลออยู่ทำให้เขาดูน่ารัก น่ากด.. นั่นไง ธรรมดาเขาไม่มีกลิ่นหอมๆที่เชิญชวนนี่ ผมก็อยากจะกินเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว ยิ่งเป็นแบบนี้ผมยิ่งทำใจลำบาก
“ไปๆ ออกไปกินข้าวก่อน” ผมข่มใจเอาไว้ แล้วพาเขาออกมากินข้าว โชคดีที่ชูจิเองมีภูมิต้านทานสูงจึงไม่แสดงท่าทีหื่นๆอะไรออกมาให้ผมกังวล
“หนุ่มน้อยตกลงว่าไง พี่ขอสามวันติดเลยนะ ว่างให้พี่วันไหน” ชูจิพูดขึ้นระหว่างกินข้าว ตอนนี้บนโต๊ะเลยเหมือนครอบครัวเมื่อมีทั้งคุโร่ ไอ ผมและนาโอยูกิ
“อืม พรุ่งนี้เลยก็ได้ครับ ผมว่างแล้ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ตกดึกผมเลยต้องรีบทำสร้อยแล้วร่ายมนตร์กำกับ ไม่ให้ฟีโรโมนของลูกไก่ออกไปชักชวนชูจิให้ทำมิดีมิร้ายกับเขา ชูจิเองก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนัก เมื่อร่วมด้วยช่วยกันกับผมทำสร้อยจนสำเร็จ ผมใส่สร้อยให้เขาตอนหลับและพบว่ามันได้ผล เมื่อกลิ่นหอมๆนั่นจางหายไป
“ทำไมถึงช่วยทำสร้อยล่ะ” ผมหันไปถามชูจิ
“หึ ขืนไม่มี เมียมึงตกเป็นเมียกูแน่ ขนาดไม่มีกลิ่นฟีโรโมนเขายังน่ารักขนาดนี้ ปล่อยเอาไว้ถึงจะเป็นกูก็ไม่ทนหรอก” มันพูดออกมาตรงๆ
สรุปมันไว้ใจได้ไหมเนี่ย ! จนเช้าวันที่ผมไม่อยากให้มาถึงมันก็มาถึงจนได้ นาโอยูกิแต่งตัวน่ารักจนผมชักหงุดหงิด แถมตื่นแต่เช้าหวีผมเตรียมไปเดทกับชายชู้ ผมเพิ่งจะคิดออกว่าไม่เคยเดทกับเมียตัวเองเลยสักครั้ง แต่กำลังส่งเขาไปมีเดทแรกกับไอ้จิ้งจอกสีส้ม หงุดหงิดโว้ย !
“ห้ามจับมือถือแขน ห้ามให้มันหอม ห้ามกอด รู้ไหมครับ” ผมสั่งเขาอย่างอึดอัด ก็เจ้าตัวห้ามแล้วห้ามอีกไม่ให้ผมแอบตามไป ไม่งั้นเขาจะโกรธ
“รู้หรอกน่า ไม่เชื่อใจกันเลยใช่ไหม” เขาทำหน้าบูด
“ครับๆ ก็เชื่อใจไงถึงปล่อยให้ไปกับมัน พี่รู้ว่าจะไม่มีอะไรเกินเลย” ผมพูดเอาใจเขา จริงๆก็ไม่ไว้ใจไอ้ชูจิมันนั่นแหละ นาโอยูกิยิ้มหวานให้ผมเมื่อได้ยินว่าผมจะเชื่อใจเขา แถมเขย่งมาหอมแก้มเบาๆอย่างน่ารัก โอย อยากกดเมีย ไม่อยากให้ออกไปไหนเลย ผมฮึ่มฮั่มในลำคอก่อนจะยอมปล่อยเขาไป ผมยืนส่งเขาที่ขึ้นรถไปกับชูจิ ก่อนจะหันไปสบตากับคุโร่ หึหึ เรื่องอะไรผมจะทำตามที่เขาบอก ก็ต้องตามไปดูทุกย่างก้าวหน่ะสิ !
------------------------------------------------------------------------------------------
つづく
ช่วงนี้ยุ่งๆ เลยไม่ได้มาต่อหลายวันเลย ฮืออออ
ตอนหน้าเรียวเมย์จะโดนชูจิแกล้งแล้ว 555 แค่ตอนนี้ก็หึงจนไม่รู้จะหึงยังไง ขำ
ยังไม่ได้มาตอบเม้นน้า เปิดเทอมแล้วพอดี เลยไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่
แต่เดี๋ยวจะพยายามมาอัพบ่อยๆแทนค่า อย่าเพิ่งทิ้งเรียวเมย์กับนาโอะจังกันน้า
แถมพี่ยักษ์ก็กำลังจะมาต่อคิวเป็นภาคต่อไปแล้วด้วย หึหึหึหึ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่ยักษ์น้องแมวใกล้มาแล้วววววว คู่นี้รู้สึกลึกลับสุดและ 555555
อันนั้นสมควรโดนอยู่แล้ว
แต่ดันไปกรี๊ดที่พี่ยักกำลังจะมา
โอ๊ยยยย ฟิน