ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [12TailsOnline] Step of Love [Monkey x Wolf]

    ลำดับตอนที่ #5 : Fifth Step [การทดสอบของโบลดาส]

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 55


     Fifth Step [การทดสอบของโบลดาส]

     

     

    Author: Rinrin & Gwang

    Originate: 12TailsOnline

    Pairing: Monkey x Wolf

    Rate: PG-13

    Warning: Yaoi(ชาย x ชาย),แฟนฟิคเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องจริงของเกม 12TailOnline แต่อย่างใด กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     

     

    “!!!”

     

     

    พลันรังสีบางอย่างถูกแผ่จากใกล้ตัวความรู้สึกเฉียดตายที่เข้ามาทำให้ความ รู้สึกพันธนาการหายไปสิ้นทันที แต่ไม่ทันที่หมาป่าจะทันได้ตั้งตัว ร่างก็ถูกดึงกระชากอย่างแรงจนต้องผละออกจากบริเวณนั้นไปทันที

     

     

    “กะ...แกจะทำอะไรน่ะ!”เสียงของหมาป่ากล่าวออกมาเมื่อเห็นผู้ที่ดึงตนออก มาจากสถานที่เมื่อครู่ ซึ่งนั่นก็คือวานรที่อยู่อยู่ข้างๆ เขาเมื่อครู่นั่นเอง  ลิงขนสีน้ำตาลที่ถูกถามชะงักหยุดกึก ข้อมือของหมาป่าถูกกำแน่นจนรู้สึกเจ็บ ดวงหน้าหล่อหันมาเพียงเสี้ยวดวงตาสีมรกตมองกลับมามันว่างเปล่าจนทำให้รู้สึก กลัว...

     

     

    “จ..เจ็บ”

     

     

    “อ๊ะ..!”ดวงตาสีมรกตกลับมามีแววอีกครั้งหนึ่ง มือที่บีบข้อมือของเขาคลายออกทันที หมาป่ารีบดึงข้อมือเรียวของตัวเองออกเช่นกันดวงตาสีอำพันจับจ้องไปที่เจ้า ของดวงตาสีเขียวกระวีกระวาดดูข้อมือเขาเป็นการใหญ่

     

     

    “ข..ขอโทษนะ ไม่เจ็บมากใช่ไหม..?”

     

     

    “ไม่…”เป็นคำตอบที่ไม่ได้ตรงกับความรู้สึกจริง เพราะในความเป็นจริงแล้วเมื่อครู่หมาป่าแอบคิดไปว่าข้อมือของตนน่าจะหักไป แล้วด้วยซ้ำ ดวงตาสีดวงมองวานรที่สำรวจของมือของตนไปมาอย่างอดฉงนมิได้ ว่าเห็นใดลิงตรงหน้าถึงได้แรงเยอะขนาดนั้นโดยแอบหวังว่าเมื่อกี้คือบีบเต็ม แรง ด้วยเหตุว่าถ้าเมื่อครู่มิใช่เต็มแรงของวานรนั้นไซร้ หางตรงหน้าคงน่ากลัวมิใช่น้อย...

     

     

    “แล้วเมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”เจ้าของดวงตาสีทองอำพันถามอย่างสงสัย เมื่อครู่เขา...รู้สึกอย่างกับโดนมนตร์สะกดอะไรสักอย่าง แต่ถึงกระนั้น เขาเองก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี วานรเหลือบตาสีเขียวขึ้นข้างบน ซ้ายทีขวาทีก่อนจะจบลงที่มาจ้องดวงหน้าสวยของหมาป่าที่เป็นผู้ถาม

     

     

    “ม...ไม่รู้”

     

     

    “ไม่จริง...แกรู้! ไม่งั้นแกจะลากชั้นออกมาทำไม!!”หมาป่าเริ่มเปลี่ยนวิธีการถามเป็นขู่กรรโชก แทน เจ้าลิงตาสีเขียวสะดุ้งน้อยๆ  ก่อนจะใช้มือเกาหัวเชิงสำนึกเล็กน้อย แต่ดูเหมือนการกระทำนั้นจะยิ่งขัดหูขัดตาเสียมากกว่า..

     

     

    “งะ..ง่า ขอโทษ”

     

     

    “ชั้นไม่ได้ต้องการคำขอโทษ!! ชั้นต้องการคำตอบ!”หมาป่าสัตว์กินเนื้อตะคอกลิงผู้เป็นสัตว์กินพืช หากนี่เป็นหนังสารคดีมีหวังต้องเป็นหมาป่าขย้ำหัวลิงกินเป็นแน่ ฝ่ายลิงขนน้ำตาลเพลิงที่โดนตะคอกทำท่าราวกับตัวเล็กลงหลายเท่าปากก็ตะกุก ตะกักพูดซ้ำแต่คำเดิมชวนให้หมาป่านั้นโมโหไปยิ่งกว่าเดิม

     

     

    “ข...ขอโทษ...”

     

     

    “ก...แก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”

     

     

    “อ้าว~อยู่นี่กันนี่เอง”พลันภาพทารุณกรรมลิงต้องหยุดลงเพราะเสียงหวานๆ ของค้างคาวต้นเรื่องที่บินเอื่อยเฉือยตามมานั่นเอง ค้างคาวเอียงคอกันเล็กๆ พร้อมกับรอยยิ้มหวานเหมือนทุกที

     

     

    “ดูเหมือนหมาป่ากับ...ลิงจะต้องอยู่กลุ่มเดียวกับชั้นแล้วล่ะจ้ะ ทุกคนจับกลุ่มกันเสร็จหมดแล้วนะ♥”

     

     

    “...”

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    “แล้ว...ชั้นขอถามนายต่อจากเมื่อวาน ทำไมอะไรได้...”เสียงของหมาป่าถามคำถามเดียวกับที่ถามไปเมื่อวันก่อนอีก ครั้ง ดวงตาสีทองฉายแววที่บอกว่า ‘ถ้าตอบว่าทำกับข้าวเป็นศพไม่สวยแน่ๆ’ วานรขนน้ำตาลแดงที่ถูกถามทำท่าคิดเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจตอบไป

     

     

    “อืม....เรียกหม้อได้”

     

     

    คำตอบฟังดูปัญญาอ่อนพิกลในความคิดของหมาป่า เขาแทบดูไม่ออกว่าทั้งสองผ่านฝูงสตริงบัคพวกนั้นออกมาได้อย่างไร แน่ล่ะหมาป่าหางนี้กำลังพยายามหาคำตอบที่โกทันว่า ‘เก่งสมกับเป็นผู้กล้า’ อยู่ แต่ปัญหาตอนนี้คือมองหาอย่างไรก็ไม่เจอนี่สิ...

     

     

    “ไหน ลองเรียกให้ดูซิ”

     

     

    หมาป่านักดาบกล่าวพลางกอดอก ดวงตาสีอำพันมองเจ้าลิงตรงหน้าตาเขม็ง ทว่าสิ่งที่วานรตรงหน้าทำต่อมามันคือสิ่งที่ทำให้เขาแทบล้มตกเก้าอี้ไปเสีย เดี๋ยวนั้น

     

     

    “หม้อ! มานี่ซิ!!”

     

     

    ...มันเรียกจริงๆ ด้วย!!!!...

     

     

    หมาป่านึกในใจพลางคิดอย่างจะเอาสันดาบทุบหัวลิงบ้านี่สักสามสี่ทีเผื่อ มันจะหาบ๊อง ไม่ทันที่หมาป่าจะได้ยกดาบขึ้นมาก็มีเสียงของนักรบดินที่ลอยละล่องมาตามคำ เรียก

     

     

    “ค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ♥”

     

     

    ...บ้าพอกันทั้งภูติทั้งเจ้าของ...

     

     

    หมาป่าพินิจดูสภาพของ “หม้อ” อีกครั้ง เขาชักสงสัยแล้วว่าไอ้ลิงบ้านี่มันใช้กาดิน่าของมันทำอะไรกันแน่ ดวงสีทองของหมาป่ามองลงไปก็พบมิเกะที่นอนกลิ้งอยู่ในนั้น นอกจากนั้นข้างในเหมือนมีสัมภาระกับกล้วยสองสามลูก...

     

     

    ...แล้วตกลงนี่มันภูติหรือที่เก็บของล่ะเนี่ย...

     

     

    “แล้วกาดิน่าของแกทำอะไรได้?”หมาป่ากล่าวถามดวงตามองสัมภาระภายในตัวของกาดิน่าอย่างนึกสังเวชเล็กๆ

     

     

    “เห็นอย่างงี้ หม้อก็เก่งนะ ใช่ไหม หม้อ?”

     

     

    วานรกล่าวพลางเอามือลูบรูปทรงสีฝุ่นอันโค้งมนของกาดิน่าเบาๆ เจ้ากาดิน่าที่มองๆ ไปเหมือนกับขี้ข้ามากกว่าภูตินั้นก็ท่าทางจะชอบใจซะด้วย

     

     

    “ค้าบบบบ♥”

     

     

    ...เหมือนสัตว์เลี้ยง...

     

     

    หมาป่านึกในใจพลางคิดไปว่าบ้างทีถ้ากาดิน่ามีหางมันอาจจะกระดิกดุ๊กดิ๊ก...

     

     

    “ตกลงเมื่อกี้เธอทำอะไรกับหมาป่าน่ะ!”วานรขนสีน้ำตาลถามขึ้นมาเมื่อนึก ขึ้นมาได้ราวกับเป็นการชวนทะเลาะดูเหมือนฝ่ายค้างคาวก็หาได้ยอมไม่...

     

     

    “นิดเดียวเอง!”

     

     

    ...เก่งเหรอ?...

     

     

    หมาป่ามองเจ้ากาดิน่าที่กำลังมองเจ้านายทะเลาะกับเพื่อนซ้ำไปมาอีกครั้ง มือของหมาป่าคว้าดาบไม้ในมือขึ้นมาเพื่อจะทดสอบ

     

     

    “โกหก!”

     

     

    ...นิดเดียวไม่เป็นไรมั้ง...

     

     

    “ก็ไม่ได้ทำเยอะจริงๆ นี่!”

     

     

    ดาบไม้แทงเข้าไปที่ตัวของเจ้ากาดิน่า หมาป่าขบฟันเข้าหากันเพราะความแข็งของนักรบดินที่แข็งราวกับหิน ส่วนเจ้ากาดิน่านั้นก็มองเจ้านายของตนเหมือนกับไม่ได้รู้สึกเลยว่า ดาบไม้นั้นกำลังแทงตนอยู่

     

     

    “ห้ามทำแบบนี้เป็นครั้งที่สองนะ!!”

     

     

    ...แข็งเป็นบ้า!!!...

     

     

    “รู้แล้วย่ะ รู้แล้ว”

     

     

    หมาป่าตัดสินใจใช้ดาบไม้ยกขึ้นเหนือหัวก่อนจะฟันลงไปที่ตัวอย่างเจ้ากาดิน่าเต็มแรง!

     

     

    แกร๊ก...!!

     

     

    เสียงของไม้ที่หักลงทันทีเมื่อเคาะไปที่ตัวของเจ้ากาดิน่าที่ไม่รู้สึก รู้สาอันใด แต่ดูเหมือนจะเป็นเพราะเสียงของดาบไม้ที่หักจะทำให้หางที่กำลังทะเลาะกันและ ภูติหม้อข้าวนั้นหันมามองที่หมาป่ากำลังตะลึงเพราะดาบไม้ที่ได้มาตอนที่เขา เพิ่งเข้ามารายงานตัวเป็นผู้กล้ามันหักไปซะแล้ว...

     

     

    “หม้อ! ทำไมไปทำดาบของหมาป่าหักซะล่ะ!?!!”วานรถามทำทีที่เห็นดาบไม้หักคาอยู่ที่ซอก หินที่หมาป่าไปแงะมันเมื่อครู่ ดาบที่หักลงและเสี้ยนไม้ที่แตกออกจากกันยังอยู่ครบ เจ้าของสรรพนามหม้อที่ว่าทำหน้างงๆ อย่างไม่เข้าใจนัก มันโค้งขอโทษอย่างงงๆ

     

     

    “ขอโทษครับ คุณหมาป่า”

     

     

    “เออ...ไม่เป็นไร”หมาป่าตอบรับอย่างเนียนๆ ราวกับว่าไม่ถือโทษโกรธอะไรทั้งที่ตนเองนี่ล่ะ ทำดาบไม้ของตัวเองพัง ทั้งทั้งที่ในความเป็นจริงจริงเจ้ากาดิน่าที่หน้าซื่อตาใสนี่ ก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นเสียหน่อย...แต่จะให้เขาพูดว่าตัวเองเอาดาบไปงัดเจ้า หม้อหินนี่จนดาบหักก็กระไรอยู่...

     

     

    “ไม่ได้นะ...แล้ว..เดี๋ยวหมาป่าจะทำยังไงอ่ะ”วานรทักท้วงทันทีเมื่อคิดไป ว่าหมาป่าจะทำอย่างไรหากไม่มีดาบไปแทงสีข้างพี่เสือตัวใหญ่ใจสปอร์ตให้ล้มลง ไปถึง 3 ครั้งได้ ดวงตาสีทองฉายแววตำหนิมองไปที่ผู้ที่ทักท้วงขึ้นมา

     

     

    “ชั้นไม่ได้มีดาบแค่คู่เดียวซะหน่อย”

     

     

    “อ...อ้าวเหรอ...ค่อยยังชั่วหน่อย...”

     

     

    พลันรอยยิ้มที่ปรากฏออกมา...ทำเอาทั้งดวงหน้าร้อนวูบ...

     

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    ....ที่ชั้นหน้าแดงเพราะอากาศมันร้อนขึ้นต่างหาก...

     

     

    ทั้งคำพูดแก้ตัวทั้งข้ออ้างเหตุผลต่างๆ ประดังประเดเข้ามาเหมือนกับเด็กที่ออกไปเล่นจนตัวเลอะเทอะแล้วไม่รู้จะพูด กับคุณแม่ที่บ้านอย่างไรดี หมาป่าเองก็เช่นกัน เขาเดินกลับเข้ามาหยิบอาวุธที่แคมป์ผู้กล้า แล้วก็เอาหัวร้อนๆ มาแตะต้นไม้ข้างกระโจมตัวเองเผื่อมันจะเย็นลง...ร่มไม้ของพฤกษาที่ให้ความ ร่มเงาเพียงแต่ทำให้เขาเย็นลงเพียงน้อยนิดเท่านั้น หมาป่าขนสีครามเป็นประกายนั้นทรุดตัวนั่งลงกับพื้นหญ้าเย็นๆ  ตอนนี้เขาไม่อยากกับไปเจอเจ้าลิงบ้านั่น...บางทีหน้าหล่อๆ ของมัน...อาจจะเป็นยากล่อมประสาท...ว่าแล้วว่าพวกหน้าตาหล่อมันไม่น่าไว้ใจ!

     

     

    “หมาป่า~”

     

     

    หนีมันมาไม่ทันไรมันก็โผล่หัวมา...ชั้นทำกรรมอะไรกับมันมากันแน่!!!

     

     

    หมาป่านั่งพิงต้นไม้เงียบๆ หวังว่าเจ้าลิงงี่เง่านั่นมันจะตาถั่วเห็นฝักบัวเป็นหัวแครอนเห็นเป็ปปอน เป็นเทพเซร่า จะได้ไม่มาทำตัวบ้าบอป่วนเขา แต่ไฉนเลยโชคจะเข้าข้างเขาล่ะ

     

     

    “อ้าว...หมาป่า ทำไมมานั่งอยู่นี่ล่ะ”

     

     

    หนีแกไง...

     

     

    หมาป่าตอบในใจดวงตาสีทองที่เหลือบไปมองดวงหน้าของวานรนั้นฉายแววรำคาญ เล็กๆ ดวงหน้าที่ติดจะหงุงหงิดอยู่เป็นนิจพยักพเยินไปทางแสงอาทิตย์ที่ส่องจ้าลงบน พื้นหญ้าสีเขียวเท่านั้น

     

     

    “หมาป่าร้อนเหรอ?”

     

     

    หมาป่าพยักหน้าน้อยๆ เหมือนกับจะกล่าวว่าใช่ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ในใจของหมาป่าขนสีฟ้านั้นนึกคันปากยิบๆ อยากไล่ลิงบ้านี่ให้ไปไหนก็ไปเต็มแก่ แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เคยเข้าข้างเสียด้วย

     

     

    “งั้นชั้นนั่งอยู่ด้วยแล้วกัน”พูดจบก็ไม่คิดจะรับคำอนุญาตก่อนแต่อย่างใด ลิงขนสีน้ำตาลทรุดตัวนั่งลงข้างๆ หมาป่าที่นั่งเงียบไม่ได้อนุญาตแต่ก็ไม่ได้บอกปัด มีเพียงเสียงลมอ่อนๆ ที่พัดกระทบใบไม้เท่านั้นที่ทั้งสองได้ยิน เวลาผ่านไปสักพักทั้งลิงและหมาป่าเองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยสักนิด

     

     

    อึดอัด...

     

     

    หมาป่าขนสีครามหงุดหงิดกับลิงที่นั่งข้างๆ เมื่อมันไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ ทั้งๆ ที่เขาพยายามจะหนีมันมาเองแท้ๆ...

     

     

    “เฮ้ย! แกน่ะ...”หมาป่าส่งเสียงเรียกหนักๆ ไป  เจ้าลิงด้านข้างหันมามองตาสีเขียวที่มองเขากระพริบปริบๆ พาลให้คิดไปว่าเขาทักรุนแรงไปหรือเปล่า...

     

     

    “...”

     

     

    “ตกลงเมื่อกี้แกว่าแกทำอะไรได้นะ...”

     

     

    ไม่ได้หาเรื่องชวนคุยซะหน่อย...

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    ก็แค่ไม่ชอบบรรยากาศเงียบๆ ก็เท่านั้นเอง!!

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    “ฮ่าๆ ข้าคือแม่ทัพโบลดาส ใครอยากเป็นผู้กล้าเรียงคิวเข้ามา ลองผ่านด่านไม้นวดแป้งของข้าก่อน”

     

     

    ผู้กล้าฝึกหัดหมดทั้งส่องสายตาเข้าหากันอย่างไร้ความหมาย มีเพียงแต่ลิงผู้ที่ใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นและแลดูอนาจารเท่านั้นที่กระโดดไป อยู่ด้านหลังกาดิน่าคู่ชีพของตัวเองด้วยท่าทางหวาดกลัวทั้งตัวสั่นงันงก แต่ถึงกระนั้นด้วยจิตวิญญาณของความเป็นผู้นำในตัวหมาป่านั่นเอง ทำให้หมาป่าตัดสินใจเดินก้าวออกไปด้านหน้า...

     

     

    “กลุ่มผมจะเริ่มก่อนเอง”

     

     

    มีเพียงค้างคาวลอบยิ้มนิดๆ ขณะที่วานรนั้นดูเหมือนจะพยายามเดินไปข้างหน้าทั้งๆ ที่ยังหลบอยู่ข้างหลังหม้อข้าวคู่ชีพ แม่ทัพโบลดาสเมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็พยักหน้าน้อยๆ ดวงตาที่ดูใจดีเบิกขึ้นทำให้ได้เห็นดวงตาที่คมกริบเฉกเช่นเสือร้ายที่ซ่อม เล็บแหลมคมไว้ภายใน

     

     

    “ข้าจะไปรอกลุ่มของเจ้าที่สนามฝึก”สิ้นคำนั้นโบลดาสก็หลังเดินเข้าไปใน ลานฝึกทันที โบลดาสนั้นไม่รู้อะไรเลย...และแม่ทัพเสือผู้ซ่อนเล็บนั้น...ก็ได้รู้สึก เสียใจในไม่มีวินาทีต่อมา...

     

     

     

     

    ข้าพลาด...

     

     

    ถึงมารู้ซึ้งเสียใจตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วแม่ทัพโบลดาสมองทั้งสองหางที่ ขนาบข้างหมาป่าขนสีครามอย่างนึกหวาดหวั่นไม่น้อย หลายคนนึกว่าการหวาดกลัวนั้นมักจะมากับความไม่รู้ แต่นี่ก็เพราะรู้ ถึงได้หวาดกลัวเป็นหนักหนา อย่างที่ว่าหากไม่เคยพานพบกับความโหดร้ายยอมไม่รู้จักกับความเจ็บปวด โบลดาสเองตอนนี้ก็ชักจะหวีดสยองแล้วล่ะสิ...

     

     

    โชคดีที่ข้าเรียกหมอจากต่างเมืองมาแล้วนะเนี่ย...

     

     

    “ข้าจะเริ่มล่ะนะ...”

     

     

    สิ้นคำโบลดาสก็ตัดสินใจกระโจนเข้าหาหมาป่าขนสีครามตรงหน้าเป็นอันดับแรก โดยทิ้งทั้งสองหางที่ตัวเองไม่อยากจะต่อกรด้วยไว้ด้านหลัง...สิ่งที่โบลดา สกำลังทำนั้นเรียกว่าการหนีหรือเปล่า!?!!!

     

     

    “เฮ้ย!?!!”หมาป่าผู้ที่โดนท่านโบลดาสชักชวนให้เล่นวิ่งไล่จับพร้อมกับไม้ นวดแป้งวิ่งหนีแบบแทบไม่คิดชีวิต จะให้เขาเข้าไปเอาดาบฟาดฟันเขาเองก็กลัวว่าหัวตัวเองจะแบะไปเสียก่อน เพราะขนาดไม้นวดแป้งที่น่าสามารถทุบสัตว์หางด้วยกันให้เละไปได้

     

     

    ภายในลานฝึกที่ล้อมด้วยรั้วไม้ ตอนนี้หมาป่ายังคิดไม่ออกสักนิดว่าควรจะทำอย่างไร!!

     

     

    “!!!”

     

     

    หายไปแล้ว...?

     

     

    โบดาสกวาดตามองโดยรอบหมาป่าขนสีครามที่เมื่อครู่วิ่งหนีเขาอยู่ได้อันตรธานหายไปเสียแล้ว...

     

     

    โป๊ก!!! ตุบ!!!!

     

     

    เสียงของบางอย่างชนเข้าที่ด้านหลังของโบลดาสอย่างจัง ต่อต่อด้วยเสียงล้มชวนฉงน วินาทีต่อมาที่โบลดาสได้หันหลังไปเขาก็เข้าใจในทันที...

     

     

    นี่สินะ...ที่เขาเรียกว่าเกียร์หมา...

     

     

    หมาป่าผู้ที่เมื่อครู่วิ่งเป็นวงกลมตามขอบรั้วโดยไม่ได้ดูทิศทางนั้นลงไป นั่งอยู่กับพื้นดินเพราะแรงกระแทกจากตนเองพอ ราวกับเงามืดของโบลาสเข้าทาบทับเมื่อเมื่อป่าเงยหน้าขึ้นมาความรู้สึกของเขา ดั่งเช่นโลกใบนี้จะดับสูญ...เมื่อมัจจุราชนามโบลดาสยืนต่อหน้าเขาในระยะไม่ ถึงเมตรพร้อมไม้นวดแป้งอันใหญ่ที่ตอนนี้ในความรู้สึกมันไม่ต่างจากเคียว ยักษ์ที่พร้อมจะพรากวิญญาณของเขาออกไปจากร่าง!!!

     

     

    ตายแน่! ตาย!! ตาย!!!!!!

     

     

    ‘Swap…’

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    “เอ๊ะ...!”เสียงของผู้กล้าที่ยืนดูอยู่นอกสนามสนามถึงดังขึ้นมาเกือบจะ พร้อมกันเพราะสิ่งที่ได้เห็น...เมื่อมองหน้ากันบางทีนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ ยืนยันว่าพวกเขาไม่ได้ตาฝาด...

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    เมื่อหมาป่าลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เขาพบว่าแม่ทัพโบลดาสนั้นอยู่ไกลออกไปใกล้กับค้างคาวที่ยืนไม่รู้ไม่ชี้ ดวงตาสีทองมองปราดสำรวจสถานการณ์โดยรอบ วานรที่ดูเหมือนกำลังเพ่งสมาธิไปที่สิ่งก่อสร้างลวดลายประหลาดบางอย่าง พลันให้หมาป่านึกถึงบทสนทนาเมื่อตอนที่อยู่ที่แคมป์กับเจ้าลิงตัวนี้ได้...

     

     

    แล้วชั้นก็แปลงร่างหม้อให้เป็น บุยเทนได้ด้วยนะ”วานร พูดออกมาพลางยิ้มให้อย่างอบอุ่น มันช่างเป็นยิ้มอบอุ่นที่พร่ำเพรื่อเสียจริง...หมาป่าแสร้งมองไปทางอื่น เพื่อจะได้ไม่ต้องมองหน้าของคู่สนทนาพลางคิ้วเรียวสีครามของหมาป่าขมวดเข้า หากันน้อยๆ

     

     

    บุยเทน?”หมาป่าทวนซ้ำอีกรอบ

     

     

    เป็นภูติที่จะค่อยรับความเจ็บปวดแทนทุกคน...”ลิงขนสีน้ำตาลอธิบายต่อไปแต่ทว่าอย่างไรก็ฟังดูน่าสงสัยอยู่ดี

     

     

    เจ็บปวด?”หมาป่าเลิกคิ้วอีกครั้งพลางหันไปมอง หน้าวานรขนสีน้ำตาลที่อธิบายกำกวมบางที่อาจจะเพราะเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับ เวทมนตร์เขาเลยไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก วานรนั้นก็ดูเหมือนจะพยายามอธิบายต่อไป

     

     

    ตราบใด ที่ชั้นยังถ่ายทอดพลังชีวิตให้...ทุกคนก็จะไม่เจ็บปวดไงล่ะ...”

     

     

    แล้วทุกคนที่ว่าน่ะใครกัน?”หมาป่าถามต่อไปอีก คราวนี้ดวงตาสีทองที่เต็มไปด้วยความสงสัยจ้องมองลึกลงไปในนัยน์เนตรสีเขียว เจ้าของดวงตาที่ถูกจ้องนั้นผลุบตาลงแล้วมองไปทางอื่นราวกับกำลังใช้ความคิด เนตรสีเขียวหันกลับมามองที่ดวงหน้าของหมาป่า ก่อนจะตอบออกมา...

     

     

    ก็....คนที่ชั้นรักมั้ง”

     

     

    หมาป่าขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังคำตอบเช่นนั้น....

     

     

    เหอะ...น้ำเน่าชะมัด..”

     

     

    โบลดาสวิ่งเข้ามาหาหมาป่าขนสีครามที่ตอนนี้ตัดสินใจได้ว่าไม่หนีอีกต่อไป มือของหมาป่ากำชับดาบในมือแน่น...

     

     

    ถ้าแกไม่รักชั้นล่ะก็ต่อให้ลงนรกชั้นก็จะตามมาหักคอแก ไอลิงเวร!!!

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    เป็นความปาฏิหาริย์บนความปาฏิหาริย์ก็ว่าได้....เมื่อหมาป่าทราบว่าตนโดน ไม้นวดแป้งฟาดได้โดยไม่รู้สึกใดๆ แล้วก็ได้จัดการกะซวกไส้(?)อย่างบ้าระหำทำให้ทีมของหมาป่าผ่านการทดสอบได้ อย่างงดงาม...

     

     

    “นี่~ยัยแกะ...ยัยแกะ....แกะจ๋าแกะ!”

     

     

    “!!!”ดวงตาสีฟ้าของเด็กสาวเบิ่กขึ้นมาอย่างตกใจเล็กน้อย จบพบดวงหน่าของเด็กสาวสายพันธุ์แมวที่ยิ้มร่าเริงอย่างเป็นนิจ

     

     

    “เป็นอะไรเหรอ? เงียบเชียว...”แมวกล่าวถามพลางโยนสำรับไพ่ในมือ โดยมีกระต่ายที่อยู่กลุ่มเดียวกับเดินตามด้วยกันมาเพื่อเขาสู่สนามเพื่อรับ การทดสอบ

     

     

    “ป..เปล่าค่ะ แค่กังวลนิดหน่อย...”

     

     

    แมวเอียงคอก่อนหยุดกึก ทำให้กระต่ายหยุดตามไปด้วย...

     

     

    “ไม่ต้องคิดมากหรอกน๊า~ชั้นจะล่อให้เอง อย่าลืมสิ แมวมีเก้าชีวิตนะ~!”แมวสาวหัวเราะร่วนโดยมีกระต่ายค่อยยิ้มให้กำลังใจแกะอยู่ห่างๆ..

     

     

    “น..นั่นสินะคะ”

     

     

    จริงอย่างที่กล่าวมา...เมื่อครู่นี้...เธอได้จินตนาการถึงสิ่งที่เลวร้ายลงไป

     

     

    -TBC-

     

     

    ยิ่งแต่งคนก็ยิ่งน้อยนะเนี่ย เฮ้อ..ตอนนี้เองก็ยาวกว่าทุกตอน จริงๆแล้วอ่านกันอยู่ไหมนะ 4 ตอนแล้ว 3 คอมเมนนี่โหดร้ายจริงๆ
     
    Sheep
     

    แกะผู้เรียบร้อยประจำกลุ่ม เธอเป็นคนหัวอ่อนว่าง่ายบางทีก็ซื่อ(จนบื้อ..) ดูเหมือนจะมีพฤติกรรมการกินผิดๆ ราวกับพยายามจะเลิกหญ้าแล้วหันมาแทะหนังสือเวทของตัวเองแทน จนต้องเสียเงินซื้อหนังสือใหม่อยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ปรกติแล้วเธอจะคอยรักษาทุกคนแต่ทว่า อีกบุคลิกที่ซุกซ่อนของเธอนั้นมันคือ...!?!!!

     

    "คุณไบสัน! อย่ามาแย่งหญ้าชั้นกินนะคะ!!!"

     

    ---------------------------

    ลองคู่Yuri เป็นแมวแกะบ้างดีมะ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×