คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Part 3 : ขอโทษ
Part 5
ขอโทษ
ไม่ต้องมาทำเป็นห่วงฉันเลยนะ ฉันโกรธนายอยู่นะเนี่ย....
“ตัวหายร้อนแล้วนี่”
บอกว่าอย่ามายุ่งไงเล่า แต่หมอนี่ดันเอามือมาทาบลงบนหน้าผากฉัน ซะงั้น.........
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว นายกลับไปเถอะ ฉันอยู่คนเดียวได้”
ฉันตอบเขาด้วยเสียงเย็นๆแต่เขาก็ดื้อด้านไม่ยอมไปสักที
“ได้ไงล่ะ....นี่!วันนี้ฉันกะจะมาพาเธอไปห้องสมุดประชาชนด้วยกันเลยนะ รู้มั๊ย”
“ฉันไม่อยากไปแล้ว นายไปคนเดียวเถอะ”
“อ้าว!ทำไมล่ะ ก็ไหนเธอบอกว่าเธอชอบอ่านหนังสือไง แล้วทำไมอยู่ดีถึง....”
“แล้วทำไมเมื่อวาน นายไม่มารับฉัน รู้มั๊ยว่าเมื่อวานฉันรอนายอยู่ทั้งวัน ฉันเกลียดคนผิดสัญญาที่สุด!”
“ฉันขอโทษ.......”
หลุยส์ตีหน้าเศร้า พลางบอกขอโทษฉัน แล้วบอกว่า
“คือเมื่อวานฉันต้องไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลน่ะ แม่ฉันป่วย ต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน”
“จริงเหรอ!!” ๐_๐
คราวนี้ฉันกลับเป็นฝ่ายที่รู้สึกผิดซะเอง นี่ฉันโกรธลูกกตัญญูอย่างเขาไปได้ยังไงเนี่ย~
“นี่ อย่าบอกนะว่า ที่เธอต้องมาไข้ขึ้นขนาดนี้ ก็เพราะฉันน่ะ”
หลุยส์ถามอย่างเป็นห่วง ระคนตกใจ
“เอ่อ....ชะ....ช่างฉันเถอะน่า!! ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ฉันจะไปไข้ขึ้นเพราะนายได้ยังไงกันเล่า นายไม่ใช่เชื้อไวรัสสักหน่อย”
ฉันแกล้งตอบเสียงดังๆเพื่อปกปิดความจริง ที่จริงฉันกลัวเสียหน้าน่ะ ฉันก็เลยต้องรีบแก้ตัวอย่างไว
“งั้น.....เราไปห้องสมุดประชาชนกันนะ”
“ก็ได้”
พอฉันพยักหน้า หลุยส์ก็ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะบอกว่า
“งั้น เดี๋ยวฉันลงไปรอข้างล่างนะ”
“อือ”
ฉันพยักหน้า หลุยส์เปิดประตูออกจากห้องไป ฉันจึงเดินไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะเปลี่ยนชุด แล้วเดินลงไปข้างล่าง
“ไปกันเถอะ”
หลุยส์ส่งหมวกกันน็อคให้ฉัน แล้วขึ้นไปนั่งรอบนมอเตอร์ไซค์สีดำที่ฉันเคยแอบชมว่าเท่ห์โคตรคันนั้น
บรื้น!!!~
หลุยส์บิดคันเร่งรถออกไปหลังจากที่ฉันขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของเขาแล้ว
“แม่คะ หนูออกมาห้องสมุดประชาชนกับหลุยส์นะคะ ล็อกบ้านเรียบร้อยแล้วค่ะ ค่ะแม่ กลับเย็นๆน่ะค่ะ ค่ะ หวัดดีจ๊ะ”
ฉันโทรศัพท์บอกแม่เพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วง เมื่อมาถึงห้องสมุดประชาชนแล้ว
“เดี๋ยวฉันจะไปหาหนังสือทำรายงานให้พี่สาว เธอไปอ่านหนังสือเถอะ”
หลุยส์หันมาบอกฉัน เมื่อเราสองเดินเข้ามาในห้องสมุดแล้ว
“เดี๋ยวสิ นายจะไปหาหนังสือให้พี่สาวนายเหรอ”
“อือ มีอะไรหรือเปล่า”
หลุยส์หันมาถามฉันอย่างแปลกใจ
“แล้วพี่สาวนายทำรายงานเรื่องอะไรล่ะ เดี๋ยวฉันช่วยหา”
“ไม่เป็นไร เธอไปนั่งอ่านหนังสือที่เธอชอบเถอะ เดี๋ยวฉันหาเองก็ได้”
“แต่ฉันอยากช่วยนี่นา”
พอเห็นฉันยืนยันว่าจะช่วยจริงๆ หลุยส์จึงยอมบอกฉันว่าพี่สาวของเขากำลังจะทำรายงานส่งอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยในหัวข้อเรื่อง DNA & พันธุกรรม
“นี่ พี่สาวนายเรียนแพทย์เหรอ”
ฉันถามอย่างตื่นเต้น เมื่อหมอนั่นบอกหัวข้อเรื่องรายงานของพี่สาวของเขา
“อือ ทำไมเหรอ”
หมอนั่นหันมาถามฉันเรียบๆอย่างกับว่าไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยสักนิด
“นี่ นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ คนที่จะสอบติดแพทย์ได้น่ะ ต้องเรียนเก่งมากๆเลยรู้มั๊ย”
“แล้วไงอ่ะ”
หมอนี่ยังคงทำหน้าเรียบไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรอยู่ดี
“เฮ้อ~นายนี่มันจริงๆเลยน้า ช่างเถอะ ฉันขี้เกียจคุยกับนายแล้ว เดี๋ยวฉันช่วยหาหนังสือดีกว่า”
ฉันบอกเขาก่อนจะเดินตรงไปที่หมวดหนังสือวิทยาศาสตร์ ไม่นานนักฉันกับหลุยส์ก็ได้หนังสือเรื่องดีเอ็นเอและพันธุกรรมมาหลายเล่ม พอหลุยส์ทำเรื่องขอยืมหนังสือเสร็จ เขาก็พาฉันฉันมาส่งท่บ้าน ซึ่งนี่ก็เป็นเวลาประมาณ 6 โมงเย็นเห็นจะได้
“เป็นยังไงบ้างลูก หน้าตาสดใสขึ้นนะ ไปเที่ยวกับเพื่อนมาสนุกล่ะสิ”
“จ๊ะแม่ หลุยส์เค้าพาหนูไปที่ห้องสมุดประชาชนมาน่ะจ๊ะ ก็สนุกดีนะจ๊ะแม่”
ฉันตอบแม่ด้วยรอยยิ้ม แม่มองหน้าฉันก่อนจะยิ้มนิดๆแล้วบอกว่า
“ลูกจะคบกับใครน่ะ แม่ไม่ว่าหรอกนะ ขอแค่เวลามีปัญหาอะไรแล้วหนูมาปรึกษากับแม่ แล้วก็คบกับคนคนั้นแล้วลูกมีความสุขก็พอ”
“ค่ะแม่”
ฉันตอบรับแม่ ทั้งๆที่ยังงงๆว่าแม่พูดเรื่องอะไร ฉันก็แค่เป็นเพื่อนกับหลุยส์เฉยๆ ยังไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย ท่าทางแม่จะเป็นห่วงอนาคตฉันมากกว่าตัวฉันเองอีกนะเนี่ย
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะจ๊ะแม่”
ฉันบอกแม่ แล้วเดินขึ้นห้องไป
ฉันขึ้นมาถึงก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอน ก่อนจะหลับตาลง จากนั้น ฉันก็หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
วันต่อมา
วันนี้ฉันตื่นสายกว่าปกติเล็กน้อย แต่แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านคงจะรู้ว่าฉันยังเพลียๆอยู่
“แม่จ๊ะ.....หนูไปโรงเรียนก่อนนะจ๊ะ”
“จ๊ะ.....ตั้งใจเรียนนะลูก”
แม่เอามืบลูบหัวฉันเบาๆ จากนั้นฉันก็เดินออกจากบ้าน เพื่อจะไปขึ้นรถโดยสารที่หน้าปากซอย
ปิ๊นๆ
ขณะที่ฉันกำลังเดินออกไปหน้าซอย ฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนแตรรถดังขึ้นจากทางด้านหลัง ฉันจึงหันกลับไปดู
“นาย!!! ๐_๐;”
ฉันตกใจเมื่อเห็นว่าคนขี่มอเตอร์ไซค์ตามฉันมาแล้วบีบแตรก็คือ หลุยส์ นั่นเอง
“ขึ้นมาสิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
หมอนั่นบอกกับฉัน แล้วขี่มอเตอร์มาเทียบข้างๆ
“ขอบใจนะ”
และคราวนี้ฉันก็ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับเขาแล้วด้วย ฉันจึงยอมขึ้นรถไปกับเขาแต่โดยดี พอหลุยส์ขี่รถมาถึงโรงเรียนฉันก็ลงจากรถ ก่อนจะบอกขอบใจเขา
“ขอบใจมากนะ ที่อุตส่าห์มาส่ง จริงสิ!แล้วนายไปทำอะไรแถวบ้านฉันเหรอ”
“ก็ไปรับเธอนั่นแหละ ^ ^”
เขาพูดแล้วยิ้มให้ฉันอย่างอารมณ์ดี จะว่าไป ถ้าสังเกตดีๆ เวลาหมอนี่ยิ้มก็ดูน่ารักดีเหมือนกันแฮะ หมอนี่มีลักยิ้มเล็กๆตรงมุมปากด้วย แต่.......ฉันจะมานั่งชมหมอนี่เพื่อ?....
“รับฉันเนี่ยนะ?...ท่าจะบ้านะนายเนี่ย ทำไม? ที่บ้านน้ำมันเหลือใช้มากเหรอ”
“..............”
หมอนั่นไม่ตอบอะไร หากแต่ยืนยิ้มจนหน้าบานเป็นจานดาวเทียมอยู่อย่างนั้น
ฉันจึงรีบหันหลังเดินขึ้นอาคารเรียนอย่างรวดเร็ว แล้วทำไมแก้มฉันต้องร้อนขึ้นมาด้วยเล่า บ้าจริง!!!
“บลู......”
“........”
“บลู!!”
“.........”
“บลู!!!!~”
“อะ......อะไรนะ ลูกแพร์ เมื่อกี้แกเรียกฉันเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ทำไม มัวแต่คิดถึงหลุยส์อยู่รึไง ฉันเรียกถึงไม่ได้ยินน่ะ ชิ!!”
ยัยลูกแพร์พูดจบก็สะบัดหน้าใส่ฉันอย่างงอนๆ ที่จริงฉันก็กำลังคิดถึงหมอนั่นอยู่จริงๆนั่นแหละ แต่เอ๊ะ!! แล้วยัยนี่รู้ได้ยังไงกันล่ะ
“เฮ้ย!!ลูกแพร์ เมื่อกี้แกบอกว่าไงนะ”
“แหม~ไม่ต้องมาทำเป็นถามเลย ตอนนี้น่ะใครๆเค้าก็ร๔กันหมดแล้ว ว่าเธอเป็นแฟนกับหลุยส์น่ะ”
“บ้าสิ!!ฉันเนี่ยนะเป็นแฟนกับคนอย่างหมอนั่น”
แทบจะทันทีที่ยัยลูกแพร์พูดจบฉันก็สวนกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นๆทันควัน
“อ้าว!!แล้วถ้าตอนนี้เธอไม่ได้เป็นแฟนกับหลุยส์อยู่ แล้วเธอกำลังทำอะไร? ใครๆเค้าก็เห็นว่าหลุยส์น่ะตามรับตามส่งเธอเช้าเย็นขนาดนั้น”
ยัยลูกแพร์ยังคงพล่ามต่ออย่างสนุกปาก
“แต่ว่า......ฉัน.......”
“ยอมรับมาเถอะนะบลู ว่าเธอกำลังคบกับหลุยส์อยู่”
“แต่วาฉันกับหลุยส์ เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆนะ”
ฉันยังคงยืนยันคำเดิม
“แกกำลังโกหกฉันนะบลู นี่ฉันเป็นเพื่อนแกนะบลู”
“ลูกแพร์ แต่ว่าฉัน.......”
“เอาเถอะ ถ้าแกยังไม่อยากบอกความจริงกับฉันตอนนี้ เอาไว้แกสบายใจก่อนก็ได้ฉันจะรอ”
แกจะรอทำไม เรื่องส่วนตัวฉันนี่ต้องรายงานแกทุกเรื่องเลยหรือไง ยัยลูกแพร์
แต่ฉันก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบ ไม่ได้พูดอะไรออกไป
หลังจากนั้น หลุยส์ก็มักจะมารับฉันที่บ้านทุกเช้า และขี่รถกลับมาส่งฉันที่บ้านทุกเย็น แถมวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เขายังชอบชวนฉันไปห้องสมุดประชาชนอีก
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างนี้เรื่อยๆจนกระทั่งนี่ก็ปาเข้าไปเดือนกว่าแล้ว จนฉันอดติดไม่ได้ว่าที่หลุยส์พยายามเข้ามาทำดีกับฉันอย่างนี้ เขาคิดอะไรกับฉันหรือเปล่า หรือเขาอาจจะหวังอะไรในตัวฉันกันแน่
“หลุยส์.......”
ดังนั้น เพื่อให้ความสงสัยที่มันอัดแน่นอยู่ในอกได้คลี่คลายลง ฉันจึงตัดสินใจที่จะลองถามเขาดูในเย็นวันหนึ่ง
“หืม.....มีอะไรเหรอบลู......”
หลุยส์ถามฉัน ทั้งที่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่บนเส้นทางเบื้องหน้า โดยมีฉันซ้อนอยู่ข้างหลัง
“ทำไมนายถึงได้เข้ามาทำดีกับฉัน.....นายกำลังหวังอะไรจากฉันอยู่หรือเปล่า....”
ฉันถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เหมือนคนไม่มีแรง ก็คำถามของฉันมันดูจะหักหาญน้ำใจของหลุยส์ไม่น้อย ฉันจึงไม่อยากจะพูดตรงๆกับเขา แต่นี่ ฉันก็พูดมันออกไปแล้วล่ะ
“นี่เธอถามอะไรของเธอน่ะ....ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
เขาพูดพลางหัวเราะไป ราวกับสิ่งที่ฉันเพิ่งพูดออกไปมันตลกซะเต็มประดา
“นี่ นายขำอะไรของนายน่ะ ฉันถามจริงๆนะ ว่าทำไมจู่ๆนายก็เข้ามาในชีวิต เข้ามาทำนู่นทำนี่ให้กับฉัน ความริงแล้วนายต้องการอะไรกันแน่”
น้ำเสียงของฉันเริ่มแฝงไปด้วยความจริงจังง หลุยส์จึงหยุดหัวเราะ แล้วบอกกับฉันว่า
“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันจะต้องอะไรจากเธอล่ะ”
“ไม่รู้สิ แต่ฉันก็แค่สงสัย.....”
“เธอไม่คิดบ้างหรือไงว่าบางทีสิ่งที่ฉันกำลังทำให้เธอ มันจะมาจากความเต็มใจของฉัน”
“.............”
เจออย่างนี้ฉันถึงกับจอดสนิทไปต่อไม่ถูกเลยแฮะ
“ว่าไงล่ะ บลู ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าบางที ที่ฉันทำไปทุกอย่างอาจจะเป็นเพราะว่าฉันรักเธอก็ได้”
ดูเหมือนคำว่า ‘รัก’ ของเขาจะพูดง่ายซะเหลือเกินนะ แต่ฉันซึ่งเป็นคนฟังนี่สิ มันคิดไปไหนต่อไหนแล้ว.......เขาจะรู้บ้างมั๊ยนะ.......
“บลู......เธอฟังฉันอยู่หรือเปล่า”
“.............”
“บลู!!!”
“ฮะ....ฟะ......ฟัง....ฉันฟังอยู่”
ฉันกำลังอึ้งกับคำพูดของนายอยู่ต่างหากล่ะ
“แล้วเธอล่ะ......คิดยังไงกับฉันบ้าง”
คราวนี้คำถามของเขาทำเอาฉันตอบไม่ถูกไปเลยทีเดียว และโชคก็เข้าข้างฉันจริงเมื่อเขาขับรถมาถึงบ้านฉันพอดี
“ถึงบ้านแล้ว ฉันเข้าบ้านก่อนนะ”
ฉันรีบลงจากรถแล้วบอกเขา แต่หมอนี่ก็ยังมิวายหันมาบอกกับฉันอีก
“ฉันยังไม่ลืมง่ายๆหรอกนะ ว่าฉันถามเธอว่าอะไรฉันจะให้เวลาเธอไปคิดคำตอบมา ถ้าเธอไม่ได้รักฉัน.......ฉันสัญญาว่าฉันจะออกไปจากชีวิตเธอ”
คำสัญญาของเขาทำเอาฉันใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มแน่ะ แต่สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมากเลยทีเดียว ฉันพยักหน้าแล้วเข้าบ้าน
ฉันล้มตัวลงนอนบนที่นอนหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก่อนที่คำพูดของเขาเมื่อตอนเย็นจะลอยมาวนเวียนอยู่ในสมองฉันเต็มไปหมด
‘ถ้าเธอไม่ได้รักฉัน ฉันสัญญาว่าจะออกไปจากชีวิตเธอ’
‘ฉันสัญญาว่าฉันจะออกไปจากชีวิตเธอ…….’
‘ฉันจะออกไปจากชีวิตเธอ’
‘ออกไปจากชีวิตเธอ’
‘ออกไปจากชีวิตเธอ’
“บ้าจริง!!!”
ฉันลุกพรวดขึ้นมานั่งบนเตียงด้วยสีหน้าเครียดและเป็นกังวลมาก ทำไมเขาต้องพูดอะไรแบบนี้ออกมาด้วยนะ ฉันไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ ถ้าฉันไม่ได้รักเขา ทำไมเขาจะต้องไปจากชีวิตฉันด้วย ทำไมเราถึงคบกันต่อไม่ได้ล่ะ ทำไมกัน........
วันรุ่งขึ้น
วันนี้ฉันเรียนหนังสือไม่ค่อยจะรู้เรื่องสักวิชา เพราะอะไรน่ะเหรอ......ก็เพราะอีตาบ้านั่นแหละ เพราะคำพูดของหมอนั่นคนเดียวทำให้ฉันสับสนไปหมดอย่างนี้
“บลู~วันนี้เธอเป็นอะไรไปเหรอ.......เห็นนั่งเงียบทั้งวันเลย มีอะไรบอกฉันได้นะ”
ลูกแพร์เข้ามาถามฉันด้วยสีหน้าเป็นห่วงไม่น้อย ดูเหมือนจะมีก็แต่ยัยนี่แหละนะที่สนใจฉันอยู่ตลอดเวลาน่ะ
“ไม่มีอะไรหรอกลูกแพร์ ขอบใจมากนะที่เป็นห่วงฉันน่ะ”
“ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา ไม่เป็นห่วงเพื่อนแล้วจะให้ฉันไปเป็นห่วงใครที่ไหนล่ะ”
“ขอบใจมากนะ”
ฉันยิ้มให้ลูกแพร์ ซึ่งยัยนั่นก็ยิ้มตอบเช่นกัน
เลิกเรียน
วันนี้ฉันรู้สึกไม่กล้าสู้หน้าหลุยส์เลย ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ........
“อ้าว บลู ทำไมวันนี้ไม่กลับบ้านพร้อมหลุยส์ล่ะ”
ยัยลูกแพร์ออกมารอพี่แบงค์ที่หน้าโรงยิม จึงมาเจอกับฉันซึ่งเดินหันหน้าหันหลังอยู่
“ทำไมท่าทางแปลกๆยังไงชอบกล ดูเธอแปลกๆนะบลู”
“อ๋อ.....ไม่มีอะไรหรอกลูกแพร์ ฉัน.......ฉันโอเค”
ฉันตอบก่อนจะยิ้มนิดๆ ยัยลูกแพร์จึงพยักหน้าให้ฉันแล้วบอกว่า
“งั้น ฉันเข้าไปหาพี่แบงค์ข้างในก่อนนะ ถ้าเจอหลุยส์แล้วฉันจะบอกเขาให้ว่าเธอรออยู่”
“เอ้อ....ไม่มะ.....ไม่ต้องบอกหลุยส์หรอกลูกแพร์ ฉัน......ฉันรอได้......อืม”
ฉันรีบบอกยัยลูกแพร์ทันทีที่ยัยนี่บอกว่าจะบอกหลุยส์ว่าฉันรออยู่ ก่อนจะพยักหน้าว่าฉันรอได้จริงๆ
“ถ้างั้น.......ก็ตามใจแล้วกันนะ”
ยัยลูกแพร์พูด ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงยิม ฉันมองตามจนยัยนั่นหายเข้าไปในโรงยิมแล้ว ก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก
“เฮ้อ~”
ฉันค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆประตูโรงยิมแล้วแอบมองหาหลุยส์ เมื่อเห็นว่าไม่มีเขา ฉันจึงค่อยๆย่องออกมา.....ย่องออกมา......เพื่อที่จะหนีกลับบ้านโดยที่ไม่ต้องให้เขาไปส่ง
ย่อง........ย่อง........ย่อง........
“ทำอะไรของเธอน่ะ!!!”
“เฮือก!!!!”
ขณะที่ฉันกำลังย่องออกจากบริเวณนั้น หลุยส์ก็เดินมาขวางทางฉันแล้วถามเสียงเข้ม.......ออกมาได้ยังไงเนี่ย เมื่อกี้ยังไม่เห็นมีเลยนี่นา
“นะ.......นาย......”
ฉันตาลีตาเหลือก เพราะตกใจที่อยู่ๆหมอนี่ก็โผล่ออกมา
“ฉันถามว่าเธอจะทำอะไร ทำไมดูท่าทางแปลกๆ”
หมอนี่ทำเสียงเครียดๆแฮะ
“คือ.....ฉะ.....ฉัน......”
“ว่าไง!!!!”
“เปล่า.....ฉัน........ฉันก็รอนายอยู่นี่ไง…..W
ฉันพยายามปฏิเสธแล้วมองไปทางอื่น เพื่อกลบเกลื่อน แล้วยิ้มให้เขานิดๆ
“โกหก!!!”
เขาตะโกนใส่หน้าฉันเสียงเครียด ฉันผงะมองหน้าเขาอย่างไม่เข้าใข นี่ เขาเป็นอะไรของเขากันนะ ไม่เห็นเหมือนหลุยส์คนเดิมที่ฉันรู้จักเลย
“บอกมาสิ....ว่าเธอกำลังจะไปไหน!!”
“ฉันไม่ได้......”
“เธอจะหนีฉันใช่มั๊ย?....ทำไม.....ทำทุกคนต้องทิ้งฉันไปหมด......แม้แต่เธอ....”
คราวนี้สีหน้าที่เครียดของเขาดูเศร้าลง นัยน์ตาแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่าง ฉันมองหน้าหลุยส์ ก่อนจะถามเสียงเบา
“นี่นาย......เป็นอะไรไปเหรอ…..”
“เปล่า.......ไม่มีอะไร.......กลับบ้านเถอะ”
หลุยส์ส่ายหน้าไปมา แล้วจูงมือฉันไปขึ้นรถ
ท่าทางของเขาในวันนี้ดูแปลกๆแฮะ.......แปลกจังเลย........แปลกมากถึงมากที่สุด!!!
ฉันนั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย โดยไม่ได้พูดอะไรกับหลุยส์สักคำ ไม่นานนัก หลุยส์ก็ขี่รถมาส่งถึงบ้านฉัน ฉันจึงเดินลงจากรถ แล้วบอกขอบใจเขาเหมือนทุกครั้ง ก่อนที่เขาจะเลี้ยวรถกลับไป
“กลับมาแล้วเหรอลูก”
“ค่ะแม่”
ฉันยิ้มให้แม่อย่างเหนื่อยๆ แล้วนั่งลงบนโซฟา หลังจากที่วางกระเป๋าลงบนโต๊ะที่วางอยู่ด้านหน้าโซฟาแล้ว
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ดูเหนื่อยๆ”
ฉันยิ้มแห้งๆให้แม่ ไม่ต้องเอากระจกมาส่องก็รู้ว่าตอนี้หน้าตาฉันคงจะดูเหนื่อยสุดๆ ฉันมองหน้าแม่อย่างชั่งใจ ก่อนจะเริ่มถามแม่
“แม่คะ ทำไมแม่ถึงรู้ได้ล่ะว่าเรารู้สึกรักใคร”
“ยังไงล่ะลูก”
“ก็......คือว่า เวลาที่แม่รู้สึกรักใคร แม่รู้ได้ยังว่าเราเริ่มรักคนคนนั้นแล้ว”
“ทำไมวันนี้ลูกถามอะไรแปลกล่ะลูก.....ฮึ”
แม่ถามพลางยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
“ไม่รู้สิจ๊ะ....แม่~ตอบหนูมาเถอะ.....หนูอยากรู้อ่ะ น๊าๆๆๆ”
ฉันจับแขนแม่เขย่าไปมา จนแม่มองฉันราวกับฉันเป็นเด็กๆ ก่อนจะบอกว่า
“ความรักน่ะเหรอ......อืม......เวลาเรามีความรู้สึกรักใครสักคน เราก็จะรู้สึกผูกพันกับเขา รู้สึกคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลา รู้สึกว่าสามารถทำหน้าในสิ่งที่ยากลำบากที่เราไม่เคยทำมาก่อน เพื่อคนคนนั้นได้…..” แม่บอกกับฉัน
“แล้ว ถ้าความรักทำให้ดราเสียใจล่ะคะแม่”
“ฟังนะลูก......ความรักจะดีใจกับเราถ้าเราดีใจกับความรัก ความรักจะยิ้มกับเรา เมื่อเรามีความสุขกับความรัก แต่เมื่อไหร่ที่เราร้องไห้ให้กับความรัก ความรักจะปล่อยให้เราร้องไห้.....เพียงลำพัง”
“..........”
ฉันมองหน้าแม่อย่างครุ่นคิด ไม่อยากจะเชื่อว่าแม่จะพูดได้ดีขนาดนี้ นี่แม่ไปเอาคำพูดพวกนี้มาจากไหนกันเนี่ย ~
“จริงเหรอจ๊ะแม่”
แม่พยักหน้าให้กับฉันแทนคำตอบพลางยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
วันรุ่งขึ้น
“หลุยส์!!!”
วันนี้ฉันต้องไปโรงเรียนแต่เช้าเพราะอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์นัดสอบชั่วโมงแรก แต่เมื่อฉันออกมายืนหน้าบ้านเพื่อเตรียมที่จะเดินออกไปหน้าปากซอย ฉันก็ต้องตกใจที่หลุยส์มาจอดรถอยู่หน้าบ้านแล้ว
“วันนี้ เธอมีสอบคณิตศาสตร์วิชาแรกไม่ใช่เหรอ รีบขึ้นมาสิ เร็วเข้า”
และพอโดนเร่งมากๆเข้า มันก็ทำให้สมองฉันไม่ทันได้หยุดคิดอะไรอีกต่อไป ฉันบ้าจี้กระโดขึ้นรถไปกับเขาด้วยจนได้
“นายรู้ได้ยังไงว่าวันนี้ ฉันมีสอบคณิตวิชาแรก”
“บอลลูนบอกฉันน่ะ”
บอลลูนไหน? ฉันเคยรู้จักคนชื่อนี้ด้วยเหรอ
“บอลลูนไหน?” ฉันถาม
“ก็....บอลลูนที่อยู่ห้องเดียวกับเธอไง ยัยบอลลูนน่ะ”
สงสัยคงจะเป็นเพื่อนร่วมห้องกับฉันล่ะมั้ง...........
“นาย.......หายโกรธฉันแล้วเหรอ?”
“อ้าว......ก็เมื่อวาน......นายไม่โกรธฉันหรอกเหรอ”
“เปล่านี่....”
“แล้วทำไมนายต้องพูดแบบนั้นกับฉันด้วยล่ะ” ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ
“เมื่อวานนี้ฉันคงจะเครียดล่ะมั้ง ฉัน...ขอโทษละกัน” เขาบอก
เมื่อมาถึงโรงเรียน ฉันจึงรีบขึ้นห้องเรียนเพื่อเรตียมตัวสอบวิชาคณิตศาสตร์
“ว่าไง บลู”
ยัยลูกแพร์ทักฉันมาแต่ไกล ด้วยใบหน้าที่บานเป็นจานยูบีซี
“อืม...”
ฉันพยักหน้าตอบให้ยัยนั่นสองสามทีพลางยิ้ม
“เออ....บลู เดี๋ยวปิดเทอมกลางภาคนี้ พวกพี่แบงค์เค้าจะไปเที่ยวทะเลกัน เธอจะไปด้วยกันมั๊ย?”
“เธอเองก็ไปด้วยเหรอ”
“แน่นอน!!”
“แล้ว ‘พวกพี่แบงค์’ที่ว่าน่ะ มีใครมั่งล่ะ”
“ก็พวกที่แข่งฟุตบอลทีมเดียวกับพี่แบงค์ไง”
ถ้างั้น.....ก็มีหลุยส์ด้วยอ่ะดิ่!!! ฉันคิด
“ก็มีแต่ผู้ชายน่ะสิ” ฉันถามยัยลูกแพร์
“ผู้หญิงก็มี......ฉัน........ยัยบอลลูน......ปีโป้....แฟนซี.....แล้วก็ยิปซัม...”
“5 คนเลยเหรอ”
“ใช่ บลูเธอก็ไปด้วยกันสิ นะๆๆๆ”
“ฉันขอคิดดูก่อนแล้วกัน”
“งั้นก็ตามใจ”
ลูกแพร์พูด หลังจากที่เมื่อกี้มันเขย่าแขนฉันจนเนื้อแทบจะแยกออกเป็นชิ้นๆ
“รีบไปสอบเถอะ ป่านนี้อาจารย์เข้าห้องแล้วล่ะมั้ง”
ในที่สุด เมื่อพวกเราสอบวิชาต่างๆมาจนถึงวันสอบกลางภาคเรียนวันสุดท้าย
“ตกลง แกจะไปเที่ยวทะเลกับพวกฉันมั๊ย บลู”
ยัยลูกแพร์ยัลคงตามจิกฉันเรื่องไปเที่ยวทะเลอย่างเหนียวแน่นหนึบ
“ถ้าฉันไม่ไปล่ะ?” ฉันลองหยั่งเชิงดูก่อน
“ถ้าแกไม่ไป ฉันโกรธแกจริงๆด้วยยัยบลู”
แล้วมันจะถามฉันเพื่อ? ยัยบ้านี่!
“แล้วจะมาถามฉันหาวิมานอะไรวะ”
“ถ้างั้น......ก็แสดงว่า.... แกตกลงจะไปกับพวกฉันใช่ปะ?”
“อือ”
ทันทีที่ฉันพยักหน้าเซ็งๆของตัวเองให่ยัยลูกแพร์ ยัยนี่ก็กระโดดกอดฉันเป็นลูกลิง
“เย้!สมแล้วที่แกเป็นเพื่อนฉันมาตั้งแต่ตอนเรียนประถมน่ะ”
“เออๆ ปล่อยฉันได้แล้วยัยบ้า อายคนอื่นเค้า”
ฉันพยายามแกะยัยลูกลิง เอ้ย!!ลูกแพร์นี่ออกจากตัวฉัน เพราะตอนนี้ฉันจะขาดออกซิเจนตายอยู่แล้ว
“งั้น...พรุ่งนี้ฉันไปรับแกที่บ้านตอน 8 โมงเช้านะ เตรียมตัวให้พร้อมล่ะ”
“อะไรนะ!!พรุ่งนี้เลยเหรอ ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ นี่ เพิ่งจะสอบเสร็จเองนะลูกแพร์”
“ไม่หรอก พวกฉันวางแผนกันมาตั้งแต่ยังไม่สอบด้วยซ้ำ ยังไงซะ ก็ต้องไปพรุ่งนี้ โอเค?”
“เออๆ”
ฉันตอบอย่างรำคาญ ก็ดูยัยลูกแพร์ดิ่ นี่กกะจะไม่ให้ฉันพักสมองตอนสอบเสร็จอยู่กับบ้านเลยใช่มั๊ยเนี่ย ~ ไม่รู้จะรีบไปไหนกัน ทะเลไม่ได้อยู่ถึงเชียงใหม่สักหน่อย ยัยบ้านี่!
วันรุ่งขึ้น
“บลู!!!”
ยัยลูกแพร์เดินเข้ามาในบ้านฉันอย่างคุ้นเคย ก็เพราะบ้านหลังนี้น่ะ ยัยนี่เดินเข้าๆออกๆมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ยัยนี่จะรู้จักบ้านฉันไปซะทุกซอกทุกมุม พอๆกับฉันที่เป็นเจ้าของบ้านเลยก็ว่าได้
“ยังแต่งตัวไม่เสร็จอีกเหรอ”
ยัยลูกแพร์เปิดประตูเข้ามาในห้องฉันพลางถาม
“ก็ฉันไม่รู้จะใส่ชุดไหนนี่นา”
ยัยลูกแพร์มองหน้าฉัน พลางส่ายหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะบอกว่า
“เธอนี่มันจริงๆเลยน๊า”
พูดเสร็จยัยนี่ก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าฉันอย่างกับที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง
“อ่ะนี่ ใส่ชุดนี้ซะ”
ไม่นานนัก(หลังจากที่ยัยลูกแพร์รื้อค้นตู้เสื้อผ้าฉันซะจนกระจุยกระจายเละเทะไปหมด)
ยัยนี่ก็ส่งชุดซึ่งเป็นเสื้อยืดโปโลสีขาวตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ กับกางเกงสามส่วนสีชมพูเข้มให้ฉัน
“เฮ้ย!ชุดนี้มัน....”
“อะไรของแกอีก อ่ะ เอาไปสิ
ความคิดเห็น