ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #24 : SCHOOL : CHAPTER20 [END]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.19K
      41
      25 ก.ย. 56

    CHAPTER20 

     

    "คุณหนูคะ ได้เวลาแล้วนะคะ"  

    "..."  

    "คุณหนู! ตื่นได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะสายนะคะ" 

    "!!!" เสียงแหลมๆของแม่บ้านทำให้ผมต้องลืมตาโพลงและตื่นจากความฝันในที่สุด เม็ดเหงื่อมากมายผุดออกมาจากใบหน้า ภาพก่อนๆในฝันยังไม่หายไป นี่ผมฝันเรื่องราวแบบนี้มากี่วันแล้วนะ นับตั้งแต่ตอนนั้นที่ผมเปิดปากเล่าเรื่องให้ผู้อำนวยการฟังเป็นคนแรก ผมเล่าแค่ถึงตอนที่ชานยอลกำลังจะยิงคยองซูเท่านั้น หลังจากที่ผู้อำนวยการเปิดปากถามถึงตัวแทน สารวัตรจอร์นก็เข้ามา เขาเอ่ยปากไล่ผู้อำนวยการแบบอ้อมๆ ก่อนจะให้ทางบ้านพาผมกลับบ้านแล้วนัดเวลาในการขึ้นศาลมาให้ ซึ่งก็คือวันนี้ 

    เรื่องราวในฝันนั้นยังไม่จบหรอกนะ มันยังมีหนึ่งปริศนาที่ผมต้องคลาย หลังจากตอนนั้นที่ผมเผาห้องสมุดและทุบกระจกออกมา ภาพเหตุการณ์ที่นามิตายก็ทำให้ผมสงสัยเขา ใช่ ผู้อำนวยการนั่นล่ะ 

    ก่อนจะเช้านามิได้ทิ้งท้ายกับผมไว้ พร้อมกับภาพเหตุการณ์ที่เธอตั้งใจเปิดเผยออกมาเอง หลังจากนั้นผู้อำนวยการก็เดินเข้ามา และแน่นอนว่าข้าวของในห้องสมุดเสียหายไปกว่าครึ่ง เชื้อเพลิงที่มีเยอะทำให้การแผดเผาใช้เวลาไม่นาน ทันทีที่ผมเห็นหน้าเขาผมก็แทบบ้าเลยล่ะ ใครจะคิดว่าคนที่โผล่เข้ามาในหัวผมบ่อยๆและมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะเดินเข้ามาหาผมตัวเป็นๆ และแน่นอนว่าผมปฏิเสธความหวังดีนั้น จนเขาต้องลงมือโทรตามตำรวจ ถึงผมไม่อาละวาดเขาก็ต้องโทรอยู่แล้วล่ะ ภายในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงผู้คนมากมายก็พากันมาออรอบๆบริเวณโรงเรียน มีตำรวจกระจายอยู่เต็มไปหมด ผมถูกควบคุมตัวโดยนายตำรวจท่านหนึ่งที่ดูภูมิฐานและอายุน้อย ไม่น่าจะเกินสามสิบหรอกถ้าให้เดา ทันทีที่ผมเห็นเขาผมก็อารมณ์เย็นลงมาก ไม่รู้ว่าทำไม แต่ในความรู้สึกแล้ว ผมว่าผมไว้ใจเขาได้นะ ไม่มากก็น้อยล่ะ ส่วนเรื่องครอบครัวผมนั้น แน่นอนว่ารีบบึ่งมาทันทีที่รู้ข่าว แม่บ้านคิมที่เป็นภรรยาของพ่อบ้านบอกว่าพ่อบ้านสงสัยตั้งแต่ผมไม่กลับบ้านแล้ว โทรไปก็ไม่ติด เลยตั้งใจจะขับรถไปหาที่โรงเรียน แต่มาได้ครึ่งทางเท่านั้นรถกลับประสานงาเข้ากับรถบรรทุก เกิดการสูญเสียโดยไม่ได้ตั้งใจ กว่าคนที่บ้านจะรู้ก็รุ่งเช้าเสียแล้ว คนอื่นๆก็เช่นกัน ทุกคนพยายามมาตามหาลูกที่โรงเรียนแต่ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทาง  

    ผมลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวอย่างเชื่องช้า เหตุการณ์คืนนั้นทำให้ผมเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ทำให้เข็มแข็งขึ้นและมีความคิดมากขึ้น ในทางกลับกันก็ได้ข้อคิดเช่นกัน  

    "ทำใจให้สบายนะคะ ป้าเชื่อว่าคนเลวจะต้องได้รับผลกรรม" แม่บ้านคิมบอกกับผม แน่นอนว่าผมบอกคนในบ้านทุกอย่างที่รู้มา และคนร้ายจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้อำนวยการคนนั้น  

    ที่ผมเล่าให้เขาฟังก็เพราะว่าอยากลองดูเท่านั้น อยากดูสีหน้าท่าทางว่าจะเป็นยังไง แต่ผลกลับไม่เป็นอย่างที่คาด นอกจะผู้อำนวยการจะไม่ลนลานแล้วยังทำเหมือนจับผิดผมอีก ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนก่อเรื่องแท้ๆ  

    "เดี๋ยวป้าให้จุนเฮขับรถไปส่งนะคะ"  

    "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปเอง"  

    ปฏิเสธความหวังดีของป้าที่จะให้หลานชายตัวเองขับรถไปส่ง อันที่จริงมันก็มีค่าเท่ากันอยู่แล้ว ต่อให้เดินไปผมก็ต้องทำ ยังไงก็หลีกเลี่ยงสิ่งที่จะเกิดไม่ได้ ผมทำใจมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะ ผลสุดท้ายเรื่องจะจบยังไงแต่ผมก็ยังยืนยันได้ว่าเขาเป็นฆาตกร หึ ดูอย่างตอนที่ผมทำเป็นคลุมคลั่งแล้วตีสีหน้าเจ็บปวดเล่าเรื่องให้เขาฟังสิ ใบหน้านั้นดูไม่สะท้านเลยแม้แต่น้อย สายตาแบบนั้นที่มองมาเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่ใช่แววตาที่ดูร้าย ผมไม่เข้าใจเขาจริงๆ 

    'RRRRRRR' 

    "หืม?" 

    ขณะที่กำลังเดินทางไปศาลตามกำหนดโทรศัพท์ก็ดันแผดเสียงขึ้นมาซะก่อน ถ้าเป็นคนอื่นผมจะไม่ลำบากใจขนาดนี้ แต่นี่ดันเป็นเบอร์ของ 'ผู้อำนวยการ' ที่ผมเมมไว้เมื่อหลายวันก่อน 

    ชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจจอดรถข้างทางและกดรับมัน  

    "สวัสดีครับคิมจงอินพูดครับ"  

    'จงอิน นี่ฉันเองนะจำได้หรือเปล่า' 

    "ครับ จำได้ครับ ผมเมมเบอร์ผู้อำนวยการไว้เมื่อหลายวันก่อน" 

    'งั้นก็ดี พอดีว่าฉันมีธุระอยากจะคุยกับนายนิดหน่อย พอจะมีเวลาว่างมาเจอกันหน่อยมั้ย' 

    "..." 

    รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคนั้น ผมไม่รู้จะตอบว่ายังไง ในเมื่อคนที่ผมสงสัยว่าเป็นคนร้ายเรียกตัวไปคุย เป็นคุณคุณจะกลัวหรือเปล่า ถึงแม้ว่าจะคุยธรรมดาแต่ยังไงมันก็รู้สึกไม่ดี 

    'ว่ายังไง พอจะมีเวลาพบกับผมสักสิบห้านาทีได้ไหม' 

     

    สิบห้านาทีงั้นเหรอ... 

     

    --School Horror-- 

     

    "ขอบคุณที่มาตามนัดนะ" 

    ชายวัยกลางคนทำทียกข้อมือตัวเองขึ้นมาดูเวลาแล้วเงยหน้ามองผม เขานัดผมให้มาหาทันทีที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง มันค่อนข้างเงียบและไร้ผู้คน เพราะปกติผู้คนจะเลือกจอดรถชั้นสองมากกว่า ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาไม่นัดคุยในร้านอาหารหรือสถานที่ที่มันดูดีกว่านี้  

    "มีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ"  

    "มีสิ มีแน่" ผู้อำนวยการจ้องผมเขม็ง สายตาดุดันแบบนั้นทำผมเกร็ง 

    "..." 

    "รีบพูดมาเถอะครับ ผมต้องขึ้นศาลวันนี้"  

    "อ่า จริงสินะ ฉันลืมไปเลย"  

    ท่าทีของเขาดูใจเย็นจนผมเริ่มหงุดหงิด เขาต้องการจะบอกอะไรกันแน่  

    "อย่างแรกที่ฉันจะพูด...เรื่องนามิ"  

    "ครับ?" ผมตีหน้าซื่อและขมวดคิ้วสงสัย ในใจเริ่มหวั่นๆว่าคนตรงหน้านี้จะทำอะไร 

    "นายจำวันนั้นได้มั้ยจงอิน นายยังเล่าให้ฉันฟังไม่จบ สารวัติจอร์นเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน ฉันอยากรู้ว่าสุดท้ายแล้ว..."  

    "สุดท้ายแล้วใครเป็นตัวแทนน่ะเหรอครับ" ผมพูดดักคอ  

    "เปล่าๆ ฉันแค่อยากถามว่าก่อนที่ฉันจะมาเจอนายน่ะ สุดท้ายแล้วนายเจอศพนามิมั้ย" 

    "เจอสิครับ..." 

    ใช่ ผมไม่มีวันลืมภาพเหตุการณ์นั้น มันจำติดตาไปตลอดชีวิต เป็นภาพที่สยดสยองที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ภาพของขาที่อยู่อีกฝั่ง แขนอยู่อีกฝั่ง และหัวอยู่อีกฝั่ง... ศพของนามิแยกออกจากกัน  

    แต่เปล่าหรอก ผมไม่ได้เห็นของจริง มันเป็นภาพในหัว ของจริงคงจะไม่เหลือซากแล้วล่ะตอนนี้ แต่ที่แน่ๆศพในโรงเรียนนั้นของจริงแน่ และคนที่จัดเก็บศพพวกนั้นไว้ในห้องจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนตรงหน้านี้ ผู้อำนวยการรู้มาตลอด เป็นคนฆ่าหั่นศพนามิและคอยเก็บศพนักเรียนในโรงเรียนที่นามิฆ่า  

    "งั้นเหรอ..แล้ว..." 

    "ผมว่าผอ.เลิกทำเป็นไม่รู้สักทีเถอะครับ! 

    "..." 

    ผมตัดสินใจพูดออกไป ยังไงซะเรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้วจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องยอมรับมัน ในกระเป๋าเสื้อผมมีมือถือที่ตั้งบันทึกเสียงไว้แล้ว ผมต้องการรู้วันนี้และตอนนี้ ในเมื่อคนร้ายคือเขา ผมนี่แหละจะเป็นคนเปิดโปงมันเอง ถึงแม้ว่าจะไม่่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดไปที่ศาลหรือเปล่าก็ตาม 

    คนตรงหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างใจเย็น แต่ในความคิดผมผมว่าเขากำลังข่มอารมณ์มากกว่า ปากหนาพ่นควันสีขุ่นใส่หน้าผมอย่างไม่เกรงใจ  

    "แค่กๆ" ผมเอามือป้องปากสำลักน้ำหูน้ำตาไหล ร่างท้วมพ่นควันครั้งสุดท้ายก่อนจะทิ้งบุหรี่ลงพื้นและใช้เท้าบดขยี้มัน 

    "ฉันว่าแล้วว่านายต้องรู้" 

    "ครับ..." ผมมองสายตาอันว่างเปล่าของเขาและตอบเสียงเรียบ 

    "ฉันไม่รู้ว่านายไปรู้อะไรมา แต่ฉันเตือนด้วยความหวังดีว่าอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้เลยดีกว่า" 

    "เรื่องอะไรครับ?" 

    "ไอที่มันเป็นปริศนาอยู่แล้วก็ปล่อยให้มันเป็นปริศนาต่อไปเถอะ ยิ่งนายขุดคุ้ยมันมากเท่าไรมันยิ่งแย่มากเท่านั้น" 

    "เมื่อนายรู้ความจริงแล้วผลเสียนั้นจะสะท้อนกลับมาหาตัวนายเอง" 

    "อย่าคิดช่วยคนที่ไม่รู้จักบุญคุณ แล้วนายจะทำคุณบูชาโทษ เชื่อฉัน..."  

    "..." 

    สิ้นคำพูดนั้นร่างท้วมก็หันหลังแล้วเดินกลับไป ปล่อยให้ผมยืนงงและไม่เข้าใจกับจุดประสงค์ที่เขาตั้งใจจะบอกผม หมายความว่าเขารู้? เขารู้ว่าผมสงสัยเขา แต่ทำไม... เขาเตือนผมด้วยความหวังดี หรือจ้องจะปิดปากผมกันแน่ ภายในวันนี้ผมต้องรู้เรื่องทั้งหมดให้ได้ 

    50% 

     

    'RRRRR'  

    "ฮัลโหลครับ" 

    'คุณจงอินครับ ใกล้จะถึงเวลาแล้วนะครับ'  

    เสียงปลายสายทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าต้องทำอะไรต่อไป ถึงแม้ทนายความประจำบ้านผมคนนี้จะเนี้ยบและนิ่งแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยเป็นฝ่ายโทรมาตามเอง แสดงว่าต้องไปคุยที่นู่นอีกสินะ 

    "ครับ ผมกำลังจะไปแล้ว" เมื่อวางสายเสร็จก็รีบขึ้นรถและขับออกไปจากตรงนั้น 

    ทุกคนคงสงสัยใช่มั้ยล่ะครับว่าผมมาถึงจุดๆนี้ได้อย่างไร ถึงจะอธิบายไปแล้วข้างต้นแต่มันก็ยังไม่ชัดเจนพอ ที่พวกคุณเห็นผมอย่างนี้คงคิดว่าเรื่องจะจบด้วยดีแล้วผมจะแฮปปี้ล่ะสิ คำตอบคือไม่เลย 

    นามิยังลอยนวลอยู่ ใช่ ผมคิดว่าอย่างนั้น หลังจากที่ผมเผาห้องสมุดนั้นเสร็จก็แทบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย มันก็แค่เช้า เอาง่ายๆก็คือผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในโรงเรียนและเริ่มเห็นสภาพที่เน่าเฟะนั่นล่ะ เริ่มตั้งแต่ศพแบคฮยอนที่อยู่บนรั้ว เนื่องจากผมผลักตกลงไป แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมตอนตำรวจเช็คสภาพที่เกิดเหตุ ชานยอลกับแบคฮยอนถึงลอยอยู่บนสระน้ำกันทั้งคู่ แต่ถึงยังไงผู้อำนวยการก็มาเห็นผมเป็นคนแรก 

    ก่อนนามิจะหายไปเธอได้ทิ้งท้ายกับผมไว้ด้วยประโยคที่ทำให้ผมต้องระแวงมาจนถึงตอนนี้ 

    'จำไว้ว่ามึงเป็นตัวแทนของกูแล้ว สักวันมึงต้องตาย มึงหนีกูไม่พ้นหรอก หึหึ' 

    ซึ่งประโยคนี้ผมไม่ได้เอาไปเล่าให้ใครฟังเลย ไม่ใช่ว่าผมไม่กลัวกับคำขู่นั้น ผมกำลังหาทางเอาชีวิตรอดอยู่ต่างหาก อีกไม่นานผมจะไปอยู่กับพ่อที่ต่างประเทศ ผมจะทิ้งเรื่องทุกอย่างไว้เบื้องหลัง แต่ก่อนที่จะไป ผมต้องสะสางเรื่องคดีให้เสร็จสิ้นก่อน และที่ผมไม่ทุกข์ร้อนอะไรนั้นก็เป็นเพราะว่าผมมั่นใจเต็มที่ว่าทนายคนนี้จะพาผมรอดคดีมาได้ ผมเชื่อใจเขานะ อย่างน้อยก็อยู่กับครอบครัวเรามาหลายปี  

    ส่วนเรื่องผู้อำนวยการ หึ 

    ผมควรจะเชื่อคำที่เขาบอกหรือจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งอีกเป็นครั้งที่สองดีล่ะ? 

    ทั้งๆที่คิดว่าเรื่องจบตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ผมก็วรจะหนีไปให้ไกล ปล่อยให้กฏแห่งกรรมจัดการเอง ไม่แน่ผู้อำนวยการอาจจะโดนนามิฆ่าก็ได้ ใครจะไปรู้ ผมยังยืนยันกับตัวเองไม่ได้หรอกว่าต้องเลือกทางไหน  

    แต่วันกำหนดไปต่างประเทศของผมคือสัปดาห์หน้า 

    เพราะฉะนั้นเส้นตายก็คือวันนั้น ตอนนี้ผมทำได้แค่ขึ้นศาลและปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทนายความ 

    ผมควรตั้งสติแล้วเดินหน้าต่อไปสินะ กว่าจะข้ามผ่านมายังจุดนี้ได้ไม่ใช่เล่นๆเลย 

    แต่ทว่า... 

    "!!!" 

    "เฮ้ยย!" 

     

    เอี๊ยดดดดดด 

    ตู้มมมมมมม! 

     

    "..." 

     

    --School Horror-- 

     

    ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล รอบตัวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเหล่าพยาบาล เมื่อขยับร่างกายเตรียมจะลุกขึ้นก็ต้องล้มลงไปนอนอีกครั้งด้วยความเจ็บ รู้สึกหนักอึ้งที่หัวและเจ็บแปลบบริเวณไหปลาร้า พยาบาลคนหนึ่งกดตัวผมให้ล้มลงนอนและไม่ให้ขยับไปไหน 

    "เป็นยังไงบ้างคุณ" เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นเดินเข้ามาหาผม ผมได้แต่ส่ายหน้าไปให้ 

    "คุณโชคดีมากรู้ไหมที่เป็นแค่นี้ เพราะรถของคุณตอนนี้ระเบิดเป็นที่เรียบร้อย" 

    "ว่าไงนะครับ! แล้ว..แล้วทำไมถึงเป็นอย่างนั้น" ผมแทบจะลืมความเจ็บเมื่อรู้ว่ารถคันเก่งของตัวเองไม่เหลือซาก แต่ที่ตกใจน่ะคือสาเหตุมากกว่า  

    ผมจำได้ว่าขับรถมาอยู่ดีๆศรีษะโชกเลือดก็ปลิวมากระแทกกระจกหน้ารถเต็มๆ ดวงตาขาวโพลนมองผมราวกับต้องการจะเอาชีวิตไป เลือดสีแดงสดกระเซ็นเปื้อนไปทั้งกระจกจนมองไม่เห็นทาง ผมตกใจเลยหักเลี้ยวรถเข้าข้างทาง แต่พอดีว่าตอนนั้นผมอยู่เลนกลาง พอหักเลี้ยวซ้ายไปก็เจอะกับรถแก๊สที่ขนาบข้างอยู่พอดี หลังจากนั้นงั้นเหรอ...ผมคงจะหมดสติไปละมั้ง แต่ผมว่าไม่นะ 

    "จากการคาดการณ์จากสถานที่เกิดเหตุ คุณควรจะติดอยู่ในรถและถูกไฟคอกไปตั้งแต่แรก" 

    "..." 

    "แปลกนะครับที่ผู้เห็นเหตุการณ์ระแวกนั้นบอกว่ารถคุณพุ่งชนรถแก๊สจนเละ สภาพเครื่องยนตร์ไม่น่าจะใช้งานได้โดยการให้คุณเปิดประตูหนีออกมา แต่มีพลเมืองดีใจกล้าวิ่งเข้าไปช่วยคุณให้ห่างจากอณาเขตรถระเบิดได้" 

    "หมายความว่าเขาคนนั้นช่วยผมออกมาจากข้างในรถก่อนมันจะระเบิดน่ะเหรอครับ?" 

    "ก็ไม่เชิง แต่เขาให้การว่าเขาไม่ได้เป็นคนพาคุณออกมาจากรถ เขาวิ่งไปช่วยเพราะเห็นคุณนอนไม่ได้สติอยู่ข้างๆรถต่างหาก ซึ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนให้การเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีใครเห็นตอนคุณเปิดประตูรถออกมาเลย" 

    "..."  

    จริงสินะ ทำไมผมถึงรอดออกมาได้ ใครเป็นคนช่วยผม? 

     

    นึกย้อนไปถึงตอนนั้น ดวงตาผมเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือไม้บังคับไปอย่างไม่รู้ตัว ผมได้ยินเสียงบีบแตรลั่นและเสียงกรี๊ดของคนข้างนอกที่ทำให้แสบแก้วหู ได้ยินเสียงกระทบกันอย่างแรงจากอะไรหลายๆอย่าง รวมถึงผมที่กระแทกกระจกรถตอนนั้นด้วย สติผมยังอยู่ถึงตอนที่เครื่องยนตร์ดับและควันเริ่มขโมง สายตาพร่ามัวจนมองอะไรแทบไม่เห็น อุณหภูมิข้างในร้อนจัด แต่ถึงกระนั้นผมกลับเห็นแสงสว่างที่ลอยใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนมือโปร่งแสงจะดึงผมออกมาจากตรงนั้น ร่างนั้นยิ้มให้ผมก่อนจะหายไปพร้อมกับสติที่ดับวูบ 

    ใช่ เขาคนนั้นคือคยองซู คยองซูช่วยผมไว้ ... 

     

    "คุณ คุณครับ ฟังผมอยู่หรือเปล่า" เจ้าหน้าที่แตะตัวผมเบาๆเมื่อผมไม่อบโต้ 

    "ครับ ผมเข้าใจแล้ว" 

    "ผมเช็คบัตรประชาชนคุณแล้ว คุณยังเป็นเยาวชนอยู่เลย แล้วพ่อแม่คุณไปไหน" 

    "คือ..ผมกำลังเดินทางไปขึ้นศาลเรื่องคดีเก่าน่ะครับ แล้วตอนนี้ก็เลยเวลามาแล้ว" 

    "..." 

    --School Horror-- 

     

    ให้ตายเถอะ ทำไมผมถึงโชคร้ายอย่างนี้ คดีเก่ายังไม่สะสาง คดีใหม่ก็เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว คุณรู้มั้ยว่าเป็นคดีอะไร  

    ขับรถประมาททำให้เกิดอุบัติเหตุถึงชีวิต 

    แน่นอน รถแก๊สคันนั้นระเบิดไปพร้อมกับรถผม และที่แย่กว่านั้นคือคนขับเสียชีวิตคาที่ แล้วเวรกรรมก็ตกมาอยู่ที่ผมอีกเช่นเคย แต่ยังดีที่ว่าคนขับคนนั้นไม่มีญาติที่ไหน เลยไม่มีใครร้องเรียกค่าเสียหาย 

    ตอนนี้ผมเลยต้องนั่งก้มหน้ารับชะตากรรมอยู่ในโรงพัก หลังจากที่พักรักษาตัวมาได้แค่ห้าชั่วโมงเท่านั้น  

    'RRRR' 

    'คุณจงอินครับ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน!' 

    "ผมขอโทษที่ไม่ได้ไปตามนัด ระหว่างทางผมขับรถชนคนตาย" 

    'ว่ายังไงนะ!' 

    '...' 

    ผมเหนื่อยที่จะตอบจึงตัดสายทิ้งไป ความรู้สึกตอนนี้มันพันยุ่งเหยิงกันไปหมด แน่นอนว่าผมไม่โทษตัวเองที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มีใครคนนึงจงใจทำให้ผมตาย และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนามิ  

    เธอตามมาหลอกหลอนผมตลอดเวลา 

    แล้วอย่างนี้ผมจะทนอยู่ต่อได้ยังไง 

    ผมต้องหนี 

     

    เป็นความคิดที่งี่เง่าที่สุด ผมจะหนีความจริงและความผิดที่ทำไว้น่ะเหรอ? 

     

    'มึงหนีกูไม่พ้นหรอก...' 

    "!!!" 

     

    เสียงที่พัดผ่านมากับสายลมทำให้ผมขนลุกซู่ ความรู้สึกแบบเดิมๆกลับมาอีกครั้ง ราวกับผมเข้าไปอยู่ในคืนนั้น คืนที่สยองขวัญในโรงเรียนผีสิง ผมเงยหน้ามองผู้คนรอบๆที่ทำหน้าที่ของตัวเอง คนพวกนี้ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสิ้น พวกเขากักผมไว้บนเก้าอี้พนักพิง แต่สายตาพวกเขาไม่ได้มองมาที่ผมเลยสักนิด เอาแต่คุยกันเองจนแทบลืมไปแล้วว่าผมยังอยู่ บางทีเขาอาจจะรออะไรบางอย่าง รอเวลาที่จะดำเนินคดีกับผม  

    "..." ผมหันซ้ายหันขวาอย่างหวาดวิตก แผ่นหลังเย็นยะเยือกอย่างกับมีอะไรบางอย่างยืนอยู่ข้างหลัง เหงื่อมากมายผุดซึมออกมาจากใบหน้า เสียงเพลงแห่งความตายดังแผ่วมากับสายลมจนทำให้ผมแทบบ้า 

    ม..ไม่ไหวแล้ว ผมกำลังจะประสาท 

    ผมฆ่าคนตาย ผมเกือบตาย ผมเบี้ยวคดี และผมก็กำลังจะ...หนีคดี 

     

    โครม! 

    ผลั่ก! 

     

    "จับเขาไว้!"  

    "!!!" 

     

    "แฮ่กๆๆ" ผมยืนหอบอยู่หลังต้นไม้ เมื่อกี้มันอะไรกัน ผมทำมันลงไปแล้ว ผมล้มโต๊ะและผลักเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนขวางทางอยู่ให้หลบออก พวกเขาวิ่งตามผมมาอย่างรวดเร็ว  

    อากาศที่ร้อนอบอ้าวทำให้รู้สึกปวดหัว เลือดไหลซึมออกมาจากผ้าก๊อซพันแผล 

    แผลเยอะขนาดนี้ผมจะทำอะไรได้ จะหนีไปได้ไกลสักแค่ไหนกันเชียว  

     

    ผมเดินเตรดเตร่ออกมาริมถนนเมื่อคิดว่าไม่มีตำรวจคนไหนอยู่แถวนี้ ความจริงผมควรจะโทรศัพท์เรียกคนที่บ้านให้มารับ แต่แปลกที่สมองมัไม่ยอมสั่งการให้ทำอย่างนั้น มันสั่งให้เดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย  บางทีผมคงต้องจมอยู่กับความคิดของตัวเองสักพัก คอยทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่ามันเป็นเพราะใคร  

    "..."  

    ทำไมถึงรู้สึกวูบไหวข้างกายล่ะ? 

    ผมไม่ได้เดินอยู่คนเดียวใช่มั้ย? 

    ยังมีใรอีกคนที่ตามติดผมอยู่ตลอดเวลา ผมไม่ควรเดาไปมากกว่านี้ 

     

    ครืนนน ... 

     

    ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ เสียงคำรามจากเบื้องบนส่งสัญญาณมาว่าฝนกำลังจะตกอีกในไม่ช้า ผมรีบวิ่งหาที่หลบฝนเพราะตามเนื้อตัวยังมีบาดแผลอยู่ ถ้าโดนน้ำฝนเปียกโชกคงไม่ดีแน่  

    สอดสายตามองหาที่หลบฝนเหมาะๆ ซึ่งมีที่เดียวที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้ มันเป็นร้านกาแฟเล็กๆที่คนไม่มากนั้น แต่ตอนนี้เริ่มทยอยกันเข้ามาในร้านเพราะสภาพอากาศข้างนอก ผมก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องเข้าไปหลบฝนเหมือนกัน 

    "สวัสดีค่ะ รับอะไรดีค่ะ" พนักงานเดินมาต้อนรับใบบหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นผมนั่งบนเก้าอี้ตัวสูง  

    "ผม..เอ่อ อะไรก็ได้ครับ ผมแค่มาหลบฝนน่ะ"  

    "ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นเมนูยอดฮิตของร้านละกันนะคะ"  

    "ครับ" 

    "แล้ว..เพื่อนคุณไม่รับอะไรสักหน่อยเหรอคะ" พนักงานสาวเอียงหน้าฉงน 

    "เพื่อน? คนไหนครับ?"  

    "คนที่นั่งข้างคุณไงคะ ไม่ได้มากับคุณหรอกเหรอ?"  

    "!!!"  

    "ข..เขาไม่รับอะไรหรอกครับ" 

    "อ่า..ค่ะ" 

     ผมมองตามหลังเธอที่เดินหายเข้าไปในเคาว์เตอร์ร้าน ขนลุกชันขึ้นมาเสียเฉยๆ ใครงั้นเหรอ? ผมมาคนเดียวต่างหาก ตอนนี้ผมไม่กล้าแม้แต่จะชายตามองข้างตัวเองด้วยซ้ำ 

    ระหว่างรอของมาเสริฟผมก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่สายตาดันไปสะดุดเข้ากับยายแก่ๆคนหนึ่งที่นั่งอยู่โต๊ะฝั่งตรงข้ามผม สังเกตุได้ว่าเธอจ้องผมนานแล้ว แถมยังจ้องเขม็งอีกต่างหาก อย่างกับว่าสงสัยในตัวผมอย่างนั้นแหละ 

    "ได้แล้วค่ะ" ผมจำต้องละความสนใจมาที่เครื่องดื่มตรงหน้าแทน ความจริงมันก็แค่คาปูชิโน่ ดูยอดฮิตตรงไหนกัน แต่ที่แปลกคือมีดสำหรับหั่นเนื้อที่พนักงานสาวยกมาเสริฟพร้อมกับแก้วคาปูชีโน่ด้วยนี่สิ 

    "ผมจำได้ว่าไม่ได้สั่งมีดนี้นะครับ" เธอหันหน้ากลับมาเมื่อผมร้องท้วง 

    "เพื่อนข้างๆคุณสั่งน่ะค่ะ" 

    "!!!" 

    อีกแล้ว... 

     

    ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ พนักงานสาวมองผมอย่างฉงนก่อนจะรีบเดินหนีไปที่โต๊ะอื่น ราวกับว่าผมเป็นตัวประหลาดเสียอย่างนั้น 

    "..." ผมนั่งตัวแข็งทื่อ ไม่แม้แต่จะหยิบแก้วนั้นขึ้นมาดื่ม 

     

    'หยิบมีดนั่นสิ...' 

    "!!!" 

     

    เสียงสะท้อนในหัวสมองดังขึ้นชัดเจน ก่อนมืออันสั่นเทาจะค่อยๆทำตามคำสั่ง  

    "ม..ไม่" 

     

    'หยิบมันขึ้นมาแล้วแทงเข้าไป...' 

     

    เมื่อมือหนาหยิบมีดได้ตามคำขอ ทุกสิ่งทุกกอย่างก็เป็นไปตามอัตโนมัติ ผมกำลังจะแทงท้องตัวเอง 

    "..." 

     

    "กรี๊ดดด ผู้ชายคนนั้นจะทำอะไรน่ะ!" 

     

    "!!!" 

     

    เสียงกรี๊ดลั่นร้านเรียกสติผมกลับคืนมาอีกครั้ง 

    เคร้ง! 

    มีดร่วงลงสู่พื้น ผมก้มมองมืออันสั่นเทาของตัวเองด้วยความกลัว นี่มันอะไรกัน  

    ผมเกือบฆ่าตัวตาย! 

     

    ไม่รอให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้ ผมรีบวิ่งออกมาจากร้านท่ามกลางฝนที่ซัดกระหน่ำลงมา เนื้อตัวเปียกโชกทันทีที่ก้าวออกมาจากตรงนั้น 

     

    "เดี๋ยวสิคุณ คุณยังไม่ได้จ่ายตังค์เลยนะ!" พนักงานสาวพยายามวิ่งตามชายหนุ่มที่วิ่งฝ่าฝนออกไปอย่างเร่งรีบ หญิงชราที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับน้ำเสียงที่นุ่มทุ้ม 

    "อย่าไปเอาอะไรกับคนพวกนั้นเลย หมอนั่นน่ะเงาไม่มีหัวตั้งแต่เข้ามาในนี้แล้วอิหนูเอ้ย" 

     

    --School Horror--  

     

    ซ่า... 

    "..." ฝนตกลงมาไม่ขาดสาย ผมวิ่งฝ่ามันไปอย่างไม่สะทกสะท้าน ตอนนี้ตัวผมคงชุ่มไปด้วยเลือดที่ซึมออกมาจากผ้าก๊อซบนหัวและช่วงตัว เจือจางเข้ากับน้ำฝนกลายเป็นสีแดงฉาน 

    'มึงไม่มีทางหนีกูพ้น' 

    "ไม่! กูหนีมึงพ้นแน่ กูต้องหนีมึงพ้น!" ตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้อง  

    ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะเป็นบ้าเข้าไปทุกทีๆ 

     

    พยายามควบคุมมือตัวเองไม่ให้สั่นและหยิบโทรศัพท์ออกมากดหาเบอร์พ่อ  

    "พ่อ! พ่อช่วยผมด้วย ผมต้องการไปต่างประเทศวันนี้และตอนนี้ มารับผมที!" 

    ทุกคนที่เห็นผมตอนนี้คงพยายามเดินหนีให้ไกล แต่ถ้าใครตกอยู่ในสถานการณ์แบบผมก็คงมีอาการแบบนี้เหมือนกัน ใช่ อาการณ์คลุ้มคลั่งไง และผมก็กำลังรอเสียงพ่อตอบกลับมาจากปลายสาย 

    หากแต่..เสียงนั่นไม่ใช่เสียงพ่อ 

    'ยัง ไง มึง ก็ ตาย!' 

    "!!!"  

    เพล้ง! 

    ท..โทรศัพท์แหลกเหลวไปแล้วด้วยฝีมือผม ผมกำลังจะบ้าแล้วจริงๆ 

     

    "..."  

    "ครับ ยินดีอย่างยิ่งครับ"  

     

    เสียงนี้มัน...เสียงของผู้อำนวยการ 

    ผมรีบหันหลังกลับไปมองด้วยความตกใจ พบชายร่างท้วมที่คุ้นตายืนกลางร่มคุยโทรศัพท์อยู่ข้างหลังผม มันดูบังเอิญมากๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาในสภาพแบบนี้ และเขาเองก็มีท่าทีเหมือนว่าจะยังไม่เห็นผม 

    สิ่งที่จะทำต่อไปคืออะไรงั้นเหรอ? ในเมื่อติดต่อใครไม่ได้ ในเมื่อจนตรอกแล้ว... 

     

    "..."  

     

    ผมแอบเข้ามาอยู่หลังรถกระบะเขาในที่สุด มันเป็นความคิดที่งี่เง่า แต่ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วผมก็ควรเสี่ยง ทั้งๆที่รู้ว่าเขาเป็นฆาตรกร ผมก็ยังจะดึงดันที่จะเดินไปหาเขาเอง สุดท้ายคำเตือนของเขาก็ไม่มีความหมายสินะ  

    ครืนน... 

    รถแล่นมาได้สิบห้านาทีก็ต้องจอด ผมเงยหน้าและมองสภาพแวดล้อมรอบๆ มันเป็นอะไรที่คุ้นตา 

    มันคือโรงเรียน โรงเรียนผีสิง ฝันร้ายที่สุดของผม! 

    เขาขับมาจอดที่นี่ทำไมกัน! 

     

    "ฉันว่าฉันเตือนนายแล้วนะเรื่องนี้" 

    "!!!" ผู้อำนวยการเปิดประตูรถออกมาแล้วเดินมาประจันหน้ากับผม  

    "คือ..ผม" ขาทั้งสองข้างก้าวถอยหนีจากคนตรงหน้า  

    ผู้อำนวยการตีหน้านิ่งสนิทราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มือหนาควงกุญแจรถในมือเล่นไปมาพร้อมกับก้าวเข้ามาในระยะประชิด 

    "นายสงสัยอะไรในตัวฉันงั้นเหรอ ถึงได้แอบขึ้นรถมาแบบนี้" 

    "ผ..ผม" ยอมรับว่าตอนนี้ผมกำลังกลัวมากถึงมากที่สุด กับท่าทางของคนตรงหน้า เขาดูเหมือนจะทำอะไรผมก็ได้ทุกๆเมื่อ 

    "..." 

    "นายคิดว่าฉันฆ่านามิใช่มั้ย..."  

    "ผม..."  

    ผมพูดอะไรไม่ได้จริงๆนอกจากคำว่า"ผม" มันรู้สึกหวาดกลัวไปหมด ร่างท้วมตรงหน้านี้เหมือนรู้ทันไปหมดซะทุกอย่าง ผมพอจะรู้ชะตาตัวเองแล้วว่าต้องจบอย่างไร 

    หากแต่ว่า... เขาไม่ได้ทำอะไรหลังจากนั้น  

    มือหนาหยิบบุหรี่ในกระเป๋าตัวเองขึ้นมาสูบพลางเอนหลังพิงประตูรถอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว 

    "ในเมื่อนายไม่สนใจคำเตือนของฉันเมื่อเช้า ฉันจะให้โอกาสนายหนีไปจากตรงนี้สิบนาที" 

    "หลังจากนั้น...นายคงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น"  

    ผู้อำนวยการแสยะยิ้มเย็นก่อนจะพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าผมเหมือนคราวที่แล้ว 

     

    หมายความว่าเขาให้โอกาสผมอย่างนั้นเหรอ? ให้โอกาสผมมีชีวิตรอดใช่มั้ย!? 

     

    ได้ยินดังนั้นผมก็หันหลังวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความกลัว ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะตามหลังมาอย่างสมเพช 

    สิบนาทีของผมคือตัวกำหนดชีวิต ผมจะต้องหนีไปจากเขา หรือ...หนีไปจากนามิ 

    "หึหึ นายมันโง่ คิม จงอิน" 

     

    -School horror- 

     

    ผมวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต วิ่งไปเรื่อยๆโดยไม่คิดจะหยุด วิ่งเข้าไปในป่าข้างโรงเรียนที่มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่ ฝ่ามันเข้าไปทั้งๆที่ไม่รู้เหมือนกันว่าเข้ามาในนี้ทำไม 

    "..." ฝนยังตกลงมาเรื่อยๆจนผมต้องยกมือขึ้นปาดน้ำฝนที่ไหลผ่านหัวคิ้ว แต่เมื่อก้มมองมือตัวเองแล้วมันกลับไม่เป็นน้ำใสๆอย่างที่คิด มันคือเลือด! 

    มือหนาเช็คหน้าผากอีกครั้ง แต่ยิ่งเช็ดเลือดก็ยิ่งไหลออกมาจากหัว! มันเลอะเปื้อนมือและชุ่มใบหน้าผมไปหมด 

     

    'นี่ไอตัวประหลาด ทำไมวันนี้ดูหน้าซีดๆล่ะ กลัวใครอยู่เหรอ' 

    น้ำเสียงกึ่งล้อเลียนเรียกความสนใจจากเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องมาที่หญิงสาวที่ยืนปากคอสั่นอยู่หลังห้อง 

    'ธรรมดาก็หน้าประหลาดอยู่แล้ว พอทำแบบนี้ยิ่งประหลาดเข้าไปใหญ่ ฮ่าๆๆๆ' 

    'วันนี้จะเล่นอะไรกับเธอดีล่ะ? ขังไว้ในตู้ดีมั้ย?' 

    'ม..ไม่เอานะ ฉันไม่อยากเล่น' 

    'แต่ฉันอยากเล่น! มาเหอะพวกเรา ช่วยกันจับยัยนี่ขังไว้ในตู้เลย' 

    'ไม่นะ! กรี๊ดดดดด'  

    หญิงสาวถูกเพื่อนผู้ชายจับยัดเข้าไปในตู้เสื้อผ้าสำหรับนักเต้น พวกเขาปิดมันแน่นสนิทและหันประตูตู้เข้าหากำแพงเพื่อปิดทางออกไว้ 

    แต่ก่อนที่ออกจากห้องไปหนึ่งในนั้นก็นึกคึกคะนองขึ้นมา 

    'ฉันว่าฉันอยากเล่นมายากล...' 

     

    ภาพพวกนั้นมันมาอีกแล้ว ไม่ต่างอะไรกับตอนที่อยู่ในโรงเรียนเลยสักนิด  
     

    ขาทั้งสองข้างยังคงวิ่งไปเรื่อยๆจนสุดทางป่าทึบ ผมมองเห็นแสงไฟที่ริบหรี่อยู่ข้างหน้า  

    นั่นคือทางออกสินะ ผมกำลังจะหนีมันพ้นแล้ว..มันตามผมมาไม่ทันแน่นอน 

    ผมวิ่งออกไปข้างหน้าพลางหัวเราะฝืดๆราวกับกำลังหลอกตัวเอง ใช่ ผมกำลังจะรอด 

    ใช่...ผมรอดแล้ว 

     

    ปรี๊นนนนนนนนนนนนนนนนน! 

    ตุ๊บ! 

    "..." 

     

    --School Horror-- 

     

    'มายากลอะไรของนาย' 

    'ก็มายากลตู้ไง นายไม่เคยดูทีวีโชว์เหรอ ไปหยิบมีดมาสิ ฉันจะโชว์ให้ดู'  

    หนึ่งในนั้นทำตามอย่างว่าง่าย โดยไม่ได้รู้เลยว่าหนึ่งชีวิตที่อยู่ข้างในตู้คิดไปถึงไหนต่อถึงไหน เธอกำลังกลัวและจิตตก ในหัวเธอเต็มไปด้วยภาพสยองขวัญในหนังที่เธอชอบดู เธอเห็นชายใบหน้าน่ากลัวกำลังถือมีดเดินมาหาเธอ เธอกรี๊ดร้องอย่างหวาดกลัว พลันภาพเหตุการณ์ที่เธอเห็นในห้องผู้อำนวยการวันนั้นก็โผล่ขึ้นมา  

    'ฮือออ หนูไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนะ' 

    'อย่าทำหนู ขอร้องล่ะ' 

     

    เสียงครางอย่างหวาดกลัวจากในตู้ทำให้พวกผู้ชายที่กำลังเริ่มเล่นมายากลกับตู้ของเธอนึกสงสัย 

    'มันเพ้ออะไรของมัน' 

    'ช่างมันเถอะน่า โชว์ซักทีซิมายากลของนายน่ะ' 

    'โอเค จะโชว์ล่ะนะ หนึ่ง สอง สาม!' 

    ชายหนุ่มปักมีดด้ามยาวเข้าไปตามซอกตู้แล้วดึงมันออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาเล่นกันอย่างสนุกสนาน 

    'กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด' 

     

    --School Horror-- 

     

    บทส่งท้าย  [ ผู้อำนวยการ ] 

     

    "ถึงเวลาแล้วซินะ"  

    ผมพูดกับตัวเองเบาๆพลางทิ้งบุหรี่ลงพื้นและใช้เท้าบดขยี้มัน เมื่อยกข้อมือตัวเองขึ้นมาดูเวลาก็พบว่ามันเลยเวลามานานพอสมควร  

    "อา.."  ผมบิดตัวนิดหน่อยเนื่องจากอาการปวดเมื่อยที่ยืนพิงประตูรถเป็นเวลานาน  

     

    คาดว่าจงอินน่าจะวิ่งออกไปทางโน่นนะ ถ้าให้ผมเดา ความจริงก็ไม่น่าจะวิ่งไปไกลขนาดนี้ ยังไงผลลัพท์ก็ต้องเท่ากันสิน่า ...  

    ระหว่างเดินตามรอยเท้าจงอินเข้าไปในป่า ผมจะเล่าเรื่องของผมให้ฟังดีมั้ย  

    งั้นผมขอถามพวกคุณก่อนแล้วกันว่า ตอนนี้พวกคุณคิดว่าผมกำลังจะทำอะไรอย่างนั้นเหรอ? 

    คิดว่าฆ่าจงอินกันใช่มั้ย? หรือฆ่านามิล่ะ?  

    เปล่าเลย ไม่ใช่ทั้งสองอย่างนั่นล่ะ ผมก็แค่ทำตัวลึกลับให้เขากลัวเล่นไปงั้น ผมดูเลวร้ายสำหรับเขามากหรือไงกันนะ ยังจำสีหน้าเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วของจงอินได้ดี หมอนั่นคิดว่าผมเป็นฆาตกรจริงๆซะด้วย 

    ผมน่ะ ไม่ได้ฆ่านามิแต่แรกหรอกนะ เธอคงจะคิดว่าผมฆ่าเธอน่ะสิ โรงเรียนถึงไม่สงบสุขอย่างนี้ แต่ผมแคร์ซะที่ไหนกัน เพราะทุกๆปีเด็กในโรงเรียนนี้ก็ต้องตายอยู่แล้ว  

    ว่าแต่ ...มันเริ่มจากตอนไหนกัน 

     

    'ผู้อำนวยการ....!!'   

    หญิงสาวยืนมองอย่างตกตะลึงรีบเอามือตะครุบปากแทบไม่ทัน แต่บุคคลเบื้องหน้ากลับรู้ตัวเสียแล้ว หายนะครั้งใหญ่กำลังมาเยือน  

    'เธอ..เธอเห็นอะไรเมื่อกี้หรือเปล่านามิ!!' ชายร่างท้วมเบิกตากว้าง เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความโกรธและกลัวในเวลาเดียวกัน เธอเป็นคนเดียวที่วิ่งผล่านออกมาตรงนี้และเห็นในสิ่งที่เขากำลังทำ  

    หญิงสาวส่ายหน้ารัวทั้งน้ำตาจนเส้นผมยาวๆบดบังใบหน้า   

    'หนูไม่เห็นอะไรทั้งนั้นค่ะ..ฮึก'   

    'ฉันรู้ว่าเธอเห็น! ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาด จงลืมเหตุการณ์เมื่อกี้ไปซะ คิดซะว่าเธอไม่เห็นมัน!' ผู้อำนวยการตะคอกเสียงดัง เขารู้ว่าหากเรื่องนี้ไปถึงหูคนใดคนหนึ่งเมื่อไรละก็...  

    'รับปากฉันสิ' กระซิบเสียงแผ่วแต่แฝงไปด้วยความกดดัน มือหนากดจิกเข้าที่ไหล่บางจนเธอรู้สึกเจ็บ  

    'คือ..หนู..'   

    'ฉันบอกให้รับปากว่าเธอจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดที่ไหน!!'   

    'ไม่ค่ะ! หนูจะไม่รับปาก' หญิงสาวตะโกนเสียงดังใส่หน้าชายร่างท้วม  

    '...' เขากัดฟันแน่น ก้มมองแววตาที่แน่วแน่ของเธอ  

    'เธอต้องการอะไรนามิ..'  

    'ถ้าคุณไล่พวกที่รังแกหนูออกจากโรงเรียนนี้ไป หนูจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับตลอดกาลค่ะ'  

    'กล้าดียังไงมาต่อรองกับฉัน! ฉันไม่มีทางไล่พวกเขาออกไปแน่ ฉันไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้น'  

    'ทำไมจะไม่มีคะ คุณเป็นผู้อำนวยการนะ! ถ้าคุณไม่ทำตามที่หนูบอก หนูจะบอก..โอ้ย!'  

    ใบหน้าหันไปตามแรงตบ เธอไม่คิดเลยว่าคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้บริหารโรงเรียนจะทำได้ถึงขนาดนี้ รอยแดงรูปฝ่ามือเป็นเครื่องย้ำเตือนได้ดีว่าเธอโดนอะไรมาเมื่อครู่ ดวงตาโปนโตเหลือบมองคนตรงหน้าอย่างตกใจ ร่างท้วมก้มมองมืออันสั่นเทาของตัวเอง เขาไม่คิดว่าจะทำกับเธอแบบนั้น มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ  

    'ฉัน...' ไม่สามารถพูดอะไรออกมาอีกเมื่อหญิงสาวร้องสะอื้นด้วยความเจ็บ เขาขบกรามแน่นและเปลี่ยนท่าทีทันใด  

    'นี่เป็นแค่การเตือน ถ้าขืนเธอยังดื้อดึงอีก ฉันจะฆ่าเธอ และปล่อยให้เธอตายอย่างทรมาณ!'  

     

    พวกคุณคิดว่าผมทำอะไรอย่างนั้นเหรอ? ผมไม่บอกหรอก  

    เพราะสิ่งที่ผมทำไปเมื่อข้างต้นจนนามิเผลอมาเห็นนั้น คือสิ่งที่ผมกำลังจะกระทำอยู่ตอนนี้ยังไงล่ะ 

      

    "อ่า..มาอยู่ตรงนี้นี่เอง" ผมยิ้มแก้มปริเมื่อตามจงอินทันเสียที แต่ตอนนี้เขาคงวิ่งหนีต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ ในเมื่อสภาพตอนนี้น่ะดูไม่จืดเลย ศรีษะของเขาบิดไปอีกทาง ไส้ก็ทะลักออกมาข้างนอก ช่างเป็นภาพที่น่าดูซะจริงๆ 

    ความจริงแล้วผมก็แอบเสียดายนิดหน่อยที่เขาต้องมาจบชีวิตอย่างนี้ แต่ใครให้เข้ามาอยู่ในโรงเรียนนี้กันล่ะ ถือว่านายโชคร้ายไปละกันนะที่นายต้องกลายเป็นเครื่องสังเวยให้นามิอะไรนั่น 

    และก็เป็นหน้าที่ของผมอีกเช่นเคยที่ต้องจัดการกับร่างเละเทะพวกนี้ให้ดูดีสะอาดตา 

    อ่านมาถึงตรงนี้พอจะรู้แล้วใช่มั้ยครับว่าผมไม่ได้เป็นคนฆ่าจริงๆ อยากที่บอกไว้แต่แรกว่าผมไม่ได้เป็นผู้ร้าย ผมเป็นแค่คนที่คอยจัดการทุกอย่างมากกว่า  

    อืมม ตอนนี้ผมสะสมของทดลองไว้กี่ตัวแล้วนะ นับเป็นร้อยแล้วได้มั้งถ้ารวมจงอินไปด้วย แต่ผมคงต้องทำความสะอาดร่างเขาเสียหน่อยและเอาไปห่อผ้าขาวให้สวยงามจากนั้นก็นำไปจัดเรียงพร้อมกับตัวอื่นๆ 

    อ่อ รู้แล้วคุณก็อย่าเอาไปพูดที่ไหนล่ะ เพราะผมจะรอจนกว่าจะมีนักเรียนตายอีกครั้งและจับพวกเขามาสะกดไว้ในโรงเรียน 

     

    หรือคุณจะเปลี่ยนใจ อยากมาเรียนที่นี่ก็ได้นะ ผมต้อนรับเสมอ
     

    THE END

     

     

     

    กรี๊ดดดดดด อยากจะกรี๊ดดังๆเป็นภาษาละติน T^T 
    ในที่สุดฟิคเรื่องนี้ก็จบซักที เป็นฟิคเรื่องแรกที่แต่งจบ ฮรืออ TwT 
    ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วว (1.20น) ไรท์ไม่ขอพูดไรมาก แต่จะบอกว่าขอบคุณ
    ขอบคุณทุกๆคนที่หลงเข้ามา จะนักอ่านเงาที่ไม่เคยเม้นต์เลย หรือคนที่เม้นบ้างไม่เม้นบ้าง
    หรือคนที่เม้นต์สม่ำเสมอไม่เคยขาด หรืแคนที่แท๊กฟิคให้ เอาง่ายๆคือขอบคุณแม่มทุกคน 55
    ขอบคุณเพื่อนๆที่รักด้วย >< ขอบคุณพี่่ๆน้องๆในทวิตทั้งหลาย 

     

    ทีนี้พอฟิคจบใช่ปะ มันก็จะต้องมีหลายคนสงสัยหรือยังไม่เก๊ตกับตอนจบ 5555 เอาเหอะ

    สงสัยไรก็ถามในทวิตเอาแล้วกัน จบแม่มไม่สวยด้วย จะโดนรีดตบปะ T[]T 

    สุดท้ายละๆ : ถือว่านี่เป็นตอนจบ ใครคนไหนที่ไม่เค๊ยไมเคยเม้นให้เลยก็ช่วยเม้นหน่อยนะ 
                       สักประโยคก็ยังดี แค่นี้ไรท์ก็ดีใจ T^T 

                       ส่วนสำหรับคนที่สั่งจองฟิค จะมีสเปเทาให้น้า เพราะน้องออกน้อยเหลือเกิน T-T
                       
                      ไปละ แท๊กฟิคกันด้วยนะ ด่าไรไรท์เรื่อตอนจบก็เชิญ คงจะผิดหวังกันหลายคน ฮ่าๆ
                     
     #ฟิคสคฮร

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×