ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #22 : SCHOOL : CHAPTER18

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.9K
      27
      25 ก.ย. 56

    CHAPTER18 

     

    น้ำตาไหลออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ค่อยๆก้าวขาอันสั่นเทาเข้าไปใกล้ๆร่างที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าสีขาวนั่น ผมไม่อยากจะเชื่อเลย ทำไมถึง... 

    มือหนาดึงผ้าขาวออกจนหมดและสำรวจหน้าตาของมันให้ชัดๆ ทุกๆอย่าง...เหมือนราวกับก๊อปปี้ 

    ทั้งหน้าตา รูปร่าง และทรงผม เหมือนกับผมหมดทุกอย่าง! 

     

    หมายความว่ายังไง หมายความว่าผมตายไปแล้วอย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง ผมยังไม่ตาย ผมยังไม่ตาย! ถ้าร่างตรงหน้าเป็นศพของผมจริงๆ แล้วคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ คนที่โดนผีผลักตกตึกลงมาคือใครกันล่ะ หรือนี่จะเป็นวิญญาณ! 

    ไม่ใช่แน่ๆ ผมจะตายได้ยังไงล่ะ ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวเองเลย แล้วศพมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันในเมื่อผมเพิ่งเข้ามาอยู่โรงเรียนนี้วันแรก ใครเป็นคนเอามันมาจัดเรียงไว้ที่นี่ แถมเสื้อผ้าก็ยังเป็นของวันนี้อีก 

    ไม่มีอะไรให้หลอกตัวเองได้เลยว่านี่ไม่ใช่ร่างของผม เพราะมันเหมือนกันทุกอย่าง..ราวกับฝาแฝด 

     

    "...!!" 

     

    ทันใดนั้นร่างที่เรียกได้ว่าเป็นศพของผมก็ลืมตาขึ้นมา! 

    มันเงยหน้ามองผมแล้วแสยะยิ้มร้าย พลางลุกขึ้นยืนและเดินมาหยุดตรงหน้าผม ใบหน้าเราห่างกันแค่คืบ 

    "..." 

     

    บอกผมทีว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมร่างของผมมันลุกขึ้นมาได้  

    จะว่าผีหลอกอย่างนั้นเหรอ? ผีอะไรล่ะ? ผีตัวผมเอง? 

     

    ถ้าหากว่านี่คือศพของผม งั้นตัวผมตอนนี้ก็คือวิญญาณ แล้วในเมื่อวิญญาณคือผม แล้วทำไมร่างไร้วิญาณนั่นถึงยืนขึ้นมาได้โดยที่ผมไม่ได้บังคับล่ะ! 

    ผมไม่เข้าใจ พระเจ้าเล่นตลกอะไรกันแน่ ร่างนั้นยิ้มอย่างที่ผมยิ้มให้เฮียคริส ก่อนมือหนาจะลูบใบหน้าที่ชื้นเหงื่อของผมเบาๆ  

    'นาย..คือฉัน' 

    'ฉัน...คือนาย' 

    "!!!" 

     

    ผมก้มมองมืออันสั่นเทาของตัวเองแล้วพลิกมันไปมา รู้สึกถึงหัวใจของตัวเองที่เต้นรัว เมื่อกุมดูก็พบว่ามันยังเต้น...ชีพจรยังเต้น ร่างของผมจะสลายไปไหมนะ... 

    เงยหน้ามองใบหน้าของคนตรงหน้าที่เหมือนผมทุกอย่าง ก่อนจะทาบเข้าที่หัวใจของมัน  

    ไม่เต้น...ทุกอย่างเงียบเชียบ 

    สมองสั่งให้ก้าวถอยหนีออกมาโดยอัตโนมัติ  

    "หึหึ" เสียงหัวเราะของมันดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง ร่างสูงตรงหน้าค่อยๆก้าวตามผมมา 

    "นาย...เป็นใคร" 

    ผมถามน้ำเสียงสั่นเทา มันย่างก้าวเข้ามาเรื่อยๆอย่างใจเย็น และก้มหน้าเข้ามาในระยะประชิด ก่อนจะกระซิบประโยคแสนเบาที่ทำให้ผมขนลุก 

     

    "ก็บอกแล้วไง...ว่าฉันคือนาย!" 

     

    - 

    - 

    - 

    - 

     

    "!!!" 

    สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อมองดูรอบๆก็พบว่าตัวเองตกลงมาเกาะบนต้นไม้ข้างล่าง ความสูงของมันห่างพื้นแค่คืบ  

    ถือเป็นโชคดีที่มีต้นไม้รองรับไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงคอหักตายไปแล้ว และเป็นโชคดีอีกครั้งที่ในที่สุดผมก็ลงมาถึงสนามหญ้าข้างล่างตึกได้ นั่นหมายความว่าผมกำลังจะรอดแล้ว...ใช่ไหม 

     

    เรื่องเมื่อครู่เป็นความฝัน แต่ก็ใช่ว่าผมจะไม่กลัว ผมลองจับหน้าอกข้างซ้ายตัวเองและจับชีพจรที่ข้อมือหลายรอบ เพื่อเช็คความมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตายไปจริงๆ  

    ภาพของร่างตัวเองยังตามมาหลอกหลอนไม่หาย ผมเกลียดเรื่องแบบนี้มากที่สุด เคยคิดตอนเด็กๆว่าถ้ามีโคลนนิ่งของตัวเองจะเป็นยังไง แต่ถ้ามีแบบนี้ผมก็ไม่เอาเหมือนกัน 

    เหมือน..เสียจนน่ากลัว 

    แม้แต่นิสัยยังไม่ต่างกันเลย ทั้งลักษณะรอยยิ้มและท่าทางการพูด 

     

    ผมสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป มันเป็นความฝันน่า มันไม่มีวันเป็นจริง เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ยังไง 

     

    กึก... 

     

    เดี๋ยวนะ... 

     

    ผมเงยหน้ามองสถานที่ที่ตัวเองตกลงมาอีกครั้ง มันเป็นตึกสูงที่มีระเบียงอยู่แค่หนึ่งชั้นซึ่งไม่ใช่ชั้นแปด นั่นหมายความว่าชั้นแปดนั้นไม่มีอะไรให้เกาะเลย ผมไล่สายตาลงมายังข้างล่าง เห็นต้นไม้ที่ตัวเองตกลงมาทับ มันดูน่าอัศจรรย์ ราวกับว่าพระเจ้าจงใจช่วยผมยังไงยังงั้น 

    ต้นไม้อยู่เบี่ยงจากระยะที่ตกลงมาจากตึกมากเลยทีเดียว จะมีสักกี่คนกันที่ตกแบบนี้ เพราะหากตกลงมาแบบธรรมดาก็จะเจอะกับระเบียงชั้นสองที่ยื่นออกมาจากตึก แล้วคิดดูสิ ชั้นแปดกับระเบียงชั้นสอง ถ้ารอดให้มันรู้ไป... 

    "..." 

     

    ถ้ารอดงั้นเหรอ... 

     

    ยิ่งคิดเหงื่อก็ยิ่งผุดออกมา ความกลัวเพิ่มทวีคูณ รู้สึกเหมือนอะไรๆก็ยิ่งแย่ลงไปทุกที กลัว กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองคิดจะเป็นจริง ถ้ามันเป็นอย่างที่คิดจริงๆล่ะ?  

    บ้าน่า ไม่มีทาง! 

    มันไม่มีทางเป็นอย่างนั้น แต่ถ้าคิดจากความเป็นจริง... 

    มันมีเหรอ ที่แค่ซ่อนใต้โต๊ะแล้วผีจะมองไม่เห็น? 

    โต๊ะมันมีพลังวิเศษณ์อย่างนั้นเหรอ? ไม่เลย เพราะมันใช้ไม่ได้กับผม 

    มันจะน่าอัศจรรย์เกินไปไหม ทำไมอะไรๆโชคก็เข้าข้างเขาตลอด ทำไมต้องเป็นผมที่โดนผีหลอกหรือตามเอาชีวิตอยู่ร่ำไป 

     

    หรือว่า... 

     

    "ไค..." 

    ผมหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกนั้น ชั่ววูบผมคิดว่าเป็นคยองซูที่เรียกผม แต่เปล่าเลย ชานยอลต่างหากที่เรียกผม 

    "ชานยอล นายมาได้ยังไง" ชานยอลตีหน้านิ่ง สีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์อะไรทั้งนั้น เนื้อตัวเปียกมอมแมมราวกับว่าเพิ่งตกน้ำมา  

    ไม่สิ เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วฝนเพิ่งตกไปนี่นา  

    "..." 

    "ทำไมนายไม่ตอบล่ะ" ผมเห็นชานยอลเอาแต่มองผมอยู่อย่างนั้น สายตาไม่ได้บ่งบอกอะไรเลยว่ากำลังกลัว หรือโกรธแค้นอยู่ ร่างสูงกำลังจะบอกอะไรกันแน่ 

    คนตรงหน้ากำลังเดินเข้ามาหาผมอย่างช้าๆ หยดน้ำที่เกาะตามตัวและเส้นผมหยดติ๋งๆ 

    "ตัวนายเปียกมากเลย ฝนก็หยุดตกแล้วนะ" 

    "..." ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องก้าวถอยในขณะที่ร่างสูงก้าวเข้ามาด้วย 

    ใบหน้านิ่งสนิทนั่นทำให้ผมขนลุกชัน สายตาชานยอลจ้องผมเขม็ง 

    "น..นายเป็นอะไรหรือเปล่าชานยอล" 

     

    เปาะ เปาะ... 

     

    น้ำหยดออกมาจากเสื้อนักเรียนตัวใหญ่ มันไหลออกมามากขึ้นและเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีแดง 

    จากแดงเจือจางเริ่มกลายเป็นแดงเข้ม ชุดนักเรียนทั้งชุดของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด! 

     

    "ชานยอล! นาย..." 

     

    'ก็เมื่อกี้ฉันเห็นศพชานยอลลอยอยู่ในสระน้ำ ถ้าไม่ใช่เขาก็ต้องเป็นฉันกับนาย แต่ฉันเดาว่าต้องเป็นนายแน่นอน' 

     

    คำพูดของคยองซูเมื่อครั้งที่แล้วลอยก้องเข้ามาในหัว  

     

    "!!!" 

    "นายตายไปแล้วนี่!" 

     

    ผมสะดุ้งสุดตัวและวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้น หากแต่เสียงวิ่งตามจากข้างหลังยิ่งทำให้ผมหวาดกลัว 

    หันไปเห็นชานยอลกำลังวิ่งตามมา ใบหน้าเขาเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆจนดูไม่ได้ ร่างสูงแสยะยิ้ม 

     

    "อย่า...อย่าเข้ามา!" 

     

    - 

    - 

    - 

    - 

    - 

     

    "เฮือก!!" 

     

    ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าตัวเองกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่บนชั้นแปด... 

    ผมฝันอีกแล้ว มันเป็นฝันซ้อนฝันที่สยองที่สุดเท่าที่เคยมีมา  

    เห็นคยองซูหลบอยู่ใต้โต๊ะมองผมด้วยแววตาหวาดๆ เมื่อก้มมองดูตัวเองก็พบว่ากำลังจะหยิบเศษแก้วบนพื้นขึ้นมา... 

    ไม่ ผมไม่ได้สั่งการให้ทำอย่างนั้น ผมกำลังโดนมันเข้าสิงและควบคุมร่างกายตัวเอง 

     

    ก้มมองเงาในเศษกระจกที่เกลื่อนกลาดบนพื้น เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของตัวเองทั้งๆที่ในใจกำลังกลัวสุดชีวิต เห็นรอยฝกช้ำตามแขนและขาของตัวเอง เห็นเศษกระจกในมือตัวเอง 

     

    "ม..ไม่"  

     

    เหตุการณ์ต่อไปที่ผมจะทำคือะไรงั้นเหรอ? ใช่ ผมจำได้ดี อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าผมจะกลืนเศษแก้วพวกนี้เข้าไปแล้วเคี้ยวอย่างเอร่ดอร่อย แล้วหลังจากนั้นผมก็จะกรีดข้อมือตัวเองให้ลึกที่สุด  

     

    หมายความว่าผมเป็นตัวแทนใช่มั้ย? 

     

    แล้วคยองซูล่ะ? คยองซูยังหลบอยู่ใต้โต๊ะ ทุกท่าทางเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้วทุกอย่าง 

    เหลืออีกกี่นาทีกันนะ อีกกี่นาทีที่ซอนมีตาย? ผมจะต้องตายเวลานั้นใช่มั้ย 

     

    มันใกล้จะถึงเวลาแล้ว... 
     
                                 40%


     

    ถ้านี่คือความฝัน มันคงจะเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต ผมขอให้มันเป็นฝันซ้อนฝันอีกสักครั้ง ขอให้ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งบนเตียงแสนนุ่มในห้องของตัวเอง ขอให้โรงเรียนนี้ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงเรื่องสยองขวัญในหนังที่ผมดูเท่านั้น  

    หากแต่นี่ไม่ใช่ความฝัน ผมรู้สึกได้ทุกอย่าง รู้สึกถึงความเจ็บตามบาดแผล รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นระรัว ผมกำลังโดนควบคุมจริงๆ  

    ถ้าไม่ใช่เพราะคิดไปเอง แต่ผมคิดว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ มันไม่ได้เข้าสิงผมอย่างเดียว แต่มันกำลังผลักไสผมออกไปด้วย เพราะบางทีผมก็ไม่รู้สึกตัว บางทีผมก็ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไป 

    อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ผมเห็นทุกอย่างเป็นภาพซ้อน ได้ยินเสียงคลื่นแทรกเข้ามาเป็นครั้งคราว ในอีกไม่กี่นาทีวิญญานผมอาจจะออกจากร่างไปเลยก็ได้ 

     

    แกร๊ก! 

    ผมหันขวับไปทางโต๊ะที่คยองซูหลบอยู่ทันที แรงสะอื้นของคนตัวเล็กทำให้แผ่นหลังไปชนกับผนังโต๊ะจนสะเทือน 

    "คยองซู..." ได้ยินเสียงตัวเองพูดทั้งๆที่ไม่ได้สั่ง ร่างของผมถูกสั่งการให้วางเศษแก้วนั้นลงและก้าวขเดินไปทางนั้น คยองซูเอามือปิดปากกลั้นสะอื้นด้วยความกลัว ร่างเล็กกำลังจะวิ่งหนีแต่ผมก็เดินไปถึงตัวเสียก่อน 

    "ฮึก..." ผมที่ถูกควบคุมลูบไล้ใบหน้าหวานนั่นอย่างแผ่วเบา 

    ผมร้องไห้ ...  ใช่ ผมร้องไห้  

    รู้สึกถึงน้ำตาที่ไหลลงมาเปรอะหน้า มองร่างเล็กของคยองซูที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัว 

    "ซอนมี...นี่ซอนมีใช่ไหม" คยองซูพูดน้ำเสียงขาดห้วง 

    "..."  

    "เธอจำเราได้ใช่ไหม ปล่อยเราไปเถอะนะ เรายังไม่อยากตาย"  

    "ไม่! นายไม่เข้าใจ คยองซู"  

    "นายกำลังเข้าใจผิด!!" 

    "...!" เสียงของผมเปล่งออกมา ซอนมีเป็นคนพูดมันในร่างของผม คยองซูเงยหน้ามองกับประโยคเมื่อครู่ 

     

    "!!!"  

    ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะพูดอะไร เสียงคลื่นก็แทรกเข้ามาในหัวอีกครั้ง มันทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นๆ ภาพซ้อนมากยิ่งขึ้นจนผมแทบมองอะไรไม่รู้เรื่อง ประสาทสัมผัสทั้งหมดหายไป ผมไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก ผมไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงที่ดังอื้ออึงอยู่ในหัว ไม่รู้สึกเจ็บแผลหรือรู้สึกถึงอะไรที่สัมผัสได้เลย มีอย่างเดียวที่พอจะรู้ได้คือการมองเห็นเท่านั้น  

    เพียงชั่ววูบเดียวก็รู้สึกถึงแรงผลักดันที่ผลักตัวผมออกมา มองเห็นร่างตัวเองในระยะประชิด  

    ใช่ ผมหลุดออกจากร่างแล้ว ซอนมีครองร่างผมอย่างสมบูรณ์! 

    ราวกับหลุดมาอยู่อีกโลกนึงที่ล่องลอยเคว้งคว้างไม่มีตัวตน ผมไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย แม้แต่เสียงพูดของทั้งคู่ หรือเสียงฝนตกฟ้าร้อง ตัวเบาราวกับปุยนุ่น ผมก้มมองตัวเองด้วยความตกใจ 

    เมื่อพยายามจะกลับเข้าไปในร่างตัวเอง แรงผลักดันที่มองไม่เห็นก็ผลักผมออกมาอีกครั้ง ราวกับเป็นแม่เหล็กขั้วที่ผลักออกจากกัน  

     

    ผมไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดคุยกันว่าอะไรบ้างต่อจากนั้น แต่สีหน้าคยองซูที่ได้ฟังคำตอบดูตกใจอย่างมาก ใบหน้าหวานซีดเผือดและเบิกตากว้าง ก่อนจะแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด  

    ร่างบางรร้องไห้ฟูมฟายและผลักซอนมีในร่างของผมให้ออกไปไกลๆตัว  

    ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังอ้อนวอนดีๆอยู่แล้วแท้ๆ... 

     

    ทั้งคู่คุยอะไรกันอีกครั้ง ผมพยายามอ่านปากว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี รู้เพียงแต่ว่าคยองซูฟูมฟายมากขึ้นทุกที ผมอ่านจากปากร่างบางได้คำเดียวซ้ำไปซ้ำมาคือคำว่า 'ไม่จริง!' 

     

    ซอนมีในร่างผมคว้าคยองซูเข้ามากอดแน่นก่อนทั้งคู่จะร้องไห้กันอีกรอบ ร่างบางสะอื้นและพยายามผลักไสซอนมีออกจากตัวเอง แต่ซอนมีกลับกระชากข้อมือเล็กให้เดินออกมาจากตรงนั้นและในสิ่งที่ผมไม่คาดคิด 

    "!!" ผมกลับมาได้ยินเสียงปกติอีกครั้ง หากแต่ร่างยังคงไม่กลับไปเหมือนเดิม ได้ยินเสียงคยองซูชัดเจนเป็นครั้งแรก 

    "ไม่! ปล่อยนะ มันไม่จริง!!" คยองซูดิ้นและพยายามสลัดข้อมือให้หลุดจากมือแกร่งของผม คยองซูกรีดลั่นและโวยวายเสียงดัง 

    "..." ร่างของผมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เพียงแต่กระชากตัวคยองซูให้เดินตามมาทีริมระเบียง ผมจ้องเหตุการณ์ตรงหน้าไม่วางตา  

    มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมดูเหมือนว่าซอนมีกำลังจะโยนคยองซูลงไป... 

    ทั้งๆที่มันกำลังจะถึงเวลาที่ตัวแทนจะต้องตายแล้ว มันต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอ?  

    เมื่อครู่ก่อนหน้านี้ผมถูกควบคุมและกำลังจะซ้ำรอยอดีตที่ซอนมีตาย แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเสียได้ กลายเป็นคยองซูที่ต้องตายก่อนผมแทน หรือว่าความจริงแล้วตัวแทนไม่ใช่ผม..แต่เป็นคยองซู 

     

    "ปล่อยฉันนะ ฮือ... ฉันไม่เชื่อแกหรอก" 

     

    คยองซูเอื้อนเอ่ยเป็นคำสุดท้ายก่อนทั้งคู่จะหยุดอยู่ตรงริมระเบียง ผมก้มมองกระจกข้างๆที่สะท้อนตัวเอง มันคือหน้าซอนมี..ไม่ใช่หน้าของผม 

     

    ซอนมีไม่พูดอะไร การกระทำของเธอเป็นคำตอบทุกอย่าง เธอผลักคยองซูตกลงไปทันทีด้วยความสูงแปดชั้น  

    "!!!" 

     

    สีหน้าคยองซูตอนนั้น ผมจำได้ดี วินาทีสุดท้ายก่อนที่ร่างบางจะตกลงไป  

    มันดูตื่นตกใจและดูน่าสงสาร...ดูเหมือนกับว่าเพิ่งรับรู้ข่าวที่แย่ที่สุดมา 

     

    "..." คยองซูตายแล้ว...เหลือแค่ผม 

    เหตุการณ์มันไปไวเสียจนตั้งตัวไม่ทัน คู่แข่งของผมตายไปแล้ว คนที่ต่อสู้กับผมเพื่อเอาชีวิตรอด แสดงว่าผมเป็นผู้ชนะสินะ แต่ทำไมถึงไม่รู้สึกดีใจเลยล่ะ  

    ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นตัวแทนอย่างที่คิดไว้แต่แรก ทั้งๆที่รู้ว่าคยองซูเป็นตัวแทนและได้ตายไปแล้ว แต่ทำไมผมยิ่งกลัวมากขึ้น แทนที่จะดีใจที่ได้รอดเป็นคนสุดท้าย แต่กลับทวีความกลัวมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัวเมื่อรู้ว่ายังไงซะมันจะต้องมาเอาชีวิตไป 

    ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่ตัวแทน แต่ผมก็ต้องตายอยู่ดีใช่ไหม แล้วมันจะดีร้ายยังไงล่ะ? ในเมื่อยังไงซะผลลัพท์ก็ออกมาเท่ากัน คือผมตาย แต่อย่างน้อยวิญญาณผมก็ไม่ต้องถูกจองจำให้ทรมาณ  

    มันก็คุ้มแล้วที่คยองซูตกลงไปแบบนั้น มันแฟร์แล้วที่คยองซูต้องเป็นตัวแทน ไม่ใช่ผม ร่างบางทำอะไรไว้มากมาย ก่อเรื่องร้ายๆทำให้พวกเราฆ่ากันเอง มันก็สมควรแล้ว... 

     

    ผมก้มมองมือไม้ตัวเองที่เริ่มสั่นด้วยความกลัว ก่อนขาทั้งสองข้างจะก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆจนกลายเป็นวิ่งในที่สุด ผมหันหลังและวิ่งหนีออกมาจากตรงนั้น ยิ่งไกลที่สุดยิ่งดี  

    ทั้งโรงเรียนมีผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ คิม จงอิน ท่ามกลางวิญญาณและศพมากมายที่แฝงอยู่ในโรงเรียน คงเป็นเรื่องน่าตลกที่ผมต้องมาวิ่งหนีอยู่ในวังวนแบบนี้ แม้รู้ดีว่าหนีไปยังไงก็มีแต่ตันกับตัน  

    ผมกำลังจะแพ้แล้ว อยู่ตัวคนเดียวจะเอาชีวิตรอดอะไรได้ หนีเพื่อฆ่าเวลาเท่านั้นแหละ 

    แต่มันยังไม่จบหรอกนะ มันต้องมีสักทางที่จะกำจัดผีพวกนี้ 

     

    ซอนมีหาตัวแทนได้แล้ว นั่นคือคยองซู ซึ่งแปลได้ว่าซอนมีก็จะถูกปลดปล่อยและหายไป ส่วนคยองซูก็อาจจะยังไม่ปรากฏกายตอนนี้..มันเร็วเกินไป คยองซูอาจมีหน้าที่หาตัวแทนคนใหม่ในอีกห้าปีข้างหน้า 

    ผมเดาไม่ผิดใช่ไหม? ตามหลักการณ์ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ... 

    ในเมื่อกำจัดผีไปได้แล้วสองตัว ก็เหลือผีร้ายที่จ้องอาฆาตแค่ตัวเดียวแล้วล่ะ 

    นามิ คิมูระ 

     

    ตึกๆ 

     

    เสียงวิ่งตามข้างหลังดังขึ้นอีกแล้ว ผมไม่สงสัยอะไรแล้วล่ะ ในโรงเรียนนี้เหลือแค่ผมที่ยังไม่ตาย จะเป็นใครไปได้ล่ะนอกจากผีที่วิ่งตามผม ผมทำไม่สนใจและวิ่งไปเรื่อยๆ ต่อให้ต้องวิ่งขึ้นลงไปมาหลายๆชั้นซ้ำไปซ้ำมาก็ยอม ถ้ามันทำให้ยื้อเวลาได้ 

    กึก... 

    ฝีเท้าหยุดชะงักกระทันหันขณะที่กำลังจะก้าวลงบันไดไปอีกชั้น ความรู้สึกมันบ่งบอกว่าอันตราย ผมได้กลิ่นคาวเลือดโชยเข้ามาจากข้างหน้า พลันเสียงลากครืดก็ดังขึ้นมาจากบันไดที่ผมกำลังจะก้าวลงไป 

    "..." 

    ผมเปลี่ยนใจและหันหลังวิ่งย้อนกลับมาอีกทาง หากแต่ทางที่ผมกำลังจะเดินย้อนไปดันเป็นห้องกว้างที่เปิดประตูทิ้งไว้ 

    ปัง! 

    ป..ประตูปิดลงอย่างแรงทันทีที่ก้าวขาเข้ามาข้างใน ลมเย็นพัดไหววูบไปทั่วห้อง ความรู้สึกแบบนี้มันกลับมาอีกแล้ว ขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว มองไปรอบๆมีแต่ฝุ่นและหยากไย่มากมายที่เกาะรวมกัน 

    ผมวิ่งตรงไปกระแทกประตูหวังให้มันเปิดออก แต่การกระทำนั้นกลับไร้ประโยชน์เพราะ..มันถูกล็อคจากข้างนอก 

    "ปล่อยกูออกไป!" ตะโกนลั่นพลางเขย่าประตูไปมาอย่างคนไร้สติ หากแต่ผลตอบรับกลับทำให้ผมนิ่งสนิท 

    กริ๊ก... 

     

    "...!" 

     

    เสียงปลดล็อคประตูจากข้างนอกทำให้ผมสะดุ้งและยอมสงบปากสงบคำ ขาทั้งสองข้างก้าวถอยหลังจนแผ่นหลังชิดกำแพงห้องด้านในสุด เนื้อตัวสั่นเทาราวกับกำลังกลัวในสิ่งที่กำลังจะตามมาข้างหน้า 

    ลมที่เคยพัดวนในห้องหยุดลง ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ผมได้ยินเสียงหอบหายใจถี่ของตัวเองพร้อมกับเสียงหมุนลูกบิดประตู มือทั้งสองข้างกำหากันแน่นราวกับต้องการจะหาที่ยึดเหนี่ยว 

     

    "..." ผมล้มลงนั่งชันเข่าชิดกำแพง หรี่ตามองออกไปทางประตูที่กำลังเคลื่อนไหวช้าๆ ภาพด้านนอกเผยออกพร้อมกับบานประตูที่ค่อยๆอ้าออกอย่างยากลำบาก 

     

    แอด... 

     

    ข้างนอกไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความว่างเปล่า แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่แค่นี้แน่ ภายในอีกไม่กี่นาทีร่างอันเน่าเฟะจะโผล่ออกมาจากที่ไหนสักที่อย่างเหตุการณ์ที่ผ่านมา 

    "..." 

    ผมนั่งตัวสั่นด้วยความกลัว รอแล้วรอเล่า ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประตูอ้าค้างอยู่อย่างนั้น ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ หรือแม้แต่เสียงฝีเท้า 

     

    'ฮือๆ...' 

     

    "...!!!"  

     

    'ฮือๆๆ' 

     

    เสียงสะอื้นดังใกล้ๆตัว ผมสะดุ้งมองรอบๆห้องทันที บรรยากาศเยืออกเย็นอีกครั้ง ผมรับรู้ถึงความเศร้าในน้ำเสียงนั้น มันโหยหวนราวกับเจ็บปวดทรมาณอย่างมาก 

    "ต..ต้องการอะไร เธอต้องการอะไร!" 

    ผมลุกขึ้นยืนและหันมองรอบๆห้องอย่างหวาดระแวง ยังไม่พบความผิดปกติจากตรงไหนเลย ได้ยินเสียงแค่เสียงที่ดังคลอมากับสายลมเท่านั้น 

    'ฮึก..ฮือออ' เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆจนผมได้ยินชัดเจน 

     

    "!!!" 

    เงาดำวิ่งผ่านตัวผมไปอีกทาง เมื่อหันกลับไปดูมันก็หายไปเสียแล้ว 

    "!!!" 

    เงานั้นตัดหน้าผมอีกครั้ง ก่อนจะทะลุกำแพงไป 

     

    "ต้องการอะไรก็บอกมาสักทีสิ อย่าทำแบบนี้! ขอร้องล่ะ" 

     

    เลือดจำนวนมากไหลลงมาตามกำแพงห้องทั้งสี่มุม ผมเงยหน้าขึ้นไปบนเพดานด้วยความตกใจ 

     

    "!!!"  

     

    ผู้หญิงคนหนึ่งเธอนั่งเกาะบนพัดลมแล้วห้อยขาลงมา เธอเป็นต้นเหตุของเสียงร้องไห้ครั้งนี้ นัยน์ตาขาวโพลนร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด เธอกำลังมองมาที่ผม! 

     

    'ฮือ..ฮือ' 

     

    ขาผมอ่อนจนแทบไม่มีแรงจะยืน วินาทีนี้ทำผมแทบช็อค มือไม้ทั้งสองข้างมันสั่นไปหมดจนควบคุมตัวเองไม่ได้ พยายามจะเปล่งเสียงออกมาแต่มันก็ยากเหลือเกิน 

    "ธ..เธอต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม" 

     

    "..." เธอหยุดร้องไห้จ้องเขม็งมาที่ผม ก่อนใบหน้าที่เศร้าสร้อยจะกลับกลายเป็นฉีกยิ้ม เธอเอียงคอไปมาอย่างสนุกสนาน เอียง..มากเกินไป ศรีษะของเธอเอียงซ้ายจนติดกับไหล่ 

    'ต้อง...การ...' 

    '...ให้...นาย...' 

     

    ผีสาวเอียงคอกลับมาตั้งตรงเหมือนเดิม ก่อนคำพูดสุดท้ายจะหลุดออกมาพร้อมกับศรีษะที่หักกร๊อบไปด้านหลังอย่างแรงจนหักและล่วงออกจากคอ 

     

    'ตาย!!!' 

     

    ปัง! 

     

    "เฮือก!"  

     

    ประตูกระแทกปิดเข้ามาจนสะเทือนไปทั้งห้อง ได้ยินเสียงหัวเราะร่าจากทุกหนทุกแห่ง ร่างนั้นหายไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงศรีษะที่กลิ้งตกมาอยู่ตรงปลายเท้าผม ดวงตาขาวโพลนเบิกโพลงอย่างน่ากลัว 

     

    ผมทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป มันจะทำอะไรผมกันแน่ ทำไมอยู่ดีๆก็หายไป แล้วทำไมต้องการให้ผมตาย ทั้งๆที่ตอนแรกยังร้องไห้เหมือนกับว่ามีเรื่องอยากให้ช่วย แต่ทำไมถึงทำแบบนี้ 

    ผมอยากพูดให้รู้เรื่อง อยากแก้ปัญหาเรื่องทั้งหมด ให้นามิไปสงบสุขเสียที ไม่ต้องการให้เกิดลูกโซ่อีกแล้ว 

    "ผมจะช่วยคุณได้ยังไง คุณต้องการความช่วยเหลือใช่มั้ย บอกผมมาเถอะเรื่องทุกอย่างจะได้จบ" 

     

    'มันไม่มีทางจบ!' 

     

    "!!!" เสียงตวาดดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ผมมองรอบๆอย่างหวาดกลัว 

     

    "ถ้าอย่างนั้นก็บอกมาสิว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ ทำไมต้องฆ่าทุกคน แค้นอะไรนักหนาเหรอถึงได้ฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่องด้วย รู้มั้ยว่าที่ทำไปมันไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาเลยนะ" ผมพยายามพูดดีๆและบอกเหตุผล แต่ยิ่งพูดเหมือนบรรยากาศจะมาคุขึ้นเรื่อยๆ นี่ผมไปปลุกโทสะเธอหรือเปล่านะ 

     

    'กูก็แค่อยากให้โรงเรียนนี้มีอันเป็นไป มันจะต้องคำสาป มันต้องมีคนตายไปเรื่อยๆ กูจะไม่ไปไหนจนกว่าที่นี่จะพังพินาศลงกับตา!' 

     

    โครม!!

     

    "!!!"  ลมพายุขนาดเล็กพัดวนในห้องจนข้าวของล้มกระจาย พัดลมที่อยู่บนเพดานตกลงมาเฉียดหัวผมไปหน่อยเดียวเท่านั้น 

     

    'มึงอยากรู้เรื่องของกูมากใช่มั้ย กูจะทำให้มึงรู้เดี๋ยวนี้แหละ!'

                100%

    ครบแล้ว ครบแล้ว >< เย่! 
    ใกล้จะจบแล้วง่า จะมีใครแถวนี้อยากได้รวมเล่มบ้างไหม ._. ประมาณว่าเก็บไปหลอน แฮ่
    ตอนหน้ามาดูกันว่าคยองคุยไรกับซอนมี แล้วเบื้องหลังนามิมันเป็นยังงายย

    ไรท์ขอบคุณรีดมากๆนะคะที่คอยเม้นเป็นกำลังใจให้ หรือแท๊ก #ฟิคสคฮร ให้ แค่โหวตก็ดีใจแล้ว ^^
    ความจริงอยากรู้จักรีดทุกคนเลย แฮร่ ^^'' บางคนก็รู้จักแล้ว ทักไรต์มาบ้างก็ได้นะ 555 
    ไปล่ะ เวิ่นมากไป =='



     



     





    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×