ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #21 : SCHOOL : CHAPTER17

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.72K
      21
      23 ก.ค. 56

    CHAPTER17 

     

    ภายในห้องบรรยากาศตึงเครียด ความกดดันทุกอย่างถูกส่งมาให้ผม จุดเปลี่ยนชีวิตก็อยู่ในมือผมเช่นกัน 

    ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าผมจะตัดสินใจยังไง 

    "นายคิดดีแล้วเหรอชานยอล นายต้องการให้มันจบแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ ถึงยิงฉันมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมานอกจากความสะใจ" 

    "นั่นล่ะที่ฉันต้องการ! ฉันแค่อยากทำเพื่อแก้แค้นให้แบคฮยอน.." 

    "..ถูกอย่างที่นายบอก คยองซู ฉันอาจจะตายวันตายพรุ่งตอนไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นก่อนตายก็ขอเอาคืนให้มันสาแก่ใจหน่อยแล้วกัน ฉันจะได้ตายตาหลับ" 

    พูดไปแบบนั้นแต่มันยากเหลือเกินที่จะต้องควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ยิ่งพูดน้ำตามันก็ยิ่งพาลจะไหล 

    เมื่อไม่มีแบคฮยอนแล้ว ทุกอย่างเหมือนไร้ค่า ไม่มีอะไรต้องเสียดาย แม้แต่ชีวิตตัวเอง 

    หรือผมจะฆ่าตัวตายตามแบคฮยอนไปดีนะ?  

    แต่ถ้าทำแบบนั้นครอบครัวผมจะรู้สึกยังไง..พ่อกับแม่คงจะเสียใจมาก 

    ผมมีความคิดมากพอที่จะไม่ทำอะไรสิ้นคิดอย่างนั้น เพียงแต่...มันรู้สึกเสียศูนย์ 

    รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยวราวกับตัวเองอยู่บนโลกนี้คนเดียว  

    แต่ถ้าเปลี่ยนจากสละชีวิตเพื่อแบคฮยอนมาเป็น'แก้แค้น'แทนแบคฮยอนมันคงจะดีเสียกว่า 

    ถึงแม้เปอร์เซนต์รอดในโรงเรียนนี้จะมีเพียงน้อยนิด แต่ผมก็ไม่เสียดายมันเท่าไรหรอก  

    ขอแค่ให้ได้ทำตามใจตัวเองก็พอ รู้ว่าการฆ่าคนมันผิด แต่ถ้าชั่วโมงข้างหน้าผมตายไป 

    ผมก็ไม่จำเป็นต้องติดคุกนี่! ใครจะไปรู้อนาคต อะไรๆก็เกิดขึ้นได้เสมอ  

    เพราะฉะนั้นผมจึงต้องรีบคว้าโอกาสแล้วใช้มันก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ใช้อีกตลอดกาล 

     

    ไคฉวยโอกาสตอนผมกำลังตัดสินใจวิ่งหนีออกไปทันที เหลือเพียงผมกับคยองซูที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง 

    "ชานยอล นายยังเห็นฉันเป็นเพื่อนอยู่มั้ย"  

    คำพูดกึ่งอ้อนวอนทำให้ผมเค้นหัวเราะ ยังจะมาพูดอีกนะ ตัวเองรู้ดีอยู่แล้วแท้ๆ 

    "เลิกพูดเถอะ ยังไงซะฉันก็จะยิงนาย"  

    "..." คยองซูเม้มริมฝีปากแน่น คอยๆก้าวถอยจากผมอย่างเนิบๆ  

    "น..นายคิดเหรอว่าแบคฮยอนจะอยากให้นายทำแบบนี้ แบคฮยอนไม่ชอบความรุนแรงนายก็รู้ ถ้าหากว่าแบคฮยอนรู้ว่านายฆ่าคนตาย เขาต้องไม่ชอบแน่ๆ"  

    ผมส่ายหน้าให้กับการแสดงของคยองซู จะยื้อเวลาไปอีกสักเท่าไรกัน ยังไงซะผมก็ตัดสินใจแล้ว 

    "ตอนนี้นายไม่เหลือใครแล้วไม่ใช่หรือไงชานยอล ถ้านายทำแบบนี้มันยิ่งเป็นความผิดติดตัวนายไปตลอดชีวิตนะ นายอย่าให้วิญญาณแบคฮยอนต้องผิดหวังสิ" 

    "..."  

    ผม..ผมรู้ว่ามันผิด แต่ผมไม่อยากให้เขาตายเปล่านี่ ผมแค่อยากทำให้เรื่องมันยุติธรรม 

    ทั้งๆที่คยองซูทำกับแบคฮยอนขนาดนี้ ทั้งๆที่แบคฮยอนต้องทรมาณขนาดนี้ แต่คนทำยังลอยหน้าลอยตาอยู่ได้นี่มันไม่ยุติธรรมเสียเลย 

    ไม่เลยจริงๆ... 

     

    "หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ เลิกถอยได้แล้ว!" ผมตวาดเมื่อคยองซูเริ่มตุกติกเมื่อเห็นผมเข้าสู่อาการเหม่อลอย 

    ร่างบางชะงักกึกและเอามือไขว้หลังตั้งท่าตรง  

    "ฉันคิดดีแล้ว...และนายต้องตาย!" 

     

    เพล้ง!! 

    "โอ้ยยย" 

     

    คยองซูที่ไม่รู้ไปหยิบแจกันมาจากไหนฟาดเข้าที่ท้ายทอยผมอย่างจังจนมันแตกละเอียด  

    ผมล้มลงไปด้วยความเจ็บ เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากต้นคอ 

     

    "ฉันเตือนนายแล้วนะ" ร่างบางมองผมสายตาว่างเปล่าและวิ่งออกไปทันที 

     

    บ้าเอ๊ยยยย ผมพลาดท่าให้คยองซูอีกแล้ว!!! 

     

    ขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด  

    แล้วทีนี้จะเอายังไงกับชิวิตดีล่ะ จบแล้ว มันจบแล้ว แบคฮยอนตายแล้ว! 

    ผมไม่มีจุดหมาย ผมจะสู้ไปเพื่ออะไร ที่ทนมาได้ตลอดก็เพราะแบคฮยอนทั้งนั้น 

     

    ขาทั้งสองข้างวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว จุดประสงค์ก็แค่ออกไปจากที่นี่เท่านั้น  

    แม้จะรู้ว่าลงไปต้องเจออะไรบ้าง แต่มันก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ใช่เหรอ?  

    จะเจอก็เจอไปสิ ผมยอมเสี่ยงดีกว่านั่งรอความตายอยู่ในนี้ 

     

    ครื้นนนน  

     

    เสียงฟ้าร้องคำรามทันทีเมื่อปลายเท้าผมแตะพื้นชั้นล่างได้ บรรยากาศอึ้มครึ้มและอบอวลไปด้วยความสยองขวัญ ลมวูบนึงพัดผ่านตัวผมไป  

    ความรู้สึกมันไม่ต่างจากตอนที่ผมอยู่ห้องสมุดเท่าไรนัก  

     

    ผมตรงไปที่ประตูทางออกทันทีหากแต่มันกลับเปิดไม่ออก อาจจะล็อคด้านนอกหรืออะไรผมก็ไม่อาจทราบได้ รู้เพียงแต่ว่าถ้าจะออกไปก็มีแค่ทางนี้ทางเดียว เพราะประตูหลังอยู่อีกฝั่งหนึ่งที่ไม่มีใครคิดจะเดินไปหาอยู่แล้ว  

    มือหนาของผมทุบบานประตูอย่างขัดใจ ทำไมกันนะ เวลามีอะไรฉุกเฉินประตูมักจะเปิดไม่ออกตลอดเลย! 

     

    "!!!" 

     

    มือปริศนาที่เย็นเชียบทาบทับลงมาบนมือผมกับบานประตู มันเย็นมากเสียจนขนลุก  

    ผมพยายามจะชักมือกลับแต่มือนั่นกลับกดลงมาแน่น รู้สึกถึงเลือดหนืดที่ติดมาเป็นเมือกกับมือด้วย  

     

    "หื้ม..หืม..หือ ~" 

     

    เลือดจำนวนมากไหลลงมาตามบานประตู ในเวลาไม่นานประตูขนาดใหญ่ก็อาบไปด้วยสีเลือด 

    ไฟตกและเริ่มกระพริบติดๆดับๆ มือปริศนาในเงามืดพยายามดึงแขนผมไป  

     

    ผมพยายามตั้งสติและไม่กระโตกกระตากก่อนที่มันจะดึงถล้ำลึกไปมากกว่านี้ ผมพลิกฝ่ามือและกระแทกมือเย็นนั่นอย่างแรง ส่งผลให้นิ้วเรียวยาวเกาะรอบข้อมือผมแน่นเข้าไปอีก 

     

    "!!!"  

     

    เมื่อข้างนี้ใช้ไม่ได้มืออีกข้างก็คว้าเอาปืนกระบอกเดิมที่เสียบติดเอวมายิงเข้าไปในเงามืดที่มือโผล่ออกมา 

    ถึงจะเป็นผีก็เถอะ แต่ยังไงต้องลองยิงเผื่อไว้ก่อน บางทีมันอาจจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้างก็ได้ 

     

    ปัง! 

     

    "..." ได้ผล มือนั่นคลายพันธนาการและหดกลับไป  

     

    ครื้นนน  

     

    ฟ้าร้องเสียงดังจนผมสะดุ้ง มองไปรอบๆด้วยความหวาดกลัว เห็นทีว่าต้องรีบเสียแล้ว  

    หันซ้ายหันขวาก็สะดุดเข้ากับเก้าอี้ขาตั้งเหล็กพอดี ผมเขวี้ยงมันใส่ประตูกระจกใสอย่างแรงจนแตกกระจาย 

     

    "โอ้ย" รู้สึกเจ็บแผลขึ้นมาเสียเฉยๆ เศษกระจกอาจกระเด็นไปโดนแผลสดที่เพิ่งได้มาไม่นาน 

    ก่อนจะออกไปผมหันหลังกลับมามองทางเดินข้างในอีกครั้ง เห็นรอยเลือดตั้งแต่บันไดลงมาถึงที่ผมยืนอยู่ 

    มันไม่ใช่รอยของใครที่ไหน แต่เป็นของผมเอง...แผลจากท้ายทอย 

     

    ผมวิ่งฝ่าฝนมาที่ประตูรั้ว ...ปราการสุดท้ายที่ผมจะต้องข้ามมันเพื่อออกไปข้างนอก 

     

    และแน่นอนว่ามันปิดอยู่เช่นเคย ผมไม่เสียเวลาลองเลื่อนเปิดดูหรอกว่ามันล็อคหรือไม่ ถ้าไม่ล็อคก็ไม่ใช่โรงเรียนผีแล้วล่ะครับ 

    เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปยังปลายแหลมของมันที่เป็นซี่ถี่ๆรูปร่างเหมือนหอกก็ต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่  

    ถ้าผมพลาดท่าเมื่อไรล่ะก็..ศพไม่สวยแน่  

    พูดถึงเรื่องนี้ผมก็คิดถึงแบคฮยอนอีกครั้ง ร่างบางยังอยู่ที่เดิม ดวงตาเบิกค้างและมองมาที่ผม  

    ไม่อยากยอมรับเลยว่ามันน่ากลัวจริงๆ แต่ถ้าเป็นแบคฮยอนผมไม่เคยกลัวอยู่แล้ว 

     

    ความจริงผมน่าจะเอาร่างของแบคฮยอนไปด้วย จะได้ทำพิธีให้ดูดีกว่านี้ ผมอยากล่ำลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย  

    อยากมีโอกาสเอาดอกไม้ไปวางหน้าหลุมศพ อยากกอดศพเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความคิดถึง  

     

    ผมค่อยๆปีนขึ้นไปข้างบนอย่างยากลำบาก ถึงแม้จะปีนเก่งก็จริงแต่ประตูนี่สูงเกินไป แถมยังต้องมาระวังกับปลายแหลมของมันอีก 

    เมื่อคร่อมบนสุดได้แล้วเอื้อมมือไปคว้าตัวแบคอยอนที่เสียบคาอยู่อีกฝั่ง แต่ได้เพียงแค่ปลายนิ้วเท่านั้น ผมพยายามคว้าชายเสื้อร่างบางไว้และดึงมันขึ้นมา แต่ทว่า.. 

     

    ตุบ! 

     

    ร่างแบคฮยอนร่วงหลุดมือผมไปอย่างช่วยไม่ได้ ผมจำต้องลงจากข้างบนมาอุ้มตัวแบคฮยอนพาดบ่าไว้และปีนขึ้นใหม่อีกครั้ง  

     

    ครื้นน 

    ซ่า....  

     

    ฝนยังโปรยลงมาอย่างหนักน่วง ท้องฟ้าสีดำทะมึนคำรามอย่างน่ากลัว ผมลื่นเล็กน้อยแต่มือหนนาก็พยายามเกาะเหล็กแกร่งไว้ให้แน่น 

    การปีนครั้งนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก ไหนจะแบคฮยอนที่พาดไหล่ผมอยู่ ไหนจะฝนที่กระหน่ำลงมาไม่หยุด 

    พรืดด  

    "เหี้ยเอ้ย!" อดสบถออกมาไม่ได้เมื่อตัวเองตกลงมาอีกครั้ง นั่นหมายความว่าผมต้องปีนมันอีกรอบ 

     

    ครืดด... 

     

    ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆดังปนมาพร้อมกับเสียงฝน ค่อยๆหันหลังไปมองด้วยใจเต้นระรัว หวังว่ามันคงจะไม่ตามมาหรอกนะ.. 

     

    ครืดด... 

     

    ผมเพ่งมองในความมืด ไม่พบอะไรที่คลานมาทั้งนั้น จะมีก็เพียงแต่..เครื่องตัดหญ้าที่อยู่ข้างสนาม 

     

    มันติดขึ้นเองและกำลังไถมาทางนี้! 

     

    จะปีนก็คงไม่ทันแล้ว หากผมตกลงมาอีกรอบมีหวังได้เละแน่ ไม่อยากจะคิดภาพใบมีดคมๆของมันเลย  

    เมือเห็นว่าอยู่ตรงนี้นานท่าจะไม่ดีนัก ผมจึงอุ้มแบคฮยอนวิ่งลัดสนามมาอีกฝั่ง 

    จะยังไงก็ตามผมไม่มีวันกลับเข้าไปในตึกโรงเรียนอีกเป็นครั้งที่สองแน่ 

     

    ผมวิ่งฝ่าฝนมาทางสระว่ายน้ำของโรงเรียนที่อยู่ข้างตึก เสียงเครื่องตัดหญ้ายังตามมาหลอกหลอนไม่จบไม่สิ้น มันหยุดอยู่ข้างหลังผมและเร่งเครื่องด้วยตัวของมันเอง 

     

    จะทำยังไงดี...ผมไม่มีที่ไปแล้ว 

     

    ราวกับอ่านใจออก มันเลื่อนเข้ามาหาผมช้าๆในขณะที่ใบมีดกำลังหมุนเเตรียมพร้อมที่จะใช้งานได้ทุกเมื่อ 

    ผมก้าวถอยทีละก้าวอย่างหวาดกลัว  

     

    ตู้มมม! 

     

    ร่างสองร่างตกลงไปในสระน้ำ ผมคว้าตัวแบคฮยอนเข้ามากอดและพยายามว่ายขึ้นฝั่ง  

    แต่ทว่าเมื่อเย็นกลับรั้งขาผมไว้อีกครั้ง ต่อด้วยแรงดึงที่ทำให้ผมดิ่งลงมาลึกมากกว่าเดิม 

     

    ผมกระพริบตาถี่ๆในน้ำและปล่อยฟองอากาศให้ลอยขึ้นเหนือน้ำ เลือดที่ท้ายทอยไหลเจือปนกับน้ำในสระที่เต็มไปด้วยคลอรีนจนผมแสบแผลไปหมด  

    มือนั้นดึงผมดิ่งลงมาเรื่อยๆจนผมหมดแรงที่จะว่ายขึ้นไป ได้แต่ปล่อยให้มันทำตามใจชอบ 

    "..." 

    น้ำที่เคยใสกลับกลายเป็นสีเลือด ผมมองเห็นเงาลางๆใต้น้ำนั้น  

     

    พอจะรู้ชะตาตัวเองแล้วว่าคงไม่รอด... 

    ผมไม่พ้นเงื้อมมือมันแน่นอน ดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์... 

    แต่ผมก็ดีใจที่ได้กอดแบคฮยอนเป็นคนสุดท้าย...จวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต 

     

    --SCHOOLHORROR-- 

     

    [KAI PART] 

     

    ผมใช้โอกาสตอนที่ทั้งคู่เข้าสู่สภาวะตึงเครียดแล้ววิ่งหนีออกมาอย่างเร็ว  

    ผมขี้ขลาดใช่ไหมล่ะ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ชานยอลพูดเองว่าจะจัดการผมเป็นรายต่อไป ใครไม่เผ่นก่อนก็โง่เต็มทน  

    ผมไม่รู้ว่าตอนนี้คยองซูโดนยิงตายไปหรือยัง แต่ตั้งแต่เดินมาก็ไม่ได้ยินเสียงปึงปังอะไรเลย  

    คาดว่าคยองซูคงจะเอาตัวรอดมาได้อีกล่ะสิ เชื่อเขาเลย 

     

    "…" บรรยากาศเงียบเชียบทำให้ผมขนลุกซู่ ผมไม่ชอบการอยู่คนเดียวเลย ผมถึงต้องตัวติดกับคยองซูไง 

    แต่ตอนนี้เห็นทีต้องลุยเดี่ยวแล้ว ในเมื่อความลับทุกอย่างเปิดเผย เราสองคนก็เป็นศัตรูกันโดยอัตโนมัติ 

     

    ตึก! 

     

    เสียงฝีเท้าของใครคนนึงวิ่งตามผมมา ผมไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไป ทำได้เพียงวิ่งหนีเท่านั้น 

    เร่งฝีเท้ามากขึ้นเมื่อเสียงนั่นยังคงตามไล่หลัง ความกลัวเริ่มคลืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ 

     

    "ไค..."  

     

    ผมหยุดกึกเมื่อเสียงเรียกจากข้างหลังเป็นน้ำเสียงที่คุ้นชิน  

     

    "คยองซู..." 

     

    ผมหันหลังกลับไปมองร่างบางให้เต็มตา สภาพไม่ต่างจากผมเท่าไรนัก แต่ที่ผิดวิสัยสุดๆก็ไอแผลที่ต้นคอนั่นยังมีเลือดไหลไม่หยุดตลอดทางเดินที่ผ่านมา 

    แต่คยองซูก็ไม่คิดที่จะห้ามมัน ทั้งยังไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดใดอีกต่างหาก 

     

    "ยอมแพ้เถอะไค ถึงนายไม่ได้โดนฉันฆ่า นายก็ตายเพราะมันอยู่ดี" คยองซูพูดเสียงเรียบหากแต่แฝงไปด้วยความเย็นในน้ำเสียง 

    "ไหนนายบอกว่าเราจะไม่ฆ่ากันไง จนกว่าจะเหลือเราแค่สองคนในโรงเรียน"  

    "ใช่ ฉันพูดอย่างนั้น แต่ตอนนี้เรื่องมันแดงแล้ว รักษาสัญญาไปก็ไม่มีประโยชน์" 

    "ถ้าอย่างนั้น..." 

     

    ผมสำรวจสภาพร่างกายที่บอบช้ำของคยองซู ดูๆแล้วก็แทบจะไม่ไหว มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องหนีล่ะจริงไหม? 

    ถ้าคนตรงหน้าเป็นชานยอลผมอาจจะกลัวและถอยหลังไปตั้งหลัก  

    แต่กับคยองซู..ถ้าพูดเรื่องพละกำลัง ผมมีมากกว่าอยู่แล้ว 

     

    "!!!"  

    "น..นาย อั้ก!" ร่างบางส่งเสียงอู้อี้เมื่อผมตรงเข้ามากระชากต้นคอและบีบมันอย่างแรงด้วยความรวดเร็ว 

    คงจะคิดไม่ถึงสินะว่าผมจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนตามล่าเองแท้ๆ 

    "ก็เอาซี่ ในเมื่อคนๆเดียวต้องอยู่รอด ฉันก็จะเป็นคนนั้น" 

    "ป..ปล่อย!" คนตัวเล็กพยายามเปล่งเสียงและใช้มือดันผมให้ออกไป แต่ผมยิ่งบีบรัดคอแรงมากขึ้นและต้อนจนชิดกำแพง ตัวคยองซูลอยเคว้งเหนือผมขึ้นมาเล็กน้อย 

    "แค่กๆ" ผมออกแรงจนเส้นเลือดปูดและเปลี่ยนการกระทำมาเป็นอีกอย่างแทน เพราะดูเหมือนว่าร่างบางจะอึดเสียเหลือเกิน  

    ผมจับหัวคยองซูโขกกับกำแพงอย่างแรงและเร็ว เพียงแค่สองสามทีเลือดก็กระฉูดออกมาจนเปื้อนมือผมไปหมด 

     

    เพล้งงง 

    "อ๊ากกก" คยองซูคว้ากระถางต้นไม้ข้างๆตัวเหวี่ยงใส่ผมทันที  

    ขนาดมันไม่ใช่น้อยเลย ผมล้มลงไปและกุมแผลตัวเองด้วยความเจ็บ  

     

    เราทั้งคู่บาดเจ็บสาหัสพอๆกัน แต่ร่างบางไม่ได้มีสีหน้าหรือท่าทีที่บ่งบอกว่าเจ็บเลยสักนิด  

    ถ้าเป็นคนอื่นโดนแบบคยองซูตั้งแต่แรกผมคิดว่าเลือดคงจะหมดตัวตายไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ 

     

    คยองซูยืนหอบเหนื่อยกำรอบคอตัวเองด้วยความเจ็บ ผมใช้โอกาสนี้วิ่งหนีไปตั้งหลักที่อื่น 

    เห็นบอบบางแบบนี้แต่ร้ายใช้ย่อยเลย ทั้งๆที่ตอนแรกผมคุมเกมด้วยซ้ำ ตายยากชะมัด 

     

    ผมพาตัวเองเข้ามาให้ห้องๆหนึ่งที่ไกลจากตรงนั้นมากพอสมควรแล้วปิดล็อคอย่างแน่นหนา  

    นั่งพิงกำแพงอย่างอ่อนล้า แค่นี้ร่างกายก็แย่พออยู่แล้ว ทำไมผมต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วยนะ 

    คิดผิดมหันต์ที่ย้ายเข้ามาที่นี่ แค่วันแรกก็แทบเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว  

     

    ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับผมด้วย ผมไม่เข้าใจ ทำไมตัวเองต้องมาพัวพันอยู่กับเรื่องสยองขวัญบ้าๆนี่ทั้งๆที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรกับเขาเลย 

     

    ครืดดดดดด  

     

    "!!" ผมสะดุ้งเมื่อเสียงนั้นดังมาแถวหน้าห้อง ทำใจกล้าก้มลงไปมองช่องใต้ประตู เห็นเท้าคนกำลังเดินมาทางนี้ ไม่ค่อยอยากปักใจเชื่อเท่าใดนักว่าเป็นเท้าของคยองซูหรือชานยอล เพราะมันไม่ได้ใส่รองเท้า.. 

     

    ทันใดนั้นเลือดก็ค่อยๆไหลลงมาตามขาถึงเท้า ผมรับรู้ได้เลยว่ามันไม่ใช่คน! 

     

    ปัง ปัง !! 

     

    "!!!" ม..มันเคาะประตูแล้ว  

     

    ผมถอยกรูดไปชิดมุมห้องโดยเร็ว ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางเปิดมันออกเด็ดขาด! 

    นอกเสียจาก... 

     

    มันเปิดของมันเอง... 

     

    แกร๊กก 

     

    "..."  

     

    แอดด 

     

    "..." ผมหอบหายใจด้วยความกลัว ฝ่ามือเย็นเชียบ สายตาจับจ้องไปที่บานประตูที่กำลังอ้าออกช้าๆ 

    แต่กลับไม่เห็นใครเลย ราวกับประตูแค่เปิดเอง แต่ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ฝีมือมนุษย์แน่ๆ 

     

    ผมนิ่งงันอยู่สักพักก่อนจะค่อยๆเดินไปทางประตูอย่างกล้าๆกลัวๆ ใจจริงอยากจะวิ่งหนีไปเสียให้ได้ 

    "..." 

     

     

     

    "กรี๊ดดดดดดด" 

    "!!!" 

    "อ๊ากกกกก"  

     

    ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวพ้นประตู ผีสาวก็ห้อยหัวลงมาและแหกปากกว้างเหมือนกับตอนที่ผมเห็นเมื่อหัวค่ำ 

    ก่อนจะกระโจนเข้ามาหาผมและภาพทุกอย่างก็แปรเปลี่ยนไปทันที...  

     

    เหมือนผมถูกมันครอบงำทั้งร่ายกายและจิตใจ หัวสมองเปลี่ยนภาพเหตุการณ์ไปมาราวกับกรอเทป 

    ผมดูออกได้ทันทีว่ามัน.. 

     

    ฉายภาพเหตุการณ์ในอดีต  

    อดีตของเพื่อนคยองซู...คนๆนี้คือเพื่อนที่คยองซูพูดถึง 

     

    'คยองซูอย่าไปเลยนะ มันอันตราย' เสียงเล็กของเด็กสาวคนหนึ่งกำลังเอ่ยห้ามคยองซูที่กำลังจะเดินไปริมระเบียง  

    'อย่ายุ่งได้ไหมกาฮี ถ้ากลัวนักก็ไปยืนรออยู่กับซอนมีก่อนก็ได้' ร่างบางบอกสีหน้ารำคาญก่อนจะเดินดุ่มๆออกไปข้างนอก คนที่ชื่อกาฮีได้แต่เดินตามไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ปล่อยให้คนที่ชื่อซอนมีร้องเรียกอยู่ด้านหลัง 

    'เธอจะกลัวอะ...เฮ้ยยยย' 

    'กรี๊ดดดดด' 

    ทั้งสองคนตกลงไปจากระเบียงอย่างรวดเร็วด้วยความไม่ตั้งใจ  

    'คยองซู! กาฮี! ฮือออ' ซอนมีได้แต่ร้องได้ด้วยความเสียใจเมื่อเพื่อนที่เหลือสองคนสุดท้ายของตนตกลงไป 

    'ฮึก'  

    '...' ในขณะที่ตนกำลังจะหันหลังกลับไปอีกฝั่ง เสียงเรียกจากระเบียงเมื่อครู่ก็ดังขึ้นอีกครั้ง 

    'ซ..ซอนมี ช่วยฉันหน่อย'  

    'คยองซู!' เด็กสาวตะโกนลั่นอย่างลืมตัวเมื่อเพื่อนของตัวเองปีนขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ 

    'กาฮี..เขาไปแล้ว ฉันรั้งเขาไว้ไม่ทัน' คยองซูพูดหน้าเศร้า ทั้งคู่กอดกันแน่น 

     

    จากนั้นฉากก็เบลอและตัดไปอีกสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นห้องสมุดบนชั้นแปด

     

    ไคเห็นซอนมีเพื่อนสาวของคยองซูจากฉากที่แล้วกำลังโดนวิญญาณร้ายเขาสิง เธอดิ้นทุรนทุรายต่อสู้กับมันอยู่นานก่อนจะพ่ายแพ้และถูกมันครอบงำ  

    คยองซูวิ่งเข้าไปหลบใต้โต๊ะตัวใหญ่ด้วยความหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่น มองเพื่อนตัวเองที่กำลังหัวเราะอย่างน่ากลัว 

    ซอนมีปัดข้าวของบนโต๊ะที่คยองซูซ่อนอยู่ข้างใต้หล่นลงมา แก้วน้ำหลายใบแตกกระจายเพราะแรงกระแทก  
    หญิงสาวแสยะยิ้มเย็นและทำในสิ่งที่คยองซูไม่คาดคิด! 

    มือบางก้มหยิบเศษแก้วนั้นขึ้นมาและกินมันอย่างช้าๆ ความแหลมคมของมันทำให้เลือดสีแดงข้นไหลออกมาจากปาก คยองซูมองภาพนั้นอย่างตกใจและร้องไห้ออกมา  

    ซอนมีหัวเราะเสียงดังทั้งๆที่มีเศษแก้วเต็มปาก หลังจากนั้นเธอก็หยิบชิ้นส่วนที่ใหญ่มากที่สุดมาปาดข้อมือตัวเองอย่างช้าๆ...ค่อยๆกดมันลึกลงไปเรื่อยๆจนเลือดทะลักเต็มฝ่ามือ 

    เพียงไม่นานหญิงสาวก็ฟุบหมดสติไป...ตลอดกาล 

     

    "!!!" 

    กลับเข้าสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ผีเพื่อนสาวคยองซูยังคงสิงอยู่ในตัวผม ผมกลัวเหลือเกินว่าตัวเองจะเป็นแบบนั้น 

     ร่างกายผมดิ้นพล่านไปมาและผมเริ่มคุมสติตัวเองไม่ได้ สีหน้าผมแปรเปลี่ยนไปเองทั้งๆที่ผมไม่ได้บังคับ 

    "ปล่อย..." ลำคอแห้งผาก ผมพยายามต่อสู้กับตัวเอง ได้ยินเสียงหัวเราะอันแผ่วเบาในจิตใจ 

    มือหนาของผมบีบคอตัวเองทั้งๆที่ไม่ได้สั่ง รู้สึกหายใจไม่ออกราวกับกำลังขาดอากาศหายใจ 

     

    ผมเดินสะเปะสะปะเข้าไปในห้องน้ำในขณะที่มือข้างนึงก็บีบคอตัวเองด้วย มองเข้าไปในกระจกบานใหญ่เห็นใบหน้าของตัวเองที่กำลังยิ้ม...ยิ้มทั้งๆที่บีบคอตัวเอง มันช่างดูน่าสยดสยองนักในสายตาของผม 

     

    "แค่กๆ" มือหนาบีบแรงมากขึ้นเรื่อยๆจนผมตัวเกร็ง ผมเปิดก็อกน้ำและเอาหัวจุ่มลงไปให้รู้สึกตัว มันอาจจะเป็นวิธีที่โง่ไปสักหน่อยแต่ใครมาอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ก็คงคิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน 

    น้ำที่เย็นเชียบไหลผ่านเส้นผมผมไปยังหน้าและเปียกไปทั้วทั้งหัว รู้สึกเหมือนเป็นตัวของตัวเองขึ้นมาหน่อยนึง 

     

    หลับตาและกำมือแน่นสู้กับมัน ผมจะไม่มีทางยอมแพ้เด็ดขาด  

    ผมเป็นคนขี้ขลาด ใช่ ผมยอมรับ แต่ผมมั่นใจตัวเองได้ว่าไม่ได้เป็นคนจิตอ่อน ผมจิตแข็งมากถึงมากที่สุดด้วยซ้ำ ผมจะไม่มีทางตายง่ายๆเพราะเรื่องแบบนี้ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ 

     

    "..." ลืมตามองใบหน้าเหยเกของตัวเองในกระจก สะท้อนภาพผีร้ายในม่านตา ผมบังคับมือให้กำหน้าตัวเองไว้ราวกับจะฉีกมันออกมาให้รู้แล้วรู้รอด 

     

    'กรี๊ดดดดดด' 

     

    ตุบ!  

     

    ผมล้มลงไปกับพื้น และกลับมาเป็นตัวของตัวเอง วิญญาณร้ายหายไปแล้วแต่ยังทิ้งกลิ่นอายความสยองไว้ในนี้ ผมลุกขึ้นวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้ทันที  

     

    "เฮ้ย..อุ๊บ!" มือปริศนาปิดปากผมและลากตัวเข้าไปในมุมมืด มองดูอีกทีก็คือคยองซูนั่นเองที่จับตัวผมมา 

    "ไค นายคือตัวแทน" ร่างบางกระซิบข้างหูและปล่อยมืออกจากใบหน้าผม 

    "นายรู้ได้ยังไง ถ้ายังไม่มีใครตายก็อย่าด่วนสรุปสิ บางทีก็อาจเป็นนายก็ได้ใครจะไปรู้!" 

    "ก็เมื่อกี้ฉันเห็นศพชานยอลลอยอยู่ในสระน้ำ ถ้าไม่ใช่เขาก็ต้องเป็นฉันกับนาย แต่ฉันเดาว่าต้องเป็นนายแน่นอน" 

    "อย่ามาด่วนสรุปนะ ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้นว่าตัวเองไม่ได้ถูกเลือก"  

    "..." 

    "ว่ายังไงล่ะ" คยองซูเงียบไป ผมถามย้ำอย่างคนเหนือกว่า 

    "ก็...ก็เพื่อนฉันไม่มีทางทำฉันหรอก ใครจะกล้าทำเพื่อนตัวเองล่ะจริงไหม" 

    "..." 

    "แล้วอีกอย่าง ฉันรู้สึกว่าไม่ค่อยเจอเรื่องแบบพวกนายเท่าไร อย่างเช่นพวกวินาทีเฉียดตายอะไรแบบนี้ บางทีผีก็เหมือนจะมองข้ามฉันไปด้วยซ้ำ" 

    "..." ผมเงียบ เขาก็เงียบ เราสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมาหลังจากนั้น  

    ผมนึกย้อนไปตอนที่รับรู้เหตุการณ์ของเพื่อนคยองซู มันก็ไม่เห็นจะมีฉากอะไรที่บ่งบอกถึงวิธีที่คยองซูรอดได้เลยนี่  

    หรือว่า...หลบอยู่ใต้โต๊ะ?  

    ไร้สาระน่า แค่หลบอยู่ใต้โต๊ะห้องสมุดจะรอดพ้นเงื้อมมือมันไปได้อย่างไร 

    "ฉัน..ฉันรู้ความลับนายแล้วนะ" ลองพูดเพื่อความแน่ใจ บางทีคยองซูอาจจะหลุดพูดอะไรออกมาก็ได้ 

    "รู้อะไร?" 

    "นายคิดว่าการหลบอยู่ใต้โต๊ะเฉยๆจะทำให้มันมองไม่เห็นหรือไง" 

    "...!!"  

    "น..นายรู้ได้ยังไง" 

     

    แสดงว่ามันใช้ได้ผลจริงๆสินะ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย แค่หลบอยู่ใต้โต๊ะเงียบๆ...? 

    เหอะ ช่างเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว ผมควรจะขอบคุณผีร้ายนั่นใช่มั้ยที่มาบอกผม 

     

    "รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ รู้เพียงแต่ว่าฉันจะไปที่นั่นตอนนี้และซ่อนตัวอยู่ในนั้นจนกว่าจะเช้า..." 

    "...แล้วฉันก็จะรอดเหมือนนายเมื่อตอนห้าปีที่แล้ว" 

    "ไม่มีทาง! ใครว่าฉันจะยอมกัน ฉันต้องไปถึงก่อน และนายต้องโดนผีฆ่าตายพร้อมกับเป็นตัวแทนของมัน" 

    คยองซูตัวสั่นราวกับกลัวว่าจะมีใครแย่งของตัวเองไป 

     

    "..."  

    "คยองซู เพื่อนนายตายตอนกี่โมง" ผมถามขึ้นมาเสียเฉยๆ ร่างบางขมวดคิ้วแน่นและก้มมองนาฬิกาของตัวเอง 

    "เหลืออีกยี่สิบนาที ถามทำไม?" คยองซูเงยหน้ามองผม 

    "บางทีตัวแทนอาจจะต้องตายเวลาเดียวกับตอนที่เพื่อนนายตายก็ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องไปซ่อนให้ทัน" 

    "..." 

    "เราซ่อนพร้อมกันสองคนไม่ได้เพราะหนึ่งในพวกเราต้องมีตัวแทนหนึ่งคน เพราะฉะนั้นต้องมีคนที่สละตัวเอง แต่คนคนนั้นไม่ใช่ฉันแน่!" 

    "ไม่ใช่ฉันเหมือนกัน!" 

    "!!" 

     

    ราวกับมีเครื่องกระตุ้น ทันทีที่คยองซูพูดจบเราสองคนก็ออกตัววิ่งขึ้นไปบนชั้นแปดทันทีโดยไม่ต้องมีใครบอกอะไร 

     

    เราสองคนวิ่งตีคู่อย่างสูสี ทันทีวิ่งผ่านคานตรงนั้นผีสาวก็กระโดดลงมาจากคานและไล่ตามเราทันที ลมพายุพัดเข้ามาราวกับตอกย้ำถึงความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น  

    ผมเป็นคนผลักคยองซูออกไปให้ห่างจากตัวและเปิดประตูเข้าไปในห้องสมุด มองเห็นโต๊ะตัวนั้นได้ก็มุดเข้าไปทันที  

    หากแต่...ผีตนนั้นก็ยังตามมาหลอกหลอนไม่หยุด 

     

    "ท..ทำไมไม่ได้ผลล่ะ ไหนนายบอกว่ารอดไงคยองซู ทำไมฉันถึงซ่อนไม่ด้!" คยองซูก็มีท่าทีตกใจเหมือนกันที่เห็นอย่างนั้นแต่ไม่นานก็ปรับเปลี่ยนมาเป็นสีหน้าเย้ยหยันแทน 

    "อาจจะเป็นฉันคนเดียวก็ได้มั้งที่ใช้ได้ผล"  

    "เป็นไปไม่ได้!" 

     

    ผีตนนั้นฉุดขาผมให้ล้มและลากเข้าไปอีกมุมหนึ่งทั้งๆที่คยองซูก็ยังยืนหัวโด่อยู่แท้ๆ 

    ผมร้องขอความช่วยเหลือแต่ร่างบางทำได้เพียงยืนนิ่งและยิ้มเยาะผม 

    เลือดที่ต้นคอไหลออกมาเรื่อยๆราวกับก๊อกรั่ว ผมมองมันอย่างตะขิดตะขวงใจ 

     

    แปลก..มันน่าแปลก.. 

     

    ร่างผมถูกลากออกมาตรงริมระเบียงและพลัดตกลงไปทันที! 

    เหตุการณ์นี้ชวนให้ฉุกคิดถึงภาพที่เห็นครั้งนั้น คยองซูกับเพื่อนของเขาก็ตกตรงนี้เช่นกัน 

     

    ตุ๊บ  

    "อั้ก!"  

     

    ผมยังไม่ตาย ถึงแม้จะมีสภาพไม่ต่างกันเท่าไรก็ตาม แต่เหตุการณ์มันเกิขึ้นเร็วมากจนผมเรียบเรียงในหัวสมองไม่ทัน รู้สึกจุกไปทั่วทั้งท้องและหน้าอก  

    ผมตกลงมาเกาะกับต้นไม้ขนาดสูง ถึงแม้จะหล่นลงมาในระยะที่ไม่สูงมากแต่ก็ทำปางตายได้เหมือนกัน เหลือบมองเห็นเงาจากระเบียงข้างบนมีใบหน้าวิญาณร้ายที่กำลังจ้องมาทางผมอย่างแค้นเคือง 

     

    ผมค่อยๆไต่ลงมาตามตามกิ่งไม้และเข้ามาทางหน้าต่างของชั้นใดชั้นหนึ่งที่ใกล้ตัวมากที่สุด ข้างในมืดและเหม็นอับ 

    ผมกระโดดเหยียบพื้นห้องที่เย็นเชียบ และเดินฝ่าความมืดมิดมุ่งหน้าไปทางประตู  

    หากแต่สิ่งที่ผมเหยียบเริ่มไม่ใช่พื้นอีกต่อไป แต่เป็นอะไรบางอย่างที่มีผ้าห่อหุ้มไว้  

    ด้วยความสงสัยผมคลำๆหาสวิตซ์ไปและกดเปิดมันทันที ภาพที่มองเห็นทำให้ผมตะลึง 

     

    นี่มันศพทั้งนั้นเลย!  

     

    ผมไล่สายตามองร่างไร้วิญญาณด้วยความหวาดกลัว หากแต่ก็ยังไม่ไปไหน  

    เพราะอะไรน่ะเหรอ...ศพนามิยังไงล่ะ 

    ถึงแม้จะกลัวจนแทบบ้า แต่ยังไงซะผมก็ต้องหาศพมันให้เจอ และแน่นอนว่าผมจำหน้าเธอได้ดี 

     

    ศพมากมายนอนเกลื่อนกลาดเรียงกันราวกับถูกจัดวางมาอย่างดี ไม่คิดว่าโรงเรียนชื่อดังแบบนี้จะเก็บศพเอาไว้ด้วย ผู้อำนวยการคิดยังไงกันแน่ และไม่มีใครมาเห็นเลยหรือไง! 

     

    ในขณะที่กำลังไล่สายตามองใบหน้าศพที่ละตนอยู่นั้น พลันสายตาผมก็มองเห็นอะไรบางอย่างใกล้ๆตัวทันที 

     

    "!!!" ผมตกใจจนพูดไม่ออก ขาอ่อนแรงลงเสียดื้อๆเมื่อนึกย้อนถึงวันเวลาที่ผ่านมา 

     

    "ไม่จริง!!"  

     

    ทำไมถึงเป็นแบบนี้ บอกผมทีว่านี่มันไม่จริง

    "นี่มันศพของ..."..
     

     




    --schoolhorror--

    ศพของใครน้าา ^^? คาดว่าบางคนอาจจะเดาออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร 

    ตอนนี้บอกตรงๆว่าอารมณ์เสียยังไงก็ไม่รู้ จริงๆนะเนี่ย คือแบบตั้งแต่ตอนที่ไคโดนสิงอะ
    อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาเสียเฉยๆ รู้สึกหงุดหงิดเหมือนอะไรๆก็ไม่ได้ดั่งใจ แก้ไขแต่ละบรรทัดเยอะมาก
    เหมือนพิมพ์เองและไม่พอใจเอง จะสังเกตุได้เลยว่าสำนวนภาษาการบรรยายตอนท้ายๆมันแปลกๆและคำผิดเยอะ
    ช่างเหอะ แต่งจบอารมณ์ก็ดีขึ้นล่ะ สงสัยอาถรรถ์ 5555

    อย่าลืมแท๊ก #ฟิคสคฮร กันหน่อยน้า ^^ ขอบคุณรีดทุกคนที่ติดตามค่า 

     


    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×