ตอนที่ 5 : ภาค 1 ตอนที่ 4
4
ผมโดนลากไปกินข้าวท่ามกลางผีข้าวของเครื่องใช้ทั้งหลายแหล่ที่คอยแอบมองผม เป็นปีศาจ สัตว์ประหลาด หรือผีคนผมจะไม่สยองเท่านี้เลย อย่างน้อยก็เป็นรูปร่างของสิ่งมีชีวิต มีเหตุผลที่จะเคลื่อนไหวได้ แต่นี่เป็นของ มันไม่สมควรจะมีลูกตา หรือส่งเสียงซุบซิบนินทาผมอย่างนี้ได้
“ไคริจัง หน้าซีดๆนะ”เจ้าบิ๊กอายมาทำตาโตใส่ผม ในขณะที่พ่อของเขาก็เอาตาดำโตๆนั่นจ้องผมมาจากหัวโต๊ะ มีอยู่คนเดียวที่ทำให้ผมผ่อนคลายคือแม่ของเขา เธอส่งยิ้มหวานอ่อนโยนมาให้ตลอด
“น้องคงยังไม่ชิน เด็กๆ ไปอยู่ที่ของตัวเอง อย่ามาจ้องแฟนของฮิโระจังอย่างนี้ มันไม่ดีนะจ๊ะ” แม้แต่เสียงพูดของเธอก็ยังไพเราะ เธอเหมือนเจ้าหญิงญี่ปุ่นในสมัยก่อน ที่ผมยาวๆใส่กิโมโนแล้วทำอะไรเชื่องช้า แต่ทว่ากลับมีเสน่ห์ดึงดูด อืม ทั้งบ้านเขาใส่กิโมโนและยูคาตะกันหมด ยกเว้นก็แต่ฮิโรโตะซึ่งใส่ชุดนักเรียน และผมที่ยืมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสุภาพของเขามาใส่ก่อน มันหลวมสุดๆเลย ผมไม่ได้ตัวเล็กอะไรนักหนานะครับ สูง 170 แค่ไม่ค่อยได้กินอาหารตามโภชนาการ ทำให้น้ำหนักผมพอๆกับมิ้น เพื่อนสาวตัวเล็กของผม
“เอ่อ ขอโทษนะครับ แต่ผมไม่ได้เป็นแฟนของฮิโรโตะคุง ผมเป็นครูของเขาหน่ะ” ผมแก้ให้อย่างสุภาพ ผมเห็นพ่อของเขาทำตาที่โตอยู่แล้วโตขึ้นอีก
“ฮิโรโตะ!! นอกจากจะเป็นองเมียวจิแล้ว แกยังเอาครูมาเป็นเมียด้วยเรอะ ไอ้เด็กคนนี้ !!” พ่อเขาขึ้นเสียงแล้วตบลงบนโต๊ะเสียงดัง ผมรู้สึกได้ถึงเสียงหวีดหวิวที่เริ่มจะได้ยินบ่อยในช่วงนี้ ..เสียงลมพัดกรรโชกที่ด้านนอกนั่นไงครับ หญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในโต๊ะนี้ค่อยๆยกมือขึ้นไปลูบแขนที่ปกคลุมไปด้วยขนสีดำเงางามน่าถอนไปตรวจนั่นอย่างเบามือ
“ใจเย็นๆน่า ลูกรักใคร เราก็น่าจะรักด้วย ไคริจังออกจะน่ารักนะพ่อ”
“ไอ้แว่นเนี่ยนะน่ารัก สู้แม่ไม่ได้สักนิด” เขาเหล่ตามองผม แล้วหันไปอ้อนภรรยาของตัวเอง ผมขำออกมานิดหน่อย ไม่ถือสาที่เขาเรียกผมว่าไอ้แว่น สมัยเรียนโดนหนักกว่านี้ ผมไม่สนใจสรรพนามอะไรนี่หรอก ผมแค่คิดว่าพวกเขาน่ารักดี
“ว่าแต่ ของที่ผมวานพ่อไปทำอ่ะ ได้มาป่ะ”
“หือ” ผมส่งเสียงในลำคอ หันไปมองหน้าคนข้างตัว
“ก็ได้มา เอ้าเอาไป” เขาปาอะไรสักอย่างมาที่ฮิโรโตะ แต่เขารับไว้ได้อย่างสบายๆ ก่อนจะคลายมือออกนิดหน่อย มันเป็นสร้อยคอที่มีจี้เล็กๆเป็นรูปปีก สวยใช้ได้เลยครับ แต่แล้วเจ้าตาโตก็หันมาหาผมแล้วจัดการใส่สร้อยนั่นลงบนคอผมโดยไม่ถามความเห็นอะไรสักคำ ผมงงๆแต่ก็ไม่ได้ต่อต้าน รอเขาใส่จนเสร็จ
“เหมือนสร้อยอันเก่านะ มันจะทำให้คนอื่นไม่รู้สึกถึงพลังของไคริจัง เท่านี้ก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้ว ไปโรงเรียนกัน”
“อ่า เอ่อ ขอบคุณนะครับ” ผมหันไปโค้งให้พ่อของฮิโรโตะ เขาก็แค่พยักหน้ารับ ผมไม่ทันได้พูดต่อก็โดนเรี่ยวแรงมหาศาลดึงตัวขึ้นจากพื้นแล้วดันออกมาที่หน้าประตู เขาขี้โกงมาก ! ใช้ลมดันตัวผมออกมา ผมโบกมือสัมผัสกับสายลมอุ่นๆที่โอบอุ้มตัวผมเอาไว้อย่างพิศวง ลมเกิดจากการเคลื่อนที่ของอากาศ และเขาควบคุมมันได้โดยไม่ต้องขยับตัวหรือใช้อุปกรณ์ใดๆ ผมหันไปจ้องหน้าเขา
“ทำหน้าแบบนี้อีกละ สงสัยอะไรอีกครับ”
“เยอะเลยล่ะ เอาเป็นว่าเลิกเรียนก่อนแล้วจะมาหาใหม่” ผมยิ้มให้เขา ไม่มีความกลัวหลงเหลืออยู่แม้แต่นิด เหลือแต่ความสงสัยที่พอกพูนจนแทบล้น
“เอาเถอะ” เขาพูดพึมพำแล้วเข้ามาหาผมใกล้ๆ ผมถอยหนีนิดๆ
“เรามาบินกันอีกสักรอบไหม ?” เขายักคิ้วแล้วโอบผมเข้าไปหาตัว ปีกสีดำค่อยๆงอกออกมาจากด้านหลังสยายตัวสวยงาม ยอมรับเลยว่าผมหลงใหลปีกเขาเอามากๆ สำหรับผม ขนของเขาเรียงเป็นระเบียบ นุ่มลื่นและเป็นประกาย น่าอิจฉาจัง แม้แต่เส้นผมของเขาเองก็นุ่มนิ่ม ผมยื่นมือไปจับโดยไม่ได้ตั้งใจ เหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรผม แค่จับเอวผมแน่น แล้วเริ่มขยับปีก โบยบินขึ้นสู่อากาศเหนือตัวบ้าน ทะยานไปในท้องฟ้ายามเช้าที่มีแดดเพียงเล็กน้อย
“นายนี่ขี้โกงจริงๆ เราต้องคิดเครื่องบินและยานพาหนะกันหัวแทบแตก นายกลับบินได้ซะเฉย นายว่าถ้านายมีลูกเขาจะบินได้เหมือนนายไหม หรือจะเป็นแค่คนธรรมดา” ผมถามออกไปอย่างสงสัยใคร่รู้
“จะไปรู้ได้ไง ไม่เคยคิดเรื่องนั้น แล้วอยู่นิ่งๆเป็นไหม ยั่วนักเดี๋ยวจับปล้ำเลยนี่” เขาหันมาดุ ตาก็จิกซะ รู้แล้วว่าเป็นนก ไม่ต้องจิกบ่อยก็ได้
“แค่จับผมเฉยๆเอง” ผมเถียงไปเบาๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก
“เออน่า เก็บไม้เก็บมือซะบ้างนะ”
หลังจากนั้นผมก็เลยเงียบไปตลอดทาง แต่ยังไม่วายเด็ดขนจากปีกเขาเล่น เขาส่งเสียงฮึ่มแฮ่ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร ผมเลยได้ใจ เก็บหลักฐานชิ้นเอกใส่กระเป๋ากางเกง เย็นนี้ต้องแวะไปห้องแลปที่มหาวิทยาลัย T หน่อยแล้ว ผมยังคิดต่อว่าจะดึงผมเขาไปด้วยดีไหม แต่ก็มาถึงบริเวณหอพักผมซะก่อน ทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติ เหมือนไม่มีการระเบิดเกิดขึ้น ผมรีบวิ่งขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ฮิโรโตะก็วิ่งตามมา ขี้โกงมากเลยที่เขาตัวสูงและขายาวมาก วิ่งไปวิ่งมา นำผมไปรออยู่ที่ประตูหน้าห้องเสียอีก ผมหอบเล็กน้อย เหงื่อไหลลงมาตามแก้ม
“กินเยอะๆแล้วไปออกกำลังกายบ้างเหอะ ไม่ไหวแล้วนะ เดินแค่นี้ก็เหนื่อย มีเรี่ยวแรง มีเนื้อหนังกับเขาบ้างไหม” เขายืนเต๊ะท่ากวนผมอยู่ตรงนั้น ผมไม่ตอบโต้ ผลักเขาออกไปด้านข้างเพื่อเปิดประตูเข้าห้อง
“ใครทำเนี่ย” ผมร้องออกมาแผ่วเบา ทุกอย่างอยู่ในสภาพเดิม แทบไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ ผมเดินไปเอามือลูบที่เตียงนอนอย่างอึ้งๆ
“อืมริวทาโร่ล่ะมั้ง เรื่องแค่นี้สำหรับมังกรหน่ะจิ๊บๆ ไม่เคยรู้เรื่องตำนานหรือไง มังกรเป็นสัตว์เทพเก่าแก่ดึกดำบรรพ์ แถมยังมีตั้งหลายประเทศ และเห็นหน้าละอ่อนแบบนั้น มันอายุเป็นร้อยปีแล้ว อย่าไปเชื่ออะไรมันมากนักล่ะ ไปๆ เก็บของไปสอนได้แล้ว เจอกันที่ห้องนะจ๊ะ” เขาทำท่าเหมือนจะเข้ามาหอมแก้ม แต่ผมหลบทัน เขาก็ขำหึหึแล้วเดินออกไป
มังกรงั้นเหรอ ? ผมเก็บเอกสารในห้องไปก็สงสัย เมื่อวานมันปลิวกระเด็นไปหมดแล้ว แต่ทุกอย่างยังอยู่ดี ผมเกือบจะนึกว่าตัวเองฝันไปแล้วนะ
“อรุณสวัสดิ์ครับ เหมือนเมื่อคืนจะได้ยินเสียงดังแปลกประหลาดที่บริเวณโรงเรียน ไคริเซนเซย์รู้เรื่องอะไรบ้างไหมครับ” ครูหนุ่มผมดำเงางามเดินเข้ามาถามผม นาโอยูกินั่นแหละครับ ในโรงเรียนนี้มีครูที่ยังวัยรุ่นอยู่แค่สองคนคือผมและเขา ผมจ้องมองไปยังเส้นผมนั่น หรือเขาจะเป็นหรือเป็นการาสุเทนกุ ผมถึงได้เงาปานนี้ ผมไม่ได้ฟังเลยว่าเขาพูดอะไร ผมแค่ยื่นมือไปที่เส้นผมของเขาแล้วกระตุกเบาๆจนมันหลุดติดมือมาประมาณสองเส้น
“โอย ไคริเซนเซย์ ทำอะไรหน่ะครับ” เขาขมวดคิ้ว จับที่โคนผมอย่างงุนงง
“มีฝุ่นอะไรไม่รู้เกาะอยู่แหละ ก็เลยกะจะดึงออกให้ แต่ว่าดึงแรงไปหน่อย ขอโทษที่นะครับ” ผมยิ้มให้เขา ทำทีเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วเก็บหลักฐานใส่กระเป๋ากางเกงอีกด้าน ตอนนี้ผมเริ่มสนุกอย่างบอกไม่ถูก
ผมเบื่อการเรียนมานานแล้ว เพราะผมเรียนจนไม่มีอะไรที่อยากรู้ และผมได้ก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่งที่ผมไม่เคยคิดว่ามันมีอยู่ ผมตื่นเต้นจนไม่อยากอยู่ทำหน้าที่ครูต่อแล้ว ได้แต่นับเวลาเลิกเรียน พอเลิกเรียนจริงๆ ผมก็รีบแจ้นไปที่มหาวิทยาลัยติดต่อของใช้ห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ การติดต่อนั้นค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ผมจึงกลับมาที่โรงเรียนเพื่อหาคนช่วย
“นาโอยูกิซัง” ผมยิ้มอย่างยินดี เมื่อเจอพ่อหนุ่มผมยาวเดินออกมาจากห้องพักครู หน้าเขาสวยมากจริงๆนะ ผมมองแล้วเขินชอบกล เสียอย่างเดียวคือเขาชอบทำหน้าจริงจังใส่
“มีอะไรให้ผมช่วยงั้นเหรอครับ”
“ผมอยากทำงานวิจัยชิ้นโต เลยอยากขอใช้ห้องแลปที่มหาวิทยาลัย T พอจะช่วยอะไรผมได้ไหม” ผมถามออกไปอย่างมีความหวัง
“หืม ได้สิครับ ได้แน่นอน เดี๋ยวก่อน!! ไคริเซนเซย์ สร้อยนั่นคุณไปเอามาจากไหน” เขายื่นมือมาคว้าจี้รูปปีกนกที่คอผมไปกำ ทำไมใครๆก็มีปัญหากับสร้อยผมจัง ตั้งแต่อันเก่าแล้ว ผมกระพริบตาปริบๆมองหน้าเขา กำลังจะพูด แต่มีคนวิ่งมาชนผมและนาโอยูกิเสียก่อน เจ้าเด็กผมสีแดงเจิดจ้าและตาสีฟ้า
“ริวทาโร่ ! อย่าวิ่งตรงทางเดินสิ” ผมโวยวาย ก็ที่ชนมาแรงน้อยๆซะที่ไหน
“ขอโทษคร้าบ เอ้อ ไคริจาง ฮิโรโตะฝากมาบอกว่าคิดถึงรีบไปสอนได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ” เขาพูดเสียงดังลั่นไปทั่วทางเดิน ก่อนจะวิ่งหนีผมไป
“ตะโกนทำไมเนี่ย ชาวบ้านเข้าใจผิดหมด นาโอยูกิซังเป็นอะไรไหมครับ” ผมเขาไปจับเขาอย่างเป็นห่วง ก็เขาตัวเล็กกว่าผมอีก ถึงคนชนจะตัวเล็กที่สุด แต่ริวทาโร่นั่นพลังเยอะมาก อาจเพราะเขาไม่ใช่คน
“เย็นนี้ เลิกสอนแล้วมาหาผมที่ห้องนะ ด่วนนะครับ” เขาพูดหน้าตาจริงจังกว่าปกติ ผมตกใจจนเผลอพยักหน้า แล้วเขาก็เดินหายไปอีกทาง
“ไม่ต้องไปกับเขา” จู่ๆเสียงเย็นๆก็ดังข้างหู ผมรีบหันไปมองเด็กบิ๊กอายที่ทำหน้านิ่งมองผม ผมขมวดคิ้ว มันเรื่องอะไรที่เขาต้องมาห้ามผมเนี่ย ผมยู่หน้าใส่เขา แล้วตั้งใจจะเดินเข้าห้องเรียนเพื่อสอนคาบต่อไป จริงๆก็ไปสอนที่ห้องของเขานั่นแหละ แต่ฮิโรโตะไม่ได้มีสีหน้าเหมือนคนขี้เล่นอย่างที่เขาเป็นปกติ มือใหญ่ดึงข้อมือผมไว้ให้หันกลับไปหาเขา
“นายมั่นใจไหม ว่าจะไม่ฆ่าใครจริงๆ”
“ถามอะไรพิลึก ไม่ทำหรอก” ผมรีบพูด ผมฆ่าใครไม่ลงหรอก แค่ตอนได้เรียนชำแหละพวกสัตว์ต่างๆผมยังทั้งไหว้ทั้งสวดมนตร์ ไปทำบุญให้เป็นการใหญ่ ผมไม่เชื่อเรื่องบาปบุญก็จริง แต่ผมถือเรื่องการเอาชีวิตของคนอื่นนะ
“เอาเถอะ ยังไงมันก็เรื่องของนาย”
“อ้าว เอ๊ะ?” ผมหัวหมุน เมื่อเขายักไหล่แล้วเดินนำผมเข้าห้องไป อะไรของเขา เมนส์มาหรือไงอารมณ์ขึ้นๆลงๆ
คาบนั้นทั้งคาบมีแค่ริวทาโร่และบรรดาลูกกระจ๊อกที่คอยกวนผม ฮิโรโตะแค่นั่งนิ่งๆแล้วจ้องผมด้วยตาดำสนิทคู่นั้น มองไปมองมาผมชักชอบตาเขาอย่างไม่รู้สาเหตุ ก็แค่แปลกดี ไม่เข้ากับหน้าของเขา มันทำให้เขาดูน่ารักแปลกๆทั้งที่ตัวสูงปานนั้น ผมเข้าใจเลยว่าทำไมสาวๆถึงต้องใส่บิ๊กอาย
ตกเย็นผมก็ไปหานาโอยูกิตามที่เขาเรียก
“ผมจะพาไปหาใครบางคน คงถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องคุยกับคุณ”
“??” ผมพูดอะไรไม่ออก ตื่นเต้นขึ้นมาดื้อๆ แสดงว่านาโอยูกิรู้อะไรที่ผมไม่รู้ และเขากำลังจะพาผมไปหาคำตอบ เขานำผมออกมานอกโรงเรียน ขึ้นรถออกไปแถวชานเมืองที่ไม่ค่อยมีผู้คน มีวัดเก่าๆ แต่บรรยากาศร่มรื่นตั้งอยู่
“รออยู่ที่นี่ก่อนนะครับ” นาโอยูกิพาผมเข้าไปด้านใน มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่สวยงามและแปลกตาตั้งอยู่ อาจเป็นศิลปะเฉพาะของญี่ปุ่น
“ชิมิซึ ไคริสินะ” เสียงทุ้มกังวาลดังออกมาจากด้านใน ผมสะดุ้งแล้วหันไปตามเสียงนั้น ชายหนุ่มสูงวัยแต่ยังดูแข็งแรงดีเดินออกมาหาผมในชุดน้ำเงินด้านใน และซ้อนทับด้วยสีขาวอีกชั้น ชุดของพวกพระสมัยโบราณหน่ะครับ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน นี่คือชุดองเมียวจิใช่ไหม ?
“ครับ ผมเอง” ผมตอบรับ รู้สึกๆกล้าๆกลัวๆ ผมอยู่ไม่สุข มองซ้ายขวาหาคนที่พาผมมา ไม่นานนัก นาโอยูกิก็เดินออกมาในชุดแบบเดียวกัน
“ยินดีต้อนรับเข้าสู่ตระกูลชิมิซึ.. ขอโทษที่เราไม่เคยให้นายรับรู้อะไรเลย”
“เอ๊ะ ห๊ะ ?” ผมเหวอ นาโอยูกิยิ้มให้ผมเป็นครั้งแรกเขาทรุดตัวลงนั่งข้างผม ก่อนจะค่อยๆพูดความจริงออกมาทีละเล็กทีละน้อย
“ไคริซัง พวกเราคือ ชิมิซึ ตระกูลนักพรตผู้ปราบปีศาจมาตั้งแต่สมัยมีปีศาจมาอาศัยปะปนกับมนุษย์ เมื่อแต่งงานและมีลูกหลาน บุตรชายเท่านั้นที่จะมีพลังสืบทอดมา พลังของเรานั้นน้อยนิด ต้องอาศัยการเรียนรู้และฝึกฝน แต่ไคริซังเกิดมาพร้อมพลังที่เหลือล้น อาจเรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ แต่ทันทีที่เกิดแม่ของคุณก็เสียชีวิต เนื่องด้วยพลังชีวิตทั้งหมดของเธอถูกคุณดูดกลืนเข้าไป กลิ่นอายพลังของคุณรุนแรงและเรียกปีศาจที่กระหายในดวงวิญญาณมารวมกันเต็มไปหมด พ่อของคุณจึงส่งคุณให้กับแม่บ้าน ให้พาคุณไปอยู่ยังที่ปลอดภัย พร้อมทั้งร่ายมนตร์สะกดพลังคุณเอาไว้ในสร้อยเส้นเก่าของคุณ”เขาพูดเสียงราบเรียบทว่าคล้ายกับปลอบโยนอยู่ในที ผมเม้มปากแน่น รู้สึกว่าตัวกำลังสั่น
ภาพของแม่ที่เลี้ยงดูผมมาวิ่งวนในหัว กลายเป็นว่าทุกอย่างที่ผมรับรู้ มันไม่จริง ไม่จริงสักอย่าง ผมยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองไปมา พยายามตั้งสติ
“ผมอยากให้คุณใจเย็นๆ พวกเราอยู่ตรงนี้แล้ว หลังจากนี้มีอะไรเราจะช่วยเหลือกัน” ชายอีกคนเดินเข้ามาตบบ่าผม ผมไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำ สมองผมมันไม่ยอมหยุดวิ่งเลย ผมไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ทั้งๆที่เคยคิดว่าตัวเองฉลาดในระดับหนึ่ง เคยคิดว่าตัวผมนั้นหาเหตุผลให้กับทุกสิ่งทุกอย่างได้เสมอ
“ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้ ทิ้งผมเอาไว้ที่นั่นกับเธอ !! รู้ไหมว่าผมผ่านอะไรมา !!” ผมขึ้นเสียง แล้วหลบสายตาลงมองพื้น กำมือตัวเองเอาไว้แน่น
“เราเสียใจ แต่คุณจะปลอดภัยกว่าที่นั่น ไม่อยากเชื่อว่าพวกมันเจอคุณแล้วทำลายสร้อยทิ้ง การาสุเทนกุใช่ไหม? ที่คุณมาถามรายละเอียดผมวันนั้น เราจะจัดการเขาให้คุณเอง” นาโอยูกิยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆของเขา
“จัดการเรอะ ? กล้าพูด” เสียงที่ผมคุ้นเคยที่สุดในช่วงเวลานี้ ดังก้องไปทั้งโถงของวัด ผมเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ เสียงลมพัดรุนแรง หน้าต่างและประตูของวัดเปิดปิดอย่างกับพร้อมจะหลุดออกมาทุกเมื่อ เสียงฟ้าผ่าดังสะเทือนจนผมตกใจ ฝนตกอย่างหนักเหมือนวันที่ผมเจอเขาครั้งแรก ผมพยายามมองหาเขา มั่นใจว่าเขาอยู่ที่นี่ ชายหนุ่มในชุดองเมียวจิทั้งสองหยิบกระดาษที่มีแผ่นยันต์ขึ้นมา พึมพำคาถารวดเร็ว เกิดลำแสงประหลาดจากกระดาษนั้นและมันกลายเป็นสิงโตและหมี ตาของพวกมันสีแดงและมียันต์เรืองแสงอยู่ในนั้น
“ฮิโรโตะ” ผมพึมพำ ไม่เหลือความกลัว มีแต่ความไม่เข้าใจ และความสับสน ผมปิดหูตัวเองและหลับตาเอาไว้เมื่อฟ้าผ่าไม่ยอมหยุด ผมไม่เคยได้ยินเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าที่ดังราวกับผ่ามาข้างตัวแบบนี้
“ร้องไห้ทำไม” เสียงทุ้มๆกระซิบอยู่ข้างหูผม ตามมาด้วยมือที่ดึงผมเข้าไป ผมลืมตาอีกครั้ง เห็นคนคุ้นเคยในปีกขนาดใหญ่ และขาของเขาเป็นเหมือนนกไปแล้ว ผมงุนงง ผมไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย
“พวกเขารังแกเหรอ ไคริจัง” เขายิ้มให้ผม
เสียงขู่คำรามของสัตว์ใหญ่ดังขัดจังหวะ ฮิโรโตะตวัดตาไปมองคนทั้งคู่ ตาดำกลมโตนั่นหรี่ลง แววตาของเขาเปลี่ยน มันเรียวรีคล้ายอีกา ปากเขาพึมพำแผ่วเบา แล้วยื่นมือไปด้านหน้า ประตูทุกบานเปิดออก ฝนสาดกระหน่ำเข้ามาด้านในพร้อมกับสายฟ้าฟาดน่ากลัว มือเขาดึงผมเข้าหาตัว ปีกข้างหนึ่งของเขาคลุมตัวผมเอาไว้จนมิด ผมไม่เข้าใจว่าเขามาทำอะไรที่นี่ และทำไมถึงได้โมโหขนาดนั้น
“ฮิโรโตะ พอแล้ว พอเถอะ พวกเขาไม่ได้ทำอะไร” ผมรีบพูด ทั้งๆที่มองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงฟ้าผ่าที่ใกล้เอามากๆทำให้ผมใจสั่น
“ไคริจังอยากทำร้ายเราเหมือนที่พวกเขาทำเหรอ มาหาเขาทำไม” เขาไม่หยุด เสียงลมแรงขึ้นอีก ผมได้ยินเสียงร้องของนาโอยูกิ และผมยอมให้เขาทำมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว ผมยื่นมือไปคว้ามือของเขาที่ยื่นออกไปข้างหน้า กุมไว้ในมือของผม เขาหันกลับมาสบตากับผม ดวงตาแบบนั้นทำเอาผมนึกกลัวหน่อยๆ
“แค่อยากรู้ว่าผมเป็นตัวอะไรกันแน่ ! แล้วก็หยุดทำร้ายกันเองเสียที” ผมพูดเสียงดัง พยายามจะออกจากปีกของเขา
แต่ในจังหวะนั้นเอง สิงโตตัวใหญ่พุ่งเข้าหาตัวฮิโรโตะและตะปบตัวเขาไถลออกห่างจากผมไปถึงสุดมุมห้อง นาโอยูกิวิ่งมาหาผมอย่างรีบร้อน ตัวเขาเป็นรอยเหมือนถูกดาบฟัน เลือดไหลซิบตามริ้วรอยเล็กๆรอบตัวเขา
“เขาข่มขู่คุณใช่ไหม ไม่ต้องกลัวนะ ถึงพวกเราจะยังไม่เก่ง แต่ก็สู้ไหว”
“ไม่ใช่นะ ฮิโรโตะ!!” ผมร้องเสียงสูงอย่างตกใจ เมื่อสิงโตตัวนั้นตบเข้าหน้าเขาด้วยกรงเล็บแหลมคม ผมพุ่งเข้าไปหาสิงโตตัวนั้น
“ไคริ !!” เสียงใครบ้างก็ไม่รู้ต่างเรียกผมอย่างตื่นตกใจ ไอร้อนแผ่พุ่งตั้งแต่หัวจรดเท้าเมื่อผมแทรกเข้าไประหว่างฮิโรโตะกับสิงโต แค่ผมยื่นมือไปข้างหน้าเกิดแสงเหมือนสาดฟ้าฟาดระหว่างผมกับสิงโต และมันก็กระเด็นออกไปอีกทาง ก่อนสลายกลายเป็นกระดาษเหมือนก่อนหน้านี้
“โห โหดเป็นบ้า” ฮิโรโตะพึมพำ หน้าเขาเลือดอาบยาวเป็นรอยกรงเล็บเมื่อหันมาหาผม ผมรีบไปพยุงเขาขึ้นแล้วหันไปหานาโอยูกิที่ขมวดคิ้ว
“อย่าทำร้ายเขา เขาไม่ได้ทำอะไรผมเลย ไม่เลย”
“ถึงยังไงมันก็เป็นปีศาจ” ชายหนุ่มยังคงดื้อดึง พร้อมร่ายมนตร์เพิ่ม ผมเริ่มสังเกตพลังที่แผ่ออกมาจากตัวของแต่ละคนได้ชัดเจน ผมมองเห็นไอสีน้ำเงินจากตัวนาโอยูกิ และเห็นไอสีดำจากตัวฮิโรโตะ นั่นมันอะไรหน่ะ ?
“อ๋อเหรอ จัดการได้ก็เอาสิ ฝีมือแค่นั้น กระจอก” ฮิโรโตะยิ้มเย้ยหยัน ฟ้าคำรามกึกก้อง ดูก็รู้ว่าเขามีพลังมากแค่ไหน ในขณะที่นาโอยูกิช้ำไปทั้งตัว
“พอได้แล้ว ทั้งคู่เลย !! หยุดนะ” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเห็นอะไรบางอย่างกำลังจะพุ่งเข้ามาหา และเห็นสายฟ้าที่พุ่งไปเล่นงานนาโอยูกิ ผมยื่นมือไปเองอัตโนมัติ คลื่นประหลาดคล้ายฟองสบู่วิ่งจากตัวผมแผ่กระจายออกเป็นโดมวิ่งไปหาคนทั้งคู่ มันปะทะเข้ากับสายฟ้าและมนตร์ที่นาโอยูกิร่ายมา เกิดระเบิดเสียงดัง ไฟลุกท่วมชั่วขณะ ไอร้อนพุ่งมาจากทุกทิศ มือใหญ่รีบคว้าตัวผมเข้าไปแล้วปิดด้วยปีกทั้งสองของเขา ผมถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอด เพียงครู่เดียวเท่านั้น ทุกอย่างก็เงียบสนิท
“เฮ้ บางทีนายก็เก่งกว่าที่คิดไว้นะ” ฮิโรโตะพึมพำ ค่อยๆขยับปีกที่บดบังตัวผมออก นาโอยูกิทำหน้าช็อคอยู่ห่างจากผมไปไม่เท่าไหร่ ดูเหมือนเขาจะได้แผลจากแรงระเบิดนั่นด้วย
“ไว้จะกลับมาให้จัดการทีหลังนะครับ ครู ผมพาเขาไปก่อนล่ะ แล้วอย่ายุ่งกับเขาอีก !!” ฮิโรโตะพูดเสียงเย็นแล้วพาผมบินออกมาจากวัดนั้น ผมดิ้น นึกเป็นห่วงนาโอยูกิอยู่เหมือนกัน เขาบอกว่าเราเป็นตระกูลเดียวกัน แสดงว่าการที่เรามีนามสกุลซ้ำกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญตั้งแต่ต้น
“อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนั้นนะไคริจัง เขาทำนายร้องไห้เลยเห็นไหม”
“ไม่ได้ร้อง !!” ผมแก้ไข
“ถ้าผมไม่ได้เข้าไป ร้องแน่ ไม่ต้องขอบคุณนะ เต็มใจช่วยเสมอ” เขายักคิ้ว ทั้งๆที่เลือดบนหน้ายังไหลอย่างน่ากลัว
“หรือว่านายกลัว ? กลัวว่าฉันจะมาจัดการกับนายเมื่อรู้ความจริงพวกนั้น นายรู้เรื่องของฉันรึเปล่า” ผมพูดเสียงแผ่ว ดูเขาต่อต้านเหลือเกิน ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด เขาอารมณ์ไม่ดี ดูได้จากฟ้าที่ยังมืดครึ้มตลอดทางที่เขาพาผมกลับ ฮิโรโตะมีสีหน้าไม่ดีชั่วครู่ก่อนจะบินสูงขึ้น
“ไคริจัง พลังระดับนั้น พวกเขาไม่ปล่อยให้ลอยนวลหรอก พวกเขาเกลียดเราเข้าไส้ พวกเขาสูญเสียคนรักเพราะว่าเรา จะไปโทษก็ไม่ได้ แต่เราบางจำพวกต้องกินต้องอยู่ และเรากินวิญญาณมนุษย์ มันช่วยไม่ได้จริงๆ พวกเราเหลือน้อยเต็มที ก็เพราะองเมียวจิที่เก่งกาจกวาดล้าง เราถึงต้องหลบๆซ่อนๆอย่างทุกวันนี้”
“ฮิโรโตะ ผมไม่ทำอะไรพวกคุณหรอก” ผมพูดอย่างเหนื่อยหน่าย กะอีแค่มีพลัง มันหมายความว่าผมต้องใช้หรือไง ตลอดยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้ใช้มันสักหน่อย ไม่เคยรับรู้ถึงมันเลยด้วยซ้ำ
เขาไม่ตอบอะไร เพียงแต่มองผมด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ก่อนจะกระชับตัวผมเข้ากับอกเขา เมฆยังคงเป็นสีเทา และมีเสียงร้องแผ่วๆ ราวกับเขาไม่เชื่อที่ผมพูดเลยแม้แต่นิดเดียว
------------------------------------------------------------------------------------------
つづく
ความลับของไคริจังค่อยๆคลี่คลายออกมาแล้ว พ่อองเมียวกับพลังไม่ธรรมดา
ฮิโรโตะจะเชื่อใจไคริจังได้แค่ไหน ว่าไม่เป็นตัวอันตรายในอนาคต!!
แต่ตอนนี้พ่อบิ๊กอายแอบอบอุ่น -////- ใครมารังแกเซนเซน์เขาไม่ได้นะคะ หึหึ
น้ำหวาน >> ขอบคุณที่ทักเรื่องสรรพนามค่ะ ไว้เดี๋ยวจะกลับไปแก้เป็นฉันแล้วกันนะคะ ข้าก็ดูจะย้อนยุคไปนิดนึง > <
Yokai >> สังเกต Theme ด้วย! นึกว่าอ่านจากในแอพกันหมดซะแล้ว 555 ส่วนริวทาโร่ก็แปลงเป็นอะไรได้เรื่อยๆ
อย่าเผลอไปหลงความแบ๊วของนางนะ ฮาา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 9 ตุลาคม 2558 / 09:45
คือน่าจะสอนให้ใช้พลังและควบคุมพลัง ไม่ใช้ปกปิดซะหมด แล้วคุณพระเอกก็รู้สึกจะปกปิดมากไป
อ่านแล้วมันขัดๆ น่ะงับ ถ้ารบกวนยังไง เราขอโทษล่วงหน้านะค่ะ
ตอบในนี้ไม่รู้มันจะขึ้นแจ้งเตือนรึเปล่า หรือจะได้กลับมาเห็นไหม แต่ขอตอบในนี้แล้วกันค่ะ
ตอนแรกๆพระเอกเรารู้แค่ว่าไคริไม่ธรรมดา แต่ไม่รู้ว่ามีพลังอะไร เลยสอนไม่ได้ค่า
ส่วนเรื่องขัดๆ เรื่องนี้น่าจะมีจุดขัดๆอีกหลายจุด ขออนุญาตบอกก่อนว่าเป็นเรื่องเก่าที่เคยลงอีกเว็บ
เมื่อประมาณ สองปีที่แล้ว นำมาลงที่เด็กดีอีกช่องทาง พิมพ์เป็นหนังสือไปแล้วด้วย
รับคำติทุกอย่างได้ค่ะ บอกเราได้เลยว่ามีอะไรแปลก ติดขัด ไม่สนุกยังไง
แต่จะขอนำไปปรับปรุงในเรื่องต่อๆไปค่ะ ^________^ เพราะแก้ไขอะไรอาจทำให้เรื่องเปลี่ยน
อยากลงให้เหมือนกับคนที่ได้อ่านรอบแรกไปหน่ะค่ะ
ส่วนตัวเราชอบนะ จะได้ย้อนกลับมาถามตัวเองด้วย ว่าที่เขียนไปมันยังแย่อยู่ตรงจุดไหน
เพราะฉะนั้นขอบคุณนะคะ มีคนติดีกว่าไม่มีคนอ่านเนอะ TOT
ปล. บิ๊กอายยยยย~ ชอบอ่ะ 55555 // ไม่ชอบอ่านในแอปเท่าไร มันไม่ได้ฟีลอ่า 5555