ตอนที่ 41 : ภาค 2 ตอนที่ 13
13
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความปวดเมื่อยทั้งหมดหายไป ไอคงหายาดีๆมาให้แล้ว ผมเลยหายเร็วขนาดนี้ ผมรู้สึกถึงไออุ่นที่มือ จึงมองลงไป ก็พบว่ามือเล็กๆของนาโอยูกิอยู่ในมือของผม และเขานอนอยู่ข้างๆฟูกนอนผมด้วยท่าทางประหลาด คงจะนั่งเฝ้าผมจนเผลอหลับ ถึงได้นอนแบบนี้ ใจผมเต้นเร็วขึ้นเมื่อรู้ว่าเขาเป็นห่วงผมจนยอมให้ผมจับมือจนตัวเองผล็อยหลับไปแบบนี้
“นาโอยูกิ” ผมลูบหัวเขาเบาๆ ถึงจะอยากนั่งจ้องเขานานๆ แต่ก็กลัวเขาจะเมื่อย จึงต้องปลุกเขาอย่างแผ่วเบา
“อือ” เขาส่งเสียงในลำคอแล้วค่อยๆลุกขึ้นนั่ง
“ขอบคุณที่อยู่ดูแลพี่นะ อย่านอนอย่างนี้เลย ไปนอนดีๆที่ห้องเถอะ” ผมแอบลูบแก้มเขาที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น ถึงจะอยากให้เขามานอนข้างๆแค่ไหน ผมก็รู้ว่าเขาคงจะไม่ยอม เขาดูมึนๆ มองหน้าผมแล้วก็ทำตาโต
“หายแล้วเหรอ ปวดหัวไหม” เขาขยับตัวมาใกล้ จับหน้าผากผมด้วยมือนุ่มนิ่ม หัวเขายุ่งนิดหน่อย แต่ทว่ายังคงน่ารักในสายตาผม
“ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ สงสัยได้คนดูแลดี” ผมหยอดเขาไปหนึ่งดอก
“ปากดี ทำไมไม่ยอมกินข้าว มีเรื่องอะไร เรื่องของผมรึเปล่า” นาโอยูกิกลับมาทำหน้าจริงจัง เขาจ้องผมอย่างค้นหาคำตอบ ผมเลยเลิกยิ้มแล้วเรียบเรียงสิ่งที่อยู่ในหัว ถึงเวลาแล้วที่ผมต้องบอกความจริงกับเขาใช่ไหม ?
“เรื่องของเรานั่นแหละ พี่พยายามสืบหาว่าตกลงแล้วเรามีอะไรอยู่ในตัว ก็เลยสืบจนลืมกินข้าวไปเลย” ผมพูดแล้วยิ้มน้อยๆ พยายามให้ดูไม่เครียด
“ดี งั้นเล่าให้ผมฟังทั้งหมด อ๊ะ แต่ว่าต้องไปกินข้าวก่อน เดี๋ยวจะเป็นลมไปอีก” ลูกไก่น้อยเข้ามาช่วยพยุงผมที่เรี่ยวแรงยังไม่เต็มร้อยให้ลุกขึ้นยืน เขาพาผมไปส่งที่ห้องน้ำแล้วก็วิ่งหายไปอีกทาง ไอโผล่เข้ามาเอาเสื้อผ้าให้ผมแทน ไม่รู้ผมป่วยไปกี่วัน ระหว่างที่เป็นไข้ผมจำอะไรไม่ค่อยได้ จำได้แต่ว่าลูกไก่น้อยมาป้อนข้าวผมเสียหลายครั้ง แถมยังบ่นผมไม่หยุดเลย
“ฉันป่วยไปนานไหม” ผมถามจิ้งจอกน้อยที่เตรียมน้ำให้ผมในอ่าง
“สองสามวันเห็นจะได้ครับ ขนาดผมหายาแรงๆมาให้แล้ว ก็ยังไม่หาย นายท่านเพ้ออะไรก็ไม่รู้ด้วย คุณนาโอยูกิเลยเป็นห่วง เขาหยุดงานมาดูแลนายท่านทั้งสองวันเลย” ไอหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม คงรู้ว่าเรื่องนี้จะทำให้ผมใจเต้น และดีใจสุดๆ หยุดงานมาดูแลเลยเหรอ น่ารักอะไรอย่างนี้ ผมละอยากวิ่งออกไปจับเขามาฟัดแก้มให้รางวัลจริงๆ ผมยิ้มอยู่กับตัวเอง แต่ทว่าเมื่อนึกถึงว่าต้องบอกความจริงกับเขาหลังจากนี้ผมก็แอบเครียด ผมกลัวเขาจะเป็นแบบไคริ พอรู้ว่าตัวเองมีพลังก็ใช้เสียยกใหญ่ ผมกลัวอะไรหลายๆอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น แต่ผมไม่อยากโกหกเขาอีกต่อไปแล้ว ขืนผมทำอีก เขาได้เกลียดผมไปชั่วชีวิตแหงๆ
ผมอาบน้ำแล้วออกไปกินข้าวที่นาโอยูกิยกมาให้ผมกิน เราทั้งสองคนกินข้าวกันไปเงียบๆ ผมแอบเหลือบมองนาโอยูกิที่ใส่ชุดยูกาตะสบายๆ เพราะว่าอากาศเริ่มร้อน ชุดหลวมๆดูจะถอดง่ายชอบกล ให้ตาย พอผมฟื้นไข้ก็ดูเหมือนจะคิดหื่นขึ้นมาเองอัตโนมัติ ผมเลิกมองเขาแล้วคิดเรื่องจะบอกพลังของเขายังไงดีกว่า
“กินเสร็จแล้ว จะบอกเรื่องทั้งหมดได้รึยัง” นาโอยูกิรวบตะเกียบเข้าหากันแล้ววางไว้บนชาม ผมเองก็กินเสร็จพอดีเหมือนกัน
ผมสูดหายใจเข้า ก่อนจะค่อยๆพูดว่าเขามีพลังของเทพอิซานามิอยู่ในตัว โชคดีที่เขารู้อยู่แล้วว่าเทพองค์นี้มีอะไรผมจึงไม่ต้องอธิบายมากนัก โดยปกติแล้วเทพทำลายได้ทั้งมนุษย์และปีศาจ นั่นทำให้พลังของเขาเหนือยิ่งไปกว่าไคริที่กินเพียงปีศาจเท่านั้น แต่ที่ผมยังสงสัยก็คือ ถ้าเขามีเชื้อของปีศาจอยู่ด้วย ทำไมเขาถึงไม่เคยใช้พลังนั่นได้เลย ไอ้ไฟฟ้าช็อตของไครินั่นหน่ะ ผมบอกทุกอย่างเท่าที่ผมรู้ให้ลูกไก่น้อยฟัง เขาก็ฟังอย่างตั้งใจ คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างครุ่นคิด แน่นอนผมรีบบอกไปด้วยว่าไม่อยากให้เขาใช้พลังเองคนเดียวเพราะมันอันตราย เขาเองก็รู้ว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บแค่ไหนตอนใช้พลังนั่นกับผม
“ถ้าอย่างนั้น คุณทำแบบเดียวกันกับที่ทำให้ไคริกับผมสิ”
“หือ?” ผมตอบรับออกไปอย่างงงๆ
“พิธีกรรมที่ทำให้ร่างจริงของเขามันออกมาไง ผมจำได้ ก็แค่ทำพิธีกรรมนั่นกับผม เราจะได้รู้กันเสียทีว่าผมเป็นอะไร” เขาพูดทำหน้าตาจริงจัง
“นาโอะจังก็เห็นว่ามันเป็นพิธีกรรมที่เสี่ยง และอาจทำให้เจ็บปวดมาก ไคริทรมานกับพิธีนั่น พี่ไม่อยากให้เราต้องเจ็บตัว” ผมพูดออกไปอย่างที่คิด ถ้าผมต้องเห็นเขาทรมานขนาดนั้น ผมต้องไม่อยากทำพิธีต่อแน่ๆ และมันไม่อาจหยุดกลางคัน การดึงพลังของคนคนหนึ่งออกมาแล้วหยุดชะงัก จะยิ่งทำให้ทุกอย่างรวน ผมไม่กล้าเสี่ยง ผมทำพิธีให้ไคริได้เพราะไม่รู้สึกอะไรกับเขา และผมทำมันได้จนจบโดยไม่หยุด แต่กับลูกไก่น้อยตรงหน้า ถ้าเขาแค่ร้องครางเพราะความเจ็บปวดผมก็คงจะหยุด ผมคงไม่อาจยืนมองและท่องมนตร์ใส่เขาต่อไปเรื่อยๆหรอก
“ก็ดีกว่าการที่คุณมัวแต่สืบหาเรื่องของผมจนไม่ได้กินได้นอนอย่างนั้น ให้มันจบๆไปเลย นะ ทำพิธีนั่นให้ผม” นาโอยูกิยืนยันหนักแน่น
“ถ้า ถ้าอย่างนั้นพี่ต้องให้คนอื่นมาทำให้ พี่ทำให้เราไม่ไหวจริงๆนาโอะจัง” ผมปฏิเสธ เกิดผมหยุดแล้วเขาบาดเจ็บหนักถึงชีวิตและก็ ผมคงไม่อาจให้อภัยตัวเอง และผมไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
“มีคนอื่นอีกเหรอที่ทำได้” เขาดูจะแปลกใจ
“ใช่ พี่ไม่ใช่จิ้งจอกเก้าหางตนเดียวที่เหลืออยู่หรอก มีอีกเพียบเลย ถึงพลังพวกเขาจะไม่แรงเท่าตระกูลหลักอย่างตระกูลอินาริของพี่ แต่ฝีมือก็ไม่ได้ยิ่งหย่อน ไว้พี่จะพาเราไป” ผมอธิบาย ถึงผมจะไม่อยากให้เจ้าพวกนั้นเจอลูกไก่น้อยของผม แต่คงไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้ เจ้าพวกนั่นต้องชอบนาโอะจังของผมแน่ๆ ก็เขาน่ารักแถมยังหอมเสียขนาดนี้ กลิ่นหอมบริสุทธิ์ที่ดึงดูดพวกเราชาวจิ้งจอก ผมคิดหนักกว่าเดิม แต่นาโอยูกิยิ้มเห็นด้วยกับความคิดของผม
“ไว้คุณหายดีแล้วพาผมไปนะ” เขายิ้มหวานมา แล้วผมจะปฏิเสธได้ยังไง
ผมไม่อยากจะหายดีเลย แต่เพราะยาที่ไอเอามาให้มันได้ผลซะเหลือเกิน ผมเลยหายดีในเวลาต่อมา และต้องพาเขาไปอีกจังหวัดหนึ่งเพื่อไปหาเจ้าจิ้งจอกเก้าหางเพื่อนเก่าแก่ที่ไม่ได้เจอกันมานาน เรื่องนี้นาโอยูกิไม่ได้บอกไคริ เขาบอกว่าอยากรู้ด้วยตัวเองก่อนจึงจะบอกน้องชายทีหลัง เขาไม่อยากให้ไคริเป็นห่วง หากเขาเป็นอะไรที่คาดไม่ถึง ดูท่าว่าเขาจะรักน้องจริงๆ
ผมขับรถประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงวัดขนาดกลางที่อยู่ห่างออกไปจากชุมชน ผมพานาโอยูกิลงมา จับมือเขาเอาไว้
“กลัวไหม” ผมกระซิบถาม เมื่อเราเริ่มเดินเข้าไปในวัดที่ไม่คุ้นเคย
“อืม นิดนึง” เขาตอบรับมา มือเล็กบีบมือผมแน่น ดูเหมือนเขาเดินชิดๆกับผมด้วย ผมชอบความรู้สึกนี้แหะ ความรู้สึกที่ว่าเขาอยู่ใกล้ผมแล้วจะปลอดภัยถึงได้เกาะติดผมหนึบขนาดนี้ เขาคงไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังพึ่งพิงผมอยู่ แต่ผมงี้ปลื้มจนยิ้มหน้าบานแล้ว ผมเห็นจิ้งจอกสีแดงเพลิงตัวหนึ่งแถวๆหลังคาวัด มันมองผมแล้วก็ผลุบหายไป คงเป็นลูกน้องของเจ้านั่น น่าจะไปบอกข่าวว่าผมมา ผมเดินเข้าไปในตัววัดไม่นานเลย ชายหนุ่มรูปร่างใหญ่โตพอๆกับผมก็เดินออกมาหา เขาอยู่ในชุดนักพรตสีแดงเช่นเดียวกับของผม ผมของเขาเป็นสีส้มยาวพอๆกับผมของนาโอยูกิ สีหน้ากวนๆนั่น กี่ปีก็ยังเหมือนเดิม เขามองมาที่ผมแค่แปปเดียว ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับคนข้างกายผม แววตาเป็นประกายอย่างปิดไม่มิด
“ไงเรียวเมย์ ถ่อมาทำอะไรที่นี่ แล้วนี่ใคร เด็กนายเหรอ กลิ่นดีชะมัด” เขาทำจมูกฟุดฟิด ก่อนจะเริ่มขมวดคิ้ว
“ไม่ใช่เด็กฉัน เขาเป็นคนรักของฉันแล้วก็อย่ายื่นหน้ามาใกล้ๆด้วย ฉันมาให้นายช่วยอะไรนิดหน่อยชูจิ” ผมไม่อ้อมค้อมแต่เข้าเรื่องทันที เพราะเขาเอาหน้ามาใกล้ลูกไก่น้อยของผมเกินเหตุ นาโอยูกิกระพริบตาปริบๆ ยังคงขยับตัวมาชิดกับผม คงสัมผัสได้ว่าไอ้ชูจิมันไม่น่าไว้ใจ
ตรงหน้าผมนี่คือคิริซาว่า ชูจิ หนึ่งในจิ้งจอกเก้าหางไม่กี่ตัวในญี่ปุ่นที่มีพลังเหลือเฟือและสูสีกับผม มันเคยสู้กับผมเมื่อห้าสิบปีก่อนเพราะหวังจะแย่งศาลเจ้าอินาริที่มีผู้คนเลื่อมใสศรัทธาอยู่มาก ยิ่งทำให้หาเหยื่อได้ง่าย แต่เพราะว่าสู้แพ้ มันถึงได้มาเป็นหัวหน้าฝูงจิ้งจอกอีกแห่งอยู่ที่นี่ กลายเป็นแหล่งที่อยู่ของจิ้งจอกสีเพลิงเช่นเดียวกับผม ที่เป็นแหล่งที่อยู่ของจิ้งจอกสีเงิน ผมกับมันไม่ได้ติดต่ออะไรกันมากนัก แต่เคยร่วมมือกันกำจัดพวกที่เขามาระรานจิ้งจอก นั่นทำให้พอจะเรียกได้ว่าเพื่อนอยู่บ้าง แต่แน่นอนผมไม่ไว้ใจเจ้านี่เต็มร้อยหรอก
“ช่วย? เรื่องของหนุ่มน้อยนี่เหรอ ถ้าฉันช่วยจะได้อะไรตอบแทนล่ะ นายจะยกเขาให้ฉันสักคืนสองคืนรึเปล่า” มันยักคิ้วหลิ่วตาใส่นาโอยูกิที่ทำหน้าเหวอ ก่อนจะเริ่มดูโกรธๆที่ถูกพูดจาแบบนั้นใส่
“ผมไม่ใช่สิ่งของที่จะยกให้คนนั้นคนนี้นะ” เขาแทรกขึ้นอย่างอดไม่ได้
“โอ๊ะ เสียงก็เพราะด้วยล่ะ สวัสดีพี่ชื่อชูจิ นายชื่ออะไรเหรอ” เขายิ้มกรุ้มกริ่มแล้วทำเป็นแนะนำตัวกับลูกไก่น้อย ผมไม่ปล่อยให้เขาแหย่คนของผมนานไปกว่านั้น ผมก้าวเข้าไปแทรกระหว่างทั้งสองคนแล้วจ้องหน้าชูจิ
“ฉันจะยกเด็กฉันให้นาย .. ทั้งหมด ว่าไง นายจะช่วยฉันไหม”
“โห ทั้งหมดเลยเหรอ ใจป้ำชะมัด ทั้งหมดนั่นรวมทั้งคนข้างหลังนาย?”
“ฉันว่าฉันพูดชัดแล้วว่าเขาไม่ใช่เด็กฉัน” ผมเริ่มคำรามในลำคอ ชูจิที่เห็นผมเริ่มไม่เล่นด้วยก็เลยยอมผละออกไปห่างๆ
“ไม่สนุกเลย เอาเป็นว่าฉันขอ .. ใครนะ อินาริ ไอคนเดียว ถ้านายให้ ฉันจะช่วยนาย ไม่ว่าอะไรก็ตาม ฉันจะช่วย ว่าไงล่ะ” มันยักไหล่ สีหน้าเต็มไปด้วยความสนุก ผมไม่รู้ว่ามันรู้จักไอได้ยังไง ในเมื่อตอนที่มันรู้จักกับผม ไอยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ แล้วเรื่องอะไรผมจะยกหลานตัวเองให้มันง่ายๆล่ะ
“นายจะเล่นตลกอะไร นั่นหลานฉัน และเขายังเด็ก !”
“เด็กๆก็ยิ่งดีไง หอมหวาน หึหึ แล้วช่วยอะไรล่ะ บอกมาก่อนก็ได้ เผื่อจะใจอ่อน” เขาทำเป็นผิวปากสบายๆ กวนจนผมแทบพุ่งไปสร้างแผลบนหน้าเขาสักรอย
แต่เรื่องของนาโอยูกิสำคัญกว่า ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ปกติ แล้วอธิบายคร่าวๆว่านาโอยูกิมีพลังอะไร และผมต้องการให้เขาใช้มนตร์แสดงร่างจริงของนาโอยูกิออกมา เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเริ่มครุ่นคิด
“ก็น่าสนุกดี ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ จะช่วยก็ได้ ถ้านายยอมไปเดทกับฉันสักสามวัน ไงหนุ่มน้อย ตกลงไหม ถ้าไม่ก็กลับไป ได้เด็กของนายมันไม่สนุกหรอก ถ้าไม่ใช่คนสำคัญของนายมันจะไปน่าต่อรองอะไรล่ะเรียวเมย์” มันยกยิ้มชั่วใส่ผม ผมกำหมัดแน่น ลืมไปว่าจับมือกับลูกไก่น้อยอยู่ เขาร้องโอ๊ยเบาๆ ผมจึงต้องหันไปขอโทษ นาโอยูกิส่ายหัวว่าไม่ถือสา ก่อนจะหันไปจ้องตากับชูจิ ผมว่าผมรู้จักสายตานี้ เขากำลังจะตอบตกลง !?
“ได้ ตกลง” เขาพูดขึ้นก่อนที่ผมจะปิดปากเขาทัน
“นาโอะจัง !” ผมร้องเสียงดัง
“อ่าฮ้า งั้นมาที่นี่เลยจ๊ะ เดี๋ยวพี่ทำพิธีให้ นายไม่ต้องมามองหน้าฉันอย่างนั้น เขาตกลงกับฉันเอง ช่วยไม่ได้ คนมันหน้าตาดี” ชูจิยักไหล่กวนตีนผม เขานำทางลูกไก่น้อยที่ปล่อยมือผมแล้วเดินตามคนแปลกหน้าไปเสียเฉยๆ ผมเลยต้องรีบเดินตามเขาไป นาโอะจัง ! ตกลงเรื่องบ้าอะไรเนี่ย ถึงจะแค่เดทผมก็หึงนะโว้ย
“หึหึ เห็นเจ้าพ่อจิ้งจอกเงินทำหน้าบูดแบบนี้ก็สนุกดี”
“หุบปากไปชูจิ” ผมสวนกลับทันควัน ไม่พอใจสุดๆ แต่ดูเหมือนนาโอยูกิจะอมยิ้มเมื่อหันมามองผม แต่พอผมหันไปมองตอบเขาก็ทำหน้าเฉยๆ
แกล้งกันใช่ไหม ? จงใจทำให้ผมหวงแทบบ้าใช่ไหมตัวแสบ
“มันจะเจ็บมากนายรู้ใช่ไหม เพราะงั้นอดทนหน่อยนะ” ชูจิเริ่มเข้าโหมดจริงจังเมื่อจับนาโอยูกินั่งลงตรงกลางห้อง ลูกไก่น้อยของผมพยักหน้า ส่วนผมเองอยู่ไม่ห่างนัก คอยระวังว่าเขาจะไม่เจ็บปวดเกินไปจนเป็นอันตราย
“พร้อมแล้ว ฉันจะเริ่ม อย่าพูดอะไรกันล่ะ เพราะมันจะทำให้ฉันเสียสมาธิ อ้อ หนุ่มน้อยถอดสร้อยที่คอออกด้วย มันกันมนตร์ของฉัน เดี๋ยวมันจะอันตราย” เขาจิ้มลงไปที่คอ อ๊า จี้นั่นเองที่ทำให้ผมอ่านใจเขาไม่ได้ ทำไมผมไม่ได้สังเกตมาก่อนเลยว่าเขาใส่มัน นาโอยูกิเหลือบมองผมเล็กน้อย แล้วถอดสร้อยมาฝากผมไว้ พอผมได้จับตัวสร้อยก็รู้ชัด มนตร์ของยักษ์ คัตสึโทชิให้เขามาอย่างนั่นเรอะ
ทั้งผมและนาโอยูกิพยักหน้า ลูกไก่น้อยมีสีหน้ากังวล แต่ผมยิ้มแล้วขยับปากบอกเขาไปว่า ผมอยู่ตรงนี้ เขาจึงยอมสงบแล้วหลับตาลง เสียงร่ายมนตร์ค่อยๆดังขึ้น ลูกประคำสีส้มกระจายออกจากตัวของชูจิไปล้อมรอบตัวของนาโอยูกิ ผมเห็นเขาขมวดคิ้วและเม้มปาก คงเริ่มรู้สึกขึ้นมาบ้างแล้ว มาถึงตอนนี้ผมอ่านใจเขาได้แล้ว ดูเขาสับสนและกังวลมาก
“อึก” เขาส่งเสียงเบาๆ เหงื่อไหลออกมาท่วมตัว และเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี ชูจิหลับตาลง และร่ายมนตร์ต่อไปเรื่อยๆ แสงสีส้มจากลูกประคำนั่นถูกแทรกขึ้นด้วยแสงสีขาวที่ออกมาจากตัวนาโอยูกิ
‘ร้อน ..เจ็บ นี่เป็นสิ่งที่ไคริรู้สึกอย่างนั้นเหรอ ทรมานชะมัดเลย’
เสียงความคิดของเขาทำเอาผมยืนไม่ติดที่ อยากเข้าไปกอด อยากปลอบเขา ฉับพลันเขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เสียงดังจนผมรู้สึกเจ็บไปด้วย เขาล้มลงนอนกับพื้น ท่าทางของเขาทำผมแทบทนไม่ได้ ผมต้องเบือนหน้าหนีไปมองชูจิ ภาวนาให้มันจบลงเร็วๆ เสียงของเขาบาดลึกเข้ามาในใจผม เสียงครวญครางแสนทรมานราวกับถูกเผาทั้งเป็น เสียงมนตร์เริ่มดังขึ้นและเร็วขึ้น ชูจิเองก็เหงื่อตก คงเพราะร่างจริงเขาไม่ยอมออกมาง่ายๆ
“เรียวเมย์ ร่างกายเขาต่อต้านมนตร์” ชูจิลืมตาแล้วหันมามองหน้าผม
“หมายความว่าไง มันจะได้ผลไหม”
“ไม่แน่ใจ แต่นายก็รู้ เราหยุดไม่ได้จนกว่าจะจบพิธี ฉันต้องร่ายมนตร์ต่อ และฉันไม่แน่ใจว่าเขาไหว” ชูจิพูดรัวๆก่อนจะเริ่มร่ายมนตร์ต่อ
“อ๊า เรียวเมย์” เขาร้องเสียงดัง น้ำตารื้นขึ้นมาเอ่อดวงตาคู่สวย ก่อนจะไหลลงมาอาบแก้ม คิ้วเขาขมวดกันแน่น ผมทนไม่ไหวจริงๆ ต้องวิ่งเข้าไปจับเขา น่าแปลกที่แสงสีขาวนั่นไม่ทำให้ผมร้อน มันเย็น เย็นจัดจนเหมือนเขากำลังถูกแช่แช็ง ผมกอดเขาไว้ จูบตามหน้าผากและแก้ม หวังว่ามันจะช่วยได้ ไม่มากก็น้อย
“ไหวไหม” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“เจ็บ มันร้อน แล้วก็ยะ เย็น” เขาสะอื้น ร้องไห้อย่างน่าสงสาร มือเขากำเสื้อผมไว้แน่น กัดปากจนเลือดไหลออกมา ชูจิยังคงพยายามสุดความสามารถ แต่แล้วแสงสีขาวที่ล้อมรอบตัวเขามันก็ทำให้ผมเจ็บ เจ็บจนกอดเขาไว้ไม่ได้ ผมต้องถอยออกมา มันไม่เหมือนไฟช็อต และอธิบายไม่ได้ว่าทำไมผมถึงได้เจ็บ ร่างของเขาทั่วทั้งร่างมีลายสีเงินพาดผ่าน ไม่ว่าจะใบหน้า ลำคอ แขน และขา
“นี่มันอะไร ..” ผมอุทานออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ลายนั่นวิ่งพล่านทั่วร่างเขาเหมือนมันชีวิต แต่แล้วก็หายไป เสียงร้องของมันทรมานมากเหมือนจะขาดใจ ถ้าผมเป็นคนทำพิธี ผมต้องหยุดแล้วมากอดเขาไว้แน่ๆ ผมคิดดีแล้วที่มาให้ชูจิทำพิธี ถึงแม้ว่าเสียงร้องที่สุดแสนเจ็บปวดจะทำให้ชูจิไขว้เขวไปบ้าง แต่เขาก็ทำพิธีต่อไม่มีสะดุด ฉับพลันแสงสีขาวกลายเป็นแสงสีส้ม ไฟลุกพรึ่บทั่วร่างเขา เสียงร้องโหยหวนนั่นทำผมสะดุ้ง เขาจะเป็นอะไรรึเปล่า ? หรือนี่พลังฝั่งปีศาจของเขา ในเมื่อเมื่อกี้เป็นสีขาวก็น่าจะเป็นฝั่งเทพ ? ผมไม่รู้อะไรแล้วตอนนี้ ไฟเริ่มมอดลง ปรากฏเป็นเขาสองข้างบนหัวของเขา นั่นไม่ธรรมดาเลย ไม่ใช่เขาเล็กๆอย่างที่เคยเห็นจากไคริ มันยาวไปด้านหลัง เขาแพะสีดำ? แล้วนั่น ปีก ? ปีกสีดำข้างหนึ่ง และสีขาวข้างหนึ่ง เสียงร่ายมนตร์สิ้นสุดลง พร้อมทั้งความทรมานของนาโอยูกิ จบพิธีแล้ว และผมรีบวิ่งไปหาเขาที่นอนอย่างอ่อนแรงอยู่บนพื้น
“จบแล้ว นาโอะจัง มันจบแล้ว” ผมจูบหน้าผากชื้นเหงื่อของเขา ดวงตาของเขาเป็นสีส้มเหมือนดวงตาของปีศาจ แต่เป็นเพียงข้างเดียว ผมตกตะลึงกับรูปลักษณ์ของเขามากก็จริง แต่ไม่เท่าความเป็นห่วง
“ว้าว นี่มัน .. ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย จะว่าไงดี” ชูจิหอบหายใจอยู่ด้านหลัง คงจะเหนื่อยเอาการ ผมเช็ดเหงื่อให้นาโอยูกิที่เริ่มสำรวจตัวเอง
“ผมมีปีก ?” เขาพูดขึ้นเสียงแผ่ว ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าที่ควร
“ใช่ นายเป็นลูกครึ่ง ของจริงเสียด้วย ปีกแบบนี้เป็นปีกของปีศาจและปีกของเทพ นายมีมันทั้งสองอย่างเลย” ผมยิ้มให้เขา ยกเขาขึ้นมากอด โล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไรระหว่างการทำพิธี มือน้อยๆนั่นเริ่มคลำมาเจอเขาบนหัว เขาทำหน้าประหลาดใส่ผม คงจะตกใจตัวเองที่เปลี่ยนไปแบบนี้
“ไปเจอมาจากไหนเนี่ย พันธุ์แท้เลย ลักษณะของทั้งปีศาจและเทพมาเต็มทั้งสองอย่าง” ชูจิโผล่หน้ามาหาผม
“โอ๊ะ” จู่ๆนาโอยูกิก็ร้อง แล้วๆไฟสีส้มก็ลุกพรึ่บที่มือเขา มันร้อนจนผมต้องถอยหนี เขาดูตกใจและควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อไฟไม่ได้ลุกแค่ที่มือแต่ลุกทั้งตัวเขาเลย ผมขมวดคิ้ว พอยื่นมือไปแตะก็พบว่าร้อน ไฟของจริง ไม่ใช่ภาพมายาอะไรทั้งนั้น นาโอยูกิไอแค่ก แล้วก็กระอักเลือดออกมาทางปากกับจมูก แย่แล้ว เขาคุมมันไม่ได้ ไฟโหมอยู่ทั่วร่าง ผมไม่แน่ใจว่าตัวเขาเองร้อนหรือเปล่า แต่จู่ๆ มันก็กลายเป็นสีขาว สีส้ม สลับกันไปมาอย่างบ้าคลั่ง และไฟเริ่มจะติดวัดของชูจิ แต่พอไฟสีขาวไปโดน ไฟสีส้มก็ดับ นี่มันบ้าชัดๆ
“นาโอะจัง นาโอะจัง ใจเย็นๆ อย่าตกใจ” ผมต้องรีบตะโกนเรียกสติเขา พลังพวกนี้แข็งแรงได้จากความรู้สึก ถ้าเป็นอย่างที่ท่านผู้เฒ่าบอกล่ะก็
“เรียวเมย์ !” เขาร้องหาผม เลือดไหลออกมาไม่หยุดจนเขาสลบไป
“นายเจอของหนักแล้วล่ะ” ชูจิหันมาทำหน้าเครียดใส่ผม ไฟทั้งหมดดับไปพร้อมกับสติของเขา ผมต้องรีบอุ้มเขาออกมาแล้วรักษาด้วยมนตร์เท่าที่ผมพอจะทำได้ อวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บอีกเช่นเคย ภายในของเขามันแย่ไปหมด และเขาหายใจแผ่วเหลือเกิน ผมจะสติแตกตามเมื่อพบว่าเลือดไหลออกทางหูและตาของเขาด้วย ผมดึงพลังทั้งหมดที่มีเพื่อออกมารักษาเขา แต่มันไม่ไหว เหมือนอวัยวะภายในทุกอย่างของเขาพร้อมใจกันหยุดทำงาน ลมหายใจของเขาเบาลงทุกขณะ ชูจิเห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามาช่วยผมอีกแรง และคราวนี้ผมขอบคุณเขาจริงๆ กว่าเลือดจะหยุดไหล ทั้งผมและชูจิก็แทบหมดแรง
“ขอบใจนายมาก นายช่วยเขาไว้” ผมตบบ่าชูจิ
“ก็ไม่อยากเห็นเขาตายต่อหน้าหรอก แล้วนายจะทำยังไงเนี่ย พลังเขาแรงมากจนสยองเลย” ชูจิจดจ้องนาโอยูกิที่หลับไม่รู้เรื่อง
“ไม่รู้สิ แต่ตอนนี้ต้องพาเขาไปรักษาภายในก่อน พลังของฉันรับไม่ไหวแล้ว” ผมพูดไปตามจริง เมื่อกี้เขาเกือบตายแล้ว ผมไม่ได้ล้อเล่น แต่ถ้าชูจิไม่ยื่นมือเขามาช่วย เขาโคม่าและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแน่ๆ มันร้ายแรงกว่าตอนที่เขาทำร้ายผม ดูเหมือนพลังของเขามันตีกันมั่วไปหมด
“ไม่อยากพูดคำนี้หรอก แต่ขอให้โชคดี นายดูท่าจะรักเขามากจริงๆเสียด้วย” ชูจิยกยิ้มให้ผมเล็กน้อย ผมก็พยักหน้ารับ
“เขาหายดีแล้วอย่าลืมสัญญาเดทของฉันล่ะ หึหึ” ชูจิยังไม่วายแหย่ผม
“ค่อยว่ากัน” ผมตะโกนไล่หลัง แล้วรีบอุ้มเขาขึ้นรถ พาไปที่บ้านของฮิโรโตะโดยเร็วที่สุด ผมไม่รู้ว่าร่างกายเขาทนรับอาการบาดเจ็บได้นานแค่ไหน
ผมคิดผิดหรือเปล่าที่ให้เขาได้แสดงร่างจริงออกมา ร่างเล็กๆของเขารับพลังที่มากมายขนาดนี้ไม่ไหว ผมฆ่าเขาทั้งเป็นใช่ไหม ? ผมเหยียบคันเร่ง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนึงของขามา ก่อนจะรีบอุ้มเขาลงไปหาพ่อของฮิโรโตะ การาสุเทนกุผู้เชี่ยวชาญมนตร์มายาและชาญฉลาด ถึงแม้ว่าผมกับเขาจะไม่ถูกกันมาก่อน และไม่เคยต้องข้องเกี่ยวกันไม่ว่ากรณีใดๆ แต่ตอนนี้ไม่สนศักดิ์ศรีและอะไรอีกแล้ว ผมคุกเข่าลงขอร้องให้เขาช่วยนาโอยูกิ ถึงเขาจะตกใจอยู่บ้างแต่ก็รีบเข้ามารับร่างบางไปโดยเร็ว ทุกคนวิ่งวุ่นและเรียกกัปปะมารักษาเขาอีกแรง ผมพยายามถึงที่สุดแล้ว แต่พลังที่ผมดึงมาใช้ไปจนหมด ก็ทำร้ายผมเช่นเดียวกัน เมื่อผมหน้ามืดและล้มลง ไม่ห่างจากร่างของนาโอยูกิ
พี่ขอโทษ พี่ขอโทษที่ทำให้นายเจ็บปวด …ตื่นมาหาพี่เถอะนะ
------------------------------------------------------------------------------------------
つづく
มาล่ะ ร่างเต็ม ร่างจริง ร่างระดับลาสบอสของนาโอะจัง
แต่ว่าไฟส้ม เบากว่าไฟน้ำเงินของไครินะคะ ถึงอย่างนั้นมีทั้งฝั่งปีศาจและเทพในคนเดียวกัน
นาโอะจังเลยควบคุมมันได้ยากสุดๆ เดือดร้อนเรียวเมย์ได้เกรียมเป็นจิ้งจอกย่าง ตามนกย่างภาคแรกไปค่ะ ฮา
เผื่อไม่เห็นภาพ ร่างเต็มจะประมาณนี้ค่ะ (เครดิตที่ไหนจำไม่ได้แล้ว ฮืออ)
lock_kim >> เปิดเผยแล้ว หวั่นกว่าเดิมไหมคะ >[]<
so hunter >> เรียวเมย์เหมือนเด็กเพิ่งหัดรัก แม้จะเป็นตาแก่หื่นๆก็ตาม ฮ่าๆ
NamKudos >> สถานภาพนาโอะจังตอนนี้ จิ้งจอกก็จิ้งจอกเถอะ หึหึหึหึหึหึ
CiNdErElLa&Me >> เรียวเมย์ยอมบอกความจริงแล้ว แต่จะได้ใช้เวลาด้วยกันไหมนะ นาโอะจังพลังแปรปรวนขนาดนี้
อีกาสีขาว >> เปลี่ยนมาเป็นกังวลใจแทน ถ้านาโอะจังรู้ว่าวันๆเรียวเมย์คิดอะไรบ้าง จะรู้เลยว่าเป็นจิ้งจอกขี้นอย และคิดมากขนาดไหน 555
โหล่วโล้ >> ยังไม่แสดงพลัง แต่แสดงร่างออกมาแล้ว กรี๊ดดดด
Yokai >> มังกรยกอยู่เหนือสุด เลยไม่ค่อยมาสังสรรค์ 555 ระดับพลังต่างกันมาก แต่นาโอะจังก็เกือบๆจะเท่านะ หึหึ
=_=!!!KwAnZ@ >> พลังยังไม่เปิดชัด แต่ร่างจริงมาแล้ว TOT กลัวนาโอะจังกันไหม
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

/คิดถึงคุณยักษ์จัง T T พาคุณยักษ์ออกมามั่งน้า เราคิดถึง ._.