ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3 วุ่นวาย
ตอนที่ 3
“ไม่แต่งโว้ยยย อย่าตามมา!” เสียงกรีดร้องระงมของฉันดังขึ้นเป็นระลอกๆในขณะที่ถกชายกระโปรงชุดนอนขึ้นวิ่งด้วยความเร็วแสงหนีไอ้พวกองครักษ์เส็งเคร็งนับสิบไปทั่วปราสาท
“ท่านหญิง! กรุณาหยุดเถอะขอรับ!อย่าให้ผมต้องใช้กำลังเลย” องครักษ์สุดหล่อหน้าตาเหมือนอ่างชวนชื้นพยายามห้ามฉัน แล้ววิ่งตามไล่ตูดมาติดๆ
“บอกว่าฉันไม่แต่งไงโว้ย!”
วิ่ง...วิ่งหนีให้เร็วที่สุด ทางออกอยู่ไหน?
“หยุดเถอะอาฮาง...ปล่อยให้หนีไปเดี๋ยวสักพักจะรีบแจ้นกลับมา” ฉันหยุดวิ่งแล้วปรายตามอง ไอ้องค์ชายกวนตีนผายมือห้ามเหล่าทหารก่อนจะพรายยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย
เมื่อเช้ามันนอนทับฉันจนฉันปริ่มจะขาดใจตาย...
“แล้วฉันจะรอนะ เจ้าสาว” หมอนั่นขยิบตาก่อนจะเดินจากไป
“เออ! อย่าหวังเลยว่าฉันจะกลับมาอีก ไอ้พวกมนุษย์ไม่เต็มเต็ง” ฉันแลบลิ้นปลิ้นตาอย่างสะใจ แล้วหาทางออกจากปราสาทงี่เง่านี่ต่อไป
เจอแล้ว! ประตู!
ฉันรีบวิ่งแจ้นผ่านประตูบานยักษ์ออกนอกปราสาททันที แล้วก็พบกับตึกรามบ้านช่องโคตรคลาสสิคอย่างกับอยู่ในยุโรป
แล้วไอ้ป่านั่นมันอยู่ไหนหว่า?
สาวน้อยแสนงามในชุดนอนพลิ้วสุดสะแด่วโดดเดี่ยวท่ามกลางเมืองหลวง!
ที่นี่ไม่มีใครอยู่ให้ถามทางเลยหรอวะ สงสัยจะรีบไสตูดไปงานอภิเษกบ้าบอกันหมด สรรพสิ่งทุกอย่างเงียบงันราวกับเมืองร้าง
ฟลู ฟลู ฟลู ฟลู้ ฟลู่ ฟลู้~
เสียงฟลุ้ตเพลงประหลาดแว่วมาในสายลมพัด เพราะแฮะ...ใครเป่านะ
ฉันเดินตามหาต้นเสียง...มันแว่วมาจากซอกหลีบเปลี่ยวๆของมุมตึก อย่าบอกนะว่าฆาตกรฆ่าโหดมันนั่งเป่าฟลุ้ตให้แมลงสาปฟัง!
สิ่งที่ฉันแอบเห็นในมุมมืดคือเงารางๆของคน! อ๊าก หนีดีกว่าเว้ย ไม่น่าไว้ใจ
“คุณ...อย่าเพิ่งไปสิครับ”
ฉันหยุดชะงัก ชายหนุ่มหน้าหวานนัยน์ตานิลกาฬเหมือนเรือนผมถือฟลุ้ตแล้วเดินออกมาจากซอกหลีบ เขาสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งมอซอตัดกับผิวขาวเนียนแล้วสะพายย่ามหนึ่งใบ
“ถ้าจะกรุณารับฟังสักเพลงไหมครับ ผมเป็นวนิพก” นัยน์ตาสีนิลสดใสแน่นิ่ง ไอ้หมอนี่ น่ารักสุดๆ!
“หะ...หา...คือฉัน...ไม่มีเงินหรอกนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร คุณค่าของดนตรีมันวัดด้วยเงินไม่ได้หรอกครับ” ฉันนิ่งคิดอยู่นานก่อนจะนั่งลงบนลังไม้เก่าๆแล้วเท้าคาง
“สักเพลงก็ได้...”
เขาแย้มรอยยิ้มอ่อนโยน จุมพิตที่ลิบเพลต*เบาๆแล้วเริ่มผิวปากเป่าฟลุต
_______________________________________________________________________
*ที่วางปาก
เมโลดี้ที่อ่อนหวาน นุ่มนวล ราวกับเสียงของสายลม อิสระ เป็นตัวของตัวเอง ไอ้หมอนี่ ฝีมือขั้นเทพ! เข้าวง New York Philharmonic ได้สบายๆ
เสียงค่อยๆแผ่วลง จนสิ้นสุดบทเพลง
“สุดยอดเลย เพลงของใครหรอ?โมสาร์ท?” ฉันปรบมืออย่างชื่นชม
“เพลงแต่งเองครับ...คุณผู้หญิง” เขาพรายยิ้มก่อนจะจับมือฉันแล้วลูบเบาๆ โดยที่เขาไม่สบตาฉันเลย
“คุณผู้หญิงเล่นดนตรีอะไรหรือครับ? มือสวยมาก” ฉันชักมือออกอย่างไม่ไว้ใจ แล้วปลีกตัววิ่งหนี พวกหม้อนี่หว่า!
“เดี๋ยวๆสิครับ โอ๊ย!” เขาจะเดินตามฉัน แต่พลันสะดุดลังไม้จนหกล้ม
“พวกโรคจิต ฉันไม่หลงกลนายหรอกย่ะ แบร่ๆ”
เขาพยุงตัวเองอย่างยากลำบาก แล้วหันหน้าไปมา
“เสียงคุณ...อยู่ทางนั้นใช่ไหม” เขาเดินเอื่อยๆ ตรงมาที่ฉัน เฮ้ย! ทำไมฉันไม่รู้เร็วกว่านี้นะ...ว่าหมอนั่น...ตาบอด!
“เฮ้ย! นาย! นายตาบอดใช่ไหม ค่อยๆเดินนะระวังสะดุด” ฉันรีบไปประคองเขา ก่อนที่เขาจะยกมือห้าม
“ไม่ต้องหรอก...ผมชินแล้วครับ”
“งั้นทีหลังระวังตัวกว่านี้หน่อยสิ(วะ)คะ
“คุณ...ไม่ไปเข้าร่วมงานอภิเษกหรอ” เขาถาม
“ฉัน...ไม่ค่อยพิสมัยงานงี่เง่านี่น่ะ...เอ่อพอดีฉันมีธุระสำคัญ พอจะรู้จัก ป่า...ที่มีกระท่อมกับฝูงกระทิง=_= แล้วก็มีเปียโน ไหมคะ”
“คุณจะไปทำอะไรในไร่ของเจ้าชายหรอ?”
ฉันอารมณ์เสียทันทีที่นึกถึงไอ้คนหวงขี้ -*-
“รู้จักใช่ไหมคะ...” ฉันจับไหล่ของหมอนั่นพลางเขย่าและทำตาถลน O_O
“ครับ...อยู่ตรงทะเลสาบไทม์ริฟ หลังก้อนหินใหญ่ เดินไปเรื่อยๆก็ถึงครับ...คุณ...จะไปจริงๆหรอครับ” น้ำเสียงนุ่มฉายแววอึ้งทึ่งเสียว
“ทำไมล่ะคะ...”
“ก็หน้าทางเข้าไร่ มีมังกรพ่นไฟเฝ้าอยู่...”
“มังกร!”
“ครับ...เอดิอิโก มังกรของเจ้าชาย”
เฮือก! มันต้องเอาไฟเผาตูดฉันจนดำเนียนแนบกับผิวจริงแน่ๆเลย =[]=’’ ไม่เป็นไรวุ้ย ตูดไหม้กับการได้กลับบ้าน
“คุณไม่ใช่คนที่นี่?”
“เอ่อ! ฉันขอตัวนะคะ ขอบคุณสำหรับเพลงเพราะๆและคำแนะนำนะคะคุณ....”
“ฟอร์เต้ครับ...คุณล่ะ” ก่อนที่จะได้ตอบคำถามฉันก็รีบวิ่งจู้ด ออกไปก่อน ทิ้งให้หมอนั่นยืนเอ๋ออยู่จนไกลลิบตา ขอโทษนะจ๊ะ ฟอร์เต้น้อยที่โลกมนุษย์คงจะไม่มีใครน่ารักและหล่อเหลาเท่าเธออีกแล้วววววว
และแล้วเมื่อตีนหมาของฉันวิ่งมาถึง
ทะเลสาบ หลังก้อนหินใหญ่? เฮอะ! ไอ้บอดจอมโกหก ก้อนหินมันมีกี่ก้อนเคยเบิ่งดูไหมเว้ย ฉันยืนด๋อยอยู่ท่ามกลางก้อนหินนับร้อย มีแต่ก้อนหินขนาดเท่าตูดยักษ์ รายล้อมตั้งแต่ทิศเหนือใต้ออกตก แล้วมันไปทางไหนวะ ไอ้เวลล์
ฉันนั่งลงบนก้อนหินก้อนหนึ่งพลางถอนหายใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกระท่อมหลังเดิมตระหง่านอยู่ โอว ขอบคุณฟอร์เต้สุดหล่อ!
แต่ก่อนที่ก้นฉันจะยกขึ้นจากก้อนหิน ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองหวิวๆเหมือนก้อนหินมันลอยได้
นี่มันไม่ใช่ก้อนหิน! แต่มันเป็น เล็บมังกร!
“ว๊ากกก! มังกร ออน ออน ออน!” ไอ้มังกรยักษ์สะบัดปีกพรึ่บ จนลมพัดตัวฉันปลิวหลุดลอย ก่อนที่ลิ้นชุ่มน้ำลายจะเลียร่างน้อยๆของฉัน... อ๊าก หน้าตูสิวขึ้นแน่ๆ
“คุณผู้หญิงอยู่นิ่งๆนะครับผมมาช่วยแล้ว!” โอ เนื้อคู่ของฉัน ตามมาช่วยฉันรึนี่
ฟอร์เต้เตรียมประจันหน้า ไอ้มังกรเวรเบนความสนใจไปที่เขา เฮ้ย! แต่นายตาบอดนะ เดี๋ยวก็โดนตวัดกินหรอก! แต่แล้วไอ้มังกรนั่นก็หันตูดใส่เขาก่อนจะ...
ปู้ดดด....
พายุทอร์นาโดก่อตัวขึ้นจากลมทวารเน่าๆ จนฉันอยากอ้วก ฟอร์เต้! คุณเป็นอะไรไหม? อย่าเพิ่งเมาตดตายนะที่ร้าก T-T เขาสลบไปแล้วอ่ะ!
“เอดิกิโอ! ไอ้มังกรเฮงซวย แน่จริงมาตัวตัวสิเฟ้ย เข้าม้า ห้ามตดนะเว้ยยย”
นัยน์ตาสุกสว่างเพ่งมาที่ฉัน ก่อนที่เรียวลิ้นหยาบๆจะโลมเลียใบหน้าฉันแล้วมันก็กระดิกหางไปมา =_=’’ แกเป็นมังกรหรือเป็นหมาวะ?
เขี้ยวเล็บคมเกี่ยวชายเสื้อฉันแล้ววางลงบนหัวของมันอย่างนุ่มนวล ปีกยักษ์สยายและโบยบินขึ้นบนท้องฟ้าคราม ทำไมมันไม่ทำอะไรฉันเลยล่ะ...?
“อ๊ากกก แกจะพาฉันกลับถ้ำไปชำแหละใช่ไหม!” ฉันรัวกำปั้นลงเกล็ดแข็งๆของมัน คาดว่ามันคงไม่รู้สึกอะไรเลย =_= ทำยังไงดี จะโดดลงไปดีไหม แต่แล้วความคิดฉันก็หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อปลายทางที่เจ้ายักษ์โบยบินมาถึงคือปราสาทสังคังที่มองแล้วอยากซักกางเกงใน!
และนั่น! ไอ้ปิศาจตาแดงยืนโบกมือยิ้มหน้าบานอยู่ตรงระเบียง
ไอ้เวลล์อนาคิน!...
“กลับมาแล้วหรอเจ้าสาว...มอมแมมเชียว มามะ อาบน้ำป๋อมแป๋มกันดีกว่า^_^”
ไอ้หมอนั่นรับฉันลงมาจากกบาลของมังกรเอดิกิโอ เขาแบกฉันขึ้นบ่าอีกแล้ว!
“แล้วว่างๆพี่จะมาเมียไปแนะนำนะจ๊ะ สาวน้อยเอดิกิโอ”
หา...ไอ้มังกรนั่นเป็นผู้หญิง! แม้แต่มังกรมันยังหลีได้!
“ปล่อยนะ! ใครเป็นเมียนาย! ปล่อยนะไอ้โรคจิต” ฉันดิ้นขลุกขลัก ในขณะที่หมอนั่นผิวปากอย่างอารมณ์ดี แล้วแบกฉันเข้าห้องน้ำอย่างสบายใจเฉิบ มันโยนฉันลงอ่างอย่างไร้ความปราณี ฟองสบู่ลอยฟุ้ง กลิ่นหอมเหมือนสบู่อาบน้ำหมาเลย!
“จะถอดเองหรือจะให้ผมถอดจ๊ะ”
“ออกไป!ฉันอาบเองได้!”
“ไม่ได้หรอกๆ ถ้าเกิดเธอเบี้ยวหนีไปอีก ฉันจะลงโทษเธอยิ่งกว่าเมื่อคืนแน่ๆ”
“ไอ้...”
“จุ๊ๆ... -*- เงียบซะแล้วอยู่นิ่งๆ ยัยดำ!” เสียงข่มขู่ทำเอาฉันนิ่งสงบ
“ดีมาก...ว่าง่ายๆอย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย” หมอนั่นถอดชุดนอนและชุดชั้นในของฉันออกอย่างง่ายดาย จนฉันตัวเปล่าเปลือยสั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ในอ่างอาบน้ำ(หมา?) มือใหญ่ลูบไล้สบู่ไปทั่วร่างอย่างอ่อนโยน แววตาของเขาไม่ได้มีแววของคนชั่วร้ายอยู่เลย หมอนี่เป็นสุภาพบุรุษกว่าที่ฉันคิดด้วยซ้ำ ทำไมฉันถึงสบายใจและใจเต้นตึ่กๆไปพร้อมกันได้นะ
“อื้อ...”
“?!”
เฮ้ย! นี่ตูครางเสียงอุบาทว์ๆอย่างนั้นออกไปได้ยังไงกัน! ดูหน้ามันเด้! ยิ้มเหวอะไรวะ
“นายยิ้มทำไม!”
“^_^ เกิดอารมณ์หรือไง” คำพูดล่อแหลมทำเอาฉันหน้าแดงเป็นน้องสนิม
“ไอ้บ้า! ไม่ต้องอาบแล้ว! ออกไป!” ฉันดิ้นไปมาเหมือนคนผีเข้า
“เดี๋ยว! อยู่นิ่งๆ จะเสร็จแล้ว อย่าดื้อได้ไหม!” หมอนั่นออกแรงยื้อร่างฉันเอาไว้ จนมือเริ่มไปวุ่นวายกับ... ปิ้ด -_-^
“ไอ้ทะลึ่ง!”
“ขะ...ขอโทษ!” เขาชักมืออกแล้วทำอะไรไม่ถูก
“นาย! จับ...”
“ฮีเด่อ! ฉันก็ไม่ได้อยากจับหน่มน้มเธอนักหรอก! ยัยกระดานชนวนเอ๊ย!ทั้งดำทั้งแบน หญิงในฮาเร็มฉันอึ๋มกว่าเธอแยะ!”
“ออกไปเดี่ยวนี้เลย! ไม่งั้นฉันจะเผาพริกเผาเกลือแช่งนาย!”
“ไปก็ได้วะ! อาบเร็วๆล่ะ พิธีจะเริ่มแล้ว!”
หมอนั่นโมโหจนหน้าแดง ก่อนจะเดินคิ้วขมวดออกจากห้องน้ำไป ฉันมองตามหลังของเขาด้วยความโกรธ เมื่อไหร่ตูจะหลุดพ้นจากวงจรบ้าๆนี่ซะทีวะ ?
พิธีสาปส่งเจ้าสาวสู่นรกจัดขึ้นอย่างเลิศสะแมนแตนในแบบคริสต์ มีประชาชนในชุดสูทและชุดราตรีมากมายรายล้อมอยู่ในบริเวณพิธีพร้อมกับโปรยกลีบดอกอุตพิดและโห่ร้องกันอย่างครื้นเครง -_-
ฉันในชุดเจ้าสาวสีชมพูตอแหล(ราชินีเลือกให้) ค่อยๆเดินเกี่ยวแขนราชาสังคังที่13ราวกับคนไร้วิญญาณ เบื้องหน้าคือไอ้หื่นกามในชุดทักซิโด้สีดำกำลังทำตัวเท่บาดจิตอยู่
“ไม่เป็นไรหรอกแม่หนู...ทำตัวตามสบายเถอะ...อีกเดี๋ยวเราก็จะเป็นฝั่งเป็นฝากันแล้วนี่” น้ำเสียงนุ่มของราชาสังคังทำให้ฉันสบายใจอย่างไม่น่าเชื่อ ฉันยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินขึ้นบันไดแล้วจับแขนของอนาคินพร้อมกับส่งสายตาอาฆาต
“ฉันเป็นของนายแค่ในนาม...อย่าให้ฉันหนีไปได้แล้วกัน” คำขู่ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผล
“ตามสบายเถอะ...ยังไงฉันก็ไม่หน้ามืดไปหลงรักเธอหรอก ยัยดำ”
อะไรวะ...ยังไม่เลิกด่าตูจวบจนวินาทีสุดท้าย =_=’’
“อะแฮ่ม...” บาทหลวงเริ่มขากเสลดเปิดบท -_-(กระแอม)
“องค์ชายอนาคินท่านจะรับหญิงสาวคนนี้เป็นภรรยาและจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเธอตลอดชีวิตหรือไม่...”
หมอนั่นมองหน้าฉันแล้วยิ้มกระหยิ่ม
“รับ...”
“ท่านหญิงมาริสา(เปลี่ยนชื่อแล้ว) ท่านจะรับองค์ชายอนาคินเป็นสามีและจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับกับเขาตลอดชีวิตหรือไม่”
ฉันจิกสายตามองหมอนั่นอย่างมีเลศนัย แต่งงานกับฉันแล้วชีวิตนายอยู่ไม่สุขแน่ หึหึ
“รับค่ะ...”
“ลำดับต่อไป เจ้าบ่าวจุมพิตเจ้าสาว”
เฮ้ย! ทำไมต้องจูบ ไม่จูบไม่ได้หรอ ฉันไม่อยากนึกถึงเรื่องขี้ควายในปากอีกนะ!
“เอ้า! เร็วๆสิยัยดำ จะได้เสร็จพิธีซักที ฉันเบื่อแล้วนะ” เมื่อเห็นฉันทำท่าขัดขืน หมอนั่นจึงโอบเอวฉันแล้วจ้องหน้าอย่างกินเลือดกินเนื้อ สายตาก็จ้องมองกัน รู้สึกเสียวซ่านหัวใจ~
“เฮ้ย นาย...เราข้ามพิธีนี้ไม่ได้หรอ โยนดอกไม้เลยได้ป่ะ”
“ไม่ได้
แต่ถ้าอยากข้ามไปตอนเข้าห้องหอน่ะ ฉันพอจะเจรจาได้นะ“ เขายิ้ม
“ทุเรศแล้วแก!”
“จูบเลย! จูบเลย! จูบเลย!” เหล่าประชาชีต่างยุยงให้ฉันทำสิ่งที่น่าอัปรีย์
“แค่จูบมันจะยากอะไรนักหนาวะเฮ้ย...มากกว่าจูบเธอก็เคยไม่ใช่หรอ-*-“
“ใครว่าฉันเคยล่ะยะ=_=”
อนาคินเบิกตากว้าง ในขณะที่ฉันหน้าแดงซ่าน และทันใดนั้น ฉันก็ถูกดึงตัวเข้าไปจูบอย่างหนักแน่นและเนิ่นนาน...
ฉันต้องยอมรับว่าหมอนี่จูบเก่งมากรสจูบที่หวานหอมและเร่าร้อน คงทำให้ผู้หญิงอ่อนระทวยมานักต่อนัก
อนาคินถอนจูบแล้วมองตาฉันก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่น
แล้วพิธีแต่งงานนรก... ก็จบลงอย่างสวยงาม?
ตกดึก... ฉันกับอนาคินถูกนำตัวเข้าห้องหอทั้งๆชุดแต่งงาน และอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ฉันอยู่กับเขาสองต่อสองในที่เปล่าเปลี่ยว ต่างคนต่างไม่พูดอะไร อนาคินนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บนโซฟา คาดว่าอีกไม่กี่นาทีคงมีคดีฆาตกรรมสาวสวยเกิดขึ้นเป็นแน่...
เงียบเป็นเป่าสาก...
เพราะสถานการณ์บีบบังคับ ฉันจึงต้องเป็นฝ่ายเปิดบท
“นาย...เป็นอะไรหรือเปล่า”
เขาเพียงแค่เอียงคอแล้วช้อนสายตามองฉันพลางทำหน้าแหยแกอย่างกวนๆ
“เป็นคนหล่อ...”
“แหวะ! ถุย! หน้าตาอย่างกับจับกัง กล้าพูดเนอะ” ฉันประชดประชัน ในขณะที่อนาคินเหยียดยิ้มบางๆแล้วลุกขึ้นเดินมาหาฉัน
“ฉันมีที่ที่หนึ่งอยากให้เธอเห็น...คิดว่าเธอคงชอบ"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น