ตอนที่ 15 : ภาค 1 ตอนที่ 14
14
อันที่จริงไม่ใช่ว่าผมใสซื่อ ไม่รู้เรื่อง ผมก็รู้ว่ามันควรจะต้องทำยังไง และผมก็เคยทำแล้วด้วย แต่ส่วนใหญ่เวลาที่มีอารมณ์ผมมักจะดื้อ ผมคิดว่าผมควบคุมตัวเองได้ และถ้าหันเหความสนใจไปเรื่องอื่นๆ ไม่หมกมุ่นอยู่ที่เดิม ไอ้อารมณ์อยากตามธรรมชาติก็จะทุเลาลง และผมทำสำเร็จเกือบทุกครั้ง ผมไม่ค่อยจะมีอารมณ์แบบนี้บ่อยนักเมื่อเทียบกับผู้ชายปกติ และผมก็ไม่เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนั้น
แต่ที่ผมพูดไปอย่างนั้น เพราะผมอยากให้เขา ‘ช่วย’ จริงๆ ที่เจ้าจิ้งจอกมาดึงและลูบหางผม มันทำให้สยิวแปลกๆ แต่ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของผมขึ้น ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะคำพูดของเรียวเมย์และสัมผัสของฮิโรโตะต่างหาก
‘อยากให้เขากอดนายใช่ไหมล่ะ อยากให้เขาสัมผัส ? ’
เสียงนั่นวิ่งวนในหัว ประกอบกับเจ้าบิ๊กอายมือซน มาดึงมาลูบหางผมไปมา ทั้งๆที่ผมบอกแล้วว่าอย่า เขาก็ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เขาทำ !
“ไคริจัง นั่งนี่” ฮิโรโตะถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วก้าวลงมาในอ่างกับผม ปีกที่มีแต่แผลของเขานั้นยังไม่ถูกเก็บไป มันถูกพับไปด้านหลังและห้องน้ำก็กว้างพอสำหรับปีกของเขา น่าแปลกที่ไอ้ปีกนั่นก็เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์อย่างดีสำหรับผม เขาเหมือนเทวดาที่แสนจะน่ารักซึ่งโดนปีศาจอย่างผมหลอกล่อให้ติดกับ เขายกผมขึ้นนั่งตักโดยที่เขาซ้อนอยู่ด้านหลัง น้ำเย็นๆถูกปิดไปแล้ว ในอ่างมีแต่หยดน้ำเกาะและผู้ชายสองคนในท่าทางล่อแหลม แปลกมากที่มือเขาชักนำความรู้สึกของผมให้เตลิดเปิดเปิงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งๆที่เขาแค่จับหาง ไหล่ หรือว่าหลัง ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ตามที่ฝ่ามืออุ่นนั้นลากผ่าน ผมก็สะท้านไปทั้งตัว
“จะให้ช่วยจริงๆเหรอ” เขายังคงลังเล มือทั้งสองข้างหยุดอยู่ที่สะโพกผม
“อื้อ เร็วๆเถอะ” ผมพึมพำ ไม่เคยรู้สึกต้องการมากขนาดนี้ มากจนมือของผมนั้นไร้ค่า มันไม่ทำให้รู้สึกดีเลย ถ้าไม่ใช่มือของเขา ผมโยนเหตุผล อะไรควรและไม่ควรออกจากหัวผมไปหมดแล้ว ผมอยากให้เขาสัมผัส และผมอยากสัมผัสเขา ! กล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยของเขาแนบชิดกับหลังผม ตอนนี้ผมสำรวจเขาได้โดยไม่ต้องมีแว่นตามาทำให้เกะกะอีกต่อไป ผมดิ้นนิดหน่อย เพราะนั่งหันหลังให้ ผมอยากมองเขานี่นา จะว่าหลงใหลก็ไม่ผิดนัก ผมชอบทั้งปีกของเขา ตาของเขา ผมของเขา และก็ตัวของเขาด้วย
“เฉยๆ” เขากระซิบ เลื่อนมือลงมาตามหน้าท้องผม ก็แค่มือที่ลูบผ่าน แต่ผมกลับครางออกมาทันที รู้สึกได้ถึงสิ่งที่ดุนดันก้นผมอยู่ ทั้งๆที่อากาศเย็นแทบบ้า แต่ผมร้อนไปทั้งตัว และคาดว่าตัวผมเองก็แดงไปทั้งตัวเช่นเดียวกัน
.
.
.
( cut ส่วนล่อแหลมเล็กๆน้อยๆ )
“เอาสิ .. ถ้าฮิโระอยาก” ผมตอบรับเสียงเบา ยังไงผมก็เป็นผู้ชาย คงไม่เดือดร้อนอะไรนัก ลองดูสักครั้งอาจจะเข้าใจอะไรๆมากขึ้น
……………………………………………
( :: ฮิโรโตะ :: )
ผมชะงักการกระทำทุกอย่าง แล้วมองหน้าปีศาจในอ้อมกอด ร่างกายที่แสนจะยั่วยวนแนบชิดอยู่กับตัวผม ตาใสๆนั้นจ้องตรงมาเหมือนไม่ได้คิดอะไร ทำให้ผมลังเล ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขาคิดอะไรอยู่ และผมไม่อยากเห็นเขาเสียใจทีหลังกับอารมณ์ชั่ววูบตรงนี้ ถึงผมจะอยากกดเขามากแค่ไหนก็เถอะ
“ไคริจัง …. เพิ่งจะว่ามิ้นไปหยกๆไม่ใช่เหรอ จะมีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักหรือไง” ผมพูดอย่างเคร่งเครียด กลิ่นกายเฉพาะตัวของเขายังคงมอมเมาผมให้ก้มลงไปสูดดมไม่หยุด ไหนจะผิวนิ่มๆแสนบอบบางนี่อีก ผมต้องใช้ความอดทนอย่างมากเพื่อพูดกับเขาอย่างนี้ ถึงแม้ว่าผมใกล้จะระเบิด และเจ้าหนูของผมก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วด้วย เมื่อเขานั่งลงมาชิดแถมยังเสียดสีไปมาราวกับจะแกล้งกัน
“อา แต่ว่าฮิโระรักไม่ใช่เหรอ รักผมไม่ใช่เหรอ”
ไอ้ประโยคชวนเสียตัว น้ำเสียงออดอ้อน และดวงตาหวานเชื่อมนี่มันอะไร หางเขาตวัดมารัดเอวผม ไม่ยอมให้ผมได้ผละออกห่างเลย เขาน้อยๆบนหัว เขี้ยวเล็กๆ ทุกอย่างที่เป็นเขาตอนนี้กำลังเชื้อเชิญผมให้ลุ่มหลง
“เป็นฮิโระหน่ะ ไม่เป็นไรหรอก นะ.. จะไม่ทำจริงๆเหรอ” เขาเอียงคอมองผม ขาเรียวเล็กตวัดอยู่รอบเอวแถมยังจะมายกขึ้นน้อยๆให้ผมคลั่ง ผมไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะยั่วได้มากขนาดนี้ ตอนแรกเขายังเป็นครูแว่นท่าทางเนิร์ดๆอยู่เลยนะ !
“ผมจะทำกับคนที่ผมรัก แล้วก็รักผม โอเคนะ ? มันไม่ตลกเลยตอนนี้ หยุดทำอย่างนี้สักทีถ้าไม่ได้คิดอะไร นายไม่รู้หรอกว่าคนอื่นเขาทรมาน นายเห็นความรักของผมเป็นเรื่องพรรค์นี้เหรอ” ผมสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วผลักเขาออกแรงๆ รีบลุกขึ้นจากอ่าง หยิบผ้ามาพันตัว ถึงแม้ว่าร่างกายจะร้อนรุ่ม แต่ผมไม่อยากเป็นแค่คนที่มีสัมพันธ์ทางกายกับเขา มันไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าเขาแค่อยาก … ผมชักจะหงุดหงิดแล้วที่เขาดูจะอยากให้ผมทำมากกว่าที่ผมอยากทำเขาเสียอีก และที่สำคัญเขาไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งเลยด้วย ดูเหมือนแค่อยากลองดูเท่านั้น ผมไม่อยากจะเหลียวมองเขาเลย แต่ก็อดไม่ได้ ต้องหันไปหาร่างบางในอ่างน้ำจนได้ ไคริจังกำลังยิ้มอยู่ ยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ ไม่ใช่ยิ้มยั่วผมอีกแล้ว
“ฮิโระ นายเป็นคนดีมากเลย ขอโทษที่พูดอะไรแปลกๆ” เขายิ้มตาหยี ผมกลับรู้สึกอยากปล้ำเขามากกว่าตอนที่เขายั่วผมเสียอีก ผมชอบที่ไคริจังเป็นแบบนี้ มากกว่าไคริจังที่เหมือนปีศาจขี้ยั่วนั่น
“ไคริ .. ไม่ได้คิดอะไรกับผมเลยเหรอ” ผมถามออกไปเมื่อเขาเริ่มเปิดน้ำล้างตัว และไม่สนใจผมอีกแล้ว ใจหายหน่อยๆ เมื่อคิดได้ว่าเขาเลิกตื๊อผม เพราะว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมเลย และคิดได้ว่าควรจะไปทำกับคนที่เขารักมากกว่า เขาเอี้ยวตัวมามองผม ท่าทางยั่วแบบไม่รู้ตัวของเขานั้น พลังทำลายล้างสูงจนผมจะเป็นบ้าไปจริงๆแล้ว เขายิ้มเล็กน้อยแล้วขยับมาแตะบ่าผม
“ไม่รู้สิ แต่ถ้าไม่คิดอะไร ก็ไม่ยอมขนาดนี้หรอกนะ ไปๆ ออกไปได้แล้วจะอาบน้ำ” เขาออกจากอ่างทั้งโป๊ๆ แล้วผลักผมออกมานอกห้องน้ำ
ประตูปิดไปแล้ว แต่ผมยังยืนเอ๋อประมวลผมคำพูดของคนเจ้าเล่ห์ นี่ตกลงผมปล่อยเขาไปฟรีๆใช่ไหมเนี่ย ผมควรจะจับกดเขาให้ลุกขึ้นจากอ่างไม่ได้ แล้วยัดเยียดสถานะให้เขาไปเลยใช่ไหมเนี่ย ? ไคริจัง .. ตกลงแล้วคิดยังไงกันแน่ ฮึ
ผมเดินไปอาบน้ำที่อีกฝาก กลับออกมาก็เห็นร่างบางหดหางและเขาของเขาเรียบร้อย ไคริจังอยู่ในชุดยูคาตะหลายๆชั้น เดินเล่นอยู่ที่สวนกลางบ้านท่ามกลางหิมะที่เริ่มตก อากาศเย็นจัดจนผมกังวล ต้องรีบเดินเข้าไปจูงเขาเข้าบ้าน แต่ไคริจังยังคงดื้อเหมือนเคย เขายืนยันจะขอฝึกอะไรอีกนิดหน่อย ผมก็ตามใจเขา นั่งดูอยู่ห่างๆ โดยมีมิซากิมาทำแผลที่ปีก และที่เคยโดนไคริกัดเข้าที่ไหล่
“นายน้อยครับ ไม่กี่วันมานี้ผมเห็นสิ่งผิดปกติบริเวณด้านข้างของบ้าน และด้านหลัง” มิซากิพูดเสียงเบาหวิว แล้วตั้งอกตั้งใจทายาลงบนแผลของผม
“หืม ที่ว่าผิดปกติหน่ะอะไร?” ผมละสายตาจากไคริจังมายังกัปปะน้อยข้างตัว มิซากิทำหน้าเคร่งเครียดแล้วหยุดทายา
“อินุงามิ ยูกิอนนะ และปีศาจชั้นต่ำอีกหลายประเภท เดินวนเวียนอยู่บริเวณนี้ ทั้งๆที่ไม่ใช่ถิ่นของตัวเอง และผมคาดว่าพวกเขาต้องการจะมาดูคุณไคริ แต่ที่กังวลยิ่งกว่านั้น อาจจะไม่ใช่แค่ดูอย่างเดียว แต่พวกเขาเข้ามาในเขตบ้านไม่ได้เนื่องจากมนตร์ของนายท่าน” มิซากิกระซิบกระซาบพลางมองไปรอบๆเหมือนกลัวจะมีตัวอะไรโผล่มาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
“ถ้าไคริจังควบคุมพลังและปกป้องตัวเองได้เมื่อไหร่ก็คงไม่มีปัญหา แล้วพ่อรู้เรื่องนี้ไหมเนี่ย” ผมพูดออกไปเรียบๆ ทั้งที่ในใจเริ่มกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว ยังคงมีปีศาจบางพวกเชื่อว่าการกินองเมียวจิชั้นสูงให้พลังมหาศาล ผมค่อนข้างไม่เชื่อนะ ผมคิดว่าพลังมหาศาลนั้นมาจากฝึกฝนของตัวเองมากกว่า
“นายท่านรับรู้แล้ว แต่ยังไม่ให้ทำอะไรนอกจากเฝ้าระวังครับ และบอกให้มาเตือนนายน้อยกับคุณไคริด้วย” มิซากิพูดต่อ
“ฉันฝากนายคอยดูไคริด้วยแล้วกัน ฉันรู้ว่านายทำได้” ผมยิ้มให้กัปปะตัวน้อยที่ผมเห็นเขามาตั้งแต่เกิด ถึงจะอายุไม่เท่าไหร่ แต่เห็นอย่างนี้ไม่ได้เก่งแค่ทำยา ยังมีความสามารถที่ซุกซ่อนอยู่อีก และผมมั่นใจว่าเขาจะคอยดูแลไคริได้
“จะดูแลเป็นอย่างดีครับนายน้อย” มิซากิแก้มแดงหน่อยๆ ผมจ้องเขาแล้วหรี่ตาลง จะเขินทำไมหน่ะแค่ให้ช่วยดูแล
“นายคงไม่ได้ชอบไคริหรอกนะ ?”
“มะ ไม่ครับ คุณไคริเป็นของนายน้อย ผมไม่กล้าหรอก” เขารีบพูดจนลิ้นแทบพันกัน มีพิรุธสุดๆ จริงๆก็ไม่แปลกถ้าจะมีใครชอบไคริ โดยเฉพาะตอนนี้ เหมือนเขาจะปล่อยฟีโรโมนอยู่ตลอดเวลา เขาดูมีเสน่ห์เหลือล้น มีมากจนผมไม่ค่อยชอบใจซะแล้ว ดูมิซากิจะเริ่มกลอกตาไปมาอย่างหวาดๆ
“แล้วนายเขินอะไร” ผมจี้ถามต่อ เผลอใช้น้ำเสียงดุเขาไป
“ผะ ผมแค่นึกถึงห้องน้ำ เอ่อ ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟัง แต่ว่าเดินผ่านพอดี คือ… อ่า” มิซากิพูดไม่ออก หน้าแดงหนักขึ้นไปอีก ห้องน้ำ? อย่าบอกนะไปตอนที่ไคริจังครางไม่หยุดเข้าพอดีและเสียงเขามันเบาๆซะที่ไหน ครางไม่ได้เกรงใจกันเลย อันที่จริงผมชอบเสียงเขานะ แต่มันจะดีกว่ามาก ถ้าผมไม่อยู่ในสถานะที่ต้องอดทนไม่แตะต้องเขาหน่ะ
“ฮัดเช้ย” เสียงจามเบาๆ เรียกความสนใจจากผมและมิซากิ
“ทำแผลเสร็จแล้วก็ไปพักได้ ขอบคุณมากเลยนะ ไว้จะเอาขนมที่นายชอบมาให้” ผมลูบกระดองเล็กๆเบาแล้วยิ้มให้เขา มิซากิยิ้มตอบ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์แล้วเดินหน้าแดงๆหายไปอีกทาง ผมลุกขึ้นยืนแล้วรีบเดินเข้าไปหาไคริจังที่ยืนน้ำมูกไหลอยู่กลางสวน เรื่องลมเย็นๆที่พัดมานั้นไม่มีผลกับผม เพราะผมควบคุมลมได้ แต่เนื่องจากบาดเจ็บไม่น้อยและผมค่อนข้างเหนื่อยมาทั้งวัน ทำให้ไม่อาจสร้างเกราะกันลมให้กับไคริจังได้ เขาถึงได้หนาวจนตัวสั่นอยู่อย่างนี้
“พอแล้ว พรุ่งนี้ก็ไปสอนได้แล้วสิ” ผมจูงเขาเข้าบ้าน ร่างบางซุกตัวเข้าหาผมโดยธรรมชาติ ไม่ได้คิดเลยว่าทำให้ผมลำบากใจอีกครั้ง ชอบเอาตัวมาแนบผมนักล่ะ และตอนนนี้เขาจับปีกผมมาห่มรอบตัวแล้วด้วย
“อื้อ หยุดบ่อยจนเขาจะไล่ออกแล้วมั้ง” ไคริพึมพำ
ใครจะไล่เขาออกได้ มีริวทาโร่อยู่ทั้งคน พ่อของเขามีอิทธิพลกว้างขวาง มีชีวิตมาไม่รู้กี่พันปี ไอ้โรงเรียนที่เขาอยู่เจ้าของก็รู้จักริวทาโร่ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีปีศาจอยู่เต็มโรงเรียนขนาดนี้ ผมคิดไปพลางก็มองไคริจังที่ทำหน้ามีความสุขเมื่อซุกเข้าหาปีกผม แน่ล่ะว่ามันอุ่นเหมือนผ้าห่มหนาๆเลย แต่ผมอยากให้เขาอุ่นจากอ้อมกอดผมมากกว่า คิดได้อย่างนั้น ผมก็ตวัดปีก เอาตัวเขามากอดไว้แทน
“ทำไมถึงอยากเป็นครูเหรอ” ผมเกิดสงสัยขึ้นมา
“ก็ไม่ได้อยากเป็นหรอก แต่แม่บอกให้มาที่นี่หลังจากที่เธอเสีย แล้วก็ไม่รู้จะไปทำอะไรได้ แต่ใบปริญญาที่มีมันเอื้อให้มาบรรจุที่นี่ได้หน่ะ แต่คิดว่าที่จริงแล้ว แม่ตั้งใจส่งมาหานาโอยูกิซะมากกว่า”เขาพูดไปก็พยายามเอื้อมมือไปดึงปีกผมมาจับ ลูบๆอยู่นั่นแหละ มันเจ็บนิดๆเพราะเขาพลาดไปโดนแผลหลายครั้ง
“แล้วอยากเป็นอะไรล่ะ” ผมถาม ทั้งๆที่ตัวผมเองก็ไม่เคยหาคำตอบเหมือนกัน ผมใช้ชีวิตไปวันๆที่นี่ ที่โรงเรียน และก็ออกไปช่วยคัตสึโทชิหาอาหารในบางคืน เรียกได้ว่าใช้ชีวิตไปวันๆเลย
“อืม ไม่ได้คิดนะ ปกติมีเรื่องโน้นเรื่องนี่ให้สงสัยอยู่ตลอด ก็เลยคอยหาคำตอบ โลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะแยะ หาไปทั้งชีวิตก็คงไม่จบไม่สิ้น แต่ว่ามันก็สนุกดีนะที่ได้รู้อะไรแปลกๆ อะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะตั้งแต่เจอนาย โลกฉันก็เปลี่ยนไป ฉันชอบนะ สนุกดีถึงจะยังหาคำตอบอะไรไม่ได้เลย” เขายิ้มกว้าง มองไปยังปีศาจตัวเล็กตัวน้อยรอบบ้าน ผมเห็นเขาตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาน่ารักมากเวลาทำหน้าอย่างนี้
“อยากรู้แม้กระทั่งเรื่องในห้องน้ำวันนี้หน่ะเหรอ” ผมถามออกไปโดยไม่ทันคิด อาจจะเพราะผมคาใจ และไม่ชอบใจเรื่องนี้อยู่มาก
“ฮิโระ….” เขาเรียกชื่อผมเสียงอ่อน ผมไม่ชอบเลยเวลาที่เขาเรียกชื่อผมสั้นๆอย่างนี้ ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าอย่างนี้ มันทำให้ผมอยากจูบเขาชะมัด ผมเดินมาถึงหน้าห้องนอนเขา ก็ปล่อยเขาออกจากอ้อมกอด ไม่ได้คิดอยากได้คำตอบอะไร
จากที่เผลอถามไป เพราะคิดว่าเขาก็คงจะแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
“ไม่ได้แค่อยากรู้ ยอมรับนะว่าส่วนนึงเพราะว่ามิ้น เขาบอกว่าชอบโดนทำเอ่อ เรื่องอย่างว่า ก็แค่อยากรู้ว่ามันดียังไง แล้วก็… มันดีจริงๆ เอ่อ ฉัน….ชอบเวลาที่นายสัมผัส ฉันชอบมือของนาย อ้อมกอดของนาย ความร้อนจากตัวนาย ฉันรู้สึกดีจนไม่อยากให้นายหยุด ฉันแค่คิดว่า ถ้าเป็นนาย ฉันยอมก็ได้ …” ไคริพูดช้า ชัด และจ้องมาที่ตาของผม เขาไม่ได้เขินอายเลยเหมือนพูดอย่างจริงจังเพื่อให้ผมเข้าใจ แต่ผมกลับเขินขึ้นมาฉับพลัน ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้เนี่ยหา !
“งั้นตอนนี้เลยไหม” ผมกลบเกลื่อนความอายด้วยการหิ้วเขาเข้าไปในห้อง ปิดประตูแน่นสนิท ผลักเขาลงกับฟูกที่ปูอยู่ ฟ้ากำลังจะมืดในอีกไม่ช้า บรรยากาศเป็นใจสุดๆ และไคริจังไม่แม้แต่จะผลักผมออก
“ก็ถ้านายอยาก ฉันก็ไม่ว่าอะไร” เขาจ้องผม พูดจาเหมือนคนไม่คิดอะไรจริงๆ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดว่าต่อมอายของไคริจังนั้นสลายหายไปแล้ว
“ฉันไม่อยากให้นี่เป็นเรื่องของอารมณ์เข้าใจไหม ไคริจังรักผมเมื่อไหร่ผมถึงจะทำ” ผมลุกขึ้นนั่ง เริ่มจับทางอะไรบางอย่างได้แล้ว ไคริจังกระพริบตาปริบๆแล้วลุกขึ้นมาตามผม เขาหลบตาลงไปมองพื้น ท่าทางครุ่นคิด ส่วนใจผมเริ่มเต้นแรงอย่างมีความหวัง เขากำลังคิดเรื่องของผมบ้างแล้วใช่ไหม หลังจากเอาแต่คิดถึงอย่างอื่นอยู่ตลอดเวลา
“ฉันชอบสัมผัสของนาย แต่ฉันไม่แน่ใจเลยว่าฉันคิดยังไงกับนาย ฉันไม่เคยคิดเรื่องรักๆใคร่ๆมาก่อน ฉันว่ามันไร้สาระนะ” คำพูดเขาเหมือนเอาค้อนมาตีหัวผมเลย ไร้สาระ ? นี่เขากำลังว่าผมไร้สาระที่รักเขาหรือไง ?
“ฮ่าๆ ดูทำหน้าสิ ฉันหมายความว่า เราเจอกันไม่นาน แล้วก็ไม่ได้สนิทกันมากขนาดที่รู้นิสัยกันดี เรียกว่าเพื่อนสนิทยังไม่ได้ ทำไมนายถึงได้รักฉันล่ะ ถ้านายไม่ได้ต้องการจะทำอะไรๆกับฉัน นายรู้ตัวเพราะว่านายอยากจะกอดฉันรึเปล่า ?” เขาพูดมาเป็นชุดแล้วมองผม ท่าทางเขาสงสัยจริงๆ ไม่มีความรู้สึกอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง พนันได้เลยว่าในหัวเล็กๆนั้นเอาแต่คิดเรื่องเหตุและผลบ้าบอคอแตกนั่น
“รู้ตัว เพราะว่าเป็นห่วงต่างหากล่ะไคริจัง” ผมพูดอย่างอ่อนใจ
“เอ๊ะ” เขาอุทาน ท่าทางไม่เข้าใจจริงๆ
“เพราะว่ามองหาแต่ไคริจังอยู่ตลอด เพราะว่ากลัวจะโดนใครทำร้าย เพราะว่าไม่อยากเห็นไคริจังร้องไห้ เพราะว่าอยากอยู่ด้วยตลอดเวลา อยากมองหน้าตาอยากรู้อยากเห็นนี่ อยากกอด อยากจูบ เรื่องอยากจะทำอะไรๆกับไคริจัง เป็นแค่ความต้องการของร่างกาย มันทำให้ใจเต้นแรงน้อยกว่าเวลาไคริจังยิ้มให้เสียอีกรู้ไหม” ผมจับแก้มเขาลูบไปมาเบาๆ ไม่น่าเชื่อว่าคำพูดธรรมดาจากผม จะทำให้พวงแก้มนิ่มในมือเริ่มขึ้นสีจางๆอย่างน่ารัก
“งือ เหมือนจะเข้าใจขึ้นมานิดนึง” เขาตอบเสียงเบา น่ารักจนผมต้องยิ้มออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่ ทีเรื่องอย่างนี้ล่ะเหมือนเด็กน้อย ใครอายุมากกว่ากันแน่
“ถ้าเรารักใครสักคนเพราะรูปร่าง หน้าตา เขาเรียกว่า หลง
ถ้ารักเพราะความสามารถ เพราะเขาไม่มีที่ติ นั่นเรียกว่าชื่นชม
แต่ถ้าเรารักใครสักคนที่ได้เห็นข้อเสีย เห็นว่าเขาไม่ได้ดีพร้อม แต่ก็ยังรักและไม่รู้ว่าเพราะอะไร นั่นคือความรัก ”
ผมพูดช้าๆตามที่พ่อผมเคยบอกเมื่อตอนเด็กๆ วันนั้นผมถามพ่อว่า ทำไมพ่อถึงรักแม่ และนี่คือคำตอบ ผมเองก็จะให้คำตอบนี้กับไคริจังด้วย เพราะผมก็ไม่รู้ว่าทำไม ผมถึงได้คอยตามใจผู้ชายตรงหน้านี้ คนที่ผมรู้จักเพียงไม่นาน
“ถ้าอย่างนั้น .. ฉันคิดว่าฉันคงจะหลงนายแล้วล่ะ” ไคริจังครุ่นคิดไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมาตอบผมอย่างลังเล มือเล็กลูบอยู่ที่หน้าท้องผมเบาๆ
“ไม่เป็นไร อีกไม่นานหรอก จะทำให้กลายเป็น ‘หลงรัก’ ”
“ถ้าทำได้ ก็ลองดู” ไคริจังเองก็ยิ้มตอบกลับมา แล้วแหงนหน้าขึ้นประทับริมฝีปากนิ่มเข้ากับปากของผมอย่างหยอกเย้า ราวกับล่อหลอกผมให้ตกหลุมเสียเอง ให้ตาย! ไม่ต้องพยายามอะไรหรอกไคริจัง
ผมหน่ะ ทั้งหลง ทั้งรักเขา ไปแล้วนี่นา
------------------------------------------------------------------------------------------
つづく
พ่อพระเอกของเรา ได้โล่พระเอกยอดอดทนไปค่ะ ฮา
บิ๊กอายจริงจังมาก และรักมาก ดังนั้นเขาไม่ให้อารมณ์อยู่เหนือนะคะ ใครที่รอลุ้นตอนน้ำลายหก ก็.. หึหึหึหึ
ส่วนตอนที่ตัด เล็กน้อยมากจริงๆ แต่กลัวโดนแบนเลยปลอดภัยไว้ก่อน ถ้าต้องการอ่าน หาเอาตามทวิตค่า
ปล.เรียวเมล์ถึงจะหื่นแต่ก็ยังมีมุมเท่ห์อยู่นะเออ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

โป้ง ไม่เล่นด้วยแล้วว อ่ะไม่ช่ายย
GOOD JOBต่างหากก 555