ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Executional เมนูอาหารวันนี้<ยำNaruto+Reborn+One piece+บลีช>

    ลำดับตอนที่ #5 : พรากผู้เฒ่า

    • อัปเดตล่าสุด 6 ก.ค. 52


    ตอนที่4

    ณ สวนสาธารณะ...

    สระน้ำใหญ่ในสวนสาธารณะทำให้สวนดูรมรื่น

    มันจึงเป็นทำเลที่เป็นที่นิยมสำหรับมานั่งพัก ผ่อนคลายอารมณ์

    สระน้ำยามเย็นสะท้อนแสงพระอาทิตย์ยามเย็นเป็นประกายสีทองระยิบระยับงามจับตา

    ทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็นอดรู้สึกทอดถอนใจให้กับความงามของมันไม่ได้

    หากแต่ความงามดังกล่าวไม่ได้อยู่ในหัวเด็กสาวหูกระต่าย

    ที่กำลังกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดอยู่กลางสระน้ำเลย!!

    ไม่ไหวแล้ว จะจมแล้ว จะจมแล้ว!!!!

    ชั้นต้องมาตายแบบนี้เหรอเนี่ย!!!!

    แม่...หนูจะไปหาแม่แล้วนะ

    มะ...ไม่ได้เราต้องสู้ อีกนิดเดียวก็จะถึงฝั่งแล้ว

    ร่างของเด็กสาวหนักอึ้ง

    มือของเด็กสาวพยายามตะเกียดตะกายตัวเองไว้บนผืนน้ำ

    ขาขยับไม่ได้ราวกับมีผีพรายมาฉุดไว้

    พ่อค่ะ...หนู...หนู...

    หวืด...

    ร่างของเด็กสาวอยู่ๆก็เบาหวิวอย่างประหลาด

    ร่างทั้งร่างลอยขึ้นมาเหมือนปาฏิหาริย์

    เธอลอยเคว้งอยู่กลางอากาศอย่างไม่น่าเชื่อก่อนค่อยๆ หมุน..

    ประสบพบหน้ากับคนที่เธอไม่ได้เคยได้คิดถึงเลยสักเสี้ยววินาที..

    แครอท... มือของเขาหิ้วคอเสื้อของเธอไว้

    ตาของแครอทเบิกขึ้นน้อยๆ เมื่อมองเห็นว่าคนที่ตนช่วยคือใคร..

    ตุบ!!!!

    แครอทปล่อยร่างกระต่ายที่เปียกมะล่อกมะแล่กอย่างไม่ไยดี

    ก่อนจะเดินจ้ำหันหลังจากไปแบบไม่มีการหันกลับมามอง

    มือของแครอทเช็ดกางเกงราวกับแขยงร่างบาง...

    วันนี้...หมอนี่ช่วยชีวิตชั้นไว้ด้วยล่ะ...

    .............

    ณ ที่ทำการGMเกมNU กระต่ายน้อยเดินเข้ามาในช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของพนักงาน...

    “เธอมาทำไมน่ะ”โฮลี่ ออเดอร์ร้องออกมาพลางกอดอกราวกับเป็นเจ้าของสวน

    ที่เห็นกระต่ายเข้ามาทำลับๆ ล่อๆ ในสวนของตัวเอง

    “มารับแฟน”คำตอบสั้นๆ ของกระต่าย ทำเอาเจ้าของสวนสะดุ้ง

    “ที่นี่เนี่ยนะ...ใครจะเป็นแฟนเธอ”

    ไม่ทันไรกระต่ายก็เห็นแครอทที่ปลูกไว้ในสวน

    ก็กระโดดคว้าหมับ เจ้าของสวนมองตาค้าง

    “นี่ไง”วิริยาว่าพลางกระชับแขนของชายหนุ่มที่ตนเกาะอยู่แน่น

    “เฮ้ยน้อยเมียกูO[]O!!!”

    “ใครแฟนเธอ ยัยปิศาจกระต่าย!!!”แครอทสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของกระต่ายน้อย

    วิริยายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนกระโดดขึ้นไปหอมแก้มแครอทแบบจู่โจม

    โดยไม่ทันที่GMคนอื่นๆจะทันได้ไหวตัวกระต่ายน้อยก็ลากแครอทออกจากสวนไป

    “O_O”<<<<ใบหน้าพืชผักในสวนและเจ้าของสวนทุกคนที่เห็นกระต่ายลากแครอทไปกิน

    .............

    เจ้าแครอทโดนยัยเด็กกระต่ายนั่นลากไปกิน จะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย...

    วิศนะคิดขณะขับรถกลับบ้านโดยมีแผนว่าจะไปกระทืบกานดาเนื่องด้วยข้อหา ชนะกู...

    เปรี๊ยง!

    เสียงฟ้าผ่าลงมาพร้อมเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปราย

    วิศนะขับรถผ่านปราสาทที่มืดทะมึนหลังหนึ่ง

    บรรยากาศช่างเป็นใจดูละม้ายคล้ายปราสาทผีสิง ฝูงค้างคาวบินกรูกันออกมาเหมือนหนังผีที่เขาเคยดู...

    ปราสาทแดร็กคิวล่ารึไงฟ่ะ...

    เปรี้ยง!!

    หนูพริกคิด ไม่ทันไรฟ้าก็ผ่าลงมาอีกเปรี๊ยงลงใส่ต้นไม้สูงใหญ่

    ต้นไม้ดังกล่าวลุกติดไฟพรึบ

    ก่อนจะล้มลงมาทับกระโปร่งหน้ารถของวิศนะ!!

    โครม!

    แล้วกรูจะไปต่อไงเนี่ย!!!...

    วิศนะกระแทกประตูรถอย่างอารมณ์เสีย มองกระโปรงรถ

    ที่มีต้นไม้ใหญ่ทับพร้อมกับไฟลุกท่วม....

    “เวรแล้ว ทำไงล่ะเนี่ย”วิศนะบ่นพึมพำซึ่ง

    ตาก็มองรถเจ้ากรรมที่อุส่าห์เก็บหอมรอบริบซื้อมาด้วยตนเอง

    แกรก...แกรก...

    เสียงลูกกรงเหล็กของปราสาทเปิดออกอย่างช้าๆ

    ท่ามกลางสายฝน วิศนะสะดุ้งก่อนหันไปมอง


    ร่างเล็กๆ ในเสื้อกันฝนสีดำกำลังถือตะเกียง เดินมาทางเขา

    วิศนะถอนใจเฮือกใหญ่...

    นึกว่าเจอผีแล้วกรู...

    ร่างเล็กนั่นยกตะเกียงขึ้นมาทำให้วิศนะมองเห็นใบหน้าชัดขึ้น

    ใบหน้าของนางพญาแห่งกองกำลังต่อต้านGM...

    “อ้าว...ชิลลี..รถเสียเหรอ”มัจฉาพูดเสียงยานคางตามองที่รถของวิศนะ

    ก่อนจะหันกลับมามองวิศนะอย่างมีเล่ห์นัยน์

    “เออ!!”GMหนุ่มกระแทกเสียงตอบอย่างอารมณ์เสีย

    //จะกลับไปกระทืบไอ้กานดาหน่อย เสียเวลาชีวิตเลยตู..//

    “ว้า...น่าสงสารจัง”มัจฉาแสยะยิ้ม

    “ค้างบ้านชั้นไหม..”

    “บ้านเธอเหรอ..”วิศนะทวนขณะหันกลับไปมองปราสาท...

    เปรี๊ยง!

    ฝูงค้างคาวบินร่อนอยู่ทั่วฟ้า ปราสาทสีดำทะมึนชวนนึกถึงหนังผีตะหงิดๆ

    บรรยากาศดูเปียกชื้นไม่ว่าจะมองยังไง มันก็คือปราสาทที่มีผีสิงอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์...

    “ไม่ดีกว่ามั้ง..”วิศนะตอบ มัจฉายิ้มละไมแล้วมองไปรอบๆ

    “แถวนี้ไม่มีบ้านใครแล้วน้า...อีกอย่างเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง..”มัจฉากล่าว

    วิศนะมองไปรอบๆ ...

    ทำไมมันมีแต่ป่าว่ะ...กุว่ากุอยู่ภาคกลางประเทศไทยนะ...

    บรู๊วววว~!!



    “- _,-”<<<มัจฉา

    “อะ...ก็ได้ๆ”วิศนะตอบอย่างจำใจ เพราะเขายังไม่อยากตกเป็นอาหาร(มนุษย์)หมาป่าที่นี่..

    ..............

    แสงไฟสลัวดูน่ากลัวตะหงิดๆ เทียบไขโบราณที่ทำให้เหมือนว่าเขาหลุดไปยุโรปยุคกลางเสียมากกว่า

    ที่จะเป็นประเทศไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2552

    มัจฉายิ้มแสยะขณะมองวิศนะที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับคอร์เล็ทชั่นผีสิงในห้องอาหารของเธอ

    ชุดเกราะยุคอัศวินที่ดูน่ายำเกรงวางไว้รอบห้อง ราวกับเป็นห้องจัดแสดงเสียมากกว่าจะเป็นห้องอาหาร

    พรมสีแดงฉานเหมือนกับเลือดปูไว้ที่พื้น โคมไฟแสงสลัว วอลเปเปอร์แบบบุผนัง...ไม่ว่ายังไง

    ก็ดูไม่ออกว่าที่นี่คือภาคกลางของประเทศไทย

    “หาว~ อุ๊บ!!!”

    ตุบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!

    โครม!!!!!!

    “อ้าว...พี่ดีโน่ตื่นแล้วเหรอ”มัจฉาพูดพลางชะเง้อมองไปดู

    ใครบางคนที่ที่ร่วงหล่นตกบันไดลงมาจากชั้น 2

    วิศนะมองตาม พบชายหนุ่มชาวยุโรป นอนกองอยู่บริเวณเชิงบันได

    “งาย...”ดีโน่ว่าพลางลุกขึ้นมา

    “น้องเขยพี่เหรอนี่..”

    โครม!!

    ดีโน่ลุกพรวดพราดขึ้นมาแต่ไม่วายสะดุดขาตัวเองทำให้หน้าคม่ำอีกรอบ

    “ไม่ใช่เว้ย อย่างยัยนี่นะเหรอ!?”วิศนะร้องโวยวายทั้งๆที่ใบหน้าเริ่มมีสีแดงเรื่อ

    ดีโน่ยันกายลุกขึ้นมาพลางมองวิศนะก่อนมองหน้ามัจฉา

    “เหมือนเคียวยะเลยเนอะ”

    “นั่นสิค่ะ”มัจฉาพยักหน้าเห็นด้วยกับดีโน่

    พอวิศนะได้ยินก็ขมวดคิ้ว..

    “เดี๋ยวๆ ใครกันน่ะ เคียวยะ”

    “แฟนพี่เขาไง”มัจฉาตอบพลางยิ้มกริ่ม

    “แต่ชั้นว่าเคียวยะน่ารักกว่านี้^^”ดีโน่ว่าอย่างเข้าข้างแฟนตัวเอง...เคียวยะมันน่าจะชื่อผู้ชายนี่หว่า..

    วิศนะคิดในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการสงสัยออกมา

    “งั้นเหรอค่ะ”มัจฉาหัวเราะคิกก่อนหันกลับไปมองหน้าวิศนะ

    “อ่อ ใช่ลืมแนะนำตัวไป ชั้นพี่ชายของมัจฉานะ ดีโน่ บอสรุ่น10 ของคาบัลโรเน่แฟมิลี่”

    “งั้นชั้นก็ขอแนะนำตัวอีกทีแล้วกัน ชั้น มัจฉา คาบัลโรเน่...เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ดีโน่”

    “แล้วก็เป็นผู้พิทักษ์อัสนีของชั้นด้วย”

    ว่าแล้วดีโน่ก็กอดคอมัจฉาอย่างสนิทสนมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า

    “มัจฉาไม่เห็นต้องพูดว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องเลยนี่...ยังไงสำหรับพี่เราก็เหมือนพี่น้องกันแท้ๆ ละ”

    “เออ...แล้วพี่เธอ...คนประเทศอะไรเหรอ”

    “อิตาลีน่ะ”มัจฉาตอบก่อนหันไปถามดีโน่

    “แล้วเรื่องพวกแฟมิลี่เล็กๆ ที่มาคอยตอดเราที่ประเทศญี่ปุ่นน่ะ ไปถึงไหนแล้วค่ะพี่”

    “เจี๋ยนไปหมดแล้วล่ะ”ดีโน่ตอบพลางหยอกล้อกับมัจฉาราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา

    ...เจี๋ยนงั้นเหรอ...

    “ออ ใช่เดี๋ยวให้คนเตรียมอาหารให้พี่กับเคียวยะด้วยนะ”ดีโน่ว่าพลางลุกขึ้นยืน

    “พี่เคียวยะเขาจะไม่ลงมากินอะไรเหรอค่ะ”

    “เขาเหนื่อยอยู่น่ะ”สองพี่น้องคุยกันอย่างมีเล่ห์นัยน์

    “เออ...แฟมิลี่นี่...หมายถึงอะไรเหรอ..”

    “มาเฟียไงล่ะ..”มัจฉาพูดพลางยิ้มกริ่ม..

    ........

    กลางดึกคืนนั้นวิศนะก็แยกไปนอนยังห้องๆหนึ่งภายในตัวปราสาทที่มัจฉาให้คนไปจัดไว้ให้

    หากแต่ระหว่างที่นอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้นเองก็มีใครบางคนย่องเข้ามาในห้องนอนของเขา...

    ยิ่งกว่านั้นร่างบางนั้นยังเลยเทิดมาถึงเตียงที่เขากำลังนอนอยู่ด้วย!!

    “เฮ้ย! เธอจะทำอะไรน่ะ!”วิศนะร้องโวยวายเพราะโดนมัจฉา...คร่อม..

    “ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่..”มัจฉาว่าพลางกดร่างของวิศนะลงบนเตียงอย่างง่ายดาย

    มือข้างหนึ่งรวบข้อมือของวิศนะไว้

    น่าแปลกร่างเล็กๆ ของเด็กอายุ 14 สามารถกดร่างของผู้ใหญ่วัยทำงานได้อย่างง่ายดาย

    อาจเป็นเพราะ เธอคือผู้พิทักษ์อัสนีของคาบัลโรเน่ล่ะมั้ง

    “เธอต้องการอะไรกันแน่!!!”หนูพริกดิ้นคลุกๆ พยายามเอาตัวรอดจากแรงกดของหนูปลา

    มือเล็กๆ ของมัจฉา ข้างที่ไม่ได้ใช้ตรึงข้อมือของวิศนะไว้

    ลูบไปตามเสื้อของวิศนะ ร่างสูงตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่นึกว่า

    แรงของตนจะไม่สามารถสู้เด็กสาววัยเพียง14ปีได้

    มือเรียวของมัจฉาสะกิดเข็มขัด แล้วเอานิ้วเล็ก สอดเข้าไประหว่างเข็มขัดกับกางเกง

    “ทายซิ”มัจฉายิ้มกริ่มแล้วดึงเข็มขัดของวิศนะออกก่อนวิศนะจะใช้แรงเฮือกสุดท้าย

    ผลักมัจฉาออกไป แล้วกระโดดลงจากเตียงเตรียมลี้ภัย

    ฉึก!!!

    ดาบเล่มโตแทงทะลุเสื้อวิศนะทะลุติดกำแพงเฉียดคอหอยไปเล็กน้อย...

    “ชอบรุนแรงก็ไม่บอก..”มัจฉาเงยหน้าขึ้นมามองวิศนะที่ถูกตรึงไว้กับที่..

    มัจฉาใช้มือลูบไล้ใบหน้าของวิศนะอย่างแผล่วเบาก่อนริมฝีปากบางจะ

    ขบลงที่ต้นคอของวิศนะราวกับจะหยอกล้อ

    “ชั้นน่ะ...ไม่ได้มีแค่จัสตินเรย์นะ...”

    “นายต้องเป็นของชั้นชิลลี”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×