ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [12TailsOnline] Step of Love [Monkey x Wolf]

    ลำดับตอนที่ #3 : Third Step [เหล่าผู้กล้าที่ถูกเลือก]

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 54


     

    Third Step [เหล่าผู้กล้าที่ถูกเลือก]

     

     

    Author: Rinrin & Gwang

    Originate: 12TailsOnline

    Pairing: Monkey x Wolf

    Rate: PG-13

    Warning: Yaoi(ชาย x ชาย),แฟนฟิคเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องจริงของเกม 12TailOnline แต่อย่างใด กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน

     

     

    ...เรา...สู้กับพวกสตริงบั๊ก...แล้ว...ยังไงต่อนะ..?

     

     

    “!!!”ร่างของหมาป่าลุกพรวด แต่เนื่องจากผ่านการนอนหลับที่ยาวนานจึงทำเอาแทบจะล้มลงไปอีกครั้ง หมาป่าสะบัดหัวไล่ความมึนงงพลางนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นว่าเกิดอะไรขึ้น กันแน่...

     

     

    “อ้าว ฟื้นแล้วเหรอคะ”

     

     

    เสียงของเด็กสาวดังขึ้นจากที่ไม่ไกลนักทำเอาหมาป่าสะดุ้ง ดวงตาสีทองแวววับมองเด็กสาวแปลกหน้าด้วยความตระหนกเล็กๆ และเริ่มสำรวจรอบด้านอย่างลวกๆ สรุปได้ว่าเข้าอยู่ในกระโจมที่ไม่ใหญ่มาก เด็กสาวคนเดิมยิ้มอย่างเป็นมิตรก่อนกล่าวอธิบายออกมาอย่างไม่รีบร้อน

     

     

    “คือเห็นว่าคุณสลบไประหว่างภารกิจน่ะค่ะ มีคุณลิงกับคุณค้างคาวช่วยพามา เห็นคุณโกทันว่ามีแผลทะลุที่บริเวณท้องอยู่..”

     

     

    คำอธิบายยาวยืดทำให้หมาป่ามีเวลาสักพักในการสำรวจเด็กสาวตรงหน้า เป็นเด็กสาวที่มีผมสีชมพูประบ่าและมีใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ ดวงตาสีฟ้าของเธอดูอ่อนโยน แต่เมื่อมองที่จมูกรั้นก็พอรู้ได้ว่าถ้ามีใครมาพูดอะไรที่เธอไม่เห็นด้วยคง เถียงใจขาดดิ้นแน่ๆ  หูของเจ้าหล่อนยาวเลยกว่าผมเสียอีก อีกทั้งเขาที่ใหญ่บอกได้ไม่ยากว่าคงเป็นแกะแน่ๆ

     

     

    เอ๊ะ...ใช่ แผลเขาล่ะ!

     

     

    เขาก้มลงมองสำรวจตัวเองอย่างตระหนกก่อนจะพบว่าที่ร่างกายของตัวเองนั้น ไม่มีแผลเลยสักรอยเดียว เขาได้ยินเสียงเด็กสาวหัวเราะคิกคักเบาๆ ทำให้หมาป่าเหลือบมองใบหน้าอ่อนเยาว์นั่นอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่

     

     

    “แผลนั่น คุณลิงบอกว่าให้หมอที่เมืองแสงรักษาให้แล้วล่ะค่ะ หมอที่เมืองแสงนี่เก่งจริงๆ เลยค่ะ ขนาดแผลฉะกรรจ์แบบนั้นยังรักษาแบบไม่ทิ้งรอยไว้ได้เลยค่ะ สักวันชั้นก็จะแบบนั้นบ้าง...อ้อ! ชั้นคือ แกะนะคะ เป็นหมอค่ะ ถึงจะยังไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดมีแผลมาเมื่อไหร่ก็จะช่วยรักษาให้ได้ทุกเมื่อเลยนะค่ะ”

     

     

    เด็กสาวกล่าวจบก็โค้งตัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอตัวแล้วเดินออกไปจากกระโจม นั้น หมาป่าขมวดคิ้วแล้วสำรวจรอบข้างอีกครั้ง กระโจมผ้าสีสด..แสงสีส้มจากคบเพลิงยิ่งทำให้สีสันของกระโจมร้อนแรงขึ้นไปอีก พรมสีเข้ากันเพียงผืนเดียวถูกปูใต้กระโจม  ที่นอนไม่สูงมาก ก็เป็นสีโทนเดียวกันทั้งหมด สัมภาระเขาก็วางไว้ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเขานัก ส่วนดาบคู่ของเขาเองก็ถูกวางพิงไว้กับข้าวของของเขานั่นเอง หมาป่าไม่อยากคิดอะไรมากนักจึงตัดสินใจคว้าดาบแล้วเดินออกไปด้านนอก

     

     

    “...”ดวงตาสีทองกวาดมองรอบกายมันคือบริเวณแคมป์ของผู้กล้านั่นเอง ไม่ทันที่เขาจะได้สำรวจสิ่งใดไปมากกว่านั้น เสียงของแพนด้าแดงก็ดังขึ้นเสียก่อน

     

     

    “อ้าว! ฟื้นแล้วเหรอ”ดวงตาสีทองหันไปมองแพนด้าแดงที่เหมือนว่ากำลังจะเดินเข้ามาหา เขาพอดิบพอดี หมาป่าไม่ได้พูดตอบอะไรเพียงแต่มองหน้าของผู้ที่ทักมาเท่านั้น

     

     

    “ตอนแรกข้าฟังมาจากคุณโกทัน นึกว่าเจ้าจะเป็นอะไรมากซะแล้ว ที่แท้ก็สบายดีเหรอเนี่ย อ๋อใช่! คุณโกทันเองก็ฝากความเป็นห่วงมาด้วยนะ แล้วก็ชมมาว่าผู้กล้าน่ะ เก่งสุดๆ สมกับเป็นผู้กล้าจริงๆ ข้าว่าแล้วเชียวว่าเจ้าน่ะดูเจ๋ง! จริงๆ แล้วเจ้าช่วยปกป้องเจ้าผู้ใช้ภูตนั่น กับยายหนูค้างคาวก็เลยเป็นแบบนี้สินะ ทั้งสองคนถึงได้กลับมาแบบไม่มีรอยขีดขวนแบบนั้นน่ะ!!”

     

     

    หูของหมาป่ากระดิกจึ๊กๆ คิ้วขมวดเข้าหากันยิ่งกว่าเก่าจนแทบจะกลายเป็นโบว์ ในใจนึกสงสัยอย่างหนัก...ตอนนี้เขาเพิ่งทำลายไปเพียงรังเดียวเท่านั้น สตริงบั๊กก็เหลืออีกมาก แถมแทบจะโดยรุมกินโต๊ะ..รอดมาได้แบบไม่มีรอยขีดข่วน...มันหมายความว่ายังไง?

     

     

    “ไม่มีรอยขีดข่วนเลยเหรอ...?”

     

     

    “อือ! แล้วก็..พรุ่งนี้พวกเจ้าต้องรับการทดสอบจากแม่ทัพโบลดาสนะ ฝากบอกผู้กล้าทุกคนด้วยล่ะ ”แพนด้าแดงกล่าวก่อนชี้ไปที่กองไฟ หมาป่าจึงสังเกตเห็นเหล่าสัตว์หางทั้งหลายที่นั่งล้อมวงกันอยู่รอบกองไฟ

     

     

    ทั้งหมดถ้ารวมเขาไปด้วยก็จะเป็น 12 หาง...

     

     

    หมาป่าเลิกคิ้วกับจำนวนผู้กล้าที่มากเกินคาด แต่ในหัวยังนึกวนเวียนกับเรื่องที่ตนข้องใจอยู่เมื่อครู่เล็กน้อย ดวงตาสีทองมองหาคู่กรณีอีกสองคน ซึ่งได้แก่วานรกับค้างคาวนั่นเอง

     

     

    “อ๊ะ! คุณหมาป่า มาแล้วเหรอคะ กำลังรออยู่เลยค่ะ”แกะตัวเดิมที่หันมาพบเขาพอดีกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะที่สัตว์หางทั้งหมดหันมามองเขาเป็นตาเดียว พลันดวงตาสีทองหันไปเห็นผู้ที่ตนตามหา เช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่หันมามองตนพอดี ดวงตาสีเขียวพฤกษาเบิกกว้างเล็กๆ ก่อนหันไปพูดบางอย่างกับเด็กสาวค้างคาวด้านข้างอย่างร้อนรน หมาป่าตัดสินใจไม่พูดอะไรก่อนตัดสินใจเดินไปนั่งข้างๆ วานรตัวดั่งกล่าว วงหน้าคมฉายแววตกใจนิดๆ อีกครั้ง แต่เขาเองก็ทำเป็นไม่สนใจอะไร

     

     

    “ไหนๆ ทุกคนก็มาครบกันแล้ว เรามาแนะนำตัวกันสักหน่อยดีไหมคะ”เสียงแจ้วๆ ของเด็กหญิงดังขึ้น หมาป่าเหลือบมองอย่างอดไม่ได้ จึงพบเด็กหญิงที่มีผมสีชมพูเข้มแสบตาแกละสองข้างยาวเกือบถึงพื้น แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า นั้นคือหู ไม่ใช่ผมของเธอแต่อย่างใด ในมือของเธอถือปืนไรเฟิลยาวไว้ อย่างไม่เหมาะกับวัย และหน้าตาที่ดูน่ารักเลยสักนิด ดวงตาแปลกประหลาดเจือสีทับทิมมองไปรอบๆ เพื่อหาหางแรกที่จะพูดก่อน

     

     

    “อ๊ะ! คุณหมาป่าที่เพิ่งมาก่อนเลยค่ะ”หมาป่าเลิกคิ้วนิดหน่อยเมื่อถูกบอกให้ทำเช่น นั้น ในใจนึกบ่นเด็กน้อยที่ทำอะไรให้ยุ่งยากน่าราญ แต่เมื่อทุกสายตามองมาก็ดูเหมือนว่าจะต้องทำตามที่กระต่ายนั่นบอกแบบช่วยไม่ ได้

     

     

    “ชั้นเป็นหมาป่า ชื่อน่ะ ไม่ต้องรู้มันหรอก ส่วนอาวุธก็คือดาบ แค่นี้ล่ะ”เจ้าของขนสีครามตัดกล่าวบทที่ทั้งสั้นทั้งห้วน เรียกเสียงแย้งโวยวายจากกระต่ายต้นเรื่องได้อย่างดี

     

     

    “อ่ะ..เอ๋ ไม่บอกชื่อได้ยังไงกันล่ะค่ะ! แล้วของที่ชอบหรือว่า...”

     

     

    “ชั้นเป็นสัตว์กินเนื้อ...ใครซักไซ้ ชั้นจะจับกินเป็นอาหารเย็น!” คำพูดฟังดูชวนสะดุ้งนอกจากนั้นมันก็ยังฟังดูขู่เข็นในประโยคเสียจริง กระต่ายน้อยได้แต่เลือกที่จะหดหัวไม่ถามอะไรต่ออีก

     

     

    “อ..อ่า ต่อไปคุณไบสันค่ะ”

     

     

    “โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงคำรามดังขึ้นยาวๆ แน่นอน...แทบจะไม่มีใครฟังออก…กระต่ายไม่พูดแล้วอะไรก่อนจะตัดบทเสียเอง

     

     

    “เออ..คุณกิ้งก่าค่ะ”กิ้งก่าใช้ดวงตราเหลือบมองกระต่ายหน้าตาน่ารักนั่น นิดๆ ในดวงตานั้นดูเหมือนจะฉายแววรำคาญบวกกับหน่ายหน่ายใจไว้กระมัง กระต่ายที่คาดหวังบทแนะนำตัวที่ยาวๆ และเป็นมิตรเหมือนโรงเรียนอนุบาลมองกลับตาเป็นมัน กิ้งก่าจึงกล่าวออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

     

     

    “ก็อย่างที่เห็น ชั้นเป็นกิ้งก่า แล้วก็ใช้ธนู..แค่นั้น...”

     

     

    “อ๊ะ! อะไรกั...”

     

     

    “ต่อไป!”สัตว์กินเนื้อตัวเดียวในกลุ่มกล่าวตัดบทอย่างนึกรำคาญเมื่อเห็น กระต่ายมากเรื่องทำตัวเรื่องมาก ดวงหน้าน่ารักของเด็กน้อยตอนนี้ยู่เข้าหากันอย่างไม่พอใจนัก ดวงตาเจือสีทับทิมจ้องมองหมาป่าแกล้งเด็กอย่างคาดโทษ เพนกวินซึ่งคือตัวต่อไปก็กล่าวแนะนำตัวออกมาบ้าง

     

     

    “อั๊วเป็นเพนกวินนะ ชอบกินปลา...”

     

     

    “ไม่มีประโยชน์!! ต่อไป!”

     

     

    ช่างเป็นการแนะนำตัวที่รวดเร็วอย่างน่าใจหาย ดูเหมือนการชอบกินปลาของเพนกวินจะไร้ประโยชน์ในสายตาของสัตว์กินเนื้อเอา เสียมาก หมาป่าไม่สนใจสายตาของกระต่ายที่มองมาแบบไม่ปลื้มสุดๆ เมื่อจะได้การแนะนำตัวที่เจ้าหล่อนอยากได้หมาป่าก็ขัดเสียแล้ว

     

     

    “ข้าคือแพนด้า ข้าใช้หมัดมวยเป็นอาวุธ...”แพนด้ายืนขึ้นกล่าวพลางโค้งตัวคำนับครั้งหนึ่ง และกลับลงไปนั่งเหมือนเดิม ไม่ต้องรอให้พูดคำว่าต่อไป กระต่ายถึงเวลาต้องแนะนำตัวก็ผุดลุกขึ้นมาแจกยิ้มพอดีแบบไม่ต้องบอกทันที

     

     

    “ชั้นเป็นกระต่ายค่ะ สามารถผสมยาได้ แล้วก็ชอบกินแครอนม...”

     

     

    “ต่อไป แมว!”หมาป่าตัดบทไม่สนใจที่กระต่ายจะพูดต่อสักนิด แมวสีน้ำตาลที่เหมือนจะหลับอยู่สะดุ้งตื่น หมาป่าหรี่ตามองน้อยๆ

     

     

    “ห๊ะ...อะไรกันเหรอ...”แมวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงง่วงเงีย ก่อนที่หมาป่าจะตอบด้วยน้ำเสียขู่เข็นเช่นเดิม

     

     

    “แนะนำตัว...”

     

     

    “อ๋อ...ชั้นเป็นแมวนะ ราตรีสวัสดิ์..”สิ้นคำพูดราตรีสวัสดิ์แมวที่ว่าก็จมสู่ห้วงนิทราไปอีกเสีย แล้ว กระต่ายที่โดนตัดบทเมื่อครู่ได้แต่นั่งตาแดงอย่างน่าสงสาร หมาป่ายิ้มนิดๆ ก่อนจะกล่าวออกมาว่า

     

     

    “ดีมาก ต่อไป..”ถามจริงเถอะ ที่ว่าดีมากเนี่ย เพราะกระต่ายร้องไห้หรือเพราะแมวแนะนำตัวสั้นดีกันแน่หว่า

     

     

    “ชั้นเป็นปลาวาฬนะ ถ้ามีของกินล่ะก็ เอามาให้ชั้นได้ทุกเมื่อเลย...”

     

     

    “ต่อไป!”

     

     

    การแนะนำตัวอย่างสั้นๆ ดำเนินต่อไปจนกระทั้งเกือบถึงหางสุดท้าย...

     

     

    “ชั้น..เป็นค้างคาวนะจ้ะ...แค่นั้นล่ะ”เด็กสาวกล่าวพลางโปรยยิ้มพิมพ์ใจ ครั้งหนึ่ง อย่างพอเป็นพิธีฟังดูไม่ว่ายังไงก็ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นคำแนะนำตัวแสนสั้น ที่หมาป่าน่าจะพอใจแต่ทว่า...

     

     

    “เดี๋ยว...”คำเอ่ยห้ามที่ทำเอาทุกหางหันมามองเป็นตาเดียว เพราะทุกครั้งคุณท่านมักจะเป็นฝ่ายตัดบทมิใช่ฝ่ายรั้งไม่ใช่หรือ อีกทั้งคำแนะนำตัวที่คุณท่านให้แนะนำมันก็ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องแนะนำ ด้วยซ้ำเพราะก็เห็นๆ ก็อยู่ว่าใครเป็นตัวอะไร

     

     

    “เธอทำอะไรได้เหรอ?”เหมือนว่าหมาป่าสัตว์กินเนื้อจะเป็นพวกเอาแต่ใจตัว เองสุดๆ ถ้าเกิดคิดตามความคิดของปุถุชนปกติอาจจะคิดว่าหมาป่านั้นไซร้ชอบค้างคาวเสีย แล้ว...แต่จริงๆ แล้วก็แค่เพราะเรื่องเมื่อตอนกลางวันต่างหากที่หมาป่าสงสัยนักสงสัยหนา

     

     

    “อ๋อ..ชั้นเหรอ..”ค้างคาวเอียงคอเล็กน้อยอย่างพองามและทำท่าคิดไปสักพัก

     

     

    “ก็..เป็นนักเวทแห่งความฝันจ้ะ...แล้วก็...สาปหนุ่มๆ ให้เป็นทาสของชั้นได้ด้วยนะ♥”หมาป่าทำหน้าเจื่อนๆ เสียงของวานรที่นั่งติดกันลอยลมอย่างน่าขำจนค้างคาวต้องศอกสักเปรี๊ยง

     

     

    “ยัยหลงตัวเอง...อุ๊ก!”

     

     

    “หุบปากไปเลยย่ะ!”ค้างคาวกล่าวพลางสะบัดหน้างามๆ ของเจ้าหล่อนหนีไปอย่างเคืองนิดๆ  ต่อมาก็ถึงลิงที่เป็นหางสุดท้ายจนได้นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหางที่หมาป่า สงสัย...

     

     

    “แล้วแกล่ะ?”เสียงของหมาป่าถาม ดวงตาสีทองมองเจ้าลิงใกล้ตัวที่มัวแต่จุกกับศอกเย็บรุนแรงเมื่อครู่อยู่ วานรสะดุ้งเล็กๆ พลางทำหน้าเล่อหลาขึ้นมาเสียดื้อๆ

     

     

    “อ..เออ..ชั้น..คือ...ชั้นเป็น....”

     

     

    “ลิง?”หมาป่าต่อให้เพราะดูเหมือนถ้าปล่อยให้ไอ้หมอนี่พูดมันจะยืดยาวไป กว่านี้ ดวงตาสีเขียวเบิ่กกว้างอีกนิดหนึ่งก่อนพยักหน้ารัวๆ เหมือนว่ากำลังตื่นเต้นอะไรสักอย่างเสียอย่างนั้น...

     

     

    มันเป็นอะไรของมัน...?

     

     

    “…”

     

     

    หยุดซะทีสิ!

     

     

    หัวใจในหน้าอกมันเต้นรัวเสียจนแทบจะทะลุออกมา ล่อเอาซะลิงหน้าหล่อนี่จะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ พลันเสียงของค้างคาวสาวที่นั่งด้านข้างก็ดังก้องอยู่ในหัวราวกับจะเตือนสติ

     

     

    นายเป็นบ้าไปแล้วสินะ

     

     

    “แล้วนายทำอะไรได้?”

     

     

    “ก..ก็เรียกภูติได้”ตอนนี้ดูเหมือนจะทำได้แค่ตอบคำถามที่อีกฝ่ายต้องการ ออกมาก็เท่านั้น ดวงตาสีอะเมทิสต์ของค้างคาวที่นั่งข้างๆ มองอย่างอดสังเวชเล็กๆ ไม่ได้ เมื่อเห็นเพื่อนของตนกลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว

     

     

    “นอกจากนั้น....?”

     

     

    ดูเหมือนว่าสติของหางที่ถูกถามจากหลุดลอยไปไกลทุกที...

     

     

    “เอ...หุงข้าวได้...”

     

     

    “หืมม...”เจ้าของดวงตาสีทองประกายแวววับนั่นหรี่ลงนิดๆ กับคำตอบที่ไม่น่าพอใจสักเท่าใดนัก...

     

     

    “แล้วอย่างอื่น...”

     

     

    “ช..ชั้นทำอาหารเป็นนะ..”

     

     

    โอเค...หมดคำถาม...

     

     

    หมาป่าคอตกทำทันสำหรับคำตอบที่อาจจะฟังดูแฟมิลี่แมนไปสักหน่อย เขามั่นใจว่าเขาถามเรื่องต่อสู้ ไม่ใช่ว่า มันทำงานบ้านอะไรเป็นบ้างหรือเปล่า..

     

     

    พลันเสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นจากค้างคาวที่เมื่อครู่สังเวชเพื่อนตนเป็น อันมาก มือเพรียวบางของเจ้าหล่อนยกขึ้นปิดปากบังเสียงหัวเราะแบบพองาม แต่ก็ไม่รอดพ้นวานรเจ้าของคำตอบน่าหัวเราะที่หันขวับไปถามเกือบจะทันที

     

     

    “อะไรน่าหัวเราะ!”

     

     

    “ไม่มีซะหน่อยนะจ๊ะ...อุ๊บ!!!”ค้างคาวตอบด้วยรอยยิ้มแต่ไม่ทันไรเจ้าตัว ก็ต้องปิดปากตัวเองอีกรอบเพราะความขำ ทำเอาวานรนั้นขู่ฟ่ออย่างไม่พอใจนัก ภาพนั้นทำให้หมาป่าเลือกที่จะละสายตาและไม่สนใจทั้งสอง เจ้าของร่างที่ปกคลุมด้วยสีไพลินนั่นลุกขึ้นแล้วหันมาสนใจพวกที่เหลือแทน

     

     

    “เมื่อกี้เจ้าแพนด้าแดงบอกชั้นว่า พรุ่งนี้ท่านแม่ทัพโบลดาสจะทำการทดสอบพวกเราเหล่าผู้กล้า ชั้นแนะนำให้พวกนายรีบไปพักผ่อนสำหรับวันพรุ่งนี้ดีกว่า...”

     

     

    พูดจบเจ้าของขนสีฟ้าครามก็หมุนตัวหันหลังเดินออกจากกองไฟไป...

     

     

    “ข้าว่าเขาเหมาะสมจะเป็นผู้นำนะ”แพนด้าผู้ใช้หมัดมวยเอ่ยความคิดเห็นขึ้น ก่อนที่ดูเหมือนหลายๆ หางจะเริ่มพยักหน้าเห็นด้วยส่วนหนึ่ง แต่แน่นอนว่าต้องมีกระต่ายบางตัวที่ถูกรังแกเมื่อกี้ล่ะ ที่ไม่เห็นด้วย

     

     

    “ไม่ล่ะค่ะ ชั้นว่า เผด็จการชะมัดเลย~!!!”

     

     

    จบคำพูดนั้นแทบทุกหางก็หัวเราะครืนแทบจะพร้อมๆ กัน ทำเอากระต่ายทวินเทลหัวหมุนด้วยความสงสัย

     

     

    “ห..หัวเราะอะไรกันคะนั่น!!!”

     

     

    ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนั้นคงมีเพียงแต่วานรกับค้างคาวที่มองตามผู้ที่ เหมาะสมจะเป็นผู้นำนั้นเดินหายลับเข้าไปในกระโจมของตัวเอง แล้วตัดสินใจที่จะลุกและเลี่ยงออกมาจากกองไฟ…

     

     

    เจ้าของดวงตาสีเขียวพฤกษานั่นนั่งอยู่บนต้นไม้สูงพลางมองลงไปที่กระโจม ด้านล่าง แน่นอนว่าเจ้าตัวคงสนใจหางในกระโจมนั่นมากกว่าตัวกระโจมเป็นแน่

     

     

    “เฮ้อ..แย่จังเลยนะ ทั้งที่นิสัยแบบนี้แต่ดันอ่อนแอซะได้..”เสียงของค้างคาวลอยลมมาในความมืด บ่งบอกว่าเธออยู่ใกล้หูวานรที่กำลังทำหน้าเคร่งอยู่นั่นเอง ร่างของเจ้าหล่อนปรากฏออกมาจากความมืดอย่างเชื่องช้า ดวงตาสีสวยเหล่มองเจ้าของดูตาสีเขียวที่กระตุกยิ้มนิดๆ เมื่อเธอพูดเช่นนั้น

     

     

    “เพราะแบบนั้นถึงจะน่าปกป้องไม่ใช่เหรอ?”

     

     

    “ชั้นก็ว่าน่ารักดีนะ”เด็กสาวผมสีแดงกล่าวกับพลางหัวเราะคิกคักเบาๆ ในความมืดที่เงียบงันแล้วมองลงไปจุดเดียวกับที่วานรกำลังมองอยู่ โดยที่ผู้ที่ถูกมองมิอาจจะรู้ได้เลย...

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    .

     

     

    “เห็นว่าแผลของคุณหมาป่านี่ทะลุท้องเลยล่ะค่ะ หมอที่เมืองแสงนี่รักษาแบบไม่เหลือร่องรอยไว้แม้แต่นิดเดียวเลยค่ะ สุดยอดจริงๆ”เสียงของหมอผู้ใช้พลังเวทเยียวยากล่าวกับแพนด้าจอมยุทธ์ที่นั่ง อยู่ใกล้เคียงหลังจากที่หางอื่นเริ่มลุกกันไปบ้างแล้ว

     

     

    “เออ..ท่านแกะ..”หลังจากที่นั่งฟังมาสักพักแพนด้าก็เอ่ยขัดขึ้นมาด้วย สำเนียงจีนๆ เช่นเดิม..แกะที่กำลังจะร่ายถึงความยากในการรักษาแผลฉกรรจ์ให้ไม่เหลือร่อง รอยนั้นก็ต้องหยุดฟังแพนด้าไปเสียก่อน

     

     

    “หือ อะไรเหรอคะ..?”เด็กสาวเอ่ยถามอย่างสนใจก่อนที่แพนด้าจะกล่าวต่อไป

     

     

    “ถึงข้าจะอยู่เมืองแสงมาไม่นาน...แต่ว่า...ที่เมืองแสงเนี่ย...ไม่มีหมอหรอกนะ...”

     

     

    “เห!!!”

     

     

    -TBC-

     

     

    ต่อไปขอแนะนำเพื่อนพระเอกค่ะ

     

     

    Bat

    ค้างคาวแสนสวยและแสนซน ความงามที่ลึกลับพร้อมจะทำให้ผู้ชายทุกหางตกเป็นทาส!! สวย ใจดี เซ็กซี่ กินเลือด(?) นางสาวไทยคนต่อไปหรือเปล่าเนี่ย! เรื่องฝีมือยังคงเป็นความลับ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนจะรู้อะไรหลายๆ อย่างล่ะสิเนี่ย!!

     

     

    "ก็อุบเงียบไว้มันมีเสน่ห์มากกว่าไม่ใช่เหรอจ้ะ"

     

     

    ....

     

     

    ----------------


    น้ำท่วม...lllorz...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×