ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Prelude คำสาปรักร้าย ลำนำหัวใจเจ้าชายอสูร

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่1 ขี้ควาย

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 51


    เหตุเกิดที่ดินแดนแห่งเวลา ไทม์ ...
     “ไอ้องค์ชายงี่เง่านั่นอ่อนหัดกว่าที่คิดนะ” คำปรามาสที่ดูเหมือนจะถูกของเสนาบดีแก่งั่กกระตุ้นความคิดของหนุ่มที่นั่งเหม่ออยู่อย่างฉับพลัน
                “แล้วเราจะเอายังไง ฮาเดสทำสงครามกับลูซิเฟลรึ!” ชายสูงวัยอุทาน
                “ถ้าเป็นตอนนี้คงยึดครองลูซิเฟลได้สบาย”
                “เผลอๆโลกมนุษย์และไทม์อาจจะตกเป็นของพระองค์ก็ได้นะ...องค์ชายเชน”
                “แล้วองค์ชายทรงมีความเห็นเช่นไรรึ”หนึ่งในองค์ประชุมขอความเห็น
                หลังจากที่เหม่อหมดอาลัยตายอยากอยู่นานผู้เป็นองค์ชายก็เหยียดยิ้มเย็นเยียบ ก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเหยียดตามอง
                “ประกาศสงคราม...ให้ไอ้อนาคินมันม่องเท่งไปเลย...ท่านพ่อจะได้ยกบัลลังค์ให้เราสักที”
     
               
    ตอนที่ 1 ขี้ควาย
     
    กล่าวถึงหญิงงามคมขำแห่งสยามประเทศ ผู้มีฉายามาดอนน่าแห่งมหาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ชื่อดัง บิดรเป็นชาวฝรั่งเศสมาป๊ะกับมารดรอาศัยอยู่ส่วนใต้ของประเทศไทย เธอจึงได้กรรมพันธุ์จมูกโด่ง นัยน์ตาน้ำตาลสวย เรือนผมสีไม้โอ๊คเป็นลอน หุ่นเพรียวงามเซ๊กซี่ ด้วยความสูง172ระดับนางแบบ และความสามารถทางเปียโนที่เป็นที่น่าจับตามองในการแข่งเปียโนโชแปงครั้งนี้
     
    ทุกอย่างมันเกือบจะเพอร์เฟ็กต์ลงตัวอยู่แล้น...
    ต้องโบ้ยความผิดทั้งหมดให้สีผิวดำมะเมื่อมของขวัญจากมารดา!
    เธอจึงได้ชื่อที่เป็นคำนิยามว่า มอมแมม...
     
    ผู้เข้าแข่งขันเปียโนโชแปงหมายเลข 13 มาริสา อัครกุล อายุ19ปี(มอมแมม)
                ฉันมองบัตรผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ในมือ หลังจากที่โดนนังกระเทยควายเพื่อนซี้ลากไปแต่งองค์ทรงเครื่องเมื่อ30 นาทีที่แล้ว
                ความอยากตายประดังเข้ามาทุกครั้งที่ฉันเบิ่งไอ้ชุดราตรีรัดรูปสีแดงแจ๊ดแจ๋เหมือนประจำเดือนที่ฉันใส่อยู่ ไม่อยากจะบรรยาย ทั้งเซ๊กซี่และอุบาทว์ปนกัน
                ไม่ใช่...นั่นไม่ใช่ประเด็นสำหรับมอมแมมคนนี้ ที่สำคัญคือตอนนี้ฉันดูเหมือนกาคาบพริก เพราะผิวสีแทนที่มารดาประทานให้ มันทำให้ ตูอยากตาย
                “ไอ้แมม...แกกินอะไรก่อนไหม อีก30นาทีค่อยนั่งรถออกไป” ร่างสูง ตี๋ ขาว แมนแฮนซั่ม ของชายใจหญิงนามว่าพีระเอ่ยปากชวน
                “เออ...แกไปโซ้ยนำร่องก่อนเหอะ เดี๋ยวฉันตามไป”
                “แหม...เพื่อนสาว ฉันชอบชุดแกจริงๆเลยฮ่า ฉันเลือกเองเลยนะสิบอกให้ โอ้ย!”
                สมุดโน้ตเบโธเฟ่นลอยไปเพ่นกระบานเพื่อนรักแม่นยำราวจำวาง สมน้ำหน้า
                “ออกไปเลย! เรื่องชุดไม่ต้องขุดขึ้นมาอีกนะ ฉันจะซ้อมโว้ย ไอ้พีบ้า!”
                “จ้าๆ โชคดีนะจ๊ะช็อกโกแล็ต จุ๊บๆ” นังกระเทยตัวแสบไสตูดออกไปก่อนที่ฉันจะเขวี้ยงมีดไปเฉาะหัว... 
                ฉันนั่งลงที่เก้าอี้เปียโนกะจะเปิดโน้ตซ้อมก่อนไปแข่ง แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ใต้ชั้นหนังสือของคุณปู่ ... สมุดโน้ตสีดำเล่มเก่าราขึ้น เหอะๆ แถมไม่มีชื่อผู้ประพันธ์ ที่น่าสนใจคือโน้ตทั้งหมดถูกเขียนด้วยเลือดสีแดงสดๆ ในนั้นมีข้อความภาษาต่างดาวที่ฉันไม่สามารถบรรลุได้ สักพัก ฉันกางโน้ตนั้นออกแล้วลองเล่น
     ท่วงทำนองสื่อถึงความเจ็บปวดเหลือคณานับ จังหวะยืด หนัก เศร้า เมโลดี้ที่ต่างกันทั้งสูงทั้งต่ำ ลึกลับ น่าค้นหา
                และเมื่อเพลงจบสติของฉันก็ดับวูบลงไปอย่างไม่รู้ตัว...
     
                สติสัมปชัญญะยะของฉันกลับมาอีกครั้งเมื่อกลิ่นเน่าๆลอยมาเตะจมูก ฉันค่อยๆลืมตาเพื่อพบกับ....กองขี้ควายกองเบ้อเร้อเฮ้อ 
                ตูนอนอยู่บนกองขี้ควาย!
                ฉันอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก ท้องฟ้าสีครามทอดยาว ต้นไม่รูปร่างประหลาด ทุ่งนา กองฟาง และกระท่อมโทรมๆของใครไม่รู้ ข้างในมีเปียโนแกรนด์ที่ทำจากไม้เหมือนกับเปียโนที่บ้านฉันแล้วก็ไวโอลินเพียบเลย ที่นี่มันที่ไหนกัน!
                ฉันเดิน เดิน เดินและเดินอย่างไม่รู้จุดหมาย จนกระทั่ง
                “มอ...มอ...มอ...” อ๊าก...กระทิงทั้งโขลง! ทั้งโขลงจริงๆ แต่ละตัวนี่เหยียบตูจมดินเลย ด้วยผลบุญของเพื่อนรักนั่นคือชุดสีแดงที่ฉันสวมใส่อยู่ทำให้เหล่ากระทิงน้อยกลอยใจตกหลุมรักเข้าอย่างแรง จะมาพิศวาสอะไรตูตอนนี้วะ พวกมันเริ่มตั้งท่าและหันเขามาทางฉัน แล้วฉันจะอยู่ไปทำไม โกยเถอะโยมมมมม
                “อ๊ากกกก หลวงปู่ช่วยลูกด้วย!!” ฉันอาศัยตีนหมาวิ่งด้วยความเร็วแสง ในขณะที่ฝูงกระทิงวิ่งไล่จิ้มตูดมาติดๆ ทำไมมีแต่ทุ่งหญ้าวะ โล่งอย่างงี้ฉันเสียเปรียบนะเว้ย
                “มอ!” ซวยล่ะเมิง พวกมันวิ่งไล่ตามฉันด้วยแรงรักแรงพิศวาส ฉันก็วิ่งหนีพวกมันด้วยแรงรักแรงแค้นทรงผมของฉันที่เพิ่งเซทมาเพิ้งเหมือนอีบ้า ฉันต้องถอดส้นสูงเขวี้ยงออกข้างทางและถกกระโปรงยาวขึ้นอวดเรียวขาอย่างช่วยไม่ได้ ฉันดูเซ็กซี่ไหมคะ เฮ้ย! ตูจะทำยังไงดี ถ้าอยากได้ชุดสีแดงแรงฤทธิ์นี่ล่ะก็ฉันจะถอดให้ก็ได้นะ
    พลั่ก!
    ไอ้เถาวัลย์เฮงซวยมันขัดขาฉัน ทำให้ใบหน้าอันงดงามต้องจิ้มไปที่กองขี้ควายอีกครั้ง หมดสวยแน่ตู แต่ตอนนี้ชีวีฉันจะดับวูบมากกว่า กระทิงตัวใหญ่พุ่งเขามาทางฉัน ฉันหลับตาปี๋ ซุกหน้าลงในขี้ควายและแอ่นก้นเตรียมรับลองคิดดูนะว่าท่าอุบาทว์แค่ไหน ฉันทำได้แต่รอความตาย ....
    เปรี้ยง!
    เสียงฟ้าผ่าแน่ๆ เทวดาหรือยมทูตมารับตัวมอมแมมแล้วหรอคะ
    ตูม!
    เสียงเหมือนระเบิด ตูดฉันกระจุยแล้วหรอ อ๊ากกกก
    ป้าบ!
    เสียงอะไรวะ ?  เสียงตีก้นชัดๆ ดังป้าบแน่ะ เสียงหล่อของบุคคลปริศนาแว่วลอดผ่านขี้ควายเข้าหูเรดาร์ของฉัน
    “เธอ... อยากกินขี้ควายมากหรอ ถึงขนาดต้องเปิดศึกกับกระทิงเพื่อแย่งขี้ควายเนี่ยนะ ขำว่ะ”
    เสียงเซ๊กซี่มาก อะฮ้าง ฉันยอมรับความตายไม่ได้ ขอมุดขี้ควายหนีความตายเถอะพะยะค่ะ
                “เฮ้ยๆ เอาหน้าออกมาได้แล้ว” ฉันที่นอนแอ่นตูดอยู่ถูกใครบางคนกระชากออกมาจากกองขี้ อา...อากาศบริสุทธิ์ แต่ขี้เต็มปาก...
                “ถุย!แหวะ...” ฉันอยากจะสำรอกมันออกมาให้หมด นี่มันอะไรกันเนี่ย! ทันทีที่ฉันลืมตา ฉันก็พบกับเทวดารูปงาม ใบหน้างดงามราวรูปสลัก นัยน์ตาสีแดง ผมดำยาวสลวย สูงหล่อขาว สเป๊กคนดำค่ะ อ๊ากกก หมอนี่แต่งตัวประหลาด เสื้อขาดๆกับผ้าคลุมมอซอโทนสีดำ ดูเผินๆอย่างกับพวกแต่งคอสเพลย์ มันเทวดาหรือซาตานวะ
                “ยี้...สกปรกฉิบ ยัยผู้หญิงประหลาดเธอเป็นปอบหรือกระสือกันเนี่ย” เทวดาคนนั้นยิ้มอย่างขำๆ
                “ทะ...ท่านคะ...นี่ฉันได้ขึ้นสวรรค์ใช่ไหมคะ ฉันไม่อยากลงนรกนะคะ ฮือๆ” ฉันกอดเข่าพ่อเทวดา แล้วปล่อยโฮออกมา ท่านเทวดาสลัดขาไปมาอย่างรังเกียจ ขอโทษนะคะ! คราวหน้าฉันจะไม่ให้ขี้ควายมาแปดเปื้อนท่าน แต่เอาขี้หมาแทน
                “เฮ้ย...ปล่อยสิเว้ย”
                “ท่านคะ! มอมแมมไม่มีพ่อแม่มีแต่เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ขอให้มอมแมมคนนี้ไปบอกลาเขาแล้วไปศัลยกรรมยัดซิลีโคนที่บั้นท้ายเป็นครั้งสุดท้ายนะคะ ฮือๆๆ ได้โปรด”
                “เพ้ออะไรของเธอยัยบ้า คิดว่าตัวเองตายแล้วหรือไง!”
                ฉันชะงักชั่วคราว... ก่อนจะมองไปรอบๆ   ที่นี่ก็ไอ้ทุ่งนาสัปรังเคที่เก่า แล้วกระทิงฝูงนั้นก็สลบเหมือดน้ำลายฟูมปาก ฉันแหงนหน้าขึ้นไปข้างบน ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มที่ฉันหลงคิดว่าเป็นเทวดายิ้มเยาะอย่างสะใจ นัยน์ตาสีแดงของเขาแทบจะแผดเผาเรือนกายฉันให้ไหม้เป็นจุณ
                “เฮ้ย! นายเป็นใคร” ฉันเขยิบออกห่างหมอนั่น ดูมันดูมัน มันปิศาจชัดๆนี่หว่า
                “ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าเธอเป็นใคร คนของพวกทรยศใช่ไหม” สายตาคมกริบจับจ้องฉันจนฉันอ่อนระทวย แผงอกขาวๆ มันเซ็กซี่เหลือเกิน อ๊ากกกก
                “เธอ...เลือดไหลออกมาจากจมูกนี่...เฮ้ย...อย่าเพิ่งตายนะ” ฉันทนความเซ็กซี่ของหมอนั่นไม่ไหว เลือดกำเดาพุ่งกระฉูด อ๊ากกก หมอนั่นคุกเข่าและเขยิบคลืบคลานเข้าใกล้ฉันเรื่อยๆ ด้วยความกลัวฉันเลยลุกขึ้นวิ่งหนี
                “จะไปไหน ฮึ้บ” ฉันถูกสวมกอดก่อนที่ร่างของฉันและเขาจะล้มลงบนพื้นหญ้า
                “ปล่อยฉันนะไอ้โรคจิต ไม่งั้นฉันจะเรียกตำรวจมาจับนาย!” ฉันพยายามดิ้นๆๆและดิ้นเพื่อให้หลุดจากวงแขนนั้น หมอนั่นคร่อมฉันอยู่ มันจะข่มขืนช้านนน 
                “ตำรวจ? เฮอะ ฉันต่างหากที่จะจับเธอไปลงอาญา รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร เฮ้ย!อย่าดิ้นสิเว้ย”
    เขากอดฉันแน่นขึ้น ในขณะที่ฉันก็ผลักไสแรงขึ้น
                “จะไปรู้เรอะ โดม ปกรณัมมั้งล่ะ! หงับ!” ฉันกัดท่อนแข่นล่ำๆของเขาอย่างเต็มรัก จนเลือดกลบปากผสมกับขี้ควายทำให้ได้รสชาติใหม่ อร่อยมาก =_=
                “ฤทธิ์เยอะนักหรอ!”
                เขาประกบปากฉันอย่างหนักหน่วง จูบนั้นเร่าร้อนและเร่งเร้า ฉันไม่มีแรงแม้แต่จะกัดลิ้นเขา ร่างกายมันอ่อนระทวยไปหมด ตูเป็นอะไรของตูเนี่ย!
                “แฮ่กๆ ยัยบ้า หมดแรงดิ้นแล้วหรอ เอาล่ะทีนี้ตอบคำถามฉันมาว่า เธอเป็นคะ...เฮ้ย! ตื่นสิ อย่าเพิ่งตาย”
                ฉันได้ยินเพียงเสียงของเขา สติเริ่มจะเลือนราง แล้วสุดท้ายฉันก็สลบ(อีกรอบ)
     
                            เมื่อรู้สึกตัวอีกทีฉันก็นอนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ฉันค่อยๆลืมตา ช้าๆ ฉันก็พบว่าฉันอยู่ในห้องนอนที่เลิศหรูอลังการ ตกแต่งด้วยโทนสีหม่นๆ กลิ่นกำยานหอมทำให้บรรยากาศในห้องดูลึกลับ ที่นี่ที่ไหนกันนะทำไมมีแต่อะไรประหลาดๆ
                “องค์ชาย...หล่อนฟื้นแล้วเพคะ” หญิงแก่ร่างท้วมพูดขึ้นอย่างดีใจ
                “ดี! ทีนี้จับตัวไปพิพากษาได้เลย เอาโซ่มาล่ามหน่อยเด้ ทหาร!” เสียงเซ็กซี่กวนตีนของไอ้ผู้ชายโฉดประกาศประกาศิต
                “เดี๋ยว! เดี๋ยวสินายน่ะ!” ฉันได้โอกาสจึงร้องห้าม
                “อะไร... ถ้าจะขอโทษเรื่องขี้ควายล่ะก็เอาไว้หลังการสอบสวนแล้วกัน”
                “เฮ้ย! ฟังก่อนสิ นาย ที่นี่ที่ไหน นายเป็นใคร แล้วฉันมาที่นี่ได้ไง” หมอนั่นกอดอกแล้วมองฉันอย่าง งงๆ ก่อนจะเดินเข้ามาแล้วนั่งลงที่ขอบเตียง
                “ที่นี่คืออาณาจักรลูซิเฟล ฉันเป็นเจ้าชายแห่งลูซิเฟลมีนามว่า อนาคิน แล้วเธอก็บุกรุกมาในดินแดนของฉัน ผู้หญิงมนุษย์! เฮ้ย! โซ่ได้ยังวะ”
                เฮ้ย อนาคิน แม่งล่อ สะ-ตา-วอ เลยหรอ!   
                “อะ...อนาคิน!”
                “อะไรอีกล่ะ”
                “ฉันไม่รู้ว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ฉันแค่หยิบโน้ตเพลงประหลาดขึ้นมาเล่นแล้วฉันก็มานอนจมกองขี้อยู่เนี่ย นายพาฉันกลับโลกมนุษย์ได้ไหม ฉันต้องไปประกวดรอบชิงชนะเลิศ มันสำคัญมากจริงๆนะ”
                “พล่ามจบหรือยัง...”
                “ฉันจะกลับบ้าน! พวกนายมันโรคจิตบ้าบอกันไปหมด แต่งคอสเพลย์กันอยู่หรือไงวะ”
                หลังจากที่ฉันด่าเสร็จอนาคินก็กระชากผ้าห่มแล้วแบกฉันขึ้นบ่าก่อนจะเดินเก๊กผ่านเหล่าข้าราชบริพารที่มองมาที่เราเป็นตาเดียว
                “เฮ้ย! ปล่อยนะ อย่างนี้แม่ไม่ปลื้มเลยนะ วางฉันลงเดี่ยวนี้!” ฉันทุบแผ่นหลังของเขารัวเป็นเสต็ปๆ
                “โว้ย! นิ่งๆสิ” ไอ้ปิศาจเวรตะไลนั่นตีก้นฉันป้าบๆ 
                ไอ้พวกนี้มีปัญหาอะไรกับตูดฉันเนี่ย อ๊ากกกกก
                “ถ้านายไม่วางฉันลงฉันจะกัด...”
                “เอาเลย!เธอกัดฉันจูบ...กัดจูบกัดจูบ เข้าท่าดีนะ”
                ไอ้เสล่อ ที่ไหนมันมีกัดจูบๆวะ มันต้องตบจูบๆ ฉันเป็นนางเอกฉันรู้ดีย่ะ=_=
                “ถวายบังคมพะยะค่ะ องค์ชายอนาคิน” เหล่าทหารปิศาจ แต่ละคนหน้าตาชวนเลือดกำเดากระฉูด โค้งคำนับเป็นทิวแถว บรรดาเหล่านางกำนัลต่างมองมาที่ฉันด้วยสายตาริษยา นี่มันดินแดนห่าเหวอะไรกันเนี่ย?
                ประตูทองคำยักษ์แง้มออก ข้างในเป็นห้องโถงพิพากษาที่โคตรจะอลังการ เบื้องหน้าเป็นที่ประทับทองคำขนาดใหญ่มาก นี่มันสร้างให้ช้างอยู่หรือไงวะ
    ตุบ!
    หมอนั่นโยนฉันลงจากบ่าอย่างซาดิสม์ ก้นกบตูได้พังก็คราวนี้ล่ะ
    “องค์ราชาเสด็จ!”
    ฉันแหงนหน้าขึ้นไปมองบนที่ประทับ ชายวัยกลางคนกำลังนั่งวางท่าอยู่บนนั้น ผมดำขลับยาวสลวยและใบหน้างาม คล้ายอนาคิน นัยน์ตาแดงฉานเหมือนเลือดคมกริบราวกับใบมีด บอกได้คำเดียวว่ามันหล่อ... เขาแย้มรอยยิ้มบางๆ มันทำให้ฉันสยอง-_-
    “สวัสดี...แม่หนูน้อย” (เสียงหล่อ)
    “วะ...หวัดดีค่ะคุณลุง”
    “ฮ่า ฮ่า ฮ่า เรียกข้าว่า คิงสตีเฟ่น สบีชวาคเคอร์ ออฟ สคาราคัง ที่13 เถอะ ไม่ต้องเกร็งข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”
    “อะ...อะไรนะคะ...สังคังที่13?” คนบ้าไรวะชื่อสังคัง
    “เออ...ช่างเถอะ ว่าแต่แม่หนูเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน เจ้าเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือ”
    “เพคะ...มะ...หม่อมฉันดีดเปียโนเพลงประหลาดที่ถูกเขียนด้วยเลือด แล้วก็หมดสติไป พอรู้สึกตัวอีกทีหม่อมฉันก็มาอยู่ที่นี่แล้วเพคะ...”
    ราชาสังคังที่13เบิกตากว้าง ก่อนจะทำสีหน้าครุ่นคิดวูบหนึ่ง เขาถูไถร่องคางตัวเองอย่างใช้ความคิด-_- ก่อนจะมองฉันด้วยสายตาอะไรสักอย่าง
    “เธอ! ต้องใช่เธอแน่ๆ ควีนลูเซีย! ข้าพบแล้ว!”
    สิ้นสุรเสียงหล่อเหลา หญิงสาวที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านก็ปรากฏกายขึ้น เธอแต่งตัวอย่างกับนางเอกโอเปร่าผมยาวสีทองเป็นลอน ตาสีฟ้า ชุดสีขาวสะอาดดูเข้ากับใบหน้าอ่อนวัยของเธอ ทำไมมันสวยผิดมนุษย์วะ ยัยนี่ต้องไปศัลยกรรมมาแน่ๆ -_-
     ผู้หญิงที่ชื่อควีนลูเซียมองลงมาที่ฉันด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนจะระบายรอยยิ้มบางๆ
    “ท่านซาตานและมิคาเอลยังทรงโปรด... ท่านส่งเธอมาที่นี่อย่างนั้นหรือ...ในที่สุดเธอก็ค้นพบโน้ตเพลงแห่งกาลเวลาจนได้” (เสียงสวย)
                “ท่านแม่! ยัยผู้หญิงมนุษย์นี่เป็นกบฏ นางมีเจตนาร้ายขโมยมูลควายในไร่ของเราพ่ะยะค่ะ ท่านแม่ ใช้ทัณฑ์นางฟ้าลงโทษนาง!” อนาคินที่เงียบอยู่นานเริ่มปรักปรำฉันในข้อหาที่โคตรจะไร้สาระ
                “ไม่จริงเพคะ! มนุษย์ดีๆที่ไหนเขาบริโภคมูลวัวมูลควายกัน หมอนี่โกหก!”
                “เพราะเธอมันเป็นปอบเป็นกระสือไงล่ะ! บังอาจนักพูดจาสามหาว!”
                “หยุด!” เสียงใสหวานก้องดังไปทั่วห้องโถง ควีนลูเซียจ้องฉันกับอนาคินตาเขม็งเหมือนผีจูออน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มอย่างรวดเร็ว
                “องค์ชาย...เจ้าออกไปก่อนเถอะ...ส่วนแม่หนูมูลควาย...ตามเรามาทางนี้”
                แม่หนูมูลควาย... ที่มหาลัยฉันได้ฉายามาดอนน่าเชียวนะ มาเรียกซะเสียเลยยัยควีนแม่มดพันปี -_-
                ฉันขึ้นบันไดและเดินตามชายกระโปรงสุดเวอร์ของยัยควีนลูเซีย เข้าไปในห้องๆหนึ่ง ข้างในตกแต่งด้วยฟอนิเจอร์สีชมพูดสดใส เตียงสีชมพู ตู้สีชมพู แม้แต่ชักโครกยังเป็นสีชมพู-_-
                “เอาล่ะ...นั่งลงก่อน แม่หนูมูลควาย”
                “หม่อมฉันชื่อ มอมแมม เพคะ -_-“
                “ฮิฮิ ไม่ต้องเกรงใจหรอกแม่หนูมูลมอมแมม เจ้าคือคนที่สำคัญต่อราชวงศ์สคาราคังยิ่งนัก ท่านซาตานคงส่งเจ้ามาเพื่อช่วยอาณาจักรเราเป็นแน่แท้ จิบชาไหมจ๊ะ”
                ควีนลูเซียส่งแก้วชาสีชมพูที่มีสตอเบอร์รี่ลอยอยู่มาให้ฉันด้วยกิริยาผู้ดีสุดๆ
                “ขอบพระทัยเพคะ...”
                ควีนลูเซียยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง
                “เรามีเรื่องสำคัญจะขอให้เจ้าช่วย ไม่สิ...เราจะขอบังคับให้เจ้าทำ”
                “เรื่อง...เรื่องอะไรหรือเพคะ” ยัยควีนลูเซียยิ้มบางๆ ก่อนจะพึมพำร่ายมนต์อะไรซักอย่าง แล้วก็มีแสงสว่างวูบไหวมาทางฉัน เสียงดังวิ๊งๆๆๆ =_=’’
                “พระองค์...ทำอะไรเพคะ?” ฉันรู้สึกชาไปหมดทั้งร่าง แล้วแสงสว่างวาบๆวิ๊งๆก็ค่อยๆหรี่ลง
                “นี่คือคำสาปของเหล่าเทพและปิศาจ ถ้าเจ้าไม่ทำตามที่เราบอก เราจะไม่มีวันถอนคำสาปให้เจ้ากลับไปยังโลกที่เจ้าเคยอยู่ชั่วชีวิต...”
                ฟังดูน่ากลัวจังเว้ย -_-
                “พระองค์มีพระประสงค์จะขออะไรหม่อมฉันหรือเพคะ...”
                ควีนลูเซียยิ้มกว้าง ก่อนจะมองฉันอย่างเอ็นดู
                “เจ้าจะต้องอภิเษกกับอนาคิน ทำให้ลูกเรามีคุณสมบัติพอที่จะครองราชย์ให้ได้ และต้องมีหลานให้เรา...”   
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×