ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กำเนิดใหม่อัจฉริยะยอดนักสืบ ภาค1

    ลำดับตอนที่ #1 : ความสัมพันธ์

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 49


    สวัสดีท่านผู้อ่านทั้งหลาย ข้าพเจ้านายโชคชัย ทองสุข ผู้ซึ่งเป็นคนบันทึกวีรกรรมอันลือเลื่องอย่าง ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ กฤษดา โพธิ์ศา ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนศาลอันทรงความยุติธรรมที่มอบความยุติธรรมให้กันผู้อื่นอย่างดีเยี่ยม ข้าพเจ้าจะขอย้อนกลับไปในตอนที่นักสืบผู้นี้เป็นเด็กหนุ่มอยู่ ตอนนั้นข้าพเจ้ายังไม่ได้พบกับเขา แต่เขาได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟัง และให้บันทึกเอาไว้
    วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ.2539 นายกฤษดา เด็กนักเรียนหนุ่มวัยสิบห้าปี กำลังนั่งรถตู้ที่เลี้ยวโค้งอยู่บนถนนที่ชื้นแฉะไปด้วยฝนเพื่อกลับบ้าน โรงเรียนที่เขาอยู่เป็นโรงเรียนประจำ สุดสัปดาห์นี้ทางโรงเรียนหยุดให้ถึงสามวันด้วยกัน กฤษดาเป็นนักเรียนรุ่นแรกของที่นั้น ขณะรถเลี้ยวโค้งเขาก็รู้สึกเวียนศีรษะเล็กน้อย
    ' เฮ่อ ขับรถให้ช้าๆหน่อยสิลุง ' กฤษดานึก แต่แล้วจิตใจของเขาก็ล่องลอยไปไม่อยู่กับเนื่อกับตัว ' เมื่อไรเราจะได้เจอกันอีน่ะ ถ้าสวรรค์มีจริงล่ะก็ขอช่วยให้ปาฏิหาริย์มีจริงเสียทีเถิด ถ้าเป็นจริงล่ะก็... ' ความคิดของเด็กหนุ่มถูกขัดขึ้นและกำจัดให้สูญสลายโดยเสียงเรียกของคนขับรถ
    " เตรียมลงได้แล้วน่ะ " คนขับรถบอกเตือน
    เสียงรถเริ่มชะลอลง และหยุดในทันที กฤษดาลงจากรถตู้หยิบกระเป๋าเสื้อผ้าลงตาม เมื่อเขาเปิดประตูรั้วสีเขียวเข้าไป เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มก็เดินมาหาเขา
    กฤษดารู้สึกตกใจเป็นอันมาก " โอ้พระเจ้า ! ปาฏิหาริย์มีจริงๆด้วย " กฤษดาอุทานออกมา " นั้นเธอใช่มั้ย โซฟี "
    เด็กสาวเดินออกมาแสดงให้เห็นถึงรูปร่างผอมเพรียว ผิดขาวนวลของเธอช่างสะดุดตา ผมสีน้ำตาลเข้ม เดินท่าทางดูสง่าทะมัดทะแมง หล่อนเป็นเด็กสาวที่กฤษดาอยากจะพบมากที่สุดนั้นเอง
    ทั้งสองเคยแต่คุยกันผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้นเอง
    " สวัสดีค่ะ กฤษ " โซฟีเรียกกฤษดาว่ากฤษเฉยๆ ฉะนั้นข้าพเจ้าขอเรียกเขาว่ากฤษเช่นเดียวกัน โซฟีกล่าวทักทายกฤษด้วยภาษาไทยที่ฟังดูไม่แข็งแรงสักเท่าไร เนื่องด้วยความเป็นลูกครึ่งของเธอ โซฟีเกิดที่ลอนดอน พ่อของเธอเป็นชาวอังกฤษ และได้แต่งงานกับแม่ของโซฟีหญิงสาวชาวไทยผู้เลอโฉม " อยากตกใจไปเลยค่ะ " โซฟีพูด " คุณสงสัยหรือค่ะว่าฉันมาบ้านคุณได้อย่างไร ? "
    " เออ…ใช่ ครับ " กฤษตอบอย่างตะกุกตะกัก พร้อมกับหน้าที่เริ่มแดงเพราะความเขิน
    " เดี๋ยวฉันจะเล่าให้ฟังเอง " เธอพูดพลางเดินไปเอาแก้วน้ำที่ในครัวสองใบพร้อมเติมน้ำใส่มาอย่างดี
    " เรื่องมันอาจจะยาวไปหน่อย แต่ฉันคิดว่านายก็พอจะเข้าใจได้น่ะ " เธอพูดพลางจิบน้ำ
    " เริ่มจากตระกูลของแม่นาย นายคงรู้ใช่มั้ยว่าตระกูลของแม่นายมีพี่น้องรวมกันทั้งหมดสามคน แต่คนในตระกูลนั้นไม่เคยสงสัยเลยว่า แล้วน้องคนสุดท้องล่ะทำไมไม่มีชื่อของเธออยู่เลย? คำตอบที่ง่ายที่สุดสำหรับคำถามก็คือ แม่ของฉันยังไงล่ะ " โซฟีพูดแล้วดื่มน้ำไปอีกครึ่งแก้ว " ใช่แล้ว แม่ของฉันเป็นคนสุดท้องของพี่น้องทั้งหมด แม่ของฉันได้ไปทำร้านอาหารอยู่ที่อังกฤษตั้งแต่เรียนจบ ได้ประมาณสองปี จากนั้นแม่ก็ได้แต่งงานกับสุภาพบุรุษตระกูลเก่าแก่ของอังกฤษตระกูลหนึ่ง ซึ่งนั้นก็คือพ่อของฉันเอง เมื่อทั้งคู่แต่งงานกันเสร็จเรียบร้อย แม่ก็เปลี่ยนนามสกุล แต่โชคไม่ค่อยจะดีนักที่แม่ของฉันถูกตัดออกจากกองมรดก ซึ่งอันเนื่องมากจะคุณยายไม่ชอบพวกชาวต่างชาติแถบตะวันตกเอามากๆ ถึงขั้นพะอืดพะอมด้วยซ้ำเมื่อพูดถึงคนพวกนี้ ยิ่งเขาได้เข้ามาเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งในครอบครัวแล้วด้วย ฉะนั้นคุณยายเลยตัดแม่ของฉันออกจากกองมรดก และไม่ให้ใครในบ้านพูดถึงหรือเอ่ยชื่อของแม่ฉันอีกต่อไป ซึ่งไม่ค่อยยุติธรรมเลย "
    รู้สึกว่ากฤษนั้นจะทำความเข้าใจกับเรื่องต่างที่โซฟีเล่าให้ฟังเร็วมาก ราวกับเขารู้มาก่อน กฤษสูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนเอ่ยปากพูดขึ้น " แล้วตอนนี้คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณก็กำลังเดินทางไปที่ไหนสักแห่งที่มันออกจะอันตรายไปสักหน่อย อย่างเช่นการขึ้นเครื่องบินใช่มั้ยครับ ? " กฤษถามขึ้น
    คำพูดที่เอ่ยมาจากปากของกฤษนั้นทำให้ผู้หญิงที่มีสมาธิดีคนหนึ่งถึงกับอึ้งและตะลึงได้
    " นายรู้ได้อย่างไรกันล่ะนี้ ! ? ฉันไม่ได้บอกคุณเรื่องนั้นเลยนี่ บอกหน่อยสิ " โซฟีถามกฤษ
    " อ๋อ เรื่องนั้นมันง่ายนิดเดียวเอง " กฤษพูดขณะยกน้ำขึ้นดื่มบ้าง " ฉันยังจำได้อยู่เลย เมื่อปีที่แล้วน่ะ เรื่องที่ว่าแม่ของเธอกับแม่ของฉันเจอกันโดยบังเอิญ เธอเรียกชื่อฉัน แล้วแนะนำฉันให้รู้จักกับแม่เธอ จากนั้นเราทั้งสองก็ปลีกตัวออกมาคุยกันตามลำพัง ส่วนแม่ของเราทั้งสองก็คุยกันได้ชนิดที่ว่า เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เลยก็ว่าได้ ทั้งๆที่เคยเจอกันครั้งแรกเท่านั้น ฉันจึงคิดว่าทั้งสองคงเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วแน่นอน ทีนี้ฉันดูจากลักษณะภายนอกของเธอและก็การพูดภาษาไทยที่ยังไม่แข็งแรงสักเท่าไร ผมสีน้ำตาลที่คนไทยแทบจะไม่มี จึงทำให้ฉันดูออกว่าเธอเป็นลูกครึ่งได้ง่ายๆ ส่วนที่ว่าทำไมฉันถึงรู้ว่า พ่อกับแม่ของคุณไม่อยู่แล้วไม่อยากให้คุณไปด้วย ก็เพราะช่วงนี้มันเป็นฤดูฝน กอปรกับพายุที่เข้ามาในประเทศไทย อา แล้วที่อังกฤษตอนนี้พายุก็เข้าด้วยน่ะ ถ้าใครสักคนคิดจะเดินทางจากประเทศไทยไปอังกฤษโดยทางเครื่องบินแล้วล่ะก็ คงไม่อยากให้ลูกไปด้วยหรอกเพราะว่ามันอันตราย พ่อกับแม่ของเธอก็เช่นเดียวกัน ท่านไม่อยากให้เธอเสี่ยงอันตรายในการเดินทางฉะนั้นจึงนำเธอมาฝากไว้กับญาติที่รู้จักดี ก็คือแม่ของฉันซึ่งทั้งสองเป็นพี่น้องกัน มันเป็นการคิดวิเคราะห์โดยใช้พวกจิตวิทยาเข้ามาช่วยให้เรื่องของความเป็นห่วง แค่นี้แหละสำหรับคำอธิบายของฉัน มีอะไรจะถามอีกหรือเปล่า ? "
    นั้นน่ะหรือคือคำอธิบาย มันเหมือนกับผู้มีพลังวิเศษที่สามารถล่วงรู้เรื่องต่างของคนอื่นๆได้มากกว่า โซฟีคิด " อืม ใช่แล้วล่ะที่นายพูดมา " เธอพูดออกมาเสียงสั่นเพราะความตื่นเต้น " ที่นายพูดมากทั้งหมดมันถูกต้องทั้งหมด ท่านทั้งสองไม่อยากจะให้ฉันต้องเสี่ยงอันตรายในการเดินทางจึงนำฉันมาฝากไว้กับแม่ของนาย ซึ่งแม่เคยเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัวของเราทั้งสองให้ฉันฟังแล้ว " เธอพูดแล้วจากนั้นก็ดื่มน้ำจนหมดแก้ว " นายอยากรู้มั้ยล่ะว่าท่านทั้งสองไปอังกฤษเพื่ออะไร ? " โซฟีถามกฤษแบบตื่นเต้นเพื่อจะได้คำตอบที่น่าอัศจรรย์อีก
    " ฉันจะไปรู้ได้ยังไงกันเล่า " กฤษพูด " ก็ไอ้ที่ฉันพูดให้เธอฟังเมื่อครู่นี้ มันมีข้อมูลเพียงพอที่จะชี้ชัดเข้าไปถึงประเด็นได้ แต่เรื่องที่เธอถามครั้งหลังนี้มันไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน บางทีท่านอาจไปติดต่องานที่อังกฤษก็ได้ "
    โซฟีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ยินคำอธิบายที่อัศจรรย์อีกครั้ง " อ่าว นั้นพ่อกับแม่ของนายมาแล้วนี่ "
    เสียงรถยนต์ขับเข้ามาผ่านประตูรั้ว พร้อมกับเสียงแตรที่ส่งเสียงน่ารำคาญให้เด็กทั้งสองได้รู้ว่ามา
    กันแล้ว เด็กทั้งสองรีบพากันวิ่งออกไปเมื่อต้อนรับพ่อกับแม่ของกฤษ และช่วยกันขนของ
    " สวัสดี เด็กๆทั้งสอง ผู้น่ารัก " สารวัตรอานนท์ชายร่างกำยำกล่าวทักทายเด็กทั้งสอง อย่างร่าเริง พร้อมกับสวนกอดพวกเขาด้วยแขนอันทรงพลัง " พวกเธอทำความรู้จักเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย "
    " ครับพ่อ เราเคยรู้จักกันมาก่อนแล้วครับ " กฤษตอบ " เธอเล่าเรื่องทุกอย่าง รวมถึงความสัมพันธ์ของครอบครัวเราด้วย "
    ขณะเดียวกัน คุณนาย กรรณพรรณ์ ผู้เป็นแม่ของกฤษก็เดินลงมาจากรู้ แล้วกล่าวทักทายเด็กๆด้วยเช่นกัน " แม่ว่าวันนี้เราไปทานอาหารเย็นข้างนอกกันน่ะ "
    " ดีครับ " กฤษตอบอย่างดีใจ
    " ถือว่าเป็นการต้อนรับโซฟีก็แล้วกันน่ะ " พ่อของกฤษพูด
    อาหารเย็นได้ถูกจัดการเสร็จเรียบร้อย ขณะที่กฤษกับโซฟีกำลังจะขึ้นนอนทันทีหนังตาของทั้งสองเริ่มหย่อนลงเรื่อยๆ เหมือนมีอะไรมาถ่วงไว้ ไม่กี่นาทีต่อมาทั้งสองก็เข้าสู่นิทรา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×