คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Part 2 :
2
เมื่อวานผมไปหานายชายสี่หมี่เกี๊ยวอะไรนั่นมาแล้วล่ะ แต่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรคืบหน้าเลย หมอนั่นไม่ยอมปริปากบอกอะไรกับผมเลยสักนิด แล้วอย่างนี้ ผมจะต้องทำยังไงต่อไปดีล่ะเนี่ย ผมไม่มีวันยอมแพ้ง่ายๆหรอก แค่เรื่องแค่นี้ ผมจะต้องตามหาตัวยัยคุณหนูหน้าสวยกลับไปส่งบ้านให้ได้เลย คอยดูสิ!!!
แผน 2 โรงเรียนและอาจารย์ที่ปรึกษา / เพื่อนๆร่วมห้อง
วิธีการ : ต้องไปที่โรงเรียนที่คุณหนูเรียนอยู่แล้วตามหาอาจารย์ที่ปรึกษาของคุณหนูคนนี้ให้เจอ แล้วสอบถามข้อมูลต่างๆมาให้หมดไส้หมดพุง หากมีการขัดขืน อาจจะต้องมีการบังคับข่มขู่กันเล็กน้อย เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นต่อการสืบ
“วันนี้ฉันจะออกไปตลาด เธอจะเอาอะไรหรือเปล่าแพลน”
ช้องเดินมาถามฉันที่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ในห้อง ฉันได้ยินดังนั้น ก็เลยหูผึ่งทันที ฉันกำลังอยากอ่านการ์ตูนอ่ะ บอกๆๆๆๆ
“ซื้อการ์ตูนให้ฉันเล่มนึงสิ” ทำหน้าอ้อนๆนิดนึง ช้องจะหาว่าฉันปัญญาอ่อนมั๊ย??
“โอเค เดี๋ยวจะซื้อมาให้นะ” ไม่ว่าแฮะ หรือช้องเองก็ยังอ่านการ์ตูนอยู่เหมือนกัน อิอิ ช่างเหอะ
ผ่านไป 15 นาที
“อ้ะ นี่ พอดีหนังสือการ์ตูนหมด ฉันก็เลยซื้อนิตยาสารมาฝากน่ะ อ่านได้ใช่มั๊ย”
งั้นหรอ.......แล้วมันจะเหมือนกับการ์ตูนหรือเปล่านะ..........
“อืม ขอบใจจ๊ะ”
นิตยาสารพวกนี้ ฉันเองก็ไม่ค่อยได้อ่านซะด้วยสิ เปิดดูก่อนดีกว่า อ๊ะ นี่มันอะไรอ่ะ
‘โรงเรียนสตรีอีฟปั่นป่วน เพื่อนร่วมห้อง อาจารย์ที่ปรึกษาของคุณหนูแพลนเน็ตถูกเรียกสอบสวน ช่วงนี้ใครรู้ข้อมูลของคุณหนูมีรางวัลให้อย่างงาม......’ ……….ชายนิรนาม........
นี่ฉันทำให้ทุกๆคนที่อยู่รอบตัวต้องเดือดร้อนกันขนาดนี้เลยเหรอ......เพราะฉันคนเดียว........เพราะฉันแท้ๆ.....ฉันคือต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด.........ฉันน่ะ......
“เป็นอะไรไปน่ะแพลน เปิดอ่านหน้าเดียวแล้วซึมไปเลย ในนั้นเขียนอะไรไว้งั้นเหรอ” ช้องเดินมาหยิบหนังสือในมือฉันไปอ่าน แล้วมองหน้าฉันสลับกับหนังสือไปมา
“ไอ้ชายนิรนามนี่มันเป็นใครกัน ชักจะยุ่งเรื่องชาวบ้านมากเกินไปแล้วนะ เธออย่าเสียใจไปเลยนะ
แพลน เธอฟังฉันนะ เธอไม่ใช่ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ต้นเหตุมันคือไอ้ชายนิรนามอะไรนี่นต่างหาก มันต้องเป็นพวกปาปาราสซี่แน่ๆ”
“แต่ฉันไม่ใช่ดารานะช้อง”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ก็เธอน่ะเป็นถึงลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่ ถึงเธอจะไม่ดังในวงการบันเทิง แต่ก็มีชื่อเสียงในวงการไฮโซแล้วก็กำลังเป็นที่จับตามองของหลายๆคนเลยนะ”
หลังจากโวยวายเรื่องชายนิรนามให้ฉันฟังยกหนึ่งแล้ว ช้องนางก็ปลอบใจฉันด้วยคำพูดต่างๆนาน ซึ่งก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่ง แต่ก็พอจะได้ยินเข้าหูอยู่ประโยคหนึ่ง ‘เธอน่ะ ไม่ได้ทำให้พ่อแม่เสียใจ แต่ตอนนี้เธอกับพ่อแม่กำลังไม่เข้าใจกันเท่านั้นเอง ฉันเชื่อว่าปัญหาทุกอย่างมันต้องมีทางออก หากเราหันหน้าเข้ามาพูดคุยกัน’
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะ เมื่อไหร่งานของผมจะคืบหน้าสักทีเนี่ย ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ก็แล้ว ในนิตยาสารก็แล้ว ไม่เห็นมีใครมาให้ข้อมูลกับผมบ้างเลย อีกอย่าง เมื่อวานก็โดนบ.ก.นิตยาสารฉบับนึงโทร.มาด่า จนหูชาอีก เขาบอกว่ามีลูกค้าที่ซื้อหนังสือไปอ่านแล้วโทร.มาฝากด่า ก็เลยต้องโทร.มาด่าให้ เรื่องอะไรน่ะเหรอ?? จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ก็เรื่องที่ผมลงข่าวเกี่ยวกับยัยคุณหนูหน้าสวยนั่นน่ะแหละ เซ็งเลย.......
แผนที่วางไว้ก็ล้มเหลวมาสองแผนแล้ว สงสัยต้องเริ่มแผนสามซะแล้ว
แผน 3 ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก
วิธีการ : ผมจะต้องตามตื้อไอ้ชายสี่บะหมี่เกี๊ยวนั่นให้ได้ ไม่ว่ายังไง ผมก็ยังคงปักใจเชื่อว่าไอ้คุณชายนั่นเป็นคนเดียวที่น่าจะรู้เรื่องทั้งหมดของคุณหนูแพลนเน็ตอย่างแน่นอน ผมจะต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้คุณชายสี่นั่นบอกเรื่องของคุณหนูออกมาให้หมด ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก!!!
“ว่าไงนะชาย!!!ผู้ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ อะไรนะ ผู้ชายคนเดียวกับที่เคยมาหาชายแล้ว ยังมาหาชายอีกเพื่อถามข้อมูลของแพลน ทำไมเค้าจะต้องมาสนใจเรื่องนี้ด้วยล่ะ ชายต้องถามเค้าให้ได้เลยนะ ว่าเขาเป็นนักข่าวหรือเป็นพวกปาปาราซซี่กันแน่ เค้ากำลังทำแบบนี้เพื่ออะไร”
วันนี้เป็นเช้าอีกวันที่ฉันอารมณ์เสียสุดๆเมื่อชายสี่โทร.มาบอกฉันแต่เช้าว่าเมื่อวานนี้ ผู้ชายคนที่เคยมาหาชายเมื่อสองสามวันก่อนกลับมาหาชายอีกรอบเพื่อถามเรื่องที่ฉันหนีงานหมั้นมา เขากำลังทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่?? ฉันไม่เข้าใจ เขาอยากจะเห็นฉันบ้าตายหรือยังไงกัน..........
“ใจเย็นๆนะแพลน ฉันเชื่อว่าทุกอย่างมันต้องมีทางออกสิ อ้ะ....ดื่มน้ำหวานเย็นๆก่อนนะ” ช้องนางเดินมาหาฉันแล้วยื่นแก้วน้ำแดงให้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ
“ขอบใจจ๊ะ” รับแก้วมาแล้วยกดื่มทีเดียวหมดแก้ว บ้าเหรอ?? ต้องค่อยๆจิบสิ เป็นผู้ดีนิดนึง
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะเครียดแบบนี้เลยนะ แต่ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าการหนีงานหมั้นออกมาของฉันมันจะสร้างปัญหามากมายขนาดนี้น่ะ” พอได้จิบน้ำเย็นๆอึกหนึ่ง อารมณ์ก็เลยค่อยเย็นลงหน่อย ก็เลยหันมาคุยกับช้องนาง
“เธอไม่ได้เป็นคนผิดหรอกแพลน ฉันว่าลองถ้ามีคนมาตามสืบเรื่องเธอขนาดนี้นะ มันเกินกว่าที่นักข่าวธรรมดาๆเค้าทำกันแล้วนะ สงสัยไอ้หมอนั่นมันต้องเป็นพวกปาปาราสซี่หรือไม่ก็พวกนักสืบที่ถูกจ้างมาแน่ๆเลยแพลน” ช้องทำหน้าจริงจังมากๆ หรือว่ามันจะจริงอย่างที่ช้องบอกล่ะ มันก็เป็นไปได้อยู่นะ แต่ว่า....ใครกันล่ะที่จ้างนักสืบบ้านั่นมาตามสืบเรื่องฉันน่ะ
“แล้วใครเป็นคนจ้างเขามาเหรอช้อง”
“ก็.....บางที อาจจะเป็นทางบ้านของเธอก็ได้นะ”
คนทางบ้านเหรอ???? คนที่บ้านฉันเนี่ยนะ หรือว่าจะเป็นพ่อกับแม่ ทำไมพวกท่านต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วยอ่ะ นี่ขนาดฉันหนีออกมาแบบนี้ยังไม่ยอมล้มเลิกความคิดที่จะให้ฉันหมั้นกับคุณชายอีกเหรอเนี่ย!!!!
“จริงสิ.....หรือว่า พ่อฉันจะ....จ้างเขามาตามหาตัวฉัน!”
ทำไมฉันไม่คิดถึงเรื่องนี้ให้มันเร็วกว่านี้นะ ทำไมถึงเพิ่งจะมานึกออกเอาตอนนี้ ยัยแพลนเน็ตเอ้ย!!นั่งมึนอยู่ตั้งนานเป็นอาทิตย์ๆๆ ไม่มีใครแล้วล่ะ ในโลกนี้ที่จะมาตามหาฉันแทบพลิกแผ่นดินถึงขนาดต้องจ้างนักสืบแบบนี้ ต้องเป็นคุณพ่อแน่ๆ หมอแพลนฟันธง!!!
“แบบนี้ ก็แสดงว่าทางบ้านของแพลนยังคิดจะให้แพลนกลับไปหมั้นกับคุณชายอยู่อีกล่ะสินะ” ช้องถามฉันขึ้น พลางทำหน้าเศร้าๆ เอ๊ะ!ทำไมช้องต้องทำหน้าเศร้าแบบนั้นด้วยล่ะ ช้องเป็นแค่เพื่อนของคุณชายไม่ใช่เหรอ???? งงอ่ะ.......
“ก็คงงั้นมั้ง แต่ถึงยังไง แพลนก็จะไม่กลับไปเพื่อหมั้นกับชายสี่หรอก แพลนจะกลับไปที่บ้านก็ต่อเมื่อพ่อกับแม่แคนเซิลงานทั้งหมดแล้ว......”
ในเมื่อตามตื้อถามดีๆแล้วไม่บอก มันก็ต้องใช้ไม้ตายจริงๆสักทีสินะ ช่วยไม่ได้แฮะ พวกนี้ทำดีด้วยแล้วไม่ชอบ สงสัยต้องใช้ไม้เด็ด
แผนสุดท้าย ตามสะกดรอย
วิธีการ : สะกดรอยตามชายสี่ อย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าได้เข้าไปหาคุณหนูบ้างหรือเปล่า ถ้าเห็นพฤติกรรมแปลกๆที่น่าสงสัยให้จับตาดูและเฝ้าสังเกตให้ดีอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด!!!!
...................เริ่มปฏิบัติการ..............
“ไม่ได้นะชาย ชายห้ามบอกที่อยู่ของแพลนกับใครเด็ดขาดเลยนะ ชายอยากให้แพลนกลับไปหมั้นกับชายหรือไง ชายไม่กลัวแฟนชายเสียใจเหรอ?”
วันนี้ชายสี่โทร.มาบอกฉันอีกแล้วว่าหลายวันมานี้รู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตามอยู่บ่อยๆ บางทีรู้สึกเหมือนกำลังถูกเดินตาม แต่พอหันกลับไปมองก็ไม่มีใคร แต่ชายค่อนข้างมั่นใจว่าต้องถูกสะกดรอยตามอยู่แน่ๆ ชายบอกให้ฉันระวังตัวเอาไว้ เพราะการโดนสะกดรอยตามของชายอาจจะมีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับฉันก็เป็นได้
“ขอบใจมากนะชายที่เป็นห่วงแพลนน่ะ” ฉันตอบชายทางโทรศัพท์ จะว่าไป ชายก็เป็นเพื่อนที่ดีของฉันเสมอเลย ไม่ว่าฉันจะเป็นอย่างไร แต่ฉันก็เป็นห่วงชายสี่เหมือนกันนะ โดนสะกดรอยตามแบบนั้นคงน่ารำคาญแย่ ถ้าจับได้เมื่อไหร่ว่าใครเป็นนักสืบที่คุณพ่อจ้างมานะ ฉันจะต่อว่าให้เสียคนเลยคอยดู
เอ้อ!!จริงสิ ลืมบอกเรื่องที่ฉันกำลังสงสัยและตอนนี้ก็เริ่มมั่นใจแล้วว่าคนที่มาตามชายสี่เป็นนักสืบที่พ่อจ้างมาตามสืบหาตัวฉัน แต่เรื่องนี้ สงสัยต้องให้เจอตัวชายสี่จริงๆก่อน แล้วค่อยบอกน่าจะดีกว่า
“ใครโทร.มาเหรอแพลน.......ชายเหรอ??” ช้องนางเดินมาถามฉันหลังจากวางหูโทรศัพท์จากชายสี่ได้ไม่นาน
“จ๊ะ ชายโทร.มาบอกแพลนว่า หลายวันมานี้ รู้สึกเหมือนมีคนคอยสะกดรอยตามอยู่ตลอด ฉันว่าสาเหตุมันต้องมาจากฉัน แน่ๆเลย”
“ไม่หรอก อย่าเพิ่งคิดมากนะแพลน” ช้องนั่งลงข้างๆฉัน แล้วพูดต่อ
“ถึงสาเหตุมันจะมาจากเธอจริงๆ มันก็ไม่ได้แสดงว่าเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้นี่นา เธอน่าจะไปคุยกับพ่อแม่ของเธอให้ท่านเข้าใจนะ ว่าเธอไม่ได้อยากหมั้นกับชายน่ะ”
“ขอบใจมากนะช้อง ที่หวังดีกับฉันน่ะ แต่ถึงฉันจะทำแบบนั้นมันก็คงไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
“ทำไมล่ะ”
“ก็......ถ้าฉันสามารถพูดกับพ่อแม่รู้เรื่องได้ง่ายแบบนั้น ชายก็คงไม่ต้องพาฉันมาหลบอยู่ที่นี่หรอก”
“อืม....มันก็จริงของเธอนะ”
จากนั้น เราสองคนก็หัวเราะออกพร้อมกัน ที่จริงช้องนางเองก็เป็นคนดีแล้วก็น่ารักดีเหมือนกันนะ อยากจะรู้จังว่ามีแฟนหรือยัง ลองถามดูดีกว่า
“แล้วเธอมีแฟนหรือยังอ่ะ”
“อ๋อ.....จะว่าไปก็มีแล้วนะ ถามทำไมเหรอ” ช้องตอบฉันอย่างอายๆ แล้วถามกลับ
“เปล่า.....ฉันก็แค่อยากรู้เฉยๆ แต่ก็คิดอยู่แล้วล่ะ ว่าเธอจะต้องมีแฟนอยู่แล้วแน่ๆเลย เพราะเธอเป็นคนดีแล้วก็หน้าตาน่ารักขนาดนี้”
“แหม ~ แพลนน่ะ ชมฉันมากเกินไปแล้วนะ” ช้องบอกแล้วยิ้มๆ แล้วเดินไปไหนก็ไม่รู้ สงสัยจะอาย
“ตกลงนายจะบอกฉันหรือเปล่า ว่าพาคุณหนูแพลนไปหลบอยู่ที่ไหน” ผมตัดสินใจถามไอ้ชายสี่หมี่เกี๊ยวในวันหนึ่ง ที่ผมเริ่มรู้สึกว่ามันน่ารำคาญขึ้นทุกทีที่ผมต้องมานั่งสะกดรอยตามมันไปไหนต่อไหนแบบนี้
“ฉันไม่รู้”
มันตอบผมสั้นๆ สั้นจนน่าหมั่นไส้ เพราะผมรู้ว่ายังไงมันก็ต้องรู้ว่าคุณหนูอยู่ที่ไหน
“นายรู้!! บอกมานะ ว่าเธออยู่ที่ไหน”
“นายจะอยากรู้ไปทำไม นายเป็นใคร และกำลังทำอะไรอยู่กันแน่” ไอ้ชายมันถามผมกลับ แต่ผมไม่มีทางบอกมันหรอกว่าผมเป็นนักสืบที่คุณพ่อของคุณหนูส่งมาน่ะ
“แกไม่จำเป็นต้องรู้หรอกน่าว่าฉันเป็นใคร แค่บอกฉันมาก็พอว่าคุณหนูอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้งแหละ เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น”
ไอ้คุณชายบอกกับผมแล้วรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่ผมก็ยังตามติดแบบกัดไม่ปล่อย ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ต้องได้ข้อมูลเรื่องคุณหนูหน้าสวยนั่นไปรายงานให้ท่านประธานทราบให้ได้
“ไม่บอกใช่มั๊ย??” ผมถามย้ำกับชายสี่
“บอกว่าไม่รู้ไง แล้วจะให้เอาอะไรมาบอก”
“ได้ ~ ไม่รู้ ก็ไม่รู้ แต่อย่าให้รู้นะ ว่านายรู้เรื่องคุณหนูน่ะ”
ผมบอกอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเดินไปขึ้นแท็กซี่กลับบ้าน วันนี้รู้สึกหงุดหงิดเป็นบ้า ไม่รู้ทำไม ผมรู้สึกว่าผมเริ่มเกลียดขี้หน้าไอ้ชายบ้านี่ขึ้นทุกวันแล้วสิ ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่า เวลาผมพูดหรือคุยกับมัน มันพยายามจะบ่ายเบี่ยงที่จะตอบเรื่องของคุณหนูแพลนเน็ตกับผม ลำพังแค่เรื่องที่มันไม่ตอบคำถามผมมันก็ไม่น่าโมโหเท่าไหร่หรอก แต่พอผมคิดว่ามันจะต้องได้เป็นคู่หมั้นและจะได้แต่งงานกับคุณหนูแล้ว ผมก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมาทุกที เฮ้อ ~ ผมกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่เนี่ย ให้ตายเหอะ!!!!
ความคิดเห็น