คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 1 :
1
บ้าไปแล้ว ชายสี่ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ให้ฉันเนี่ยนะหนีงานหมั้น ให้ตายเถอะ!ถ้าฉันทำแบบนั้นจริงๆ มีหวังพ่อได้เฉดฉันออกจากกองมรดกแหงๆ ตลกน่า!
ฉันนั่งคิด นอนคิด ตะแคงคิดไปมาหลายรอบแล้วนะ หรือว่าฉันจะทำตามที่ชายสี่บอกดีล่ะ อันที่จริงเรื่องนี้มันก็น่าสนอยู่นะ แต่ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก พ่อกับแม่ต้องโกรธแล้วก็ผิดหวังในตัวฉันมากๆแน่เลย และมันก็คงจะไม่ดีแน่ๆถ้าเป็นแบบนั้น
“เอาไงดีล่ะ” ฉันพูดกับตัวเองเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย
“แพลน!!แพลน!!แพลนเน็ต!!”
ใครมาตะโกนเรียกฉันตอนนี้เนี่ย คนยิ่งกำลังเครียดๆอยู่ เฮ้อ ~ ลุกขึ้นไปดูหน่อยท่าจะดี
“อ้าว ชายนี่นา ทำไมมายืนตะโกนเรียกฉันอยู่ตรงนี้ล่ะ ไม่เข้ามาในบ้าน” ฉันบอกกับชายสี่ทางหน้าต่างห้องหลังจากที่เดินมาชะโงกดูว่าใครมาเรียกชื่อฉันอยู่
“ไม่ๆ ชายจะมาพาแพลนหนี”
“ฮะ หนี!”
“ชู่ว!!”
“โทษทีๆ”
ชายเอานิ้วชี้ปิดปากตัวเองอย่างไวเพราะฉันกำลังจะทำให้แผนของชายแตก อิอิ ฉันเสียงดังอ่ะ
“รีบเก็บของเร็ว แพลน”
“อะไรนะ เดี๋ยวนี้เลยเหรอ”
“อืม เร็วๆนะ ชายจะรออยู่ตรงนี้ เสร็จแล้วลงมาหาชายเลยนะ”
“จ๊ะๆ”
ฉันยกมือที่ทำสัญลักษณ์โอเคให้ชายสี่ แล้วเดินกลับเข้ามาเก็บของส่วนตัวที่จำเป็นนิดๆหน่อยๆ แล้วเดินลงไปหาชายสี่ที่สนามด้านล่าง
“ไปกันเถอะ” ชายสี่ไม่รอให้ฉันได้หยุดพักเหนื่อย แต่กลับคว้าข้อมือฉันขึ้นแล้วทำท่าจะติดสปีดไปเดี๋ยวนั้น
“เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวสิ ชายยังไม่ได้บอกแพลนเลยนะ ว่าชายจะพาแพลนหนีไปที่ไหนน่ะ”
“อ๋อ ชายจะพาแพลนไปหลบที่บ้านเพื่อนน่ะ”
“เพื่อน?”
“ไม่ต้องห่วงนะ เพื่อนชายเป็นผู้หญิง ชื่อ ช้องนาง”
“อ้อ งั้นเหรอ แฮ่ๆ ค่อยยังชั่วหน่อย ขอบใจนะชาย”
“อืม ไม่เป็นไร”
ชายพาฉันนั่งรถสปอร์ตสีดำของชายที่ติดฟิล์มซะมืดตึ้ดตื๋อออกมาจากบ้าน โดยไม่มีใครทันสังเกตเห็นเราสองคน หลังจากนั้นชายก็พาฉันมาที่บ้านเพื่อนที่ชื่อ ช้องนาง
“ช้อง ชายฝากแพลนด้วยนะ ดูแลดีๆล่ะ ชายรับรองว่าจะไม่รบกวนช้องนานหรอก แค่ช่วงนี้เท่านั้น”
“อืม ไม่เป็นไร ช้องเองก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย อีกอย่างชายก็เคยช่วยช้องตั้งเยอะ เรื่องแค่นี้ทำไมช้องจะช่วยชายไม่ได้ล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ สบายใจได้ ช้องจะช่วยดูแลแพลนเน็ตให้เอง”
เพื่อนของชายสี่ที่ชื่อช้องนางนี่ก็ดูท่าทางจะใจดีนะ แถมหน้าตาก็ยังน่ารักอีกด้วย เฮ้อ ~ นี่ถ้าใครได้เป็นแฟนนะ คงจะโชคดีไปสิบชาติ
“ขอบใจมากนะ ช้อง”
ชายสี่ขับรถกลับไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่ฉันกับช้องนาง ฉันควรจะเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าไงดีล่ะ อืม.....หรือว่าจะเรียกเหมือนกับที่ชายสี่เรียก
“นี่ ชื่อแพลนเน็ตใช่มั๊ย ยินดีที่ได้รู้จักนะ ได้ข่าวว่าหนีงานหมั้นมาเหรอ” ช้องนางถามฉันยิ้มๆ
“จ๊ะ ก็......ทำนองนั้น”
ฉันเองก็ตอบยิ้มๆเหมือนกัน ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือโดนคู่หมั้นของตัวเองพาหนีมาเลยต่างหาก เชอะ! ชายนะชาย เป็นคู่หมั้นกันภาษาอะไร พาคู่หมั้นตัวเองหนีงานหมั้นมา บ้าจริง อิอิ
“อืม...ถ้างั้นก็ตามสบายนะ ฉันเองก็อยู่ที่นี่คนเดียว พ่อกับแม่นานๆจะกลับมาที พวกท่านไปทำงานที่เมืองนอกน่ะ”
“ขอบใจนะ” ฉันยิ้มให้ช้องนางด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าเฟรนด์ลี่ที่สุดในชีวิต
จะมีใครที่โชคดีอย่างผมบ้างงงงง ขอมือหน่อยยยยยย(ประชด ฮือๆที่จริงผมกำลังซวยชิบ !) อยู่ดีๆก็ได้รับคำสั่งให้ตามหาตัวลูกสาวนักธุรกิจร้อยล้านที่ดันหนีงานหมั้นออกจากบ้าน รู้สึกว่าจะออกมากับอีตาคู่หมั้นนั่นแหละ แต่หมอนั่นกลับปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้พาเธอคนนั้นออกมาจากบ้านเลย พวกลูกคุณหนูพวกนี้นี่ชอบสร้างเรื่องสร้างปัญหากันจริงๆ ตอนนี้ก็เลยกำลังวุ่นวายกันไปตามๆกัน ได้ข่าวว่างานทั้งหมดก็ถูกเตรียมการจนเกือบจะเสร็จสมบูรณ์หมดแล้วด้วย แขกเหรื่ออะไรก็ส่งการ์ดเชิญกันหมดแล้ว ติดอยู่อย่างเดียวก็คือตัวผู้หญิงคนนี้นี่แหละ เฮ้อ ~ เด็กสมัยนี้นี่แย่จริงๆ ไม่ไหวจะเคลียร์ ทำไมป่านนี้แล้วทางนู้นยังไม่ส่งข้อมูลของยัยตัวปัญหามาให้ผมอีกนะ ไหนลองโทร.ไปถามหน่อยดีกว่า
“สวัสดีครับ ผมเป็นสายสืบจากองค์กร ABCD นะครับ อยากทราบว่าตอนนี้เรื่องข้อมูลของนางสาวแพรวนภาที่ให้หาถึงไหนแล้วครับ ใกล้เสร็จแล้วเหรอครับ ถ้าเสร็จแล้วกรุณาส่งข้อมูลมาให้ผมด่วนเลยนะครับ ขอบคุณครับ” ตอนนี้ผมก็เลยทำได้แค่นั่งหาข้องมูลต่างๆเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ไปพลางๆก่อน เพื่อรอข้อมูลที่แน่ชัดจากทางนู้นอีกที จะว่าไป ถ้าให้ผมเดานะ สาเหตุที่ผู้หญิงคนนั้นหนีงานหมั้นไป ต้องเป็นเพราะโดนบังคับให้หมั้นกับคนที่ไม่ได้รักแน่ๆเลย พวกเศรษฐีก็งี้แหละ เอาแต่ผลประโยชน์ที่ลงตัว ไม่คิดถึงจิตใจของเด็กกันมั่งเลย........จะว่าไปก็น่าสงสารอยู่นะ เด็กคนนั้นน่ะ
“อ้ะ มาแล้วเหรอ ไหนขอดูข้อมูลหน่อยสิ” ผมเปิดดูอีเมลล์ที่ทางนู้นส่งมาแล้วเปิดอ่านอย่างละเอียดทันที อืม........เป็นลูกสาวคนเดียวซะด้วยสิ อย่างนี้พ่อแม่ก็ต้องพิถีพิถันเรื่องคู่ครองเป็นธรรมดาล่ะนะ ทำไงได้ แนบไฟล์รูปมาด้วยนี่นา ไหนขอดูหน้าหน่อยสิ
“...........”
.......สวยจังเลย.........สวยจนผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ในข้อมูลส่วนตัวบอกว่าอายุแค่ 17 เองนี่นา ไม่น่าเชื่อว่าจะโตเป็นสาวอย่างนี้ เฮ้ยๆ นี่กำลังคิดไรอยู่เนี่ย แต่ผู้หญิงคนนี้สวย น่ารักจริงๆนะ ไม่ได้โม้
“ซี นายว่างหรือเปล่า มานี่หน่อย มาช่วยงานพี่ทางนี้แปบนึง” พี่โยเรียกผมไปทำอะไรอีกล่ะเนี่ย เซ็งเลย คนกำลังนั่งมองนางฟ้า เอ้ย!รูปของคุณหนูคนนั้นอยู่เพลินๆ
ฉันหนีมาหลบอยู่บ้านช้องนางได้สามวันแล้วสินะ ป่านนี้พ่อกับแม่คงเป็นห่วงกันแย่แล้ว หนูขอโทษจริงๆนะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะหนี แต่หนูแค่ไม่อยากหมั้นกับชายเท่านั้นเอง เราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ และคงจะเป็นมากกว่านี้ไปไม่ได้แล้วด้วย อยากให้พ่อกับแม่เข้าใจจังเลย
“อ้าว.....แพลน มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ล่ะ ไม่เข้าไปดูทีวีในห้องเหรอ” ช้องเดินมาถามฉันที่นั่งมองนกมองไม้อยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านอย่างเหม่อลอย
“ไม่ล่ะ แพลนดูจนเบื่อแล้ว”
“งั้นเหรอ ช้องก็แค่เป็นห่วง กลัวว่าจะใครมาเห็นแพลนเข้าก็เท่านั้นเอง แพลนดูนี่สิ”
ช้องส่งหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาให้ฉัน มันมีอะไรในหนังสือพิมพ์นี่งั้นเหรอ ฉันไม่สนใจข่าวดารา แล้วก็ไม่เล่นการเมือง อีกอย่างฉันก็ไม่ได้เล่นหวยด้วยนี่นา เอ.....หรือว่าช้องจะถูกหวย เฮ้อ ~ จะเดาไปเพื่อ?? รับมาเปิดดูเลยดีกว่า
“หน้าสอง ข่าวไฮโซน่ะ อ่านดูสิ” ช้องบอกกับฉัน
“......ลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจใหญ่หายตัวไป ประกาศเลื่อนงานหมั้นออกไปอย่างไม่มีกำหนด คาดว่าสาเหตุมาจากโดนบังคับหมั้นกับลูกนักธุรกิจด้วยกันเองเพราะผลประโยชน์ของครอบครัว........” นะ....นี่ มันข่าวฉันนี่นา แหม....หนีออกมาแค่สามวันฉันยังดังขนาดนี้ แต่จะว่าไป นักข่าวสมัยนี้นี่ปากคอเราะร้ายไม่เบา ยุ่งเรื่องชาวบ้านชะมัด อะไรกัน จะหนีออกมาเพราะอะไรมันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของฉันนะ
“นะ...นี่ ข่าวฉันเหรอ” ถามไปงั้นแหละ ที่จริงรู้อยู่แล้วล่ะ
“อืม” ช้องตอบสั้นๆพยักหน้าด้วย แต่มองหน้าฉันแบบนั้นหมายความว่าไงอ่ะ อย่าทำหน้าเหมือนกับฉันทำลายชื่อเสียงวงศ์ตระกูลแบบนั้นสิ ฉันไม่ได้อยากจะให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้สักหน่อย
“คือฉัน.....” พยายามจะแก้ตัว แต่หมดปัญญา
“อืม...ช่างเหอะ ฉันคิดว่าฉันเข้าใจเธอนะ” ว้าว ช้องนางใจดีกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ นิสัยเหมือนชายสี่เลยแฮะ
“ขะ...ขอบใจนะ ที่เข้าใจ ^ ^” เฮ้อ ~ ค่อยยังชั่ว......
........................................
“ครับๆ ทราบแล้วครับ เดี๋ยวผมจะรีบดำเนินการให้เดี๋ยวนี้ล่ะครับ”
เป็นอาทิตย์แล้ว ผมยังหาตัวคุณหนูหน้าสวยนั่นไม่เจอเลย ตอนนี้ทางบ้านมหาเศรษฐีนั่นก็เร่งยิกๆเข้ามาแล้วด้วย สงสัยต้องใช้ไม้ตาย
ทุกอย่างมันต้องมีการวางแผนก่อนปฏิบัติจริงสินะ ผมเองก็คงต้องวางแผนแล้วเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นชาตินี้ทั้งชาติผมคงทำงานเหมือนสุภาษิตที่ว่า งมเข็มในมหาสมุทรแน่ๆ
แผน 1 เพื่อนที่สนิทที่สุด
วิธีการ : ต้องไปตรวจสอบประวัติส่วนตัวเพื่อดูว่าคุณหนูคนนี้มีเพื่อนที่สนิทกี่คน ใครบ้าง และแต่ละคนอยู่แห่งหนตำบลใดในโลกนี้กันบ้าง ผมจะตามให้เจอให้หมดเลยคอยดู ไม่แน่ ยัยคุณหนูหนาสวยนั่นต้องหนีไปอยู่ที่บ้านเพื่อนไม่คนไหนก็คนหนึ่งล่ะ แต่ถ้าไม่เจอที่บ้านเพื่อน ผมก็ต้องเค้นเอาความจริงจากคนพวกนี้ล่ะ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคนพวกนี้จะต้องรู้แน่ๆว่าคุณหนูหน้าสวยนี่ไปหลบอยู่ที่ไหนกันแน่
...................เริ่มปฏิบัติงาน.............
จากข้อมูลเกี่ยวกับเพื่อนสนิทของยัยคุณหนูหน้าสวยมีดังนี้ :
‘ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของคุณหนูแพลนเน็ต คือ คุณชายสี่...........คุณชายสี่เป็นลูกชายคนที่สี่ของประธานบริษัทหุ้นส่วนของบริษัทประจำตระกูลของคุณหนูแพลนเน็ต อายุ 17 ปี เป็นคนเฮฮา ใจดี ปัจจุบันเรียนอยู่ที่โรงเรียนสหศึกษา พิภัทรากรณ์ เป็นเพื่อนเล่นของคุณหนูแพลนเน็ตมาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งปัจจุบัน เพราะคุณหนูแพลนเน็ตไม่ค่อยมีเพื่อนที่ไหน ที่สำคัญ ยังเป็นคู่หมั้นของคุณหนูแพลนเน็ตด้วย…..’
โอ้โห ~ เพื่อนสนิทในวัยเด็ก ที่โตขึ้นต้องมาแต่งงานกันเนี่ยนะ ฟังดูก็โรแมนติกดีนะ แต่ถ้ามันดีจริงๆ ยัยคุณหนูหน้าสวยนั่นคงไม่หนีงานหมั้นไปแบบนั้นหรอก มันต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่ๆเลยแบบนี้
วันนี้ผมตื่นแต่เช้า และตั้งใจว่าจะเดินไปทางไปที่บ้านของคุณชายสี่บะหมี่เกี๊ยวอะไรนั่นโดยเฉพาะ เพื่อถามดูให้แน่ใจว่าหมอนั่นรู้เรื่องที่คุณหนูแพลนเน็ตหนีไปหรือเปล่า
แต่ผมค่อนข้างมั่นใจนะ ร้อยทั้งร้อย เพื่อนสนิทกันตั้งแต่เด็กจนโตแบบนี้ มีหรือจะไม่เล่าสู่กันฟัง ยิ่งเรื่องลับสุดยอดแบบนี้ ผมว่าหมอนี่ต้องเป็นคนกุมความลับทั้งหมดเอาไว้อย่างแน่นอน
แง้ ~ แพลนเน็ตอยากตายยยยยยย ขอปืนกระบอกนึงงงงงง ฮือๆๆ ทำไมน่ะเหรอ ก็อยู่ๆนอกจากพวกนักข่าวจอมจุ้นที่ชอบขุดคุ้ยเรื่องชาวบ้านแล้ว เมื่อวานชายสี่เพิ่งจะโทร.มาบอกฉันว่ายังมีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้อีกคนนึงไปหาชายสี่ถึงบ้านแล้วถามเรื่องที่ฉันหายตัวไปด้วยอ่ะ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมทุกคนต้องมาให้ความสนใจกับการหายตัวไปของฉันด้วย ถ้าสนกันขนาดนี้ ให้ฉันเปิดแถลงข่าวเลยมั๊ยคะ???
“อ้าวเป็นอะไรล่ะแพลน นั่งหน้ามุ่ยเลย” ช้องเดินออกมาจากครัวแล้วถามฉันที่นั่งมองหน้าจอมือถือตัวเองเหมือนคนที่กำลังเก็บกดอะไรสักอย่างอยู่
“เครียดขนาดนั้น ระวังมือถือจะแหลกคามือนะแพลน” ช้องบอกกับฉันแล้วยิ้มให้ ฉันก็เลยยิ้มตอบ ง่า ~ ช้องนะช้อง ยังมีหน้ามายิ้มหวานอีกนะ ฉันกำลังจะทำให้เธอเดือดร้อนนะ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอเนี่ย
“เธอไม่โกรธฉันเหรอ??” ฉันถาม
“โกรธ? เรื่องอะไรเหรอ??”
“ก็.....ถ้าทุกคนรู้ว่าฉันมาหลบอยู่ที่นี่ เธอก็คงจะโดนว่า”
“อ้อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ ช่างเหอะ ฉันไม่ค่อยสนใจหรอก ว่าก็ว่าสิ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย อีกอย่าง พวกผู้ใหญ่ก็ควรจะรับฟังความคิดเห็นของเด็กอย่างพวกเราบ้าง ไม่ใช่อะไรก็จะเอาแต่ใจตัวเอง บ้าอำนาจที่สุด”
“เธอไม่โกรธแน่นะ?”
“แน่สิ.....ที่จริงฉันเห็นใจเธอกับชายด้วยซ้ำ ที่อยู่ๆก็โดนบังคับให้หมั้นกันแบบนี้ ฉันรู้ว่าทั้งสองคนไม่ได้รู้สึกรักกันแบบนั้น แต่พวกเธอสนิทกันแบบเพื่อนมากกว่า ทำไมเธอไม่ลองบอกพ่อกับแม่ล่ะ เผื่อท่านจะเข้าใจ”
“โอ๊ย ~ บอกไปก็เท่านั้นแหละ คำพูดของฉันมันคงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ต้องขอบใจเธอมากๆนะ ที่ไม่โกรธฉันน่ะ”
ฉันยิ้มออกเพราะช้องนางแท้ๆเลย ผู้หญิงคนนี้ทำให้ความเครียดของฉันคลายลงเยอะเลย ถ้าใครได้เป็นแฟนก็คงดีเนอะ แต่ที่รู้ๆน่ะ ฉันได้เพื่อนเพิ่มอีกคนนอกจากชายสี่แล้ว ก็คือ ช้องนางคนนี้ไง
ความคิดเห็น