ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    จิตรกรรมแห่งรัก (เรื่องสั้นโรแมนติก)

    ลำดับตอนที่ #1 : จิตรกรสาว

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 54


                ณ เมืองฟลอเรนซ์ศตวรรษที่ 17          

    หญิงสาวร่างอรชรในชุดนอนผ้าลินินสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีเขียวใบไม้ วิ่งลงบันไดเสียงดังโครมคราม หน้าตาตื่นตระหนกมายังชั้นล่าง ซึ่งเป็นแกลเลอรี่ขายภาพวาดของนายลูก้า มาสซิโม

                “เอะอะอะไรแต่เช้าหือ!?” ลูก้าหันไปเขม่นใส่ลูกสาวที่ยืนหน้าตื่นอยู่ตรงตีนบันได ขอบตาของเขาแฉะเพราะฤทธิ์เหล้าที่ยังตกค้าง ตัวเหม็นหึ่ง ผมยุ่งเหยิง สารรูปดูไม่ได้เฉกเช่นทุกวัน

                “พ่อเห็นรูปเปลือยแฟรี่ที่หนูวาดไว้รึเปล่า พอหนูตื่นขึ้นก็ไม่เห็นมันอยู่ในห้อง พ่อย้ายรูปไปใช่มั้ย!?” ลูเซียถามเสียงดังแทบเป็นตะโกน

                “ถ้ารูปนั่นล่ะก็ ข้าขายไปตั้งแต่เมื่อวาน ผู้ชายคนนั้นท่าทางอยากได้มาก ขนาดเรียกราคาซะสูง เขายังควักเงินจ่ายโดยไม่ต่อสักคำ พวกคนรวยนี่ดีจังเลยน้าาา” ลูก้าลากเสียงยานคางที่ท้ายประโยค ทั้งอิจฉาทั้งหมั่นไส้

                ลูเซียอ้าปากค้าง ลืมมารยาทกุลสตรีไปเสียสนิด “พอขายรูปนั้นไปได้ยังไงกัน!!! ข้าบอกท่านตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไม่ขาย” หญิงสาวพูดใส่อารมณ์ ครู่ต่อมาก็ยกมือขึ้นก่ายหน้าผาก แล้วทรุดตัวลงนั่งอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก

                “ทำไมเจ้าต้องทำท่าแบบนั้นด้วย เจ้าวาดรูปให้ข้าขายมาตั้งเยอะ ไอ้รูปนั้นมันสำคัญอะไรนักหนา ถ้าเรื่องเงินล่ะก็ ข้าแบ่งให้เจ้าแน่”

                “มันไม่ใช่เรื่องเงิน ที่ข้ากลุ่มใจเพราะ...” ลูเซียเงียบไป นางนึกได้ว่าไม่ควรพูด

                “เพราะอะไรล่ะ” ลูก้าถามเมื่อเห็นว่าลูกสาวเงียบไป

                มาริต้าผู้เป็นมารดาถือถาดใส่ลาซานญ่ากับผักต้มเข้ามาในห้องแสดงภาพ “มากินอาหารเช้ากันเถอะ” นางยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี แก้มย้วยๆกับรูปร่างเกือบอ้วนทำให้นางดูเป็นมิตรเสมอ นางเป็นคนใจดีจริงๆนั่นแหละ ไม่อย่างนั้นคงทนลูก้าที่เมาเกือบตลอดเวลาไม่ได้

                “หนูกินไม่ลงแล้วล่ะค่ะแม่ ขอตัวก่อนนะคะ” ลูเซียเดินขึ้นบันไดไป มาริต้าไม่คิดจะว่าอะไรลูกสาว ลูเซียเสียเปรียบเสมือนพรวิเศษ ถ้าไม่มีลูเซีย สองสามีภรรยาคงอดตายไปนานแล้ว ลูก้าไม่ใช่คนมีพรสวรรค์ ภาพวาดของเขาแค่พอใช้ ซ้ำยังรับงานวาดรูปบุคคลไม่ได้ เพราะวาดไม่เหมือน พักหลังยิ่งแล้วใหญ่ เอาแต่เมาลูกเดียว ต้องขอบคุณลูเซียที่มีพรสวรรค์ด้านการวาดรูป

                ลูเซียกลับเข้าห้องแล้วลงกลอนประตู ร่างบางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้ารูปวาดสีน้ำมันที่ยังวาดไม่เสร็จ นางกลุ้มใจเพราะใช้ตัวเองเป็นแบบวาดรูปเปลือยแฟรี่ โดยใช้วิธีมองผ่านกระจก ปรกติลูเซียจ้างนางโลมคนหนึ่งมาเป็นแบบ แต่ช่วงนี้นางโลมคนนั้นกำลังตั้งท้อง จะใช้คนอื่นแทนก็ไม่ถูกใจ แถมมีปัญหาเรื่องค่าตัวอีก นางจึงลองใช้ตัวเองเป็นแบบ ซึ่งก็ประหยัดและสะดวกดี ติดตรงที่นางเผลอวาดใบหน้าซะเกือบเหมือนตัวจริง นั่นคือสาเหตุที่ลูเซียไม่กล้าขายภาพนั้น

                หญิงสาวยกมือขึ้นขยี้ผม โอยยย ข้าจะทำยังไงดี คนที่ซื้อภาพไปต้องรู้แน่ว่าเป็นข้า เขาต้องคิดลามกกับภาพวาดของข้าแน่ๆเลย ไม่นะ! ข้ายังเป็นสาวบริสุทธิ์อยู่เลย ยิ่งคิดลูเซียก็ยิ่งปวดหัว

                เย็นวันนั้นลูเซียถามพ่อของนางว่าใครเป็นคนซื้อภาพไป แต่ลูก้ากลับบอกว่าจำหน้าชายคนนั้นไม่ได้เพราะมัวแต่นับเงิน ลูเซียนึกอยากกระโดดข้ามโต๊ะกินข้าวไปบีบคอพ่อของนางเสียจริง เขาดูไม่ออกว่ารูปนั้นคือนางเอง แถมยังจำหน้าคนที่ซื้อไปไม่ได้อีก

                วันรุ่งขึ้นลูเซียนั่งมองรูปวาดที่ตั้งอยู่บนขาตั้ง กลางห้องส่วนตัวของนางที่ชั้นสอง มันเสร็จไปเกินครึ่งแล้ว เป็นรูปหญิงสาวเปลือยนั่งอยู่บนโขดหินข้างลำธารถือช่อดอกไม้ไว้ในมือ ช่างดูอ่อนหวานเป็นธรรมชาติเสียจริง จิตกรสาวคิด นางชอบวาดรูปเปลือยเพราะรู้ว่างานแนวนี้ซื้อง่ายขายคล่องทั้งยังได้ราคาดี แต่คราวนี้จะไม่ให้พลาดอีกเป็นอันขาด คงต้องแต่งเติมเสริมแต่งใบหน้าให้ต่างไปจากเดิม

    พ่อของนางรับงานซ่อมภาพที่วิหารแห่งหนึ่ง ต้องค้างคืนอย่างน้อยก็สี่วัน เขาให้มาริต้าขายภาพแทนโดยติดราคาไว้ที่ด้านหลังภาพ ไม่อยู่ก็ดีนางจะได้ไม่ต้องฟังเสียงพ่อเอะอะโวยวาย

    ลูกเซียตั้งกระจกไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม จากนั้นก็เปลื้องผ้าออกจนหมดแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ สยายผมสีน้ำตาลอ่อนนุ่มให้เคลียไปบนไหล่ ปล่อยบางปอยให้ตกลงมาบนหน้าอกอย่างเป็นธรรมชาติ มือเรียวแตะน้ำมันสนผสมกับสีน้ำมันบนจานสี จรดพู่กันลงบนภาพวาด ปลดปล่อยจินตนาการให้ล่องลอยไป มือของนางเคลื่อนไหวอย่างแคล่วคล่อง สีสันต่างๆถูกวาดลงไปบนผืนผ้าใบ ค่อยๆปรากฏรูปร่างขึ้นทีละน้อยอย่างน่าอัศจรรย์ ลูเซียแทบลืมวันเวลา การวาดรูปคือสิ่งที่นางหลงไหล บวกกับพรสวรรค์ด้วยแล้ว ผลงานของนางจึงงดงามยิ่ง น่าเสียดายที่เป็นหญิงจึงต้องขายภาพในนามของบิดา หากนางเป็นชายล่ะก็ อาจจะดังเท่าราฟาเอล หรือเบอนินี่ไปแล้วก็ได้

    มาริต้าเป็นคนที่ชอบทำอาหารมาก ขณะกำลังเตรียมอาหารกลางวันอยู่นั้น นางพบว่าเครื่องปรุงบางอย่างหมด จึงผละออกจากร้านมุ่งหน้าไปยังตลาด โดยไม่ได้เขียนป้ายบอกหรือปิดร้านแต่อย่างใด นางมันสะเพร่าเช่นนี้เสมอ

    ชายหนุ่มหน้าตาดีอายุประมาณสามสิบต้นๆแต่งตัวดีอย่างคนมีฐานะ ขี่ม้ามุ่งตรงมายังร้านขายภาพของนายลูก้า เขาดึงบังเหียนม้าให้หยุด ก้าวลงจากหลังม้าด้วยท่าทางเร่งรีบ เขาผู้สายบังเหียนไว้ที่หน้าร้านแล้วเปิดประตูเข้าไปในร้านขายภาพทันที นี่เป็นครั้งที่สองที่เขามายังร้านแห่งนี้ มาร์โกไม่ใช่คนที่สนใจศิลปะนัก แต่ภาพวาดที่บ้านเพื่อนสะดุดตาเขาอย่างมาก เมื่อสอบถามได้ความว่าเป็นรูปที่วาดโดยนายลูก้า เขาจึงมาเยือนร้านแห่งนี้และซื้อผลงานไปหนึ่งชิ้นเมื่อวานซืน เขาชอบภาพนั้นมากถึงมากที่สุด และภาพนั่นแหละคือสิ่งที่รบกวนใจเขาจนต้องมาที่ร้านอีกครั้ง

    “สวัสดีครับ คุณลูก้า” มาร์โกเอ่ยทัก แต่ไม่มีเสียงตอบแต่อย่างใด เขาเดินไปรอบๆห้องแสดงภาพเพื่อตามหาลูก้า แต่ไม่พบ ชายหนุ่มยืนรอสักครู่ แต่ด้วยความร้อนใจจึงเดินไปหลังห้องแสดงภาพเพื่อตามหา เขาไม่พบอย่างอื่นนอกจากห้องครัวว่างโล่ง ที่มีผักและวัตถุดิบนานาชนิดวางอยู่ในถาด พวกมันบอกชัดว่ามีคนอยู่ในบ้าน เพราะคงไม่มีใครทิ้งอาหารไว้ให้เน่าเสียโดยเปล่าประโยชน์

    มาร์โกเรียกอีกครั้งแต่ไม่มีใครตอบ เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจถือวิสาสะเดินขึ้นไปชั้นบน พรุ่งนี้เขาต้องไปเจรจาธุรกิจสำคัญแทนบิดา คงไม่มีเวลาว่างมาอีกเป็นแน่ ยังไงวันนี้ก็ต้องพบลูก้าให้ได้ เขาได้ยินเสียงก๊อกแก๊กดังออกมาจากในห้อง เหมือนของบางอย่างกระทบกัน ลูก้าคงกำลังวาดรูปอยู่เป็นแน่ เขาเคาะประตูห้องเบาๆ แต่มันเบาเกินไปสำหรับลูเซียที่กำลังอยู่ในโลกส่วนตัว มาร์โกรอสักครู่ เมื่อไม่มีใครตอบจึงเคาะประตูอีกครั้ง

    “คุณลูก้า” มาร์โกเอ่ยขึ้น เขาไม่กล้าเคาะประตูดังไปกว่านี้ ด้วยกลัวว่าการรบกวรของเขาจะทำลายงานศิลปะอันเลอค่า แต่เขาไม่มีเวลาอยู่ที่นี่ทั้งวัน ชายหนุ่มจึงผลักบานประตูเข้าไปในห้อง

    ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาตกตะลึงจนตัวแข็งทื่อ หญิงสาวเปลือยกายกำลังนั่งวาดรูปอย่างแคล่วคล่อง นางผสมสีและจรดพู่กับลงไปบนภาพอย่างตั้งอกตั้งใจ สัดส่วนของนางช่างงดงามลงตัว เอวคอดกิ่ว สะโพกกลมกลึง ผิวขาวเนียนละเอียด นางเป็นนางฟ้าหรืออย่างไรกัน

    ลูเซียหันไปมองกระจก แล้วนางก็ต้องตกใจสุดชีวิตเมื่อเห็นภาพผู้ชายปรากฏอยู่ในนั้น หญิงสาวหันมาด้วยความตระหนก แอบหวังว่าแค่ตาฝาดไปเอง แต่ผู้ชายคนนั้นยังคงยืนอยู่ เขาจ้องมองนางด้วยความตกใจไม่แพ้กัน พู่กันที่อยู่ในมือตกลงบนพื้น

    “กรี๊ดดด” ลูเซียร้องออกมาพร้อมกับยกมือขึ้นปิดบังร่างกาย “ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!” นางตะโกนลั่น

    “ขอขออภัย” มาร์โกเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูลงทันที เขาหายใจถี่เหมือนคนวิ่งทางไกลมา ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นช่างสวยหวานนัก ที่สำคัญคือเหมือนใบหน้าบนรูปวาดที่เขาซื้อไป ผู้หญิงที่ทำให้เขานอนมองทั้งคืนด้วยความหลงไหล จนไม่ยอมหลับยอมนอน

    ลูเซียรีบหยิบชุดนอนขึ้นมาสวมเพราะมันเป็นชุดที่สวมง่ายทีสุด จากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมมาสวมทับ นางตกใจจนมือไม้สั่นไปหมด ทำไม่ต้องเกิดเรื่องน่าอับอายแบบนี้ขึ้นด้วย ผู้ชายคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ นางอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ หญิงสาวกระชากประตูออก แล้วจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง

    “เจ้าถือวิสาสะเข้ามาในบ้านข้าได้ยังไง!!” นางถามอย่างเดือดดาล

    “ขะข้า ขอโทษ...” มาร์คโกพูดติดขัด เขาเอาแต่มองหน้าลูเซีย นางงามยิ่งกว่าหญิงสาวในภาพวาดเสียอีก แม้เวลาโกรธก็ยังน่ารัก

    “แค่ขอโทษมันพอหรือไง! ข้ายังไม่ได้แต่งงานนะ! เจ้าทำลายเกียรติของข้า เจ้า...เจ้า...” นางอยากจะด่าต่อแต่นึกคำพูดไม่ออก เพราะปรกติไม่ชอบด่าใคร

    “ข้าเสียใจสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้ายินดีชดใช้ให้เจ้าทุกอย่าง โปรดอภัยให้ข้าเถิด” เขารู้สึกเหมือนคนโง่ที่ยอมเอ่ยปากให้ทุกอย่างง่ายๆ แต่ถึงจะต้องจ่ายเงินมากมาย สิ่งที่ได้เห็นนับว่าคุ้มค่า

    “ไม่ ไม่ ไม่” มาร์โกพูดกับตัวเอง ข้าเป็นสุภาพบุรุษข้าไม่ควรคิดอะไรที่เป็นการดูถูกสตรีเช่นนั้น

    “ที่บอกว่าจะชดใช้ เจ้าจะชดใช้ยังไงมิทราบ!?” ลูเซียถามอย่างเอาเรื่อง

    “ข้ายินดีจ่ายเงินให้ตามที่เจ้าต้องการ”

    คำพูดของมาร์โกยิ่งทำให้หญิงสาวเดือดขึ้นไปอีก “เจ้าคิดว่าข้าเป็นผู้หญิงขายตัวหรือไง ถึงคิดจะจ่ายด้วยเงิน!?

    “เปล่าข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย” มาร์โกรีบปฏิเสธเขาไม่อยากให้นางเข้าใจผิด แล้วมองเขาในแง่ร้าย “ถ้าเจ้าไม่ต้องการเงิน แล้วอะไรคือสิ่งที่เจ้าต้องการ”

    “ข้า...ข้าไม่รู้...” ลูเซียนิ่งไป แต่ไม่ทันไรก็กลับมามองมาร์โกด้วยสายตาขุ่นเคืองอีกครั้ง “แต่ยังไงเจ้าก็ต้องชดใช้”

    “ข้ายินดีเสมอ เอาไว้เจ้านึกออกเมื่อไหร่ ก็บอกข้าละกัน” เขากล่าว

    ลูเซียยกมือขึ้นกอดอก นางอยากถีบผู้ชายคนนี้ตกบันไดเสียจริง เมื่อเห็นลูเซียนิ่งไปมาร์โกจึงเริ่มเปิดประเด็น

    “ข้าชื่อมาร์โก วิตโตริโอ แล้วเจ้าล่ะ”

    “ลูเซีย มาสซิโม!” นางตอบเสียงกระด้าง

    “เจ้าคงเป็นลูกสาวของคุณลูก้า...”

    “อือ”

    “เมื่อครู่ข้าเห็นเจ้าวาดรูป พูดตามตรงว่าข้าแปลกใจมากที่เห็นผู้หญิงวาดรูป”

    ลูเซียหันไปจ้องหน้ามาร์โกเขม็ง “เจ้าห้ามบอกใครเป็นอันขาดว่าข้าวาดรูป รวมทั้งเรื่องนั้นด้วย เข้าใจมั้ย!!!???

    “อย่าห่วงไปเลย ข้ารู้ว่าอะไรควรไม่ควร” มาร์โกตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

    “พอจะบอกได้มั้ยว่ารูปไหนบ้างที่เจ้าวาด” เขาชวนคุยต่ออย่างสนใจ

    “ทั้งหมดนั่นแหละ ตอนนี้พ่อรับแต่งานซ่อมภาพเท่านั้น ซึ่งนานๆจะมีให้ทำที” ลูเซียตอบ นางชักรำคาญผู้ชายคนนี้เต็มทนแล้ว ถามซักไซร้อยู่ได้

    ดวงตาของมาร์โกเปล่งประกายด้วยความชื่นชม “เจ้าใช้ตัวเองเป็นแบบวาดรูปเปลือยตลอดเลยเหรอ”

    “เปล่า รูปนี้เป็นรูปที่สอง ปรกติข้าจ้างนางแบบ เจ้าจะถามซักไซร้ไปทำไมกัน ข้ารำคาญแล้วนะ”

    ชายหนุ่มยิ้ม เขามาที่นี่เพราะต้องการถามลูก้าว่านางแบบคือใคร เขาได้พบนางแล้ว เท่านั้นไม่พอนางยังเป็นสาวบริสุทธิ์ มิได้แต่งงาน จะมีอะไรน่ายินดีกว่านี้อีกเล่า

    “ยิ้มอะไรของเจ้า ข้าไม่ให้เจ้าดูเปล่าๆหรอกนะ ไว้นึกออกเมื่อไหร่ข้าจะไปเรียกค่าเสียหาย”

    “ยินดีเสมอ เจ้าไปหาข้าได้ที่คฤหาสน์ตระกูลวิตโตริโอ”

    “ข้าไปแน่” ลูเซียจ้องตามาร์โกอย่างท้าทาย

    “นั่นพวกเจ้าอะไรอยู่เหรอ” มาริต้ายืนถามจากตีนบันได เงยหน้าขึ้นมองทั้งสองอย่างงงๆ

    “แม่ไปไหนมา ปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ขึ้นมาข้างบนได้ยังไง” ลูเซียถามอย่างไม่พอใจ

    “พริกไทหมดน่ะ ข้าเลยไปซื้อที่ตลาด” มาริต้าตอบ

    “แล้วทำไมแม่ถึงไม่ลงกลอนประตูล่ะคะ!?

    “โทษที ลืมไป” มาริต้าตอบอย่างไม่ใส่ใจ นางไม่รู้เลยสักนิดว่าความสะเพร่าของตัวเองสร้างความเดือดร้อนให้ลูกสาวมากแค่ไหน “แล้วนั่นใครน่ะ”

    “ข้าชื่อมาร์โก วิตโตริโอครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”

    “ข้าชื่อมาริต้า เป็นแม่ของลูเซียค่ะ มาทานอาหารว่างด้วยกันก่อนมั้ย” นางชอบเชิญคนอื่นมาทานอาหารด้วยกันเสมอ แม้เพิ่งเจอกันครั้งแรกก็ตาม

    “ขอบคุณครับ แต่ข้ามีธุระต้องรีบไปทำ คงอยู่ทานด้วยไม่ได้จริงๆ จะเป็นการรบกวนรึเปล่าครับถ้าข้าจะแวะมาทานคราวหน้า” มาร์โกกล่าวอย่างสุภาพ

    “ได้เสมอจ๊ะ ก็เจ้าเป็นเพื่อนของลูเซียนี่นะ”

    “ไม่ใช่สักหน่อย!!” ลูเซียรีบแย้ง

    “งั้นข้าไปก่อนนะครับ ไว้เจอกันอีก” โค้งให้มาริต้า จากนั้นก็หันไปหาลูเซีย “ข้าไปก่อนนะ หวังว่าเจอกันคราวหน้าเจ้าคงนึกออกว่าต้องการอะไร”

    ลูเซียไม่ตอบได้แต่จ้องหน้าเขา เมื่อเป็นเช่นนั้นชายหนุ่มจึงเดินจากไป

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป...

    ภาพหญิงสาวถือดอกไม้นั่งอยู่ที่ลำธารใกล้ๆเสร็จสมบูรณ์ เหลือเพียงใบหน้าที่ลูเซียกำลังคิดว่าจะวาดออกมาเช่นไรดี แต่ที่แน่ๆต้องไม่ให้ใครรู้ว่าเป็นนาง ขณะนั่งมองรูปวาดอยู่นั้นใบหน้าของมาร์โกก็ปรากฏขึ้นในความคิด ทำให้นางอารมณ์เสียอย่างมาก ตอนนั้นนางเปลือยทั้งตัว ไร้ซึ่งอาภรปิดบังร่างกาย ช่างน่าอายจริงๆ

    จนแล้วจนรอดก็ยังคิดไม่ออกว่าต้องการอะไรเป็นค่าเสียหาย บางทีเงินอาจจะเป็นคำตอบที่ง่ายที่สุดก็ได้ แต่ถ้าเรียกร้องเงินลูเซียก็กังวลว่าตัวเองจะดูเหมือนผู้หญิงหน้าเลือด เพราะฉะนั้นนางจึงไม่ได้ไปพบมาร์โกสักที เท่าที่นางรู้เกี่ยวกับเขา มาร์โกเป็นลูกชายคนเดียว เขาจึงเป็นผู้รับมรดกของตระกูลวิตโตริโอโดยชอบธรรม ซึ่งมีทั้งที่ดิน ธุรกิจเรือเดินสมุทร โรงงานผลิตเครื่องแก้วรวมทั้งร้านค้า คงเพราะเขารวยมากนี่เอง ถึงได้ออกปากว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้นางง่ายๆ

    “ลูเซีย มีคนมาขอพบลูกจ๊ะ!” มาริต้าตะโกนจากตีนบันได

    ใครกันนะ ลูเซียนึกสงสัย นางลุกจากเก้าอี้ จัดผมสีน้ำตาลอ่อนและเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางจากนั้นก็เดินลงบันไดไปที่ห้องแสดงภาพ

    “อรุณสวัสดิ์” มาร์โกยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี ถือหมวกปักขนนกไว้ในมือ เขาสวมชุดผ้าไหมสีแดงติดกระดุมทอง เรียบหรูดูดีอย่างคนมีฐานะ

    “เจ้ามาหาข้าทำไม!?” ลูเซียถามกลับอย่างไม่ต้อนรับ

    “ข้าเห็นเจ้าไปหาสักทีเลยมาหาเอง” มาร์โกกล่าว ยังไม่ยอมหุบยิ้ม

    ลูเซียไม่เข้าใจว่าเขาไปเจออะไรมาถึงได้มีความสุขนักหนา

    “มีธุระอะไรรีบๆว่ามา”

    “ข้าอยากให้เจ้าวาดรูปแม่ข้า นางเป็นคนที่เคร่งครัดเรื่องจารีตประเพณี จึงลำบากใจที่ต้องให้จิตรกรชายนั่งวาดรูปนางเป็นเวลานาน แต่ข้าอยากให้ท่านแม่มีรูปเก็บไว้ให้ลูกหลานตระกูลวิตโตริโอระลึกถึง ข้าจึงเล่าเรื่องของเจ้าให้ท่านแม่ฟัง ซึ่งนางตกลงยอมให้เจ้าวาดรูปให้ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าจ้าง ข้าจะจ่ายให้เท่ากับจิตรกรชั้นแนวหน้าแห่งฟลอเรนซ์ เพราะฝีมือของเจ้าไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขาเลย” มาร์โกพูด

    ลูเซียจ้องหน้าเขาอย่างขัดใจ “เจ้ายังไม่ได้ถามข้าสักคำว่าจะรับงานมั้ย อีกอย่างข้าเป็นผู้หญิง ถ้าใครรู้ว่าข้าวาดรูปหาเงินเลี้ยงชีพ พวกเขาจะประณามข้า หาว่าข้าทำตัวนอกรีต”

    “เรื่องนั้นอย่ากังวลเลย ข้าสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากพวกเรา” มาร์โกให้สัญญา ยังไงเขาก็ต้องหาเรื่องตีสนิทกับลูเซียให้ได้

    “แต่ว่า...”

    “หรือเจ้าวาดภาพเหมือนไม่ได้ ถึงไม่ยอมรับงาน หือ?” มาร์โกแกล้งยั่ว

    “ใครว่าข้าวาดไม่ได้ ข้าวาดได้เหมือนสุดๆ ราวกับเอาคนคนนั้นมาอยู่ในรูปวาดเลยล่ะ” ลูเซียกล่าว นางไม่ได้พูดยกหางตัวเอง แต่นางรู้ตัวว่าทำได้

    มาร์โกไม่คิดว่านางพูดเกินจริงแต่อยางใด เพราะภาพวาดแฟรี่ที่เขาซื้อไปดูมีชีวิตชีวาราวกับลูเซียมาอยู่ในห้องกับเขา

    “เจ้ารับปากแล้วใช่มั้ย งั้นเริ่มงานบ่ายนี้เลย” ชายหนุ่มรีบมัดมือชก ไม่ยอมให้นางได้ปฏิเสธ

    “อะไรนะ!? บ่ายนี้ เจ้าไม่คิดจะให้ข้าเตรียมตัวบ้างหรือไง” ลูเซียยกมือขึ้นกุมขมับ มาร์โกคิดว่าเขาเป็นใครกัน จะเอาอะไรต้องได้งั้นเหรอ

    “ข้าจะช่วยเจ้าเก็บของเอง ส่วนอาหารกลางวันทานที่บ้านข้าก็ได้ แม่ครัวของข้าฝีมือดีเชียวล่ะ” มาร์โกกล่าว ลูเซียแอบเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของเขา

    ในที่สุดลูเซียก็ยอมตกลง หลักๆเป็นเพราะนางอยากแสดงฝีมือให้คนอื่นได้รู้บ้าง หากนางเป็นผู้ชายล่ะก็ ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อยที่ต้องวาดรูปขายในนามของพ่อ นางสามารถขายงานในชื่อของตัวเอง รับงานวาดรูปเหมือนได้อย่างอิสระ ถ้านางเป็นผู้ชายล่ะก็ ป่านนี้คงมีชื่อเสียงโด่งดังไปแล้ว

    คฤหาสน์ของตระกูลวิตโตริโอ ไม่ใหญ่โตมากนักทว่าตกแต่งภายในอย่างประณีตลงตัว หรูหราเสียจนลูเซียรู้สึกเกร็ง ถ้าเป็นจิตรกรคนอื่นคงไม่รู้สึกอะไรเพราะเข้าออกบ้านชนชั้นสูงจนเคยชิน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เข้ามาในคฤหาสน์เพื่อวาดรูปเหมือน มีงานปฏิมากรรมชิ้นเยี่ยมจากศิลปินชั้นนำตั้งอยู่ในโถงทางเดิน ภาพจิตรกรรมหลากหลายถูกประดับไว้บนฝาผนัง สร้างตื่นตาตื่นใจให้ลูเซียไม่น้อย มาร์โกเล่าว่าตัวเขาไม่ใช่คนที่สนใจศิลปะนัก ของส่วนใหญ่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ระหว่างทานอาหารกลางวัน มาร์โกชวนคุยไม่ได้หยุดหย่อน จนลูเซียอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาสนใจอะไรในตัวนางนักหนา เขาถามกระทั่งว่านางมีคนรักหรือยัง ผู้ชายแบบไหนที่นางชอบ หญิงสาวตอบแต่เพียงสั้นๆเพราะไม่ชอบให้ใครก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว

    มาร์โกพาลูเซียเดินชมคฤหาสน์ จากนั้นก็พามาที่ห้องรับแขก สตรีอายุประมาณห้าสิบกว่ารูปร่างสูงสง่า ใบหน้าเรียบเฉยแต่งดงามตามวัย สวมชุดผ้าไหมสีเขียวเข้าทอผสมไหมสีทองนั่งอยู่บนเก้าอี้บุนวม สาวใช้สองคนยืนก้มหน้าอย่างสงบเสงี่ยมอยู่ด้านหลัง

    “สวัสดีครับแม่” มาร์โกเดินไปหอมแก้มผู้หญิงชุดเขียว นางตบแผ่นหลังลูกชายเบาๆเป็นการทักทาย

    “นี่คือลูเซีย จิตรกรหญิงที่ข้าเล่าให้แม่ฟัง” เขาผายมือไปทางลูเซีย

    “ลูเซีย มาสซิโม ยินดีที่ได้รับใช้ค่ะ” หญิงสาวจับกระโปรงแล้วย่อตัวลง

    “ข้าชื่อคาโรลีน่า ยินดีที่ได้รู้จัก” หญิงสูงวัยยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

    พวกเขาพูดคุยกันสักครู่ก็เริ่มวาดรูป ลูเซียถามว่าคาโรลีน่าอยากให้วาดรูปนางออกมาแบบไหน จากนั้นก็จัดท่าทางและหามุมที่ดูดีที่สุด เนื่องจากคฤหาสน์ของตระกูลวิตโตริโอถูกตกแต่งอย่างลงตัวอยู่แล้ว เรื่องฉากหลังจึงไม่มีปัญหา มาร์โกอยู่ดูลูเซียวาดรูปสักพักก็ขอตัวไปทำธุระ ลูเซียรู้สึกเกร็งไม่น้อยเมื่อต้องอยู่กับมาดามวิตโตริโอตามลำพัง นางทั้งสง่างามและน่าเกรงขาม ดูฉลาดเฉลียวแบบผู้หญิงที่ได้รับการศึกษามาดี คาโรลีน่าจะพักทุกสิบนาที ระหว่างนั้นก็ชวนลูเซียคุยไปด้วย นางไม่ใช่คนถือตัว แต่มีมารยาทมากเสียจนลูเซียไม่สามารถพูดคุยอย่างสนิทสนมได้ หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า คาโรลีน่าก็บอกให้พอก่อน ค่อยมาวาดต่อวันหลัง นางให้พ่อบ้านพาลูเซียขึ้นรถม้าไปส่งที่ร้าน หญิงสาวไม่แน่ใจนักว่านางทำให้คาโรลีน่าไม่พอใจหรือเปล่า นางอาจจะพูดอะไรผิดไปโดยไม่รู้ตัว ลูเซียแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชนชั้นสูงเลย

    สองวันถัดมาพ่อบ้านตระกูลวิตโตริโอถูกส่งมารับลูเซียให้ไปวาดรูปแม่ของมาร์โกต่อ นางทำงานได้เร็วเพราะเน้นวาดใบหน้าตอนอยู่กับแบบ แล้วเก็บรายละเอียดพวกเสื้อผ้าและฉากหลังตอนอยู่ที่บ้าน ใช้เวลาสองอาทิตย์ก็วาดเสร็จ ระหว่างนั้นมาร์โกยังช่างพูดช่างซักเช่นเคย เขามักแวบไปแวบมาเพราะมีธุระนู่นนี่ต้องจัดการ ทั้งเจรจาธุรกิจ ตรวจยอดเงินในบัญชี รับรองลูกค้าสำคัญ ยันกระทั่งคุมงานซ่อมเรือขนส่งสินค้าร่วมกับวิศวกร เป็นลูกชายคนเดียวช่างลำบากจริงๆ แต่เขาก็ยังมีน้ำใจพานางไปทานอาหารค่ำรสเลิศที่ร้านอาหารริมน้ำ ท่ามกลางแสงตะเกียง เขาเป็นคนคุยสนุกและเป็นมิตร แม้บางครั้งจะถามมากไปหน่อยก็เถอะ เมื่องานวาดภาพจบลง ลูเซียรู้สึกเหงาไม่น้อยที่จะไม่ได้เจอมาร์โกอีก

    ลูเซียแอบมองพ่อเจรจาซื้อขายภาพวาดอยู่ห่างๆ ลุ้นตัวโก่งว่าภาพสวนแนวเหนือจริงที่นางวาดจะขายออกหรือไม่ มันค่อนข้างแปลก เพราะต้นไม้ ดอกไม้ เก้าอี้ เรือ และรูปปั้น ดูเหมือนสวนของเอลฟ์ เท่านั้นไม่พอนางยังใส่แสงอาทิตย์ยามเย็นลงไปด้วย ขณะที่ยืนลุ้นอยู่นั้น มาร์โกก็เปิดประตูเข้ามาในร้าน เมื่อเห็นว่าลูก้ากำลังคุยกับลูกค้า จึงไม่เข้าไปรบกวน เดินตรงมาหาลูเซียทันที

    “สวัสดี” เขายิ้มกว้างเห็นฟันขาว

    “มีธุระอะไรเหรอ” ลูเซียพยายามทำหน้าเรียบเฉย ไม่อยากให้มาร์โกรู้ว่านางดีใจที่เขามา

    “ไม่มีธุระแล้วมาหาไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มถามกลับ เขยิบเข้ามาใกล้จนไหล่แทบชนกัน ลูเซียเอี้ยวตัวหลบ เขินจนต้องหันหน้าไปทางอื่น

    มาร์โกก้มลงกระซิบที่ข้างหูลูเซีย “ข้ายังไม่ได้จ่ายค่าเสียหายให้เจ้าเลยนะ อย่าลืมสิ ว่าแต่คิดออกหรือยังว่าต้องการอะไร”

    ใบหน้าของหญิงส่วนร้อนผ่าว กลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องวันนั้น “ไว้นึกออกแล้วข้าจะบอกเจ้าเอง อีกอย่างรีบๆลืมเรื่องนั้นไปได้แล้ว ข้าไม่อยากพูดถึงมันอีก” ลูเซียยกมือขึ้นกอดอกแสร้งทำเป็นโกรธเพื่อกลบเกลื่อน

    “ข้ามีงานให้เจ้าทำ” เมื่อเห็นว่าลูเซียลำบากใจ มาร์โกจึงเปลี่ยนเรื่อง

    “งานอะไร” ลูเซียถาม ยังคงไม่กล้าหันมาเผชิญหน้ากับเขา มาร์โกยืนอยู่ใกล้มาก จนนางได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนจางแต่มีรสนิยม

    “วาดรูปเหมือน” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ

    “รูปใครอีกล่ะ” นางถามห้วนๆ

    “รูปข้าเอง”

    “อะไรนะ!?” ลูเซียหันมามองหน้าเขาอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน

    “ทำไมต้องตกใจด้วยล่ะ ข้าต้องการภาพวาดตัวเองเอาไว้ติดที่ผนังห้อง มันแปลกตรงไหน”

    “แล้วทำไมไม่ไปจ้างคนอื่นล่ะ”

    “ก็ข้าชอบผลงานของเจ้านี่ หรือเจ้าวาดได้แต่รูปผู้หญิงสวยๆ” ชายหนุ่มแกล้งยั่ว

    “รูปใครข้าก็วาดได้หมดล่ะน่า คนที่น่าเกลียดที่สุดข้าก็วาดได้” หญิงสาวทำหน้ามุ่ย

    “แล้วทำไมเจ้าถึงปฏิเสธที่จะวาดรูปข้าล่ะ” มาร์โกขยับเข้ามาใกล้ ลูเซียถอยหนี จนหลังติดผนัง รู้สึกเหมือนถูกต้อนจนมุมยังไงพิกล

    “ข้า...ข้า...” พอมาร์โกยื่นหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้ ลูเซียถึงกับนึกคำพูดไม่ออก แล้วจะให้นางมีสมาธิวาดรูปเขาได้อย่างไรกัน

    “เป็นอันว่าเจ้าตกลงแล้วนะ พรุ่งนี้ข้าจะให้รถม้ามารับตอนบ่ายสาม” มาร์โกคิดเองเออเองเสร็จสรรพ

    “ดะเดี๋ยวสิ ข้ายังไม่ได้พูดอะไรเลย” ลูเซียค้าน

    “เอาตามนี้นะข้าไปก่อนล่ะ” มาร์โกดึงมือลูเซียขึ้นมาจูบลา จากนั้นก็เดินไปที่ประตู

    “ดะเดี๋ยวสิ!!” ลูเซียรีบตามไป แต่ช้าไปเสียแล้วรถม้าของมาร์โกได้วิ่งออกไปแล้ว

    “เอาแต่ใจชะมัดเลย!!!” ลูเซียทำได้แค่บ่นอุบอิบอยู่คนเดียว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×