ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กำเนิดใหม่อัจฉริยะยอดนักสืบ ภาค1

    ลำดับตอนที่ #2 : โศกอนาฎกรรม

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 49


    มันเป็นการนอนหลับแบบมาราธอนเอามากๆ เพราะทั้งกฤษและโซฟีต่างตื่นสายกันทั้งคู่ กฤษลืมตาปริบๆแล้วปลุกให้โซฟีตื่นขึ้น ทั้งสองรีบลงมาชั้นล่างเมื่อดูนาฬิกาว่าสายแล้ว สารวัตรอานนท์และคุณนายกรรณพรรณ์กำลังดูโทรทัศน์กันอยู่ เสียงเชียร์ของผู้คนที่กำลังเชียร์ฟุตบอลระหว่างแมนเชลเตอร์ยูไนเตส กับ ลิเวอร์พูลดังออกมาจากจอโทรทัศน์ อะไรจะเกิดขึ้นกฤษก็ไม่ได้มีความสนใจมันเลย เขาปล่อยให้โซฟีทำภารกิจส่วนตัวของเธอให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงเป็นทีของเขา ทั้งสองแต่งตัวแล้วไปที่โต๊ะอาหาร มีข้าวต้มวางไว้สองที่ ซึ่งอีกสองที่ถูกเก็บไปแล้ว กฤษกับโซฟีจัดการกับมื้อเช้าอย่างรวดเร็วแล้วทั้งสองจึงสนทนากันเรื่องต่างๆ
    " เออ ฉันอยากรู้จริงๆเลยว่าบรรยากาศที่อังกฤษเป็นอย่างไรบ้าง " กฤษพูดขึ้น " ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิ " กฤษขยั้นขยอโซฟีให้เล่าเรื่องเกี่ยวกับตอนที่เธออยู่ในอังกฤษให้ฟัง
    " ก็ได้ ฉันอยู่ที่อังกฤษเป็นเวลาสิบสองปี " เธอเริ่ม " นับตั้งแต่ฉันเกิด มันเป็นที่ ที่อบอุ่นดีเหมือนกันน่ะ บ้านที่ฉันอยู่ไม่ค่อยใหญ่โตเท่าไรนัก ถึงแม้ว่าฉันกับพ่อแม่จะมีคฤหาสน์ที่ใหญ่โต แต่พ่อชอบใช้ชีวิตแบบธรรมดา ไม่หรูหราอะไรมากมายนัก พ่อจึงย้ายมาอยู่ข้างนอก มันตั้งอยู่ที่ถนนเบเกอร์ " เธอหยุดไปครู่หนึ่ง " นายรู้มั้ยว่าบ้านที่ฉันอยู่มันไม่ได้สงบอย่างที่คิด เพราะที่ข้างๆมันเป็นบ้านที่โด่งดังเอามากๆ ในนิยายนักสืบ รู้มั้ยว่ามันคือบ้านเลขที่อะไร ? มันคือบ้านเลขที่…"
    " 221B ถนนเบเกอร์ ที่อยู่ของเชอร์ล็อก โฮล์มส์กับหมอวัตสัน นักสืบอันหนึ่งของโลก "
    กฤษพูดแทรกขึ้นเมื่อโซฟีกำลังจะเอ่ยบอก
    " นายรู้อีกแล้วหรือนี้ " โซฟีพูดอย่างไม่สบอารมณ์ " ถามจริงเถอะนายไม่รู้อะไรในโลกนี้บ้างน่ะ "
    " แหม ฉันขอโทษ " กฤษขอโทษโซฟี " มีอีกตั้งนับไม่ถ้วนที่ฉันยังไม่รู้จักมัน "
    " แต่นายรู้จักเชอร์ล็อก โฮล์มส์ " โซฟีแย้งขึ้น
    " ใช่ ฉันรู้จักเชอร์ล็อก โฮล์มส์ " กฤษพูด " ฉันชอบนักสืบคนนี้มากที่สุดเลยล่ะ และฉันก็ได้นำกระบวนการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ รวมไปถึงการสังเกตและการอนุมานอย่างยอดเยื่ยมของยอดนักสืบผู้นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ อย่างเช่นเมื่อวานนี้ ที่ฉันรู้ว่าพ่อแม่ของเธอไปอังกฤษ ฉันก็ใช้วิธีการที่ฉันพูดมาเมื่อครู่นี้ทั้งนั้นแหละ " กฤษพูดด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเห็นโซฟีตื่นเต้นอีกครั้ง เด็กหนุ่มบิดขี้เกียจเล็กน้อย ตาของเขาไปสะดุดกับหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ที่วางอยู่ข้างๆโต๊ะตัวที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่
    " เอ๊ะ นี้มันหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้นี่ " กฤษพูดพลางหยิบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นขึ้นอ่าน เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา เด็กหนุ่มก็อุทานออกมาด้วยความตกใจและไม่อยากเชื่อสายตา " โอ้ พระเจ้าช่วย นี้มันอะไรกันนี้ "
    " อะไรหรือค่ะ กฤษ " โซฟีถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่กฤษอุทานออกมาฟังดูไม่ดีนัก
    " เออ ฉันคิดว่าเธอไม่ควรจะรู้น่ะ " กฤษพูด
    " ทำไมล่ะค่ะ ? " โซฟีถาม " บอกฉันเถอะ กฤษ "
    " เธอต้องทำใจให้ดีๆน่ะ เพราะจะกระทบกระเทือนจิตใจของเธอมากเลยดีเดียว "
    " ค่ะ เล่ามาสิค่ะ " โซฟีตอบรับ
    " คือว่า … คุณพ่อกับคุณแม่ของเธอ…เออ เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ "กฤษพูดด้วยน้ำเสียงที่โศกเศร้าและแผ่วเบา
    ทีนี้โซฟีเข้าใจแล้วว่าทำไมกฤษถึงได้บอกให้เธอทำใจไว้ให้ดี สิ่งต่างๆเมื่อครู่ที่เธอได้ยินมา มันกระทบกระเทือนจิตใจของเธอเอามากๆ น้ำอุ่นๆใสๆกำลังไหลรินลงมาจากตาของเธอ ความโศกและความเงียบเข้าครอบคลุมบริเวณที่ทั้งคู่นั้งอยู่อย่างน่าตกใจ มีเสียงสะอื้นแผ่วเบาออกมาจากลำคอของโซฟี
    ข้าพเจ้าขออภัยที่ขัดจังหวะ แต่เพื่อให้ทุกท่านได้ทราบถึงบทความในหนังสือพิมพ์จึงจำเป็นต้องนำบทความในหน้าหนังสือพิมพ์มาให้สาธารณชนทั้งหลายได้รับรู้ เพระมันเป็นส่วนสำคัญที่อาจทำให้ทุกคนไม่อาจเข้าใจได้ ถ้าไม่มีมัน ใจความสำคัญมีอยู่ว่า
    ตอนกลางคืนของวันที่ 30 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 05.45 น.
    มีผู้แจ้งความกับสถานีตำรวจเขาค้อ ว่ามีการเกิดอุบัติเหตุขึ้นที่บริเวณ ไหล่เขา
    ถนนสาย พิษณุโลก – หล่มสัก ผู้ที่อยู่ในรถเสียชีวิตทั้งหมด ตำรวจตรวจทราบ
    ชื่อผู้เสียชีวิตได้แก่ นายโจเซฟ ฟอร์ดแมน และ นางกฤติญา ฟอร์ดแมน
    อุบัติเหตุครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่า อาจเกิดจากฝนที่ตกหนัก
    จนมองไม่เห็นทาง ทำให้เกิดขับรถผิดทาง แลัวหักหลบรถที่กำลังแล่นมา
    ทำให้รถพุ่งตนลงไหล่เขา ไม่ว่าจะอย่างไรทั้งตำรวจและผู้สื่อข่าวจะติดตาม
    และจะนำมารายงานเป็นระยะ
    นี้คือใจความสำคัญของเหตุการณ์ทั้งหมด ที่ข้าพเจ้าได้รวบรวมมาและนำมาเผยแพร่แก่สาธารณะชนและท่านผู้อ่านทั้งหลายได้รับรู้กัน ข้าพเจ้าจะขอนำท่านเข้าสู่เหตุการณ์ต่อไป
    " เออ..โซฟี " พ่อของกฤษพูดขึ้น " ลุงเสียใจด้วยน่ะ เรื่องของพ่อหนู " เขาพูดพลางโอบโซฟีไว้ให้อ้อมกอด " เดี๋ยวลุงจะไปที่เกิดเหตุสักหน่อย เผื่อมีอะไรเพิ่มเติมบ้าง อยู่กับป้าน่ะโซฟี "
    " พ่อครับ " กฤษพูด " ขอผมไปด้วยคนได้หรือเปล่าครับ "
    " ไม่ได้ เธอต้องอยู่ที่นี่ " พ่อพูดเสียงเข้ม
    " ผมขอยืนยันครับว่าจะไปด้วย " กฤษพูดอย่างยืนหยัดว่าจะต้องไปให้ได้
    หลังจากพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งสารวัตรก็อานนท์ก็ตัดสินใจพูดออกมา " ก็ได้ แต่อย่าสร้างความวุ่นวาย ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจน่ะ เข้าใจ "
    " ครับ โซฟีจะไปด้วยกันมั้ย "
    " ไม่ได้ เธอไม่ควรเห็นภาพอย่างนั้น " สารวัตรพูดพร้อมเดินไปที่รถกับกฤษ แล้วขับรถออกไป
    ทางหลวงมิตรภาพ พิษณุโลก – หล่มสัก ตัดผ่านตั้งแต่อำเภอหล่มสัก อำเภอเขาคล้อ จนถึงพิษณุโลก มันเป็นทางที่ค่อนข้างคดเคี้ยวและลาดชัน ทั้งสองพ่อลูก เมื่อไปถึงที่เกิดก็สามารถเห็นรถที่ตกลงไปได้ เหมือนในข่าวบอกไม่มีผิดเพี้ยน ตำรวจทีมพิสูจน์หลักฐานมากันอย่างหนาแน่น กฤษและพ่อเดินลงไหล่เขาไปที่เกิดเหตุอย่างระมัดระวัง รถที่ตกไหล่เขานั้น ทั้งคันยุบเข้าหากันราวกับกระป๋องที่ถูกทุบด้วยค้อนเป็นแน่แท้
    " เอาศพออกจากรถแล้วใช่มั้ย " สารวัตรอานนท์ถามเจ้าหน้าที่ทีมพิสูจน์หลักฐานนายหนึ่งที่เดินมาหา
    " เปล่าครับ เราต้องขอโทษด้วย คือ ต้องรอให้ทีมกู้ภัยมาก่อนครับ " เจ้าหน้าที่นานนั้นบอกสารวัตร กฤษไม่ได้สนใจในบทสนทาของทั้งคู่เรื่องทีมกู้ภัย แต่เข้ามุ่งความสนใจไปที่รถยนต์คันที่เกิดเหตุ มันมีเสียงดังแผ่วเบาออกมาจากรถส่วนใดส่วนหนึ่ง กฤษมองเข้าไป มันดังมาจากกล่องที่อยู่ทางด้านหลังคนขับ กฤษรวบรวมความกล้าแล้วตัดสินใจเปิดมันออก ความโล่งอกก็เกิดขึ้น ในนั้นมีค้างคาวอยู่สองตัว กำลังนอนขดหลบแสงอาทิตย์อยู่ เขาสำรวจไปรอบๆรถ จนไปถึงบริเวณที่นั่งคนขับ เขาพบแผ่นพับแผ่นหนึ่งซึ่งมีเพียงแผ่นเดียวในรถ เด็กหนุ่มดึงมันออกมาด้วยผ้าสีขาว มันเป็นแผ่นพับ เชิญชวนเที่ยวถ้ำหินย้อยที่จังหวัดกาญจนบุรี เขากำลังจะเปิดอ่านแต่มีคนขัดขึ้น
    " เฮ้ ไอ้หนูอย่าแตะต้องของในรถนั่นน่ะ " ตำรวจทีมพิสูจน์หลักฐานนายหนึ่งร้องเตือนด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจกับการกระทำของกฤษเอามากๆ
    " บอกแล้วไง ว่าอย่าสร้างความวุ่นวาย " สารวัตรตะโกนบอกขณะอยู่ไกลประมาณสิบหลา แต่ฟังจากน้ำเสียงเหมือนจะเป็นเสียงที่เสแสร้งมากกว่า
    " ผมพบอะไรบางอย่างในรถน่ะครับ " กฤษตะโกนบอกพ่อและตำรวจทุกคน ทั้งกลุ่มหันมามองเขา และเข้าประชิดตัวทันที พ่อของกฤษเดินไปหาเขาเป็นคนแรก
    " เอามันออกมาแล้วใส่มันไว้ในถุง " สารวัตรสั่งตำรวจนายหนึ่งที่อยู่ด้านหลังของเขา
    " ผมขออนุญาตวัดขนาดของกล้องหน่อยได้หรือเปล่าครับ " กฤษถามขึ้น
    " เอาสิ แต่อย่าทำให้มันเกิดรอยน่ะ " สารวัตรบอก ทั้งที่ตำรวจสองนายที่อยู่ด้านหลังดูท่าจะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดหัวหน้าของเขาสักคน กฤษใช้ตลับเมตรที่ยืมมาจากตำรวจทีมพิสูจน์หลักฐานนายหนึ่ง เด็กหนุ่มตรวจวัดขนาดความยาว ความกว้าง และความสูงของกล่อง แล้วจดอะไรบางอย่างลงในสมุดเล่มเล็กของตัวเอง
    " ผมขอเดินดูรอบๆอีกครั้งก่อนดีกว่า " กฤษบอกทุกคนหลังจากจดอะไรบางอย่างเสร็จ โดยที่ไม่ฟังคำตอบจากใคร เขาเดินไปรอบๆตัวรถ เขาหยุดอยู่ตรงที่นั่นคนขับอีกที เขาใช้มือแตะที่
    เบาะของรถจาก นั้นจึงกดปุ่มเลื่อนกระจก มันยังใช้การได้อยู่ มันเลื่อนลงแค่นิดหน่อยแล้วก็หยุด ทันใดนั้นนายตำรวจนายหนึ่งก็เดินมาบอกให้เลิกทำโดยไม่ไว้หน้าของสารวัตร
    " พอได้แล้วพ่อเธอกำลังจะไปแล้ว " ตำรวจนายนั้นบอกอย่างเย็นชา
    กฤษเดินไปที่รถ เข้ายื่นหัวเข้าไปทางหน้าต่างของรถด้านขนขับ " เราอยู่ต่อจนถึง ตอนเย็นไม่ได้หรือครับ "
    " ทำไมรึ ? " สารวัตรถามด้วยความสงสัย
    " ผมอยากดูฝูงค้างคาว ไม่ใช่สิ มันอาจไม่เป็นฝูง แต่เป็นกลุ่มเล็กเท่านั้น " กฤษตอบ
    " ที่นี่ไม่มีค้างคาวหรอก กลับบ้านกันเถอะ " พ่อเริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมา
    " ผมขอเอาเงินค่าใช้จ่ายที่หอพักเป็นเดิมพันครับ " กฤษพูดอย่างท้าทาย
    สารวัตรไม่พูดอะไรอีก แต่พยักหน้าตอบตกลง เขากับกฤษออกไปทานมื้อเที่ยงกัน จากนั้นไปที่สถานีตำรวจเขาค้อ เพื่อคุยถึงรูปความของการเกิดอุบัติเหตุ พ่อของกฤษใช้เวลาคุยอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณสองชั่วโมงด้วยกัน สารวัตรเดินออกมาจากห้องของนายดาบที่คุยด้วย เขาดูเวลา
    " โอ้ หกโมงแล้วหรือนี่ " สารวัตรอุทานออกมา " ไหนล่ะค้างคาวที่ลูกว่า ? "
    " ต้องไปที่เกิดเหตุรถตกไหล่เขาก่อนสิครับ " กฤษตอบ
    ทั้งสองนั่งรถมาที่สถานที่เกิดเหตุอีกครั้ง ศพถูกทีมกู้ภัยเอาออกไปแล้ว บรรยากาศของตอนนี้ท้อง-ฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว เหลือเพียงตำรวจบางนายที่ยังไม่กลับกัน
    " 5…4…3…2….1 " กฤษนับถอยหลัง
    ทันใดนั้นฝูงค้างคาวก็บินออกมาจากที่ทึบฝังตรงข้าม มันอาจเรียกไม่ได้ว่าฝูง แต่มันเป็นกลุ่มมากกว่าอย่างที่กฤษบอกไว้ เพราะกลุ่มค้างคาวมีแค่ ยี่สิบกว่าตัวเท่านั้น มันบินกันออกจากที่หลบตัวในยามราตรี โผบินไปตามที่ต่างๆดังแบทแมนกำลังตรวจตราหาอาชญากรไม่มีผิด
    " มหัศจรรย์จริงๆ " พ่อของกฤษร้องด้วยความตื่นเต้น " ใช่…ใช่ ลูกพูดถูก มันมหัศจรรย์ จริงๆซะด้วย " กฤษก็รู้สึกตื่นเต้นพอๆกับพ่อของเขาเช่นเดียวกัน
    "ลูกรู้ได้อย่างไรรึ " พ่อถามกฤษ
    " เรื่องนั้นไว้บอกทีหลัง ตอนนี้กลับบ้านกันเถอะครับมันมือแล้ว " กฤษบอกพ่อ ทั้งสองกลับมาถึงบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×