ตอนที่ 17 : ภาค 1 ตอนที่ 16
16
ไม่อยากจะเชื่อเลย ผมได้ยินเสียงแปลกๆไม่กี่นาทีเท่านั้น ผมก็รีบวิ่งออกมาที่ห้องของไคริ เห็นประตูแง้มอยู่น้อยๆ พร้อมกับเสียงหวดของแส้ที่ด้านข้างของตัวบ้าน ผมรีบวิ่งตามไปทันที และผมประมาทเกินไป อินุงามิถึงได้เอาตัวเขาไปได้ง่ายๆ ซ้ำร้ายภูติหิมะอย่างยูกิอนนะยังมาปิดทางไม่ให้ผมตามไปอีก
“เดี๋ยวนี้ทำงานให้องเมียวจิเหรอ” ผมถามพลางซัดลมรุนแรงเข้าใส่เธออย่างไม่คิดจะยั้งมือ เธอสร้างน้ำแข็งขึ้นบังลมพวกนั้น
“ก็ไม่เชิง ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องของนายพ่อรูปหล่อ นายเป็นอะไรกับเขาหรือไงถึงต้องไปช่วย”เธอหลบหลีกสายลมของผม แล้วขยับมาใกล้ๆ ลากนิ้วที่เย็นเชียบไปตามกรอบหน้าของผม คัตสึโทชิก็ยืนนิ่งเชียว
“แล้วเธอเป็นอะไรกับฉันหรือไง ฉันถึงต้องบอก” ผมแสยะยิ้มแล้วจับข้อมือเธอไว้ เธอไม่ทันได้ระวัง ผมถึงซัดลมใส่เธออย่างรุนแรงพอๆกับพายุขนาดย่อม ความเร็วและคมกริบของลมกรีดรอบตัวเธอได้ยินเสียงบาดดังทั่ว เธอจ้องมาที่ผมอย่างอาฆาตก่อนจะเป่าลมออกจากปาก ความหนาวเย็นและหิมะพุ่งเข้าหาตัวผม แต่แล้วยังไงเหรอ ? หิมะจะสู้อะไรกับลมได้ แค่พัดแรงๆเท่านั้นก็ปลิวกระเด็นกลับไปหาเจ้าของ เธอกรี๊ดดังจนผมแสบแก้วหู
“นี่ฉันเป็นผู้หญิงนะ !! นายกล้าดียังไง ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย” เธอกรีดร้อง ความสวยงามภายนอกไม่อาจช่วยให้ผมสงสารได้
“ผู้หญิงแล้วทำไม ? เธอจับตัวคนของฉันไป ถ้าไม่คายออกมาว่าใครเป็นคนสั่ง และตอนนี้ไคริอยู่ที่ไหน เธอได้เสียโฉมแน่” ผมกางปีกออกแล้วบินขึ้นเหนือหัวเธอ ความโกรธและเป็นห่วงไคริเริ่มปะทุอยู่ในอก สายฟ้าจากพลังของผมเริ่มซัดสาดเข้าใกล้ตัวเธอ เกิดเสียงปะทะดังเปรี้ยงปร้าง โชคร้ายเพียงอย่างเดียวในการสู้กับเธอก็คือ เธอตายไปแล้ว และเธอไม่อาจจะตายได้อีก ทำให้ผมทำร้ายเธอแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางหายไป อย่างมากก็แค่เจ็บ ผิดกับผมที่มีเลือดเนื้อ
“คิดว่านายทำได้หรือไง” เธอแผดเสียง แล้วพุ่งขึ้นมาหาผมด้านบน เล่นมาทั้งน้ำแข็งก้อนเท่าหัว ทั้งหิมะ มั่วซั่วไปหมด แต่ผมสร้างลมขึ้นห่อหุ้มตัวเองแล้ว มันยากที่หิมะพวกนั้นจะทะลุเข้ามาได้
“คัตสึโทชิ ทำอะไรสักอย่างสิ ! ไคริอยู่ในอันตรายนะ” ผมตะโกนลงไปหาเจ้ายักษ์ที่แสนจะรักเพื่อน เมื่อเขายืนมองผมนิ่งๆ
“เฮ้อ ก็ได้” เขาถอนหายใจ พึมพำอะไรบางอย่าง ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับเขา ผมก็ไม่ค่อยรู้นักว่าเขาพึมพำอะไร แต่ดูเหมือนจะเป็นมนตร์เฉพาะของพวกยักษ์ ไอสีดำดูไม่น่าไว้ใจไหลมาจากมือของคัตสึโทชิ ดวงตาที่สามของเขาดำสนิทจนไม่เหลือตาขาวอยู่เลย ยูกิอนนะนิ่งแล้วหันไปมองอย่างหวาดผวา เธอกำลังจะหลบหนี แต่ไอสีดำนั้นจับตัวเธอไว้ได้เสียก่อน มันรัดตัวเธอไปรอบๆเหมือนเถาวัลย์ที่กำลังกัดกินเธอ ปากของคัตสึโทชิยังคงพึมพำมนตร์น่าพิศวง ผมบินกลับลงมาอยู่ด้านล่าง มองสถานการณ์ เพราะตอนนี้ต่อให้รีบตามไคริจังไปก็คงจะไม่เจอ ต้องถามเอาจากยัยภูติหิมะเนี่ยแหละ
“เฮ้ๆ เธอจะตายไหม” ผมกระซิบ เริ่มไม่แน่ใจเมื่อหน้าเธอซีด เส้นเลือดเริ่มขึ้นตามมือและใบหน้า มันสยดสยองจนแม้แต่ผมเองยังไม่ค่อยอยากมอง
“เธอก็ตายตั้งนานแล้ว” คัตสึโทชิตอบกลับเสียงเรียบ คว้าเอาลูกแก้วสีขาวด้านในยูกาตะออกมา ดีดเบาๆเข้าหาตัวหญิงสาว แล้วเธอก็ถูกดูดเข้าไปในนั้นอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงกรีดร้องที่ทำผมแทบหูหนวก ผมนิ่งค้าง มองหน้าเจ้ายักษ์ที่ปิดตาที่สามลง หน้าผากเรียบสนิทเหมือนไม่เคยมีอะไรอยู่ตรงนั้น
“พลังเธอเยอะ อยู่ได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ลูกแก้วก็จะแตก และเธอจะหนีไปได้ คงขังไว้ได้สักคืนนึง ถ้าจะปล่อยเธอออกมาถามว่าจับไคริไปไหน ฉันว่าเธอคงไม่ตอบอะไรนายหรอก” คัตสึโทชิเก็บลูกแก้วเข้าไปในถุงเล็กๆ แล้วเก็บมันกลับเข้าอกเสื้อด้านใน ผมแอบเห็นอีกหลายถุง มันเก็บอะไรไว้บ้างเนี่ย
“จริงๆแล้วนายก็คล้ายๆองเมียวรึเปล่า นายจับปีศาจได้” ผมพึมพำ
“ไม่ ไม่เลย ฉันแค่จับ พวกเขาฆ่า อย่าเข้าใจผิด ต่อให้เป็นภูติที่ตายไปแล้ว พวกเขาก็ทำให้สลายหายไปได้ หายไปเหมือนไม่เคยมีตัวตนอยู่” คัตสึโทชิพูดเรียบๆแล้วมองหน้าผม เป็นเชิงถามว่าจะเอายังไงต่อ
“แล้วจะให้ทำไง ให้กลับไปนอนตอนนี้ไม่ไหวหรอก”
“ไปหาเจ้าจิ้งจอกนั่น แล้วบอกเขา เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร อย่าลืม ถึงเจ้านั่นจะเป็นจิ้งจอก แต่ก็เป็นองเมียวจิเหมือนกัน นายจะได้รู้ ว่าองเมียวจิทำอะไรได้มากกว่าที่นายคิด และสักวันหนึ่ง ไคริจังของนาย ก็จะทำได้เช่นกัน”มันพูดแค่นั้นแล้วเดินหลบหายไปในเงามืดตามประสาคนพูดน้อยต่อยหนัก ผมยืนลังเลอยู่นาน แต่ความกังวลและความเป็นห่วงเอาชนะทิฐิลงไปได้ ผมกางปีกขึ้นอีกครั้ง แล้วโบยบินขึ้นสู่อากาศหนาวเหน็บยามราตรี บินตรงไปยังศาลเจ้าของอินาริ เรียวเมย์ ที่นี่เงียบสนิท จะว่าเงียบก็ไม่เชิง ผมเดินไปเดินมาไม่นานก็ได้ยินเสียงครางน่าสงสัย ผมนิ่งคิด แล้วก็นึกได้ว่าเจ้าแมวนั่นยังอยู่ที่นี่
“เฮ้ โทษทีที่ขัดจังหวะ” ผมเปิดประตูพรวดเข้าไปยังต้นตอ แต่กลับต้องตกใจเมื่อคนที่อยู่ใต้ร่างเจ้าจิ้งจอกหื่นกามไม่ใช่เจ้าแมวเหมียวเพื่อนรักของไคริ แต่เป็นหญิงสาวธรรมดาๆ ธรรมดาจริงๆ ไม่ใช่ปีศาจ แต่เป็นคนเลยล่ะ
“ว๊าย นี่ใครค่ะเรียวเมย์” เธอร้องอย่างมีจริตแต่ตานี่มองผมเป็นประกายเลย ผมถอนหายใจกับผู้หญิงคนนี้ นอนอยู่กับผู้ชายอีกคน แต่มาส่งสายตาให้ผมเนี่ยนะ คิดว่าสวยตายล่ะ ไคริดูดีกว่าตั้งไม่รู้กี่เท่า ผมเบ้ปากใส่เธออย่างไม่ปิดบัง แล้วก้าวยาวๆเข้าไปในห้อง จ้องหน้าเรียวเมย์ที่ดูไม่ค่อยพอใจที่ผมมาขัดจังหวะ
“มีอะไร” เขาลุกขึ้นนั่ง ไม่ได้ถอดชุดออกเสียด้วยซ้ำ เสื้อผ้ายังอยู่บนตัวครบสมบูรณ์ดีทุกอย่าง แม่สาวคนนั้นทำเป็นเอียงอาย แต่ตั้งใจโชว์สัดส่วนให้ผมดูชัดๆ ผมก็ดูสิครับ ดูแล้วทำหน้าเอือมๆใส่เธอ คือ ผมก็ผู้ชายปกติ เห็นแล้วก็ต้องอยากมอง แต่ถ้าอยากโชว์ปานนี้ผมก็หมดอารมณ์
“ไคริโดนอินุงามิจับตัวไป” ผมพูดเมื่อเห็นว่าสาวคนนั้นเลิกอ่อยผม และซุกตัวลงนอนในผ้าห่มหน้าตาเฉย
“อะไรนะ” เรียวเมย์ลุกขึ้นยืนพรวด แล้วเดินนำผมออกมาด้านนอก เขาวิ่งอย่างรวดเร็วเข้าไปส่วนในสุดของศาล มีแสงไฟสีส้มแดงน่ากลัว เขาเปิดประตูเข้าไปเห็นเหมือนแท่นที่นั่งทำพิธีตรงกลาง ด้านข้างมีกระดาษที่ลุกไหม้ ลมพัดกรรโชกจากด้านในของห้อง ทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เรียวเมย์ตาลุกวาว ทั้งหางและหูงอกออกมา เขากระโจนไปที่กองกระดาษนั้นและคว้ามันขึ้นมาด้วยมือเปล่า เขาจ้องไฟในมือนิ้ว ก่อนจะผิวปาก เพียงครู่เดียว เหล่าสุนัขจิ้งจอกขนสีเงินก็โผล่ขึ้นมาในห้องเก้าถึงสิบตัว เขาก้มลงพูดกับเจ้าพวกนั้น แล้วสุนัขจิ้งจอกทั้งสิบก็กระโดดออกไปจากห้อง หายไปในความมืด
“ตกลงนายรู้ไหมว่าใคร” ผมถามอย่างอดทนรอไม่ไหว
“ไม่แน่ใจนักหรอก ส่งพวกเด็กๆไปตามสืบแล้ว ชิมิซึไม่ได้มีศัตรูแค่ในตระกูล พวกปีศาจหรือแม้แต่องเมียวจิตระกูลอื่นก็ไม่อาจวางใจได้” เรียวเมย์ ขมวดคิ้วแล้วกำมือดับไฟทิ้งไปซะ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” เสียงงัวเงียๆดังมาทางประตู นาโอยูกิยืนหัวยุ่งอยู่ตรงนั้น ดูท่าว่าเพิ่งลุกจากที่นอน ผมมองหน้าเรียวเมย์ นี่นาโอยูกินอนที่นี่เรอะ ?
“ไม่มีอะไรหรอก เปิดหน้าต่างทิ้งไว้ ลมเลยพัดเข้ามาเสียงดังหน่ะ” เรียวเมย์หดหางไวมาก คงหดก่อนที่นาโอยูกิจะตื่นเต็มตา หนุ่มผมยาวขยี้ตาเล็กน้อยแล้วพยักหน้า เหมือนเด็กน้อยเพิ่งตื่นนอน เรียวเมย์ตรงเข้าไปลูบหัวแล้วพากลับไปที่ห้องพัก ผมขมวดคิ้ว ทำไมนาโอยูกิถึงไม่ได้ยินเสียงหวาบหวิวที่ผมได้ยินตอนเข้ามาในศาลเจ้าล่ะ ผมจ้องนาโอยูกิที่เดินงงๆ แล้วก็ทำหน้าตกใจเมื่อสังเกตเห็นผม นี่ตั้งแต่เมื่อกี้ไม่ได้มองเห็นผมในสายตาเลยเรอะ ?
“มะ มาได้ไง ?” เขาเอ่ยปากถามผมเสียงแผ่ว
“อ่า พอดีออกมาหาเหยื่อเลยแวะมา” ผมทำเนียนไป ยังไงเสียไคริก็เป็นน้องชายของเขา คงไม่ดีนักที่จะให้เขารู้ข่าวกลางดึก จะทำให้นอนไม่หลับเปล่าๆ
“นี่นายฆ่าคนเหรอ ! อาจารย์ ! ปล่อยเขาไว้ได้ยังไงกัน” นาโอยูกิร้องเบาๆ ท่าทางตกอกตกใจ เข้าไปหลบหลังเรียวเมย์ ผมเกือบจะขำออกมาแล้ว เขาก็เป็นอย่างนี้ตลอด เมื่อก่อนตอนที่เจอผมกับริวทาโร่แล้วมาไล่ปราบ พอปราบไม่สำเร็จก็กลัวๆ วิ่งหนีทุกที พวกผมถึงทำร้ายเขาไม่ลง อีกอย่างหน่ะ ปีศาจตัวร้ายก็คือคนที่เขายืนหลบหลังอยู่นั่นแหละ
“เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นหรอก ไปนอนนะ” เรียวเมย์ยิ้มน้อยๆ เหมือนจะเอ็นดู นาโอยูกิดูสับสน แต่ก็ยอมเข้าไปนอนดีๆจนได้
“จิ้งจอกเจ้าเล่ห์” ผมพึมพำ เมื่อประตูปิดลงแล้ว เขายักไหล่ให้ผม
“ขอบใจ นั่นฉายาฉัน แล้วนายก็ไปนอนได้แล้ว ไม่ต้องห่วงอะไรมากนักหรอก เห็นอย่างนั้นไคริจังก็ใกล้เข้าช่วงหิวอีกแล้วล่ะนะ ก็เขาใช้พลังฝึกกับฉันไปเยอะ ถ้าภายในสองวันยังไม่ปล่อยเขา พวกนั้นได้โดนหม่ำแน่” เรียวเมย์ ยกยิ้มมุมปากแล้วทำท่าจะกลับไปยังห้องเดิมที่มีแม่สาวนางนั้นอยู่
“จิ้งจอกของนายจะกลับมาเมื่อไหร่”
“เมื่อพวกเขาหาไคริเจอ นายจะนอนที่นี่ก็ได้นะ มีห้องว่าง ข้างๆห้องนาโอยูกิหน่ะ” เขาชี้ๆไปอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ผมนึกหงุดหงิดขึ้นมาจนอดเอ่ยปากไม่ได้
“งั้นฉันไปนอนในห้องกับนาโอยูกิก็ได้สินะ นายคงไม่ว่าอะไร” ผมพูดแล้วทำท่าจะเดินเข้าไปจริงๆ แต่ก็อย่างที่คาดไว้ เล็บยาวๆของเรียวเมย์จิกลงบนไหล่แล้วดึงผมออกมา ตาก็จ้องซะดุ ทำเป็นหมาหวงก้างไปได้
“อย่ามาเล่นไม้นี้ ต้องการอะไร”
“แค่อยากให้นายช่วยใส่ใจปัญหาของฉันมากกว่านี้หน่อย ไม่ใช่สนใจแต่แม่สาวเหนียงยานในห้องนาย” ผมถอนหายใจ จริงๆเธอก็หุ่นดี และไม่ได้แก่อะไร เพียงแต่ผมไม่ชอบผู้หญิงง่ายๆแบบนี้
“เฮ้อ โอเครู้แล้วว่าเป็นห่วง ฉันจะอยู่ตรงนี้ อีกไม่นานเด็กๆของฉันก็คงกลับมา”เรียวเมย์ยอมแพ้และยืนกอดอกพิงกำแพง ผมเองก็รออยู่เงียบๆ และก็ไม่นานนักจริงๆ มีจิ้งจอกท่าทางสง่างามตัวนึงวิ่งเข้ามา เรียวเมย์สื่อสารกับจิ้งจอกตัวนั้นสักพัก เจ้าจิ้งจอกก็หายตัวไป เขาหันมาสบตากับผม
“เด็กของฉันตามไปได้แค่หน้าศาลเจ้าเท่านั้น วัดอีกแห่งของชิมิซึตระกูลย่อย อยู่ทางตอนเหนือลึกเข้าไปในป่า” เรียวเมย์พูดพลางขมวดคิ้ว
“บอกที่อยู่ชัดๆมา จะตามไปเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่คิดว่านายควรไป ที่นั่นมีองเมียวจิที่แข็งแกร่งและยิ่งทระนง เพราะเขาอยากจะเหนือกว่าไคริ เขาถึงได้จับตัวคนของนายไปไม่ใช่เหรอ แต่จะจับไปฆ่า ไปแกง หรือไปกิน ก็ไม่รู้ด้วยหรอกนะ เจ้าพวกนั้นฆ่าปีศาจไปหลายตนแล้ว ถึงได้มีปีศาจหลายพวกมาร้องทุกข์ที่ศาลเจ้าของฉัน ก็ช่วยได้บ้าง แต่ไม่คิดจะเข้าไปถึงถิ่นของมันหรอกนะ ไม่รู้ว่ามีกันกี่คน ถ้านายหลงเข้าไปในดงองเมียวจิผู้ปราบปีศาจ ต่อให้เก่งมาจากไหนก็ไม่น่ารอด อ๊า ที่สำคัญ นายมันพันธุ์หายากด้วย พวกเขาต้องชอบใจแน่ๆถ้าเจอนายเข้า” เรียวเมย์วิเคราะห์ แล้วยิ้มล้อเลียนผม
ตามที่เขาพูดนั่นแหละ การาสุเทนกุไม่ได้มีเยอะ นั่นทำให้พวกเราเป็นที่หมายตาขององเมียวจิหลายแห่ง แต่ด้วยพลังและบารมีของพ่อ ทำให้เราอยู่เย็นเป็นสุขมาจนทุกวันนี้ แต่ถึงอย่างไรผมไม่อาจปล่อยไคริอยู่ที่นั่นคนเดียวได้
“นายไม่ต้องห่วงฉัน แค่บอกที่อยู่มา แล้วก็เชิญเสวยสุขอยู่ที่นี่ไป” ผมพูดอย่างไม่แยแส ถ้าผมยังพาไคริจังกลับมาไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าผมจะยอมแพ้ง่ายๆเลย
“เหอะ ฉันไปด้วย”
“อะไรนะ” ผมพูดเสียงสูงอย่างไม่เชื่อหู จะไปด้วย ? ไปทำไม ?
“นายไม่เห็นหรือไง มันส่งสาสน์มาท้าทาย เล่นเผาชิคิงามิฉันซะหมดกองเลย กว่าจะทำได้แต่ล่ะใบไม่ใช่ง่ายๆนะ” เรียวเมย์บ่นอย่างหงุดหงิดแล้วแปลงร่างเป็นสุนัขจิ้งจอกสีเงินตัวใหญ่ เขามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะกระโดดนำออกไป ผมก็บินตามสิครับ เขาใช้มนตร์ของจิ้งจอกทำให้วิ่งได้ไวกว่าปกติหลายเท่า ทั้งผมและเขาจึงไปถึงก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นไม่นานนัก เราหยุดยืนอยู่ที่หน้าศาลเจ้า เรียวเมย์จับไหล่ผมไว้ด้วยอุ้งเท้าใหญ่โตไม่ให้เดินเข้าไป เขาด้อมๆมองๆอยู่พักใหญ่ ผมเองก็ชะเง้อมองผ่านเสาประตูเข้าไปด้านใน มันเงียบเชียบและมืดสนิท
“มีข่ายอาคม ถ้าเราก้าวเท้าเข้าไป พวกมันจะรู้ทันที”
“แล้วจะเอาไง อุตส่าห์มาถึงนี่แค่นี้ทำป๊อด” ผมพ่นลมออกจากจมูก แล้วบินขึ้นด้านบน รู้สึกเหมือนทะลุอะไรบางๆมา เรียวเมย์ส่ายหัวน้อยๆ แต่ก็กระโดดตามผมเข้ามา เขาทำจมูกฟุดฟิด แล้ววิ่งไวๆไปยังส่วนเรือนเล็กด้านใน
“เจอแล้ว” เรียวเมย์แปลงร่างเป็นคนแล้วทำปากบอกผมที่อยู่บนฟ้า ผมสังเกตโดยรอบแล้วยังไม่เห็นภูตผีตนไหนผ่านมา จึงรีบบินลงไปตามที่เจ้าจิ้งจอกบอก ผมเห็นไคริจังนอนขดตัวอยู่ ข้างกันนั้นมีอินุงามิตัวใหญ่ขดตัวล้อมรอบให้ความอบอุ่น แต่แล้วเจ้าหมานั่นก็ตื่น มันลุกขึ้นยืนแล้วขู่ฟ่อทันทีที่ได้กลิ่นพวกผม
“เฮ้ นายเจอเพื่อนแล้ว เข้าไปทักทายสิ” ผมเอาเท้าถีบเจ้าจิ้งจอกแรงๆจนเขาถลาไปด้านใน พุ่งเข้าหาคมเขี้ยวของอินุงามิ ขณะเดียวกันนั้นเอง ผมก็พุ่งตัวเข้าไปอุ้มไคริจังออกมา เจ้าหมายักษ์นั่นเลิกสนใจเรียวเมย์ แต่รีบพุ่งเข้ามาหาผมแทน
“ฮิโระ?” เสียงแผ่วๆของคนในอ้อมกอดดังขึ้น
……………………………………………
( :: ไคริ :: )
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมา เมื่อรู้สึกถึงแรงกอดรัดและกลิ่นที่คุ้นเคย เจ้าบิ๊กอายมองหน้าผมอยู่ แต่แล้วเขาก็หันไปอีกทางแล้วบินออกมาจากโรงเลี้ยงสัตว์ขนาดเล็ก เมื่อคืนนี้ผมถูกเจ้าอินุงามิลากมาที่นั่นแหละ แต่ผมตื่นขึ้นกลางดึก และพบว่าเขาเลียแผลให้ผมอย่างเอาเป็นเอาตายจนเลือดหยุด ส่วนตัวเขาเองยังเลือดโชกและยืนขู่ทั้งเรียวเมย์และฮิโรโตะอยู่ตรงนั้น
“คือ.. เอ่อ” ผมมึนๆงงๆ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ยังไม่ทันถามหรือพูดก็มีอะไรบางอย่างโผล่ขึ้นมารัดตัวผมและฮิโรโตะเอาไว้ มันคล้ายๆกับเชือกที่ผมโดนเมื่อวาน เราทั้งคู่ถูกกระชากลงไปด้านล่าง ยังดีที่ฮิโรโตะหมุนตัวเอาตัวเองลง ผมถึงไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย ทั้งที่ตกลงมาค่อนข้างสูง
“พวกนายเป็นใครหน่ะ” ผมร้องอย่างตื่นตระหนก รีบจับฮิโรโตะที่ลุกแทบไม่ขึ้นเอาไว้ ด้านล่างนั้นเรียวเมย์ถูกตีล้อมมาตรงกลางรวมกับผมและเจ้าบิ๊กอาย คนมากมายในชุดนักบวชญี่ปุ่นสีดำและหมวกปีกกว้างปิดใบหน้าไปครึ่งหนึ่งยืนล้อมพวกเราอยู่เป็นสิบคน ไม่มีใครตอบคำถามของผม แต่พากันท่องคาถา มือของพวกเขามีเชือกที่ตรงมายังตัวผมฮิโรโตะ และเรียวเมย์
“ก็บอกแล้วว่าไม่น่ามา” เรียวเมย์ทำหน้าเบื่อโลก แต่ก็ยังยกยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมได้อีก ทั้งๆที่ผิวเขาเริ่มจะแดงจากเส้นเชือกที่กำลังเรืองแสง ผมเองก็เริ่มแสบบริเวณที่โดนเชือกแล้วเหมือนกัน
“เอาตัวไคริออกมา” เสียงหญิงสาวคนเมื่อวานดังขึ้นด้านหลัง ผมเห็นเธอแวบๆ แล้วเชือกก็ไหลมาดึงตัวผมออกจากฮิโรโตะ
“เฮ้ย” บิ๊กอายรีบคว้ามือผมเอาไว้ ดึงผมไปกอดแน่น แม้ว่าเชือกที่เรืองแสงนี่จะเริ่มไหม้เสื้อของผมและไหม้เนื้อเขาแล้วก็ตาม ฮิโรโตะขมวดคิ้วมองไปรอบๆอย่างใช้ความคิด ถ้าผมบอกว่าเวลาเขาทำหน้าจริงจังแบบนี้แล้วเท่มากผมจะผิดไหมเนี่ย ส่วนเจ้าจิ้งจอกไม่ได้ดูเดือดร้อนอะไร แต่มองมาทางผมด้วยตาวาวๆเหมือนกำลังรอคอยเรื่องสนุกๆ
“ไคริจัง กอดแน่นๆนะ” เขาก้มลงกระซิบผม ผมพยักหน้าแล้วกอดเขาหมับ อันที่จริงก็อยากกอดอยู่แล้วล่ะ ถ้าไม่ติดที่เจ้าเชือกน่ารำคาญเริ่มรัดแขนผม แล้วมันแสบมาเหมือนใครเอาของร้อนๆมานาบ
“เปรี้ยง !!” เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหวั่นไหว พร้อมกลิ่นไหม้รุนแรง ผมเงยหน้าขึ้นมอง หลังคาด้านบนของวัดถูกฟ้าผ่าและเกิดไฟลุกท่วม พระอาทิตย์กำลังจะขึ้น แต่กับถูกเมฆฝนดำทะมึนเข้าครอบคลุม ทุกอย่างมืดสนิทอีกครั้ง มืดจนผมแทบมองไม่เห็นมือตัวเอง มีแค่แสงจากฟ้าผ่าที่ส่องประกายชั่วครั้งชั่วคราว ฝนสาดลงมาอย่างหนักหน่วง แต่ไม่อาจดับไฟบนหลังคาวัดได้ เพราะฟ้าผ่าซ้ำแล้วซ้ำอีกนี่เป็นฝีมือของฮิโรโตะ เพราะไม่มีฝนแม้สักเม็ดที่โดนผมและเขา
“ไคริ ละลายเชือกซะ” เรียวเมย์ก้มลงกระซิบกับผม ผมไม่เห็นเขา แต่ก็พยักหน้าและเริ่มรวบรวมสมาธิ ยื่นมือไปจับที่เชือก ทำให้มันร้อนหนักจนละลายกลายเป็นผุยผง แสงไฟจากฟ้าผ่าส่องมาให้เห็นหน้าคนที่กอดผมแน่น เขาดูตกใจไม่น้อยที่ผมสามารถละลายเชือกงี่เง่าพวกนี้ได้ อันที่จริงผมก็ทำได้ตั้งแต่แรก แต่เพราะฮิโรโตะกอดผมเสียแน่น ผมเลยเคลิ้มหน่ะสิ
“เรียวเมย์ ฉันฝากหน่อย แปปเดียว” ฮิโรโตะบินหลบเข้าข้างต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากตัววัดมากนัก ผมเห็นเหล่าชายชุดดำวิ่งกันจ้าล่ะหวั่น
“ไปไหนอ่ะ” ผมจับมือเขาไว้ได้ทัน ฟ้ายังคงผ่าหนัก กลิ่นไหม้เยอะจนผมเวียนหัว ฮิโรโตะยิ้มน้อยๆ ก้มลงมาจูบหน้าผากผมแต่ไม่ตอบอะไร ผลักผมเข้าหาเรียวเมย์และวิ่งเข้าไปในความมืด ดวงตาเขาดำมืด มืดเหมือนท้องฟ้ายามราตรี
“ตามหาไคริ !! และการาสุเทนกุนั่น !” เสียงผู้หญิงแผดอยู่ไม่ไกลตัวผม เธอสบถแล้วเรียกอินุงามิที่เดินเซๆเข้าไปหา เจ้าหมายักษ์นั่นก็พยักหน้าและเริ่มดม ผมเกร็งตัวจนเรียวเมย์รู้สึกได้ เขาหันมองตามสายตาของผม
“ไม่ต้องกลัว ฝนตกหนัก ลมแรงอย่างนี้ ดมอะไรไม่รู้เรื่องหรอก”
“ไงนะ ? ตามหาฉัน” เสียงดุดันของฮิโรโตะดึงความสนใจทั้งผมและอินุงามิไว้เสียก่อน ปีกสีดำใหญ่ยักษ์ขยับอยู่กลางอากาศ เป็นมันเงาสะท้อนกับแสงฟ้าผ่าที่แล่นแปลบปลาบเขากลายเป็นการาสุเทนกุเต็มตัวเหมือนกับพ่อของเขา แต่ให้ความรู้สึกที่แตกต่าง เขากำลังโกรธ มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นกลับปกคลุมไปด้วยขนสีนกสีดำ และเล็บยาวแหลมคม เล็บนั้นตะปบเข้าที่บ่าของหญิงสาว
“มันอยู่นี่ ! จับมันเร็ว กรี๊ดดด” เธอกรีดร้อง ดิ้นหนีจากเงื้อมมือของฮิโรโตะ พระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่แล้ว ทำให้เมฆไม่อาจบดบังแสงสว่างได้มิด ทุกอย่างเริ่มชัดเจน คนพวกนึงกรูเข้ามาหาผม อีกพวกนึงเข้าไปหาฮิโรโตะ ผมไม่ได้สนใจตัวเองแต่วิ่งไปหาเจ้าบิ๊กอายนั่นด้วยความเร็วเท่าที่สองเท้าจะก้าวไหว ชิคิงามิมากมายถูกร่ายมนตร์ สัตว์อาคมไม่ว่าจะเป็นกวาง หมี ลิง หรือสิงโต โผล่ออกมาเต็มไปหมด แม้ว่าเจ้าของมนตร์เหล่านั้นจะโดนลมพายุรุนแรงพัดจนกระเด็นไปแล้วก็ตาม
ฮิโรโตะซัดเจ้าหมีและลิงออกไปได้ แต่ไม่ทันได้เห็นสิงโตตัวมหึมาที่แยกเขี้ยวอยู่ด้านหลัง เหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางหัวเมื่อเห็นเขาถูกเขี้ยวแหลมคมนั่นกัดเข้าเต็มๆที่กลางหลัง เลือดสีแดงกระอักออกจากปาก
“ไคริ !!!” เสียงเรียวเมย์ที่อยู่ด้านหลังไม่ได้เข้าไปในสมองของผมอีกต่อไป เมื่อผมพุ่งเข้าหาเจ้าสิงโตนั่น คว้าหมับเข้าที่หัวของมัน กระชากออกจากตัวของฮิโรโตะแล้วระเบิดมันทิ้งไปซะ เสียงระเบิดดังก้องพร้อมกับฝนที่หยุดตก เจ้าสิงโตตัวใหญ่กลับกลายเป็นผุยผง แสงสีเหลืองสว่างไสว พุ่งออกจากมือผมกระแทกเข้ากลางลำตัวของสัตว์อาคมอีกตัวที่พุ่งเข้ามา มันปลิวกระเด็นและแหลกสลายไปในชั่วพริบตา ผมกวาดตามองไปรอบทิศ ไม่มีการเคลื่อนไหวจากใครอีก ทุกคนหยุดนิ่งเหมือนโดนสาป ฮิโรโตะยันตัวลุกขึ้น ทำให้สติผมกลับมาอีกครั้ง ผมวิ่งเข้าไปประคองตัวเขาขึ้นอย่างยากลำบาก ฮิโรโตะดูช็อคกับสภาพของผม ทำไมกัน ?
“เขานาย .. ตานาย ?” เขาพึมพำแล้วจับหน้าผม ผมจับที่เขาตัวเองแล้วพบว่าจากเขาเล็กมันงอกยาวราวกับกระทิงยักษ์ และเงาของผมที่สะท้อนในตาของฮิโรโตะมันไม่เหมือนมนุษย์ ..มีเพียงภาพของปีศาจเท่านั้นที่สะท้อนกลับมา
ผมถอยหลังหนีจากฮิโรโตะ หวาดหวั่นในความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง และสายตาที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า ผมวิ่งหนีเข้าไปในป่าลึก โดยไม่ได้สนใจจะมองกลับหลังไปอีกเลย สายตาที่ทุกคนมองผมเหมือนเห็นตัวประหลาด
“ไคริ ไคริจัง” เสียงอบอุ่นอ่อนโยนดังขึ้นเหนือหัวของผม พร้อมกับเลือดที่หยดลงมาโดนแก้ม ผมแหงนหน้ามองก็เห็นฮิโรโตะในร่างเดิมทำหน้ากังวลแล้วพุ่งลงมากอดผม เขาดูบอบช้ำมาก เลือดจากด้านหลังชุ่มโชกไปหมด ผมตัวสั่นเทา ทั้งเป็นห่วง ทั้งกลัวเขารังเกียจ ผมไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่ใช่…
“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร อย่าหนีไปไหนเลยนะ” ฮิโรโตะลูบแก้มผมไปมา ทั้งที่ตัวเขาแทบยืนไม่อยู่ ผมโถมตัวเข้ากอดเขาอย่างสับสน
“นี่ผมเป็นตัวอะไร ?” ผมพึมพำ ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น ไคริก็คือไคริ” เขาตอบกลับมาแผ่วเบา โอบกอดผมไว้อย่างปลอบประโลม พระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่ไร้เมฆใดบดบัง แสงสีเหลืองทองส่องสว่างไปทั้งท้องฟ้าและสาดแสงลงมายังใบหน้าที่อ่อนโยนของฮิโรโตะ สติที่กระเจิดกระเจิงของผมกลับเข้าที่ แต่หัวใจผมกลับไม่เป็นสุขเสียแทน เมื่อมันเริ่มเต้นรัวกับความอ่อนโยนที่ได้รับ ความห่วงใยที่ล้นเหลือจากเขาถ่ายทอดมายังผม ฮิโรโตะลูบแขนผมบางเบา แล้วมองสำรวจทั่วตัว ผมมีแผลแค่จากที่โดนอินุงามิกัดเท่านั้น เลือดยังคงไหลเล็กน้อยจากการออกแรงเมื่อครู่ แต่โดยรวมแล้วฮิโรโตะอาการแย่กว่าผมมาก แต่เขาไม่ได้ทำท่าทีเจ็บปวดเลย
“รีบกลับกันเถอะ นี่ใครมาช่วยใครกันแน่นะ” ผมยิ้มน้อยๆกับแผลที่เต็มตัวของเขา ฮิโรโตะยิ้มแล้วฝืนแรงบินขึ้นบนฟ้า แม้ว่าผมจะยังไม่รู้ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร จับผมมาทำไม แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเราควรจะรีบไปต่อ
“หึ รู้อยู่แล้วล่ะน่าว่าอย่างไคริจังหน่ะ ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอก”
“แล้วมาทำไมล่ะ เจ็บตัวเลยเนี่ย” ผมพึมพำ หูก็คอยฟังเสียงฝีเท้าเผื่อจะมีใครตามมา แต่ดูเหมือนที่วัดจะยุ่งอยู่กับการดับไฟ กลิ่นไหม้รุนแรงยังลอยมาตามลมอยู่เลย ฮิโรโตะเอียงคอมองหน้าผม
“นั่นสิ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว แต่ก็ยังเป็นห่วง ทั้งๆที่รู้ว่าสู้ไม่ได้ แต่ก็ยังจะสู้ น่าสมเพชใช่ไหม” ฮิโรโตะยิ้มเยาะตัวเอง แต่ใจผมเหมือนกระตุกไปกับคำพูดที่แสนจริงใจนั้น ผมซุกตัวเข้าหาเข้าใกล้ขึ้นอีก ผมจนด้วยคำพูด แต่หัวใจกลับเต็มตื้น วิวที่สวยงามของธรรมชาติยามเช้าไม่อาจแทรกเข้ามาในความรู้สึก มีเพียงคำพูดของเขาเท่านั้นที่ทำให้ผมกระชับกอด ซบหน้าลงกับไหล่ที่มั่นคง
“รู้อยู่เต็มอกว่าไคริจังเก่งแค่ไหน แต่ยังไงก็อยากจะปกป้อง อย่าทำอะไรให้ต้องเป็นห่วงอีกเลยนะ”
เขากระซิบเสียงแผ่ว
“..ขอบคุณ” ผมพูดได้แค่นั้น แต่แอบยิ้มจนเจ็บแก้มอยู่กับอกของเขา
ผมเอง ก็อยากให้ปกป้องเหมือนกันนั่นแหละ
------------------------------------------------------------------------------------------
つづく
บู๊เบาๆ (?) สองคนนี้ออกมาสวีท ทิ้งเรียวเมย์ไว้กลางดงองเมียวซะอย่างนั้น 555
แม้จะบู๊ ก็ดูเหมือนสวีทหวานกันมากขึ้นนะคะ
ส่วนพี่ยักษ์นางบทน้อย ปล่อยนางกลับเข้าป่าไปก่อนค่ะ ฮา
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

หวานซะเขินนนน
ว่าแต่จิ้งจอกเป็นยังไงมั่งคะเนี่ย
.
.
อีกไม่นานคงจะรู้ใจตัวเองแล้วสินะ ไคริ
ค่อยๆ รักฮิโระแล้วเนาะ อิอิ