ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : พรากผู้เฒ่า
ตอนที่4
ณ สวนสาธารณะ...
สระน้ำใหญ่ในสวนสาธารณะทำให้สวนดูรมรื่น
มันจึงเป็นทำเลที่เป็นที่นิยมสำหรับมานั่งพัก ผ่อนคลายอารมณ์
สระน้ำยามเย็นสะท้อนแสงพระอาทิตย์ยามเย็นเป็นประกายสีทองระยิบระยับงามจับตา
ทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็นอดรู้สึกทอดถอนใจให้กับความงามของมันไม่ได้
หากแต่ความงามดังกล่าวไม่ได้อยู่ในหัวเด็กสาวหูกระต่าย
ที่กำลังกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดอยู่กลางสระน้ำเลย!!
ไม่ไหวแล้ว จะจมแล้ว จะจมแล้ว!!!!
ชั้นต้องมาตายแบบนี้เหรอเนี่ย!!!!
แม่...หนูจะไปหาแม่แล้วนะ
มะ...ไม่ได้เราต้องสู้ อีกนิดเดียวก็จะถึงฝั่งแล้ว
ร่างของเด็กสาวหนักอึ้ง
มือของเด็กสาวพยายามตะเกียดตะกายตัวเองไว้บนผืนน้ำ
ขาขยับไม่ได้ราวกับมีผีพรายมาฉุดไว้
พ่อค่ะ...หนู...หนู...
หวืด...
ร่างของเด็กสาวอยู่ๆก็เบาหวิวอย่างประหลาด
ร่างทั้งร่างลอยขึ้นมาเหมือนปาฏิหาริย์
เธอลอยเคว้งอยู่กลางอากาศอย่างไม่น่าเชื่อก่อนค่อยๆ หมุน..
ประสบพบหน้ากับคนที่เธอไม่ได้เคยได้คิดถึงเลยสักเสี้ยววินาที..
แครอท... มือของเขาหิ้วคอเสื้อของเธอไว้
ตาของแครอทเบิกขึ้นน้อยๆ เมื่อมองเห็นว่าคนที่ตนช่วยคือใคร..
ตุบ!!!!
แครอทปล่อยร่างกระต่ายที่เปียกมะล่อกมะแล่กอย่างไม่ไยดี
ก่อนจะเดินจ้ำหันหลังจากไปแบบไม่มีการหันกลับมามอง
มือของแครอทเช็ดกางเกงราวกับแขยงร่างบาง...
วันนี้...หมอนี่ช่วยชีวิตชั้นไว้ด้วยล่ะ...
.............
ณ ที่ทำการGMเกมNU กระต่ายน้อยเดินเข้ามาในช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของพนักงาน...
“เธอมาทำไมน่ะ”โฮลี่ ออเดอร์ร้องออกมาพลางกอดอกราวกับเป็นเจ้าของสวน
ที่เห็นกระต่ายเข้ามาทำลับๆ ล่อๆ ในสวนของตัวเอง
“มารับแฟน”คำตอบสั้นๆ ของกระต่าย ทำเอาเจ้าของสวนสะดุ้ง
“ที่นี่เนี่ยนะ...ใครจะเป็นแฟนเธอ”
ไม่ทันไรกระต่ายก็เห็นแครอทที่ปลูกไว้ในสวน
ก็กระโดดคว้าหมับ เจ้าของสวนมองตาค้าง
“นี่ไง”วิริยาว่าพลางกระชับแขนของชายหนุ่มที่ตนเกาะอยู่แน่น
“เฮ้ยน้อยเมียกูO[]O!!!”
“ใครแฟนเธอ ยัยปิศาจกระต่าย!!!”แครอทสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของกระต่ายน้อย
วิริยายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนกระโดดขึ้นไปหอมแก้มแครอทแบบจู่โจม
โดยไม่ทันที่GMคนอื่นๆจะทันได้ไหวตัวกระต่ายน้อยก็ลากแครอทออกจากสวนไป
“O_O”<<<<ใบหน้าพืชผักในสวนและเจ้าของสวนทุกคนที่เห็นกระต่ายลากแครอทไปกิน
.............
เจ้าแครอทโดนยัยเด็กกระต่ายนั่นลากไปกิน จะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย...
วิศนะคิดขณะขับรถกลับบ้านโดยมีแผนว่าจะไปกระทืบกานดาเนื่องด้วยข้อหา ชนะกู...
เปรี๊ยง!
เสียงฟ้าผ่าลงมาพร้อมเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปราย
วิศนะขับรถผ่านปราสาทที่มืดทะมึนหลังหนึ่ง
บรรยากาศช่างเป็นใจดูละม้ายคล้ายปราสาทผีสิง ฝูงค้างคาวบินกรูกันออกมาเหมือนหนังผีที่เขาเคยดู...
ปราสาทแดร็กคิวล่ารึไงฟ่ะ...
เปรี้ยง!!
หนูพริกคิด ไม่ทันไรฟ้าก็ผ่าลงมาอีกเปรี๊ยงลงใส่ต้นไม้สูงใหญ่
ต้นไม้ดังกล่าวลุกติดไฟพรึบ
ก่อนจะล้มลงมาทับกระโปร่งหน้ารถของวิศนะ!!
โครม!
แล้วกรูจะไปต่อไงเนี่ย!!!...
วิศนะกระแทกประตูรถอย่างอารมณ์เสีย มองกระโปรงรถ
ที่มีต้นไม้ใหญ่ทับพร้อมกับไฟลุกท่วม....
“เวรแล้ว ทำไงล่ะเนี่ย”วิศนะบ่นพึมพำซึ่ง
ตาก็มองรถเจ้ากรรมที่อุส่าห์เก็บหอมรอบริบซื้อมาด้วยตนเอง
แกรก...แกรก...
เสียงลูกกรงเหล็กของปราสาทเปิดออกอย่างช้าๆ
ท่ามกลางสายฝน วิศนะสะดุ้งก่อนหันไปมอง
ร่างเล็กๆ ในเสื้อกันฝนสีดำกำลังถือตะเกียง เดินมาทางเขา
วิศนะถอนใจเฮือกใหญ่...
นึกว่าเจอผีแล้วกรู...
ร่างเล็กนั่นยกตะเกียงขึ้นมาทำให้วิศนะมองเห็นใบหน้าชัดขึ้น
ใบหน้าของนางพญาแห่งกองกำลังต่อต้านGM...
“อ้าว...ชิลลี..รถเสียเหรอ”มัจฉาพูดเสียงยานคางตามองที่รถของวิศนะ
ก่อนจะหันกลับมามองวิศนะอย่างมีเล่ห์นัยน์
“เออ!!”GMหนุ่มกระแทกเสียงตอบอย่างอารมณ์เสีย
//จะกลับไปกระทืบไอ้กานดาหน่อย เสียเวลาชีวิตเลยตู..//
“ว้า...น่าสงสารจัง”มัจฉาแสยะยิ้ม
“ค้างบ้านชั้นไหม..”
“บ้านเธอเหรอ..”วิศนะทวนขณะหันกลับไปมองปราสาท...
เปรี๊ยง!
ฝูงค้างคาวบินร่อนอยู่ทั่วฟ้า ปราสาทสีดำทะมึนชวนนึกถึงหนังผีตะหงิดๆ
บรรยากาศดูเปียกชื้นไม่ว่าจะมองยังไง มันก็คือปราสาทที่มีผีสิงอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์...
“ไม่ดีกว่ามั้ง..”วิศนะตอบ มัจฉายิ้มละไมแล้วมองไปรอบๆ
“แถวนี้ไม่มีบ้านใครแล้วน้า...อีกอย่างเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง..”มัจฉากล่าว
วิศนะมองไปรอบๆ ...
ทำไมมันมีแต่ป่าว่ะ...กุว่ากุอยู่ภาคกลางประเทศไทยนะ...
บรู๊วววว~!!
“- _,-”<<<มัจฉา
“อะ...ก็ได้ๆ”วิศนะตอบอย่างจำใจ เพราะเขายังไม่อยากตกเป็นอาหาร(มนุษย์)หมาป่าที่นี่..
..............
แสงไฟสลัวดูน่ากลัวตะหงิดๆ เทียบไขโบราณที่ทำให้เหมือนว่าเขาหลุดไปยุโรปยุคกลางเสียมากกว่า
ที่จะเป็นประเทศไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2552
มัจฉายิ้มแสยะขณะมองวิศนะที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับคอร์เล็ทชั่นผีสิงในห้องอาหารของเธอ
ชุดเกราะยุคอัศวินที่ดูน่ายำเกรงวางไว้รอบห้อง ราวกับเป็นห้องจัดแสดงเสียมากกว่าจะเป็นห้องอาหาร
พรมสีแดงฉานเหมือนกับเลือดปูไว้ที่พื้น โคมไฟแสงสลัว วอลเปเปอร์แบบบุผนัง...ไม่ว่ายังไง
ก็ดูไม่ออกว่าที่นี่คือภาคกลางของประเทศไทย
“หาว~ อุ๊บ!!!”
ตุบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
โครม!!!!!!
“อ้าว...พี่ดีโน่ตื่นแล้วเหรอ”มัจฉาพูดพลางชะเง้อมองไปดู
ใครบางคนที่ที่ร่วงหล่นตกบันไดลงมาจากชั้น 2
วิศนะมองตาม พบชายหนุ่มชาวยุโรป นอนกองอยู่บริเวณเชิงบันได
“งาย...”ดีโน่ว่าพลางลุกขึ้นมา
“น้องเขยพี่เหรอนี่..”
โครม!!
ดีโน่ลุกพรวดพราดขึ้นมาแต่ไม่วายสะดุดขาตัวเองทำให้หน้าคม่ำอีกรอบ
“ไม่ใช่เว้ย อย่างยัยนี่นะเหรอ!?”วิศนะร้องโวยวายทั้งๆที่ใบหน้าเริ่มมีสีแดงเรื่อ
ดีโน่ยันกายลุกขึ้นมาพลางมองวิศนะก่อนมองหน้ามัจฉา
“เหมือนเคียวยะเลยเนอะ”
“นั่นสิค่ะ”มัจฉาพยักหน้าเห็นด้วยกับดีโน่
พอวิศนะได้ยินก็ขมวดคิ้ว..
“เดี๋ยวๆ ใครกันน่ะ เคียวยะ”
“แฟนพี่เขาไง”มัจฉาตอบพลางยิ้มกริ่ม
“แต่ชั้นว่าเคียวยะน่ารักกว่านี้^^”ดีโน่ว่าอย่างเข้าข้างแฟนตัวเอง...เคียวยะมันน่าจะชื่อผู้ชายนี่หว่า..
วิศนะคิดในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการสงสัยออกมา
“งั้นเหรอค่ะ”มัจฉาหัวเราะคิกก่อนหันกลับไปมองหน้าวิศนะ
“อ่อ ใช่ลืมแนะนำตัวไป ชั้นพี่ชายของมัจฉานะ ดีโน่ บอสรุ่น10 ของคาบัลโรเน่แฟมิลี่”
“งั้นชั้นก็ขอแนะนำตัวอีกทีแล้วกัน ชั้น มัจฉา คาบัลโรเน่...เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ดีโน่”
“แล้วก็เป็นผู้พิทักษ์อัสนีของชั้นด้วย”
ว่าแล้วดีโน่ก็กอดคอมัจฉาอย่างสนิทสนมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า
“มัจฉาไม่เห็นต้องพูดว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องเลยนี่...ยังไงสำหรับพี่เราก็เหมือนพี่น้องกันแท้ๆ ละ”
“เออ...แล้วพี่เธอ...คนประเทศอะไรเหรอ”
“อิตาลีน่ะ”มัจฉาตอบก่อนหันไปถามดีโน่
“แล้วเรื่องพวกแฟมิลี่เล็กๆ ที่มาคอยตอดเราที่ประเทศญี่ปุ่นน่ะ ไปถึงไหนแล้วค่ะพี่”
“เจี๋ยนไปหมดแล้วล่ะ”ดีโน่ตอบพลางหยอกล้อกับมัจฉาราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา
...เจี๋ยนงั้นเหรอ...
“ออ ใช่เดี๋ยวให้คนเตรียมอาหารให้พี่กับเคียวยะด้วยนะ”ดีโน่ว่าพลางลุกขึ้นยืน
“พี่เคียวยะเขาจะไม่ลงมากินอะไรเหรอค่ะ”
“เขาเหนื่อยอยู่น่ะ”สองพี่น้องคุยกันอย่างมีเล่ห์นัยน์
“เออ...แฟมิลี่นี่...หมายถึงอะไรเหรอ..”
“มาเฟียไงล่ะ..”มัจฉาพูดพลางยิ้มกริ่ม..
........
กลางดึกคืนนั้นวิศนะก็แยกไปนอนยังห้องๆหนึ่งภายในตัวปราสาทที่มัจฉาให้คนไปจัดไว้ให้
หากแต่ระหว่างที่นอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้นเองก็มีใครบางคนย่องเข้ามาในห้องนอนของเขา...
ยิ่งกว่านั้นร่างบางนั้นยังเลยเทิดมาถึงเตียงที่เขากำลังนอนอยู่ด้วย!!
“เฮ้ย! เธอจะทำอะไรน่ะ!”วิศนะร้องโวยวายเพราะโดนมัจฉา...คร่อม..
“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่..”มัจฉาว่าพลางกดร่างของวิศนะลงบนเตียงอย่างง่ายดาย
มือข้างหนึ่งรวบข้อมือของวิศนะไว้
น่าแปลกร่างเล็กๆ ของเด็กอายุ 14 สามารถกดร่างของผู้ใหญ่วัยทำงานได้อย่างง่ายดาย
อาจเป็นเพราะ เธอคือผู้พิทักษ์อัสนีของคาบัลโรเน่ล่ะมั้ง
“เธอต้องการอะไรกันแน่!!!”หนูพริกดิ้นคลุกๆ พยายามเอาตัวรอดจากแรงกดของหนูปลา
มือเล็กๆ ของมัจฉา ข้างที่ไม่ได้ใช้ตรึงข้อมือของวิศนะไว้
ลูบไปตามเสื้อของวิศนะ ร่างสูงตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่นึกว่า
แรงของตนจะไม่สามารถสู้เด็กสาววัยเพียง14ปีได้
มือเรียวของมัจฉาสะกิดเข็มขัด แล้วเอานิ้วเล็ก สอดเข้าไประหว่างเข็มขัดกับกางเกง
“ทายซิ”มัจฉายิ้มกริ่มแล้วดึงเข็มขัดของวิศนะออกก่อนวิศนะจะใช้แรงเฮือกสุดท้าย
ผลักมัจฉาออกไป แล้วกระโดดลงจากเตียงเตรียมลี้ภัย
ฉึก!!!
ดาบเล่มโตแทงทะลุเสื้อวิศนะทะลุติดกำแพงเฉียดคอหอยไปเล็กน้อย...
“ชอบรุนแรงก็ไม่บอก..”มัจฉาเงยหน้าขึ้นมามองวิศนะที่ถูกตรึงไว้กับที่..
มัจฉาใช้มือลูบไล้ใบหน้าของวิศนะอย่างแผล่วเบาก่อนริมฝีปากบางจะ
ขบลงที่ต้นคอของวิศนะราวกับจะหยอกล้อ
“ชั้นน่ะ...ไม่ได้มีแค่จัสตินเรย์นะ...”
“นายต้องเป็นของชั้นชิลลี”
ณ สวนสาธารณะ...
สระน้ำใหญ่ในสวนสาธารณะทำให้สวนดูรมรื่น
มันจึงเป็นทำเลที่เป็นที่นิยมสำหรับมานั่งพัก ผ่อนคลายอารมณ์
สระน้ำยามเย็นสะท้อนแสงพระอาทิตย์ยามเย็นเป็นประกายสีทองระยิบระยับงามจับตา
ทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็นอดรู้สึกทอดถอนใจให้กับความงามของมันไม่ได้
หากแต่ความงามดังกล่าวไม่ได้อยู่ในหัวเด็กสาวหูกระต่าย
ที่กำลังกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดอยู่กลางสระน้ำเลย!!
ไม่ไหวแล้ว จะจมแล้ว จะจมแล้ว!!!!
ชั้นต้องมาตายแบบนี้เหรอเนี่ย!!!!
แม่...หนูจะไปหาแม่แล้วนะ
มะ...ไม่ได้เราต้องสู้ อีกนิดเดียวก็จะถึงฝั่งแล้ว
ร่างของเด็กสาวหนักอึ้ง
มือของเด็กสาวพยายามตะเกียดตะกายตัวเองไว้บนผืนน้ำ
ขาขยับไม่ได้ราวกับมีผีพรายมาฉุดไว้
พ่อค่ะ...หนู...หนู...
หวืด...
ร่างของเด็กสาวอยู่ๆก็เบาหวิวอย่างประหลาด
ร่างทั้งร่างลอยขึ้นมาเหมือนปาฏิหาริย์
เธอลอยเคว้งอยู่กลางอากาศอย่างไม่น่าเชื่อก่อนค่อยๆ หมุน..
ประสบพบหน้ากับคนที่เธอไม่ได้เคยได้คิดถึงเลยสักเสี้ยววินาที..
แครอท... มือของเขาหิ้วคอเสื้อของเธอไว้
ตาของแครอทเบิกขึ้นน้อยๆ เมื่อมองเห็นว่าคนที่ตนช่วยคือใคร..
ตุบ!!!!
แครอทปล่อยร่างกระต่ายที่เปียกมะล่อกมะแล่กอย่างไม่ไยดี
ก่อนจะเดินจ้ำหันหลังจากไปแบบไม่มีการหันกลับมามอง
มือของแครอทเช็ดกางเกงราวกับแขยงร่างบาง...
วันนี้...หมอนี่ช่วยชีวิตชั้นไว้ด้วยล่ะ...
.............
ณ ที่ทำการGMเกมNU กระต่ายน้อยเดินเข้ามาในช่วงเย็นซึ่งเป็นเวลาเลิกงานของพนักงาน...
“เธอมาทำไมน่ะ”โฮลี่ ออเดอร์ร้องออกมาพลางกอดอกราวกับเป็นเจ้าของสวน
ที่เห็นกระต่ายเข้ามาทำลับๆ ล่อๆ ในสวนของตัวเอง
“มารับแฟน”คำตอบสั้นๆ ของกระต่าย ทำเอาเจ้าของสวนสะดุ้ง
“ที่นี่เนี่ยนะ...ใครจะเป็นแฟนเธอ”
ไม่ทันไรกระต่ายก็เห็นแครอทที่ปลูกไว้ในสวน
ก็กระโดดคว้าหมับ เจ้าของสวนมองตาค้าง
“นี่ไง”วิริยาว่าพลางกระชับแขนของชายหนุ่มที่ตนเกาะอยู่แน่น
“เฮ้ยน้อยเมียกูO[]O!!!”
“ใครแฟนเธอ ยัยปิศาจกระต่าย!!!”แครอทสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของกระต่ายน้อย
วิริยายิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนกระโดดขึ้นไปหอมแก้มแครอทแบบจู่โจม
โดยไม่ทันที่GMคนอื่นๆจะทันได้ไหวตัวกระต่ายน้อยก็ลากแครอทออกจากสวนไป
“O_O”<<<<ใบหน้าพืชผักในสวนและเจ้าของสวนทุกคนที่เห็นกระต่ายลากแครอทไปกิน
.............
เจ้าแครอทโดนยัยเด็กกระต่ายนั่นลากไปกิน จะเป็นอะไรมากไหมเนี่ย...
วิศนะคิดขณะขับรถกลับบ้านโดยมีแผนว่าจะไปกระทืบกานดาเนื่องด้วยข้อหา ชนะกู...
เปรี๊ยง!
เสียงฟ้าผ่าลงมาพร้อมเม็ดฝนที่เริ่มโปรยปราย
วิศนะขับรถผ่านปราสาทที่มืดทะมึนหลังหนึ่ง
บรรยากาศช่างเป็นใจดูละม้ายคล้ายปราสาทผีสิง ฝูงค้างคาวบินกรูกันออกมาเหมือนหนังผีที่เขาเคยดู...
ปราสาทแดร็กคิวล่ารึไงฟ่ะ...
เปรี้ยง!!
หนูพริกคิด ไม่ทันไรฟ้าก็ผ่าลงมาอีกเปรี๊ยงลงใส่ต้นไม้สูงใหญ่
ต้นไม้ดังกล่าวลุกติดไฟพรึบ
ก่อนจะล้มลงมาทับกระโปร่งหน้ารถของวิศนะ!!
โครม!
แล้วกรูจะไปต่อไงเนี่ย!!!...
วิศนะกระแทกประตูรถอย่างอารมณ์เสีย มองกระโปรงรถ
ที่มีต้นไม้ใหญ่ทับพร้อมกับไฟลุกท่วม....
“เวรแล้ว ทำไงล่ะเนี่ย”วิศนะบ่นพึมพำซึ่ง
ตาก็มองรถเจ้ากรรมที่อุส่าห์เก็บหอมรอบริบซื้อมาด้วยตนเอง
แกรก...แกรก...
เสียงลูกกรงเหล็กของปราสาทเปิดออกอย่างช้าๆ
ท่ามกลางสายฝน วิศนะสะดุ้งก่อนหันไปมอง
ร่างเล็กๆ ในเสื้อกันฝนสีดำกำลังถือตะเกียง เดินมาทางเขา
วิศนะถอนใจเฮือกใหญ่...
นึกว่าเจอผีแล้วกรู...
ร่างเล็กนั่นยกตะเกียงขึ้นมาทำให้วิศนะมองเห็นใบหน้าชัดขึ้น
ใบหน้าของนางพญาแห่งกองกำลังต่อต้านGM...
“อ้าว...ชิลลี..รถเสียเหรอ”มัจฉาพูดเสียงยานคางตามองที่รถของวิศนะ
ก่อนจะหันกลับมามองวิศนะอย่างมีเล่ห์นัยน์
“เออ!!”GMหนุ่มกระแทกเสียงตอบอย่างอารมณ์เสีย
//จะกลับไปกระทืบไอ้กานดาหน่อย เสียเวลาชีวิตเลยตู..//
“ว้า...น่าสงสารจัง”มัจฉาแสยะยิ้ม
“ค้างบ้านชั้นไหม..”
“บ้านเธอเหรอ..”วิศนะทวนขณะหันกลับไปมองปราสาท...
เปรี๊ยง!
ฝูงค้างคาวบินร่อนอยู่ทั่วฟ้า ปราสาทสีดำทะมึนชวนนึกถึงหนังผีตะหงิดๆ
บรรยากาศดูเปียกชื้นไม่ว่าจะมองยังไง มันก็คือปราสาทที่มีผีสิงอยู่ร้อยเปอร์เซ็นต์...
“ไม่ดีกว่ามั้ง..”วิศนะตอบ มัจฉายิ้มละไมแล้วมองไปรอบๆ
“แถวนี้ไม่มีบ้านใครแล้วน้า...อีกอย่างเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง..”มัจฉากล่าว
วิศนะมองไปรอบๆ ...
ทำไมมันมีแต่ป่าว่ะ...กุว่ากุอยู่ภาคกลางประเทศไทยนะ...
บรู๊วววว~!!
“- _,-”<<<มัจฉา
“อะ...ก็ได้ๆ”วิศนะตอบอย่างจำใจ เพราะเขายังไม่อยากตกเป็นอาหาร(มนุษย์)หมาป่าที่นี่..
..............
แสงไฟสลัวดูน่ากลัวตะหงิดๆ เทียบไขโบราณที่ทำให้เหมือนว่าเขาหลุดไปยุโรปยุคกลางเสียมากกว่า
ที่จะเป็นประเทศไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2552
มัจฉายิ้มแสยะขณะมองวิศนะที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับคอร์เล็ทชั่นผีสิงในห้องอาหารของเธอ
ชุดเกราะยุคอัศวินที่ดูน่ายำเกรงวางไว้รอบห้อง ราวกับเป็นห้องจัดแสดงเสียมากกว่าจะเป็นห้องอาหาร
พรมสีแดงฉานเหมือนกับเลือดปูไว้ที่พื้น โคมไฟแสงสลัว วอลเปเปอร์แบบบุผนัง...ไม่ว่ายังไง
ก็ดูไม่ออกว่าที่นี่คือภาคกลางของประเทศไทย
“หาว~ อุ๊บ!!!”
ตุบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
โครม!!!!!!
“อ้าว...พี่ดีโน่ตื่นแล้วเหรอ”มัจฉาพูดพลางชะเง้อมองไปดู
ใครบางคนที่ที่ร่วงหล่นตกบันไดลงมาจากชั้น 2
วิศนะมองตาม พบชายหนุ่มชาวยุโรป นอนกองอยู่บริเวณเชิงบันได
“งาย...”ดีโน่ว่าพลางลุกขึ้นมา
“น้องเขยพี่เหรอนี่..”
โครม!!
ดีโน่ลุกพรวดพราดขึ้นมาแต่ไม่วายสะดุดขาตัวเองทำให้หน้าคม่ำอีกรอบ
“ไม่ใช่เว้ย อย่างยัยนี่นะเหรอ!?”วิศนะร้องโวยวายทั้งๆที่ใบหน้าเริ่มมีสีแดงเรื่อ
ดีโน่ยันกายลุกขึ้นมาพลางมองวิศนะก่อนมองหน้ามัจฉา
“เหมือนเคียวยะเลยเนอะ”
“นั่นสิค่ะ”มัจฉาพยักหน้าเห็นด้วยกับดีโน่
พอวิศนะได้ยินก็ขมวดคิ้ว..
“เดี๋ยวๆ ใครกันน่ะ เคียวยะ”
“แฟนพี่เขาไง”มัจฉาตอบพลางยิ้มกริ่ม
“แต่ชั้นว่าเคียวยะน่ารักกว่านี้^^”ดีโน่ว่าอย่างเข้าข้างแฟนตัวเอง...เคียวยะมันน่าจะชื่อผู้ชายนี่หว่า..
วิศนะคิดในใจแต่ก็ไม่ได้แสดงอาการสงสัยออกมา
“งั้นเหรอค่ะ”มัจฉาหัวเราะคิกก่อนหันกลับไปมองหน้าวิศนะ
“อ่อ ใช่ลืมแนะนำตัวไป ชั้นพี่ชายของมัจฉานะ ดีโน่ บอสรุ่น10 ของคาบัลโรเน่แฟมิลี่”
“งั้นชั้นก็ขอแนะนำตัวอีกทีแล้วกัน ชั้น มัจฉา คาบัลโรเน่...เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ดีโน่”
“แล้วก็เป็นผู้พิทักษ์อัสนีของชั้นด้วย”
ว่าแล้วดีโน่ก็กอดคอมัจฉาอย่างสนิทสนมก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่า
“มัจฉาไม่เห็นต้องพูดว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องเลยนี่...ยังไงสำหรับพี่เราก็เหมือนพี่น้องกันแท้ๆ ละ”
“เออ...แล้วพี่เธอ...คนประเทศอะไรเหรอ”
“อิตาลีน่ะ”มัจฉาตอบก่อนหันไปถามดีโน่
“แล้วเรื่องพวกแฟมิลี่เล็กๆ ที่มาคอยตอดเราที่ประเทศญี่ปุ่นน่ะ ไปถึงไหนแล้วค่ะพี่”
“เจี๋ยนไปหมดแล้วล่ะ”ดีโน่ตอบพลางหยอกล้อกับมัจฉาราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา
...เจี๋ยนงั้นเหรอ...
“ออ ใช่เดี๋ยวให้คนเตรียมอาหารให้พี่กับเคียวยะด้วยนะ”ดีโน่ว่าพลางลุกขึ้นยืน
“พี่เคียวยะเขาจะไม่ลงมากินอะไรเหรอค่ะ”
“เขาเหนื่อยอยู่น่ะ”สองพี่น้องคุยกันอย่างมีเล่ห์นัยน์
“เออ...แฟมิลี่นี่...หมายถึงอะไรเหรอ..”
“มาเฟียไงล่ะ..”มัจฉาพูดพลางยิ้มกริ่ม..
........
กลางดึกคืนนั้นวิศนะก็แยกไปนอนยังห้องๆหนึ่งภายในตัวปราสาทที่มัจฉาให้คนไปจัดไว้ให้
หากแต่ระหว่างที่นอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่นั้นเองก็มีใครบางคนย่องเข้ามาในห้องนอนของเขา...
ยิ่งกว่านั้นร่างบางนั้นยังเลยเทิดมาถึงเตียงที่เขากำลังนอนอยู่ด้วย!!
“เฮ้ย! เธอจะทำอะไรน่ะ!”วิศนะร้องโวยวายเพราะโดนมัจฉา...คร่อม..
“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่..”มัจฉาว่าพลางกดร่างของวิศนะลงบนเตียงอย่างง่ายดาย
มือข้างหนึ่งรวบข้อมือของวิศนะไว้
น่าแปลกร่างเล็กๆ ของเด็กอายุ 14 สามารถกดร่างของผู้ใหญ่วัยทำงานได้อย่างง่ายดาย
อาจเป็นเพราะ เธอคือผู้พิทักษ์อัสนีของคาบัลโรเน่ล่ะมั้ง
“เธอต้องการอะไรกันแน่!!!”หนูพริกดิ้นคลุกๆ พยายามเอาตัวรอดจากแรงกดของหนูปลา
มือเล็กๆ ของมัจฉา ข้างที่ไม่ได้ใช้ตรึงข้อมือของวิศนะไว้
ลูบไปตามเสื้อของวิศนะ ร่างสูงตกใจทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่นึกว่า
แรงของตนจะไม่สามารถสู้เด็กสาววัยเพียง14ปีได้
มือเรียวของมัจฉาสะกิดเข็มขัด แล้วเอานิ้วเล็ก สอดเข้าไประหว่างเข็มขัดกับกางเกง
“ทายซิ”มัจฉายิ้มกริ่มแล้วดึงเข็มขัดของวิศนะออกก่อนวิศนะจะใช้แรงเฮือกสุดท้าย
ผลักมัจฉาออกไป แล้วกระโดดลงจากเตียงเตรียมลี้ภัย
ฉึก!!!
ดาบเล่มโตแทงทะลุเสื้อวิศนะทะลุติดกำแพงเฉียดคอหอยไปเล็กน้อย...
“ชอบรุนแรงก็ไม่บอก..”มัจฉาเงยหน้าขึ้นมามองวิศนะที่ถูกตรึงไว้กับที่..
มัจฉาใช้มือลูบไล้ใบหน้าของวิศนะอย่างแผล่วเบาก่อนริมฝีปากบางจะ
ขบลงที่ต้นคอของวิศนะราวกับจะหยอกล้อ
“ชั้นน่ะ...ไม่ได้มีแค่จัสตินเรย์นะ...”
“นายต้องเป็นของชั้นชิลลี”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น