ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #15 : SCHOOL : CHAPTER12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.06K
      26
      1 ก.ค. 56

    CHAPTER12 

     

    SEHUN PART] 

     

    "ไหวไหมมินซอก" ลู่หานกระซิบถามคนรักเบาๆ ไม่ได้หวังให้เจ้าตัวตอบแต่เพียงแค่พูดเพื่อให้กำลังใจเท่านั้น 

    "..." คนฟังไม่ได้โต้ตอบอะไร ดูเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงไปซะแล้ว 

     

    พวกเราเดินลงบันไดทีละขั้นมาอย่างยากลำบาก มันใช้เวลาไม่น้อยเลยในการเดินลงบันไดแต่ละขั้น 
    เพราะอกแกร่งของลู่หานมีร่างอวบของมินซอกฮยองรั้งไว้อยู่ 
     

    "ผมว่าผมอุ้มเองดีกว่าฮะ"
    ผมที่เห็นอยู่นานเริ่มจะทนไม่ไหว ตัวเองก็ใช้ว่าจะมีแรงอะไรมากมาย ยังจะมาทำอะไรแบบนี้อีก 

    แต่แทนที่ลู่หานจะตอบรับความหวังดีของผม ร่างบางกลับทำไมสนใจราวกับผมไม่ได้พูดมันออกมา 

    "นี่ ฮยองอย่าดื้อสิฮะ" ผมยื่นมือไปประคองมินซอกฮยองแต่ลู่หานก็ปัดมือผมทิ้ง 

    "ฉันดูแลมินซอกได้น่า" ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมต้องหวงขนาดนั้น ผมอุตสาร์จะช่วยแท้ๆ 

    แต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ก็นั่นแฟนเขานี่ คนเป็นแฟนกันต้องอยากปกป้องด้วยตัวเองอยู่แล้ว
    ความจริงผมไม่ได้อยากจะเสร่อเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นไม่เข้าท่า แต่ผมแค่อยากจะช่วยเท่านั้น
    ในเมื่อมินซอกฮยองเป็นคนที่ลู่หานรัก ผมก็ควรจะรักเขาในฐานะพี่ชายคนนึงเหมือนกัน
     

    และผมก็ตัดสินใจไปแล้ว ผมจะช่วยลู่หาน เราจะก้าวผ่านคืนนี้ไปด้วยกัน ผมไม่อยากเป็นแค่มักเน่ขี้กลัวที่คอยเอาแต่เดินตามลู่หานลงมา ผมอยากช่วยแบ่งเบาภาระบ้าง ลู่หานผ่านอะไรมาเยอะไม่ต่างกับผม 

     

    เลขชั้นตัวใหญ่บ่งบอกว่าตอนนี้พวกเราเดินมาถึงชั้น2แล้ว และแน่นอนว่าระหว่างทางที่เดินลงมาพวกเราเจออะไรมาหลายอย่างทีเดียว ผมช็อคตั้งแต่เจอ'ศพ'ซูโฮฮยองแล้ว ผมไม่รุ้ว่าสาเหตุการตายเขาคืออะไร แต่ลู่หานรู้ ...เขาแค่ไม่บอกผม 

     

    "เซฮุน นายช่วยเดินนำและดูต้นทางหน่อยได้ไหม"
    ลู่หานถามหวาดๆ
    เมื่อเราเดินใกล้ชั้นล่างเข้ามาเรื่อยๆ นั่นหมายความว่าอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น

    ยิ่งใกล้ทางออกก็ยิ่งอันตราย จริงไหม?
     
     

    ผมทำตามแต่โดยดี ถึงแม้ในใจจะหวั่นไม่ต่างกันก็ตาม แต่ถ้าลู่หานอยากให้ผมช่วยผมก็ต้องช่วย 

    ผมค่อยๆก้าวทีละก้าวลงบันไดไปทีละขั้นและพยายามลงน้ำหนักระหว่างเดินให้น้อยที่สุด  

     

    ชะเง้อมองลงไปข้างล่างก็เห็นเงาทะมึนบางอย่างอยู่หน้าประตูทางออก ผมรีบเดินกลับมาหาลู่หานทันที 

    "ผมว่าเราออกทางนี้คงไม่ปลอดภัยแน่ๆฮะ" ผมพูดไปตามความจริง มองลู่หานก็มีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน เพราะคนรักของตนอาการกำลังย่ำแย่ 

    "เราไม่มีทางเลือกเลยเหรอ ฉันว่าเราน่าจะรีบวิ่ง.."  

    "อย่าเสี่ยงเลยฮะ ข้างล่างมีผีอยู่" ผมพูดขัดเมื่อรู้ทันว่าลู่หานต้องการจะทำอะไร ร่างบางหน้าซีดทันทีที่ได้ยินคำนั้น 

     

    "แล้วเราจะทำยังไงกันดี" คิดสิคิด ไอเซฮุน มันต้องมีทางอื่นที่ไม่ใช่ข้างล่างนี้สิ... 

    ในที่สุดผมก็นึกอะไรได้ ถึงแม้จะยังไม่แน่ใจกับมันก็เถอะ  

    "ลู่ฮานฮยอง ตอนอยู่ปีหนึ่งผมจำได้ว่ามันมีทางเดินทะลุไปหลังโรงเรียนไม่ช่เหรอฮะ" 

    "..." ร่างบางขบคิดชั่วครู่ก่อนจะยิ้มกว้าง 

    "ใช่แล้วล่ะ ฉันเคยโดดเรียนด้วยทางนั้นจนอาจารย์จับได้ แต่มันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะโดนทุบทิ้งหรือยังนะ"  

    "ยังไงก็ต้องลองดูแล้วล่ะฮะ เหลืออยู่ทางเดียวแล้ว" ผมส่งสายตาแน่วแน่ไปให้ 

    ลู่หานชั่งใจอยู่นานก่อนจะก้มมองคนรักที่หอบหายใจรวยริน 

    "อ..อื้ม"  

     

    --SCHOOLHORROR-- 

     

    ตรงหน้าผมตอนนี้คือประตูเหล็กขนาดกลางที่สนิมกินไปเกือบครึ่ง นี่ถ้าลู่หานไม่บอกและชี้ให้ดูผมก็คงมองไม่เห็นว่ามันอยู่ตรงนี้ เป็นที่ที่ใครต่อใครก็คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ผมจำได้ว่าเดินผ่านทางนี้มาเกินสิบรอบแล้วในเวลาเรียน 

    ผมลองใช้มือหนาของตัวเองผลักๆมันดูแต่ก็ไม่ขยับ ผมจึงใช้หลังกระแทกดูบ้าง มันขยับเพียงน้อยนิด
    แค่ดูเหมือนว่าขยับเท่านั้น เห็นทีว่าเราจะลำบากกันตั้งแต่ยังไม่ออกไปแล้วล่ะ
     

     

    "นายถีบสิ" ลู่หานออกคำสั่ง ผมเดินถอยสองสามก้าวก่อนจะใช้เท้าถีบตามที่ร่างบางบอก 

     

    เอี๊ยดดด! 

     

    มันได้ผล ประตูเหล็กส่งเสียงเอี๊ยดอาดตามสภาพของมัน เผยให้เห็นช่องทางเดินแคบๆที่พาให้ตรงไปข้างหน้า
    ทั้งสองฝั่งเป็นผนังสูงทึบ
     มันแคบชนิดที่ว่าเดินได้แค่คนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถตีคู่ได 

    "ฮยองเดินไปก่อนเลยฮะ เดี๋ยวผมคุมหลังให้เอง" ผมอ้อมไปยืนข้างหลังลู่หานแล้วดันให้ร่างบางเดินเข้าไปเร็วๆ 

     

    ข้างในทั้งเหม็นอับและเหม็นเน่าในคราเดียวกัน เหมือนจะมีซากของสิ่งมีชีวิตเล็กๆอย่างเช่นพวกหนูหรือแมลงสาปรวมกันอยู่ในนี้ นี่ยังไม่รวมถึงฝุ่นและอยากไย่ที่ระโยงระยางไปมาน่ารำคาญ  

    มันคงจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับผมหากเพดานข้างบนมันสูงกว่านี้
    ยิ่งพวกเราเดินลึ
    เข้าไปเพดานก็ยิ่งต่ำลงมาเรื่อยๆเหมือนถูดสร้างให้เป็นลูกเล่นสะดุดตา  

     

    ผมได้กลิ่นไอดินและกลิ่นของธรรมชาติไม่ใกล้ไม่ไกล รู้สึกถึงทางออกที่อยู่ข้างหน้า 

    ในขณะที่กำลังจะก้าวขาเดินอย่างเร่งรีบลู่หานก็หยุดเดินขึ้นมากระทันหัน 

    "มีอะไรเหรอ?" 

    "มินซอกๆ นายได้ยินฉันไหม" ลู่หานตบแก้มคนรักเบาๆให้รู้สึกตัว มินซอกฮยองตอนนี้ดูซีดเซียวเป็นอย่างมาก 

    ผมไม่แน่ใจว่าจะพาเขาออกไปทันเวลา  

    "รีบวิ่งเถอะ ทางออกอยู่ข้างหน้าแล้ว" ผมรบเร้าและดันหลังลู่หานให้เดินต่อไป แต่ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงแปลกๆจากข้างหน้า มันเป็นเหมือนเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหววูบ ซึ่งไม่ใช่ลู่หานหรือมินซอกฮยองที่เคลื่อนไหว 


    มันมีสิ่งอื่นที่นอกเหนือจากพวกเราอยู่ในนี้... 

    เสียงมันใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนกระทั่ง... 

     

    "มินซอก!" 

     

    เท่าที่ผมรับรู้ได้ในตอนนี้คือลู่หานพยายามยื้อตัวมินซอกฮยองไว้จากบางอย่างที่กำลังดึงขามินซอกไป 

     

    "ลู่หานช่วยด้วย!" คนโดนลากจับมือลู่หานไว้แน่นแต่แรงส่วนข้อเท้ามีมากกว่า จึงเกิดการยื้อขึ้น 

    "เซฮุน!" ลู่หานตะโกนเรียกผมให้รู้ตัวว่าควรจะทำอะไร ทันทีที่ตั้งสติได้ผมก็เอื้อมมือฉุดแขนมินซอกฮยองอีกข้างให้กลับมา 

     

    ผมยื้อสุดแรงเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว ทั้งผมและลู่หานต่างก็ล้มลงไปข้างหลัง 

     

    "มินซอก อย่าไป" ร่างบางร้องไห้ตัวโยน มือนุ่มพยายามจับแขนมินซอกฮยองไว้แต่ก็ได้เพียงปลายนิ้ว 

     

    "มินซอก!"  

    "ลู่หานอย่า"   

     

    ผมคว้าเอวลู่หานให้กลับมาเมื่อร่างบางกำลังจะวิ่งตามคนรักไป  

    "ปล่อยฉัน ฉันจะไปหามินซอก" ลู่หานทั้งจิกทั้งขวนผมให้ปล่อยเขา 

    "ใจเย็นๆสิฮะ ขืนวิ่งออกไปเดี๋ยวก็โดนเหมือนมินซอกฮยองหรอก" 

    "ฉันไม่สน ฉันจะไปช่วยเขา" ลู่หานที่ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหนผลักผมจนหัวไปกระแทกกำแพงข้างๆ 

     

    "โอ้ย" ร่างบางไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยของผมสักนิดเมื่อเลือดซึมออกมาจากแผลเก่า 

    "ฮยอง ..อย่าไป"  

     

    สุดท้ายก็เหลือเพียงแค่ผมคนเดียว เมื่อลู่หานวิ่งตรงไปทางเดียวกับที่มินซอกฮยองถูกลากออกไป 

    เขาไม่หันกลับมาสนใจผมเลยสักนิด อาจไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองได้ผลักน้องคนนี้ไปกระแทกกำแพงอย่างแรงจนหัวแตกอีกรอบ แต่เรื่องแค่นี้มันคงไม่สำคัญสำหหรับเขาหรอก 

     

    ในเมื่อตอนนี้ในความคิดลู่หานมีแค่มินซอกฮยองเท่านั้น... 

     

    "..." ผมกัดฟันทนกับความเจ็บปวดไว้ แผลแค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอก  

    ทั้งๆที่กำลังจะออกไปได้แล้วแท้ๆ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ 

     

    ฮยองฮะ ถ้าไม่มีพี่ ผมก็จะไม่ออกไป 

     

    ผมตัดสินใจยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งตามลู่หานไป น่าแปลกที่ดูเหมือนว่าระยะทางมันไกลมากขึ้นกว่าเดิม 

    และยิ่งวิ่งเข้าไปเรื่อยๆมันก็ยิ่งมืดจนแทบมองไม่เห็น ในเมื่อแสงจากหลอดไฟตอนแรกมีเพียงปากทางเข้าประตูเท่านั้น  

     

    "ลู่หานฮยอง!" ผมป้องปากตะโกนเรียกเมื่อรู้ตัวเองว่าวิ่งมาไกลขึ้นทุกที  

     

    ทั้งๆที่มันน่าจะถึงหรือทะลุออกไปได้แล้ว แต่นี่ผมวิ่งมาหลายนาทีแล้วทำไมมันยังเป็นทางเดินให้วิ่งไปได้เรื่อยๆอีกเหมือนไม่มีทางออก บางทีก็เหมือนเป็นทางโค้งคดเคี้ยวไปมา  

     

    มันเหมือนผมวิ่งอยู่ในเขาวงกตยังไงยังงั้น 

     

    "..." 

     

    ผมหยุดกึกเมื่ออยู่ดีดีทางตรงที่ผมกำลังวิ่งกลับกลายเป็นทางแยกสองฝั่ง 

     

    ทางสองทางนี้ผมจำมันได้ ผมมักเดินผ่านบ่อยๆเวลาเปลี่ยนคาบเรียน 

     

    มันเป็นทางแยกไปห้องวิทย์กับห้องคณิต ... 

     

     ทางแยกนี่อยู่ที่ชั้น3 แต่... ทำไมผมถึงมาโผล่ชั้นสามได้ล่ะ  

     

    ผมยืนหอบหายใจพักเหนื่อย ในหัวก็คิดไปด้วยว่าจะทำยังไงต่อดี 

    ผมควรจะวิ่งไปทางซ้าย...หรือขวา ?  

    หรือจะเดินกลับ? 

     

    คิดได้ดังนั้นก็หันหลังกลับไปมอง มันเป็นชั้นสามอย่างที่คิดจริงๆ 

     

    แปลก...มันแปลกมากๆ 

     

    ผมวิ่งมาเรื่อยๆแล้วทะลุมาชั้นสามซะงั้น มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะจริงไหม 

     

     

    'กึก!!' 

     

    "..!!" ผมชะงักนิ่งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงอะไรแปลกๆใกล้ๆตัว มันเป็นเสียงเคลื่อนไหวอีกแล้ว 

    ความกลัวแล่นเข้ามาเกาะกินในใจช้าๆ ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันหวิวชอบกล 

     

    ผมตัดสินใจเลี้ยวซ้ายไปอย่างช่วยไม่ได้ ผมไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้คิดอย่างนั้น
    ผมแค่ไม่อยากจะยืนอยู่ตรงทางแยกนานนัก มันรู้สึกไม่ดี เหมือนมีคนจับจ้องอยู่
     

     

    "..." 

     

    ตึกๆ 

     

    "...!" ผมหันขวับเมื่อรู้สึกเหมือนมีใครเดินตามอยู่ข้างหลัง 

     

    แต่ก็ไม่มีอะไร... 

     

    ผมวิ่งต่อไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่น่าแปลกที่เสียงวิ่งนั้นไม่ได้มีเสียงของผมคนเดียว 

     

    ตึกๆๆ 

     

    "...!" ผมหันหลังกลับไปอีกครั้ง คราวนี้หันไปเต็มๆตัว แต่ก็ไม่เจออะไรอีกเช่นเคย 

     

    ฟิ้วว~ 

     

    "ค..ใครน่ะ!" ผมหันซ้ายเมื่อรู้สึกว่าใครเดินผ่านตัวผมไป ลมที่ไหวพลิ้วบ่งบอกว่ามีคนผ่านไปจริงๆ 

     

    ผมเหลือบเห็นชายผ้าขาวหายเข้าไปในห้องน้ำเมื่อกี้ 

    จะใช่คนเดียวกับที่ผ่านตัวผมไปหรือเปล่านะ? 

    ต้องใช่แน่ๆ.. 

     

    และลู่หานก็ใส่เสื้อสีขาวด้วยไม่ใช่หรือไง บางทีอาจจะเป็นลู่หานก็ได้! 

     

    "ลู่หานฮยอง!" ผมตะโกนเรียกและวิ่งตามเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็ต้องอึ้งเมื่อ..ไม่พบใครอยู่ในห้องน้ำเลย!! 

     

    แล้ว...แล้วใครที่เข้ามาในห้องน้ำเมื่อกี้ล่ะ! 

     

    คิดแล้วขนก็ลุกซู่ขึ้นมาด้วยความกลัว นี่หรือเปล่านะที่เขาเรียกว่าเจอดีเข้าแล้ว 

     

     

    "เซฮุน~"  

    "!!!"  

     

    เสียงลู่หานเรียกอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลทำให้ผมสะดุ้ง 

     

    "เซฮุน~" ผมเงี่ยหูฟังได้ยินแว่วๆเหมือนมาจากห้องวิทยาศาสตร์ ไม่ผิดแน่..ห้องวิทย์ 

    "ลู่หานฮยอง" ผมตะโกนกลับไป เสียงเรียกนั้นเงียบลง  

     

    ผมวิ่งตรงไปยังห้องวิทย์ทันที ต้องขอบคุณหลอดไฟสว่างจ้าที่ติดอยู่ตลอดทาง  

    ไม่อย่างนั้นผมคงจะนึกภาพไม่ออกเลยถ้าต้องเดินในที่มืดๆแบบนี้คนเดียว 

     

    ประตูห้องวิทย์ถูกเปิดค้างไว้เหมือนมีใครเข้าไปก่อนหน้านี้แล้ว และนั้นคงจะไม่ใช่ใครที่ไหน ต้องเป็นลู่หานแน่ๆ
    ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อมองหาร่างบาง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อ...ไม่มีใครอยู่
     

     

    "เซฮุน~"  

     

    เสียงเรียกนั่นมาอีกอีกแล้ว แต่คราวนี้ดังชัดเจนมาจากห้องข้างๆ ซึ่งผมจำได้แม่นว่าเป็นห้องเก็บของเก่า 

    และแน่นอนว่ามันต้องถูกล็อคกลอนจากข้างนอกเพราะอาจารย์ไม่ให้นักเรียนเข้าไป 

     

    "เซฮุน~"  

     

    ผมเงี่ยหูฟังกับประตูห้องเก็บของก็ได้ยินเสียงของลู่หานชัดเจน ผมไม่เข้าใจว่าลู่หานไปอยู่ในนั้นได้ยังไง 

    แต่ในตอนนี้มันงไม่ใช่เวลาจะมาสงสัยอะไรทั้งนั้น ผมเขย่าประตูรัวทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเปิดไม่ได้ 

    พลันสายตาก็มองหาสิ่งของที่สามารถปลดล็อคแม่กุญแจอันใหญ่ได้
    ผมวิ่งกลับเข้ามาในห้องวิทย์อีกครั้งแล้วเปิดตู้ทุกตู้ที่เก็บของทดลองไว้
     

     

    เพล้ง! 

     

    "เฮือก!" ผมก้าวหนีด้วยความตกใจเมื่อมือเผลอพลั้งไปปัดโหลแก้วอะไรบางอย่างตกลงมาแตก 

    ส่งกลิ่นเหม็นฉุนจนอยากจะอาเจียนให้รู้แล้วรู้รอด  

    เมื่อเพ่งดูก็พบก้อนเนื้อขนาดกลางที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับ...มนุษย์...ดิ้นไปดิ้นมา 

     

    !!! 

     

    มันคือเด็กในขวดโหล! 

     

    แต่ที่ผมหวาดผวาไม่ใช่เพราะเป็นของทดลอง แต่เพราะว่าตัวเด็กขนาดจิ๋วนั่นกำลังดิ้นไปมาต่างหาก! 

    มันตะเกียกตะกายไต่ขาผมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ราวกับผมเป็นของเล่นของมันอย่างนั้น 

     

    "ออกไป อย่าเข้ามา!" ผมปัดป่ายไปทั่วด้วยความกลัวจนลืมไปว่าควรทำอะไรในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ 

     

    เพล้ง เพล้ง เพล้ง!!! 

     

    โหลแก้วที่ตั้งอยู่ข้างๆตกลงมาเรื่อยๆตามลำดับ เผยให้เห็นเด็กรูปร่างคล้ายๆกันคลานยั้วเยี้ยไปหมด 

     

    แล้วทุกตัวต่างก็พยายามไต่ตัวผมขึ้นมา!! 

     

    ผมใช้มือทั้งสองข้างผลักเด็กผีออกไปจากตัว บ้างก็กระเด็นไปติดฝาผนังด้วยฝีมือของผมจนหัวสมองเละตุ้มเปะ  

     

    ทันทีที่สะบัดเด็กทุกตัวออกจากตัวได้ก็วิ่งออกมาจากตรงนั้นและผลักตู้ให้ล้มลงมาทับเด็กผีทั้งหมดทันที 

     

    "..." ผมปาดเหงื่อโล่ง เกือบ...เกือบไปแล้วไอเซฮุน 

     

    ในที่สุดผมก็เจอของที่ต้องการ มันอยู่ใกล้ๆกับประตูนี่เอง ถ้าผมสังเกตุดีกว่านี้คงจะไม่ต้องมาขวัญเสียกับเด็กผี  

    ผมคว้าไขควงขนาดเล็กบนโต๊ะมาแล้ววิ่งออกไปทันทีโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูให้อย่างแน่นหนา
    กลัวว่าไอผีลูกกรอกนั่นจะคลานออกมาอีก
     

     

    "ลู่หานฮยองรอผมแปปนึงนะ" ผมตะโกนเข้าในห้องแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา  

    ผมลงมือปลดล็อคแม่กุญแจอยู่สักพัก ในที่สุดมันก็สะเดาะออกอย่างง่ายดาย  

     

    ภายในห้องมืดสนิท ผมค่อยๆเดินเข้าไปและคลำหาสวิตไฟแล้วเปิดมัน แต่...มันไม่ติด  

    "..." ไฟอาจจะเสีย ผมไม่แปลกใจเท่าไรนักเพราะห้องนี้ก็ไม่มีใครใช้มานานอยู่แล้ว 

    ผมจึงต้องเดินทั้งๆที่มืดๆแบบนี้ มือก็ใช้ให้เป็นประโยชน์โดยการคลำข้างหน้าไปเรื่อยๆ 

     

    "ลู่หานฮยอง!"  

    "..." 

    "ฮยองได้ยินผมไหม"  ผมตะโกนลั่นห้องแต่เสียงที่ตอบกลับมาคือความเงียบ 

     

    ให้ตายเถอะ ถ้าไฟในห้องติดผมคงจะเห็นอะไรๆง่ายกว่านี้ นี่ยังดีที่ว่าสามารถอาศัยแสงสลัวจากไฟทางเดินได้ 

     

    ผมเดินสะเปะสะปะไปทั่วจนกระทั่งไปเหยียบโดนอะไรบางอย่างที่ขวางทางอยู่ 

    "โอ๊ย!" เบื่อตัวเองจริงๆเลยให้ตาย ทำไมถึงได้ล้มง่ายขนาดนี้นะ... 

     

    ผมพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นโดยการเอามือยันพื้นไว้แต่มันผิดคาด
    เพราะสิ่งที่ผมยันอยู่ไม่ใช่พื้น แต่เป็นอะไรบางอย่างที่ผมน่าจะสะดุดเมื่อกี้...
     

    ผมคลำๆดู พบว่ามันเป็นผ้าหยาบอะไรสักอย่างที่ห่อของไว้ ...ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร  

     

    ผมเปลี่ยนตำแหน่งมือและยันตัวเองให้ลุกขึ้นมาแต่ก็ต้องสะดุดกับของสิ่งนั้นอีกครั้ง 

    "!!!"  

    ไม่สิ ผมไม่ได้สะดุดอันเดิม แต่ผมสะดุดอีกอันนึงที่วางอยู่ข้างๆ! 

    ผมลุกขึ้นนั่งและวาดมือไปสัมผัสทุกสิ่งทุกอย่างใกล้ๆตัว ผมสัมผัสได้เพียงผ้า และผ้า! 

    มันเป็นผ้าหยาบที่ห่อหุ้มอะไรบางอย่างไว้ มันแข็งและเหม็นสาบ  

    ผมรู้สึกเหมือนกับว่านั่งอยู่ท่ามกลางของสิ่งนี้นับสิบ 

    แต่...มันคืออะไร!? 

     

    แสงไฟสลัวจากทางเดินข้างนอกไม่ได้ช่วยผมให้มองเห็นพวกนี้เลยสักนิด ผมจำต้องคลำเอาเองด้วยความอยากรู้
    ผมกระชากผ้าหยาบนั้นออกและสัมผัสสิ่งของข้างใน
     

     

    สิ่งแรกที่ผมสำผัสได้คือเส้นผมสากๆ... 

    อย่างที่สองคือผิวหนังหยาบกร้าน... 

    อย่างที่สามคือลูกกระตา... 

    อย่างที่สี่คือปาก... 

     

    ใช่...ไม่ผิดแน่... 

     

    มันคือศพ!!! 

     

    "อ๊ากกกกกกกก" 

    ผมร้องลั่นด้วยความกลัว สาบานได้ว่าไม่เคยหวาดผวามากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต มันน่ากลัวกว่าเด็กผีในห้องวิทย์ มัน...มัน..มันทำให้ผมสติแตก!!! 

     

    ผมลุกขึ้นหมายจะวิ่งออกไปจากห้องทันทีแต่เสียงประตูก็ปิดลงดังสนั่น 

     

    ปัง! 

     

    "...!!" ประตูห้องปิดลงอย่างไม่มีสาเหตุ ผมตะบี้ตะบันทุบประตูอย่างแรงแต่ก็ไม่เป็นผล 

     

    ผม..ถูกขังอีกแล้ว ถูกขังเป็นครั้งที่สอง... 

    แต่ครั้งนี้ลู่หานคงจะมาช่วยผมไม่ได้อีกแล้วสินะ 

     

    ผมดิ้นพล่านอยู่ในห้องท่ามกลางศพมากมายที่ผมเคยเหยียบโดยไมได้ตั้งใจ  

    ทำไม...ศพแบบนี้ถึงมาอยู่ในโรงเรียนได้! 

     

    เป็นคุณคุณจะสติแตกไหมครับ อยู่ในห้องมืดๆท่ามกลางศพพวกนี้ 

    ถ้าเป็นผมคงบอกได้คำเดียวว่า...มากจริงๆ!! 

     

    ไหนจะลู่หาน คนที่ผมรัก 

    ไหนจะชีวิตตัวเอง ที่ใครๆก็รักอีกเช่นกัน 

     

    ผมไม่รู้จะช่วยอันไหนก่อนดีในเมื่อตกอยู่ในสภาพแบบนี้ 

     

    คงจะมีทางเดียว...ที่ผมสามารถหนีปัญหาและเรื่องสยองขวัญนี้ได้... 

     

    "..." ผมปาดน้ำตาบนใบหน้าออกไปอย่างรังเกียจ เกลียดตัวเองที่่อ่อนแอ เกลียดมากๆ 

     

    สมองก็สั่งการให้ก้าวขาข้ามร่างทั้งหลายที่นอนเกลื่อนกลาดไปอย่างยากลำบาก  

    ผมเดินมาอยู่ที่ที่ลึกสุดของห้อง ก่อนจะใช้มือผลักบานหน้าต่างที่มีอยู่บานเดียวในห้องให้กว้างที่สุด 

     

    ทางเดียว...ก็คือโดดลงไป! 

     

    ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องขจัดปัญหาด้วยวิธีนี้เลย ถ้าผมคิดจะทำก็คงจะโดดไปนานแล้วเพราะรู้อยู่แก่ใจว่าหน้าต่างมันมีอยู่ทุกห้องอยู่แล้ว  


    ยิ่งก้มมองลงไปข้างล่างใจก็ยิ่งโหว่ง...มันสูงเกินไป 

    และแน่นอนว่าถ้าโดดลงไปผลลัพท์ก็คือตายสถานเดียว 

     

    พ่อฮะ แม่ฮะ เซฮุนขอโทษ เซฮุนรักทั้งสองคนมากนะฮะ 

    ฮยองทั้งสิบเอ็ดคน..ผมขอบคุณที่คอยเป็นทั้งเพื่อนและพี่นะฮะ
    ถึงแม้จะเจอไคฮยองวันนี้วันแรกแต่ผมก็นับถือฮยองเหมือนกับคนอื่นๆไม่แพ้กันเลย
     

    ลู่หาน...ผมขอโทษที่ทำอย่างที่บอกไม่ได้ ผมตัดใจจากฮยองไม่ได้ แต่...ผมรักฮยองและจะรักตลอดไปนะฮะ 

     

    ลาก่อน...! 

     

    --SCHOOL HORROR-- 

     

    [LUHAN PART] 

     

    ผมวิ่งตามมินซอกไปอย่างไม่คิดชีวิต ทั้งๆที่วิ่งตามมาติดๆแท้ๆแต่ผมกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของคนรัก 

    เมื่อวิ่งมาเรื่อยๆก็พบกับทางแยกที่แสนคุ้นเคย มันเป็นทางแยกของชั้น3 

    ผมไม่มีเวลามาคิดอะไรเกี่ยวกับทางแยกนี้ ในหัวผมมีแค่มินซอกเท่านั้น 

     

    "อ๊ะ!"  

     

    อยู่ดีดีเชือกปริศนาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็พันรอบคอผมแน่นพร้อมกับดึงตัวผมขึ้นไปข้างบน 

    "ป..ปล่อย!" ผมพยายามสะบัดมันให้หลุดแต่กลับกลายเป็นตัวผมเองที่แกว่งไปมากลางอากาศ 

    ผลสุดท้ายร่างของผมก็ถูกห้อยอยู่ข้างบนทางแยกโดยมีเชือกกับคอเป็นตัวยื้อเอาไวไม่ให้ตก 

     

    ช..ช่วยด้วย! คอผมกำลังจะหัก... 

     

    ตึกๆ 

     

    เสียงวิ่งของใครบางคนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมก้มลงไปมองก็พบว่าเป็นเซฮุน 

    ร่างสูงหอบหายใจอยู่ข้างล่างตัวผม ไม่ได้สังเกตุเลยว่าฮยองของนาย..อยู่ข้างบนนี้ 

     

    "..." 

     

    ผมพยายามอ้าปากตะโกนออกไปให้เซฮุนได้เงยหน้าขึ้นมาซะที แต่มันก็ทำไมได้ 

    ผมจึงกขยับตัวไปมากลางอากาศให้เกิดเสียง แต่มันกลับยิ่งทำให้ร่างสูงกลัวมากขึ้น... 

     

    ไม่..เซฮุน อย่าไป!!! 

     

    ร่างสูงหันซ้ายหันขวาก่อนจะวิ่งเลี้ยวไปทันที โดยไม่สนว่าผมยังอยู่ข้างบนนี้ 

     

    เซฮุน...ถ้านายเงยหน้าขึ้นมาอีกสักนิด มันก็คงจะไม่เป็นอย่างนี้ 

     

    --SCHOOL HORROR-- 

     
     
     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×