ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #7 : SCHOOL : CHAPTER5

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 56


     

    CHAPTER5

     

    “นายมันบ้าไปแล้วคริส!” แบคฮยอนตะโกนใส่หน้าร่างสูงที่ตอนนี้ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

    ทุกคนในลิฟท์มองเฮียคริสด้วยสายตาที่ดูถูกและสมเพศในเวลาเดียวกัน

    แต่ละคนต่างก็รู้สึกแบบเดียวกับผม..ใช่ ผมอยากเสยหมัดหนักๆใส่เขาสักครั้ง

     

    “นายสมควรจะไปอยู่นอกลิทฟ์แทนเซฮุนด้วยซ้ำ”

    “นายมันเลว

    “นายทำให้มินซอกเกือบโดนฆ่าในห้องคอม”

    “นายมันเห็นแก่ตัว”

    “นายมัน….

     

    “พอได้แล้ว!!”  

    เฮียคริสตะโกนลั่นหลังจากทนฟังเสียงก่นด่าของทุกคนไม่ไหว

    “ฉันแค่จะช่วยชีวิตตัวเองมันเสียหายตรงไหนหะ? ใครๆก็ต้องอยากมีชีวิตรอดกันทั้งนั้น”

    ร่างสูงโวยวายพลางผลักคนอื่นรอบๆตัวออกไปสะเปะสะปะเหมือนไร้สติ

    “แล้วอีกอย่าง ฉันช่วยชีวิตทุกคนไว้นะ”

    “ลองคิดดูซิ ถ้าฉันไม่ผลักใครคนใดคนหนึ่งออกไป เราก็จะโดนมันฆ่าหมด”

    …..

    “ตายหนึ่งแต่รอดเก้ามันจะคุ้มกว่ากันไหม!?”

    …..

    ผมไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ที่เฮียคริสพูดมันก็ถูก แต่การผลักคนอื่นออกไปที่ไม่ใช่ตัวเองมันก็ไม่ใช่ทางที่ถูกต้องเหมือนกัน

    “แล้วมันไม่มีทางออกอื่นแล้วหรือไง ทำไมต้องผลักเซฮุนออกไปด้วย”

    “โถ่เว้ย คนมันผลักไปแล้วจะให้ทำไงได้ล่ะ เลิกพูดเรื่องนี้สักที”

     

    “ต้นเหตุมันก็เพราะนายไม่ใช่หรือไง” “ถ้านายไม่ขโมยเพชรไปเรื่องก็คงไม่เกิด”

    ……” สิ้นเสียงแบคฮยอน สายตาทุกคู่ก็จับจ้องไปที่เฮียคริสทันที

    “จ..จะบ้าหรือไง ฉันไม่ได้เอาไปนะเว้ย!” ร่างสูงพูดเสียงสั่น แววตาลุกลี้ลุกลน

     

    “ถ้านายไม่ได้เอาไป แล้วใครจะเอาไป? พวกฉันก็ไม่มีใครขโมยไปเหมือนกัน”

     

     “ฉันไม่เชื่อนายหรอกแบคฮยอน ในที่นี้ก็ไม่มีใครจนเท่านายแล้ว!

     

    ตุบ!

     

    “แบคฮยอน!” พวกเราร้องเสียงหลงเมื่อร่างบางซัดหมัดหนักๆใส่เฮียคริสอย่างแรง

    เป็นจังหวะที่ประตูลิฟท์เปิดออก ทำให้ร่างสูงที่โดนต่อยเสียหลักกระเด็นออกมานอกลิฟท์ทันที

    “อย่ามาดูถูกฉันนะ ถึงฉันจะจน แต่ฉันก็ไม่ได้มีนิสัยขี้ขโมย!” แบคฮยอนด่ากราด

    “มันจะมากไปแล้วนะเว้ย” ร่างสูงลุกขึ้นได้ก็กระชากคอเสื้อแบคฮยอนเหวี่ยงไปกระแทกกำแพงด้วยความโกรธ
    พลางปล่อยหมัดโดยไม่ยั้งมือ ร่างบางได้แต่เซไปตามแรงต่อย

     

    ตุบ!

    เพล้ง!

     

    แบคฮยอนถูกผลักไปกระแทกกระจกใสบานใหญ่จนแตกกระจาย

    กระจกที่ว่านี่คือหน้าต่างขนาดใหญ่เมื่อมันแตก  แบคฮยอนก็จะ

     

    “แบคฮยอน!

     

    ชานยอลวิ่งมาคว้าเอวร่างบางไว้ได้ทันก่อนจะตกลงจากตึกขนาดสูง

    ตามเนื้อตัวแบคฮยอนเต็มไปด้วยบาดแผลจากเศษกระจก

     

    “ไอสัส มึงทำแฟนกู!

    ชานยอลถีบเฮียคริสอย่างแรงโดยที่ร่างสูงไม่ได้ตั้งตัว ก่อนจะขึ้นคร่อมแล้วต่อยอย่างไม่ยั้งมือ

    “นี่สำหรับแฟนกู” ชานยอลกระชากศรีษะร่างสูงให้แหงนขึ้นแล้วกระแทกลงกับพื้น

    “และนี่สำหรับคนอื่นๆ” ชานยอลกระแทกหัวร่างสูงลงที่เดิมอย่างแรงจนเลือดทะลักออกมา

    “ตายๆไปได้ซะก็ดี!

     

    “โอย” คนถูกกระทำได้แต่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ เลือดบนหัวเจิ่งนองไปทั่วพื้น

    แต่ผมและคนอื่นๆก็ไม่มีท่าทีว่าจะไปช่วย ปล่อยให้นอนเจ็บอยู่อย่างนั้น

    ทำใครเขาไว้ล่ะ? กรรมก็ต้องตามสนอง จริงไหม?

     

    “ชานยอล เราจะทำยังไงต่อไปดี?” ลู่หานถามแทนคนที่เหลือ

    ร่างสูงอุ้มแบคฮยอนมาวางชิดกำแพงเพื่อให้ร่างบางได้ที่มีที่พิง

    ก่อนจะค่อยๆดึงเศษกระจกออกให้อย่างเบามือ

    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ขอกบดานที่นี่ก่อนแล้วกัน แบคฮยอนเดินต่อไม่ไหว”

     

    “ซูโฮ ค้นตัวไอเหี้ยคริสที!” ชานยอลตะโกนสั่งซูโฮที่อยู่ใกล้เฮียคริสมากที่สุด
    ร่างเล็กรับคำพลางคลำๆตามเนื้อตัวแต่ก็ต้องส่ายหน้ากลับมาให้ เพราะว่าไม่เจออะไร

     

    “งั้นใครเป็นคนเอาไปวะ?” ร่างสูงพูดเบาๆกับตัวเองก่อนจะหันมาสนใจแฟนร่างเล็กต่อ

    คนอื่นๆที่เห็นการกระทำของชานยอลจึงเดินมานั่งพิงกำแพงเพื่อพักเหนื่อย

    ความจริงผมอยากจะดื่มน้ำมาก แต่ก็ต้องทนไว้เพราะไม่กล้าเดินไปไหนจริงๆ

     

    พลันสายตาเหลือบไปเห็นขวดน้ำวางอยู่อีกฝั่ง ผมกำลังจะลุกไปเก็บมา แต่ก็ถูกลู่หานชิงตัดหน้าไปเสียก่อน

    ร่างสูงเปิดฝาขวดน้ำก่อนจะส่งไปให้มินซอกที่นั่งอยู่ข้างๆดื่ม แล้วตัวเองก็ค่อยดื่มทีหลัง

     

    ผมมองภาพนั้นแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ อา….กระหายน้ำจัง

     

    “ป่านนี้เซฮุนจะเป็นยังไงบ้างนะ” ลู่หานเอนหลังพิงกำแพงอย่างเหนื่อยอ่อน เปลือกตาค่อยๆปิดลง

    “ฉันอยากออกไปตามหาเขา” ร่างสูงพูดเบาๆกับตัวเอง

     

    คยองซูที่ยืนอยู่ข้างผมชักสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด

    “ไม่รักเขาแล้วเป็นห่วงเขาทำไม เซฮุนเจ็บเพราะนายมากี่ครั้งแล้วรู้หรือเปล่า!

    “คยองซู..” ผมเอ่ยปรามร่างเล็กให้เงียบ ดูก็รู้ว่าคนข้างๆผมคนนี้ไม่ค่อยชอบขี้หน้าลู่หาน

     

    “ฉันเป็นห่วงเขาในฐานะพี่ชาย มันผิดด้วยหรือไง?” ลู่หานชายตามองร่างเล็กแล้วพูดลอยๆ

    “ผิดสิ ผิดที่เป็นนาย!” ร่างเล็กพูดหน้าบึ้ง เปล่งเสียงให้ดังขึ้นอีกจนคนอื่นๆหันมามอง

    “ผิดยังไง? อย่ามาทำตัวไม่มีเหตุผลกับฉันนะ” ลู่หานก็ตะคอกกลับไปอย่างเหลืออด

    “ก็แล้วยังไงล่ะ ฉันจะทำ เพราะฉันเกลียดนาย” “ฉันเกลียดคนที่ทำให้น้องฉันกลายเป็นแบบนี้”

    “แล้วฉันอยากให้เป็นแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ ฉันก็ไม่ได้อยากทำร้ายเซฮุนเหมือนกันนั่นแหละ”

     

    “แล้วนายจะให้ความหวังน้องฉันตั้งแต่แรกทำไม? ถ้าไม่รักแล้วทำไมต้องเป็นห่วงออกนอกหน้า..

    “ทั้งๆที่นายก็มีเพื่อนฉันอยู่แล้วทั้งคน” คยองซูตะคอกเสียงดังไม่แพ้กัน

    “ก็ฉันเป็นห่วงเขานี่!!

    “นี่นาย!...” คยองซูตั้งท่าจะกระโจนเข้าหาร่างสูง ผมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบฉุดแขนไว้

     

    “เลิกเถียงกันได้แล้ว เดี๋ยวฉันออกไปหาเซฮุนให้ก็ได้” ผมตัดบท ทั้งสองจึงอารมณ์เย็นลง

    “งั้นฉันขอไปด้วย” ลู่หานพูดเสริม ผมเห็นแววว่าจะต้องทะเลาะกันอีกแน่ถ้าให้ลู่หานไปด้วย

    คยองซูกำลังจะอ้าปากพูดอีกรอบแต่ผมเอามือปิดปากไว้ก่อน “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันจะไปกับซูโฮ”

     

    --SCHOOL HORROR—

     

    ตึง ตึง ตึง ~

     

    เสียงนาฬิกาโรงเรียนดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วผมก็จำไม่ได้ แต่ว่าตอนนี้ผมชินกับมันไปเสียแล้ว

    ผมกับซูโฮขึ้นมาที่ชั้นเจ็ดเพื่อตามหาเซฮุนตามคำเรียกร้องของลู่หาน

    “ตอนนี้กี่ทุ่มแล้วซูโฮ” ผมตะโกนถามร่างบางที่เดินนำอยู่สองสามก้าว ร่างบางก้มมองนาฬกาตัวเองในมือ

    “ห้าทุ่มกว่าๆ”

     “…..” ผมไม่พูดอะไรต่อ เพียงแต่เดินตามซูโฮไปเรื่อยๆ

     

    ตึก ตึก

     

     ทำไมรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามอยู่ข้างหลังผม

     

    กึก..

     

    ผมหยุดเดินแล้วหันไปมองข้างหลังแต่ก็ไม่พบอะไร

    ไฟตามทางเดินที่ริบหรี่ทำให้ผมมองอะไรระยะไกลๆได้ไม่ค่อยชัดนัก

     

    ผมเลิกสนใจเสียงเดินนั่นแล้ววิ่งไปขนาบข้างซูโฮ

    …..” อ่า มันเงียบเกินไป ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย เราน่าจะหาเรื่องคุยนะ

    “ซูโฮ” ผมตัดสินใจพูดออกไปท่ามกลางความเงียบ ร่างบางหันมาหาผมเป็นเชิงถาม

    “นายว่าใครเป็นคนขโมยเพชรไปเหรอ?”

    “อืมไม่รู้สิ ฉันไม่กล้าคิด” ซูโฮส่ายหน้าพลางยิ้มให้ผมบางๆ

    รอยยิ้มซื่อๆนั่นทำให้ผมเริ่มรู้สึกผิดที่ตอนนั้นผมสงสัยเขา

    ท่าทางแบบนี้จะขโมยไปได้ไงกันล่ะ ผมมองคนผิดไปจริงๆ

     

    “ทำไมถึงไม่กล้าคิดล่ะ?” ผมถามต่อ

    “ก็ทุกคนเป็นเพื่อนฉันหมดเลยนี่นา ดูๆแล้วไม่น่าจะมีใครเข้าข่ายขโมยเลย”

    ….” ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่อยากถามอะไรต่อ ลึกๆแล้วก็รู้สึกผิดต่อคนข้างๆอยู่เหมือนกัน

     

    เราสองคนเดินสอดส่องแต่ละห้องไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น ระหว่างทางก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก

    แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด เพียงแค่ไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า

     

    “เราแยกกันหาทีละห้องดีไหม? จะได้ไม่เสียเวลา” ซูโฮหันมาถามผม

    นับๆดูแล้วก็เหลืออยู่ประมาณสิบกว่าห้องที่พวกเรายังไม่ได้เข้าไปหา

    “อย่าเลยดีกว่า ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว”

    “จริงด้วย ห้ามอยู่คนเดียวนี่เนอะ” ร่างบางยิ้มแห้งๆ

     

    ผมกำลังจะยิ้มกลับไปให้แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อเห็นอะไรบางอย่างผ่านไหล่ร่างบางไป

     

    ครืดดดดดดดดดด

     

    “ฮี่ๆๆๆ”

     

    มันมาอีกแล้ว!!

     

    น้ำเสียงแบบนั้น รูปร่างแบบนั้น

    ผีสาวที่ผมเคยเจอตอนตามหาอี้ชิง

    องค์ประกอบทุกอย่างเหมือนเดิมหมด ยกเว้นความเร็ว

    เธอคลานมาหาพวกเราเร็วมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวร่างเธอก็มาอยู่ข้างหลังซูโฮ

     

    “ซ..ซูโฮ!” ผมพูดเสียงสั่น พยายามรวบรวมความกล้าพูดออกไป แต่ก็ทำได้แค่เรียกชื่อเท่านั้น

    “มีอะไรหรือเปล่าไค?” ร่างบางมีสีหน้าตกใจเมื่อเห็นผมหน้าซีด
    แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากตัวผีสาวแล้วเจิ่งนองมาตรงทีเขายืนอยู่

    “อ..อย่าบอกนะว่า”

    “ซูโฮ วิ่ง!!!” ผมฉุดข้อมือร่างบางให้วิ่งหนีทันที

     

    ไม่อยากหันไปมองอะไรทั้งนั้น ขอแค่หนีให้พ้นจากชั้นนี้ก็เป็นพอ แม้จะยังได้ยินเสียงลากพื้นตามมาติดๆก็ตาม

     

    “ฮี่ๆๆๆๆ”

    ครืดดดดดดดด

     

    “วิ่งลงไปเร็วเข้า!” ผมตะโกนกรอกหูซูโฮที่ยังยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าบันได

    “ต..แต่”

    “วิ่งเซ่!” ท่าทางลังเลของร่างบางทำให้ผมต้องฉุดข้อมือวิ่งลงมาแทน แต่ด้วยความที่ผมพาวิ่งเร็วเกินไปหรืออะไรก็แล้วแต่
    ทำให้ซูโฮเสียหลักล้มแล้วกลิ้งลงมาแทน ผมที่จับข้อมือร่างบางไว้อยู่ก็พลอยกลิ้งตกลงมาด้วย

     

    ขลุก ขลุก !

     

    เราสองคนกลิ้งลงมาอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกมึนและเวียนหัวไปหมด ภาพทุกอย่างมันพร่าเบลอเพราะแรงหมุน

    เสียงกลิ้งขลุกขลักอยู่ข้างบนทำให้ผมพอเดาได้ว่าซูโฮน่าจะกลิ้งตามผมมาเช่นกัน

     

    ใกล้แล้วเหลืออีกแค่ไม่กี่ขั้นเท่านั้น

    เรากำลังจะพ้นแล้ว

     

    ผมเตรียมท่าจะลุกขึ้นเมื่อเห็นพื้นกระเบื้องของชั้นข้างล่างอยู่แค่เอื้อม
    แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่กั้นทางเดินไว้อยู่

     

    ลวดหนาม !!!

     

    “เฮ้ยยยย” ผมยื้อตัวเองไว้สุดแรงเมื่อกำลังจะกลิ้งลงบันไดขั้นสุดท้าย

    พลันมือก็คว้าสะเปะสะปะได้ที่ราวบันไดอย่างหวุดหวิด แต่

     

    “ซูโฮ!

     

    “ช่วยด้วย!!!

     

     

    ฉึก!

     

    …..”  ภาพตรงหน้าทำให้ผมแทบทนดูไม่ได้

    มัน..สยดสยองเกินไป!

     

    ซูโฮที่ไม่ทันมองลวดหนามเส้นหนาที่ขึงกั้นตรงบันไดขั้นสุดท้ายไว้อยู่

    กลิ้งลงมาอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่มือจะคว้าราวไว้ได้ทัน

     

    ร่างกายกลิ้งชนกับลวดอย่างแรงจนหนามของมันทิ่มทะลุเข้าเนื้อ

     

    “โอ๊ย” ร่างบางร้องโอดโอยเสียงดัง ค่อยๆขยับแขนให้หลุดจากเส้นลวด

    ผมที่เห็นเหตุการณ์และภาพทุกอย่างต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัว ลวดมันทะลุเจาะแขนเข้าเส้นเลือดใหญ่

    จนเลือดไหลทะลักไม่หยุด ยังไม่นับรวมถึงแผ่นหลังและขาทั้งสองข้างที่ติดอยู่กับลวด

    “ชช่วยดึงออกให้ที” ซูโฮร้องขอเสียงแผ่ว ผมกลั้นใจเดินเข้าไปหาและค่อยๆดึงขาออกจากลวดเส้นหนาอย่างเบามือ

    “โอ้ย!” เสียงร้องของร่างบางทำให้ผมชะงักมือ

    “ไม่เป็นไร รีบๆดึงออกมาเลย” ผมพยักหน้าก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อรวบรวมสติ

    “ทนเจ็บหน่อยนะ” ผมจับขาซ้ายซูโฮไว้แน่นแล้วกระชากออกมารวดเดียวจนหนามหลุด

     

    “อ๊ากกกกกกกกกกกก”

     

    เลือดไหลทะลักเต็มไปหมดจนผมหน้าซีด รู้สึกอยากจะอ้วก

     

    “อดทนอีกนิดนะ ใกล้เสร็จแล้ว”

     

    “อ๊ากกกกกกกกกก”

     

    “เสร็จแล้ว!” ผมบอกร่างบางที่ยังนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด หลังจากดึงร่างให้พ้นจากลวดหนามได้สำเร็จ

    “ไปกันเถอะ” ผมพยุงซูโฮให้เดินไปด้วยกัน แต่ร่างบางกลับยื้อไว้และตั้งท่าจะล้มอีกรอบ

    “ฉ..ฉันไม่ไหวแล้ว”

    “นายอดทนไว้นะ อย่าเพิ่งทิ้งกันไปสิ”

    ร่างบางใบหน้าซีดและอิดโรย เลือดที่ไหลตามแขน หลัง และขาทั้งสองข้างทำให้ผมใจเสีย

     

    ครืดดดดดด

    “ฮี่ๆๆๆๆ”

     

    ร่างผีสาวลากตัวเองลงมาจากบันไดแสยะยิ้มให้พวกผมอย่างน่ากลัว

     

    “ซูโฮ ไปเร็ว!!

     

    ผมพยายามหิ้วปีกร่างบางให้วิ่งตาม แต่ดูเหมือนคนเจ็บจะไม่ไหวอย่างที่พูดจริงๆ

    “นายไปเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว” ร่างบางยิ้มให้ผมบางๆ ไม่นะ!

    “ไม่ได้ เราต้องไปด้วยกันสิ ยังไงนายก็ต้องรอดให้ได้”

    ซูโฮยิ้มให้ผมทั้งน้ำตาก่อนจะส่ายหน้ารัว

    “ก่อนไปฉันขออะไรอย่างได้ไหม

    “อย่าสงสัยฉันเลยนะ ฉันไม่ได้เอาเพชรไปจริงๆ

    “ซูโฮ!!

     

    ครืดดดดดดดด

     

    “วิ่งสิไค วิ่ง!!” ร่างบางผลักผมออกจากตัว

    “ซูโฮ

    “ฉันบอกว่าไม่ไปไง นายวิ่งเดี๋ยวนี้!!

    ผมตัดสินใจวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลืมที่จะหันหลังกลับไปมอง

     

    “ขอโทษนะซูโฮ”

     

    --SCHOOL HORROR—

     

    [SEHUN PART]

     

    “เปิดประตูสิฮ่ะ! ผลักผมออกมาทำไม” ผมทุบประตูลิฟท์ด้วยความกลัว

    สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังทำให้ผมไม่กล้าหันไปมอง

    “ฮือออ ฮยองผลักผมทำไมฮะ” ผมรวบกำปั้นแล้วทุบประตูครั้งสุดท้าย แต่ก็ไร้ประโยชน์

     

    ครืดดดดดดด

     

    เสียงลากพื้นดังขึ้นข้างหลัง ผมพอจะรู้ว่ามันคืออะไร

     

    “ผมไม่ได้เอาเพชรไปนะฮะ ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย”

    ผมหลับตาแน่นพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น

     

    ……

     

    เสียงลากพื้นเงียบไป มีเพียงเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

    ผมตัดสินใจลืมตาแล้วหันหลังกลับไปมอง แต่ก็ต้องรู้สึกหนักอึ้งที่หัว และสติที่มีก็ดับลง

     

    เพล้ง!!!

     

     

     

    ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา ปวดหนึบไปทั้งหัว รู้สึกแสบจมูกไปหมดด้วยกลิ่นของแอลกฮอล์

    สัมผัสเย็นๆที่ไหลลงมาถึงขมับทำให้ผมต้องยื่นมือไปแตะมันมาดู

    พบว่ามันคือเลือด..ที่ไหลออกมาจากหัวผม

     

    “อือ” ผมหันซ้ายหันขวามองรอบๆกาย

    เศษขวดเบียร์ที่ปลายเท้าเป็นเครื่องเฉลยได้ดีว่าผมถูกตีหัวด้วยไอนี่

    ผมในสภาพที่นอนหงายอยู่ในห้องขนาดเล็ก ภายในห้องมีแต่กล่องลังและกล่องกระดาษมากมาย

     

    ซ่า!

     

    ผมถูกสาดด้วยน้ำอะไรสักอย่างจากด้านข้าง กลิ่นมันฉุนและคุ้นจมูก

     

    อ่ามันคือน้ำมัน

     

    ผมลุกขึ้นยืนพลางหันไปมองคนที่สาดน้ำมันมา แต่คนๆนั้นสวมผ้าปิดปากไว้

    อย่างน้อยผมก็รู้ว่าเขาเป็นผู้ชาย และเขาก็ไม่ใช่ผีที่ผมกลัว

     

    แต่ เขากำลังจะทำอะไรผม ?

     

    การกระทำบ่งบอกทุกอย่าง ไม่พูดพร่ำอะไรทั้งนั้น ร่างสูงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    เมื่อเพ่งมองดูก็พบว่ามันคือไฟแช็ก ร่างสูงจุดมันสองสามทีก่อนจะค้างไว้อย่างนั้นตรงหน้าผม

     

    ดวงไฟสีส้มเหลืองทำให้ผมต้องถอยออกห่างด้วยความกลัว

    รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ผมคิดว่าต้องไม่เป็นเรื่องดีแน่

     

    คงไม่ได้คิดจะเผาผมหรอกใช่ไหม!?

     

    TBC 


     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×