ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #19 : SCHOOL : CHAPTER15

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.95K
      27
      13 ก.ค. 56

     
     

    CHAPTER 15  

     

    ผมค่อยๆปรือตาขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า ไม่รู้ตัวเองว่าเผลอหลับไปตอนไหน แต่ผมก็ไม่แปลกใจเท่าไรนักหรอกเพราะว่าทั้งร่างกายและจิตใจผมผ่านอะไรมามากมาย มันก็ไม่แปลกที่ร่างกายจะต้องการการพักผ่อน 

    ทันทีที่ผมขยับตัว ความรู้สึกหนักอึ้งที่กระเป๋ากางเกงก็ย้ำเตือนสติได้ว่า สร้อยเพชรยังอยู่ที่ผม ผมยังไม่ได้เอามันไปคืน  

    เหลือบมองแบคฮยอนที่ตอนนี้ดูจะสงบลงไปมากแล้วหลังจากที่ผมพาเข้ามาในห้อง แบคฮยอนดูแปลกไปมาก เหมือนร่างกายจะทรุดโทรมลง ผิวหนังจากซีดๆเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเขียวจ้ำๆอมม่วง ใบหน้าเริ่มบวมอืด สภาพมันดูเหมือน'ศพ'ที่ใกล้จะเน่ายังไงยังงั้น 

    ความหวังของผมเริ่มริบหรี่ลง ผมกลัวว่าจะพาแบคฮยอนไปรักษาไม่ทัน ผมกลัวไปหมดทุกอย่าง 

     

    ผมขังตัวเองและคนรักมาร่วมครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ทั้งรู้สึกเพลียและหิว ใช่ ผมแทบไม่ได้กินอะไรเลย แล้วถ้าเทียบกับแบคฮยอนในตอนนี้ล่ะ...แบคฮยอนก็คงจะหิวเหมือนกัน แต่ไม่ได้หิวอย่างผมและคนอื่นๆ 

    แบคฮยอนหิวมนุษย์... 

     

    ถ้าขืนปล่อยไว้ให้เป็นแบบนี้นานๆ แบคฮยอนอาจจะหันมากินผมก็เป็นได้ ความรักกับปากท้องมันเป็นเรื่องสำคัญนะครับ อยู่ที่ว่าใครจะเห็นอะไรสำคัญกว่ากัน 

    ผมรู้สึกว่าตัวเองก็เริ่มจะอ่อนแอลงทุกที ไม่หรอก ผมไม่ได้ติดเชื้อซอมบี้อะไรเหมือนในหนังทั้งนั้น แต่ผมแค่เหนื่อยกายและเหนื่อยใจ ใครไม่เป็นผมไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บแค่ไหนที่เห็นคนรักตกอยูในสภาพแบบนี้ 

    จะโทษใครดีล่ะ ผี? หรือตัวผมเอง... 

     

    ผมทิ้งระยะห่างระหว่างเราสองคนไว้มากพอสมควร ผมอยู่มุมห้องฝั่งซ้าย แบคฮยอนอยู่มุมฝั่งขวา ไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าร่างบางกำลังพยายามควบคุมจิตใจตัวเองไม่ให้ทำอะไรผม ถึงขนาดไม่ยอมเดินมาใกล้ๆหรือหันมาสนใจผมเลย 

     

    "ฉันจะทำยังไงกับนายดีนะ"   

    "...."  

    คิดๆดูแล้ว ถ้าขังตัวเองอยู่ที่นี่ไปจนเช้าก็ใช่ว่าจะปลอดภัย แต่ถ้าให้ออกไปเดินเพ่นพ่านข้างนอกก็ใช่ว่าจะปลอดภัยอีกเหมือนกัน  

    และผมก็ปล่อยให้แบคฮยอนเป็นแบบนี้นานๆไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องยื้อร่างไว้ไม่ให้สลายไปอีกเป็นรอบที่สอง  

     

    "กรร...!"  

     

    ยังไม่ทันไรแบคฮยอนก็หันขวับมาทางผมพลางส่งเสียงครางต่ำ ผมคิดว่าถ้าเขามีเขี้ยวยาวก็คงจะแยกใส่ไปนานแล้ว  

    แววตาสีแดงสดมองผมอย่างกระหาย ร่างกายแบคฮยอนสั่นราวกับฉุดไม่อยู่ ผมเห็นดังนั้นก็เตรียมขยับตัวหนีมุ่งไปทางประตูห้องทันที 

     

    แบคฮยอนเริ่มจะเป็นซอมบี้เต็มตัวแล้ว ความทรงจำและความรู้สึกของแบคฮยอนเหลือเพียงศูนย์เปอร์เซนต์ 

    ความกระหายครอบงำทุกอย่าง ผมควรจะหนีอย่างที่มนุษย์ปกติเขาทำกัน 

    ผมอยู่ร่วมกับแบคฮยอนไม่ได้แล้ว อย่างน้อยในเวลานี้ก็ควรจะป้องกันตัวเองเสียก่อน เมื่อเรื่องทุกอย่างจบ ผมหวังว่าสภาพแวดล้อมจะกลับมาเป็นปกติ รวมทั้งคนรักของผมด้วย 

     

    แกร๊ก 

     

    เปิดสิวะ! 

     

    คิดผิดมหันต์เลยที่ล็อกห้องไว้อย่างแน่นหนาตั้งแต่แรก สุดท้ายคนที่ต้องดิ้นรนหนีก็คือผมที่เป็นคนล็อกเอง  

    แบคฮยอนย่างกรายเข้ามาหาผมเรื่อยๆจนมายืนอยู่ข้างหลังผมในที่สุด  

    เงาที่สะท้อนจากประตูทำให้ผมใจหายวาบ แบคฮยอนกระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว! 

    "อ๊ากกกกก"  

    "แบคฮยอน ปล่อย!"  

    รู้ว่าสั่งไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา ในเมื่อร่างบางตอนนี้ไม่มีผมอยู่ในหัวสมองว่างๆนั่นแล้ว  

    แขนแกร่งของผมถูกกัดกระชากอย่างรุนแรงจนเนื้อเปิด เลือดสีสดกระฉูดออกมาเต็มหน้าแบคฮยอน  

     

    เจ็บ...เจ็บมากๆ  

    บาดแผลจากคนรัก... 

     

    แขนอีกข้างที่ว่างอยู่ของผมคว้าหมับเข้าที่มีดกลางหน้าผากและกระชากมันออกมาจนหลุดจากหน้าผากในที่สุด เสียงเดียวที่ผมได้ยินคือเสียงโหยหวนของแบคฮยอน  

    มีดที่ชุ่มไปด้วยเลือด หากแต่ยังคงความแหลมคมและเงาวับถูกจ่อไปทางร่างบาง ราวกับจะเสียบมันอีกรอบ 

    แบคฮยอนมองมันด้วยความหวาดกลัวสุดชีวิตและยอมก้าวถอยไปหลังห้อง 

    "อยู่ในนี้ห้ามออกไปไหน เดี๋ยวฉันจะกลับมา" ผมพูดไปถึงแม้จะรู้ว่าเจ้าตัวจะฟังไม่ออกก็ตาม 

     

    --SCHOOLHORROR-- 

     

    ผมเดินทอดน่องไปเรื่อยเปื่อยราวกับไม่รู้สึกกลัวอะไรทั้งนั้น หากแต่ในใจกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่แสดงอาการเลยแม้แต่น้อย ที่ผมเดินช้าๆก็เพื่อที่จะถ่วงเวลาของตัวเองมากกว่า  

    ถึงทำไปก็ไร้ประโยชน์ ยังไงก็ต้องไปชั้นแปดอยู่วันยังค่ำ แต่อย่างน้อยการถ่วงเวลาเดินเอื่อยๆให้ถึงเช้าก็ดีเหมือนกัน ผมหวังว่าให้เป็นอย่างนั้นน่ะนะ 

    ผมเลือกที่จะไม่ใช้ลิฟท์แล้วเดินขึ้นบันไดมาแทน ตลอดเวลาที่ก้าวขึ้นทีละขั้น ผมย้ำถามตัวเองอยู่เสมอว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรกันแน่ ผมทำถูกใช่มั้ย ผมควรเอามันไปคืนด้วยตัวเองหรือเปล่า ผมคิดดีแล้วเหรอ? 

    ยิ่งคิดความกลัวก็ยิ่งแล่นเข้าหัวสมอง ยิ่งคิดภาพผีที่เคยเจอมาตั้งแต่ตอนค่ำก็ยิ่งย้ำเตือนสติว่าถ้าผมทำพลาดหรือไม่ได้ผลมันจะเป็นยังไง  

     

    แต่ผมคิดดีแล้ว...ใช่ ผมคิดมามากพอแล้วในห้องนั้น  

    ผมทนให้แบคฮยอนเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ผมต้องทำอะไรสักอย่าง 

     

    "…"  

    เมื่อเงยหน้าขึ้นมองตัวเลขบนกำแพงใจก็เต้นรัวด้วยความตื่นเต้นปนหวาดกลัว มันคือชั้นเจ็ด 

    นั่นหมายความว่าผมต้องเดินขึ้นไปอีกแค่ไม่กี่ขั้นเท่านั้นก็จะถึงชั้นที่ต้องการ  

    ผมไม่อยากขึ้นไปเลย ผมไม่อยากเห็นเหมือนครั้งก่อนอีก แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ 

     

    ถ้าระหว่างเดินผมเจอผีตัวนั้นขึ้นมาล่ะ...?  

    ผมควรจะต้องโชว์เพชรในมือแล้วบอกว่าเอามาคืนงั้นเหรอ? 

    เหอะ! งี่เง่าสิ้นดี ความคิดผม 

     

    ตึก...ตึก.. 

     

    "..." เสียงอะไร?  

     

    แกร๊กก... 

     

    ผมหยุดเดินและมองไปรอบๆอย่างหวั่นๆ ผมแน่ใจว่าแบคฮยอนไม่ได้ตามผมมาแน่เพราะว่าผมไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แต่ผมแค่รู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ข้างหลังผมเท่านั้น.. 

    มันเป็นเสียงฝีเท้าที่ก้าวตามผมมา เสียงเหมือนคนเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ 

     

    ขวับ..! 

     

    ไม่มีอะไร.. 

     

    ผม..คงจะคิดมากไปหน่อย บางทีอาจจะจิตหลอนไปเอง  

    ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป เมื่อหันมองรอบๆเพื่อเช็คความแน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีอะไรก็ก้าวขาขึ้นบันไดไปขั้นต่อๆไป 

     

    เปาะ...เปาะ... 

     

    "...!" 

    ผมหยุดกึกอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ เมื่อหันกลับไปมองข้างหลังก็พบว่าเป็นหยดน้ำที่ไหลซึมมาจากข้างบนเพดาน มันไม่มีอะไรนอกจากนั้น  

    บางทีข้างนอกฝนอาจจะตกอยู่ก็ได้ ... 

    แต่ว่า...ทำไมขนแขนผมต้องตั้งชันด้วย ทำไมถึงรู้สึกเสียววาบที่หลังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 

     

    ตึก...ตึก 

     

    ครืดดดดดดด 

     

    ม..ไม่ไหวแล้ว..! ทำไมเสียงมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มันมาพร้อมกับเสียงลากพื้น 

     

    เปาะ.....!! 

     

    - 

    - 

    - 

    "อ๊ากกกกก"  

     

    ตึกๆๆๆๆ 

     

    ไม่! ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ ผมแค่รู้สึกกลัว รู้สึกหลอน ยิ่งผมก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆเสียงฝีเท้าก็เร็วตามมาติดๆ 

    จากก้าวเร็วกลายเป็นวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมวิ่งหนีอะไรที่ไม่มีตัวตน ผมกำลังกลัวในสิ่งที่ไม่เห็น 

    มันเหมือนผมวิ่งบ้าอยู่คนเดียว...ไม่สิ ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวเลยสักนิด 

     

    "แฮ่กๆๆ"  

    เมื่อเสียงนั้นเริ่มเงียบลงแล้วผมจึงหลบมุมยืนพักหอบหายใจให้หายเหนื่อย ความกล้าที่รวบรวมมาตั้งแต่แรกพังทลายลงเพราะแค่เสียงหยดน้ำไร้สาระเท่านั้น รู้สึกเหมือนตัวเองจิตหลอนเข้าไปทุกที 

     

    ก้มมองมือตัวเองที่ชื้นเหงื่อและสั่นอย่างกับเจ้าเข้า  ยิ่งทำให้ผมต้องกำมันเข้าหากันจนแน่นด้วยความโกรธ โกรธตัวเองที่ปอดแหก แค่เสียงกับความรู้สึกที่คิดไปเองก็ทำให้ผมกลัวเป็นบ้าเป็นหลัง  

    แล้วอย่างนี้จะปกป้องแบคฮยอนได้ยังไง แค่ตัวเองยังต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเลย ไม่ได้เรื่อง 

     

    ผมใช้เวลารวบรวมสติอยู่นาน ต้องต่อยกำแพงไปกี่ที ต้องได้แผลมากี่แผล ต้องกำมือกี่รอบถึงจะกล้าได้ ชานยอล นายมันขี้ขลาด เรื่องแค่นี้ทำไมต้องกลัว 

    ตราบใดที่มันยังไม่ปรากฏตัวมาให้เห็นก็ไม่ต้องไปสนใจ มันก็แค่หลอกให้เราจิตตก ชานยอล นายต้องเอาชนะมันได้น่า..หนทางยังอีกยาวไกล จะมาตกม้าตายตอนนี้ไม่ได้  

     

    ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหลังจากนั่งใช้ความคิดอยู่นาน เมื่อก้าวขาออกมาจากมุมนั้นได้ก็พบว่าใกล้จะถึงห้องสมุดเสียแล้ว ผมยืนอยู่บนชั้นแปดที่เงียบสนิท จะมีก็เพียงแต่เสียงฝนตกจากข้างนอกเท่านั้น 

     

    ครื้นนนน 

     

    เสียงฟ้าร้องดังเป็นช่วงๆจนผมอดที่จะห้อไหล่เดินไม่ได้ บรรยากาศรอบตัวเย็นขึ้นกว่าเดิม ผมเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ สายตาก็หันมองรอบๆอย่างวิตก  

    น้ำฝนเริ่มไหลเจิ่งนองพื้นเป็นบางส่วน อาจเป็นเพราะว่านี่เป็นชั้นบนสุด อยู่ติดดาดฟ้ามากที่สุด เพดานหรือฝ้าอาจมีจุดบกพร่องทำให้น้ำไหลซึมมาก็ได้  

     

    ผมก้าวขาข้ามแอ่งน้ำเล็กๆที่เจิ่งนองพื้น แต่สายตาก็ก้มลงไปเห็นเงาที่สะท้อนกับผิวน้ำบนพื้น... 

    ผมเห็นเงาของตัวเองและ...ใบหน้าของใครอีกคน 

     

    "!!" 

     

    ผมวิ่่งไปยืนตรงหน้าประตูห้องเรียนห้องหนึ่งที่เป็นกระจกใสก่อนจะเพ่งมองมัน พอดีกับจังหวะที่ฟ้าแลปเป็นไฟสีขาวสว่างจ้าทั่วโรงเรียน แวบนั้นผมเห็นตัวผมเองที่สะท้อนกับกระจก.. 

    แต่กลับมีคนเป็นสิบๆคนเดินผ่านตัวผมไปมา!!! 

     

    พวกเขามีทั้งหญิงและชาย พวกเขาใส่ชุดนักเรียน พวกเขาเดินขวักไขว่กันให้วุ่น บ้างก็วิ่งบ้างก็เดินคุยกัน ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ พวกเขาไม่สนใจผมที่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงนี้เลย ทั้งๆที่เดินเฉียดตัวผมไปมากมาย 

     

    นี่มันอะไรกัน! ทั้งๆที่ผมยืนอยู่คนเดียวบนชั้นแปด... 

    พวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ ทำไมต้องมาให้ผมเห็น! 

     

    ผมวิ่งตรงไปยังห้องสมุดอย่างรวดเร็ว เสียงฟ้าร้องคำรามราวกับกำลังเตือนผมไม่ให้ทำอย่างนั้น ยิ่งวิ่งเข้าไปใกล้มากเท่าไรยิ่งรู้สึกเหมือนห่างออกไปมากเท่านั้น 

    ขาทั้งสองข้างก้าวสับกันไปมาอย่างรู้หน้าที่ มันไม่หยุดจนกว่าสมองผมจะสั่ง และผมจะไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่ถ้ายังวิ่งไปไม่ถึงห้องสมุด 

     

    ใกล้แล้ว...อีกนิดเดียว 

     

    กึก... 

    "..." ในที่สุดตรงหน้าผมตอนนี้ก็คือห้องสมุดขนาดใหญ่ 

    ไฟนีออนที่สว่างเจิดจ้าอยู่ข้างในบัดนี้กำลังกระพริบถี่ๆและติดๆดับๆต้อนรับการมาของผม 

     

    ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก้มมองสร้อยเพชรในมือ 

    ต่อจากนี้ผมจะทำยังไงดี  

    ผมจะทำยังไงกับมัน  

    ผมต้องโยนมันเข้าไปหรือวางไว้ตรงนี้? 

     

    ถ้าเป็นอย่างที่คยองซูบอก ถ้าหากมันไม่ได้ผลล่ะ? เพราะผมไม่ได้ขโมยเพชรไปตั้งแต่แรก ผมอาจจะนำมาคืนไม่ได้ก็ได้  

    แต่มาไกลขนาดนี้แล้ว..เป็นไงเป็นกัน 

     

    ผมผลักกระตูกระจกหนาเข้าไป กลิ่นไอความสยองโชยเข้ามาจนผมขนลุกซู่  

    นี่ขนาดผมยังไม่ได้เข้าไป แค่เปิดประตูเท่านั้น... 

     

    "...." 

     

    ซ่า....  

     

    ฝนยังคงตกหนักขึ้นเรื่อยๆและเห็นทีว่าจะหยุดยาก  

    ผมก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปข้างในก่อนไฟทั้งหมดจะดับลง... 

     

    "เฮือก..!"  

     

    ก้าวแรกของผม..กับห้องสมุด  

     

    เป็นการต้อนรับที่ชวนขนลุกมากจริงๆ ผมควรจะเดินเข้าไปข้างในทั้งๆที่มองอะไรไม่เห็นอย่างนี้ใช่ไหม 

    "...." ขาข้างขวาก้าวเข้ามาข้างในจนได้ ทันทีที่ผมเดินพ้นประตูได้สามก้าว ลมเย็นเฉียบก็พัดผ่านหลังผมไป ราวกับพยายามบ่งบอกให้รู้ว่าผมไม่ได้อยู่ที่นี่คนเดียว 

     

    ภายในห้องสมุดกว้างและเก่า มันไม่ได้เปิดให้ใช้มานานแล้ว เพราะปกติชั้นหนึ่งจะมีห้องสมุดที่สร้างขึ้นมาใหม่ไว้ให้นักเรียนใช้ ส่วนที่นี่เหมือนถูกปิดตายแต่ก็ไม่ได้ปิด ไม่มีบรรณารักษ์ ไม่มีใครมาใช้บริการทั้งนั้น แต่ผู้อำนวยการจะสั่งให้ภารโรงมาคอยปัดกวาดเช็ดถูอาทิตย์ละครั้ง ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่สร้างใหม่หรือทุบมันทิ้งไป ในเมื่อไม่ใช้แต่ทำไมต้องดูแล คำถามนี้มักจะอยู่ในความคิดของนักเรียนหลายคน 

    แต่ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเดินเฉียดห้องนี้ เป็นผลให้ชั้นแปดกลายเป็นชั้นร้างได้เลย เพราะถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีใครขึ้น แม้แต่อาจารย์  

    ลือกันให้แซ่ดว่าโรงเรียนนี้มีประวัติ โรงเรียนนี้มีผี มีคนตายในห้องสมุด หรือแม้กระทั่งเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็ยังลือกัน ว่า 'ห้องสมุดเป็นที่จองจำผีร้ายไว้ไม่ให้ออกไปไหน' ใครๆได้ฟังก็คงคิดว่าเป็นเรื่องน่าขัน ผมก็คือหนึ่งในนั้น แต่ในขณะนี้ผมคงจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่แล้วล่ะ  

    อะไรๆก็เป็นไปได้ทั้งนั้น อย่างน้อยๆพวกเราทุกคนก็รู้กันอยู่แล้วว่าโรงเรียนนี้น่ะ มีผี... 

    ไม่ใช่สิ ทุกโรงเรียนเลยต่างหาก ผีหรือวิญญาณมันมีอยู่ทุกที่นั่นแหละ อยู่ที่ว่า 'มันเฮี้ยนแค่ไหน' 

    หรือ 'มันมีเหตุอะไร' ที่ต้องมาทำแบบนี้ ผมคาดว่าผีร้ายในโรงเรียนนี้น่าจะมีเรื่องอะไรบางอย่างที่เกี่ยวพันกับโรงเรียน มันถึงไม่ไปไหนสักที 

     

    ผมอาศัยช่วงที่ฟ้าแลปบ่อยครั้งในการมองทางข้างหน้า อย่างน้อยแสงสีขาวจากเบื้องบนฟ้าก็ยังพอให้ผมได้เห็นอะไรลางๆ  

    บรรยากาศหนาวเหน็บ ไม่รู้เพราะฝนตกหรืออะไรกันแน่ แต่ผมรู้สึกเย็นยะเยือกตลอดเวลาที่เดิน  

     

    เสียงลมหายใจหอบถี่ของผมดังแข็งกับเสียงซ่าของฝนข้างนอก เหงื่อมากมายผุดซึมขึ้นมาเต็มแผ่นหลังและมือ การที่จะเดินได้ที่ละก้าวมันช่างยากลำบากนัก ผมกลัวไปเสียทุกอย่าง  

    อาจจะมีมือปริศนากระชากข้อเท้าผมไปขณะเดิน 

    อาจจะมีเลือดข้นหยดลงมาพร้อมกับน้ำฝน 

    อาจจะมีร่างผู้หญิงผมยาวยืนอยู่ข้างหลัง... 

    ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ... 

     

    รู้สึกเหมือนตัวเองจิตตก มองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง  

    ผมเดินเข้ามาในเขตของชั้นหนังสือที่มีหลายซอกซอย และมีหนังสือสภาพดีมากมายตั้งเรียงกันในชั้น 

    ผมลูบไล้หนังสือพวกนั้นในขณะที่ทั้งสองข้างทางมีชั้นหนังสือขนาดสูงประกบ  

    มันคล้ายกับว่าดึงดูด...ผมอยากอ่านมัน 

    !!! 

    "..." ผมหันขวับเมื่อได้ยินเสียงคนเดินจากอีกฝั่งหนึ่ง ลองเงี่ยหูฟังดีๆก็ไม่ได้ยินอะไร  

     

    ครืดดดด 

     

    "....!?" 

     

    ผมหอบหายใจด้วยความกลัวปนตื่นเต้น เสียง..เสียงอะไร  

    ผมได้ยินเสียงลากอะไรบางอย่าง ตามด้วยเสียงเปิดหน้าหนังสือพลิกไปพลิกมา  

    เสียงมันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ และดังพร้อมๆกันจนหูอื้อไปหมด 

     

    แกร๊กกก 

    ครืดดด 

     

    "...!?" 

     

    เหงื่อผุดออกมามากขึ้นจนชุ่มไปทั้งตัว ผมพยายามไม่คิดอะไร แต่เสียงมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนสติผมใกล้หลุดเต็มที 

    !!!?? 

     

    "...."   

    ม..ไม่มีอะไรเกิดขึ้น  

    เสียงเงียบลงแล้ว บรรยากาศรอบตัวเริ่มกลับเป็นปกติ ผมถอนหายใจโล่ง 

     

    คิดว่าจะเจอเสียแล้ว... 

    แสดงว่าผมคิดไปเองสินะ... 

     

    - 

    - 

    - 

    - 

    ตุบ! 

     

    หนังสือจากชั้นอีกฝั่งหนึ่งร่วงลงมาจากชั้นสูง ผมหันหลังและก้มลงไปหยิบมัน 

    ทันทีที่เปิดหน้าแรกกลิ่นสาบก็โชยมาแตะจมูกจนผมต้องยื่นมันไปไกลๆ  

     

    "แค่กๆๆ" 

     

    ให้ตายเถอะ ผมสำลักกลิ่นกับไรฝุ่นของมันเสียแล้ว ผมคงต้องโยนมันทิ้ง เพราะยังไงก็อ่านในความมืดไม่ได้อยู่ดี 

     

    ผมลูบๆคลำๆหาช่องที่หนังสือเล่มนี้ตกลงมา มันอยู่ชั้นที่สี่ถ้าผมเดาไม่ผิด 

    รู้สึกว่าผมจะเริ่มชินกับความมืด เพราะในเวลาไม่นานผมก็หาที่เดิมของหนังสือเล่มนี้ได้  

    แต่ทว่าหนังสือที่วางอยู่อีกฝั่งหนึ่งของช่องกลับตกลงมาอย่างรวดเร็วพอดีกับสายตาของผมที่กำลังจดจ้องมัน 

     

    ตุบ! 

     

    "!!!" 

    ดวงตาสีแดงกล่ำจ้องเขม็งมาที่ผมอย่างอาฆาตแค้น พร้อมกับมือขาวซีดที่พุ่งตรงออกมาจากช่องว่างนั้นทันที! 

    "อ๊ากกกก" ผมร้องออกมาสุดเสียงด้วยความกลัวและรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น หากแต่เสียงปริศนาก็ยังตามมาหลอกหลอนข้างหูผมไม่หยุด 

    'ฮ่าๆๆๆๆๆๆ' 

    'ฮ่าๆๆๆๆๆๆ' 

     

    ภาพผีสาวใบหน้าเละดวงตาแดงดั่งสีเลือดโผล่เข้ามาให้หัวของผมจนเกิดเป็นภาพซ้อนกันในแววตา มองไปทางไหนก็มีแต่ภาพดวงตาสีแดงสดเต็มไปหมด ไม่ว่าผมจะหลับตาหรือวิ่งไปทางไหน 

     

    "กลัวแล้ว ขอร้องล่ะ" มือไม้มันสั่นไปหมด เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองดังก้องในหูไปมาจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากนี้  

    ผมเดินวนอยู่กลางห้องไปมาอย่างกับคนไร้สติ ผมไม่เห็นทาง ผมเห็นแต่ใบหน้าเน่าเฟะที่กำลังหัวเราะเยาะผมอยู่  

    "ฉ.ฉันเอาเพชรมาคืน นี่คือเพชรของเธอใช่มั้ย เอาไปสิ เอาไปเลย!!"  

     

    "..." 

     

    'ฮ่าๆๆๆๆๆ' 

     

    คำพูดของผมไม่ได้มีความหมายอะไร มันยังคงหลอกหลอนผมอยู่อย่างนั้นจนผมใกล้จะบ้าเต็มทน 

    แผลสดที่เกิดจากคนรักเริ่มอักเสบและกำเริบขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ผมกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด  

     

    ฝนข้างนอกตกแรงมากขึ้นๆจนกลายเป็นพายุฝนรุนแรง ผมได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นจากข้างนอก ฟ้าแลปรัวถี่ๆราวกับต้องการประกาศให้โลกรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเกิดภัยพิบัติ 

     

    ดวงตาสีแดงกล่ำเจิดจ้าในความมืด มันอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง... 

     

    "..." 

     

    เปรี้ยงงงง!!! 

     

    ฟ้าผ่าอีกรอบ พร้อมกับลมพายุที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น  

     

    "!!" เพียงแค่พริบตาเดียว ดวงตานั่นไม่ได้อยู่ที่เดิมอีกแล้ว แต่มันกลับมาอยู่..ตรงหน้าผม 

    มันใกล้มาก...ใกล้ๆมากๆจนผมเห็นมันชัดเจน 

     

    'พรึบ!!!' 

     

    ไฟกลับมาเจิดจ้าอย่างกระทันหัน พร้อมกับดวงตาที่หายไปด้วย... 

     

    ผมรวบรวมสติตัวเองให้กลับมาและวางสร้อยเพชรไว้บนโต๊ะกลางห้องแทบจะทันที  

    ผมจะถือว่าคืนไปแล้ว ในเมื่อมันกลับมาอยู่ในห้องสมุด มันก็ควรจะหยุดเสียที! 

     

    แกร๊ก... 

     

    "..." เสียงแปลกๆดังขึ้นใกล้ตัว ผมค่อยเงยหน้าขึ้นไปดูต้นเสียง 

     

    แอดด... 

     

    "ฮ..เฮ้ยยย !!" 

    ชั้นหนังสือขนาดสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างๆตัว บัดนี้กำลังโอนเอนราวกับจะล้มลงมาในไม่ช้า แต่ตำแหน่งที่ล้มก็คือ..ผม 

     

    โครมมม...!! 

     

    "อ๊ากกกกก.!"  

     

    --SCHOOLHORROR-- 

     

    ไคและคยองซูกำลังยืนอยู่หน้าห้องที่ชานยอลเดินออกไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ทั้งคู่มีท่าทีลังเลที่จะเข้าไป 

    "นายว่าแบคฮยอนอยู่ในนั้นไหม" 

    "ก็เมื่อกี้ชานยอลเดินออกมาจากห้องนี้ เพราะงั้นแบคฮยอนก็ต้องอยู่ด้วยสิ" 

    ทั้งสองกระซิบกระซาบกันราวกับกลัวว่าคนในห้องจะได้ยิน 

    "แต่แบคฮยอนตายไปแล้วนะ" คยองซูแย้ง เพราะเขาเห็นเต็มสองตาว่ามีดปักกลางหน้าผากแบคฮยอนเต็มๆ  

    "เมื่อกี้นายไม่เห็นหรือไงว่าแบคฮยอนเป็นยังไง หมอนั่นเป็นผีดิบ!" 

    "ไร้สาระ นายจะบอกว่าเพื่อนเราเป็นเหมือนพวกซอมบี้ในหนังงั้นเหรอ" 

     

    "กรร...!" 

     

    "…!" ทั้งคู่หุบปากลงอัติโนมัติเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆออกมาจากในห้อง  

     

    'เห็นมั้ย ฉันบอกแล้ว' ไคทำปากพูดโดยไม่ออกเสียงพลางลูบแขนตัวเองไปมาอย่างสยอง 

    คยองซูกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น … 

    นี่พวกเขาทำให้แบคฮยอนเป็นซอมบี้อย่างนี้นเหรอ แค่ปักมีดกลางหน้าผากเนี่ยนะ!? 

     

    "แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ ฉันจำเป็นต้องฆ่าทุกคนนะ นายลืมไปแล้วหรือไง"  

    "รู้แล้วน่า แต่จะให้ฆ่าซอมบี้เนี่ยนะ? ฉันไม่เอาด้วยหรอก" 

    ไคกระชากแขนคยองซูอย่างเอาเรื่องเมื่อร่างบางเริ่มเดินหนี 

    "นายบอกแล้วนี่ว่าจะช่วยฉัน อย่าทิ้งกันไปกลางคันสิ!"  

    "แต่แบคฮยอนกินคนนะไค! เราจะฆ่าแบคฮยอนได้ยังไง" 

    "…." 

    "ฉัน..ฉันก็ไม่รู้" ไคถอนหายใจอย่างหมดหนทาง  

     

    "หึ!" 

     

    ร่างบางยิ้มเยียดก่อนจะหันหลังและเดินหนีไปอีกทาง หากแต่มือหนาของไคก็รั้งคยองซูไว้อีกครั้งโดยการกระชากแขนเล็กอย่างแรง 

    "โอ้ยย ฉันเจ็บนะไค!" 

    "ก็อยากเดินหนีทำไมล่ะ นายต้องช่วยฉันทำให้สำเร็จก่อน ฉันยังฆ่าไม่หมดทุกคนเลยนะ จะแยกกันตอนนี้ไม่ได้!" ไม่พูดเปล่า มือหนาบีบแขนขาวอย่างแรงและไม่ปราณี 

    ใบหน้าทั้งคู่เริ่มตึงเครียดและจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร  

    "นาย ไม่ มี สิทธิ์ มา สั่ง ฉัน!! ลืมไปแล้วหรือไงว่าใครช่วยนายจากเทา!"  

    ทั้งคู่เริ่มส่งเสียงดังขึ้นเพราะการตะคอกกันไปมา 

    "สถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครเขานึกถึงบุญคุณอะไรทั้งนัันแหละ ใครๆก็นึกถึงตัวเองกันทั้งนั้น!" 

     

    พลัวะ!! 

     

    คยองซูต่อยเข้าที่ใบหน้าร่างสูงอย่างแรงจนคนถูกกระทำล้มลงไป เลือดสีแดงข้นไหลซึมออกมาจากมุมปาก 

     

    "เพราะนายคิดอย่างนี้ไงไค นายมันโง่! นายหน้ามืดเห็นแก่ตัวจนไม่มีหัวคิดว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร" 

    "...!" 

    "นายตกหลุมพรางโดยไม่รู้ตัว นายตกอยู่ในเกมที่ฉันสร้างขึ้น ... ทุกๆอย่างเป็นเพราะความโง่ของนาย นายแพ้แพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้วไค! --" 

    "...." 

    "--นายคิดว่านายจะรอดเหรอ!? คิดว่าจะรอดเป็นคนสุดท้ายในโรงเรียนเหรอ!? หึ...ได้แค่ฝันเท่านั้นแหละ" 

     

    "นายพูดอะไร ฉันไม่เข้าใจ ฉันตกหลุมพรางอะไรของนาย!? คยองซู!!"  

    ไคลุกขึ้นกระชากคอเสื้อร่างบางอย่างแรงจนกระดุมกระจัดกระจายออกไป หากแต่ร่างสูงไม่สนมันอยู่แล้ว 

    สิ่งที่คยองซูพูดมันทำให้เขาโกรธ... ใช่ เพราะเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่จริงๆ  

    เขาลืมคำนึงถึงอะไรไปหลายๆอย่าง... 

     

    "นายไม่มีวัน...อ๊ากกกกกกกกก!!" 

     

    "คยองซู!"  

     

    "กรร...!"  

    เพียงชั่วพริบตา คยองซูยังไม่ทันจะพูดจบแบคฮยอนก็พังประตูออกมาลากร่างบางเข้าห้องไปทันที  

    "ช่วยด้วย!!"  

    "คยองซู!"  

    ภาพสุดท้ายที่ไคเห็นคือต้นคอของคยองซูถูกแบคฮยอนกัดจนเลือดกระฉูด ก่อนประตูห้องจะปิดลงอย่างแรงด้วยตัวของมันเอง  

    ปัง!! 

     

    --SCHOOLHORROR-- 

     

    [CHANYOLE] 

     

    'ฮ่าๆๆๆๆ' 

     

    "อั่ก.." ผมกัดฟันทนกับความเจ็บปวดช่วงขาทั้งสองข้าง 

    ยังดีที่ผมหนีทัน แต่มันก็ยังหนีไม่พ้นเมื่อชั้นหนังสือสูงเกินไป มันหล่นทับขาผมเต็มๆ  

    หนังสือมากมายหล่นลงมาใส่ผม แต่มันก็ยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดช่วงล่าง 

     

    "คืนเพชรไปแล้ว ยังไม่จบอีกหรือไง!" ผมตะโกนลั่น  

     

    ผลที่รับตอบกลับมาคือเสียงกรี๊ดที่แสบแก้วหู ก่อนเลือดสีแดงสดมากมายจะไหลเจิ่งนองออกมาจากทั้งสี่มุมห้อง 

    กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ของเหลวสีแดงกำลังไหลรวมกันเข้ามาหาผมเรื่อยๆ 

     

    ผมพยายามยกชั้นเหล็กนั้นออกไปจากขาทั้งสองข้าง แต่มันก็หนักเสียเหลือเกิน  

    พยายามเข้าชานยอล... นายต้องทำได้ 

    ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วออกแรงยกมันขึ้นได้เล็กน้อย แต่แรงที่มีมันน้อยเกินไป ชั้นเหล็กตกหล่นมาทับขาผมซ้ำๆ 

     

    "อ๊ากกกกก" 

     

    บ้าเอ้ยยย! 

     

    "!!!!" 

     

    เปรี้ยงงงง!  

    ฟ้าผ่าอีกแล้ว... 

     

    เลือดจำนวนมากรวมตัวกันจนเข้าถึงตัวผม มันไหลย้อนขึ้นมาจากขามาถึงส่วนเอว... 

    ไม่ไหวแล้ว... 

     

    เร็วเข้าชานยอล!  

     

    โครม!!! 

     

    ผมยกมันออกสำเร็จ ไม่มีเวลามาคิดชื่นชมอะไรทั้งนั้น ผมลุกขึ้นวิ่งออกไปทางประตูทันที หากแต่ 

    หมับ..! 

    ผมถูกดึงข้อเท้าอย่างแรงจนตัวเซ เมื่อก้มมองดูก็พบว่า ผู้ชายคนหนึ่งจับข้อเท้าผมไว้อยู่ เขานอนคว่ำ แต่ผมเห็นแค่นี้ก็พอรู้ได้ว่าเขาคนนั้นคือจงแด!! 

    "จงแด!" 

    "...." 

    "อ๊ากกกกก!"  

     

    ม...ไม่ใช่  

    นี่ไม่ใช่จงแด..!  

    หรืออาจใช่ แต่ ทันทีที่ผมคว้าตัวเขาให้หันมา ใบหน้ากลับเละเน่าเฟะ!! 

     

    งั้นก็แสดงว่าจงแดตายแล้วน่ะสิ !! 

     

    ความกลัวที่มีทวีคูณมากขึ้น เมื่อโดนผีเพื่อนตัวเองหลอกเข้าเต็มๆ ผมสะบัดข้อเท้าให้หลุดจากการเกาะกุมก่อนจะรีบวิ่งหนีออกมาจากห้องสมุดทันทีc 

     

    มันยังไงกันแน่  

    ผมคืนเพชรไปแล้ว 

    ทำไมเรื่องยังไม่จบ...!?


    --SCHOOLHORROR--

    ยังง คยองซูยังไม่ตายง่ายๆหรอก ==+
    เหลืออีกแค่ห้าตอนก็จบแล้ว

    ไหนรีดคนไหนยังติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ไปไหนแสดงตัวโหน่ยย ><' 
    ขอบคุณทุกคอมเมนต์และโหวตค่ะ ^^ // ถ้าไม่สะดวกเม้นในนี้ก็ไม่เป็นไร แท๊ก #SCHOOLHORROR หรือ #ฟิคสคฮร ในทวิตก็ได้ ^^

    THE★ FARRY

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×