ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #6 : SCHOOL : CHAPTER4

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ย. 56


    CHAPTER 4

     

    “จะบ้าเหรอ! ซูโฮไม่ทำอย่างนั้นหรอก” แบคฮยอนแว้งแทบจะทันทีที่ผมพูด

    “ฉันก็ยังไม่ได้บอกซักหน่อยว่าซูโฮขโมย แค่สงสัยเขาเท่านั้น”

    แบคฮยอนส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ ดูจะมั่นใจเหลือเกินว่าไม่ใช่ซูโฮ คนอื่นๆไม่เชื่อผมเช่นกัน

    “เพราะอะไรทำให้นายสงสัยเขา?”

     

    “ก็เมื่อตอนบ่ายที่ชานยอลพูดเรื่องเพชร ซูโฮดูจะสนใจเป็นพิเศษ แล้วหลังจากนั่นก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ”

    ผมพูดตามที่คิด แต่แบคฮยอนก็ยังทำหน้าไม่เชื่อ

    “อย่าว่าแต่ซูโฮเลย นายก็มีท่าทีสนใจเหมือนกันไม่ใช่หรอ” ร่างบางแว้งกลับ

    “นายอย่าเอาเรื่องแค่นี้มาตัดสินเลยไค แค่ตอนที่ซูโฮไปเข้าห้องน้ำมันจังหวะเดียวก่อนที่จะเกิดเรื่องมากกว่า”
    คราวนี้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยกับแบคฮยอน เซฮุนเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้นมาบ้าง

    “ผมเห็นด้วยกับแบคฮยองนะฮะ ขึ้นชื่อว่าเพชร ใครได้ยินก็ต้องสนใจและอยากได้มาครอบครองทั้งนั้น

    ซูโฮฮยองเป็นเด็กใหม่ คงไม่มากประสบการณ์ขนาดนั้นหรอกฮะ เพชรในห้องสมุดใช่ว่าจะเอามาง่ายๆ”

    “ต..แต่” ผมตั้งท่าจะเถียงกลับแต่ประตูลิฟท์ก็เปิดออกพอดี
    หมายเลขที่ติดตรงกำแพงตัวใหญ่ๆบอกให้รู้ว่าชั้นนี้คือชั้น
    3
    ชานยอลเดินนำพวกเรามาอย่างรู้หน้าที่เหมือนจะคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าต้องไปไหน

    ผมยอมสงบปากสงบคำไว้ก่อนแล้วเดินตามชานยอลไปเงียบๆ

    “จะนำเราไปไหนอะชานยอล” คยองซูถาม แต่ร่างสูงก็ไม่ตอบ เพียงแต่เดินนำเท่านั้น
    ร่างบางจึงเบ้หน้าด้วยความหมั่นไส้แล้วเดินมาขนาบข้างผมแทน

     

    ชานยอลพาพวกเราเข้ามาที่ห้องห้องหนึ่ง ข้างในไม่มีโต๊ะเรียนเหมือนห้องอื่นๆ
    มีแต่โต๊ะทำงานและกองเอกสารมากมายที่วางระเกะระกะ
    ริมห้องมีจอทีวีมากกว่าห้าจอเรียงกัน แต่ละจอฉายภาพมุมต่างๆของโรงเรียนแทบทุกที่

     

    “ห้องวิชาการ! นายฉลาดมากชานยอล” แบคฮยอนชมเปาะ
    พลางเดินเข้ามาสำรวจภาพเหตุการณ์ภายในโรงเรียนจากจอขนาดเล็ก


    ผมยังคงยืนงงอยู่หน้าห้องคนเดียว นี่สรุปพวกเราจะทำอะไรกัน?

    “เดี๋ยวๆ พวกนายจะทำอะไรกันเนี่ย” ผมตะโกนเข้าไปในห้อง แบคฮยอนจิ๊ปากเหมือนรำคาญ

    “ไม่เห็นหรือไง ก็กำลังมองหาซูโฮอยู่นี่ไงว่าอยู่ส่วนไหนของโรงเรียน จะได้ตามหาถูก”

    ผมยิ้มอย่างพอใจ สรุปว่าพวกนั้นเชื่อผมแล้วงั้นเหรอ แบคฮยอนที่เห็นผมลอบยิ้มก็พูดดักเหมือนรู้ทัน

    “ที่ตามหาไม่ได้เพราะสงสัยเหมือนนายหรอกนะ ฉันเป็นห่วงเพื่อน” พูดจบก็หันกลับไปมองหาในจอภาพ

     

    “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าใครเอาเพชรไป?” คยองซูที่ไม่ได้ช่วยคนอื่นหาก็พูดหน้ามุ่ย
    ดูเหมือนเจ้าตัวจะอารมณ์บูดตั้งแต่ออกมาจากลิฟท์แล้ว ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับตัวเล็ก

    ไม่ใช่ว่าผมจะไม่รู้ว่าคยองซูอารมณ์ไม่ดีเพราะอะไร ก็คยองซูคิดเหมือนผมนั่นแหละ
    แถมยังเป็นคนเริ่มพูดเรื่องซูโฮกับผมก่อนด้วยซ้ำในตอนก่อนที่อี้ชิงจะหายไป
    นั่นทำให้เจ้าตัวไม่ค้านผมเหมือนเพื่อนคนอื่นๆตอนอยู่ในลิฟท์

    ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกด้วยมั้ง ที่คยองซูคิดอย่างเดียวกัน ผมควรจะดีใจไหมนะ?

     

    “ฉันก็ไม่รู้ ทุกคนในโรงเรียนนี้ก็มีสิทธิ์ขโมยได้หมด ไม่เว้นแม้แต่พวกเรากันเอง”
    ชานยอลพูดเน้นประโยคหลัง ก่อนจะส่งสายตาแปลกๆมาทางผมและคยองซู

     

    “หมายความว่าไง? นายไม่ไว้ใจพวกเราอย่างนั้นเหรอ”

    คยองซูที่ได้รับสายตาเยียดๆแบบนั้นก็อารมณ์ขึ้นกว่าเดิม ร่างสูงเพียงแต่ไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

    แบคฮยอนตีไหล่แฟนเบาๆ เป็นเชิงว่าทำตัวไม่ดี คนถูกกระทำจึงเบะปากแล้วหันมาสนใจหน้าจอต่อ

    “ไม่มีใครสงสัยใครทั้งนั้นแหละ เลิกคิดมากได้แล้วคยองซู มาช่วยกันหาซูโฮเถอะ”

    ….” คนตัวเล็กได้แต่ชักสีหน้าแล้วเดินไปยืนข้างๆอย่างไม่เต็มใจ

     

    “เฮ้ยๆ นี่ไง ฉันเจอพวกเฮียคริสแล้ว” ชานยอลตะโกนลั่นชี้นิ้วรัวๆไปที่จอที่3

    ผมเห็นพวกเฮียกำลังยืนสุมหัวกันอยู่หน้าห้องน้ำ ดูสีหน้าแต่ละคนค่อนข้างจริงจัง

    แต่ที่พวกเราโฟกัสคือซูโฮไปอยู่กับพวกนั้นได้ไง

    “โหยย เพื่อนเราโดนเอาเข้ากลุ่มนั้นไปแล้วอะ” แบคฮยอนพูดเสียงอ่อน

    ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับผม เราจะได้ไม่ต้องตามหาซูโฮให้ยุ่งยาก

    หน้าที่เดียวของเราตอนนี้คือหาเพชร แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าใครเอาไปเท่านั้นเอง

     

     

    “แล้วทีนี้จะเอาไงต่ออะ ต้องไปตามซูโฮกลับมากลุ่มเราปะ?”

    “ไม่จำเป็นหรอก” แบคฮยอนพูดกับชานยอลอยู่สองคน

    “แล้วเรื่องเพชร….??”

    “ถ้าในพวกเราไม่มีใครขโมย ก็ต้องพวกเฮียคริสนี่ละ!” แบคฮยอนพูดน้ำเสียงเฉียบขาด

    “งั้นเราก็ต้องไปหาพวกเฮียคริสใช่ปะ?” ชานยอลขี้สงสัยถามอีกรอบ แบคฮยอนพยักหน้ากลับไป

    ร่างสูงตั้งท่าจะถามอีกแต่ก็ต้องกลืนทุกคำพูดเมื่อร่างบางส่งสายตาอันเฉียบคมไปให้

    “ไม่ถามแล้วครับ” ร่างสูงทำหน้าหงอย ผมได้แต่กลั้นยิ้มกับท่าทางกลัวแฟนของชานยอล

     

    พวกเราหันกลับมาสนใจภาพในจอต่อ เซฮุนบอกว่าชั้นที่พวกเฮียอยู่คือชั้นเจ็ด

    ผมกวาดสายตามองภาพแต่ละจอไปเรื่อยๆ รู้สึกขอบคุณผู้บริหารโรงเรียนนี้มากที่สร้างห้องนี้มา

    เพราะจอแต่จอนี่ฉายแทบจะทุกที่ในโรงเรียน ไม่เว้นแม้แต่ในลิฟท์ทุกตัว

     

    ลิฟท์  เลือด

    ผมเห็นคราบเลือดในลิฟท์

     

    ผมกำลังจะเอ่ยปากบอกเพื่อนๆ แต่ดูเหมือนคยองซูและเซฮุนก็เห็นเหมือนผม

    โรงเรียนนี้มีลิฟท์สี่ตัว ลิฟท์ที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นคือลิฟท์ที่สอง แต่ยังดีที่ตอนนั้นพวกผมใช้ลิฟท์ตัวที่หนึ่ง

     

    ภายในลิฟท์นั้นไม่มีใครอยู่ มีเพียงคราบเลือดเต็มผนังและพื้น

     

    ผมเงยหน้ามองสีหน้าเพื่อนๆ ตอนนี้ทุกคนเห็นเหมือนผมแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
    แต่อาการกลัวก็แสดงให้เห็นชัดเจน โดยเฉพาะแบคฮยอนที่ทำเป็นไม่เห็นแต่หน้ากลับซีด

     

    ผมทำเป็นไม่สนใจภาพนั้นแม้จะติดตาอยู่ก็ตาม

     

    “ฮยองฮะ ทำไมกลุ่มเฮียคริสไม่มีเทา” เสียงเซฮุนทำให้ผมหลุดจากภวังค์แล้วมองตามที่เซฮุนบอก

    มันก็จริง เทาไม่ได้อยู่ในกลุ่ม แล้วเทาไปไหน

    “เรื่องนั้นฉันรู้ตั้งแต่เห็นพวกเฮียในจอแล้ว กำลังหาอยู่เนี่ย ทั้งเทาทั้งจงแดเลย”

    แบคฮยอนยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าจอซะจนชานยอลต้องดึงไหล่บางให้ออกมาไกลๆ กลัวว่าไฟจะดูดซะก่อน

    แต่คำพูดร่างบางเมื่อกี้ทำให้ผมเพิ่งนึกได้ ป่านนี้จงแดจะเป็นยังไงบ้าง หรือว่ากลับบ้านได้แล้ว?

     

    ทำไมผมถึงไม่เจอสองคนนั้นเลยละ ทั้งๆที่ในจอฉายแทบทุกส่วนของโรงเรียน

     

    คิดแล้วก็ไม่เข้าใจ ถ้าไม่เห็นจงแดก็แสดงว่าเขากลับไปได้แล้ว..

    แล้วทำไมผมถึงกลับไม่ได้ล่ะ ผมอยากกลับบ้าน

     

    “เดี๋ยวฉันมานะ” ผมโพล่งขึ้นพลางเดินออกไปจากห้อง

    คยองซูมองผมด้วยความเคลือบแคลงก่อนจะเดินตามออกมา

    “นายจะไปไหน!

    “ไปเข้าห้องน้ำ ไม่ต้องตามมาหรอกน่า” ผมหลบตาพูดอ้อมแอ้ม คนตัวเล็กจ้องหน้าผมเขม็ง

    “นายคงไม่ได้คิดจะหนีหรอกใช่ไหม”

    …..” คำถามจี้ใจผมอย่างแรง

    “เปล่าซะหน่อย แค่ปวดฉี่”

    “งั้นก็ดี กลับมาเร็วๆล่ะ” คยองซูพูดเสียงเรียบก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไป

    ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ในใจก็ตื่นเต้นไปหมด กลัวก็กลัวแต่อยากกลับบ้าน

     

    ทันทีที่คยองซูเดินเข้าห้องไปผมก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำข้างๆ
    ระยะทางที่ไม่ไกลมากเท่าไรทำให้ผมอุ่นใจขึ้นมานิดหน่อย อย่างน้อยเพื่อนๆก็อยู่ห้องใกล้ๆกัน

     

    ผมไม่ได้ปวดฉี่อย่างที่พูดหรอก แต่จะมาโทรศัพท์มากกว่า ขืนให้คนอื่นๆรู้โดยเฉพาะคยองซูก็ไม่ได้โทรกันพอดี
    ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องเกรงใจเพื่อนขนาดนี้

     

    ผมหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง แน่นอนว่ากระเป๋าเป้ถูกปล่อยทิ้งในห้องเรียนนั่นแล้ว

    99สายที่ไม่ได้รับ เป็นมิสคอร์ที่เลขสวยซะจริงๆ ทำไมผมถึงไม่รู้ตัวเลยนะ ตั้งสั่นไว้แท้ๆ

    หมายเลขที่โทรมามีพ่อบ้าน(คนที่มาส่งผมเมื่อเช้า)58สายและพ่อ41สาย

    ป่านนี้คงจะเป็นห่วงและตามหาผมให้วุ่นแน่ๆ แต่แปลกที่ไม่มีใครมาตามหาผมที่โรงเรียนสักคน

    เท่าที่ดูจากจอกล้องวงจรปิดเมื่อกี้ ไม่มีใครในโรงเรียนเลยจริงๆนอกจากพวกผมและพวกเฮียคริส

     

    ไวเท่าความคิด ผมกดโทรหาพ่อบ้านทันที

     

    ฮัลโหล คุณหนูครับ คุณหนูอยู่ที่ไหนครับ!’ ปลายสายรับแทบจะทันทีที่ผมโทร

     คงจะโทรรายงานพ่อผมเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่โทรมาซะ41สายหรอก

     

    “ลุงคิมช่วยผมด้วยครับ! ผมอยู่ที่….$@!%$^$&

    ผมพูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงคลื่นสัญญาณแปลกๆก็เข้ามารบกวนซะก่อนจนประโยคหลังไม่ได้ยิน

    อะไรนะครับ? คุณหนูอยู่ที่ไหน

    “ผมอยู่ที่….

     

    เพล้ง!

     

    !!!!

     

    กระจกหน้าห้องน้ำที่ผมยืนอยู่ข้างหน้าแตกกระจายโดยไม่รู้สาเหตุ
    ชิ้นส่วนแหลมๆของมันกระเด็นบาดเข้าที่แก้มผมจนเลือดซิบ

     

    คุณหนูครับ!’ พ่อบ้านพูดน้ำเสียงร้อนรนเมื่อผมเงียบไป

     

    “ผ..ผมอยู่ที่

     

    ยังไม่ทันที่ผมจะพูดให้จบ ภาพสะท้อนของเศษกระจกทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก

    มันเป็นเงามัวที่ดูไม่เป็นรูปเป็นร่างอยู่ข้างหลังผมในกระจก

     

    หืม…~ หืม ~…หือออ~’

     

    ……

     

    -SCHOOL HORROR—

     

    “ไค ไค!

    เสียงแหลมๆของแบคฮยอนเรียกสติผมให้กลับคืนมาจากภวังค์อันน่ากลัว

     

    นี่ผมเป็นอะไรไป

     

    “นายเป็นอะไรหรือเปล่า เรียกก็ไม่ตอบ” พูดพลางเอามืออังหน้าผากผม อาจจะคิดว่าผมเป็นไข้

    แต่ไม่ใช่เลย ผมเพิ่งจะเจออะไรที่สยองมา..ไม่ใช่เหรอ

    “ฉันอยู่ที่ไหน?” ผมถามออกไปด้วยความงุนงง มองไปรอบๆถึงจะรู้ว่านี่คือห้องวิชาการ

    “นายเบลอหรือไง เราก็อยู่ที่เดิมกันเนี่ยแหละ” ชานยอลพูดเนือย

     

    แสดงว่าเรื่องเมื่อกี้ผมก็คิดไปเองน่ะสิ

     

    “นายเป็นอะไรไค?” คยองซูมองผมด้วยความเป็นห่วง แต่ก็จ้องเขม็งมาที่โทรศัพท์ในมือผม

    “หวังว่าคงจะไม่คิดโทรหาใคร..ใช่มั้ย?” ใบหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงกดดันจนผมทำอะไรไม่ถูก

    “เปล่าหรอก คงจะคิดมากไปหน่อย”

     

    “ถ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว เราต้องขึ้นไปชั้นเจ็ดเพื่อหาพวกเฮียคริส”

    “อืม” ผมรับคำก่อนจะเดินตามเพื่อนๆออกจากห้องไป โดยไม่วายเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าให้เรียบร้อย

     

    การโทรหาใครคงกลายเป็นทางเลือกสุดท้ายของผมอีกแล้ว

     

    --SCHOOL HORROR—

     

    [WUFAN (KRIS) PART]

     

    พวกเราในตอนนี้ยืนรวมกลุ่มกันอยู่หน้าห้องน้ำ

    ใช่ ฟังไม่ผิดหรอก พวกเราอยู่หน้าห้องน้ำชั้นเจ็ด อาจเป็นเพราะว่าผมไม่รู้จะหาที่ที่ปลอดภัยที่อื่นได้อีกแล้ว

    อย่างน้อยตรงนี้ก็มีถังดับเพลิงอยู่ใกล้ๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันจะใช้ประโยชน์อะไรได้เหมือนกัน

     

    ส่วนเรื่องเทาน่ะเหรอ ลืมมันไปได้เลย ผมไม่สนใจอยู่แล้ว ในเมื่อคิดจะหักหลังกันก็เชิญ คิดจะไปก็ไป
    แต่อย่าหวังว่าจะกลับมาหาผมอีก คริสคนนี้ไม่เคยให้โอกาสใครซ้ำสอง

     

    “เอาไงต่ออะเฮีย?”  ลู่หานถามผม

     

    ในตอนนี้ผมที่ยืนพิงกำแพงอย่างสบาย ไล่สายตามองแต่ละคนที่ยืนเรียงแถวด้วยความแคลงใจ

    ดูเหมือนผมเป็นผู้บังคับบัญชาอย่างไรอย่างนั้น แต่มันก็ทำให้รู้สึกดี

    ไม่มีเทาสักคนเหมือนทุกคนพร้อมจะเชื่อฟังผม

     

    “ฉันอยากรู้ว่าใครขโมยเพชรไป” ผมเน้นประโยคให้ดูน่าเกรงขาม มองแต่ละคนอย่างจับผิด

    อันที่จริงผมก็สงสัยมานานแล้วว่าใครเอาไปกันแน่ และแน่นอน ไม่ใช่ผม ผมไม่ทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้น

    อยู่ที่นี่มาสามปีทำไมจะไม่รู้ประวัติและกิตติศัพท์อันน่ากลัวของโรงเรียนนี้ล่ะ จริงไหม

     

    ….. ไม่มีใครตอบ ดูเหมือนทั้งสามจะทำเป็นหูทวนลมกับสิ่งที่ผมพูด

    “หนึ่งในพวกนายได้มีใครเอาไปหรือเปล่า”

    ….

    “ยอมรับมาซะตอนนี้ เพราะถ้าฉันมารู้ตอนหลังล่ะก็อย่าคิดว่าจะรอด!

    ผมพูดเสียงเย็น ไม่เชิงว่าขู่ให้กลัว แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ไม่ได้อะไรกันพอดี

     

    “ฉันไม่ได้เอาไปนะ..บ้านฉันก็มีฐานะดีอยู่แล้ว จะเอาไปทำอะไร” ลู่หานพูดอย่างไม่เกรงกลัว

    “ฉันก็ไม่ได้เอาไปเหมือนกัน ใครมันอยากจะเอาไปล่ะ น่ากลัวจะตาย” มินซอกพูดพลางลูบแขนไปมา

    “ฉ..ฉันเป็นเด็กเข้ามาใหม่ วันทั้งวันนี้ฉันยังไม่ได้ขึ้นไปชั้นแปดเลยด้วยซ้ำ” ซูโฮพูดเสียงสั่น

     

    สรุปในกลุ่มเราไม่มีใครเอาไป ?

     

     

    “งั้นคนที่ขโมยเพชรก็ต้องเป็นพวกแบคฮยอนน่ะสิ!

    ว่าแล้วไม่มีผิด อย่าให้เจออีกครั้งนะ พวกนายเสร็จแน่!!

     

    ตุบ!

     

    เสียงเหมือนของบางอย่างกระทบกับพื้นทำให้พวกผมต้องหันไปทางต้นเสียงทันที

    มันดังมาจากห้องคอมพิวเตอร์ใกล้ๆนี้

     

    “เสียงอะไร?” ผมถามคนอื่นๆ แต่ก็ได้คำตอบโดยการส่ายหน้ามาให้

    “มินซอกนายอยู่ใกล้สุด เดินไปดูหน่อยสิ” ผมพูดแกมสั่ง

    คนฟังได้แต่พองแก้มหน่อยๆก่อนจะเดินออกไปตามคำสั่ง

     

    --SCHOOL HORROR—

     

    [MINSEOK (XIUMIN) PART]

     

    เมื่อหันหลังให้คนบ้าอำนาจได้ผมก็เบะปากทันที เหอะ!

    ทำเป็นสั่งนู้นสั่งนี่ ตัวเองทำเองไม่ได้หรือไง อย่าคิดว่าคนอื่นเขาอยากจะทำตามทุกอย่างหรอกนะ

    นี่ถ้าไม่ติดว่าลู่หานขอไว้ผมก็ไม่มีทางที่จะเฉียดเข้ามากลุ่มนี้แน่ คนอะไร เห็นแก่ตัวชะมัด

     

    ผมทำใจกล้าเดินมาหยุดตรงหน้าห้องคอมพิวเตอร์ แต่ความจริงน่ะขาสั่นเลยล่ะ

    ใครๆก็รู้ว่าผมขี้กลัว แต่ทำไงได้ ถูกสั่งให้ทำก็ต้องทำ

     

    …..”  ผมชะเง้อคอเข้าไปดูข้างใน พยายามเพ่งมองในความมืด

    แน่นอนว่าผมมองอะไรไม่เห็นสักอย่างเพราะมันมืดไปหมด

    “ไม่มีอะไรอะ” ผมตะโกนกลับไป ได้ยินเสียงเฮียแว่วๆว่าให้เดินเข้าไปดู

    แต่ใครจะกล้าล่ะ! มืดขนาดนี้ ขืนเข้าไปก็ยิ่งมองอะไรไม่เห็น แถมยังน่ากลัวเข้าไปอีก

    ….

    “รออะไรอยู่เล่า รีบๆเข้าไปดูสิ” เฮียยังเร่งผม

     

    ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะค่อยๆก้าวเข้าไปในห้อง รู้สึกถึงพื้นที่เย็นเฉียบ แม้จะใส่รองเท้าอยู่ก็ตาม

     

    ….” ไม่มีอะไร

     

    ผมเดินมาเรื่อยๆจนคาดว่านี่คือกลางห้อง แต่ก็ไม่มีอะไร

     

     

    ปัง !

     

    !!!!

     

    ฉับพลัน ผมรู้สึกถึงแรงรัดที่คอ

    เมื่อคล้ำๆดูพบว่ามันคือเชือก แต่สงสัยที่ว่ามันมาอยู่ที่คอผมได้ยังไง!

     

    ทุกอย่างดูรวดเร็วไปหมดจนผมตั้งตัวไม่ทัน แรงรัดนั่นทำให้ผมเริ่มหายใจไม่ออก

    ห่วงเชือกมันคล้องคอผมตอนไหนก็ยังไม่รู้ แต่ยิ่งผมดิ้นเชือกก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น

     

    “อ่อกแค่กๆ” 

     

     

    “มินซอก!” เสียงลู่หานตะโกนเข้ามาในห้องพลางเคาะประตู คงจะเป็นห่วงผมสินะ

    “นายเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมยังไม่ออกมา” กวางน้อยยังคงตะโกนอยู่อย่างนั้น

    แต่สติที่ผมมีมันช่างเหลือน้อยนิดเหลือเกิน

    นี่เขาเรียกว่าอาการขของคนที่กำลังจะหมดลมหายใจหรือเปล่านะ

    ทำไมผมถึงรู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ออกอย่างนี้ รู้สึกเหมือนออกซิเจนเริ่มน้อยลงทุกที

     

    ขอโทษนะลู่หาน..ที่ทำให้นายเป็นห่วงตลอด

    ขอโทษที่ต้องเป็นภาระให้นายเสมอมา

    ขอโทษที่ฉันมันอ่อนแอ เป็นที่พึ่งให้ใครไม่ได้

     

    ขนาดเรื่องแค่นี้ฉันยังเอาตัวรอดไม่ได้เลย แต่นายก็ยังอุตสาร์เป็นห่วงกัน

     

    ตั้งแต่วันแรกที่ผมเข้ามาในโรงเรียน ผมมันอ่อนแอ ใครๆก็บอกว่าผมน่าแกล้ง ผมไม่สู้คน

    แต่พอมาเจอลู่หาน เขาไม่ใช่แบบนั้น เขาใจดีและคอยปกป้องผมเสมอเวลาเพื่อนๆรังแก

    ดวงตาของเขาที่มองมาทำให้ผมไม่สามารถมองใครได้อีก ใช่..ผมตกหลุมรักเขา

     

    หลังจากนั้นผมก็หาทางตอบแทนเขาตลอดเวลา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมมันอ่อนแอเกินไป

    เรื่องของตัวเองยังเอาไม่รอด มีเหรอที่จะช่วยเขาได้ ดีแต่คอยเป็นภาระให้เขาตลอด

    แต่เขาก็ยังเต็มใจช่วย แววตาที่ลู่หานมองมาที่ผมตอนนั้นมันเหมือนกับแววตาของผมที่มองลู่หาน

     

    “มินซอก!!” ลู่หานตะโกนสุดเสียง พยายามใช้แรงพังประตูเข้ามา

     

    นี่ผมตายไปหรือยังนะ

     

    ทำไมมันยังรู้สึกแน่นที่คออยู่เลยล่ะ?

    ทำไมผมถึงตายยากอย่างนี้ ทั้งๆที่ยอมหยุดดิ้นแล้วแท้ๆ

    ลมหายใจที่รวยรินช่วยย้ำเตือนว่าผมยังมีลมหายใจ

     

    ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรต่อ มือร้อนในความมืดก็โผล่มาบีบรัดคอผมอย่างแรง

    ด้วยความตกใจผมกระชากข้อมือนั้นให้หลุดออกตามสัญชาติญาณ

    แต่แรงที่มีนั้นไม่พอ มือนั้นบีบรัดแน่นหวังจะให้ผมตายคามือในทันที

     

    แปลก

    ข้อมือนั่นอุ่น..และมีชีพจร

     

    นั่นทำให้ผมฉุกคิดว่าเขาเป็นคน ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิด

    แล้วเขาเป็นใครล่ะ

     

     

    ปัง!!

     

    ประตูกระเด็นไปไกลด้วยแรงของลู่หาน

    ทันทีที่เข้ามาได้ ร่างสูงก็วิ่งเข้ามาหาผมทันทีในความมืด

     

    มือนั้นหายไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งที่ผมแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร

     

    “มินซอก!” ร่างสูงวิ่งเข้ามากอดผมแน่น น้ำตาที่กลั้นมานานไหลรินลงมา

    “ฉันขอโทษที่ให้นายออกมาคนเดียว ฉันขอโทษ”

    “ถ้าฉันมาช้ากว่านี้นายคง

     

     

     

    ลู่หานหยุดพูดพลางคลายอ้อมกอดและสำรวจตัวผม

    “ทำไมเชือกถึง” ร่างสูงพูดเสียงสั่นเมื่อสังเกตเห็นเชือกเส้นหนาที่คล้องรอบคอผม
    มันคล้องแน่นเมื่อตอนก่อนที่ลู่หานจะเข้ามา แต่หลังจากมือนั่นหายไปเชื่อกก็คลายออกกลายเป็นหลวมๆเมื่อไม่มีใครดึง

    “ฉ..ฉันกลัวลู่หาน”

    “ฉันคิดว่าจะไม่ได้เจอนายซะแล้ว..ฮึก” ผมสะอื้น

    ลู่หานเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆก่อนจะจูบที่หน้าผากมน

    “ฉันอยู่นี่แล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”

     

    --SCHOOL HORROR--

     

    [JONGIN (KAI) PART]

     

    พวกเรากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่ลิฟท์จนเหนื่อยหอบ ชานยอลเน้นนักเน้นหนาว่าให้รีบไปชั้นเจ็ดให้เร็วที่สุด

    เผื่อว่าพวกเฮียคริสจะไปชั้นอื่นซะก่อน ไม่รู้ว่าจะรีบอะไรนัก โรงเรียนก็มีแค่แปดชั้น

     

    ติ๊ง!

     

    ลิฟท์เปิดออกก่อนที่พวกเราทั้งห้าคนจะเข้าไป ชานยอลกดชั้นเจ็ดแทบจะทันที

    ไม่มีใครพูดอะไรหลังจากนั้น มีเพียงความเงียบและบรรยากาศอึดอัดเข้ามาแทนที่

     

    เรารอจนตัวเลขชั้นขึ้นเลขเจ็ดลิฟท์จึงเกิด แต่ยังไม่ทันที่พวกเราจะเดินออกไป

    พวกเฮียคริสที่แบคฮยอนตั้งใจจะตามหาก็วิ่งเข้ามาในลิฟท์อย่างรวดเร็วเหมือนยืนรออยู่ก่อนแล้ว

     

    “เฮ้ยย อะไรของพวกนายเนี่ย!” แบคฮยอนโวยวายเมื่อทุกคนเข้ามาเบียดกันในลิฟท์

    “อย่าเพิ่งถาม ตอนนี้รีบไปชั้นอื่นก่อน มันมาแล้ว!!” เฮียคริสพูดน้ำเสียงร้อนรน

     

     

    หืม…~ หืม ~…หือออ~’

     

    ..ทำนองแบบนี้….,มันมาอีกแล้ว!!

     

    “ที่นี้เข้าใจหรือยังล่ะ รีบปิดลิฟท์เดี๋ยวนี้!!” เฮียคริสตะโกนสั่ง ชานยอลรีบกดปุ่มปิดทันทีด้วยความกลัว

     

    แต่..มันไม่ปิด

     

    ตื๊ดดดดดดดดดดดดดด

     

    เสียงร้องเตือนของลิฟท์ทำให้ทุกคนตกใจ

     

    “เหี้ยละ คนเต็ม..” ร่างสูงพูดเสียงแผ่ว

     

    มันจะเป็นไปได้ยังไง คนแค่เก้าคนจะทำให้ลิฟท์เต็ม..

     

    ครืดดดดดดดดดดดด

     

    เสียงลากพื้นทำให้ผมหน้าซีดเผือด มันกำลังมาอย่างที่พูดจริงๆด้วย

    แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราปิดลิฟท์ไม่ทัน

     

    “เหี้ยเอ้ยย ปิดซิวะ” ชานยอลกดปุ่มรัวๆให้ประตูปิด แต่ก็ไม่เป็นผล ประตูยังคงเปิดค้างอยู่อย่างนั้น

     

    …..” 

     

    ผลั่ก!

     

    “เฮ้ย!!” ทุกคนร้องออกมาด้วยความตกใจ ไม่คาดคิดว่าเฮียจะ..ผลักเซฮุนออกไป

     

    ติ๊งง’  ประตูลิฟท์ปิดลงอย่างเฉียดฉิว

     

    “เฮียทำอย่างนี้ได้ยังไง ผลักเซฮุนออกไปทำไม!” แบคฮยอนโวยวายลั่น

    ผมที่ยืนอยู่ข้างๆคยองซูรีบกุมมือคนตัวเล็กโดยอัติโนมัติ

    ผมได้ยินถึงจังหวะหัวใจของตัวเองที่เต้นรัวด้วยความกลัว

     

    ไม่อยากจะคิดว่าถ้าตัวเองอยู่ใกล้ลิฟท์แทนเซฮุนแล้วร่างสูงจะทำยังไงกับผม

     

    “ก็ถ้าไม่เอาคนออก ประตูก็ไม่ปิดน่ะสิ” ร่างสูงตอบหน้าตาย ยิ่งทำให้ผมอยากจะเสยหมัดหนักๆเข้าไปใหญ่

     

    จิตใจทำด้วยอะไร ทำไมถึงใจ้ร้ายขนาดนี้นะ

     

    --SCHOOL HORROR--


     

    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×