ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #10 : SCHOOL : CHAPTER8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.92K
      26
      1 ก.ค. 56

    CHAPTER8

     

     

    ร่างสองร่างชะงักค้าง ทั้งสองคนต่างทำหน้าตกใจไม่แพ้กัน

    ของเหลวสีแดงข้นไหลลงมาเจิ่งนองพื้น ซึ่งเป็นของใครลู่หานก็ไม่แน่ใจนัก

    แต่ความรู้สึกเขาตอนนี้มันไม่เจ็บส่วนไหนเลยนอกจากต้นแขนที่คนรักเคยแทงเมื่อครู่

     

    ” ร่างสูงเงยหน้ามามองมินซอกที่ยิ้มบางมาให้ตน ก้มมองดูลำตัวพบว่า

     

    “มินซอก!

     

    มีดในมือคนรักกำลังทิ่มแทงอยู่ที่หน้าอกข้างซ้ายของร่างบาง

    เลือดไหลทะลักออกมาไม่หยุด มินซอกยังคงยิ้มให้เขาอยู่อย่างนั้น

     

    “นายทำอะไรลงไป” ลู่หานดึงมีดนั่นออกมาแล้วขว้างทิ้งไปไกลๆ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา

    มินซอกกุมหน้าอกตัวเองแน่น น้ำตานองหน้าแต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้ม

     

    “ฉันช่วยชีวิตนายนะ รู้ไหม” ร่างบางเสียงสั่น พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สะอื้น

    “เป็นครั้งแรกที่ฉันปกป้องนายได้”

     

    “นายบ้าไปแล้วหรือไง ทำไมต้องทำอย่างนี้!

    ลู่หานคว้าคนตัวเล็กเข้ามากอดอีกครั้ง ไม่สนว่าเลือดจะเปื้อนเนื้อตัวเขาไปด้วย

    ร่างสูงสะอื้น วินาทีนี้เขารู้สึกราวกับว่ากำลังจะเสียของสำคัญไป เขากำลังกลัว

     

    “ฉัน..รักนายนะ นายต้องรอด อึก..!” ยังไม่ทันขาดคำมินซอกก็ตะครุบปากตัวเองอย่างรวดเร็ว

    “ฉันอึก!” ร่างบางทำทีเหมือนจะสำรอกอะไรบางอย่างออกมา

     

    “แค่กๆ” “อ่อก!

     

    มันคือเส้นผม!

     

    มินซอกสำรอกเส้นผมออกมาจากปาก มันเป็นเส้นสั้นๆที่กระจุกเป็นก้อน

    ลู่หานอึ้งค้างอยู่อย่างนั้นเพราะความตกใจ มองภาพคนรักกำลังอ้วกเส้นผมออกมาพร้อมกับเลือด

     

    “ทำไมถึงเป็นแบบนี้” ร่างบางกำเส้นผมในมือเพราะความสยดสยอง ทำทีจะอ้วกออกมาอีกรอบ

    “นายโดนของเหรอ!

    “ฉ..ฉันไม่รู้” มินซอกส่ายหน้าด้วยความกลัว

    ตอนนี้เขาสยองเส้นผมนี่จนลืมว่าตัวเองได้แทงมีดที่อกไปเมื่อกี้ด้วยซ้ำ

     

    เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนทั้งสองหันไปมอง

    “พวกนายไม่เป็นอะไรกันใช่ไหม!” ชานยอลตะโกนเข้าไปในห้อง

    มองเห็นลู่หานและมินซอกอยู่ริมห้อง ตัวเขาเองก็ไม่กล้าที่จะเดินเข้าไปหลังจากเห็นกองเลือดนอง

     

    “ชานยอลช่วยที มินซอกแทงตัวเอง” ลู่หานตะโกนกลับมา ร่างสูงพยุงมินซอกให้ลุกขึ้น

    “นายว่าไงนะ มินซอกแทงตัวเองทำไม!

    “เดี๋ยวค่อยถามได้ไหม ช่วยมินซอกก่อน”

     

    “เร็วๆสิ ยืนนิ่งอยู่ทำไม!

    ลู่หานตวาดใส่ทำเอาชานยอลและคยองซูสะดุ้ง ตั้งแต่รู้จักกันมาร่างสูงไม่เคยใส่อารมณ์ขนาดนี้

    “แล้วจะให้พาไปไหนล่ะ นายรักษาได้เหรอ”

    “พาไปโรงพยาบาล”

    “นายลืมไปแล้วหรือไงว่าเราออกจากที่นี่ไม่ได้”

    ลู่หานตีหน้านิ่ง อุ้มมินซอกเดินเฉียดไหล่ทั้งคู่ไปเฉยๆก่อนจะตอบเสียงเรียบ

     

    “ยังไงฉันก็จะพาเขาออกไปให้ได้” “ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม!

     

    --SCHOOL HORROR—

     

    [kai part]

     

    ผมก้มมองตัวเองและสภาพสองคนที่เหลือ ดูไม่ต่างกันเท่าไรนัก แต่ที่แย่สุดคงจะเป็นเฮียคริส

    ร่างสูงพยุงตัวเองเข้าไปใกล้แบคฮยอนที่นั่งพิงกำแพงอยู่หน้าลิฟท์
    พยายามยื่นมืออันสั่นเทาหยิบมือถือแบคฮยอนออกมา ผมมองทุกการกระทำของเขานิ่งๆ
    อยากจะรู้ว่าร่างสูงจะทำยังไงต่อไป เฮียคริสกดเปิดเครื่องและต่อสายหาใครบางคน
    แต่ก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บที่ท้อง ยิ่งเขาขยับกายเลือดก็ยิ่งไหลมากขึ้น

     

    ผมมองร่างสูงอยู่เงียบๆ ผมไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่คิดเดินไปช่วย

    ไม่ใช่เพราะเฮียคริสเลวอย่างที่เพื่อนคนอื่นบอก แต่เพราะผมเองก็อยากให้เขาตาย

     

    “ฮ..ฮัลโหล”

    “พ่อฮะ เรียกรถพยาบาลมาที”

    “ผมอยู่ที่โรงเรียน”

    ‘….’

    “ใช่ฮะ”

    “ผมโดนมีดแทง พ่อต้องช่วยผมด้วยนะฮะ ผมกำลังจะตาย ฮึก”

    ร่างสูงกำลังจะพูดต่อแต่ทนความเจ็บจากบาดแผลไม่ไหวจึงร้องไห้ออกมา เขากำมือถือแน่นจนแทบจะแหลกคามือ
    ในไม่ช้ามือถือก็ตกลงพื้นเนื่องจากมืออันสั่นเทาคลายออกเพราะหมดแรง 
    ผมวิ่งไปเก็บโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่
    เพื่อโทรร้องขอความช่วยเหลือบ้างเมื่อแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรน่ากลัวมารบกวนอีก
    แต่มันก็กดไม่ติดเสียแล้ว

    “ว่ายังไงบ้าง” ผมถามเฮียคริสที่นั่งหอบหายใจอยู่อย่างนั้น มือไม้มันสั่นไปหมด

    ผมเดาได้ว่าอีกไม่นานร่างสูงคงจะไม่รอดแน่ สัญชาติญาณมันบอกผมอย่างนั้น

    “พ..พ่อบอกว่าจะรีบมาให้เร็วที่สุดพร้อมกับรถพยาบาลและตำรวจ”

    “อีกนานไหม?” ผมเบิกตากว้างเผลอเขย่าตัวเฮียคริสอย่างแรงเพราะความดีใจ

    ร่างสูงส่ายหน้าเนือย “ฉ..ฉันก็ไม่รู้ อาจจะครึ่งชั่วโมง หรือไม่ก็ชั่วโมงนึง”

     

    ผมถอนหายใจโล่ง มันเหมือนกับมีความหวังอีกครั้ง

    อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังมีคนรับรู้ว่าพวกเราตกอยู่ในอันตราย

    พวกเรากำลังจะรอดใช่ไหม

     

    “ไค..นาย..อึก...!”  เฮียคริสกำชายเสื้อผมแน่น พยายามจะพูดอะไรบางอย่าง

    ผมทำได้เพียงมองและถามในคำถามที่รู้อยู่แล้ว “มีอะไรงั้นเหรอ”

    “ช่วย..ช่วยห้ามเลือดให้ฉันที!

    ร่างสูงเว้าวอน หอบหายใจเฮือกใหญ่เหมือนคนกำลังขาดออกซิเจน เม็ดเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้าและลำตัว
    แต่มันก็ไม่ได้ทำให้รัศมีความหล่อและความแข็งแกร่งของเขาลดลงไปแม้แต่น้อย

    ผมขบฟันแน่น ความรู้สึกมันครุกครุ่นไปหมด ภาพข้อความที่เจอบนชั้นแปดนั้นฉายวนเข้ามาในหัวเรื่อยๆราวกับกรอเทป
    ยิ่งผมคิดถึงมัน ผมก็ยิ่งเลือดเย็น ผมรู้สึกถึงความปรารถนาของตัวเองที่ต้องการจะอยู่รอด

     

    “ไค”  ร่างสูงขย้ำชายเสื้อผมจนลุ่ยไปหมด

    ผมเผลอกำมือแน่นตั้งแต่มือไรไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าเล็บยาวๆของผมจิกฝ่ามือจนเลือดออก

    ผมตัดสินใจลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะชายตามองคนที่น่าเวทนามากที่สุดในขณะนี้

     

    “ขอโทษนะ แต่ฉันคงทำให้ไม่ได้”

     

    “ไค!” เฮียคริสเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมคว้ามีดที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา

    “นาย..จะทำอะไร” ดวงตาสั่นระริกมองตามมีดที่ผมควงเล่นไปมา ผมแสยะยิ้ม

    ค่อยๆก้าวเท้าเข้ามาหาร่างสูงและนั่งยองๆตรงหน้า จับปลายแหลมคมของมีดให้ลากไล้ตามแขนและขา

    “ใจเย็นน่าเฮีย ผมไม่ทำอะไรเฮียหรอก” ผมพูดช้าและเนิบนาบราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไร

    รู้สึกเหมือนตัวเองเหนือกว่าใครในที่นี้ อ่า ใช่ ผมหมั่นไส้ร่างสูงตรงหน้านี้นิดหน่อยเป็นการส่วนตัว

    หลายครั้งที่เฮียคริสแสดงอาการเห็นแก่ตัวออกมา หลายครั้งที่เฮียคริสแสดงกริยาเลวๆออกมา

    แต่ใครจะมาเห็น ว่าตอนนี้สภาพคนตรงหน้าผมก็ไม่ต่างจากลูกหมาเลยสักนิด

    ผมคิดว่าถ้าเขากราบอ้อนวอนขอชีวิตจากผมได้เขาคงทำไปแล้ว แต่ติดที่แผลบนท้องนี่สิ

     

    “อึก..!” เฮียคริสสำลักเลือดสีแดงข้นออกมาจากปากทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

    มือหนาขย้ำคอเสื้อผมอีกรอบ “ช..ช่วยฉันด้วย นายต้องช่วยฉัน”

    ผมยิ้มเหยียด สะบัดมือนั่นให้หลุดจากเสื้อของผม

    “ได้โปรด” ชั่ววูบนึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็เข้ามาแทรกในหัวของผม

    แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้นที่แววตาผมไหววูบ ผมพยายามทำใจแข็งและกลับมาเย็นชาอย่างเดิม

    “เพราะอะไรฉันถึงต้องช่วย”

     

    เพียงแค่ประโยคนั้นของผม ร่างสูงก็น้ำตาคลอก่อนจะก้มหน้างุด

    “เพราะ..ฉันเป็นเพื่อนนาย และเราเป็นเพื่อนกัน”

    วินาทีนั้นผมเห็นแววตาที่สมเพชตัวเองของเฮียคริส ร่างสูงเค้นยิ้ม

     

    “เพื่อนเหรอ..เหอะ!” ผมสบถเสียงดังพลางใช้ขาซ้ายของตัวเองเตะร่างนั้นไปหนึ่งครั้ง

    “จำที่ตัวเองพูดไม่ได้เหรอ ว่าค่ำคืนนี้จะไม่มีคำว่าเพื่อนอีกต่อไป จำไม่ได้เหรอ!

     

    ผมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อเฮียคริสแล้วเขย่าตามอารมณ์ที่รุนแรง

    นึกสมเพชคนตรงหน้าเสียจริง ถ้าไม่เป็นเองกับตัวก็คงไม่รู้หรอก

    ว่าคำพูดแบบนั้นมันหมายถึงความเห็นแก่ตัวขนาดไหน

     

    ร่างสูงตัวสั่นเทิ้มเพราะการร้องไห้ เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดจากท้องของตัวเองที่ไหลออกมาไม่หยุด

     

    “ฉันขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไป” “แต่ขอร้องเถอะ ช่วยฉันด้วย”

     

    “ผมจะช่วยอะไรเฮียได้? ถึงห้ามเลือดไปก็ไร้ประโยชน์ ยังไงเฮียก็ไม่รอด!

     

    !!” ร่างสูงสะดุ้งสุดตัวเมื่อผมพูดให้ใจเสีย

     

    “ที่ผมทำแบบนี้กับเฮียไม่ใช่ว่าผมโกรธแค้นอะไรเป็นการส่วนตัวหรอก”

    “แต่เพราะมันมีความจำเป็นบางอย่างที่ทำให้ผมต้องตามฆ่าทุกคน!

     

    “น..นายว่าไงนะ!

     

    ใช่ ประโยคนั้น

    ข้อความที่ถูกเขียนด้วยเลือดในที่แห่งหนึ่ง

    มันบอกว่าให้ตามฆ่าทุกคนที่เหลืออยู่แล้วคนฆ่าจะรอดพ้นจากเรื่องสยองขวัญนี้

     

    ผมถึงต้องทำแบบนี้ยังไงล่ะ ผมปกปิดเรื่องนี้ไม่บอกใครก็เพราะเหตุนี้

    ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดของผมมันมีมากเกินไป มันเป็นทางเลือกเดียว

     

    ผมไม่รู้ว่าข้อความนั่นมันน่าเชื่อได้แค่ไหน แต่ผมมีทางเลือกมากกว่านั้นเหรอ?

    เมื่อมีโอกาสก็ต้องคว้ามันไว้สิ จริงไหม? ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความหวังที่ริบหรี่ก็เถอะ

     

    ผมหยุดความคิดตัวเองไว้เท่านี้เมื่อเฮียคริสพยายามจะลุกหนีผมไป แต่ใครจะยอมกันล่ะ

    ผมกระชากร่างสูงให้กลับมานั่งที่เดิมอย่างแรงจนเจ้าตัวร้องโอดโอย

    “ไม่ต้องหนีไปไหน ผมไม่ทำอะไรเฮียหรอก”

    “ถึงยังไงเฮียก็ต้องตายอยู่แล้ว รออีกสักเดี๋ยว”

    ผมพูดเสียงเรียบ พยายามไม่หันไปมองบาดแผลบนหน้าท้องนั่นเพราะอาจจะใจอ่อนได้

    มาไกลถึงขั้นนี้แล้วจะกลัวอะไรอีกล่ะไค นายต้องทำ ท่องไว้ว่ามันเป็นเหตุจำเป็น

     

    ปล่อยเวลาให้ผ่านไปสักพักดูเหมือนเฮียคริสจะล้มเลิกความคิดที่จะหนีแล้ว

    ร่างสูงเพียงแค่นั่งนิ่งๆเท่านั้น ไม่ห้ามเลือด ไม่แสดงอาการเจ็บแผลอย่างเมื่อกี้

    นั่นทำให้ผมสงสัยที่อยู่ดีดีกลับนั่งเงียบซะงั้น ไม่ได้วอนให้ผมช่วยหรืออะไรสักอย่าง

     

    “เป็นอะไรไป ไม่เจ็บแผลแล้วเหรอ” ผมตัดสินใจถามออกไปหลังจากที่เงียบมานาน

    พยายามอ่านแววตาว่างเปล่าของเขาแต่ยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจ มันนิ่งเสียจนน่ากลัว

    “หึ เจ็บสิ มันทรมาณมากจนแทบขาดใจเลยล่ะ” เฮียคริสยิ้มเย็นจนผมต้องขมวดคิ้ว

    “แต่เดี๋ยวก็ตายแล้ว ทนอีกหน่อยจะเป็นอะไรไป”

    ”ร่างสูงเงยหน้ามองผมให้ชัดๆ

    “นายรู้อะไรไหมไค นายมันไม่ต่างอะไรจากฉันเลยสักนิด”

    “?”

    “ที่นายทำอยู่นี้ก็เพื่อตัวเอง นายยอมฆ่าทุกๆคนเพื่อให้ตัวเองรอด”

    ” ผมเกิดอาการใบ้กินขึ้นมาเมื่อร่างสูงพูดจี้ใจ

     

    ผมยอมรับว่าผมเห็นแก่ตัว ใช่ ผมก็ไม่ต่างอะไรจากเฮียคริสสักนิด บางทีอาจจะเลวกว่าเขาด้วยซ้ำ

    เพราะอย่างน้อยเฮียคริสก็ไม่ต้องการฆ่าเพื่อนอย่างเลือดเย็นแบบผม แต่แล้วยังไงล่ะ?

     

    อย่างมากก็แค่โดนประณาม แต่เมื่อทุกคนในโรงเรียนตายหมด ใครจะรู้เรื่องนี้ ?

     

    “เลิกพูดให้ตัวเองดูดีเสียที นั่งเงียบๆจะตายช้ากว่านะ”

    ผมพูดเสียงแข็ง มองตามเนื้อตัวร่างสูงที่มีสภาพอิดโรยจะตายแหล่ไม่ตายแหล่

    ความจริงผมแค่เอามีดแทงซ้ำเข้าไปก็ไม่รอดแล้ว แต่นั่นมันเลือดเย็นเกินไป

     

    ผมไม่รีบขนาดนั้น

     

    --SCHOOL HORROR—

     

    ทางด้านชานยอล

     

    เมื่อสิ้นเสียงลู่หาน ร่างสูงก็อุ้มมินซอกเดินออกไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองพวกเขา

    “นายจะพามินซอกไปไหน” ชานยอลวิ่งไปดักหน้าลู่หานอย่างรวดเร็ว

    “พาออกไปจากที่นี่” “ในเมื่อพวกนายไม่คิดจะช่วยกันก็ไปเถอะ ฉันออกไปเองได้”

    ชานยอลเงียบ ลู่หานจึงใช้มือที่ว่างอยู่ผลักออกไปให้พ้นทางและเดินหน้าต่อ

    แต่เสียงเรียกรั้งไว้อีกครั้งทำให้เขาต้องหันไปมอง

    “ลู่หาน!” เมื่อหันกลับไปก็พบว่าเป็นเซฮุนที่เพิ่งวิ่งมาถึง ร่างสูงขมวดคิ้วยุ่ง

    “ถ้าจะห้ามฉันไม่ให้ไปก็กลับไปซะ เสียเวลามากพอแล้ว!” ลู่หานคะคอกกลับไป

    แต่เซฮุนไม่สะทกสะท้าน เพียงแต่เดินเข้ามาขนาบข้าง

     

    “ใครว่าผมจะห้ามล่ะ ผมจะไปกับฮยองต่างหาก” คนฟังได้ยินดังนั้นก็เบิกตาโพลงอย่างตกใจ

    “เมื่อ..เมื่อกี้นายพูดว่ายังไงนะเซฮุน”

    ลู่หานเสียงสั่นน้ำตาคลอ มันเป็นน้ำตาแห่งความดีใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน

    “ผมก็พูดว่าจะไปกับลู่หานฮยองไง ชัดไหม?”

    “นายตัดใจจากฉันได้แล้วงั้นเหรอ”

    “อย่าเพิ่งถามน่า รีบช่วยคนรักฮยองก่อนเร็วเข้า!” เซฮุนสั่งเสียงเข้มก่อนดุนหลังคนขี้แยให้เดินไปข้างหน้า

    อันที่จริงเขาก็ยังตัดใจไม่ได้หรอก เขาเพียงแค่พูดให้ร่างบางคลายกังวลก็แค่นั้น

    แรกๆเขาต้องการจะแย่งลู่หานกลับมาให้ได้ แต่พอเห็นอย่างนี้เขาก็คงต้องยอมแพ้แล้วจริงๆ

    ถึงแม้ว่าเขาจะเจอลู่หานก่อน แต่ความรักที่เขามอบให้มันเทียบไม่ได้เลยกับความรักของทั้งสอง

     

    ลู่หานฮยองฮะ ผมจะไม่มีวันตัดใจจากฮยอง

    แต่ผมจะช่วยคนรักของฮยองแทนนะฮะ

     

    เมื่อทั้งสามคนออกไปแล้วก็เหลือแต่ชานยอลและคยองซูที่ยังยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

    “ป..ปล่อยฉันได้แล้วชานยอล”

    คยองซูพูดเรียกสติร่างสูงที่ยืนเหม่อเมื่อแขนของตัวเองยังโดนชานยอลบีบแน่นจนเป็นรอยแดง

    ชานยอลสะดุ้งเบาๆจากภวังค์เมื่อครู่พลางสะบัดหน้าแรงๆเพื่อเรียกสติตัวเองให้คืนมา

    “ฉันยังปล่อยไม่ได้ นายยังไม่ได้ตอบฉันเลย!” ร่างสูงเพิ่มแรงบีบมากขึ้นอีก

    “ร..เรื่องอะไร” คยองซูแสร้งไม่สบตาอีกฝ่ายเหมือนเลี่ยงที่จะตอบ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเรื่องอะไร

    “ฉันรู้ว่านายยังไม่ได้ลืมเรื่องนั้น บอกมาดีกว่าว่าไปได้ยินเรื่องเพชรมาจากไหน”

    ร่างสูงตะคอกใส่จนคยองซูตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว ร่างบางขบริมฝีปากแน่นจนเลือดห้อ

    การกระทำแบบนี้ยิ่งเรียกโทสะให้ร่างสูงเข้าไปใหญ่ ดูก็รู้ว่าคยองซูมีบางอย่างปกปิดเขาอยู่

    ไหนจะยังท่าทางน่าสงสัยนั่นอีก เขาคิดไม่ผิดเลยตั้งแต่ต้นสินะ

    “นายบอกฉันไม่ได้หรือไงเรื่องแค่นี้!

    “ใช่! ฉันบอกไม่ได้ชานยอล ถ้าบอกไปแล้วมันก็จะผิดแผน”

    คยองซูบิดแขนไปมาเพื่อให้ชานยอลปล่อยจากการเกาะกุม แต่มันไม่ง่ายเลยเนื่องจากแรงที่มีน้อยกว่า

    “แผน? แผนอะไร นายเป็นคนก่อเรื่องนี้ใช่ไหม” ร่างสูงพูดลอดไรฟัน

    “ฉันเปล่า หลักฐานก็เห็นมากับตาว่าโรงเรียนนี้มันมีผี แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วย”

    “เกี่ยวสิ เพราะท่าทางนายมันฟ้อง นายเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องเพชรมากกว่าใครๆ!

    คยองซูไม่ตอบกลับ สีหน้าอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนร่างบางกำลังจะร้องไห้

    ชานยอลเห็นดังนั้นจึงนิ่งชะงักไปชั่วครู่ นี่เขาโมโหจนขาดสติไปหรือเปล่า?

    อย่างน้อยคนตรงหน้าเขาก็ยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน คบด้วยกันมาหลายปี

    ร่างสูงเผลอใจอ่อนแล้วปล่อยแขนเล็กนั้นให้เป็นอิสระ
    คยองซูได้โอกาสก็ใช้ศอกกระทุ้งสีข้างเพื่อนอย่างแรงแล้ววิ่งหนีออกไปทันที
    แต่ก่อนไปร่างบางได้หันมายิ้มเยาะและพูดทิ้งท้ายไว้ให้ร่างสูงงุนงงเล่น

     

    “อยากรู้ความจริงนักใช่ไหม? นายจะได้รู้แน่เมื่อตอนที่ตัวเองกำลังจะตาย!

     

     

    --SCHOOL HORROR—

     


    [kai part]

     

    ผมนั่งรอเวลาอยู่เฉยๆจนเฮียคริสอาการเข้าขั้นหนัก ร่างสูงไม่มีแรงแม้แต่จะพูด

    แค่นี้ก็ถือว่าอึดจริงๆในความคิดผม ร่างสูงโดนแทงมาครึ่งชั่วโมงแต่ก็ยังอยู่มาได้ถึงตอนนี้

    “พ่อเฮียเมื่อไรจะมาเนี่ย!” ผมใช้เท้าเขี่ยๆไปที่ร่างอันอิดโรย เฮียคริสไม่ตอบอะไร

    เขาทำเหมือนผมไม่มีตัวตน เอาแต่นั่งเหม่อเหมือนรอความตายอย่างงั้น

    “ผมถามไม่ได้ยินหรือไง” ผมตะคอกใส่ร่างสูงด้วยความหงุดหงิด

    ผมยังไม่รู้ตัวเองเลยว่าจะนั่งรอเวลาไปเพื่ออะไร ทำไมไม่ฆ่าเฮียคริสและแบคฮยอนซะตอนนี้

    มันจะได้ไม่เสียเวลา อาจจะเป็นเพราะจิตใต้สำนึกความเป็นคนของผมยังมีอยู่บ้างละมั้ง

    แต่ผมว่าความเห็นแก่ตัวมันครอบงำจิตใจผมไปหมดแล้วแหละ

    “ฆ่าฉันให้ตายเลยสิไค..” ในไม่ช้าเฮียคริสก็โพลงออกมาจนได้

    “ใครจะกล้าล่ะ ผมปล่อยให้เฮียตายเองดีกว่า”

    “หึ..” ร่างสูงเค้นยิ้มกับคำตอบของผม ผมหายใจฟึดฟัดก่อนจะเสหน้าไปทางอื่น

    เมื่อไรจะตายๆไปสักทีนะ ยิ่งเห็นสีหน้าเจ็บปวดทรมาณของร่างสูงเท่าไรผมยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น

    “อย่าใจเสาะไปหน่อยเลย ถ้าไม่กล้าฆ่าฉันแล้วนายจะฆ่าคนอื่นได้ไงล่ะ”

    “เฮียอย่าท้าผมนะ ผมไม่ได้ใจเสาะ ผมแค่สงสารเฮีย”
    จบประโยคเฮียคริสก็หลุดหัวเราะออกมาราวกับมันเป็นเรื่องตลกเสียอย่างนั้น
    ผมได้แต่ปั้นหน้านิ่ง ขำอะไรนักหนา จะตายอยู่แล้วนะ

    “หน้าอย่างนายไม่มีคำว่าสงสารหรอก ฆ่าฉันเสียทีมันจะได้จบๆ”

    ผมได้ยินก็ขบฟันแน่น นับครั้งร่างสูงก็ยิ่งจะพูดจากวนโมโหผมมากไปแล้วนะ

    ผมอุตสาร์หักห้ามใจไม่ให้ทำอะไรที่มันบาปไปมากกว่านี้แต่เฮียพูดเองนะ

    “ถ้าต้องการอย่างนั้นผมก็จะไม่ปราณีล่ะนะ!

    ไม่รอให้เฮียคริสพูดอะไรผมก็ใช้มือหนาบีบคอร่างสูงทันที

    “อึก!

    ผมเน้นแรงให้มากขึ้นกว่าเดิม จนร่างสูงตาลีตาเหลือก

    “ไค..นาย มัน เลือด เย็น!

    ประโยคสุดท้ายของเฮียคริสทำให้ผมชะงักมือ เลือดเย็นงั้นเหรอ

    ..นี่ผมทำอะไรลงไป ผมฆ่าคนคนนึงไปแล้วเพราะแค่อารมณ์โมโหชั่ววูบเท่านั้น

    ผมกำลังจะปล่อยเขาแต่ร่างสูงได้หมดลมหายใจซะก่อนคามือของผม

     

    “เฮียคริส ผมขอโทษ!

     

     

    “ชาน..ชานยอล..” 

    เสียงนุ่มเล็กทำให้ผมละความสนใจจากเฮียคริสทันที

    แบคฮยอนค่อยๆลืมตาขึ้นมา อย่างแรกที่นึกขึ้นได้คือชานยอล แต่ตอนนี้เขากลับไม่อยู่

    “แบคฮยอน” ผมตีหน้านิ่งวิ่งไปพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้น

    “ชานยอลล่ะ เขาอยู่ไหน” แบคฮยอนเบะหน้ามองหาแฟนตัวเองเป็นอันดับแรก

    “เขาไปตามมินซอกกับคนอื่นๆ”

    “แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่กับนาย” ร่างเล็กถามผมซื่อๆแต่ก็สามารถทำให้คนมีชนักติดหลังอย่างผมสะดุ้งได้

    “เอ่อ..ชานยอลฝากให้ฉันดูแลน่ะ”

    “อืม”

    แบคฮยอนไม่ถามอะไรอีก อาจเป็นเพราะยังไม่หันมาเห็นร่างเฮียคริสก็ได้

    ผมรีบเดินขนาบข้างร่างเล็กเพื่อกันภาพสยองของเฮียคริส

    “แล้วเราจะไปไหนกันดีล่ะ”

    “ไปทางนั้นดีไหม? เดี๋ยวฉันช่วยพยุงให้เผื่อนายยังเจ็บแผล”

    ผมทำทีชี้ไปทางบานหน้าต่างที่เคยโยนโทรศัพท์ลงไป พลันก็คิดแผนอะไรดีดีขึ้นมาได้

    “ทำไมต้องเดินไปตรงนั้นด้วยล่ะ มันมีอะไรเหรอ?” แบคฮยอนถามเสียงซื่ออีกครั้ง

    ผมได้แต่ยิ้มหวานไปให้ แต่ใครจะไปรู้ว่ารอยิ้มนั้นมันเคลือบยาพิษไว้อยู่

    “ลองเดินไปดูเหอะน่า” ผมกึ่งพยุงกึ่งลากเจ้าตัวให้เดินนำหน้าผม ก่อนจะดันหลังร่างเล็กให้เดินเร็ว

    “ทำอะไรของนายเนี่ย!

    “หยุดพูดแล้วเดินไปซะ” ผมเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแข็งกระด้างจนแบคฮยอนต้องหันมามอง

    “นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ร่างเล็กยื้อตัวแต่จ้องผมนิ่ง

    “ก็บอกให้เดินไปไงเล่า!” ผมตวาดแบคฮยอนอย่างลืมตัว

    คนตัวเล็กหันขวับแล้วกระชากแขนผมไขว้หลังอย่างรวดเร็ว

     

    “นายกำลังจะทำอะไร บอกมานะ!!

    ให้ตายเถอะ! ผมลืมคิดไปเลย แบคฮยอนบอกผมเมื่อเช้าว่าเคยเรียนฮับกีโดมาก่อน

    เรื่องไหวพริบนี่ไม่แพ้ใคร งั้นแผนที่ผมต้องการจะผลักร่างเล็กลงไปก็ต้องพังทลายน่ะสิ

     

    “ฉันจะฆ่านายไง!

     

    ผมอาศัยแรงที่มีเยอะกว่าบิดแขนกลับมาและกลายเป็นแบคฮยอนแทนที่ไขว้แขนไว้ข้างหลัง

     

    “ทำไมถึงทำแบบนี้ เราเป็นเพื่อนกันนะ” ผมสัมผัสได้ว่ามีน้ำเสียงผิดหวังเจือปนอยู่ในนั้น

    แต่ความเลวของผมมันไม่เข้าใครออกใคร ถึงจะเป็นเพื่อน แต่ถ้าให้เลือกผมก็ต้องเลือกชีวิตตัวเองอยู่แล้ว

     

    “ฉันขอโทษนะแบคฮยอน แต่ฉันจำเป็นต้องทำ”

     

    ผมใช้โอกาสตอนร่างเล็กโอนอ่อนใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักเจ้าตัวออกไปทันที

     

    “ช..ช่วยด้วย!

    แบคฮยอนยังไม่ตกลงไปเสียทีเดียว ร่างเล็กใช้มือทั้งสองข้างเกาะพื้นเอาไว้

    แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็คงจะร่วง เพราะน้ำหนักที่รับไม่ไหว

    “ขอร้องเถอะนะไค เราต้องรอดไปด้วยกัน”

    ผมมองแบคฮยอนร้องไห้อยู่เงียบ ขาทั้งสองข้างมันพยายามจะเดินไปช่วย

    แต่สมองผมมันไม่ได้สั่งการอย่างนั้น มันสั่งให้ยืนอยู่นิ่งๆรอเพื่อนตัวเองตายมากกว่า

     

    “ไค เราเพื่อนกันนะ ฉันสัญญาว่าจะลืมเรื่องนี้ ฉันจะไม่เอาผิดนาย”

     

    “ได้โปรด

     

    ผมหลับตาแน่นเพื่อหลบจากภาพตรงหน้า อีกแปปเดียวไค อีกแค่ไม่กี่นาทีร่างนั้นก็จะตกลงไป

    อย่ามาใจอ่อนตอนนี้ เราต้องรอด ใช่ เราต้องรอดเพียงผู้เดียว

     

    “ขอโทษนะแบคฮยอน!

     

    --SCHOOL HORROR--

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×