คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : SCHOOL : CHAPTER3
CHAPTER3
ตึง ตึง ตึง ~
เสียงดังกังวานของนาฬิกาโรงเรียนดังขึ้นเมื่อครบสามชั่วโมง
พวกเราได้แต่นั่งเฉยๆในห้องเดิม ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง
แม้แบคฮยอนจะยืนกรานแล้วว่าต้องตามหาคนที่ขโมยเพชรให้เจอ แต่พวกเราก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรอยู่ดี
“ผมว่าเราควรจะทำอะไรสักอย่างได้แล้วนะ” เป็นเซฮุนที่เริ่มเปิดปากพูด
“ทำอะไร?”
“ผมก็ไม่รู้ แต่เรานั่งในห้องนี้นานเกินไปแล้ว” “ผมว่าเราควรจะออกไปจากห้องนี้กันสักที”
ชานยอลพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วเราควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี?”
“ออกไปตามหาซูโฮกันเถอะ!”
--SCHOOL HORROR—
[yixing (lay) PART]
พวกเราทั้งหมดตัดสินใจออกมาจากห้อง
ระหว่างทางผมเห็นนาฬิกาผนัง เข็มสั้นชี้เลขแปด เข็มยาวชี้เลขหก เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน
นี่พวกผมอยู่ในห้องนั่นยันสองทุ่มครึ่งเลยงั้นเหรอ
พวกเราเดินตามทางระเบียงไปเรื่อยๆโดยมีแบคฮยอนและชานยอลคอยนำ
ผมที่เดินรั้งท้ายสุดได้ยินแว่วๆว่าทั้งคู่เถียงกันอยู่ว่าจะขึ้นลิฟท์หรือเดินลงบันได
ชานยอลบอกให้ขึ้นลิฟท์ไปชั้นบนสุดเพื่อตามหาซูโฮ
แบคฮยอนบอกให้เดินลงบันไดไปชั้นล่างสุดเพื่อตามหาซูโฮเช่นกัน ทั้งคู่มีจุดประสงค์เดียวกัน
แต่จุดเริ่มต้นขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง เหมือนทั้งสองจะไม่มีใครยอมใครจึงเกิดเป็นสงครามขนาดเล็ก
ผมเริ่มปล่อยระยะห่างจากพวกเพื่อนๆโดยไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนคนอื่นเดินนำไปแล้วแต่ผมยังยืนอยู่กับที่
ยืนอยู่หน้าห้องพยาบาล…
พลันสายตาผมดันไปสะดุดเข้ากับนาฬิกาดิจิตอล มันนับถอยหลังเรื่อยๆภายใน5นาที
เสียงติ๊กติ๊กตามวินาทีที่ลดลงเรื่อยๆทำให้ผมเริ่มระแวง รู้สึกเหมือนรอบๆตัวเยือกเย็นและร้อนระอุในเวลาเดียวกัน ผมละสายตาจากนาฬิกานั่นและกำลังจะเดินต่อไป แต่แรงฉุดที่ข้อเท้าอย่างแรงทำให้ผมที่กำลังก้าวขาอยู่เสียหลักและล้มลง
มีคนฉุดขาผม
ผมพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นแต่ทำไมได้ ด้วยความที่พื้นมันเป็นกระเบื้องลื่นหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ที่รู้ๆแรงฉุดที่ข้อเท้านั่นกำลังลากผม
มันลากจนตัวผมต้องไถลไปตามพื้น แม้จะพยายามสะบัดมือเย็นๆจากข้อเท้า แต่ยิ่งดิ้นเหมือนแรงลากยิ่งมากขึ้น
“พวกนาย…ช่วยด้วย!”
“…..”
ไม่ พวกเขาไม่ได้ยินเสียงผม มันไกลเกินไป
ผมมองเห็นแผ่นหลังไคและคนอื่นเดินไปเรื่อยๆจนลับสายตา
ไม่มีใครหันกลับมาสนใจผมเลย
“ไม่นะ! ช่วยด้วย!”
ผมตะโกนลั่นด้วยความกลัว แม้จะเอาเล็บมือจิกพื้นอยู่ก็ตาม แต่ด้วยสภาพที่นอนคว่ำยื้อแรงฉุดอยู่นั้น
ทำให้ผมแทบไม่มีแรงจะลุกเลย เหมือนร่างกายมันอ่อนแรงไปซะดื้อๆ
ผมปล่อยร่างกายให้ลากกับพื้นตามแรงฉุดของมือปริศนามาเรื่อยๆ มันลากผมเข้ามาในห้องเรียนห้องหนึ่ง
ผมได้แต่ร้องด้วยความเจ็บตามร่างกาย แม้ว่าพื้นจะลื่น แต่การลากในสภาพนอนคว่ำทำให้ใบหน้าผมถลอกไปหมดเพราะแรงเสียดสี มันแสบซะจนผมคิดว่าเลือดต้องซิบแน่ๆ
ปึก!
“โอ้ยย” มันเหวี่ยงตัวผมกระแทกกับโต๊ะเรียนอย่างแรงจนระบมไปหมด
‘มัน’ที่ผมพูดถึงไม่มีตัวตน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง ผมไม่เห็นใครเลยตั้งแต่โดนลากมา
เพียงแค่รู้สึกถึงมือที่จับข้อเท้าผมเท่านั้น จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เห็นร่างอะไรทั้งสิ้น
แต่มันก็ทำให้ผมหลอนได้เหมือนกัน ใครเป็นคนพาผมมาที่นี่ละ? ใครเป็นคนลากผมมา?
ผมค่อยๆบังคับร่างกายที่ฝกช้ำของตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แต่ก็ทำได้แค่ลุกนั่งเท่านั้น
ขนลุกชันโดยไม่รู้สาเหตุ ทำได้เพียงลูบแขนไปมาให้คลายความกลัวไปได้บ้าง
ไฟในห้องเริ่มกระพริบติดๆดับๆ ตอนที่ไฟดับทุกอย่างในห้องจะมืดมิดจนผมมองอะไรรอบกายไม่เห็นเลย
มันกระพริบอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆจนผมเริ่มกลัว
ครืดดดดดดดด
ครืดดดดดดดด
เสียงแสบแก้วหูเหมือนมีใครเอาเล็บขูดกำแพงดังขึ้น
เสียงมันลากมาใกล้ผมเรื่อยๆ จนได้ยินข้างๆหู
ผมหลับตาปี๋ด้วยความกลัว รู้สึกถึงลมหายใจของใครอีกคนรดใบหน้าผม
มันใกล้มาก…ใกล้จนผมไม่กล้าลืมตา
กลัว…ใครก็ได้ช่วยผมที !
แกรก
ครืดดดดดดด
คราวนี้ไม่ใช่เสียงขูดกำแพง แต่เป็นเหมือนเสียงลากของโต๊ะหรือเก้าอี้
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา เห็นเก้าอี้ริมห้อง….เลื่อนเข้ามาทางนี้!
เก้าอี้ไม้ที่เคลื่อนที่ด้วยตัวของมันเอง ค่อยๆลากเบาๆให้เกิดเสียงดังลั่นห้อง
จากช้าๆแปรเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมจะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่ลากมาทางผม
สมองผมสั่งการให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากห้องนี้ซะ แต่แรงฉุดที่ข้อเท้าทำให้ต้องล้มลงอีกครั้ง
ไม่ทันแล้ว…
เก้าอี้เลื่อนเข้ามาตรงหน้าผมก่อนจะต้อนผมเรื่อยๆจนหลังชิดกำแพงห้อง
ไม่มีที่ให้ถอยแล้ว เมื่อผมหลบไม่ได้ มันก็เลื่อนเข้ามาชนผมอย่างแรงจนเจ็บไปทั้งตัว
เมื่อครั้งแรกผ่านไป ครั้งต่อไปก็ตามมา มันกระแทกร่างกายผมบดขยี้กับกำแพงเรื่อยๆ
ร่างกายที่ระบมจากแรงลากและแรงกระแทกมาแล้วยิ่งฝกช้ำเข้าไปใหญ่จากแรงกระแทกของเก้าอี้
ตุบ ตุบ !
ร่างกายผมเริ่มจะรับไม่ไหว แรงจากเก้าอี้ไม้กระแทกเข้ามาที่ท้องน้อยผมอย่างจัง
หัวสมองเหมือนมึนไปชั่วขณะ ผมนับครั้งไม่ได้แล้วที่เก้าอี้นั่นกระแทกเข้ามาชนผมกับกำแพง
ไม่มีช่องว่างให้หลบหนีได้เลย
“อั่ก!” ผมจุกจนพูดไม่ออก ปวกกระดูกไปหมดทั้งตัว มือก็พยายามดันเก้าอี้ออกไปแต่ก็สู้แรงของมันไม่ได้
แรงกระแทกของเก้าอี้กับกำแพงที่มีผมคั่นกลาง ทำให้ทั้งห้องสั่นคลอน
พลันสายตาเหลือบไปเห็นอะไรที่มันแวววับสะท้อนสายตาอยู่เหนือหัว
มันอยู่บนตู้หนังสือข้างๆตัวผม กำแพงที่สั่นคลอนทำให้ของข้างบนตู้เคลื่อนที่ตาม
อะไรบางอย่างที่ผมเห็นเมื่อครู่ มันคือมีด!!
มีดที่ไหลออกมาเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่ามันจะตองตกลงจากที่สูงในไม่ช้าแน่ๆ
แต่มันจะไม่เป็นอะไรหากตำแหน่งที่ตกมันไม่ใช่ผม!
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด’
เสียงร้องอันโหยหวนดั่งคมมีดที่ทิ่มแทงเข้ามาในตัวผม
มันฟังดูเศร้าศร้อยและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
ก่อนจะจบลงด้วย….มีด
ฉึก!
“……..”
--SCHOOL HORROR—
[ JONGIN (KAI) PART]
พวกเราทั้งหกคนตัดสินใจขึ้นลิฟท์ตามคำสั่งของชานยอล
เดี๋ยวนะ…หก
หรือ…ห้า ??
เรามีหกคนแต่นับได้ห้าคน อี้ชิง!!
“พวกนาย อี้ชิงไปไหน!”
เสียงของผมทำให้ทุกคนที่ยืนรอลิฟท์อยู่รู้สึกตัว ดูเหมือนพวกเราจะลืมเพื่อนตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย
“นายเจอเขาครั้งสุดท้ายเมื่อไรไค?” แบคฮยอนถามน้ำเสียงร้อนรน
ผมนึกคิดไปตั้งแต่ตอนที่เราออกมาจากห้องได้ราวๆห้านาที
แบคฮยอนกับชานยอลเดินเถียงกันไปมาข้างหน้า คยองซูกับผมเดินข้างกัน โดยมีเซฮุนเดินกับอี้ชิงข้างหลัง
แต่ไม่นานเซฮุนก็เดินเข้ามาขนาบข้างคยองซู แล้วหลังจากนั่นพวกเราก็เอาแต่พูดเรื่องเพชร
“ฉันว่าอี้ชิงน่าจะหายไปตอนที่พวกนายเถียงกัน” ผมหันไปมองแบคฮยอนกับชานยอลที่ยังทำหน้างงอยู่อย่างนั้น
“ราวๆห้องพยาบาล”
“เดินกลับไปหาเหอะ”
--SCHOOL HORROR—
ผมเดินมายังห้องที่ว่า แต่ก็ยังไม่เห็นอี้ชิง ทุกคนก็มองหาแถวๆนั้นแต่ก็ไม่มีวี่แวว
จนพวกเราเริ่มกังวลและคิดไปต่างๆนาๆ แถวนี้ก็ไม่มีอะไรมากมาย มีแต่ห้องเรียนแล้วก็ห้องเรียน
มองไปทางไหนผมก็เห็นแต่ห้องเดิมๆ อี้ชิงจะไปไหนได้ล่ะ
“เฮ้ยย!”
เสียงร้องของเซฮุนทำให้แต่ละคนที่แยกย้ายกันไปหาตามห้องต่างๆต้องเดินมาหาต้นเสียงอย่างช่วยไม่ได้
แววตาที่ดูตกใจอย่างมากของเซฮุนทำให้ผมไม่กล้าที่จะเข้าไปในห้องนั้น
คยองซูที่มองตามสายตาของเซฮุนไปก็มีท่าทีตกใจไม่แพ้กันจนผมอดไม่ได้ที่ต้องมองตาม
สภาพที่เห็นคือ ร่างของอี้ชิงที่ไร้สติคากองเลือด บนท้องมีมีดด้ามยาวปักอยู่
ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก คนอื่นๆก็เช่นกัน
แบคฮยอนที่เพิ่งจะได้สติรีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อช่วยเพื่อน แต่คงสายไป
ดูจากสภาพที่แน่นิ่งไม่ไหวติงทำให้พอรู้ว่าอี้ชิง…ตายแล้ว
“อี้ชิงงงง”
“อี้ชิงฟื้นสิ ฮือออ” แบคฮยอนเขย่าตัวอี้ชิงไปมาหวังให้เป็นไปอย่างที่พูด
แต่เปล่าประโยชน์ เรามาช้าเกินไป
ปัง!
ประตูห้องปิดอย่างแรงจนพวกผมสะดุ้ง
ปัง
ปัง
ปัง
ตามด้วยหน้าต่างที่ปิดที่ละบานๆ
“ประตู..ประตูปิดแล้ว” คยองซูพูดเสียงสั่น ทุกคนดูจะตกใจไม่น้อยเหมือนรู้ว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นภายในห้อง
บรรยากาศแบบนี้มัน…
ครืดดดดด
ครืดดดดด
“ฮี่ๆๆๆๆๆ”
“……”
“เสียงอะไรน่ะ!”
“ฮี่ๆๆๆๆๆ”
พรึ่บ!
ไฟทั้งห้องดับสนิท ผมมองไม่เห็นใครเลยสักคน แม้จะพยายามเพ่งมองในความมืดก็เปล่าประโยชน์
ได้ยินเสียงแค่เสียงลากอะไรสักอย่าง ฟังจากเสียงดูเหมือนของที่ลากนั้นต้องหนักมากแน่ๆ
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมแทบจะหมดสติอยู่ตรงนี้ !!
“ฮี่ๆๆ”
ผู้หญิงคนหนึ่งคลานเข้ามาหาพวกเราช้าๆ เล็บของเธอจิกเข้าที่พื้นข้างหน้าเพื่อลากตัวเองให้ขยับเขยื้อน
ผมยาวๆของเธอลากพื้นตามมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาขาวโพลนไร้ซึ่งตาดำ
น้ำเสียงที่เธอเปล่งออกมาโดยไม่ขยับปากทำให้ผมขนลุกซู่
“อ๊ากกกกกกก” เป็นชานยอลที่วิ่งไปทุบประตูรัวๆด้วยความหวาดกลัว
คนอื่นๆรีบวิ่งตามไปเกาะกุมกับชานยอลโดยอัตโนมัติ
“ฮี่ๆๆ” เสียงนั่นยังคงตามมาหลอกหลอนพร้อมกับร่างผีสาวที่ยังคลานมาทางพวกผมไม่หยุด
ปากของเธอค่อยๆฉีกยิ้มกว้าง..กว้างจนเกินไป เลือดที่ทะลักออกมาจากปากเธอทำให้ผมแทบอ้วก
“ทำไงดีๆๆ ชานยอล ฮือออ” แบคฮยอนหลับตาปี๋ พยายามไม่มองภาพตรงหน้า
ผมเห็นชานยอลทำอะไรสักอย่าง โดยการถอยห่างจากประตู
“นายจะทำอะไรเนี่ย มันจะมาถึงตัวเราแล้วนะ!” คยองซูโวยวายด้วยความกลัว
ผมเองก็มองชานยอลอย่างไม่เข้าใจ พอหันกลับไปมองข้างหลังอีกที ผีสาวก็คลานมาถึงพวกเราซะแล้ว
“ฮ..เฮ้ย!” ผมเผลอร้องออกมาเมื่อผีสาวที่เคยคลานอยู่ตอนนี้กลับกลายเป็นกระโจนมาหาผมพร้อมมีดที่ถืออยู่ในมือ
สภาพตอนนี้คือผีสาวนั่งคร่อมร่างผมอยู่ มือก็พยายามกดมีดให้เข้ามาถึงตัวผมมากที่สุดแต่ติดที่ผมรั้งแขนอันเย็นเฉียบของเธอไว้อยู่
ใบหน้าของเธอเละซะจนผมอยากจะอ้วก ยิ่งใกล้ๆแบบนี้กลิ่นสาบยิ่งเตะจมูก
เลือดที่คลั่งอยู่ในปากอันกว้างของเธอค่อยๆหยดลงใบหน้าผมอย่างช่วยไม่ได้
ผีสาวออกแรงกดใบมีดมาจ่อคอหอยผมจนได้ ความรู้สึกเย็นๆที่คอบ่งบอกให้รู้ว่าถ้าขยับเพียงนิดมีเฉือนแน่นอน
“ช..ช่วยด้วย!”
ผมขอความช่วยเหลือไปทางเพื่อนๆ ที่ตอนนี้ถอยห่างด้วยความกลัว
“อดทนอีกนิดนะไค ใกล้จะพังได้แล้ว!”
ชานยอลที่ตอนนี้ถอยห่างออกจากประตูเพื่อทุ่นแรงในการพังออกไป เซฮุนที่เห็นดังนั้นจึงออกแรงช่วยด้วย
ปัง!
ปัง!
ประตูเริ่มสึกหรอตามแรงกระแทก เสียงพังประตูอย่างแรงทำให้ร่างที่คร่อมอยู่บนตัวผมหันไปทันที
“!!!”
ผมฉวยโอกาสตอนที่เธอเผลอและปัดมีดออกไป
ปัง!!
สำเร็จ
ประตูพังออกมา ผมรีบวิ่งตามเพื่อนๆออกไปทันที
‘กรี๊ดดดดดดดดดดดด ด’
เสียงกรีดร้องอันโหยหวนดังขึ้นภายในห้องหลังจากที่พวกเราทั้งหมดวิ่งออกมาได้
“แฮ่กๆๆ เกือบไม่รอดแล้ว” ผมหอบหายใจหนักน่วงเมื่อเราวิ่งเข้ามาในลิฟท์
“นายโชคดีมากรู้ไหมที่รอดมาได้”
“เกือบตายตามอี้ชิงไปแล้วไหมล่ะ”
แบคฮยอนถอนหายใจ แต่ก็ยังขนลุกชันไม่หาย ดูสภาพทุกคนก็ไม่ต่างกัน ยิ่งกับคยองซูและเซฮุนด้วยแล้ว
ทั้งสองเหมือนสติหลุดไปไกลตั้งแต่วิ่งออกมาจากห้องนั้น
“ให้ตายเหอะ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ไม่เคยเจออะไรที่น่าสยองขนาดนี้”
ผมยกมือปาดเม็ดเลือดบนใบหน้าออกก่อนที่ทุกคนจะกลัวผมไปด้วยอีกคน
เงาสะท้อนจากกระจกลิฟท์ทำให้ผมสยองหน้าตัวเอง เต็มไปด้วยหยดเลือด
“ทีนี้ก็รู้กันแจ่มแจ้งแล้วใช่ไหมว่าใครฆ่านักเรียนพวกนั้น”
“ฉันว่าแล้วว่าโรงเรียนนี้ต้องมีผี” แบคฮยอนพูดไปหอบไป ใบหน้าที่ซีดเซียวบ่งบอกว่ายังกลัวไม่หาย
“แล้วจะเอาไงต่อละทีนี้ ฉันไม่อยากตามหาเพชรบ้าอะไรนั่นแล้วนะ ฉันอยากกลับบ้าน” :ชานยอล
“ฉันเหมือนกัน คราวนี้โชคช่วยที่รอดมาได้แต่คราวหน้าไม่รู้ว่าจะรอดแบบนี้อีกไหม” :แบคฮยอน
“โทรหาคนมาช่วยเหอะ!” :เซฮุน
“ไม่ได้!” :คยองซู
ทุกคนหันมองคยองซูทันทีหลังจากได้ยินเสียงค้าน
“ทำไม?”
“เราหนีไม่ได้นะ เราต้องหาคนขโมยเพชรก่อนสิ” คยองซูพูดเสียงอ่อน เอาอีกแล้ว ทำไมคนคนนี้ต้องค้านตลอดเลย
ชอบพูดอะไรในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ
“นายเจออะไรมาเมื่อกี้ลืมไปแล้วเหรอ! ฉันไม่มีกะจิตกะใจมาหาเพชรแล้วนะ”
“แต่ฉันสงสัยอยู่คนนึง ที่ขโมยเพชรไป” เป็นผมที่พูดขัดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน
“ใคร?”
"........."
“ซูโฮ!”
--SCHOOI HORROR--
ความคิดเห็น