ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #14 : SCHOOL : CHAPTER11

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.26K
      25
      1 ก.ค. 56

    CHAPTER11

    #เวิร์ดไรต์หายย เลยต้องพิมพ์ในเวิร์ดออนไลน์ ไม่มีฟ้อนต์ที่ต้องการเลย ชิ =3=

    [
    CHANYOLE PART]  

      

    ผมเดินกลับเข้ามาในลิฟท์พร้อมกับสร้อยเพชรในมือ แล้วปล่อยให้ลิฟท์เปิดปิดไปตามชั้นที่ต้องการ  

    ทำไมผมถึงไม่วิ่งออกไปจากลิฟท์แต่แรกน่ะเหรอ? ไม่รู้สิ
    ผมคิดว่าบางทีมันอาจจะดูปลอดภัยกว่าเดินเออกมาข้างนอกอย่างที่ไคบอกก็ได้
      

    ผมสำรวจวัตถุในมือไปพลางๆระหว่างรอให้ลิฟท์เปิดปิดครบทุกชั้น
    จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นเลยระหว่างที่ลิทฟ์เคลื่อน ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว ผมไม่ควรทักอะไรไปมากกว่านี้
      

    สร้อยที่ว่านี้หนักเอาการ มีเพชรเม็ดเล็กๆต่อกันเป็นสายสร้อย จี้เป็นเพชรสีน้ำเงินเม็ดขนาดกลางโดยมีเพชรขาวหลายเม็ดล้อมรอบอยู่ มองดูเหมือนเครื่องประดับโบราณยุคกรีกที่ผมดูมาจากในหนังยังไงยังงั้น  

      

    รูป  

      

    แต่ผมไม่เข้าใจ ทำไมอยู่ดีดีสร้อยอันล่ำค่านี่ถึงตกมาอยู่หน้าลิฟท์ได้ ทั้งๆที่พวกเราก็ตามหาแทบเป็นแทบตาย
    หรือคนที่ขโมยอาจจะเอาทิ้งไว้เพราะกลัวความผิด?
      

    แต่ยังไงซะ เครื่องประดับนี้ก็มาอยู่ในมือผมแล้ว ผมจะทำอะไรได้นอกซะจากเอามันไปคืนที่เดิม  

    ผมไม่รู้ว่ามันเคยอยู่ตรงไหน รู้แค่ว่ามันอยู่ในห้องสมุดมานานหลายปี คยองซูบอกผมมาอย่างนั้น  

      

    ที่จริงแล้ว ผม แบคฮยอน มินซอก ลู่หาน อี้ชิง เฮียคริส เทา จงแด เข้ามาในโรงเรียนนี้พร้อมกันเมื่อสามปีที่แล้ว
    หลังจากนั้นหนึ่งปีเซฮุนก็เข้ามาเป็นรุ่นน้อง แต่ที่ต่างไปจากนั้นคือ คยองซู 
      

    คยองซูบอกพวกผมว่าตัวเองเข้ามาในโรงเรียนนี้ตั้งแต่ปีหนึ่ง นับมาถึงปัจจุบันก็เท่ากับห้าปีมาแล้ว  

    มันก็ไม่แปลกที่คยองซูจะรู้เรื่องอะไรมามากมาย คยองซูเล่าเรื่องเพชรและเสียงเพลงให้พวกผมฟัง  

      

    มันฟังดูเหมือนนิทานหลอกเด็ก แต่พวกเราก็เชื่อสนิท เพราะในทุกๆวันจะมีเสียงเพลงโหยหวนดังมากับสายลมเสมอ แรกๆผมก็ทักออกไป แต่ผลที่ได้กลับมามันกลับไม่สวยหรูเลย หลังจากที่ทักเรื่องเพลงไปผมก็ไม่เคยอยู่อย่างสงบ จนแม่ต้องพาเข้าโบสถ์หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกผมเชื่อเรื่องที่คยองซูเล่า  

      

    ตั้งแต่ย้ายเข้ามาที่นี่ ผมเคยขึ้นไปบนชั้นแปดแค่สองครั้งเท่านั้น ส่วนเรื่องที่ว่าผมขึ้นไปเพราะอะไรน่ะอย่ารู้เลยดีกว่า
    มันก็เป็นแค่ความคิดแผลงๆตอนผมมาอยู่ใหม่ๆเท่านั้น
      

      

    'ติ๊ง' ประตูลิฟท์ชั้นสุดท้ายปิดลง ผมเอื้อมมือไปกดชั้นแปดเพื่อที่จะได้เอาสร้อยเพชรไปคืน  

      

    มันถึงเวลาแล้วที่เรื่องสยองขวัญบ้าๆนี่จะต้องจบลงเสียที  

      

    ทันทีก้าวออกมาจากลิฟท์ผมก็รู้สึกถึงความเย็นยะเยือกของชั้นนี้ มันไม่เหมือนกับชั้นอื่นๆที่เคยอยู่  

    ความรู้สึกมันต่างกันลิบลับ เพียงแค่ก้าวเดินเพียงก้าวเดียวก็ต้องรู็สึกเสียวสันหลังวาบ  

    ผมเดินตรงไปเรื่อยๆตามแสงไฟที่ริบหรี่ ผมได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนอยู่แถวๆนี้  

    นั่นหมายความว่าผมไม่ได้อยู่บนชั้นนี้คนเดียว ยังมีอะไรบางอย่างเดินอยู่ด้วย...  

      

    เสียงเอี๊ยดอ๊าดที่รองเท้าเสียดสีกับพื้นมันใกล้เข้ามาทุกที ผมหรี่ตาลงเพื่อมองทางข้างหน้าให้ชัดขึ้น  

    เงาปริศนาค่อยๆโผล่ออกมาจากความมืด สมองผมสั่งการให้ก้าวถอยเตรียมวิ่งหนีทันที  

      

    "อ..อย่า อย่าเข้ามา"   

      

    "..." นั่นไม่ใช่เสียงของผม แต่เป็นเสียงของเงาที่กำลังเผยกายมาทางนี้ ผมฟังแล้วมันช่างคุ้นหูเหลือเกิน  

    ถึงจะเป็นเสียงที่แหบพร่าเหมือนคนใกล้จะตาย แต่ผมสัมผัสได้ถึงความนุ่นทุ้มในน้ำเสียงนั้น  

      

    เมื่อหันกลับไปเพ่งมองก็ต้องตกใจ เมื่อสิ่งที่กำลังเดินมาทางผมไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น  

      

    "แบคฮยอน!"  

      

    ร่างบางที่เลือดโทรมกายเดินทุลักทุเลมาทางผม ไม่สิ ดูเหมือนจะเดินอย่างไร้จุดหมายมากกว่า  

    แบคฮยอนเดินเฉียดตัวผมไปโดยไม่เหลียวมามองเลยสักนิด ผมเอื้อมมือไปคว้าแขนร่างบางไว้  

      

    "อย่า อย่าเข้ามา กลัวแล้ว ฮืออ" แบคฮยอนผลักผมออกไปแล้วเตรียมตัวจะวิ่งหนีแต่ผมคว้าตัวร่างบางเข้ามากอดอีกครั้ง
    ถึงแม้จะโดนข่วน ทุบ ตีหลายครั้งแต่ผมก็ไม่ปล่อย
      

    "แบคฮยอน นี่ชานยอลเอง อย่ากลัวนะ" ผมปลอบประโลมแต่แบคฮยอนไม่ฟัง
    เจ้าตัวเอาแต่โวยวายและตีตัวออกห่างเหมือนผมกำลังจะทำร้ายตัวเองเสียอย่างนั้น
      

    "แบคฮยอน ใครทำกับนายแบบนี้ บอกฉัน"  

    "ผี ฮือออ" ร่างบางหันซ้ายหันขวาเหมือนระแวงอะไรบางอย่างรอบตัว   

    ผมสงสารแบคฮยอนขึ้นมาจับใจ มองดูเหมือนเเจ้าตัวเพิ่งจะผ่านพ้นเหตุการณ์ที่น่ากลัวสุดขีดมา  

    "ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่นี่แล้ว" ผมกอดแบคฮยอนอีกครั้ง ร่างบางไม่ดิ้นแต่ร้องไห้ฟูมฟายแทน  

      

    แววตาแบคฮยอนดูเลื่อนลอยเหมือนคนไร้สติ แต่เมื่ิอผมแตะตัวเขาก็จะโวยวายและถอยออกห่าง 

     

    'เพี๊ยะ!" ผมหน้าหันไปตามแรงตบ 

     

    "แบคฮยอน..ตบฉันทำไม" ผมถามอย่างไม่เข้าใจ ร่างบางร้องไห้ไปด้วยพูดไปด้วย 

    "นาย..กำลังหลอกฉันใช่ไหม ถ้ามันมานายก็จะวิ่งหนีไปแล้วปล่อยให้ฉันตายใช่ไหม" 

    แบคฮยอนง้างมือจะตบผมอีกรอบแต่ผมรวบมือคู่สวยไว้ก่อน
    ผมไม่รู้ว่าแบคฮยอนพูดถึงเรื่องอะไร แต่ผมจะไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่
     

    "พูดอะไรของนาย ฉันไม่มีวันทำอย่างนั้น"  

    "ฉ..ฉันกลัว ไม่อยากไว้ใจใครอีกแล้ว มีแต่คนทิ้งฉัน" แบคฮยอนตัวสั่นเทิ้มและเริ่มหันซ้ายหันขวา 

    "อย่าคิดมากน่า เรื่องนี้กำลังจะจบแล้ว เห็นอะไรนี่ไหม" ผมยกยิ้มพลางโชว์สร้อยเพชรในกระเป๋ากางเกงให้ร่างบางดู 

    "..."  

    "เราจะเอาสิ่งนี้ไปคืนที่ห้องสมุดด้วยกัน ตกลงไหม?" 

    "ไม่!" แบคฮยอนตอบเสียงแข็ง  

    "ทำไมล่ะ" 

    "ตรงนั้นมันมีผี ฉันไม่ไป ฉันกลัว" แบคฮยอนเบะหน้าเหมือนเด็ก 

    "ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ต้องกลัว มีฉันอยู่ทั้งคน"  

    "..." 

    "อย่าทิ้งฉันไปนะ ฉันขอร้อง" มือเล็กกระตุกชายเสื้อผมให้ฟังเขา ผมลูบหัวแบคฮยอนเบาๆ 

    "ไม่มีวันนั้นแน่นอนครับ"  

     

    --SCHOOLHORROR-- 

     

    [KAI PART] 

     

    คยองซูพาผมมาที่ห้องวิชาการที่พวกเราเคยเข้ามาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว 

    ร่างเล็กไม่รอช้าปรี่เข้าไปที่ภาพวงจรปิดทันที มือเรียวจัดการบังคับอย่างคล่องแคล่ว 

    ไม่ช้าภาพทุกภาพก็ถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามสถานที่ต่างๆด้วยฝีมือของคยองซู 

    "ตอนนี้เทาอยู่ที่โรงอาหาร" ผมมองภาพตามที่ร่างเล็กบอก 

    "ศพเลย์อยู่ในห้องแปดข้างๆห้องพยาบาล" 

    "ศพซูโฮอยู่ตรงบันไดชั้นหก" 

    "ศพเฮียคริสอยู่หน้าลิฟท์ชั้นเจ็ด" 

    "ลู่หานเซฮุนและมินซอกกำลังลงบันไดไปชั้นหนึ่ง" 

    "..." ผมยืนมองภาพเคลื่อนไหวในจอที่ร่างเล็กกดเลื่อนไปเลื่อนมา 

    "แต่..ทำไมฉันไม่เห็นชานยอล แบคฮยอน และจงแด"  

    อ่า...จงแดอยู่ในห้องสมุดไม่ใช่เหรอ 

    "จงแดอยู่ห้องสมุดชั้นแปด นายลองเลื่อนไปดูสิ"  

    คยองซูทำตามอย่างที่ผมบอก ร่างเล็กกดรีโมทเลื่อนไปเรื่อยๆจนมาถึงชั้นแปด 

    "มันมืดอะ กล้องจับภาพอะไรไม่ได้เลย" "แล้วอีกอย่าง ห้องสมุดไม่มีกล้องวงจรปิดหรอกนะ" 

    "งั้นก็ช่างมันเถอะ พวกเราไปจัดการกับสามคนนั้นดีกว่า"
    ผมชี้ไปที่ลู่หานเซฮุนมินซอกที่ประคองลงบันไดกันอย่างทุลักทุเลผ่านกล้องไป แต่คยองซูกลับเขกหัวผมซะอย่างนั้น
     

    "อย่าบื้อสิไค นายลืมไปแล้วหรือไงว่ายังมีเทาพยายามจัดการอยู่เหมือนกัน จะออกแรงให้เสียเวลาเปล่าทำไมเล่า"  

    "จริงด้วย" คยองซูถอนหายใจเนือย ทำไมผมไม่คิดเรื่องนี้เลยนะ ผมมันบื้ออย่างที่คยองซูว่าจริงๆด้วยน่ะแหละ 

     

    "แล้วนายมาที่ห้องนี้ทำไมล่ะ"  

    "มาหาข้อมูลสำคัญเพื่อทำภารกิจให้เสร็จสิ้น" ร่างเล็กพูดเสียงเรียบ 

    "ภารกิจ?" 

    "เลิกสงสัยได้แล้วน่า มาช่วยฉันหากองกระดาษพวกนี้หน่อย" 

    คยองซูเดินไปหลังห้องที่มีชั้นหนังสือตั้งเรียงรายเป็นแถว ภายในมีแต่แฟ้มประวัตินักเรียนมากมาย 

    ผมเดินเข้าไปขนาบข้างคนตัวเล็กบ้าง เจ้าตัวเริ่มรื้อแฟ้มออกมาจากชั้นแรกอย่างเร่งรีบ 

    "รีบๆหาหน่อยนะ เวลาเราเหลือไม่มากนักหรอก" พูดพลางเปิดแฟ้มดูไปด้วย 

    "ว่าแต่จะให้ฉันหาอะไรล่ะ" 

    ผมพูดจบคยองซูก็ละจากการหามาจ้องหน้าผมแทน 

    "นาย..จำตอนที่เจอผีสาวตอนไปหาอี้ชิงได้ไหม" ผมพยักหน้าช้าๆ ทำไมต้องรื่อฟืื้นด้วยเนี่ย 

    "นั่นล่ะ ข้อมูลที่ฉันจะหาก็คือผีตนนั้น" 

    "...!" 

    "เธอชื่อ นามิ คิมุระ เป็นนักเรียนญี่ปุ่นแลกเปลี่ยนที่นี่เมื่อหลายปีก่อน"  

    ผมมองสีหน้าเรียบเฉยของคยองซู นึกแปลกใจว่าทำไมเราต้องมาทำอะไรอย่างนี้ด้วย 

    "ล..แล้วนายจะเอาข้อมูลของนามิมาทำอะไร" ผมถามตะกุกตะกัก 

    "ฉันจะตามหาศพของเธอที่ยังซ่อนอยู่ในโรงเรียนนี้แล้วเอามาเผาซะ! 

    "!!!" 

    "อย่าเพิ่งถามว่าทำไม ช่วยกันหาก่อน" 

    ผมสบถกับตัวเองแล้วทำตามอย่างว่าง่าย ทำไมต้องเชื่อฟังคนตัวเล็กนี่ไปซะทุกอย่างนะ เฮ้อ 

     

    คยองซูแยกไปหาอีกฝั่งนึง ผมก็รื้อแฟ้มออกมาทีละชั้น ฝุ่นของมันไม่ใช่เล่นๆเลย
    ทำอย่างกับอาจารย์ไม่เคยแตะแฟ้มพวกนี้มาหลายปีอย่างงั้นแหละ 
     

    ผมหยิบแฟ้มสีสดอันหนึ่งขึ้นมาดู หัวข้อมันเขียนว่า 'รายชื่อนักเรียนแลกเปลี่ยนปี xx' 

     

    "คยองซู นามิเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนปีไหนเหรอ" ผมตะโกนข้ามชั้นหนังสือไปหาร่างเล็ก 

    "ไม่รู้เมือนกัน แต่มันนานมาก เธอตายก่อนฉันจะเข้ามาในโรงเรียนนี้ซะอีก นายลองมองหาปีการศึกษาที่ต่ำกว่าปี 2005 สิ" 

    "อืม" ผมวางแฟ้มเมื่อครู่ไว้ที่เดิม เพราะมันเป็นของปี2007 

    ผมไล่สายตามองหาแฟ้มนักเรียนแลกเปลี่ยนที่เก่ากว่านั้นแต่ก็ยังหาไม่เจอ เก่าขนาดนั้นโรงเรียนจะยังเก็บไว้อยู่อีกเหรอ 

    พลันสายตาของเหลือบไปเห็นแฟ้มสีซีดวางอยู่บนชั้นสองของชั้นหนังสือ
    รูปร่างของมันดูแตกต่างจากแฟ้มอื่นๆ มันดูเก่าโสมมและฝุ่นเกาะจนแทบหาสีจริงๆของตัวแฟ้มไม่เจอ 
     

    พบเอื้อมมือไปหยิบมันและเปิดดู กลุ่มฝุ่นของมันทำให้ผมจามหลายรอบ 

     

    'รายชื่อนักเรียนแลกเปลี่ยนปี1995'  

     

    ปีการศึกษาของมันทำให้ผมอึ้งไม่น้อยเลย หลายปีขนาดนี้โรงเรียนยังเก็บไว้อยู่อีกงั้นเหรอ 

    ผมไล่สายตามองดูรายชื่อแต่ละใบ ส่วนมากจะเป็นผู้ชาย และรูปถ่ายก็แทบจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว 

     

    'ซาโตะ ยามากุจิ'  

    'ยูได ไซตาคุ' 

    'ซึบากิ อาระ' 

    'นามิ คิมุระ' 

     

    เดี๋ยวนะ...นามิ คิมุระ!! 

     

    "คยองซู ฉันเจอแล้ว!"  

    "ไหน เอามาดูหน่อย" คยองซูรีบวิ่งมาฉกแฟ้มไปจากผม 

     

    "ชื่อ นามิ คิมูุระ อายุ 16 เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนโมโตคุ" 

    "..." คยองซูอ่านออกเสียงให้ได้ยินทั่วกัน 

    "เกรดเฉลี่ยจากโรงเรียนเป็นAทุกวิชา ได้ที่หนึ่งของระดับชั้น เคยไปสอบวิชาเคมีในระดับประเทศมาแล้วสามครั้ง..." 

    "..."  คยองซูชะงักไปชั่วครู่ 

    "..ความสามารถพิเศษคือการเต้น ได้รางวัลมาแล้วเจ็ดรางวัล เคยไปออกงานที่อเมริกาเมื่อ xx" 

    คยองซูปิดแฟ้มลงเสียดื้อๆทั้งๆที่ยังมีข้อมูลอีกส่วนนึงที่ยังไม่ได้อ่าน 

    "ข้อมูลแค่นี้ก็เกินพอแล้วล่ะ" "เราออกไปหาร่างเธอกันเถอะ" 

    ผมลุกตามคยองซูและเก็บแฟ้มให้เข้าที่ ไม่ได้คิดเห็นด้วยกับร่างเล็กเลยสักนิด 

    จะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร มันไม่มาหาให้เราได้เห็นก็ดีแค่ไหนแล้ว ทำไมต้องเป็นฝ่ายรนหาที่เองด้วย 

    "ฉันหมายถึงศพของนามิ ไม่ใช่วิญญาณ" คยองซูพูดเหมือนอ่านใจผมออก 

     

    ผลสุดท้ายผมก็ต้องว่าไปตามร่างเล็กนี่อยู่ดี ถามว่าทำไมไม่ขัดน่ะเหรอ...เพราะคยองซูมีประโยชน์กับผมมากน่ะสิ
    ถ้าเกิดขัดไปคยองซูอาจจะเอ่ยแยกทางกับผมก็ได้ 
     

     

    "แล้วเราจะไปหาศพนั่นได้ที่ไหน ซ่อนอยู่ในโรงเรียนมาตั้งหลายปีไม่มีใครเห็น แล้วเราจะไปเจอได้ยังไงล่ะ" 

    ผมหันไปมองคยองซูที่มีแววตาแน่วแน่เหมือนมั่นใจเสียเต็มที 

    "เชื่อสิ นามิรักการเต้น เธอชอบเต้น แล้วนายคิดว่าศพจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ?" ผมใช้สมองอันน้อยนิดคิดตาม  

    "ห้องซ้อมเต้น?" 

    "อ่าฮะ" คยองซูยิ้มร่าเมื่อผมคิดได้เสียที 

     

    คยองซูกึ่งเดินกึ่งวิ่งพาผมมาที่ห้องซ้อมเต้น ผมไม่แน่ใจนักว่ามันอยู่ชั้นอะไร เพราะผมเอาแต่วิ่งเลยไม่ทันได้มอง
    เราใช้เวลาในการมาที่นี่รวดเร็วมากถ้านับตั้งแต่ออกมาจากห้องวิชาการ
     

     

    ภายในห้องดูหรูหราโอ้อ่า มีกระจกบานใหญ่เท่าผนังติดอยู่ ผมไม่แปลกใจเท่าไรนัก
    เพราะขึ้นชื่อว่าห้องซ้อมเต้นก็ต้องมีกระจกอยู่แล้ว 
     

     

    แต่ที่ดูขัดกับความหรูก็คือกลิ่นนี่ซิ..ทั้งเหม็นและอับ ผมเชื่อแล้วจริงๆว่าศพอยู่ในนี้ 

     

    นอกจากกระจกบานใหญ่ที่ติดอยู่กับผนังห้องแล้ว ยังมีตู้เสื้อผ้าขนาดกลางและห้องลองเสื้ออยู่ข้างๆ 

    ถัดจากนั้นอีกฝั่งนึงก็จะเป็นล็อกเกอร์ไซส์เล็กที่มีแค่ห้าชั้น ผมเดาว่าคงมีพวกของส่วนตัวอยู่ในนั้น 

     

    "นายไปหาตรงตู้เสื้อผ้านะ ฉันจะหาตรงล็อกเกอร์"  

     

    ผมจำใจเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าอย่ากล้าๆกลัวๆ รูปร่างศพจะเป็นแบบไหนกันนะ  

     

    ไม่เจอ... ผมปิดตู้กลับคืนเมื่อเจอแต่เสื้อผ้าธรรมดากับกลิ่นอับๆ 

     

    ผมเดินไปเปิดห้องลองเสื้อดูบ้าง แต่ก็ไม่พบอะไรอีกเช่นเคย 

     

    หันไปมองคยองซูก็ไม่เจออะไรเช่นกัน ผมส่ายหน้าไปให้เป็นเชิงบอกว่าไม่มีอะไรเลย 

     

    "แล้วมันไปอยู่ไหนกันนะ" ร่าเล็กบ่นกับตัวเองเบาๆ 

    "เดี๋ยวนะคยองซู...นามิตายไปหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วศพจะยังอยู่อีกเหรอ" 

    คยองซูพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ  "นั่นล่ะคือสิ่งที่น่าตกใจ" 

    "??"  

    "ตอนฉันเข้ามาในโรงเรียนใหม่ๆ มีคนลือกันให้แซดว่าเจอศพในโรงเรียน
    และเป็นศพที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่เน่าเปื่อยทั้งๆที่ผ่านมาหลายปีแล้วด้วย"
     

    "แล้วนายก็เชื่อ?" ผมยิ้มขัน 

    "ก็นะ มันมีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันเชื่อเรื่องนี้"  

    "..." เราสองคนเงียบโดยอัติโนมัติเมื่อไม่มีอะไรจะพูดต่อ 

     

    "โอ้ยย ทำไมไม่เจอเนี่ย" คยองซูทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะปาข้าวของรอบๆตัวไปทั่ว 

    "ทำอะไรของนายเนี่ย ขว้างรองเท้าไม" ผมยืนมองร่างเล็กที่เอาแต่ขว้างรองเท้าที่จัดวางอยู่ในชั้นออกไปริมห้อง 

    "ก็มันหงุดหงิดนี่! ทำอะไรก็ไม่สำเร็จสำอย่าง อยากระบายโว้ยยยย" คยองซูตะโกนเสียงดังลั่นห้อง 

    ผมส่ายหน้าระอากับความบ้าบิ่นของร่างเล็ก 

     

    ตุบ! 

     

    "นี่! เดี๋ยวกระจกก็แตกหรอก เลิกเขวี้ยงได้แล้วน่า"  

     

    ตุบ! 

     

    "เฮ้ยย" ผมร้องเสียงหลงเมื่อคยองซูเขวี้ยงรองเท้าพลาดไปโดนฝ้าผนังข้างบนจนมันหล่นลงมาแผ่นนึง 

    เผยกลิ่นอันเหม็นเน่าโชยออกมาแตะจมูก คยองซูก็มีอาการแบบเดียวกับผมเช่นกัน 

    "กลิ่นอะไรเนี่ย เหม็นชะมัด" คยองซูปิดจมูกท่าทางรังเกียจ 

    ผมเงยหน้าขึ้นไปมองต้นเหตุของกลิ่นอันน่าขยะแขยงนี่ 

     

    "!!!!" 

     

    "คยองซู...ฉันเห็นศพแล้วแหละ!" 

     

    --SCHOOLHORROR-- 

     

    ผมกับคยองซูหอบศพที่มีผ้าสีขาวห่ออยู่ทั้งร่างมาวางไว้ที่กลางห้องและหยิบไฟแช็กจากกระเป๋ากางเกงขึ้นมา 

    "มันจะดีเหรอคยองซู แล้วถ้าเกิดว่า..." 

    "เชื่อฉันเถอะน่า เผาศพทิ้งซะ มันจะได้ไปผุดไปเกิดซะที" 

    "แต่.." 

    ผมพูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างเล็กก็จุดเปลวไฟแล้วจ่อเข้าที่ร่างนั้นทันที 

     

    'กรี๊ดดดดดดดดด!" 

     

    "เฮ้ย!"  

     

    ศพที่เคยนิ่งกลับดิ้นขึ้นมากระทันหัน ส่งกลิ่นเหม็นเน่าหนักกว่าเดิม คยองซูเด้งตัวเข้ามาใกล้ผมอัตโนมัติ 

     

    'กรี๊ดดดดดดดด!' 

     

    มันดิ้นและส่งเสียงกรี๊ดอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด 

    "ทำอะไรสักอย่างสิไค!" ร่างเล็กเขย่าแขนผมด้วยความกลัว 

    ทีตอนจะเผาเขาไม่ยักกะกลัว พอเขามาล่ะก็ไม่เป็นเชียวนะ! 

     

    "วิ่งสิ ยืนนิ่งอยู่ทำไม" ผมฉุดแขนคยองซูให้วิ่งแต่เจ้าตัวกลับยื้อไว้ 

    "เดี๋ยวสิ เราต้องเผาให้เสร็จๆไป" คยองซูว่าก่อนจะยื่นมืออันสั่นเทาเข้าไปจุดเปลวเพลิงทันที 

     

    'กรี๊ดดดดดดดดดด'  

     

    คยองซูเผาสำเร็จ 

     

    ในที่สุดไฟก็ค่อยๆแผดเผาร่างทั้งร่างที่กำลังดิ้น 

     

    "เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ"  

    คยองซูวิ่งนำผมออกมาจากห้องอย่างรวดเร็วทันเวลาก่อนที่ประตูห้องจะปิดลงด้วยฝีมือเหนือธรรมชาติ 

     

    พรึ่บ! 

     

    ไฟดับ... 

     

    ไฟดับทั้งชั้น...ไม่สิ ทั้งโรงเรียนมากกว่า  

    ผมมองไม่เห็นอะไรเลย ยิ่งตอนกลางคืนแบบนี้ยิ่งน่ากลัว 

     

    "ฮี่ๆๆๆๆ" 

     

    "!!" เสียงหวีดสยองนี่มาอีกแล้ว แต่มันน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อมองอะไรไม่เห็นเลย 

    ผมไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน รู้แค่ว่าเสียงร้องนั่นดังวนรอบตัวผมและคยองซู 

     

    "ฮี่ๆๆๆ" 

     

    ทำไงดี...ผมเกลียดความมมืดแบบนี้จริงๆ 

    มันเหมือนผมทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆฟังเสียงน่าขนลุก 

     

    พรึ่บ! 

     

    "เฮือก!"  

     

    ไฟติดขึ้นมาอีกครั้ง ภาพแรกที่ผมเห็นในสายตาคือผีผู้หญิงหน้าเละอยู่ตรงหน้า 

    ใบหน้าเราห่างกันแค่ไม่กี่คืบ บอกได้เต็มปากเลยว่าผมเห็นเต็มๆตา เรียกได้ว่าสังเกตุได้ทุกซอกทุกมุมของใบหน้าเลยจริงๆ  

     

    "ไค วิ่ง!" คยองซูวิ่งหนีไปก่อนหน้านั้นโดยไม่รอผม 

     

    ให้ตายเถอะ...ทำไมคนที่โดนต้องเป็นผมทุกทีเลยนะ 

     

    ผมเบี่ยงตัวหลบผีสาวที่พยายามกระโจนเข้ามาหาราวกับจะสิงเป็นร่างเดียวกับผมให้ได้ 

    พลันกำลังจะก้าวขาวิ่งออกไปก็โดนรั้งแขนไว้อีก น้ำเมือกที่มือผีสาวทำผมแทบอ้วก 

     

    ร่างนั้นออกแรงดึงผมให้เข้าไปให้ตัวเอง แต่ผมก็พยายามสะบัดให้หลุด 

    คิดดูอีกที น้ำเมือกที่มือก็ดีเหมือนกัน ถึงแม้จะน่าขยะแขยง แต่มันก็ลื่นเสียจนทำให้ผมหลุดจากการเกาะกุมได้ง่ายๆ 

     

    "คยองซูรอฉันด้วย!" ผมวิ่งลงบันไดอย่างไม่คิดชีวิต ได้ยินเสียงร้องตามมาหลอกหลอนจากข้างหลัง 

    เห็นแผ่นหลังเล็กของคยองซูแวบเข้าไปในห้องน้ำ ผมจึงวิ่งตามเข้าไปบ้าง 

     

    ร่างเล็กวิ่งเข้าไปในห้องน้ำที่อยู่ในสุดโดยไม่วายกวักมือเรียกผมให้เข้ามาด้วยแล้วล็อกกลอนทันที 

     

    "แฮ่กๆ" เราทั้งคู่ยืนหอบหายใจหลังจากที่วิ่งหนีตายมาได้  

     

    "นาย..แฮ่ก..ยืนบนโถส้วมสิ..แฮ่ก!" คยองซูพูดไปหอบไป ผมหันมองอย่างงๆ 

    "มันจะได้ไม่เห็นเท้าไง"  

    "อ๋อ" ผมทำตามอย่างที่ร่างเล็กบอก โดยการปิดฝาถังแล้วก้าวขาขึ้นไปยืน คยองซูก็ปีนขึ้นมาบ้าง 

     

    "..."  

     

    ผมได้ยินเสียงหัวใจของเราสองคนที่เต้นเร็วกว่าปกติ เพราะความกลัวและความตื่นเต้นปะปนกัน 

     

    แอดดด... 

     

    ม..มาแล้ว! 

     

    ประตูห้องน้ำด้านนอกเปิดออกช้าๆก่อนจะตามด้วยเสียงเดิน 

     

    ถ้าทำได้ผมอยากจะบอกให้คยองซูกลั้นหายใจซะ เพราะเสียงหอบของพวกเรามันช่างดังเหลือเกิน  

    แต่ทุกคำพูดก็ต้องทุกกลืนเข้าไปเมื่อผมได้ยินเสียงก็อกน้ำไหลจจากข้างนอก 

     

    ซ่าาา 

     

    "..." คยองซูหันมามองผมแววตาสั่นระริก ผมก็ไม่ต่างกัน  

     

    ผมก้มมองพื้นข้างนอก เห็นเท้าขาวซีดของใครบางคนกำลังเดินเข้ามา 

     

    "...!"  

     

    ซ่าาาา 

     

    ผมและคยองซูหอบหายใจถี่ขึ้นเรื่อยๆตามระดับความกลัว 

     

    "!!!"  เลือดจำนวนมากเจิ่งนองเข้ามาในห้องน้ำที่พวกเรายืนอยู่ 

    มันไหลเข้ามาเรื่อยๆจนชนกับพื้นของโถส้วม ผมหลับตาลุ้นด้วยใจที่เต้นรัว 

     

    'ขอร้อง ได้โปรด..ใครก็ได้ช่วยที' 

     

     

     

    ปัง! 

     

    'กรี๊ดดดดดดดดดด' 

     

    "!!!!" 

     

    ประตูห้องน้ำเปิดออกด้วยฝีมือของร่างตรงหน้าที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเลือดทั้งตัว 

    แต่ใบหน้าเละที่เด่นชัดยังคงติดตามาตั้งแต่เมื่อกี้  

    ผีสาวอ้าปากกว้างขึ้นเรื่อยๆราวกับแสยะยิ้มที่เห็นพวกผมสองคน 

     

    ผมคว้าแขนคยองซูเตรียมวิ่งทันที แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คาดเมื่อร่างเล็กถูกผีสาวตรึงไว้ 

    กลายเป็นผมที่วิ่งหนีออกมาตรงประตูใหญ่แทน  

     

    "ไค ช่วยด้วย!" 

     

    ผมสะดุดกึกทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น...มันคุ้นหู เหมือนกับว่าเคยมีใครพูดแบบนี้กับผม 

    อ่า ใช่...แบคฮยอน 

     

    แล้วผมควรจะทำแบบเดียวกับที่ทำกับแบคฮยอนดีไหม...? 

    ผมควรทิ้งคยองซูไว้ตรงนี้แล้ววิ่งหนีไปงั้นเหรอ...? 

     

    '$@!@^%#/!*' 

     

    ผีสาวพูดอะไรบางอย่างเสียงดังที่ผมฟังไม่ออก ..มันคือภาษาญี่ปุ่น 

    แต่ผมเดาว่าสิ่งที่พูดนั้นต้องมีผลอะไรกับตัวคยองซูแน่ๆ เพราะร่างเล็กกระสับกระส่ายทรมาณไปมา 

     

    "ช..ช่วยด้วย"  

     

    ช่วยงั้นเหรอ แล้วผมจะช่วยยังไงล่ะ! 

     

    "โอ้ยยยยย" คยองซูชักสีหน้าด้วยความเจ็บ เลือดสีแดงข้นไหลออกมาจากปาก 

     

     

    'กรี๊ดดดดดดดดด'  

     

    เสียงกรีดร้องโหยหวนดังแว่วจากที่ไกลๆ ผีสาวค่อยๆหันหัวตัวเองกลับด้านมาทางผม 

    แต่เธอไม่ได้มองผม เธอมองออกไปข้างนอกต่างหาก... 

     

    ทันทีที่เสียงกรี๊ดนั้นเงียบลง ร่างอันเน่าเฟะก็หายไปทันที ทิ้งไว้เพียงกองเลือดและกลิ่นเหม็นเน่า 

     

    "แค่กๆ" คยองซูไอสำลักเลือดที่คั่งค้างอยู่ในคอออกมา ผมเดินเข้าไปหาหลังจากที่มั่นใจแล้วว่ามันจะไม่กลับมาอีก 

    "ฉ..ฉันไม่เข้าใจ เราเผาศพไปแล้ว ทำไมมันถึงยังอยู่ได้อีก" ร่างเล็กพูดเสียงแหบพร่า 

     

    "ก็...ก็มันมีหลายตัวน่ะสิ" เท่าที่ผมเจอก็มีเยอะใช่ย่อยเลย 

     

    "เรื่องนั้นน่ะฉันรู้อยู่แล้ว แต่ความจริงแค่เราเผาศพนามิตนเดียวมันก็ไปหมดแล้ว" 

     

    "....." 

     

    "นอกซะจาก...เราเผาผิดตัว!" 

     

     

    --SCHOOLHORROR-- 

     

     

     

     


    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×