คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter |Three
3 - THREE
ที่มือเขามีเลือดไหลออกมาเป็นทาง แต่สีหน้าก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกเจ็บอะไร
"แผลแค่นี้ไกลหัวใจน่า ไว้ค่อยปิดพลาสเตอร์เอาแล้วกัน" ไคยกข้อมือขึ้นมาโชว์ผมเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่เจ็บจริงๆ
ค่อยยังชั่วที่แผลนั่นไม่ลึกมากเท่าไร..
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก
"จะยังไงก็ช่าง แต่บ้านหลังนี้มันเป็นอย่างที่พูดจริงๆด้วย มีใครบางคนพยายามฆ่าพวกเรา"
"นายว่าคนที่เอามีดแทงเข้ามาเมื่อกี้ เป็นคนเดียวกับคนที่ฆ่าแฟนของลีชินรึเปล่า" ผมถาม
"มันก็มีความเป็นไปได้ แต่ว่านะ..." ไคขมวดคิ้ว สายตามองลอดออกไปข้างนอกช่องของตู้เสื้อผ้า
"ฉันว่าเรื่องนี้มันชักแปลกเข้าไปทุกที มันรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ในนี้ หรือถ้ามันไม่รู้ก็แสดงว่ามันสุ่มแทงเข้ามา เหมือนกับว่าตั้งใจจะหาเหยื่อรายใหม่"
"แต่มันมีจุดประสงค์อะไรถึงต้องทำแบบนี้"
"..." ผมนิ่งเงียบ คิดตามที่ไคพูด
"นี่ไม่ใช่การโจรกรรมแน่ แต่เป็นการฆาตกรรมต่างหาก"
"!"
คำพูดของเขาทำให้ผมสะดุ้งกับคำว่าฆาตกรรม อยู่ดีๆตัวมันก็สั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากคิดอะไรต่อเลย มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าตอนนั้นผมโดนมีดนั่นแทง แค่คิดน้ำตาก็คลอเบ้าแล้ว ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ คิดว่ามันจะเกิดแค่ในหนังสยองขวัญซะอีก
"เรา..เราควรหนีใช่มั้ย" ผมถามเสียงแผ่ว พยายามระงับอาการตื่นตระหนกที่กำลังแสดงออกมาทางสีหน้า
"ใช่ อยู่ไม่ได้แล้วล่ะ ต้องหนีตอนที่ยังมีโอกาส"
"เดี๋ยว นายจะไปไหน!?" ผมรั้งแขนเสื้อเขาไว้หลังจากที่ไคกำลังจะเปิดประตูตู้ ถ้าเราออกไปตอนนี้ก็เท่ากับว่าคนที่อยู่แถวๆหน้าห้องก็จะเห็นพวกเรา เพราะหลังจากที่อี้ฟานวิ่งออกไปจากห้อง บานประตูก็เปิดกว้างจนเห็นทุกอย่างที่อยู่ข้างใน เพราะไม่มีใครปิดมัน
"ก็จะออกไปข้างนอกไงเล่า ถามได้"
"จะบ้าหรือไง ถ้ามันยังอยู่แถวนี้ก็เห็นพวกเราพอดีน่ะสิ จะทำอะไรก็คิดให้ดีก่อน ฉันไม่อยากตายตอนนี้" ไคชักสีหน้าเล็กน้อยก่อนจะยอมหันหน้ากลับมาทีเดิม
"รู้ตัวหรอกน่าว่าทำอะไรอยู่ เป็นแม่ฉันหรือไงถึงได้.."
พรึ่บ!
"เฮ้ย!!"
ผมปิดปากหมอนั่นแทบไม่ทันตอนที่เผลออุทานออกมาเสียงดัง แต่ตอนนี้เรามองอะไรไม่เห็นเลย เพราะไฟดับทั้งบ้าน ดูเหมือนจะมีคนไปสับสวิตซ์ไฟ หรือถ้าคิดในแง่ดีคือฝนตกหนักจนไฟดับ
นับจากตอนนี้ สถานการณ์ยิ่งดูเลวร้ายเข้าไปอีก แค่ซ่อนตัวก็เกือบตายแล้ว ยังต้องมาเพ่งมองภัยที่มาจากความมืดอีกด้วย
ผมจิกฝ่ามือตัวเองจนรู้สึกแสบไปหมด เหงื่อมากมายผุดซึมออกมาจากใบหน้า พวกเรานั่งเงียบกันหลายนาทีหลังจากที่ไฟดับ ดูเหมือนไคกำลังตั้งสติอยู่ เขานิ่งตัวแข็งทื่อมาได้สักพักแล้ว รวมถึงผมด้วย
"คยองซู.." ไคกระซิบราวกับว่าเป็นเรื่องยากที่ต้องเค้นเสียงออกมาทีละคำ ร่างสูงหายใจเสียงดังจนผมที่อยู่ข้างๆยังได้ยิน
"มีอะไร" ผมถามกลับไป
"เราสองคนต้องออกไปจากที่นี่พร้อมกัน" ร่างสูงพูดโดยไม่มองหน้าผม
"นายหมายความว่า..?"
"ทันทีที่ออกไปจากตู้ นายต้องวิ่งไปปิดประตูอย่างเงียบที่สุด และฉันจะหากุญแจรถของจุนมยอน"
"ด..เดี๋ยวสิ แต่ฉันจะไม่ไปไหนถ้ายังหาแบคฮยอนไม่เจอ" ผมรั้งแขนเสื้อเขาไว้อีกครั้ง ไคหันมามองหน้าผมเพียงเสี้ยววิก่อนจะสะบัดมือผมออก
"ก็แล้วแต่นาย แต่ตอนนี้ต้องเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง"
พูดเสร็จก็ออกมาจากตู้ทันที ทำให้ผมที่กำลังมึนงงกับคำพูดนั้นต้องตามออกมาด้วย
"รีบวิ่งไปปิดประตูเร็วเข้า ก่อนที่ใครจะมาเห็น" ไคกำชับ
สายตาที่ตอนนี้เริ่มจะปรับสภาพกับความมืดได้แล้วกำลังกวาดสายตามองสิ่งรอบๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปปิดประตูตามที่ไคบอก แต่แค่ได้ก้าวขาเท่านั้น มือหนาของใครบางคนก็รั้งผมไว้อยู่ที่เดิม
"มันอยู่หน้าห้อง"
"!!!"
ไคกระซิบจากข้างหลัง สายตาจับจ้องไปที่ประตู มืออันเย็บเฉียบนั้นจับแขนผมให้อยู่นิ่ง ผมไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขากลับไปที่เดิม
เงาดำๆของใครบางคนเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องที่เราสองคนยืนอยู่ ดูจากจุดที่พวกเรายืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้ว มันตรงกับระยะตรงข้ามของประตูห้องที่มันยืนอยู่เลย
ซึ่งถ้ามันมองมาทางนี้จริงๆละก็...ต้องเห็นเราเต็มๆ เพราะไม่มีอะไรบังไว้สักนิด เท่ากับว่าผมยืนประชันหน้ากับมันตรงๆ มีเพียงความมืดที่อำพรางใบหน้าเท่านั้น
"..." ผมพยายามทำให้ตัวเองดูไร้ตัวตนที่สุดโดยการหยุดการเคลื่อนไหวทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งลมหายใจด้วย ถ้าโชคยังเข้าข้างเราอยู่ล่ะก็ มันอาจจะไม่เห็นเราที่อยู่ตรงนี้ก็ได้
แต่ว่า แม้แต่ผมหรือว่าไค ก็ยังมองเห็นรูปร่างเงาดำๆของมันที่ยืนอยู่ตรงหน้า แล้วมันจะมองไม่เห็นพวกเราได้ยังไง!?
ตายแน่...เราตายแน่ๆ
"..."
ตึก..
ตึก..
แต่ทำไม..
ทำไมมันหันกลับไปล่ะ!? แถมยัง..เดินห่างออกไปอีก
เงานั่นหันหลังและเดินห่างออกไปจากหน้าห้องอี้ฟานจนลับสายตา
ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะรีบวิ่งไปปิดประตูอย่างเบามือที่สุดเมื่อแน่ใจว่ามันลับสายตาไปแล้ว
"ทำไมมันไม่ตรงมาฆ่าเรา" ผมถามไคที่ตอนนี้ก็สับสนไม่แพ้กัน ในมือดูเหมือนว่ากำลังถือของบางอย่างอยู่ อาจจะเป็นมีดก็ได้
"บางทีอาจจะมองไม่เห็นเราก็ได้" เขาพูด แต่จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อมันมองตรงมาซะขนาดนั้น นอกเสียจากว่า..
"คนร้ายต้องเป็นคนที่มีประสิทธิภาพในการปรับสภาพสายตาต่ำ กระทั่งมองไม่เห็นว่ามีคนอยู่ในห้องนี้"
"มองไม่เห็นในความมืดสินะ..." ผมสรุป
"แต่ว่า ถ้ามันไม่ได้อยากฆ่าเราล่ะ ถ้ามันเห็นเราแต่เราไม่ใช่เป้าหมายของมัน ก็เลยเดินออกไป"
"ไม่น่าจะใช่" ไคพูดขัดผม ดูเหมือนเขากำลังวิเคราะห์สถานการณ์อย่างที่เคยทำครั้งก่อน
"ดูจากตอนที่มันเสียบมีดเข้ามาตอนที่เราอยู่ในตู้ครั้งนั้น มันก็ทำแบบสุ่มๆโดยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ขอแค่ให้ได้ฆ่าไว้ก่อนถ้ามีใครหลบอยู่ในนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเมื่อกี้มันเห็นเรา ก็คงลงมือเหมือนกันนั่นแหละ"
อดลอบกลืนน้ำลายไม่ได้ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา..ถือว่าโชคเข้าข้างเราสินะ
"รีบหากุญแจรถกันเถอะ ก่อนที่มันจะย้อนกลับมาใหม่" ร่างสูงพูดเตือนสติในสิ่งที่ต้องทำก่อนหน้านี้หลังจากที่เสียเวลาไปกับการพดคุยมามาก
"แล้วนายรู้ได้ยังไงว่ากุญแจจะอยู่ในห้องนี้"
"ให้ตายเถอะ ทำไมนายถามมากขนาดนี้นะ" เขาถอนหายใจ
ผมก็ไม่อยากจะทำตัวน่ารำคาญหรอกนะ แต่ว่ามันอยากรู้จริงๆนี่! เขาคิดจะทำอะไรก็ไม่เคยบอกให้รู้เลย เอาแต่สั่งให้ทำนู่นทำนั่นอย่างเดียว เดี๋ยวก็ให้ปิดประตู เดี๋ยวก็ให้หากุญแจ ผมจะบ้าตายแล้วนะ
เขาคงไม่รู้หรอกว่าผมกำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ และผมก็มองไม่เห็นเหมือนกันว่าเขากำลังทำหน้าแบบไหน
"ฉันกับจุนมยอนและอี้ฟานนั่งรถคันเดียวกันมาที่นี่ และนั่นก็เป็นรถของจุนมยอน นี่คือห้องจุนมยอนกับอี้ฟาน เพราะฉะนั้นกุญแจก็ต้องอยู่ที่..."
"โอเคฉันเข้าใจแล้ว ไม่จำเป็นต้องอธิบายละเอียดขนาดนั้น" ผมกระแทกเสียงใส่เขา แต่ก็ยังรักษาระดับเสียงไว้ไม่ให้ดังไปมากกว่านี้
ยังดีที่ผมพกมือถือติดตัวไว้ตลอดเวลาถึงแม้จะไร้ประโยชน์ตอนอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่ในตอนนี้มันทำหน้าที่แทนไฟฉายที่เราสองคนส่องหากุญแจจากทุกซอกทุกมุมห้อง
นี่ก็หาจนทั่วแล้ว ผมไม่เห็นว่าจะมีกุญแจอย่างที่ไคบอก หมอนั่นก็คงจะไม่เจอเหมือนกัน
"แน่ใจเหรอว่าจุนมยอนเอาไว้ที่ห้องนี้" ผมหันไปถามเขาอีกรอบ ไม่สนใจว่าเขาจะทำหน้าเบื่อโลกขนาดไหน
"แน่ซะยิ่งกว่าแน่ จุนมยอนไม่เคยพกกุญแจไว้กับตัว เว้นเสียแต่ว่า..." ร่างสูงหยุดพูดกระทันหันเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้
"หรือว่าไออี้ฟานมันเอากุญแจไปแล้ว? ตอนนั้นก็เห็นมันรีบวิ่งออกไป"
"งั้นก็แสดงว่าอี้ฟานขับรถหนีไปแล้วน่ะสิ!"
"โธ่เว้ย!" ไคสบถอย่างหัวเสีย ผมเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเอายังไงต่อ เหมือนการหากุญแจครั้งนี้เป็นสิ่งสุดท้ายที่เราจะทำได้แล้ว
"ใจเย็นๆก่อน บางทีอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้ เราอาจจะหากุญแจไม่เจอเอง" ผมพูดเพื่อให้เขาสงบลงทั้งๆที่ตัวเองก็ใจเสียเหมือนกัน
"..."
ไคเงียบไปสักพักก่อนจะหันหน้ามาทางผมเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง มือหนาชี้ไปที่ประตูก่อนที่ผมจะอ้าปากถามอะไรออกไป เขาส่งสัญญาณบอกให้ผมเงียบ
ผมพยายามฟังเสียงข้างนอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันเป็นเสียงตึงตังที่มาจากชั้นล่างตามด้วยเสียงร้องตะโกนของใครบางคน แต่มันก็เบาเกินกว่าที่เราจะฟังรู้เรื่องว่าข้างล่างเกิดอะไรขึ้น เนื่องจากเสียงน้ำฝนจากข้างนอกที่กระทบกับหลังคาบ้านจนหูอื้อไปหมด
ด้วยความอยากรู้ปนหวาดระแวงทำให้ขาผมมันสั่งการให้เดินไปเอาหูแนบกับประตูห้องเพื่อที่จะรับรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นข้างนอก เสียงคนวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วชัดขึ้นเรื่อยๆ มันดังขึ้นๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงชัดเจน เมื่อเจ้าของเสียงนั้น..อยู่บนชั้นสอง!
"ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ช่วยด้วย"
ปัง! ปัง! ปัง!
ผมสะดุ้งเฮือกทันที เผลอผงะถอยหลังไปตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่เสียงนั่นเป็นเสียงของจุนมยอน และประตูห้องที่ทุบนั่นก็ไม่ใช่ห้องที่ผมกับไคอยู่ เป็นห้องใดสักห้องที่อยู่บนชั้นสอง และมันอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
"ใครก็ได้ ขอร้องล่ะ ช่วยที เปิดประตูให้ที ฮือออ"
ปัง! ปัง! ปัง!
จุนมยอนตะโกนร้องขอความช่วยเหลืออย่างเอาเป็นเอาตาย ฟังจากเสียงทุบประตูรัวๆที่ดังไม่หยุดนั้น คงจะกำลังหนีอะไรอยู่แน่ และคงจะไม่มีใครเปิดประตูให้เลย ไม่มีเลยจริงๆ...
"เซฮุน! ลู่หาน! เปิดประตูให้ฉันที ช่วยฉันด้วย!"
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงจุนมยอนใกล้เข้ามาทุกที เขาไล่ทุบประตูทุกบานที่เจอ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ ไม่มีใครสักคนเลยเหรอที่เปิดรับเขา ผมรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่มีใครหลับลง ทุกคนต้องหลบอยู่ในห้อง แต่ทำไม...
"ช่วย...ด้วย ฮือออ ขอร้องล่ะ"
กึก..
"อย่า.."
ไคห้ามผมหลังจากที่มือเผลอไปจับลูกบิดประตูโดยไม่รู้ตัว
"อย่าเปิดนะ อย่าเปิดเด็ดขาด" ผมหันไปหาเขาด้วยความไม่เข้าใจ
"แต่จุนมยอน.."
ปัง! ปัง! ปัง!
"!!!"
"ช่วยด้วย! ฮืออออ เปิดให้ฉันเข้าไปเถอะ ได้ยินมั้ย เปิดให้ฉันเข้าไป!!!"
คราวนี้เสียงทุบประตูกลับเป็นห้องที่พวกเราอยู่ จุนมยอนตะโกนอยู่ข้างหน้าผม มีเพียงบานประตูที่กั้นไว้เท่านั้น บานประตูสั่นสะเทือนด้วยแรงทุบจากข้างนอก มันดูเหมือนจะพังเสียให้ได้หากไม่ปลดล็อคตอนนี้
"จุนมยอน.." ผมเม้มริมฝีปากแน่น อยากจะเอื้อมมือไปหมุนลูกบิดนั่นแต่อีกใจก็กลัวในสิ่งที่ตามมา ไหนจะไคที่ห้ามผมเปิดอย่างเด็ดขาดอีก
ผมจะทำยังไงดี
"..."
"คยองซู"
ถ้าเปิดไปแล้วเราโดนฆ่าล่ะ ถ้ามันดักรออยู่หน้าประตูแล้วเข้ามาได้ล่ะ
แต่ถ้าไม่เปิด จุนมยอนก็คง...
ปัง! ปัง! ปัง!
"ขอ..ขอร้องล่ะ เปิดที"
"คยองซู เชื่อฉัน อย่าเปิด!"
"..." ยังไงซะ ผมก็เป็นคนจับลูกบิดประตู ทุกอย่างมันอยู่ที่การตัดสินใจของผม
กริ๊ก!
"จุนมยอน! เข้ามาเร็วๆเข้า"
ในที่สุดผมก็เผลอทำตามใจตัวเองจนได้ ด้วยความสงสารหรืออะไรก็แล้วแต่ ถือว่าผมยังมีจิตสำนึกอยู่บ้างก็แค่นั้น ผมแค่ไม่อยากทำตัวเหมือนพวกนั้น...คนที่ไม่ยอมเปิดประตูให้เขาเลย สักคนเดียว
จุนมยอนในสภาพที่น้ำตานองหน้า มีสีหน้าหวาดกลัวอย่างมาก ทันทีที่เห็นผมเปิดประตูให้ก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว ผมกำลังยื่นมือเข้าไปช่วยดึงให้เขาเข้ามาข้างใน
แต่ทว่ากลับมีใครบางคนดึงร่างบางของเขาออกไป
มันเป็นเงาดำๆของใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างหลังจุนมยอน!!!
"ช..ช่วยด้วย คยองซูช่วยด้วย!!"
"จุนมยอน!"
ผมทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้า จุนมยอนโดนลากออกไปต่อหน้าต่อตาโดยฝีมือของใครบางคน!! มันกระชากหัวเขาที่กำลังพยายามเกาะมือผมไว้ ก่อนจะทำอะไรกับเขาด้วยของบางอย่างในมือ
ปัง!
ไคปิดประตูทันทีก่อนที่จะได้เห็นภาพตรงหน้า มือหนาคว้าตัวผมที่แข็งทื่อให้มาอยู่กลางห้อง
"นายรู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรลงไป คยองซู!!!" ไคตะคอกใส่ผม แต่สมองผมตอนนี้มันไม่รับอะไรแล้ว ผมไม่รู้เรื่องว่าเขาพูดหรือด่าอะไรต่อจากนี้บ้าง หัวมันเบลอไปหมด ตัวผมสั่นเป็นเจ้าเข้า
มันไวมาก มันเกิดขึ้นไวมาก ผมเห็นมัน ผมเห็นมันลากตัวจุนมยอนไปกับตา มันฝังลึกในหัวของผม แววตาที่หวาดกลัวสุดขีดของเขา น้ำเสียงที่ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ
ผมช่วยอะไรไม่ได้เลย ผมมันไม่ต่างกับคนพวกนั้น...
"ฉัน..ฉันขอโทษ ฉันไม่ทันคิด ก็แค่อยากจะช่วยเขา" พยายามบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่น แต่มันก็ทำไม่ได้
ไคขยี้ผมตัวเองจนมันยุ่งเหยิงไปหมด ถึงแม้จะเห็นหน้าเขาไม่ชัดในความมืด แต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังอารมณ์เสีย
"..."
"เอาเถอะ โกรธไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา นายอย่าทำแบบนี้อีกก็แล้วกันคยองซู" เขาถอนหายใจ
"นาย..โกรธฉันมากเลยเหรอ" ผมก้มหน้า อดรู้สึกผิดไม่ได้ ดูเหมือนว่าผมจะเป็นคนก่อเรื่องให้เขาอีกแล้ว
"ก็โกรธเพราะเป็นห่วงนั่นแหละ ถ้าเมื่อกี้ฉันปิดประตูไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้"
"..." งั้นเหรอ...
เราเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนไคจะเป็นคนเริ่มพูดออกมา
"จริงๆแล้ว ฉันมีกุญแจรถอีกดอกนึงอยู่ในห้อง"
"!?" ผมเงยหน้ามองเขา หมายความว่า...
"แต่ไม่แน่ใจว่าจะเสี่ยงออกไปเอาดีรึเปล่า เพราะห้องฉันกับห้องไออี้ฟานอยู่ห่างกันมาก อย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าสี่ห้องคั่นกลาง" สีหน้าไคดูคิดหนัก เขาเป็นคนพูดเองว่าห้ามเปิดประตูเด็ดขาด คนอย่างเขาคงไม่คิดที่จะเสี่ยงออกไปอยู่แล้ว ผมคิดว่านะ
"ถ้างั้นฉันเป็นคนไปเอาเองก็ได้" ผมเสนอ
"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปเอง นายอยู่ที่นี่แหละ" ร่างสูงพูดสวนขึ้นมาทันควัน ฟังแล้วดูเหมือนต้องการจะตัดบทสนทนายังไงยังงั้น
"แต่..."
"นั่งรออยู่นิ่งๆห้ามออกไปไหน และห้ามเปิดประตูให้ใครเข้ามายกเว้นฉัน เข้าใจที่พูดใช่มั้ย"
"..."
ไม่รอผมพูดอะไรทั้งนั้น ไคหมุนลูกบิดประตูอย่างเบามือก่อนจะรีบหันหลังออกไป
ผมแค่..แค่กลัวที่ต้องอยู่คนเดียวเท่านั้นเอง
+++++++++++
ผ่านไปประมาณสิบนาทีแล้วที่ผมนั่งรอตามที่ไคบอก เสียงพายุฝนดังขึ้นเรื่อยๆจนหูอื้อไปหมด ผมคิดว่าถ้าต้นไม้แถวนี้แข็งแรงไม่พอก็คงโค่นล้มไปนานแล้ว ฝนบ้าอะไรตกได้นานขนาดนี้
เพราะฝนบ้าๆนี่ ทำให้พวกเราต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้..
กึก..
"คยองซู นี่ฉันเอง"
ผมรีบเปิดประตูทันทีเมื่อรู้ว่านั่นเป็นเสียงไค ที่มือเขามีกุญแจติดมาด้วย
"นายเจออะไรบ้างหรือเปล่า"
"ไม่เจอใครสักคนเลยด้วยซ้ำ มันเงียบมาก เงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย" เขาพูด และฟังจากเสียงข้างนอกก็เงียบอย่างที่พูดจริงๆ
มันเงียบจนดูผิดปกติ..
"บางที คนอื่นอาจจะหนีไปกันหมดแล้วก็ได้" ผมพูดเบาๆกับตัวเอง
"เอาเถอะ หนีหรือไม่หนีก็ต้องดูกันที่รถ ถ้ารถอยู่คนก็ยังอยู่ เพราะฉะนั้นก็รีบไปกันได้แล้ว"
"?" เมื่อเห็นผมยังเงียบ ร่างสูงจึงลากผมเข้ามาในห้องน้ำและชี้ทางที่พวกเราจะออกไป
แต่ว่า ทำไมถึงชี้ไปที่ช่องระบายอากาศข้างบนนั่น หรือว่าจะให้..
"ใช่แล้วล่ะ เราต้องออกไปทางนั้น เป็นทางเดียวที่ไม่ต้องเสี่ยงออกไปข้างนอกประตู" เขาพูดราวกับรู้ว่าผมกำลังคิดอะไร แต่ให้ตายเถอะ เราจะปีนออกไปได้ยังไงกับความสูงระดับสองชั้นของบ้าน ถ้าให้กระโดดลงไปก็ขาหักกันไปข้าง
"เลิกคิดมากน่า ฉันบอกว่าออกไปได้ก็คือได้ นายก็ตัวเล็กอยู่แล้ว แค่ต้องมีคนคอยช่วย"
"ซึ่งคนนั้นก็คือฉัน" ไคชี้หน้าตัวเองอย่างไม่รู้สึกอะไร แต่ความกดดันนั้นอยู่ที่ผมเต็มๆ หมายความว่าผมต้องเป็นคนแรกที่ปีนขึ้นไปสินะ
"..."
"จะยืนนิ่งอีกนานมั้ย นายกลัวอะไรมากกว่ากัน ระหว่างกระโดดลงไปแล้วเสี่ยงขาหัก กับโดนตัดหัวแล้วเอาไปไว้ในเครื่องซักผ้าน่ะ"
"อ..อย่าพูดเรื่องนั้นได้มั้ยเล่า" ได้ยินแล้วก็อดกำรอบคอตัวเองไม่ได้ เป็นใครใครก็ต้องเลือกอย่างแรก จริงมั้ย
"ถ้างั้นก็รีบๆปีนขึ้นไปเร็วเข้า"
น้ำเสียงกดดันนั่นทำให้ผมรีบก้าวขาขึ้นมาเหยียบบนถังชักโครก เสียงสั่นกึกๆของมันทำให้รู้สึกกังวลไม่น้อย ว่ามันอาจจะแตกเพราะน้ำหนักผมได้ในไม่ช้า
ช่องระบายอากาศนี้มีลักษณะเป็นกระจกบานเกล็ดทรงสี่เหลี่ยม ขนาดประมาณครึ่งนึงของหน้าต่าง ไคให้ผมใช้กุญแจทุบกระจกจนแตก แต่ทันทีที่ผมชะโงกหัวออกไปเห็นด้านล่าง ก็ต้องรีบหันกลับมาทันที
"ม..ไม่ไหวหรอก มันสูงไป"
ถึงแม้จะมีหลังคาของลานจอดรถที่ช่วยลดความสูงไปบ้างก็ตาม แต่ถ้ากระโดดลงไปผิดท่าก็ต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งหักแน่
"นายก็แค่เหยียบสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุดก่อน แล้วค่อยก้าวลงไปเหยียบสิ่งที่อยู่ข้างล่างลงมาเรื่อยๆ"
"แต่.."
"คยองซู! ไม่มีเวลาแล้วนะ นายต้องลงไปเดี๋ยวนี้"
"..!"
คำพูดของเขาทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าลืมอะไรไป ผมมาทำอะไรนี่ที่?
ผมเข้ามาในห้องนี้เพื่ออะไร?
ผมออกมาตามหาแบคฮยอนต่างหาก ไม่ใช่มาเพื่อที่จะหนี!!
"ไม่ ฉันไม่ไปแล้ว นายไปคนเดียวเถอะ" ความกลัวทำให้ผมลืมเรื่องเพื่อนไปชั่วคราว ภาพที่จุนมยอนโดนลากออกไปทำให้สมองสั่งการให้ผมหนีจนลืมไปว่าตอนนี้แบคฮยอนกำลังตกอยู่ในอันตราย
"ว่าไงนะ"
"ฉันจะไม่ไปไหนถ้าแบคฮยอนยังอยู่ที่นี่ เพราะฉะนั้นนายหนีไปก่อนเถอะ"
"นี่จะบ้าหรือไง ก็บอกไปแล้วว่าให้นึกถึงตัวเองก่อน จำตอนที่ช่วยจุนมยอนไม่ได้เหรอ นายช่วยเขาไม่ได้!" ไคยื้อแขนผมไม่ให้ปีนกลับมาที่พื้น
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายเล่า! ฉันก็แค่จะช่วยเพื่อน นายอยากนึกถึงตัวเองก็ปีนออกไปเลย ไม่ต้องสนใจฉัน"
"..." เขาสบถกับตัวเองโดยที่ผมไม่ได้ยิน ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับกำลังควบคุมอารมณ์
"ที่พูดนี่ไม่เข้าใจใช่มั้ย นายไม่คิดเหรอว่าทำไมฉันให้นายออกไปก่อน ทำไมฉันไม่หนีไปตั้งแต่แรก ถ้าไม่มัวแต่ช่วยนายน่ะ!"
"..."
"ก็บอกแล้วไงว่าเราต้องออกไปพร้อมกัน"
"แต่ว่าแบคฮยอน.."
ทำไมเขาต้องหัวเสียทุกครั้งด้วยที่ผมพยายามจะช่วยคนอื่น มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ หรือผมทำอะไรผิดไป
"ก็ได้"
"?"
"ฉันจะไปตามหาแบคฮยอนให้เอง นายออกไปรอที่รถก่อน"
"นี่นาย..พูดจริงเหรอ" ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง คนอย่างเขาน่ะเหรอ
ทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกับแบคฮยอนเป็นการส่วนตัวด้วยซ้ำ..
"ฉันบอกจะช่วยก็คือช่วย แต่ถ้าหาทั่วแล้วยังไม่เจอก็ตัวใครตัวมันแล้วนะ"
"นายต้องเข้าไปนั่งรอในรถ อย่าให้ใครรู้ว่านายหลบอยู่ในนั้น ต้องทำอย่างเงียบที่สุด นั่งนิ่งๆจนกว่าฉันจะกลับมา" ผมพยักหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิด แค่ไคบอกว่าจะช่วยตามหาให้ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง
ผมค่อยๆปีนลงมาข้างล่างตามที่เขาสั่ง เราหันมองกันเพียงแวบเดียวก่อนต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันทำในสิ่งที่ต้องทำ
"..."
'ฉันบอกว่าจะตามหาให้ ไม่ได้หมายความว่าจะตามหาให้ถึงที่สุด'
'เพราะแบคฮยอนเป็นเพื่อนนาย แต่ไม่ใช่เพื่อนของฉัน...คยองซู'
+++++++++++
[Part kai]
ร่างสูงไม่แน่ใจว่าคิดดีหรือเปล่าที่บอกคยองซูไปแบบนั้น แต่ในตอนนั้นก็คิดแค่ว่าจะต้องพูดให้คยองซูหนีล่วงหน้าไปก่อน โดยลืมผลที่ตามมาซะสนิทว่าจะทำตามอย่างที่พูดได้หรือเปล่า
ไคยืนนิ่งอยู่หน้าประตูพักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจก้าวออกไปจากห้อง ทุกอย่างยังคงเงียบเชียบ ไม่มีเสียงฝีเท้า ไม่มีเงาของใครทั้งนั้น มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัวของเขาเอง เขาไม่ได้คิดเผื่อไว้ถึงเรื่องนี้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป รู้เพียงแค่ว่าต้องรีบเดินดูให้ทั่วจะได้จบๆไป
ร่างสูงไม่คิดอยู่แล้วว่าจะหาเพื่อนคยองซูเจอ มันก็แค่คำตอบรับส่งๆเพื่อให้ร่างบางตัดสินใจได้เร็วก็เท่านั้น แต่อย่างน้อย ที่แรกที่ควรหาก็น่าจะเป็นห้องนอนของแบคฮยอน
เมื่อเดินมาถึงชั้นล่างก็รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง มันเป็นแค่ความรู้สึกเท่านั้น แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองเดาอะไรไม่เคยพลาด อย่างน้อยๆเสียงนั่นก็ทำให้รู้ว่าไม่ได้คิดไปเอง เสียงการกระทำบางอย่างที่อยู่ห่างออกไป
แอด..
"แบคฮยอน" ไคแง้มประตูห้องนอนของทั้งคู่ แต่ก็มีเพียงความเงียบเท่านั้น
ในเมื่อไม่อยู่ในห้องตัวเอง ก็อาจจะเป็นห้องคนอื่นก็ได้ แต่ถ้าจะให้ไล่เคาะห้องคนอื่นก็ยังไงอยู่ นอกเสียจากต้องเรียกรวมตัวทุกๆคน แต่ใครจะกล้าออกมาล่ะจริงมั้ย ในสถานการณ์แบบนี้ ถ้าเป็นตัวเขาเอง ก็ไม่ต่างไปจากคนอื่นๆสักเท่าไร จะมีก็แต่คยองซูนั่นแหละ ที่ใจกล้าเปิดประตูช่วยจุนมยอนแบบนั้น
นึกถึงจุนมยอนแล้ว ก็อดคิดไม่ได้ ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง หลังจากโดนลากออกไปครั้งนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องอะไรอีกเลย
หรือจะเป็นเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นี้?
มันกำลังทำอะไรกับจุนมยอนกันแน่
กึก...
"...!"
มีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังเขา!
ร่างสูงหยุดเดินทันที ความรู้สึกเวลามีใครยืนอยู่ข้างหลัง ใครๆก็รู้สึกได้ เพียงแต่ยังไม่กล้าหันไปเท่านั้น หากเป็นคนเดียวกับคนที่ลากจุนมยอนไปจริง มันต้องมองไม่เห็นในความมืด เขาเชื่อว่าความคิดของตัวเองนั้นถูกต้อง หากคิดจะเสี่ยงก็ต้องลองดู
ยังไงๆเขาก็เป็นผู้ชายนี่...เรื่องกำลังคงไม่เป็นรองใคร
ถ้าอย่างนั้น...
ฟุ่บ!
"เฮ้ย"
"แกเป็นใคร บอกมานะ!" ไคหันไปล็อคคอบุคคลปริศนาจากด้านหลัง แต่ทว่าน้ำเสียงที่ตอบกลับมากลับเป็นน้ำเสียงที่คุ้นเคย
"โอ๊ยย นี่ฉันเอง เซฮุน" คนโดนกระทำร้องโอดโอยจนร่างสูงต้องรีบปล่อยด้วยความตกใจ เซฮุนกำรอบคอด้วยความเจ็บ
"นายมาทำอะไรที่นี่ ฉันคิดว่าเป็นฆาตกรซะอีก" เขาถาม
อย่างน้อยก็ยังพอรู้สึกโล่งใจอยู่บ้างที่คนๆนั้นไม่ใช่คนที่เขาคิด แต่เป็นเซฮุนที่ทำหน้าตื่นตกใจแทน
"หมายความว่าไง ฆาตกรอะไร? นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก!?"
"นี่นายไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น"
"ฉันรู้แค่ว่าไฟมันดับ ลู่หานเลยให้ฉันออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ไม่เห็นมีใครอย่างที่นายว่า"
เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง หรือว่ามีแค่เขากับคยองซูที่รู้เรื่องนี้!? ถ้าไม่นับจุนมยอนแล้ว ก็คงไม่มีใครโดนอะไรเลยถึงได้ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกัน ต่างกับเขาและคยองซูที่ต้องหนีกันเอาเป็นเอาตาย
เขาควรบอกเรื่องจุนมยอนให้เซฮุนรู้ดีหรือเปล่า
ถ้าบอกไป ทุกคนก็จะต้องตื่นตระหนกและหาทางเอาตัวรอดกันจนวุ่นวายไปหมดแน่
หรือเขาควรปล่อยให้รู้เรื่องกันเอง...อย่างงั้นสินะ
"เฮ้ เงียบไปเลย เป็นอะไรหรือเปล่า" เซฮุนโบกมือผ่านหน้าเขาไปมาเพื่อเรียกสติ
"เปล่าหรอก ว่าแต่สรุปแล้ว ทำไมไฟถึงดับล่ะ"
"ที่คัทเอาท์ก็ไม่มีอะไรผิดปกตินะ คงเป็นเพราะฝนตกหนักจนไฟดับแหละ เดี๋ยวก็คงมา"
"อ๋อ...อืม" ดูเหมือนไคจะเข้าสู่โหมดเงียบอีกครั้ง ร่างสูงเลยพูดตัดบทสนทนา
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวไปหาลู่หานก่อนนะ หายไปนานเดี๋ยวก็โกรธเอา รายนั้นยิ่งง้อยากๆอยู่ด้วย" เซฮุนที่ไม่รู้เรื่องอะไรก็เตรียมหันหลังเดินขึ้นชั้นสองไป แต่ติดที่มือหนาของไครั้งไว้ก่อน
"ด..เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป อยู่เป็นเพื่อนฉันก่อน"
เจอเพื่อนร่วมทางแล้วจะปล่อยไปง่ายๆได้ยังไงกันล่ะ!
สองหัวยังไงก็ยังดีกว่าหัวเดียว..
"เป็นอะไรของนายเนี่ย! พูดแปลกๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว สรุปว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
"จะให้ฉันเล่าจริงๆหรือเปล่าล่ะ เหอะ" เขาสบถในลำคอ เซฮุนที่ตอนนี้ยังไม่เข้าใจกับสถานการณ์เท่าไรนักก็พอรู้ว่าที่ไคพูดถึงมันคืออะไร แต่แค่ยังไม่ปักใจเชื่อเท่านั้นเอง
"ว่าแต่นายเห็นแบคฮยอนบ้างหรือเปล่า"
"ไม่เห็นเลยตั้งแต่ตอนเย็น นายตามหาหมอนั่นอยู่เหรอ" ร่างสูงพยักหน้าแทนคำตอบ ก่อนเซฮุนจะชี้ไปทางหลังบ้าน
"ฉันได้ยินเสียงกุกกักอยู่แถวๆนั้นอะ แต่ไม่ได้เดินไปดู"
"นายลองไปดูเองก็แล้วกัน อาจจะเป็นแบคฮยอนก็ได้ ฉันไปก่อนละ" พูดจบก็รีบหันหลังเดินออกไป โดยที่ไคยังไม่ทันได้อ้าปากรั้งไว้ด้วยซ้ำ
"สุดท้ายก็ต้องหาคนเดียวอยู่ดีสินะ" เขากำมือแน่น ลืมไปเสียสนิทว่ายังมีแผลที่หลังมืออยู่เป็นรอยทางยาว
ร่างสูงเดินมาตามทางที่เซฮุนบอก แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะหันซ้ายหันขวาเพื่อระวังตัวเองไว้ หากมีใครหลบอยู่หลังประตูแล้วเขาเปิดเข้าไปล่ะก็โดนเล่นงานแน่ เพราะลำพังตัวเองตอนนี้ไม่มีอะไรเป็นอาวุธป้องกันเลย ต่อให้สิ่งที่เขาคิดมันถูก เรื่องที่คนๆนั้นมองไม่เห็นในความมืดก็ตาม แต่ถ้ามันหลบอยู่หลังประตูเพื่อรอจังหวะ จะมองเห็นไม่เห็นก็เสียเปรียบมันอยู่ดี
ไคเดินมาถึงห้องครัวที่มืดสนิท แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร จะมีก็เพียงแต่ความรู้สึกต่อห้องที่อยู่ถัดจากห้องน้ำเท่านั้น และแน่นอนว่าเขาเชื่อมั่นในความรู้สึกนั่น มันต้องมีอะไรผิดปกติ หรือแบคฮยอนอาจจะอยู่ในนั้น
"แบคฮยอน"
เขาทดลองพูดหน้าประตูห้อง แต่เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่คำพูด เป็นเสียงขยับตัวที่ดังขึ้นแทน ราวกับเสียงนั่นตอบรับคำเรียกของเขา
หรือว่าข้างในนั้นจะเป็น..
"ขอโทษนะไค"
"..!!"
ตุ๊บ!
"..."
+++++++++++
[Part kyungsoo]
นี่มัน...อะไรกันเนี่ย!!!
จากที่คิดว่าลานจอดรถจะว่างเปล่า กลับมีรถทุกคันจอดอยู่ที่เดิม ไม่มีคันไหนที่หายไปรวมถึงรถของจุนมยอนด้วย แต่ที่ผมตกใจไม่ใช่จำนวนของรถ แต่เป็นล้อรถที่ถูกเจาะยางต่างหาก!
รถทุกคัน ล้อทั้งสี่ล้อ..ไม่เหลือหนทางไว้ให้หนีรอดเลย
จุดประสงค์ของมันคือต้องการไม่ให้พวกเราหนีไปอย่างนั้นเหรอ
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!!
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องทำตามที่ไคบอก อย่างน้อยก็ต้องเข้าไปหลบในรถเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง ผมเสียบกุญแจด้วยมืออันสั่นเทา ยิ่งสั่นเท่าไรก็ยิ่งเสียบไม่ตรง ผมควบคุมความกลัวไว้ไม่ได้ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม
เคร้ง..
ก..กุญแจหล่นอีกแล้ว หล่นเป็นรอบที่สองหลังจากที่ผมพยายามจะห้ามไม่ให้มือมันสั่น ยิ่งรีบก็ยิ่งไม่ได้ดั่งใจ ผมนี่มัน..ไม่เอาไหนเลยจริงๆ
กว่าจะเข้ามาในรถได้ก็เสียเวลาไปร่วมหลายนาทีเลยทีเดียว ผมนั่งกอดเข่าอยู่บนเบาะข้างๆคนขับที่ว่างเปล่า เนื้อตัวที่เปียกซกเนื่องจากเพิ่งวิ่งฝ่าฝนมาทำให้เบาะที่ผมนั่งเปียกไปด้วย ความหนาวเริ่มทำให้ตัวผมสั่นอีกครั้ง อีกนานแค่ไหนไม่รู้กว่าที่ไคจะกลับมา แต่เขาต้องกลับมาแน่..กลับมาพร้อมกับแบคฮยอน
"อ๊ะ.." เมื่อมองออกไปรอบๆนอกหน้าต่างรถ สายตาผมก็สะดุดเข้ากับอะไรบางอย่างดูคล้ายกับ..กระเป๋า กระเป๋าใบนั้นดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนผมเคยเห็นที่ไหนสักที่ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
มันถูกวางทิ้งไว้ห่างจากรถราวๆห้าเมตร ดูเหมือนเจ้าของจะไม่ได้ตั้งใจทิ้งไว้ คงจะหลุดจากมือมากกว่า เพราะถ้าจะทิ้งคงไม่วางไว้เกะกะอย่างนี้
กระเป๋าของใครกัน...
ปึง!!!
"เฮือก!!"
ล..เลือด! มือของใครบางคนที่เปื้อนเลือดทาบกับหน้าต่างรถจนมันเกิดเสียงดัง!!
มือนั่นลากลงมาจนสุดขอบอย่างช้าๆก่อนจะหายไปโดยทิ้งรอยเลือดเป็นรูปฝ่ามือเอาไว้ที่กระจกรถฝั่งผม มันทำสติผมแตกกระเจิง
เลือดนั่น..เลือดนั่นถูกเขียนทับโดยฝีมือของใครบางคนที่อยู่ข้างนอก
มันเขียนเป็นตัวอักษร A อย่างช้าๆ...
***
อิ้อิ้ ขอหลบแปป เกิบรีดต้องเขวี้ยงมาแน่ อ๊ากก >0<
กี่เดือนหว่าไม่ได้อัพ แหะๆ แบบว่าติดอนิเมะชนิดที่ว่าเข้าส้วมยังต้องเอาไปดูด้วย << นี่คือข้อแก้ตัว
แล้วแชปนี้ก็ออกมากากเหมือนเดิม งืม ขอโทษทุกคนน้า ._.
อ่อ แล้วก็ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจเนื้อเรื่องนะ อ่านแล้วมันดูขัดๆไปบ้าง บางทีอาจจะไม่ใช่ที่คิดก็ได้ เห็นคอมเม้นบางคนซีมากเลย แฮร่ อย่าคาดหวังกับไรท์ไว้สูง เดี๋ยวจะเจ็บนะค้าบ เรื่องนี้ปมเยอะ แต่จะแก้ปมให้มั้ยต้องขอดูก่อน ..
ความคิดเห็น