คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนจบ
“ข้าควรจะโพสท่ายังไงดี ควรจะแหวกเสื้อโชว์กล้ามอกด้วยมั้ย” มาร์โกถามขึ้น ขณะรอลูเซียจัดเตรียมขาตั้งภาพ เขาใช้ห้องนั่งเล่นทางฝั่งตะวันออกติดกับสวนเป็นสถานที่วาดรูป ดอกไม้กำลังผลิบาน เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วดังลอดผ่านหน้าต่างให้ความรู้สึกสดใส
“มันก็แล้วแต่ว่าเจ้าอยากให้ภาพออกมาแนวไหน” ลูเซียวางผ้าใบลงบนขาตั้ง จัดให้เข้าที่เข้าทาง จากนั้นก็ล็อคให้เรียบร้อย นางหยิบผ้ากันเปื้อนผืนเก่าขึ้นมาสวมเพื่อป้องกันไม่ให้ชุดเปื้อน
“เจ้าไม่มีคำแนะนำอะไรบ้างเลยเหรอ” มาร์โกเดินมาหาลูเซีย “ข้าดูภาพในร้านจนทั่ว แต่แทบไม่เห็นรูปผู้ชาย ข้าเห็นรูปเปลือยผู้หญิงหลายรูป แต่ไม่มีรูปเปลือยผู้ชายเลย...”
“ข้ายังไม่ได้แต่งงานนะ จะให้ข้าวาดรูปผู้ชายเปลือยได้ยังไงกันล่ะ” นางไม่เข้าใจเลยว่ามาร์โกคิดยังไงถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“จริงสินะ โปรดอภัยให้ความโง่เขลาของข้าด้วย ในเมื่อเจ้าปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นจิตรกรแล้วเจ้าหาแบบมาวาดรูปได้ยังไง โดยไม่ให้พวกเขารู้”
“ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะก็ ข้ามีนางแบบเจ้าประจำ แต่ตอนนี้นางกำลังท้อง ส่วนผู้ชายข้าอาศัยดูจากรูปวาดของคนอื่นแล้ววาดตามเอา” ลูเซียหันไปมองชุดของมาร์โกเพื่อดูว่าต้องใช้สีอะไรบ้าง หลักๆคือสีเขียวกับน้ำเงิน
“ถ้าเจ้าอยากวาดรูปผู้ชาย ข้ายินดีเป็นแบบให้” ชายหนุ่มยิ้มให้ “ให้เปลือยด้วยก็ยังได้”
คำพูดของเขาทำให้ใบหน้าของลูเซียร้อนผ่าวขึ้นทันใด นางแทบจะเป็นลมเมื่อจินตนาการถึงร่างเปลือยของมาร์โก โดยเฉพาะส่วนนั้น เนื่องจากไม่เคยเห็นของจริง เคยแต่เห็นในภาพวาด นางจึงไม่รู้ว่าผู้ชายจริงๆใหญ่โตกว่าในภาพวาดมากนัก
“ไม่ล่ะ ข้าไม่ชอบวาดรูปผู้ชาย” ลูเซียว่า บีบสีจากหลอดลงบนจานสี แกล้งทำเป็นไม่สนใจ
มาร์โกวางมือลงบนผ้าใบ ขยับตัวเข้ามาใกล้ลูเซีย “เจ้ายังไม่เคยวาดเลยแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าไม่ชอบ”
“อย่ามาเกะกะได้มั้ย รีบๆคิดซะว่าอยากได้รูปแบบไหน ข้าจะได้ลงมือวาดให้เสร็จๆไปเสียที” ลูเซียดันอกมาร์โกให้ออกไปห่างๆ
เมื่อเป็นดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องยอมถอยไป เขาชักอยากยั่วนางเล่นเสียแล้วสิ มาร์โกถอดเสื้อนอกสีน้ำเงินเหลือบเขียวพาดลงบนเก้าอี้ จากนั้นก็ใช้มือแกะกระดุมเสื้อกั๊ก
“นั่นเจ้าจะทำอะไรน่ะ!!!???” ลูเซียถามหน้าตื่นเมื่อเห็นมาร์โกถอดเสื้อ
“ก็ถอดเสื้อไง เจ้าบอกให้ข้าจัดท่าเตรียมเป็นแบบไม่ใช่หรือ” มาร์โกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่หันไปแอบขำเมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของลูเซีย
“ข้าไม่วาดภาพเปลือยนะ!!!” หญิงสาวรีบแย้ง รู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอกมาทำมิดีมิร้าย
“ใครว่าจะให้เจ้าวาดภาพเปลือยล่ะ แค่อยากให้ภาพออกมายั่วยวนเล็กน้อยเท่านั้น เขาดังผ้าผูกคอออก แล้วถอดเสื้อเชิ๊ดสีขาว ให้ลูเซียได้เห็นไหล่กว้างกับแผ่นหลังที่มีกล้ามเนื้อสวยงามเต็มตา นางยืนตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงหันหน้าไปทางอื่น
“รีบใส่เสื้อเดี๋ยวนี้นะ!!”
“แค่เปลือยอก ไม่เป็นไรหรอกน่า เขินไปได้” เขาหยิบเสื้อนอกสีน้ำเงินเหลือบเขียวขึ้นมาสวม จากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ยาวแบบหลุยส์ จัดผมเผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แล้ววางแขนลงบนพนักเก้าอี้อย่างผ่อนคลาย เสื้อแหวกออกเผยให้เห็นแผ่นอก
“ข้าโพสท่าเรียบร้อยแล้ว ช่วยหามุมที่ดูดีมีเสน่ห์ให้ที” เขายิ้มยั่วจิตรกรสาว
“ช่างพูดได้ไม่อายปาก” หน้าของลูเซียแดงก่ำแม้แต่หูก็ยังแดง นางไม่คิดมาก่อนว่าคนที่ทำอาชีพพ่อค้าอย่างมาร์โกจะหุ่นดีได้ขนาดนี้ แม้ไม่อยากยอมรับ แต่นางชักอยากดูตอนเขาเปลือยขึ้นมาแล้วสิ
“เจ้าแน่ใจเหรอว่าอยากให้วาดรูปเจ้าในสภาพเสื้อผ้าหลุดรุ่ยจริงๆ มันดูเหมือนผู้ชายเสเพล ไม่ก็หนุ่มเจ้าสำราญที่ถอดเสื้อผ้าหลายครั้งต่อวัน” หญิงสาวว่า
“เป็นหนุ่มเจ้าสำราญในภาพวาดบ้างก็ไม่เลว เอาแบบนี้แหละ ข้าขี้เกียจลุกแล้ว” มาร์โกส่งสายตายั่วยวนมาให้
“จะเจ้า...” ลูเซียชะงักไปอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
สุดท้ายนางก็จำใจต้องเริ่มวาดจนได้ จิตรกรสาวใช้ดินสอร่างภาพลงบนผ้าใบ นางรู้สึกได้ถึงมือที่สั่นเทา ใจเต้นโครมครามราวกับจะทะลุออกมานอกอก ทุกครั้งที่เงยหน้ามองมาร์โกเพื่อดูแบบ ลูเซียเห็นเขาจ้องมองนางอยู่ตลอด บางทีก็ยิ้มให้ มาร์โกกำลังล้อเล่นกับนางอยู่หรือไร ลูเซียเริ่มร่างใบหน้า มาร์โกมีโครงหน้าที่ดูดีมากทีเดียว ขากรรไกรกว้างเล็กน้อยทำให้ดูสมชายชาตรี ดวงตาสีน้ำตาลคมลึก จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากอิ่ม นางไม่เคยมองหน้าเขานานๆ แต่เมื่อเพ่งพินิจดูแล้วกลับพบว่ามาร์โกมีเสน่ห์ชวนมองอย่างไม่น่าเชื่อ จนลูเซียพบว่ามันยากมากที่จะใช้สมาธิวาดรูปเขาได้ น่าแปลกที่คนเป็นแบบไม่อาย แต่จิตรกรกลับอายแบบเสียเอง
ความร้อนที่ใบหน้าเริ่มลุกลามไปยังลำคอลงไปถึงช่วงอก ภายใต้เสื้อผ้ามิดชิด ยอดถันของนางกำลังชูชันขึ้นเพราะความวาบหวาม แม้แต่พื้นที่แห่งความเป็นหญิงก็ยังเกร็งตัว สร้างความกระสับกระส่ายให้ลูเซียยิ่งนัก ยิ่งนางหุบขาเบียดชิดกัน ความรู้สึกรัญจวนใจก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองมาร์โกอย่างประหม่า เขาสบตานางตรงๆ ดวงตาสีน้ำตาลลุกโชนด้วยไฟปรารถนาอย่างไม่คิดปิดบัง ลูเซียรีบหลบสายตา ร่างกายอ่อนยวบจนไม่อาจวาดรูปต่อได้
“เป็นอะไรไปหรือลูเซีย” มาร์โกถามขึ้นเมื่อเห็นว่านางนิ่งไป “เจ้าคงเหนื่อยแล้ว งั้นพักก่อนก็ได้” ชายหนุ่มถามอย่างห่วงใย
“ก็ดีเหมือนกัน” ลูเซียตอบ เพราะถึงให้นางวาดต่อ รูปก็คงออกมาไม่สมประกอบ
มาร์โกลุกขึ้น เดินมาหาลูเซีย เขายกมือขึ้นจับคางขณะมองรูปภาพอย่างสนใจ “เจ้าร่างเกือบเสร็จแล้วนี่ แต่หน้าข้าดูแปลกนะว่ามั้ย” เขาหันมามองลูเซีย ไม่ได้มีเจตนาตำหนิแต่อย่างใด เพียงแค่ชวนคุยเท่านั้น
“มันมักจะเป็นแบบนี้ตอนเริ่มต้น ข้าจะค่อยๆปรับให้เหมือนขึ้นระหว่างลงสี เชื่อมือข้าเถอะน่า เห็นภาพวาดแม่ของเจ้าแล้วไม่ใช่เหรอ” ลูเซียพูดทั้งที่ไม่มองหน้ามาร์โก ความตื่นเต้นยังไม่ทันจางหายไป เขาก็มายืนอยู่ใกล้นางเสียแล้ว ทำไมข้าถึงลามกแบบนี้นะ ลูเซียบ่นตัวเองในใจ นางไม่รู้ว่าผู้หญิงคนอื่นก็มีความต้องการไม่ต่างไปจากนาง ลูเซียไม่ชอบจับกลุ่มนินทา จึงไม่รู้ว่าพวกผู้หญิงพูดคุยเรื่องการร่วมรักอย่างออกรสชาติ
“ใช่เจ้าวาดภาพท่านแม่ได้เหมือนมาก ซ้ำยังดูดีกว่าตัวจริงอีก” มาร์โกมายืนด้านหลังลูเซียเพื่อมองรูปจากด้านหน้าตรง เขายื่นหน้ามองข้ามไหล่นางไป ทำให้หญิงสาวต้องเอี้ยวตัวหลบ ใบหน้ามีเสน่ห์ชวนมองของเขาทำให้นางใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
มาร์โกใช้มือขวาจับไหล่บางไว้ แล้วใช้มีซ้ายชี้ไปที่ใบหน้าของรูปวาด “จมูกข้าน่าจะใหญ่กว่านี้หน่อยนะ” เขาพูดที่ข้างหูนาง
หญิงสาวสะท้านไปทั่วร่าง แก้มของพวกเขาแทบจะแนบกันอยู่แล้ว มาร์โกไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือว่าใกล้ชิดเกินไปแล้ว เอ๊ะ! หรือเขาตั้งใจ ลูเซียเป็นคนเก็บตัวเอาแต่วาดรูปอยู่ในห้อง ทำให้ไม่ค่อยได้พูดคุยกับผู้ชาย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเข้าประชิดตัวนางมากเท่านี้มาก่อน เล่นเอาทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว
“อะอือ...แล้วข้าจะแก้ไข” ลูเซียตอบติดขัดเพราะความประหม่า
“เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงหน้าแดงอย่างนั้นล่ะ” มาร์โกแกล้งหยอก เขารู้ดีว่านางกำลังเขิน ตัวเขาเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน
ลูเซียพยายามเอี้ยวตัวหลบ แต่มาร์โกโอบไหล่นางไว้ไม่ให้หนีไปไหน เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลูเซียเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เมื่อเขาจูบลงบนเรียวปากของนาง ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างบางนั่นแข็งทื่อราวกับรูปแกะสลัก เมื่อเห็นว่าลูเซียไม่โต้ตอบ มาร์โกจึงเริ่มขบเม้มเรียวปากอิ่มเบาๆ ลูเซียครางออกมาด้วยความตระหนก แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสอ่อนโยนแต่แสนวาบหวามของมาร์โก นางหลับตาลง เผยอปากออก ปล่อยให้ลิ้นอุ่นสอดเข้าไปในปาก หญิงสาวไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเพราะนี่คือจูบแรก จึงปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายมอบความสุขให้
มาร์โกถอนริมฝีปากออก เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า ประกายตาของเขาเต็มไปด้วยความรักความเสน่หา ลูเซียขวยเขินจนไม่อาจสบตาเขาต่อได้ นางเบนหน้าหนีไปทางอื่น หายใจหอบเหนื่อย ร่างกายร้อนผ่าวเหมือนจะเป็นลม สมองมึนตึงไปหมด นางไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ายอมให้มาร์โกจูบไปได้อย่างไร แถมยังรู้สึกดีอีกต่างหาก ชายหนุ่มเลื่อนมือมาประครองใบหน้าของหญิงสาวไว้ ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ทำท่าว่าจะจูบอีก
“ยะอย่านะ!” ลูเซียรีบผลักแผ่นอกหนาออกด้วยความตกใจ “ข้าไม่ใช่ผู้หญิงที่เจ้าจะทำอะไรก็ได้นะ” นางมองหน้าเขาด้วยสายตาดุดัน เหมือนแมวน้อยแยกเขี้ยวขู่แม้รู้ว่าไร้ทางสู้ พอกันทีสำหรับการล้อเล่นกับเรื่องหัวใจ
“ทำไมถึงมองข้าด้วยสายตาแบบนั้น ข้าคิดว่าเจ้าอนุญาติให้ข้าจูบเสียอีก” เมื่อครู่นางยังร้องครางอย่างมีความสุข ปล่อยให้เขาลุกล้ำเข้าไปในโพลงปากโดยไม่ได้ขัดขืน แต่ครู่ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นขุ่นเคือง จิตรกรสาวคนนี้ช่างเข้าใจยากเหลือเกิน
“เจ้าฉวยโอกาสตอนที่ข้าไม่ทันตั้งตัวต่างหาก พอกันที! ถ้าคิดจะหลอกข้ามาทำแบบนี้ล่ะก็ ข้าจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว” มือเรียวหยิบฉวยอุปกรณ์วาดรูปใส่กล่องเครื่องมืออย่างลุกลน ทำให้ตกลงพื้นระเนระนาด มาร์โกรีบเข้ามาช่วยเก็บ
“อย่ามายุ่ง!” นางปัดมือเขาออกอย่างไร้มารยาท
“เป็นอะไรไป ทำไมต้องโกรธข้าขนาดนั้นด้วย” เขาฉวยข้อมือเล็กไว้
ลูเซียพยายามแกะมือเขาออก แต่มาร์โกกลับจับมือนางไว้อีกข้าง เสื้อผ้ารุยร่ายเห็นแผ่นอกของชายหนุ่ม ทำให้นางกลัวขึ้นมาทันใดว่ากำลังจะถูกปลุกปล้ำ
“ปล่อยข้านะ!!” ลูเซียร้องลั่น
สาวใช้วัยกลางคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง “เกิดอะไรขึ้นคะ!?” นางร้องออกมาด้วยความตระหนก มาร์โกรีบปล่อยมือจากลูเซียทันที เขาไม่ได้คิดจะทำอะไรนาง แต่ด้วยสภาพที่เห็น คนอื่นคงเข้าใจผิดได้ง่ายๆ
ลูเซียรีบฉวยกล่องอุปกรณ์ที่ยังเก็บไม่เสร็จวิ่งผ่านคนรับใช้ออกไปทันที มาร์โกกำลังจะวิ่งตามไปแต่นึกถึงเสื้อผ้าตัวเองขึ้นได้ ถ้าเขาออกไปตอนนี้ คนคงลือกันให้แซดว่าเขาขืนใจนาง เขาจูบลูเซียเพราะชอบนาง ความใกล้ชิดทำให้ห้ามใจตัวเองไม่อยู่ แต่เขากล้าสาบานได้เลยว่าไม่คิดทำอะไรเกินเลยไปกว่าจูบ ท่าทางรังเกียจของลูเซียทำให้เขาปวดใจยิ่งนัก ที่ผ่านมาเขาคงคิดไปเองว่านางก็มีใจให้เขา
มาร์โกยกมือขึ้นกุมขมับ “ไม่น่ารุกเร็วไปเลย ให้ถายเถอะ!”
ขณะเดินมุ่งหน้ากลับบ้าน ลูเซียรู้สึกสับสนไปหมดไม่รู้จะทำอย่างไรดี ที่จริงนางเองก็มีใจให้มาร์โก แต่ไม่เคยคาดหวังว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะเป็นไปได้ ก็มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่ลูกชายมหาเศรษฐีแห่งฟลอเรนซ์ จะแต่งงานกับนางซึ่งฐานะแค่พอมีพอกิน คนรวยก็ต้องแต่งงานกับคนรวยด้วยกัน การที่มาร์โกจูบนาง ทำท่าเหมือนมีใจให้ คงคิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากเขาแค่ต้องการหาความสุขชั้วครั้งชั่วคราวจากนางเท่านั้น
ลูเซียกลับมาถึงบ้านพร้อมกับกล่องอุปกรณ์ สีหน้าทุกข์โศกเหมือนคนป่วยไข้ นางตรงไปที่บันไดตั้งใจขึ้นไปอยู่ในห้องเงียบๆ แต่ถูกแม่เรียกไว้ก่อน
“อ้าวลูเซีย ทำไมกลับมาเร็วจัง ไปวาดรูปมาร์โกมาไม่ใช่เหรอ” มาริต้าทัก ยังถือแครอทค้างไว้ในมือ
“มาร์โกติดธุระน่ะค่ะ” ลูเซียตอบแบบขอไปที ขณะกำลังจะขึ้นบันได พ่อของนางก็เดินมาหาเสียก่อน
“ดูเหมือนผู้ชายคนนั้นจะชอบเจ้า เท่าที่ข้ารู้มาเขาเป็นผู้สืบทอดสมบัติทั้งหมดของตระกูลวิตโตริโอ มีทั้งธุกกิจเรือเดินสมุทร ที่ดิน และพวกเครื่องแก้ว ลูเซีย เจ้าต้องจับผู้ชายคนนี้ไว้ให้ได้ ครอบครัวของเราจะได้สุขสบาย” ลูก้ายิ้มอย่างคนเพ้อฝัน
ลูเซียถอนหายใจ พ่อคิดว่านางเป็นอุปกรณ์หาเงินหรือยังไงกัน “เสียใจค่ะพ่อ ชนชั้นสูงแบบมาร์โกมีหรือจะชายตามองลูกสาวของจิตรกรขี้เมา” ประชดเสร็จลูเซียก็วิ่งขึ้นบันไดไปทันที นางได้ยินเสียงกร่นด่าของพ่อตามไล่หลัง แต่หญิงสาวหาได้สนใจ นางลงกลอนประตูแล้วล้มตัวลงบนเตียง วันนี้มีเรื่องหนักๆเกิดขึ้นมากมายจนร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าไปหมด
หลังจากวันที่เกิดเรื่องขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลวิตโตริโอ ผ่านไปสองอาทิตย์แล้ว มาร์โกก็ยังไม่ติดต่อมา ลูเซียอดคิดไม่ได้ว่าเขาคงเบื่อนางแล้ว คงเห็นว่านางไม่ใช่ผู้หญิงใจง่าย พอไม่ได้สิ่งที่ต้องการก็หายหัวไป ลูเซียรู้สึกผิดหวังยิ่งนัก อุตส่าห์คิดว่ามาร์โกเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบ นางมองเขาผิดไปจริงๆ น้ำตาไหลคลอดวงตาสีมรกต มาร์โกไม่ใช่คนดี แต่นางหลงรักเขาไปเสียแล้ว ตอนนี้นางรู้สึกไม่ต่างอะไรจากคนอกหัก ร่างบางเดินไปจัดถาดใส่ผลไม้ที่เตรียมไว้เป็นแบบวาดรูป นางตั้งใจวาดออกมาให้สดฉ่ำกว่าความเป็นจริง เพราะถ้าวาดแล้วเท่ากันหรือแย่กว่าของจริงก็ไม่รู้จะวาดไปทำไม
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น “ลูเซียมีคนมาพบลูกจ้า” มาริต้ากล่าว
“ใครคะ!?” ลูเซียตะโกนถามไป
“มาร์โกจ๊ะ”
ชื่อของเขาทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง นางคิดว่าเขาจะไม่มาแล้วเสียอีก หัวใจดวงน้อยเต้นกระสับกระส่ายไม่เป็นจังหวะ นางไม่รู้ว่าตัวเองดีใจหรือเสียใจกันแน่ที่เขามาหา “บอกเขาไปว่าข้าไม่สบาย” นางตอบผ่านบานประตู
“ตะแต่ว่า” มาริต้ากำลังจะพูด แต่มาร์โกเดินขึ้นบันไดมาแล้ว นางได้แต่ยืนนิ่ง ไม่กล้าไล่เขาลงไป
ถึงลูเซียจะหาข้ออ้างไม่ยอมพบเขา แต่มีหรือคนอย่างมาร์โก วิตโตริโอจะยอม คติของเขาคือ บางครั้งก็ต้องหน้าด้านเขาไว้ เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ “ลูเซีย ออกมาพบข้าเถอะ” มาร์โกวิงวอน พยายามทำน้ำเสียงให้น่าสงสาร
หญิงสาวสะดุ้งโหยง ทำไมพ่อกับแม่ถึงปล่อยให้เขาขึ้นมาข้างบน นางไม่รู้จะทำอย่างไรดี ยังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับเขา ที่สำคัญคือไม่รู้ว่ามาร์โกมาเพราะจุดประสงค์อะไร
“ลูเซีย...” มาร์โกเรียกอีกครั้ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูถูกก็เปิดออกช้าๆ ชายหนุ่มยิ้มกว้างอย่างมีความหวัง
“มีธุระอะไร” นางถาม ก้มหน้าไม่ยอมสบสายตา
“ออกมาคุยกันข้านอกก่อนเถอะ” มาร์โกกล่าว
“ไม่” ลูเซียตอบห้วนๆ
“เสียมารยาท! มีแขกมาหาจะยืนคุยอยู่ตรงประตูได้ยังไง” ลูก้าส่งเสียงเอ็ดมาจากบันได “ออกมาเดี๋ยวนี้ มาริต้ายืนทำอะไรอยู่ รีบพาลูเซียลงมาข้างล่างสิ”
“จ๊ะ จ๊ะ” เมื่อถูกสั่งมาริต้าก็รีบจูงมือลูกสาวลงมาข้างล่าง
“แม่คะ!” ลูเซียแย้ง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมลงมาข้างล่างอย่างจำใจ มาร์โกลงบันไดตามมา
“ผมขออนุญาติพาลูเซียไปชมร้านขายเครื่องแก้วได้มั้ยครับ” ชายหนุ่มกล่าว ยิ้มให้ลูก้าและมาริต้าอย่างเป็นมิตร
“แน่นอน พาไปเลย” ลูก้าดันตัวลูเซียไปหามาร์โกจนทั้งสองตัวติดกัน ท่าทางอยากยกลูกสาวให้เต็มที่
“พะพ่อคะ ข้าเป็นผู้หญิงนะ ท่านให้ข้าไปง่ายๆได้ยังไง” ลูเซียหันไปตำหนิบิดา
“เจ้าชอบพวกงานศิลปะไม่ใช่เหรอ ที่ร้านเครื่องแก้วต้องมีของสวยงามมากมายแน่ รีบไปดูสิ แล้วมาเล่าให้ข้าฟังด้วย” เขาดันลูเชียให้ยืนติดกับมาร์โกอีกครั้ง
“งั้นข้าขอพาลูเซียไปก่อนนะครับ” มาร์โกรีบฉวยโอกาสดีๆไว้ เขาเอื้อมมือมาจับต้นแขนของลูเซียแล้วพาไปที่ประตู หญิงสาวพยายามขัดขืนแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะมีลูก้าช่วยดันหลังอีกแรง
“ข้าไปก่อนนะครับ” มาร์โกหันมากล่าวลา
“ไปเถอะ แล้วไม่ต้องรีบกลับล่ะ”
มาร์โกยิ้มออกมาอย่างขบขันกับประโยคที่ดูเมาๆของลูก้า “ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มดันร่างบางเข้าไปในรถม้า แล้วขึ้นไปนั่งตาม รถม้าออกวิ่งทันทีที่เขาปิดประตู
“เจ้าคงไม่ได้พาข้าไปปลุกปล้ำหรอกนะ” ลูเซียหันซ้ายหันขวาด้วยความตระหนก
คิ้วหนาขมวดย่น ลูเซียคิดว่าเขาจะพานางไปปลุกปล้ำอย่างนั้นหรือ คนสุภาพอย่างเขามีตรงไหนที่ดูเหมือนผู้ชายเสเพล ทำไมนางถึงมองเขาในแง่ร้ายเช่นนั้น
“ข้าเป็นสุภาพบุรุษนะ ข้าไม่ใช้กำลังบังคับผู้หญิงเด็ดขาด” เขาตอบอย่างหนักแน่น
“ห้ามผิดคำพูดล่ะ”
“ให้สาบานก็ยังได้” น้ำเสียงของมาร์โกจริงจังอย่างที่สุด
ลูเซียเขยิบห่างออกจากเขา ยกมือขึ้นกอดอก “เจ้าหายหน้าไปสองอาทิตย์ แล้วกลับมาทำไมอีก”
“หลังจากเกิดเรื่องวันนั้น เจ้าคงโกรธข้ามาก ข้าไม่รู้ว่าควรจะง้อเจ้าอย่างไร จึงไม่ได้ไปหา จากนั้นก็ไปเจรจาซื้อขายเครื่องแก้วมูราโนที่เวนิซ เพิ่งกลับมาเมื่อวานนี้เอง วันนี้ก็รีบตรงดิ่งมาหาเจ้าทันที ข้าคิดถึงเจ้ามากนะลูเซีย” เขาไม่ได้พูดเช่นนั้นเพื่อจีบสาว แต่รู้สึกเช่นนั้นจากใจจริง
“ไม่ใช่ว่านอนกอดนางโลมในเวนิซหรอกหรือ”
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าเป็นชายเสเพล ข้าเคยทำสิ่งใดให้เจ้าเห็น” กลับมาไม่ทันไรเขาก็โดนกล่าวหาเสียแล้ว
“พวกคนรวยชอบหาความสุขกับพวกนางโลมไม่ใช่หรือ” ลูเซียมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่อยากเห็นหน้ามาร์โก
ชายหนุ่มเริ่มจับประเด็นได้ ลูเซียคงคิดว่าฐานะที่แตกต่างกันมากระหว่างเขากับนางคืออุปสรรค์ คนมีฐานะอย่างเขาคงไม่คิดจริงจังกับนาง แต่ท่าทางขุ่นเคืองของลูเซียทำให้มาร์โกมีความหวังขึ้นมาบ้าง ถ้านางไม่มีใจให้เขาเลย คุงไม่หงุดหงิดใส่เขาแบบนี้
รถม้าหยุดที่หน้าร้านเครื่องแก้วขนาดใหญ่ใจกลางย่านการค้า คนรับใช้เปิดประตูรถม้า มาร์โกเดินออกไปก่อนแล้วยื่นมือให้ลูเซีย แต่นางปฏิเสธแล้วเดินลงมาเอง หญิงสาวต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นแสงระยิบระยับในร้านขายเครื่องแก้วสุดหรูหรา มาร์โกยิ้ม เขารู้ว่าลูเซียต้องชอบ
“เข้าไปข้างในกันเถอะ” มาร์โกกล่าวประครองไหล่บางไว้
ลูเซียก้าวไม่ออกรู้สึกเหมือนขาตัวเองกลายเป็นหิน จะให้เข้าไปในร้านเครื่องแก้วสุดหรูแบบนี้เนี่ยนะ
“เป็นอะไรไป ทำไมไม่เดินล่ะ” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย
“จะให้ข้าเข้าไปในร้านหรูหราแบบนี้ ข้าไม่เอาด้วยหรอก” ลูเซียทำท่าว่าจะหนี แต่มาร์โกโอบเอวนางไว้แล้วพาเข้าไปในร้าน พนักงานต้อนรับเปิดประตูรออยู่แล้ว พวกเขาโค้งคำนับอย่างสุภาพและกล่าวทักทาย ผู้จัดการร้านรีบมาต้อนรับทันทีเมื่อเห็นว่านายน้อยมา
“ไปทำงานของเจ้าต่อเถอะ ข้าแค่พาลูเซียมาเยี่ยมชมร้านเท่านั้น” มาร์โกกล่าว ผู้จัดการร้านโค้งคำนับแล้วไปจัดการเอกสารที่ทำค้างไว้ที่หลังร้าน
ในร้านมีสารพัดสิ่งของที่ทำด้วยแก้วหรือใช้แก้วเป็นส่วนประกอบ โคมไฟระย้าอันใหญ่ทำจากคริสตัลตัดเหลี่ยมวาววับห้อยลงมาจากกลางเพดาน สะท้อนแสงเทียนเกิดประกายระยิบระยับ แจกันหลายหลายรูปทรงจากหลากประเทศ ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบไล่ขนาดจากเล็กไปใหญ่ บางอันบ่งชัดว่ามาจากตะวันออก นอกจากของชิ้นใหญ่อย่างแจกันก็ยังมีของเล็กๆอีกนับไม่ถ้วย เช่นพวกภาชนะใส่อาหาร ช้อนซ่อมทองคำที่ประดับปลายด้ามด้วยคริสตัล ของที่ระลึก เช่นแก้วที่เจียระไนเป็นรูปสัตว์ แม้แต่ของสวยๆงามๆแบบผู้หญิงเช่นเครื่องประดับและกิ๊บติดผมก็ยังมี
“สวยจังเลย ยังกับอยู่อีกโลกแน่ะ” ลูเซียกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม นางอยากจะเดินดูให้ทั่ว แต่บรรยากาศของร้านทำให้นางเคอะเขิน
“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องชอบ เชิญดูได้ตามสบาย” มาร์โกกล่าว
“ไม่ล่ะ ข้าขอยืนดูอยู่ตรงนี้แหละ เครื่องแก้วแต่ละชิ้นต้องแพงมากแน่ ข้ากลัวทำแตก” ลูเซียตอบ มาร์โกอดยิ้มให้กับความตรงไปตรงมาของนางไม่ได้
“มาทางนี้สิ” มาร์โกจับมือลูเซียพาเดินไปยังมุมเครื่องประดับ
เนื่องจากเป็นช่วงเช้า จึงยังไม่มีแขกเข้ามาในร้าน ซึ่งก็ดีแล้ว เพราะแขกคนอื่นๆคงมองนางเป็นตัวประหลาดถ้าเห็นเสื้อผ้าพื้นๆที่มีสีเปรอะกระโปรง ลูเซียอดกังวลกับสารรูปตัวเองไม่ได้ ความจริงแล้วนางเป็นคนสวย เหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง ถ้าเพียงได้ใส่ชุดดีๆ รับรองว่าสวยไม่แพ้หญิงสาวจากตระกูลผู้ดีอย่างแน่นอน
มาร์โกพาลูเซียมายืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ “ข้ามีบางอย่างอยากให้เจ้า หลับตาสิ”
“ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะ” นางว่า
“แต่ข้าอยากให้เจ้าตื่นเต้นนี่นา หลับตาสิ หรือจะให้ข้าหาผ้ามาปิดตาเจ้าไว้” ชายหนุ่มกล่าว
“หลับตาก็ได้” ลูเซียหลับตาลง ขี้เกียจทะเลาะแบบเด็กๆ นางรู้สึกถึงมือของมาร์โกที่จับผมของนางรวบพาดมาด้านหน้า เขาเอาบางอย่างมาใส่ที่คอ จากนั้นก็จูบเบาๆที่ซอกคอ สัมผัสอันมิได้คาดหมายทำเอาหญิงสาวสะดุ้งโหยง นางลืมตากะจะหันไปต่อว่ามาร์โกที่ฉวยโอกาส แต่เมื่อเห็นสร้อยมีจี้คริสตัลรูปหัวใจ ก็ทำเอาพูดไม่ออก
“ข้าสั่งทำขึ้นเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ ที่ข้าไม่ให้ชิ้นใหญ่กว่านี้ เพราะอยากให้เจ้าใส่มันไว้ตลอดเวลา จะได้นึกถึงข้าทุกครั้งที่เห็นมัน” ดวงตาของชายหนุ่มเป็นเปล่งประกายด้วยความรัก
“ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก มันแพงเกินไป” ลูเซียมีสีหน้าลำบากใจ นางไม่มีเหตุผลอะไรที่สมควรได้สร้อยเส้นนี้มา
“รับไว้เถอะ เพราะมันเป็นขงเจ้าคนเดียวเท่านั้น” มาร์โกยืนยันหนักแน่น
“แต่...” ลูเซียกำลังจะแย้ง แต่มาร์โกยกนิ้วขึ้นปิดปากนางเสียก่อน
“ไม่ต้องมาแต่ ยังไงข้าก็ไม่รับคืน”
“ถ้างั้นก็ ขอบคุณ...สร้อยเส้นนี้น่ารักมาก” ลูเซียชอบมันมากแต่ในขณะเดียวกันก็ลำบากใจ มาร์โกคิดยังไงกับนางแน่นะ จะจริงจังหรือแค่เล่นๆ
“ข้าดีใจที่เจ้าชอบ” เขามองลึกเข้าไปในดวงตาสีมรกต พยายามส่งความในใจผ่านดวงตา
ทว่าช่วงเวลาโรแมนติกของทั้งสองกลับถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว เสียงเจาะแจ๊ะดังขึ้น พร้อมกับคำทักทางเสียงสูงปรี๊ด
“สวัสดีค่าาา ไม่คิดว่าจะเจอท่านมาร์โกที่นี่ วันนี้ข้าโชคดีจริงๆ” หญิงสาวในชุดสีชมพูฟูฟ่องเดินตรงมาหามาร์โก ผู้หญิงแต่งตัวดีอีกสองคนเดินตามมา ทั้งสามคงเป็นเพื่อนไม่ก็พี่น้องกัน
“อรุณสวัสดิ์ครับ” ความลำบากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มครู่หนึ่ง แต่เขารีบซ่อนไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้มทันที
ผู้หญิงสวมชุดสีม่วงลายดอกไม้รีบเข้ามาเกาะแขนมาร์โก มองผ่านลูเซียไปเหมือนนางไม่ได้อยู่ตรงนั้น “พวกเราว่าจะมาซื้อเครื่องประดับผม ไหนๆท่านก็อยู่ที่นี่แล้ว มาช่วยพวกเราเลือกหน่อยสิคะ” นางกล่าวเสียงหวาน แต่ดูเสแสร้งยังไงพิกล
“เอ่อ...ข้าติดธุระอยู่” มาร์โกกล่าว หันไปมองลูเซีย พบว่านางจ้องเขากลับด้วยสายตาขุ่นเคือง ชายหนุ่มยิ่งแน่ใจว่านางหึงเขา
“ไม่เสียเวลามากหรอกน่า พวกเราก็เป็นลูกค้าของท่านนะ” หญิงสาวชุดเหลืองว่า
มาร์โกพยายามขอตัว แต่หญิงสามนางนั้นช่างตื๊อเก่งจริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกนางจู่โจมเขา มาร์โกรู้นานแล้วว่าพวกนางพยายามจับเขา ผู้หญิงแบบนี้แหละที่เขาไม่ชอบอย่างที่สุด แต่ละคนแทบไม่เคยถามอะไรเกี่ยวกับตัวเขา มาร์โกดูออกว่าพวกนางอยากแต่งงานกับเขาเพื่อทรัพย์สมบัติ ไม่ได้สนใจตัวตนแท้จริงของเขาเลยสักนิด แต่ยังไงพวกนางก็เป็นลูกค้า เขาจึงต้องต้อนรับอย่างมีมารยาท
ผู้หญิงสุดสีชมพูเดินตรงมาหาลูเซีย แล้วมองนางอย่างดูถูกทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก “เป็นแค่คนรับใช้มายืนเกะกะอยู่ได้ ถอยไปข้าจะดูเครื่องประดับ” พูดจบก็ดันลูเซียให้พ้นทาง มาร์โกเห็นการกระทำอันหยาบคาย เขาอยากเข้ามาตักเตือน แต่ถูกคุณหนูอีกสองคนยื้อยุดไว้
ลูเซียยืนนิ่งอึ้ง สภาพของนางดูแย่ขนาดมีคนคิดว่าเป็นสาวใช้ของมาร์โกเลยหรือ
“ยืนทื่ออยู่ได้ ออกไปสิ” หญิงชุดชมพูไล่ด้วยเสียงสูงปรี๊ดดด
ลูเซียพูดอะไรไม่ออกได้กำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์ ในเมื่อนางไม่คู่ควรกับที่นี่ แล้วจะอยู่ไปทำไม หญิงสาวเดินไปที่ประตูแล้วผลักออกอย่างแรง ก้าวออกไปจากร้านพร้อมน้ำตาที่ไหลคลอเบ้า ข้ามันบ้าไปเองที่คิดว่าจะได้แต่งงานกับมาร์โก คนรวยอย่างเขาก็ต้องคู่กับคนรวยด้วยกัน
“ลูเซีย!!” มาร์โกร้องเรียกเมื่อเห็นนางผลักประตูออกไป คุณหนูทั้งสามยังคงพูดจ้อไม่หยุด มาร์โกแกะมือที่เกาะติดเขาออกแล้วรีบวิ่งออกจากร้านทันที
โชคดีที่ลูเซียยังไปไม่ไกล เขารีบวิ่งตามนางไป แล้วคว้าข้อมือเล็กไว้ขณะข้ามสะพาน
“ลูเซีย!”
“จะตามข้ามาทำไม! ทำไมไม่อยู่คุยกับผู้หญิงพวกนั้นต่อล่ะ” ลูเซียหันกลับมาถามอย่างโกรธเคือง
“ถึงโดนาเทลล่าทำเรื่องหยาบคายใส่เจ้า แต่เจ้าไม่ควรเอามาลงที่ข้านะ” มาร์โกกล่าว เขาคิดว่าตัวเองพูดด้วยเหตุผล แต่ผู้หญิงเวลาโมโหไม่สนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น
ลูเซียโกรธมากที่ถูกต่อว่า นางไม่ได้ทำอะไรผิด แต่มาร์โกกลับว่านาง หญิงสาวยกมือขึ้นถอดสร้อยออก “เอาสร้อยคืนไป ต่อจากนี้ไม่ต้องมาพบกันอีก” นางกล่าวเสียงแข็ง พร้อมกับยื่นสร้อยให้เขา
“เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมต้องโกรธข้าด้วย” ตอนนี้เขานึกไม่ออกจริงๆว่าควรทำอย่างไร ลูเซียตรงไปตรงมา นางไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ทำหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลาเพื่อหวังให้เขาพอใจ ไม่ว่าจะรู้สึกอะไรอยู่ ลูเซียจะแสดงออกมาตรงๆ
“การให้ความหวังผู้หญิงไปทั่ว มันสนุกนักหรือไง!? ข้าไม่ใช่ของเล่นของเจ้านะ” หญิงสาวพูดเสียงดังจนแทบกลายเป็นตวาด ในที่สุดก็พูดสิ่งที่อัดอั้นตัดใจออกไปแล้ว
“ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นของเล่น”
“ข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าไม่ได้พูดแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่น เอาสร้อยคืนไปไม่อย่างนั้นข้าจะปาลงน้ำ” ลูเซียยกมือขึ้นทำท่าจะปาสร้อยลงในคลองเบื้องล่าง
“ข้าให้เจ้าแล้ว เจ้าจะทำอย่างไรกับสร้อยเส้นนั้นก็เป็นสิทธิของเจ้า จะทิ้งมันไปก็ได้” มาร์โกไม่ได้รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อย เพราะลูเซียมีค่ามากกว่านั้นมาก
“สำหรับลูกชายมหาเศรษฐีแบบเจ้า สร้อยเส้นนี้คงไม่มีค่าอะไรเลยใช่มั้ย” เสียงของนางสั่นเครือ ลูเซียปาสร้อยใส่อกมาร์โกแล้ววิ่งหนีไป มาร์โกหยิบสร้อยขึ้นมาแล้วรีบวิ่งตาม เขารักลูเซียและแน่ใจว่านางรักเขา แต่ความแตกต่างของฐานะทำให้ลูเซียไม่ยอมเชื่อว่าเขารักนางจริง เมื่อวิ่งไปถึงตลาด ชายหนุ่มก็คลาดกับหญิงสาว ผู้คนมีมากเกินไปจนทำให้เขาไม่สามารถหาลูเซียพบ แต่ไม่เป็นไร...เพราะเขารู้ว่าเจอตัวนางได้ที่ไหน
ลูเซียยังไม่อยากกลับบ้านเร็วนัก เพราะถ้ากลับเร็วพ่อกับแม่ก็คงซักไซร้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างบางย่อตัวลงนั่งบนบันไดหน้าทางเข้าโบสถ์ ครุ่นคิดอะไรไปต่างๆนานา รู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็คล้อยต่ำมากแล้ว ลูเซียจึงเดินกลับบ้าน ตั้งใจว่าต่อจากนี้ไปจะไม่พบมาร์โกอีก นางไม่อยากเสียใจอีกแล้ว
กระดิ่งที่ประตูร้านขายภาพดังขึ้นเบาๆเมื่อลูเซียเปิดประตูเข้ามา มาริต้ารีบออกมาดูทันที “มีคนมาพบเจ้าแน่ะ รีบเข้ามาในห้องอาหารเร็วเข้า”
“ใครหรือคะ” หญิงสาวอดกังวลใจไม่ได้ว่านั่นคือมาร์โก
“รีบมาเถอะน่า” มาริต้าจูงมือลูกสาวเข้าไปในห้องอาหาร นานๆทีลูเซียจะเห็นแม่มีท่าทางร้อนรนเช่นนี้
เมื่อมาถึงห้องทานอาหารลูเซียก็ตกใจแทบยืนไม่อยู่ เพราะในห้องไม่ได้มีแค่มาร์โก แต่แม่ของเขานั่งอยู่ด้วย มีพ่อของนางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ลูเซียจับกระโปรงย่อตัวลงคำนับแม่ของมาร์โกอย่างงุนงง
“มาดามวิตโตริโอมาเจรจาเรื่องการหมั้นน่ะ” ลูก้ากล่าวอย่างอารมณ์ดี
“หมั้น!?” นางโพล่งขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“เพื่อแสดงว่าข้าจริงใจต่อเจ้า” มาร์โกพูดขึ้นบ้าง
“แต่...แต่ข้าไม่ใช่...ชนชั้นสูง” ข้าต้องหูฝาดไปแน่ๆเลย มาดามวิโตริโอผู้สง่างามจะมาที่บ้านซอมซ่อของนางได้อย่างไร นี่ต้องเป็นความฝันแน่ๆ ลูเซียคิด
“เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ข้ากับสามีให้สิทธิลูกชายเลือกคนรักด้วยตัวเอง อีกอย่างเจ้าก็ดูเข้าท่าดี” คาโรลีน่ากล่าว ยิ้มให้ลูเซียอย่างอ่อนโยน ชุดหรูหราของนางช่างตัดกับเก้าอี้ไม้ซอมซ่อที่นั่งอยู่เหลือเกิน
“ท่านพูดจริงเหรอคะ” นี่เป็นเรื่องดีอย่างไม่น่าเชื่อ จนลูเซียไม่คิดว่ามันได้เกิดขึ้นกับตัวเอง
“มานั่งข้างๆข้าสิ” มาร์โกเลื่อนเก้าอี้ที่อยู่ข้างเขาออก ลูเซียเดินไปนั่งข้างชายหนุ่ม
“เป็นอันว่าท่านตกลงเรื่องการหมั้นของพวกเราใช่มั้ยครับ” มาร์โกหันไปถามลูก้าอย่างไม่ยอมให้เขาปฏิเสธได้
“แน่นอน ข้ายินดีอย่างที่สุด แล้วจะเจรจาเรื่องของหมั้นกันเมื่อไหร่ล่ะ” เขาถามออกมาอย่างละโมบ
“พ่อคะ!!!” ลูเซียหันไปเอ็ด นางรู้สึกอายจริงๆที่มีพ่อหน้าเลือดแบบนี้
คืนนั้นมาร์โกกับแม่อยู่ทานอาหารค่ำที่บ้านของลูเซีย นางแปลกใจมากที่คนทั้งสองยอมทานอาหารด้วย มาร์โกน่ะไม่เท่าไหร่ แต่มาดามวิตโตริโอที่คิดว่าน่าจะเป็นคนถือตัวกลับไม่แสดงท่าทางรังเกียจแม้แต่น้อย แถมยังชมว่าแม่ของนางทำอาหารอร่อยอีกต่างหาก
วันรุ่งขึ้นมาร์โกมารับลูเซียไปที่คฤหาสน์ตั้งแต่เก้าโมงเช้า อ้างว่านางยังวาดรูปเขาไม่เสร็จให้ไปวาดต่อ
“ทำไมเจ้าถึงชอบข้าล่ะ” อยู่ๆลูเซียก็ถามขึ้นมา เล่นเอามาร์โกที่กำลังเดินเคียงข้างนางชมสวนงงไปเลย
“อาจะฟังดูบ้า แต่ข้าหลงรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น” มาร์โกตอบ
“เพราะเห็นข้าเปลือยกายวาดรูปอย่างนั้นหรือ ใช่สิผู้ชายคนไหนๆก็แพ้เรือนร่างสตรีทั้งนั้น”
“ข้าหลงรักเจ้าก่อนหน้านั้นอีก”
“จะเป็นไปได้ยังไงกัน” นางมองเขางงๆ
“เป็นไปได้สิ ตามข้ามา ข้าจะให้เจ้าดูอะไรบางอย่าง” กล่าวจบมาร์โกก็พาลูเซียขึ้นไปที่ชั้นสาม มุ่งตรงไปยังห้องนอนของเขา
“พาข้ามาที่ห้องนอนทำไม คงไม่คิดจะทำอย่างนั้นหรอกนะ” ลูเซียมองหน้าชายหนุ่มอย่างไม่ไว้วางใจ
มาร์โกเปิดประตูห้องแล้วดันหลังลูเซียเข้าไปข้างใน “ข้าจะไม่ทำจนกว่าเจ้าจะเต็มใจ เข้ามาเถอะ”
ในห้องของมาร์โกยังแยกย่อยออกเป็นห้องต่างๆอีก เขาพาลูเซียเดินผ่านห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาเข้าชุด เข้าไปยังห้องนอน แล้วพานางมาหยุดตรงหน้ารูปภาพที่แขวนไว้บนผนังตรงข้างกับเตียงนอน
“นั่นรูปที่ข้าวาด!!!” หญิงสาวโพล่งออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นรูปเปลือยแฟรี่ที่ผนังห้อง นางหันไปมองมาร์โก “ที่แท้เจ้าเป็นคนซื้อไป”
“ใช่แล้ว ข้าเป็นคนซื้อเอง หญิงสาวในภาพวาดรบกวนจิตใจข้าเหลือเกิน นางทำให้ข้านอนไม่หลับ จนต้องกลับไปที่ร้านขายภาพเพื่อถามให้ได้ว่านางแบบคือใคร แล้วข้าก็ได้พบเจ้า” มาร์โกยื่นมือไปเชยคางมลขึ้นมองหน้า
ลูเซียหันหน้าหนี อายจนพูดไม่ออก ถ้ามาร์โกเป็นคนซื้อภาพไป ก็แปลว่าเขานอนมองภาพเปลือยของนางทุกวันเลยน่ะสิ ร่างบางเสียวสะท้านไปหมด รู้สึกไม่ต่างกับถูกลวนลามทางสายตา
“คนลามก” ลูเซียเอ่ยออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา แต่ไม่ได้ตั้งใจว่าจริงๆหรอก การที่ได้รู้ว่าเขารักนางมากจนอาจเรียกได้ว่าคลั่งไคล้ ทำให้นางรู้สึกดีอย่างที่สุด
“ข้ายอมรับว่าภาพวาดภาพนี้ทำให้ข้าสนใจเจ้า แต่ยิ่งรู้จักเจ้ามากขึ้นข้าก็ยิ่งชอบเจ้า เมื่อรู้ว่ารูปนี้เจ้าเป็นคนวาดเอง ข้าประทับใจสุดๆเลยล่ะ นอกจากสวยแล้วเจ้ายังมีความสามารถ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือความจริงใจของเจ้า” มารโกหยิบกล่องใบเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขาหยิบสร้อยที่ลูเซียปาใส่เขาเมื่อวานออกมาจากกล่อง แล้วสวมเข้าที่คอของนางตามเดิม
“สร้อยเส้นนี้เป็นของเจ้าคนเดียวเท่านั้น” เขากระซิบที่ข้างหู เอื้อมมือมากอดร่างบางไว้จากด้านหลัง จากนั้นก็จูบลงบนไหล่เนียนและต้นคอ เลื่อนมือขึ้นมาที่หน้าอกช้าๆ สัมผัสรัญจวนที่มาร์โกมอบให้ทำเอาหญิงสาวตัวอ่อนไปหมด
ลูเซียหยิกข้อมือของมาร์โก ทำให้ชายหนุ่มต้องปล่อยมือออก “ทำอะไรของเจ้าน่ะ” เขามองค้อน ครู่ต่อมาก็ส่งสายตาออดอ้อน
“ไปวาดรูปเจ้าต่อเถอะ เดี๋ยวไม่เสร็จสักที” ลูเซียตัดบทเดินลิ่วไปที่ประตู ถ้าอยู่กันสองต่อสองนานกว่านี้ นางอาจใจอ่อนยอมให้มาร์โกพาขึ้นเตียง
“เจ้าไม่อยากลองวาดรูปผู้ชายเปลือยบ้างเหรอ” ชายหนุ่มแกล้งยั่ว เขาเดินตามนางไป
ความคิดเห็น