คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 3 :
3
“ฮัลโหล ชายเหรอ ว่าไง ผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ??”
วันนี้ฉันได้รับโทรศัพท์จากชายสี่เพื่อนสนิทของฉันอีกแล้ว เรื่องที่ทำให้ชายเป็นกังวลอยู่ตอนนี้ก็คือเรื่องของผู้ชายปริศนาคนนั้น ที่ชอบมาตามสืบเรื่องของฉันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่เบื่อบ้างหรือไงนะ บ้าหรือเปล่า???
[เมื่อวานผู้ชายคนนั้นมาถามเรื่องแพลนกับชายอีกแล้วนะแพลน]
“เหรอ แล้วชายตอบเขาไปว่าไงมั่ง”
[ชายก็ไม่ได้บอกอะไรเขาไปหรอก ชายบอกแต่ว่าชายไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น]
“อืม...ดีแล้วล่ะชาย ขอบใจมากนะ”
[แพลนเองก็ต้องระวังตัวแล้วก็ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ ชายเป็นห่วง]
“จ๊ะ ขอบใจมากนะชาย ที่เป็นห่วงแพลน เอ้อ! จริงสิ แพลนมีเรื่องนึงจะบอกกับชายตั้งหลายวันแล้ว แต่แพลนลืมตลอดเลย”
[เรื่องอะไรเหรอ?]
“คือ....แพลนกำลังสงสัยว่าผู้ชายที่ชอบมาถามหาแพลนจากชายน่ะ จะเป็นนักสืบหรือไม่ก็คนที่คุณพ่อของแพลนส่งมาน่ะสิ”
[งั้นเหรอ.....อืม....มันก็น่าเป็นไปได้นะแพลน โอเคๆ แล้วชายจะลองสังเกตให้นะ หรือไม่ก็ถามเขาไปตรงๆเลยมั๊ย]
“ไม่รู้สิ แล้วแต่ชายเถอะ เพียงแต่แพลนเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเขารู้ว่าเราไม่ได้หนีงานหมั้นออกมาเพราะเราเป็นเด็กไม่ดี แต่เราต้องหนีออกมาเพราะเราไม่ได้อยากจะหมั้นกัน เขาจะช่วยพวกเราหรือเปล่า”
หลังจากชายวางสายไปแล้ว ฉันหันไปเห็นช้องยืนหลบอยู่ในมุมแคบๆ มานานหรือยังนะ แล้วทำไมไม่เข้ามาข้างในล่ะ ไปยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น
“อ้าว!ช้อง ยืนทำอะไรอยู่เหรอ ทำไมไม่เข้ามานั่งล่ะ มานานแล้วเหรอ” ฉันหันไปเรียกช้อง ไม่รู้ว่าตาฝาดไปหรือเปล่า แต่เมื่อกี้รู้สึกเหมือนฉันเห็นช้องสะดุ้งนิดๆด้วยล่ะ ตอนที่ฉันหันไปเห็นน่ะ
“อะ...อืม....กะ...ก็...มา...ได้สักพักแล้วล่ะ แต่เห็นแพลนคุยโทรศัพท์อยู่ ก็เลยไม่อยากเข้าไปรบกวนน่ะ”
Special Chongnang says :
ที่จริงฉันน่ะ ไม่ได้เกรงใจหรือไม่อยากรบกวนแพลนจริงๆหรอก ฉันไม่ใช่คนมารยาทงามขนาดนั้น เพียงแต่เมื่อกี้ ตอนฉันเดินมาถึงหน้าห้องของแพลน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย ที่ฉันดันเดินมาได้ยินประโยคเด็ดที่แพลนคุยโทรศัพท์กับชายอยู่พอดี สิ่งที่ฉันได้ยินก็คือ
‘อืม...ดีแล้วล่ะชาย ขอบใจมากนะ’
‘จ๊ะ ขอบใจมากนะชาย ที่เป็นห่วงแพลน เอ้อ! จริงสิ แพลนมีเรื่องนึงจะบอกกับชายตั้งหลายวันแล้ว แต่แพลนลืมตลอดเลย’
แถมหลายวันก่อน ฉันยังบังเอิญได้ยินคุณหนูแพลนพูดโทรศัพท์กับคุณชายด้วยประโยคนี้อีก
‘ขอบใจมากนะชายที่เป็นห่วงแพลนน่ะ’
แค่สองสามประโยคนี้ล่ะ ไม่ต้องมากมายหรอก ฉันก็รู้แล้วล่ะ ว่าปลายสายจะพูดว่าอะไร คำก็เป็นห่วง สองคำก็เป็นห่วงกัน แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง ยอมรับว่าตอนแรกที่ฉันได้ยิน ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรแหลมๆมาแทงตรงกลางอก ถึงฉันจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบคิดเล็กคิดน้อย แต่พอฉันมาเห็นความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนของคุณหนูแพลนเน็ตกับชายสี่แล้ว ฉันก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ ที่ดูเหมือนสองคนนั้นจะสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษแบบนี้ แถมชายยังดูจะเป็นห่วงเป็นใยผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอดเวลา
หลายปีก่อน ชายสี่เคยขอคบกับฉันเป็นแฟน ชายสี่เป็นนักกีฬาของโรงเรียนที่น้องๆกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมาก พวกน้องผู้ชายในโรงเรียนมองว่าเขาเป็นไอดอลอันดับหนึ่ง ส่วนน้องผู้หญิงหลายคนในโรงเรียนก็แอบปลื้มเขาไม่น้อย แต่ฉันกลับรู้สึกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากๆที่ชายเลือกที่จะเป็นแฟนกับฉัน จากนั้น เราสองคนก็คบหากัน สนิทสนมและรักกันมาก มีอยู่ช่วงหนึ่ง พวกที่ทำหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน เคยเอาข่าวของฉันกับชายไปลงในคอลัมต์เกี่ยวกับคู่รักในโรงเรียน โดยมีเนื้อหาว่า ‘คู่หวานสุดแหววของโรงเรียนในตอนนี้ ต้องยกให้คู่ของคุณชายสี่สุดเท่ห์ของน้องๆกับพี่ช้องนาง รุ่นพี่สุดสวยของเรา ความสัมพันธ์ที่มีพัฒนาการจากเพื่อนมาเป็นแฟนของทั้งคู่ ทำให้สามารถดูแลและเทคแคร์ซึ่งกันและกันได้อย่างรู้ใจ จนตอนนี้ในโรงเรียน ไม่มีคู่ไหนหวานได้เท่าคู่รักคู่นี้อีกแล้ว’
เมื่อไม่กี่วันมานี้ อยู่ๆ ชายก็มาบอกกับฉันว่าเขาจำเป็นต้องหมั้นกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเป็นลูกคุณหนูที่ครอบครัวของเธอทำธุรกิจร่วมกับครอบครัวของชาย แต่ความจริงเขาและเธอคนนั้นก็ไม่ได้รักกันหรอก เพียงแต่โดนบังคับจากทางบ้านให้หมั้นกันไว้เฉยๆ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของครอบครัวของชายกับผู้หญิงคนนั้นมากกว่า
‘อืม.....ถ้างั้น....ชายให้ผู้หญิงคนนั้นมาหลบอยู่ที่บ้านช้องก่อนมั๊ยล่ะ เผื่อจะถ่วงเวลาไปได้บ้าง จนกว่าเราจะแก้ปัญหาเรื่องนี้กันได้’ ฉันลองบอกกับชายเพื่อหาทางช่วยเรื่องนี้ ชายจะได้ไม่ต้องหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น
‘มันจะดีเหรอช้อง ชายกลัวว่าช้องจะเดือดร้อนน่ะ’
‘ดีสิ ช้องไม่เดือดร้อนหรอก ช้องเต็มใจที่จะช่วยเรื่องนี้ เราเป็นแฟนกันนะ มีอะไรก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหาสิ หรือว่าชายอยากจะหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น??’
‘ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ก็ได้.....ถ้าช้องต้องการอย่างนั้น อีกอย่างมันก็ไม่เลวนะ เผื่อเราจะถ่วงเวลาพวกผู้ใหญ่ให้เลื่อนงานหมั้นออกไปก่อนได้ ขอบใจนะช้อง’
หลังจากวันนั้นไม่กี่วัน ชายก็ก็พาผู้หญิงคนนั้นมาที่บ้านของฉันจริงๆ แต่รู้สึกเหมือนชายจะยังไม่ได้บอกกับเธอนะ ว่าเราเป็นแฟนกัน แต่เรื่องนั้นน่ะ ช่างเถอะ ฉันเองก็ไม่ได้ซีเรียสหรือหึงหวงอะไรชายมากขนาดนั้น เพราะฉันรู้มาจากชายว่า ผู้หญิงคนนี้เองก็ไม่ได้รักชายแบบแฟนเหมือนกัน เธอแค่สนิทกับชายแบบเพื่อนเฉยๆ แต่ฉันก็ได้อยากจะแสดงความเป็นเจ้าของชายมากขนาดนั้นหรอก ตอนนี้มันกำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน มันไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งหึงหวงอะไร ฉันไม่อยากเป็นคนไร้สาระในสายตาของชาย
เพราะอย่างนี้ ฉันถึงได้ดูแลผู้หญิงคนนี้อย่างดีทุกอย่าง ให้ความสนิทสนมเหมือนเป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง ซึ่งเธอเองก็คงรู้สึกไม่ต่างไปจากฉัน แต่นับวัน ชายกับผู้หญิงคนนี้ก็เริ่มแสดงความสนิทสนมกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันอดที่จะน้อยใจไม่ได้ เป็นธรรมดาที่ฉันจะต้องรู้สึกอะไรบ้างล่ะ ฉันไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่นา แต่เอาเถอะ เพื่อชาย ฉันจะอดทนกับเรื่องนี้ให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน ฉันจะเข้มแข็ง และจะไม่แสดงตัวว่าเป็นแฟนกับชาย จนกว่าชายจะเป็นคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาก่อนเท่านั้น!!!!
นี่ฉันเองก็มาอยู่บ้านช้องนางได้เกือบเดือนแล้วนะเนี่ย ใกล้จะถึงวันที่ฉันต้องหมั้นกับชายแล้วด้วยสิ (ตามกำหนดการเดิม ถ้าฉันไม่หนีออกมาก่อนน่ะ ซึ่งวันนั้นก็คือวันเกิดของฉันเอง) ป่านนี้ทางบ้านฉันคงจะเร่งตามหาตัวฉันกันให้วุ่นวายจ้าละหวั่นไปกันหมดแล้ว ทำไงได้ ฉันไม่ชอบให้ใครมาบังคับซะด้วยสิ แล้วการที่ฉันหนีออกมาอยู่บ้านช้องนางแบบนี้ มันก็เสี่ยงต่อการที่จะทำให้ช้องเดือดร้อนไปด้วย สงสัยฉันจะต้องลองปรึกษากับชายเรื่องนี้อีกที ฉันเองก็ไม่อยากรบกวนช้องนานซะด้วยสิ
“คิดอะไรอยู่เหรอแพลน หน้าเครียดเชียว” ช้องเดินมาถามฉันที่นั่งอยู่หน้าทีวี แต่สมองกลับไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ในจอทีวีตอนนี้เลยสักนิด
“อ้อ เปล่าหรอก ก็กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“อะไรเรื่อยเปื่อยที่ว่าน่ะ มันคืออะไรเหรอ”
“ฉันแค่กำลังคิดว่า ฉันมารบกวนช้องนานเกินไปหรือเปล่า นี่ก็เกือบเดือนแล้วนะ ที่ฉันมาอยู่กับช้องน่ะ”
“นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องนี้เองเหรอ ไม่ต้องคิดมากหรอกน่าแพลน ฉันเต็มใจจะช่วยเธอจริงๆ ไม่ต้องคิดมากนะ”
“ขอบใจนะช้อง แต่ฉันก็อดที่จะเกรงใจเธอไม่ได้นี่นา” ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆนะ ช้องน่ะ ไม่ใช่ญาติโกโหติกาอะไรกับฉันสักหน่อย แต่ต้องมานั่งเทคแคร์ดูแลฉันแบบนี้มาตั้งเกือบเดือนแล้ว เป็นใครมันก็ต้องรู้สึกเกรงใจกันมั่งล่ะน่า
“ไม่ต้องเกรงใจนะเลยนะแพลน ฉันอยากช่วยจริงๆ”
“ทำไมเหรอ.....ทำไมเธอถึงอยากช่วยฉันด้วยล่ะ” เริ่มสงสัยขึ้นมาแล้วสิ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนช้องพยายามที่จะช่วยเรื่องนี้ รู้สึกเหมือนช้องจะไม่อยากให้ฉันหมั้นกับชายสี่จริงๆเลยนะเนี่ย สองคนนี้เป็นแฟนกันหรือเปล่านะ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทำไมชายสี่ถึงไม่เคยบอกฉันเลยล่ะ ว่าเป็นแฟนกับช้องน่ะ
“ก็.......เอ่อ......คือ.......ฉันแค่อยากจะช่วยพวกเธอเฉยๆน่ะ ฉันไม่ชอบการคลุมถุงชน มันเป็นการกีดกันสิทธิเสรีภาพในการเลือกคู่ครอง ฉันไม่อยากนั่งมองเหตุการณ์แบบนั้น โดยไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย ทั้งๆที่ฉันสามารถช่วยได้”
“อย่างนั้นเหรอ.......อืม......แต่ยังไง ฉันก็ต้องขอบใจเธอมากนะช้อง ขอบใจเธอมากจริงๆ”
สงสัยฉันจะคิดไปเองล่ะมั้ง?ว่าชายสี่กับช้องนางเป็นแฟนกัน บางที ทั้งสองคนอาจจะเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆก็ได้ เฮ้อ ~ คิดมากจริงๆเลยเรา......
ผมเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!!! ตั้งแต่วันที่ผมต้องมาสืบเรื่องยัยคุณหนูแพลนเน็ตอะไรเนี่ย ผมก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาทุกที อย่าบอกนะว่า ผมตกหลุมรักยัยคุณหนูหน้าสวยนั่น ตั้งแต่ยังไม่เจอตัว แอบรักเธอข้างเดียวงั้นเหรอ??ชอบตั้งแต่ยังไม่เจอตัวจริงเลยเนี่ยนะ บ้าน่า ทำตัวเป็นพวกพระเอกมิวสิกไปได้นะเรา........
“ทำอะไรอยู่น่ะซี วันนี้ไม่ได้ออกไปสืบเรื่องคุณหนูแพลนเน็ตเหรอ”
“ครับ พี่โย วันนี้รู้สึกเหนื่อยๆ แต่ถึงจะออกไป ผมก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยมีอะไรคืบหน้าสักเท่าไหร่หรอกครับ พี่ช่วยผมคิดหน่อยได้ไหมครับ ว่าผมควรจะทำยังไงดี ถึงจะสืบเรื่องนี้ได้สักที” ในเมื่อทำทุกวิธีแล้ว ยังหาตัวคุณหนูไม่เจอ ก็คงต้องลองขอคำแนะนำจากรุ่นพี่ดู เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง
“อืม.....พี่ว่า ถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้า เธอลองไปถามทางบ้านเค้าดูมั๊ยล่ะ ว่าคุณหนูแพลนเน็ตน่ะ ชอบไปเที่ยว หรือไปพักผ่อนที่ไหนเป็นพิเศษ หรือไม่นายก็ลองสมมุติเอาเองว่าถ้านายโดนคลุมถุงชนแบบนี้ เป็นนาย นายจะหนีไปที่ไหน”
“นั่นสินะ........ถ้าเป็นผม.....งั้นเหรอ???” ผมพยายามคิดว่าถ้าเป็นผม ผมจะไปที่ไหน แต่มันก็คิดไม่ออก เพราะเหตุการณ์แบบนี้มันคงไม่เกิดขึ้นกับผมอย่างแน่นอน ใครมันจะมาจับผมคลุมถุงชน ผมไม่ใช่พวกลูกมหาเศรษฐีสักหน่อย เพ้อเจ้อน่า!!!
“อืม.....ยกตัวอย่างนะ......ถ้าเป็นพี่ พี่ก็คงจะหนีไปพักผ่อนสมองที่บ้านพักตากอากาศอะไรเงี้ย ไม่หนีไปไหนไกลหรอก เพราะไม่ค่อยจะมีคนรู้จัก” คนรู้จักงั้นเหรอ?? ในข้อมูลของคุณหนุแพลนเน็ตบอกว่าคุณหนูไม่ค่อยจะมีเพื่อนนี่นา งั้นก็แสดงว่าคุณหนูไม่ค่อยจะมีคนรู้จักที่ไหนมากมายนัก หรือว่า.......จะหนีไปอยู่บ้านเพื่อน แต่ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ทำอย่างกับว่าบ้านเพื่อนของคุณหนูจะหาง่ายอย่างนั้นแหละ ยิ่งไม่ค่อยมีเพื่อนก็ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ เพราะไม่รู้ว่ามีใครเป็นเพื่อนที่สนิทกับคุณหนูบ้าง
“แล้วผมจะไปหาสถานที่แบบนั้นได้ที่ไหนล่ะครับ”
“ขอโทษ พี่ลืมไปว่าเราเพิ่งจะมาฝึกงาน และรับงานนี้เป็นงานที่สามเอง เอาเป็นว่า พี่จะช่วยวางแผนแล้วก็หาข้อมูลเพิ่มเติมให้ซีเอง พี่พอจะมีพวกเพื่อนๆอยู่ในวงการไฮโซบ้างน่ะ ซีคอยทำตามแผนของพี่ก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากนะครับ” ในที่สุด สวรรค์ก็เข้าข้างผม 555+ ยัยคุณหนูหน้าสวยนั่นก็เหมือนกัน ทำผมปวดตับมาหลายวัน อย่าให้เจอตัวนะ จะจับตีให้ก้นลายเลยจริงๆด้วย......................
วันนี้เป็นวันเกิดของฉันล่ะ เป็นวันที่ฉันต้องเข้าพิธีหมั้นกับชายสี่ (ถ้าฉันไม่หนีออกมาก่อนอ่ะนะ) เห็นชายสี่บอกว่าวันนี้จะมาหาฉันที่บ้านช้องนาง ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
“วันนี้ชายจะมาหาที่นี่ใช่มั๊ย” ช้องถาม เพราะเมื่อวานฉันเป็นคนบอกช้องเองแหละ ว่าวันนี้ชายจะมาที่นี่
“จ๊ะ ทำไมเหรอ” ทำหน้างงๆ ก็รู้แล้วนี่นา ถามอีกทำไม คนเรา
“อ้อ เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก” ฉันแอบเห็นช้องอมยิ้มคนเดียวอ่ะ ตาฝาดไปป่าว ไม่นะ ฉันเห็นแบบนั้นจริงๆ
“นั่นไง สงสัยจะมาแล้ว เดี๋ยวฉันออกไปดูก่อนนะ” ฉันบอกกับช้อง แล้วเตรียมจะลุกขึ้นไปหน้าบ้าน เพราะรู้สึกเหมือจะได้ยินเสียงรถของชายสี่แล้ว
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวฉันออกไปดูเองนะ เธอรออยู่นี่แหละ”
“อะ.....อืม ขอบใจจ๊ะ”
สักพัก ช้องนางกับชายสี่ก็เดินเข้มาในบ้านพร้อมกัน หน้าตาของทั้งคู่นี่บานเป็นจานดาวเทียม ไม่รู้แอบไปคุยอะไรกันมา เชอะ!อย่าให้รู้นะ แอบยิ้มกันอยู่สองคน ไม่แบ่งคนอื่น งอนจริงๆด้วย
“ว่าไงแพลน อยู่ที่นี่เป็นไงมั่ง สบายดีนะ ช้องแกล้งอะไรหรือเปล่า” ทำไมวันนี้ชายสี่ทักทายแปลกๆ ช้องจะมาแกล้งอะไรฉัน ช้องออกจะนิสัยดีน่ารักจะตายไป
“ไม่นี่ ทำไมเหรอ แล้ววันนี้ชายมาหาแพลน มีอะไรหรือเปล่า”
“มีสิ ไม่มีจะมาเหรอ ชายมีเรื่องจะบอกกับแพลนเรื่องนึง”
“เรื่อง?” ฉันมองหน้าชายสี่อย่างงงๆ ชายนั่งลงข้างๆฉันแต่ไม่ใกล้มาก โดยมีช้องนางนั่งลงข้างๆชายอีกที
“คือ....ชายเป็นแฟนกับช้องนางน่ะ แพลนคงยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ” จริงเหรอเนี่ย......ชายเป็นแฟนกับช้องอย่างที่ฉันเคยคิดไว้จริงๆด้วย กะแล้วเชียว มิน่าล่ะ ช้องถึงชอบทำหน้าแปลกๆแบบนั้น แล้วไงต่ออ่ะ
“คือ ชายอยากให้เรื่องของเรามันจบเร็วๆ เพื่อความสบายใจของช้อง”
“แล้วชายจะให้แพลนทำยังไงล่ะ แพลนพร้อมที่จะทำตามทุกอย่างเลยนะ แพลนไม่ได้อยากจะแย่งชายมาจาก........”
“ไม่ใช่ๆ ไม่ใช่อย่างนั้น ชายกับช้องไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย ใจเย็นๆแล้วฟังชายพูดให้จบก่อนนะแพลน” อ้าวก็ใครมันจะไปรู้เล่า เห็นพูดซะอย่างกับกลัวว่าเราจะไปแย่งคนรักของคนอื่นอย่างนั้นแหละ ตกใจหมดเลย เฮ้อ ~
“คืองี้นะ.....ชายกับช้องแค่กำลังคิดว่าจะพาแพลนกลับบ้าน แล้วพูดเรื่องนี้กับทางผู้ใหญ่ตรงๆเลย พวกเราคิดว่า ถ้าเราบอกถึงสาเหตุที่พวกเราไม่อยากหมั้นกันให้ทางผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับทราบแล้ว พวกท่านน่าจะเข้าใจ” มิน่าล่ะ.....ช้องถึงชอบพูดอะไรทำนองนี้กับฉันอยู่บ่อยๆ ช้องมักจะบอกกับฉันว่าถ้าเราพูดกับทางผู้ใหญ่ถึงเหตุผลของเรา ทางผู้ใหญ่น่าจะเข้าใจ อะไรทำนองนี้
“ไม่นะ ไม่มีใครเข้าใจฉันหรอก พ่อกับแม่อยากให้ฉันหมั้นกับชาย ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่ๆฉันรู้จักพ่อแม่ของฉันดี พวกเธอไม่ต้องพยายามหรอก ฉันรู้ว่ายังไงมันก็ไม่มีทางสำเร็จแน่ๆ”
“ถ้าเธอไม่ลองดู เธอก็ไม่รู้นะแพลน” ช้องบอกกับฉัน “แต่ฉันรู้ดีอยู่แล้ว ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง ลองไปก็เท่านั้นแหละ เธออยากเสียชายให้ฉันเหรอ ฉันไม่อยากแย่งของใครนะ”
“.........” จอดเลยคราวนี้ ช้องนางเงียบไปสักพัก ฉันเองก็ยืนเงียบรอฟังคำตอบของช้อง ส่วนชายเองก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย
“โอเค ถ้าเธอมั่นใจว่ายังไงพ่อกับแม่เธอก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจแน่ๆ เธออยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักก็ได้”
“ขอบใจมากนะ ช้อง” ฉันบอกกับช้อง แต่ดูท่าทางชายจะยังไม่เห็นด้วยกับเราสองคนเท่าไหร่
“มีอะไรหรือเปล่าชาย สีหน้าดูเครียดๆนะ” ฉันหันไปถามชาย ช้องก็เลยหันไปมองชายบ้าง
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ มานี่หน่อย”
ชายลากฉันออกมาจากตรงนั้น แล้วพามาในครัว หลังจากปล่อยมือฉันออกเป็นอิสระแล้ว ชายก็จับไหล่ทั้งสองข้างของฉันเบาๆแล้วพูดเสียงไม่ดังนัก
“เธอจะอยู่ที่นี่ต่อก็ได้นะ ถ้าไม่มีใครต้องการตัวเธอในตอนนี้” ทำไมชายต้องทำหน้าเครียดแบบนี้ด้วยอ่ะ น่ากลัวจัง.....
“ชาย หมายความว่ายังไงเหรอ”
“ชายคงยังไม่ได้บอกแพลนสินะ ว่าตอนนี้น่ะ คุณพ่อของแพลนกำลังจ้างนักสือบตามหาตัวแพลนอยู่”
“ว่าไงนะ!!!ถึงขนาดต้องจ้างนักสืบกับเลยเหรอ ทำไมคุณพ่อต้องทำแบบนี้ด้วย พ่อก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างแพลนไม่มีทางหนีไปไหนได้ไกลหรอก ยังไงสักวันแพลนก็ต้องกลับไปที่บ้านอยู่แล้ว” ไม่เข้าใจพ่อเลยสักนิด ทำไมต้องทำเรื่องแค่นี้ให้เป็นเรื่องใหญ่โตด้วยอ่ะ คนอย่างฉันเนี่ยนะ จะหล้าหนีพ่อกับแม่ไปไหนไกล ไม่เห็นต้องถึงขนาดจ้างนักสืบมาตามล่ากันแบบนี้เลยอ่ะ.....
“ใช่ แต่ท่านไม่รู้ไง ว่าตอนนี้แพลนอยู่ที่ไหน เพราะว่าแพลนไม่เคยไปไหน ท่านก็เลยไม่รู้ว่าจะไปตามหาตัวแพลนที่ไหน มันก็เลยทำให้ท่านยิ่งมืดแปดด้านไปกันใหญ่” ชายบอกอย่างเคร่งเครียด หรือว่า....
“การอยู่ต่อที่นี่ของแพลน มันจะทำให้ช้องเดือดร้อนไปด้วยใช่มั๊ยชาย” ฉันโพล่งอออกไป
“ใช่......แพลนเข้าใจถูกต้องแล้ว แต่ชายอยากให้แพลนเข้าใจ ไม่ใช่ว่าชายไม่เป็นห่วงแพลน แต่ชายเองก็เป็นห่วงความปลอดภัยของช้องด้วยเหมือนกัน” ชายเลื่อนมือลงมาที่ต้นแขนฉัน แล้วบีบไม่แรงมากนัก
“ก็ได้......แพลนจะไปจากที่นี่ ถ้าการอยู่ที่นี่ต่อไปของแพลน มันจะทำให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนไปด้วย” ฉันเดินออกมาจากห้องครัวมาโดยมีเสียงเรียกของชายดังอยู่ข้างหลัง
“เดี๋ยวก่อนสิแพลน ฟังชายก่อน”
ฉันไม่สนใจชายที่วิ่งตามมาข้างหลัง แต่กลับเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ
หมับ!!
ช้องนางที่ยืนอยู่ข้างนอกคว้าข้อมือฉันเอาไว้อย่างรวดเร็ว แล้วถามขึ้น “จะไปไหนน่ะแพลน ชายคุยอะไรกับเธอเหรอ”
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอก ฉันตัดสินใจแล้วล่ะ ฉันจะไปจากที่นี่เอง”
“แล้วเธอจะไปไหน??” ช้องมองหน้าฉันอย่างงงๆ
“เอ่อ...จะ...ไป...ก็.....กลับบ้านฉันไง”
ฉันบิดข้อมือออกมาจากมือของช้องที่จับอยู่แล้ววิ่งออกนอกบ้านไป…………เอ่อ ว่าแต่.....ฉันไปไหนดีล่ะเนี่ย ออกจากบ้านก็หลงแล้วง่า ~
ความคิดเห็น