คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Part 4 :
4
และแล้ว ภารกิจอันยิ่งใหญ่ (เว่อร์นิดๆ) ของผมก็กำลังจะสำเร็จในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว เหลือเชื่อแฮะ ทั้งๆที่เมื่อวันก่อนผมยังเครียดกับเรื่องนี้จนหัวแทบหงอก แต่หลังจากที่ได้แผนเด็ด ลับสุดยอดมาจากพี่โย ผมก็รู้สึกว่าอะไรๆมันดูง่ายขึ้นเยอะเลย
และนี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 วันก่อน ย้อนกลับไปเมื่อสองวันก่อน.........
“เมื่อไหร่แกจะเลิกตามฉันสักทีไอ้บ้า!!!ฉันชักจะรำคาญแกแล้วนะโว้ย!!”
วันนั้น ผมเดินตามตื้อไอ้ชายสี่แบบนอนสต็อบ ไม่มีหยุดเลยทีเดียว จนในที่สุดมันก็รำคาญผมถึงขนาดตะโกนแหกปากออกเสียงดังลั่น ไม่ได้อายคนที่ยืนอยู่มั่งเล้ย........
“ฉันจะเลิกตามนายก็ต่อเมื่อนายยอมบอกข้อมูลเกี่ยวกับคุณหนูแพลนเน็ตที่นายรู้ในตอนนี้กับฉันทั้งหมด”
“แกจะเอาไปทำไม” มันถามผมเสียงกร้าว ซึ่งมันก็น่ากลัวอยู่หรอกนะ แต่สำหรับผม ไม่เลยสักนิด!!!!
“ถ้าฉันยอมบอกนายว่าฉันเป็นใคร?นายต้องยอมบอกข้อมูลของคุณหนูกับฉัน ตกลงมั๊ย??”
“โอเค้.....ก็ได้....” เยส!ในที่สุดไอ้ชายมันก็ยอมรับบอกเรื่องคุณหนูกับผมสักที
เราสองคนพากันมานั่งที่ร้านอาหาร แล้วสั่งเครื่องดื่มกันคนละแก้ว จากนั้น ผมจึงเป็นคนเริ่มพูดก่อน
“ฉันเป็นนักสืบที่คุณพ่อของคุณหนูแพลนเน็ตส่งมา เพื่อให้ตามสืบหาตัวคุณหนูแล้วพากลับไปหมั้นกับคุณชาย.......” ผมบอกแล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ไอ้คุณชายนี่ฟังจนหมดตูด หวังว่าคราวนี้มันจะเล่าเรื่องคุณหนูให้ผมฟังบ้างนะ ห้ามเบี๊ยวล่ะ!
“เรื่องทั้งหมดก็มีเท่านี้แหละ ถึงตานายแล้ว ตามสัญญา......นายต้องเล่าเรื่องคุณหนูให้ฉันฟัง”
ไอ้คุณชายมันนิ่งไปสักพัก แต่ไม่นานก็เริ่มเล่าเรื่องคุณหนูออกมาจนได้
“สัญญานะ......ว่านายจะไม่บอกใคร” บ้าน่า!!ผมก็ต้องเอาข้อมูลพวกนี้ไปตามหาตัวคุณหนูมาจนเจออยู่แล้ว แล้วจะให้ไม่บอกใครได้ไงฟะ!!! แต่ขืนบอกไปงั้น มีหวังไอ้คุณชายมันต้องไม่ยอมเล่าแน่ๆ เอาก็เอา
“อืม สัญญา”
พูดไปงั้น ทั้งๆที่รู้ว่าก็ทำไม่ได้อย่างที่พูดอยู่ดี เฮ้อ ~
“ความจริงแล้ว วันนั้น ฉันเป็นคนพาคุณหนูแพลนเน็ตหนีออกมาจากบ้านจริงๆนั่นแหละ ตอนนั้น ฉันก็แค่ไม่อยากให้แพลนเน็ตต้องมาหมั้นกับผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รักอย่างฉัน” ว้า.....น่าฉงฉานนนน
“แล้วตอนนี้คุณหนูอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ฉันพาแพลนมาที่บ้านของช้องนาง เพื่อนฉันเอง” ช้องนาง........งั้นเหรอ......
“แสดงว่าตอนนี้คุณหนูอยู่ที่บ้านของเพื่อนนายที่ชื่อช้องนางล่ะสินะ”
“ไม่.......ตอนนี้แพลนไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วล่ะ”
“อ้าว!!” หมายฟามว่าไงฟะ!!!
“เมื่อวาน......ฉันกับช้องช่วยกันพูดให้แพลนกลับบ้านไปคุยกับพ่อแม่ให้เข้าใจ แต่แพลนเข้าใจว่าตัวเองกำลังจะทำให้พวกเราเดือดร้อน ก็เลยออกจากบ้านไป ตอนนี้แพลนอยู่ที่ไหน ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
แป่ว!!!ซวยเช็ด เกือบจะสำเร็จอยู่แล้วเชียว แต่ทำไมเรื่องมันกลับตาลปัตรแบบนี้ฟะ แล้วตกลงตอนนี้คุณหนูอยู่ไหนกันแน่ล่ะเนี่ย.........
“แสดงว่าตอนนี้คุณหนูอยู่ที่ไหนไม่รู้ นายไม่รู้มั่งเลยหรือไง ว่าคุณหนูน่าจะไปที่ไหนบ้าง” ผมชักจะหมดความอดทนกับเรื่องบ้าๆพวกนี้แล้วนะ คุณหนูคนนั้นจะรู้ตัวบ้างมั๊ยว่าตัวเองกำลังสร้างปัญหาให้กับผู้คนมากมาย
“ฉันไม่รู้.....” ไอ้คุณชายพูดเสียงแผ่ว
“เอาล่ะ......ยังไงฉันก็ต้องขอบใจนายนะ ที่บอกเรื่องทั้งหมดกับฉัน ไปก่อนละ แล้วฉันจะไม่มายุ่งกับนายอีก” ผมบอกกับไอ้คุณชาย แล้วเดินผละออกมา
และนั่นคือเรื่องราวเมื่อสองวันก่อน...........แต่ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ เวลานี้ ผมกำลังเครียด เครียดเรื่องที่ไม่รู้ว่าควรจะไปตามหาคุณหนูที่ไหน เครียดเรื่องที่ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณหนูจะเป็นตายร้ายอย่างไร เครียดเรื่องที่ไม่รู้ว่าใครจะมารังแกหรือทำร้ายคุณหนูหรือไม่.........เครียดๆๆๆๆ ทำไมผมต้องมานั่งเครียดและเป็นห่วงผู้หญิงที่ผมไม่เคยเจอตัวจริง ไม่เคยแม้แต่จะได้พูดคุยด้วยเลยสักครั้งแบบนี้ก็ไม่รู้ ผมไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
ผมขับรถออกมาอย่างไร้จุดหมาย ในหัวสมองของผมตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด ผมไม่รู้ว่าควรจะไปตามหาผู้หญิงคนนั้นที่ไหนดี สายตาที่เพ่งมองตรงไปบนถนนเบื้องหน้าตอนนี้ก็เลยดูจเหมือนจะเหม่อลอยไร้จิตวิญญาณไปด้วย
เอี๊ยดดดดด!!!!
แต่แล้วอยู่ดีๆก็มีผู้หญิงคนนึงมาเดินตัดหน้ารถของผม บ้าจริง!!อยากตายหรือไงกันนะ ที่ถ้าผมเหม่อลอยกว่านี้อีกสักนิด ผู้หญิงคนนี้คงจะกลายเป็นผีเฝ้าถนนสายนี้ไปแล้วแน่ๆ
“นี่คุณ เป็นอะไรมากหรือเปล่า คุณๆๆ”
ผมเปิดประตูรถลงไปแล้วรีบวิ่งไปหาผู้หญิงที่นอนหมดสติอยู่หน้ารถผมทันที จะตายรึเปล่าวะเนี่ยยยย
“......”
ผมพยายามใช้มือเขย่าๆตัวเธอ แต่ก็ไร้ผล ผู้หญิงคนนี้ยังคงนอนนิ่งสนิท ไม่ได้สติใดๆทั้งสิ้น จนผมต้องพลิกร่างของเธอที่นอนตะแคงอยู่ขึ้นมาเพื่ออุ้มเข้าไปในรถแล้วพาไปส่งโรงพยาบาล
“อ๊ะ....” ผมถึงกับอุทานออกมาเมื่อรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาคุ้นๆชอบกล
ไม่ใช่หรอกมั้ง ผมคงคิดไปเองมากกว่า ยัยนั่นเป็นถึงคุณหนู คงไม่ออกมาเดินเพ่นพล่านแบบนี้หรอกน่า.......
โรงพยาบาล
“อ้าว!ฟื้นแล้วเหรอ เธอสลบไปตั้งหลายชั่วโมงแน่ะ รู้มั๊ย”
ผมบอกกับผู้หญิงคนเดิมที่ผมพามาส่งโรงพยาบาล เมื่อเธอค่อยๆลืมตาขึ้น
“คุณเป็นใคร”
ท่าทางเธอดูระแวงในตัวผม ผมก็เลยรีบแนะนำตัวอย่างไว
“เอ่อ....ผมเป็นคนขับรถคันที่คุณเดินตัดหน้าน่ะครับ”
“ฉันเดินตัดหน้ารถคุณงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ ขอโทษนะครับ”
“ฉันขอโทษนะ”
แล้วเราสองคนก็เงียบอยู่พักใหญ่ ผมก็เลยเริ่มต้นพูดขึ้นมาอีก
“แล้วบ้านคุณอยู่ที่ไหนเหรอ เดี๋ยวออกจากโรงพยาบาลแล้วผมจะพาไปส่ง”
“บ้านเหรอ.......”
ผมพยักหน้า เมื่อเธอทวนคำพูดของผมด้วยท่าทางเหม่อลอย
“ฉันไม่อยากกลับบ้าน ขอร้องล่ะ อย่าพาฉันไปส่งบ้านเลยนะ”
เธอเขย่าแขนผมด้วยเสียงสั่นๆ
“อะ....อ้าว....ทำไมล่ะ แล้วอยู่ดีๆทำไมถึงมาเดินตัดหน้ารถ ไม่กลัวหรือไง”
“ ไม่!!ฉันอยากตาย”
เธอส่ายหน้าไปมา แปลกแฮะ บ้าหรือเปล่าฟะ อยากตายงั้นเหรอ
“ทำไมล่ะ ทะเลาะกับแฟนมาเหรอ” คำถามผมมันจะดูถูกคนอื่นมากไปป่าว ช่างเหอะ รอคำตอบดีกว่า อยากรู้ๆๆ
“เปล่า.......ฉันมีปัญหากับที่บ้านนิดหน่อย แต่ช่างเหอะ นายรู้แค่ว่า ฉันยังไม่อยากกลับบ้านก็พอ”
“แล้วถ้าหมออนุญาตให้กลับบ้านแล้ว เธอจะไปอยู่ที่ไหน” สรรพนามเริ่มเปลี่ยน เพราะรู้สึกผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้เรียกผมว่าคุณแล้วเหมือนกัน
“ไปที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่บ้านฉัน”
แล้วมันที่ไหนล่ะฟะ บ๊ะ!!ยัยนี่ พูดจาไม่รู้เรื่อง
“โรงแรมม่านรูดหรือไง?”
“ทะลึ่ง!!เพื่อนเล่นเหรอ” อ้าว โดนเลยตู ก็มันจริงอ่ะ ผมไม่รู้ว่าเธอหมายถึงที่ไหนกันแน่นี่นา
“ฉันหมายถึงบ้านนายต่างหากล่ะ”
“อ้าว งั้นหรอกเหรอ ก็เธอไม่บอกตั้งแต่ตอนแรกนี่ ใครจะไปรู้ล่ะ”
ผมเถียง แต่ก็เริ่มรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ตลกดีเหมือนกัน ถึงจะดูท่าทางดุๆ แต่ก็แปลกๆดี เอ๊ะ นี่ผมชอบของแปลกเหรอเนี่ย ฮ่าๆๆ เพิ่งจะรู้ตัว
“งั้นเธอก็พักผ่นอก่อนก็แล้ว เดี๋ยวเย็นนี้ฉันจะมาเยี่ยมอีกที”
ผมบอกกับเธอแล้วเดินออกมาจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน แล้วเรื่องค่ารักษาพยาบาลล่ะ อย่าบอกนะว่านายเป็นคนจ่ายให้ฉัน”
“ก็ถ้าไม่ใช่ผมจ่าย แล้วใครจะเป็นคนจ่ายให้คุณล่ะคร้าบบบบบ”
“แพงหรือเปล่า เดี๋ยวฉันจะใช้คืนให้ทีหลังก็แล้วกันนะ”
“ไม่เป็นไร เอาไปเหอะ เป็นค่าทำขวัญ”
ผมบอกแค่นั้น แล้วรีบเดินออกมาจากห้องนั้น ผมกลับมาที่บ้าน แล้วทำงานของตัวเองไปเรื่อยๆ พี่โยบอกว่า มีงานให้ผมทำอีกงาน เป็นงานของคุณอนุรักษ์ ประธานบริษัทที่มีหุ้นส่วนอยู่กับบริษัทของพ่อของคุณหนู
แพลนเน็ตนั่นเอง
“เค้าจ้างให้เราทำอะไรเหรอครับ พี่โย”
“สืบเรื่องลูกชายน่ะ”
“ลูกชายเค้าหนีออกจากบ้านเหรอครับ”
“เปล่า เอ้านี่ รายละเอียด พี่เตรียมไว้แล้ว เอาไปนั่งอ่านป่ะ เดี๋ยวทางนู้น จะส่งเมลล์เรื่องข้อมูลของลูกชายมาให้อีกที”
พี่โยพูดแล้วส่งเอกสารจำนวนหนึ่งให้ผมเอาไปนั่งอ่านเอง คงจะขี้เกียจมานั่งเล่าให้ฟังล่ะมั้ง เพราะรายละเอียดของลูกค้าแต่ละคนมันช่างยิบย่อยมากมายเสียเหลือเกิน
“อ้าว นี่มันไอ้คุณชายสี่หมี่เกี๊ยวนั่นนี่นา อ้อ ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง”
ผมเริ่มจะเข้าใจความสัมพันธ์ของคนในตระกูลนี้จนเกือบหมดแล้วล่ะ นี่ถ้าผมเป็นพวกนักสืบที่ไม่มีจรรยาบรรณนะ ป่านนี้ ผมคงเอาเรื่องพวกนี้ไปขายให้พวกนักข่าวไฮโซได้ตังค์มากินขนมเยอะแยะแล้วแหละ
งานที่สองของผมก็คือ....... พ่อของคุณชายสี่ จะให้ผมสืบเรื่องลูกสะใภ้ของแกนั่นเอง เพราะแกเพิ่งจะรู้ว่าลูกชายมีแฟนอยู่แล้ว และคิดว่าเหตุผลที่ทำให้คุณหนูแพลนเน็ตไม่ยอมหมั้นกับลูกชายของตัวเองก็เพราะเรื่องนี้ ท่าทางพวกผู้ใหญ่คงจะยังไม่มีใครรู้สินะ ว่าคุณหนูเองก็ไม่ได้รักลูกชายของแกมากไปกว่าเพื่อนเหมือนกัน ยังไงซะ ถึงลูกชายแกจะยังไม่มีแฟน คุณหนูก็คงไม่หมั้นกับลูกชายแกอยู่แล้ว
ผมเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อดูเมลล์ของทางนู้น ที่พี่โยบอกว่าจะส่งข้อมูลของคุณชายมาให้ดู แต่ยังไม่มีเมลล์ใหม่ในกล่องข้อมูลเลย ผมก็เลยลองเปิดเมลล์เก่าๆดูเล่นๆไปก่อน
“อ้าว!! นี่มัน…”
ผมบังเอิญเปิดมาเจอเมลล์เก่าที่เป็นข้อมูลของคุณหนูแพลนเน็ต
“เหมือนจังเลยแฮะ......เหมือน....”
ผู้หญิงคนนี้หน้าเหมือนผู้หญิงที่เดินตัดหน้ารถผมอย่างกับฝาแฝด ไม่......ไม่ใช่แค่เหมือนนะ แต่ผมกำลังคิดว่าเธอเป็นคนคนเดียวกันด้วยซ้ำ ใช่......ต้องใช่แน่ๆ
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง……” ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผมก็ต้องพาเธอกลับไปส่งให้กับพ่อของเธอที่บ้านล่ะสินะ ถ้าผมทำอย่างนั้นได้ งานของผมก็จะสำเร็จไปหนึ่ง ฟังดูดีแฮะ แต่ผมคงไม่กล้า เธอบอกกับผมเองนี่นา ว่าไม่อยากกลับบ้าน ผมจะกล้าพาเธอกลับไปที่นั่นเหรอ
“ทำอะไรอยู่เหรอ ซี”
เฮ้ย!! พี่โยโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ผมรีบปิดเมลล์ของคุณหนูทันที เฮ้อ.......แล้วผมจะตกใจหาพระแสงด้ามติ้วอะไรฟะเนี่ย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ พี่โย”
“เปล่าๆ พี่แค่จะมาถามว่าซีได้รับเมลล์จากทางนู้นรึยัง”
“อ๋อ ยังเลยครับ อ้าว!!มาพอดีเลย เดี๋ยวผมเปิดอ่านก่อนนะครับ”
พี่โยเห็นว่ามีเมลล์ใหม่เข้ามาพอดี ก็เลยเดินจากไป ปล่อยให้ผมนั่งอ่านเมลล์นั้นคนเดียว
เมื่อพี่โยไปแล้ว ผมก็เปิดเมลล์เก่าที่เป็นข้อมูลของคุณหนูแพลนเน็ตขึ้นมาอ่านดูอีกครั้ง คราวนี้ผมมั่นใจแล้วว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปคนนั้น คือผู้หญิงคนเดียวกับที่ผมเจอตัวแล้วจริงๆ
ผมมาหาคุณหนูแพลนเน็ตอีกครั้งที่โรงพยาบาล แล้วนั่งลงข้างๆเตียงคนไข้ คุณหนูลืมตามองผมช้าๆ ผมถึงได้รู้ว่าเธอยังไม่หลับสนิท
“นึกว่าใคร นายนั่นเอง”
เธอบอกกับผม ถ้าให้เดา เธอคงกลัวว่าจะมีใครมาตามตัวเธอกลับไปส่งที่บ้านล่ะสินะ
“เธอชื่ออะไรเหรอ ฉันจะได้เรียกถูก”
“พะ.....ฟ้า.......ฉันชื่อฟ้า”
เมื่อกี้นี้ถ้าผมไม่ได้หูฝาด รู้สึกเหมือนจะได้ยินเธอหลุดคำคำหนึ่งออกมา แต่ก็สามารถกลบเกลื่อนมันได้ดี
“อืม.....ฟ้างั้นเหรอ”
ผมมั่นใจว่าเธอกำลังปกปิดเรื่องราวของตัวเองกับผมอยู่ แต่ก็ไม่โกรธเท่าไหร่หรอก เพราะถ้าผมเป็นเธอ คงก็ต้องทำแบบเดียวกัน
“หมอบอกว่าพรุ่งนี้เช้าเธอก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะฟ้า” ผมบอกกับเธอ
“อืม.....ขอบใจนะ”
วันต่อมา
ผมมารับคุณหนูแต่เช้า ท่าทางเธอเองก็เตรียมตัวพร้อมที่จะออกจากโรงพยาบาลแล้วเหมือนกัน เมื่อผมพาคุณหนูขึ้นรถมาส่งที่บ้าน เธอก็มีท่าทางแปลกๆชอบกล
“เป็นอะไรไปเหรอ”
“นี่บ้านนายเหรอ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนคุ้นๆตาจัง”
จะไม่ให้คุ้นได้ยังไง บ้านผมอยู่ใกล้กับบ้านของเธอจะตายไป แบบนี้เส้นทางมันก็ต้องดูคุ้นๆตาอยู่แล้ว
“อืม.....จะว่าไปถนนหนทางในกรุงเทพฯมันก็คล้ายๆกันหมดนั่นแหละ ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอกน่า เดี๋ยวเธอพักที่บ้านฉันไปก่อนก็แล้วกัน สบายใจเมื่อไหร่ เดี๋ยวฉันค่อยพาเธอกลับบ้าน โอเคมั๊ย??”
“อื้ม”
ฉันมาอยู่ที่บ้านหมอนี่ได้กี่วันแล้วนะ อืม......ถ้านับตั้งแต่วันที่ฉันเดินตัดหน้ารถหมอนี่วันนั้น มันก็ปาเข้าไปเกือบเป็นอาทิตย์แล้วนะเนี่ย เวลาผ่านไปเร็วชะมัดเลยแฮะ......
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ นึกว่ายังไม่ตื่นซะอีก อ้ะ นี่ น้ำเต้าหู้ กับปาท่องโก๋ กินเป็นใช่มั๊ย”
หมอนั่นเดินเอาถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋มายื่นให้ฉัน แล้วถามคำถามแปลกๆ ก็ต้องกินเป็นสิยะ คนนะ ไม่ใช่ปลาดุก ฮึ่ย!
“เป็นสิ ขอบใจนะ” ฉันรับถุงมา แล้วหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมากินก่อนจะหันไปถามนายซีที่เพิ่งนั่งลงข้างๆฉัน
“นายเรียนหนังสืออยู่หรือเปล่า”
“เรียนสิ ฉันอยู่ปี3 เธอล่ะ?”
“เหมือนกัน แต่ตอนนี้ดร็อปอยู่ ฉันไม่ได้ไปที่มหาลัยมาตั้งหลายวันแล้ว”
ฉันมองหน้าหมอนี่แล้วกระพริบตาถี่ๆอยู่พักหนึ่ง รู้สึกเหมือนเขามีอะไรบางอย่างจะถามฉันนะ แต่ทำไมไม่ยอมพูดสักทีล่ะ รอจนเหงือกแห้งแล้วนะ เฮ้อ
“มีอะไรหรือเปล่า” ในที่สุดฉันก็ทนความอึดอัดที่หมอนี่มานั่งจ้องหน้าฉันไม่ไหว จนต้องเอ่ยถามออกไป
“เธอ.......ไม่คิดจะกลับไปที่บ้านจริงๆเหรอ”
“ใช่ นายถามทำไมเหรอ”
“เอ่อ....ปละ.....เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” ความจริงแล้ว ผมน่ะ อยากจะพาคุณหนูไปส่งบ้านใจแทบขาด แต่ถ้าผมทำอย่างนั้น ก็เท่ากับว่าผมส่งให้คุณหนูไปหมั้นกับไอ้คุณชายอีกเหมือนเดิม คิดมาถึงตรงนี้ทีไร ผมก็รู้สึกว่าไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นเลยแฮะ นี่ผมกำลังหวง หรือห่วงคุณหนูอยู่กันแน่ล่ะเนี่ย เฮ้อ ~ บ้าจริง!!!!
“ป่านนี้พ่อกับแม่คงจะเป็นห่วงฉันแย่แล้วล่ะมั้ง” อ๊ะ!อยู่ๆ คุณหนูก็เปรยขึ้นมาเอง นี่ก็แสดงว่า.....คุณหนูอยากจะกลับบ้านงั้นเหรอ.....
“เธอคิดถึงพ่อกับแม่งั้นเหรอ?” ถ้าคิดถึง ก็คงจะอยากกลับบ้านแล้วสินะ
“ก็.....อืม......นิดหน่อยน่ะ ฉันกลัวว่าพวกท่านจะเป็นห่วงฉันมากกว่า”
“งั้น.......เธอจะกลับบ้านมั๊ยล่ะ เดี๋ยวฉันพาไปส่ง” พูดไปทั้งที่ในใจไม่อยากจะได้ยินคำตอบรับ
“เอางั้นเหรอ??” นั่น! ยังจะหันมาย้อนถามผมอย่างกับผมมีสิทธิ์ที่จะรั้งตัวคุณหนูไว้อย่างนั้นแหละ
“ไม่รู้สิ แล้วแต่คุณหนูเถอะ……อุ๊บ!!” ซวยแล้ว!ในที่สุด ผมก็หลุดปากออกไปจนได้ คุณหนูต้องรู้ตัวแล้วหนีไปแน่ๆเลย
“อะไรนะ!!คุณหนูงั้นเหรอ?? เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าคุณหนูใช่มั๊ย” เอ๊ะ!ก็ได้ยินเต็มสองหูแล้วนี่นา ยังจะถามเพื่อ???
“อือ” ผมพยักหน้านิดๆ เป็นเชิงยอมรับ
“รู้ความจริงแล้วสินะ ว่าฉันเป็นใครน่ะ” อ้าว!คุณหนูไม่หนีแฮะ ยังนั่งเฉยอยู่เลย
“อะ.....อืม....” คุณหนูไม่เห็นมีท่าทางเครียดเลยแฮะ แถมยังหันมายิ้มให้ผมอีก “ขอบใจนะ ที่ไม่พาฉันไปส่งที่บ้าน ทั้งๆที่รู้แล้วว่าฉันคือคุณหนู นายคงจะเห็นรูปฉันจากป้ายประกาศตามตัวฉันอะไรพวกนั้น แล้วจำได้สินะ”
“เอ่อ......คือ........ความจริงแล้ว......” โอ๊ย!!อยากจะบอกคุณหนูจังเลย ว่าผมเป็นนักสืบที่คุณพ่อของคุณหนูให้มาตามสืบเรื่องคุณหนูน่ะ แต่ทั้งๆที่คำพูดมันมารวมกันอยู่ที่คอหอยแล้วนะ ทำไมถึงรู้สึกว่ามันไม่ยอมออกจากปากไปสักทีนะ
“มีอะไรหรือเปล่า” คุณหนูคงจะเห็นท่าทีอึกอักของผม ก็เลยถามออกมาอย่างสงสัย
“อะ.....เอ่อ....ปละ......เปล่า.....ไม่มีอะไรหรอก” เฮ้อ ~ ในที่สุดผมก็ไม่กล้าสินะ ไม่กล้าบอกคุณหนูว่าที่จริงแล้วผมเป็นใครกันแน่
หรือว่า.......บางที คุณหนูอาจจะรู้เรื่องไอ้คุณชายสี่หมี่เกี๊ยวนั่นก็ได้นะ ลองถามดูหน่อยดีกว่า
“นี่ คุณหนู......พอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับคุณชายสี่บ้างมั๊ย”
คุณหนูขมวดคิ้วสงสัยแน่ะ เอ......หรือว่าจะไม่มีใครรู้นะ
“นายจะเอาเรื่องไหนล่ะ ฉันรู้ทุกเรื่องแหละ”
แป่ว!!ผิดคาดแฮะ นึกว่าจะไม่รู้ซะอีก
“เรื่องแฟนของคุณชายน่ะ”
“ช้องนางน่ะเหรอ”
“อะไรนะ.......ช้องนาง?”
“อือ ก็แฟนของชายสี่ไง แฟนของชายสี่ชื่อช้องนาง ทำไมอ่ะ นายอยากรู้ไปทำไมเหรอ”
“อ้อ เปล่าๆ....ไม่มีอะไรหรอก แล้วเธอรู้อะไรอีกมั๊ย”
“เรื่องช้องนางน่ะเหรอ ก็....”
หลังจากนั้น คุณหนูก็เล่าเรื่องของช้องนางที่เธอพอจะรู้ให้ผมฟังจนหมด ผมก็เลยได้ส่งข้อมูลไปให้ทางองค์กรสักที เฮ้อ ~ เป็นนักสืบเนี่ยนะ เหนื่อยใช่เล่นเลยแฮะ
ความคิดเห็น