คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : หยดเลือดที่สาม
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้น กฤษตื่นขึ้นจากเสียงเครื่องยนต์อันดังกึกก้อง
ในซอยราษฎร์สงเคราะห์ เขาลงมาข้างล่างโดยไม่ได้ปลุกโซฟี เพราะอยากให้เธอพักผ่อนมากๆ กฤษรับประทานอาหารเช้าเสร็จโซฟีก็ลงมาจากชั้นบน เขารอจนเธอรับประทานอาหารเสร็จ หน้าตาของเด็กสาวดูหม่นหมอง แต่ไม่มีรอยน้ำตามากเท่าไร ตอนนี้ศพของพ่อและแม่ของโซฟีถูกนำมาทำพิธีกรรมทางศาสนาที่บ้าน การขนย้ายสิ่งของเริ่มเกิดขึ้น กฤษจึงพาโซฟีหลีกหนีความวุ่นวาย เขาพาโซฟีไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า มันเป็นการหลีกหนีความวุ่นวายภายในบ้านและความเศร้าโศกของโซฟีอย่างดีเยี่ยม เอสอาร์เป็นห้างสรรพสินค้าที่กว้างขวางมาก มีเสียงเพลงเบาๆฟังแล้วทำให้เคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลงนั้นได้ โซฟีถือตะกร้าใบหนึ่งไว้สำหรับใส่ของ
" เสียงดนตรีเพราะดีน่ะค่ะ " โซฟีหันหน้ามาหากฤษพลางหยิบขนมใส่ตะกร้า กฤษเหลือบดูนาฬิกา
" ถ้าคุณชอบเดี๋ยวค่อยมากันอีก " กฤษบอก " แต่ตอนนี้เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่า มันจะบ่ายโมงแล้ว "
โซฟีพยักหน้าเห็นด้วย เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินและกลับไปที่บ้าน ขณะนี้บ้านได้ถูกจัดแต่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาไปแล้ว กฤษกับโซฟีเดินเข้าไปในบ้าน กฤษสังเกตเห็นว่า พ่อกับนายตำรวจคนหนึ่งยืนคุยกันอยู่ เด็กหนุ่มคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องอุบัติเหตุเมื่อวานนี้แน่นอน แต่เขาไม่อยากจะเข้าไปขัดจังหวะ เพราะมันคงไม่ใช่กงการหรือธุระอะไรของเขาที่จะต้องไปสอดเรื่องของตำรวจ อีกทั้งยังทำให้ตำรวจทำงานอยากขึ้นอีกด้วย เด็กหนุ่มพาโซฟีเดินไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร ไม่นานพ่อกับแม่ของกฤษก็มานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากัน พวกเขารับประทานอาหารอย่างน่าเบื่อหน่าย พ่อของกฤษรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
" มันแปลกจริงๆน่ะเนี้ย เรื่องนี้น่ะ " พ่อพูดออกมาอย่างน่าเบื่อหน่าย
" เรื่องอะไรหรือครับที่แปลก " กฤษถามขึ้นเมื่อได้ยินพ่อพูด
" ก็ไอ้เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้น่ะแหละ " พ่อพูด " พ่อคุยกับตำรวจที่มารายงานข่าวกับพ่อเมื่อครู่น่ะ เขาบอกพ่อว่า ทีมพิสูจน์หลักฐาน พบหยดเลือดที่เบาะหลังคนขับ มันมีอยู่แค่หยดเดียวเท่านั้น แล้วที่บอกว่ามันแปลกไม่ใช่อะไรนอกจากหยดเลือดที่พบตรงเบาะหลังคนขับ ไม่ตรงกับเลือดของผู้ตายทั้งสองคนเลย "
" ใช่ครับมันแปลกจริงๆ " กฤษพูดด้วยความคิดที่ใคร่ควร " คดีนี้มันเริ่มไม่ค่อยธรรมดาอย่างที่เราคิดแล้วล่ะครับ "
" ไม่ธรรมดา " พ่อย้ำคำพูดของกฤษ " มันหมายความว่ายังไงรึ ? "
" ไม่สงสัยบ้างหรือครับ ทั้งกล่องที่มีค้างคาวอยู่ แผ่นพับที่มีอยู่เพียงใบเดียวในรถ แล้วหยดเลือดหยดเดียวที่ไม่ตรงกับผู้ตายทั้งสองคน ยังไม่คิดจะสงสัยอีกหรือครับ ผมว่ามันต้องมีอะไรนอกเหนือจากอุบัติเหตุนี้แน่ๆ " กฤษพูด
" มันไม่ธรรมดา " พ่อพูดออกมา " ลูกกำลังจะบอกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มันเป็น "
" ผมไม่ได้บอกอย่างนั้น " กฤษแทรกขึ้น " บางทีอาจจะเป็นอุบัติเหตุจริงๆก็ได้ ถ้าจะให้คิดก็คือ พ่อกับแม่ของโซฟีไปที่ลอนดอน ตอนกลับพวกเขาแวะซื้อค้างคาวมาเลี้ยง บังเอิญคนขายอาจเลือดฝอยจมูกแตกพอดี จึงทำให้ตอนที่นำกล่องค้างคาวไปไว้หลังคนขับ เลือดไหลออกมาจากจมูก แล้วหยดลงบนเบาะ พอขับรถมาเรื่อยๆ ก็เกิดฝนตก จนเกิดอุบัติเหตุยังไงครับ " กฤษอธิบายให้ทุกคนในโต๊ะอาหารฟัง
" แล้วเรื่องแผ่นพับนั้นก็คือแผ่นพันตอนที่พวกเขาไปเที่ยวกันใช่มั้ย ? " พ่อถามกฤษ
" ครับ มันคงจะเป็นเช่นนั้น " กฤษตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจเอาเสียเลย
ตอนนี้ญาติพี่น้องของกฤษก็กำลังมาช่วยกันจัดงาน มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งมาหาทั้งสี่ที่โต๊ะกินข้าว ดูท่าทางรีบร้อน
" ขอโทษน่ะที่ขัดจังหวะ " หญิงวัยกลางคนพูดอย่างกระหือกระหอบ " มีโทรศัพท์มาหาเธอ อานนท์ "
พ่อของกฤษรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ที่กำลังรอสายเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน " สวัสดีครับ " พ่อพูด " ผมสารวัตรอานนท์ครับ มีอะไรให้ช่วยหรือครับ ? "
" สวัสดีครับ " คนในสายทักทายบ้าง " ผมชื่อพงศ์พันธ์ เป็นทนายความของนายโจเซฟ "
" ครับ ทำไมหรือครับ ? "
" ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้ทำพินัยกรรมไว้ฉบับหนึ่ง ซึ่งคืนนี้ผมจะไปที่บ้านของคุณ เพื่ออ่านพินัยกรรม ผมทราบว่าบุตรสาวของนายโจเซฟอยู่ที่นั้น "
" ได้ครับ แล้วเจอกันคืนนี้ครับ สวัสดีครับ " พ่อของกฤษวางหู เขาหยุดสักพักหนึ่ง แล้วเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร ทุกคนยังตั้งหน้าตั้งตารอพ่ออยู่ เพียงแค่หวังว่าจะมีแสงสว่างช่วยทำให้คดีนี้กระจ่างขึ้น
" เป็นอย่างไรบ้างค่ะ คุณลุง " โซฟีถามด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
" ทุกคนฟังให้ดีน่ะ " พ่อพูด " คืนนี้ทนายความจะมาหาเราเพื่อเปิดเผยพินัยกรรมของพ่อเธอ โซฟี เขาไม่ได้พูดอะไรมากหรอก เอาไว้เจอกับเขา แล้วค่อยถามเขาก็ได้น่ะ เออ อีกอย่างหนึ่ง เขาชื่อ พงศ์พันธ์ "
" เสียงดนตรีเพราะดีน่ะค่ะ " โซฟีหันหน้ามาหากฤษพลางหยิบขนมใส่ตะกร้า กฤษเหลือบดูนาฬิกา
" ถ้าคุณชอบเดี๋ยวค่อยมากันอีก " กฤษบอก " แต่ตอนนี้เรากลับบ้านกันก่อนดีกว่า มันจะบ่ายโมงแล้ว "
โซฟีพยักหน้าเห็นด้วย เธอเดินไปที่เคาน์เตอร์จ่ายเงินและกลับไปที่บ้าน ขณะนี้บ้านได้ถูกจัดแต่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาไปแล้ว กฤษกับโซฟีเดินเข้าไปในบ้าน กฤษสังเกตเห็นว่า พ่อกับนายตำรวจคนหนึ่งยืนคุยกันอยู่ เด็กหนุ่มคิดว่ามันต้องเป็นเรื่องอุบัติเหตุเมื่อวานนี้แน่นอน แต่เขาไม่อยากจะเข้าไปขัดจังหวะ เพราะมันคงไม่ใช่กงการหรือธุระอะไรของเขาที่จะต้องไปสอดเรื่องของตำรวจ อีกทั้งยังทำให้ตำรวจทำงานอยากขึ้นอีกด้วย เด็กหนุ่มพาโซฟีเดินไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร ไม่นานพ่อกับแม่ของกฤษก็มานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากัน พวกเขารับประทานอาหารอย่างน่าเบื่อหน่าย พ่อของกฤษรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
" มันแปลกจริงๆน่ะเนี้ย เรื่องนี้น่ะ " พ่อพูดออกมาอย่างน่าเบื่อหน่าย
" เรื่องอะไรหรือครับที่แปลก " กฤษถามขึ้นเมื่อได้ยินพ่อพูด
" ก็ไอ้เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้น่ะแหละ " พ่อพูด " พ่อคุยกับตำรวจที่มารายงานข่าวกับพ่อเมื่อครู่น่ะ เขาบอกพ่อว่า ทีมพิสูจน์หลักฐาน พบหยดเลือดที่เบาะหลังคนขับ มันมีอยู่แค่หยดเดียวเท่านั้น แล้วที่บอกว่ามันแปลกไม่ใช่อะไรนอกจากหยดเลือดที่พบตรงเบาะหลังคนขับ ไม่ตรงกับเลือดของผู้ตายทั้งสองคนเลย "
" ใช่ครับมันแปลกจริงๆ " กฤษพูดด้วยความคิดที่ใคร่ควร " คดีนี้มันเริ่มไม่ค่อยธรรมดาอย่างที่เราคิดแล้วล่ะครับ "
" ไม่ธรรมดา " พ่อย้ำคำพูดของกฤษ " มันหมายความว่ายังไงรึ ? "
" ไม่สงสัยบ้างหรือครับ ทั้งกล่องที่มีค้างคาวอยู่ แผ่นพับที่มีอยู่เพียงใบเดียวในรถ แล้วหยดเลือดหยดเดียวที่ไม่ตรงกับผู้ตายทั้งสองคน ยังไม่คิดจะสงสัยอีกหรือครับ ผมว่ามันต้องมีอะไรนอกเหนือจากอุบัติเหตุนี้แน่ๆ " กฤษพูด
" มันไม่ธรรมดา " พ่อพูดออกมา " ลูกกำลังจะบอกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มันเป็น "
" ผมไม่ได้บอกอย่างนั้น " กฤษแทรกขึ้น " บางทีอาจจะเป็นอุบัติเหตุจริงๆก็ได้ ถ้าจะให้คิดก็คือ พ่อกับแม่ของโซฟีไปที่ลอนดอน ตอนกลับพวกเขาแวะซื้อค้างคาวมาเลี้ยง บังเอิญคนขายอาจเลือดฝอยจมูกแตกพอดี จึงทำให้ตอนที่นำกล่องค้างคาวไปไว้หลังคนขับ เลือดไหลออกมาจากจมูก แล้วหยดลงบนเบาะ พอขับรถมาเรื่อยๆ ก็เกิดฝนตก จนเกิดอุบัติเหตุยังไงครับ " กฤษอธิบายให้ทุกคนในโต๊ะอาหารฟัง
" แล้วเรื่องแผ่นพับนั้นก็คือแผ่นพันตอนที่พวกเขาไปเที่ยวกันใช่มั้ย ? " พ่อถามกฤษ
" ครับ มันคงจะเป็นเช่นนั้น " กฤษตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจเอาเสียเลย
ตอนนี้ญาติพี่น้องของกฤษก็กำลังมาช่วยกันจัดงาน มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งวิ่งมาหาทั้งสี่ที่โต๊ะกินข้าว ดูท่าทางรีบร้อน
" ขอโทษน่ะที่ขัดจังหวะ " หญิงวัยกลางคนพูดอย่างกระหือกระหอบ " มีโทรศัพท์มาหาเธอ อานนท์ "
พ่อของกฤษรีบวิ่งไปรับโทรศัพท์ที่กำลังรอสายเขาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน " สวัสดีครับ " พ่อพูด " ผมสารวัตรอานนท์ครับ มีอะไรให้ช่วยหรือครับ ? "
" สวัสดีครับ " คนในสายทักทายบ้าง " ผมชื่อพงศ์พันธ์ เป็นทนายความของนายโจเซฟ "
" ครับ ทำไมหรือครับ ? "
" ก่อนที่เขาจะตาย เขาได้ทำพินัยกรรมไว้ฉบับหนึ่ง ซึ่งคืนนี้ผมจะไปที่บ้านของคุณ เพื่ออ่านพินัยกรรม ผมทราบว่าบุตรสาวของนายโจเซฟอยู่ที่นั้น "
" ได้ครับ แล้วเจอกันคืนนี้ครับ สวัสดีครับ " พ่อของกฤษวางหู เขาหยุดสักพักหนึ่ง แล้วเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร ทุกคนยังตั้งหน้าตั้งตารอพ่ออยู่ เพียงแค่หวังว่าจะมีแสงสว่างช่วยทำให้คดีนี้กระจ่างขึ้น
" เป็นอย่างไรบ้างค่ะ คุณลุง " โซฟีถามด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
" ทุกคนฟังให้ดีน่ะ " พ่อพูด " คืนนี้ทนายความจะมาหาเราเพื่อเปิดเผยพินัยกรรมของพ่อเธอ โซฟี เขาไม่ได้พูดอะไรมากหรอก เอาไว้เจอกับเขา แล้วค่อยถามเขาก็ได้น่ะ เออ อีกอย่างหนึ่ง เขาชื่อ พงศ์พันธ์ "
ความคิดเห็น