ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

    ลำดับตอนที่ #2 : SCHOOL : INTRO

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 56


    INTRO

     

    ภายในโรงพักชื่อดังย่านกรุงโซล ถูกตราหน้าว่ามีฆาตกรที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์อยู่ในโรงพัก รอคอยการพิพากษามาร่วมห้าชั่วโมง เขาที่ว่านี้รูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทน หน้าตาจัดว่าดีในระดับหนึ่ง นั่งก้มหน้าชิดอกตัวสั่นเทิ้ม เหมือนหวั่นกลัวอะไรบางอย่างอยู่ ทั้งๆที่ในห้องมีเพียงแค่สารวัตกับเขาเท่านั้น แต่ในความคิดร่างสูง ยังไงคนตรงหน้าก็ดูไม่ต่างจากพยามัจจุราชที่คอยตัดสินคดีสักเท่าไร เขาเพียงแค่รอเวลาลงทัณฑ์ตามคำสั่งเท่านั้นเอง

    “มีอะไรที่รู้เรื่องอีกไหม?” สารวัติถามเสียงเรียบ ไม่มีน้ำเสียงขุ่นเคืองภายในประโยคนั้นเลย แต่เด็กหนุ่มก็ยังตัวสั่นไม่หยุด

    “ไม่ครับ” คนตรงหน้าไม่ได้คาดคั้นอะไรต่อ เพียงแค่ตบบ่าเขาเบาๆแล้วเดินออกจากห้องไป

    ปล่อยให้เด็กหนุ่มอยู่กับห้วงความคิดตัวเองตามลำพัง

     

     

    สารวัติเดินเข้ามาอีกห้องหนึ่งที่อยู่ถัดจากห้องเด็กหนุ่ม วางแฟ้มบนโต๊ะแล้วทิ้งตัวลงโซฟาอย่างเมื่อยล้า
    มือก็นวดคลึงขมับเบาๆให้พอบรรเทาความเครียดลงบ้าง

    “เด็กนั่นพูดอะไรบ้าง” ชายผู้ดูมีอายุถามขึ้น หลังจากที่นั่งรอในห้องมาได้สักพัก
    หันหน้าไปมองสารวัติหนุ่มที่ยังปวดหัวไม่หาย

    “ก็ไม่อะไรมากมาย แค่บอกว่าโรงเรียนนี้มีผี” คนฟังจิ๊ปากเบาๆก่อนจะส่ายหน้าไปมา ด้วยความระอา


    “ฟั่นเฟื่อง”

     

    “หมอว่าไงนะ?” สารวัติเลิกคิ้วสูงหลังจากได้ยินคำพูดแปลกๆจากปากชายผู้มีอายุ

    “หมอนั่นสติฟั่นเฟื่อง ผีไม่มีในโลก” ผู้ได้ชื่อว่าหมอตอบหน้านิ่ง ทำให้สารวัติหนุ่มเริ่มฉงน

    “หมอรู้ได้ยังไง บางทีเด็กคนนี้อาจจะพูดความจริง”

    เขาไม่ได้เชื่อหมอคนนี้ไปซะทุกอย่าง บางทีหมอก็เชิงวิชาการไป

    “ไม่มีหลักฐานอะไรยืนยันเรื่องลี้ลับนี้ มีแค่อาวุธและของมีคมมากมายเต็มโรงเรียน
    สารวัติคิดว่าร่างไร้มวลสารที่เรียกว่าผีเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ?”

    “ผมก็ไม่ได้หมายความว่ามีผีอย่างที่เด็กคนนั้นบอกจริงๆซะหน่อย แค่คิดว่าเขาอาจจะจิตไม่ปกติ
    หรือจิตหลอน ก่อเกิดเป็นภาพลวงตาที่มโนขึ้นเอง”

    ……..

    “แล้วสารวัติคิดว่าโรงเรียนนี้จะมีผีอย่างที่เด็กนั่นบอกหรือเปล่า?”

    หมอถามเพื่อความแน่ใจ บางทีพวกเขาสองคนอาจคิดอะไรเหมือนๆกัน

    แค่อยากจะรู้ว่าสารวัติคนนี้คิดแบบที่เขาคิดอยู่ไหม

    “ผมยังไม่เชื่อสนิทใจว่าเด็กคนนั้นพูดความจริง แต่เรื่องเหนือมนุษย์แบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะครับ”

     


    --Shool horror—

     

     

    ผู้อำนวยการโรงเรียนยืนลังเลอยู่หน้าห้องที่มีป้ายอันใหญ่แขวนไว้ว่า เฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ

    แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมัน แม้จะไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
    แต่อำนาจและเงินที่มีอยู่นั้นมากพอที่จะเข้ามาได้โดยไม่มีใครกล้าขัดขวาง

    ร่างท้วมประหม่าเล็กน้อย นึกหวนไปถึงตอนที่เจอเด็กคนนี้เมื่อห้าชั่วโมงก่อนในห้องสมุดของโรงเรียน สภาพอิดโรย
    แทบไม่มีแรงจะพูด ใบหน้าฟกช้ำ เลือดชุ่มเสื้อผ้าไปหมด

    ในตอนนั้นเขาเข้าไปทักเด็กหนุ่มเป็นคนแรก แต่เสียงที่ตอบกลับมากลายเป็นเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

    หลังจากโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาจัดการ ก็ไม่มีใครควบคุมเด็กคนนี้ได้นอกจากสารวัติจอห์นที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้
    สารวัติเป็นคนเดียวที่เด็กหนุ่มยอมคุยด้วย

    แม้จะรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่สารวัติจอห์น แต่ก็อยากเข้าไปคุยอยู่ดี ใครจะไปรู้ว่าเขาเป็นคนรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของโรงเรียนนี้ทั้งหมด น่าแปลกที่ไม่มีใครเรียกไปสอบสวนหรือสงสัยเขาสักนิด และแน่นอน เขาไม่ใช่คนร้ายที่ทำให้เกิดเรื่อง ไม่ใช่คนที่ชักใยเบื้องหลัง เพียงแค่รู้ประวัติที่มาทั้งหมดของโรงเรียนเท่านั้นเอง

    แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครสงสัยหรือสอบถาม แค่นี้โรงเรียนก็เสียชื่อมากพอแล้ว

     

    หลังจากรวบรวมสติอยู่นาน ร่างท้วมก็ค่อยๆเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ต้องเสียเวลาเคาะ

    พบเด็กหนุ่มร่างสูงที่มีผ้าก็อตพันแผลหลายจุด ถึงแม้ใบหน้าจะยังฝกช้ำอยู่บ้าง
    แต่รวมๆแล้วก็ยังถือว่าดีขึ้นกว่าเมื่อห้าชั่วโมงที่แล้วมาก

    “สวัสดี คิม จงอิน”

    ………. ร่างสูงนั่งนิ่งไม่ไหวติ่ง สายตาทอดมองไปนอกหน้าต่างกรงเหล็ก

    แม้ว่าห้องนี้จะเป็นแค่ห้องสอบสวนเล็กๆไม่มีอะไร แต่มองในอีกแง่หนึ่งก็ไม่ต่างจากคุกสักเท่าไหร่

    ภายในห้องมีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้อีกหนึ่งตัวซึ่งถูกจับจองนั่งโดยร่างสูงไปก่อนแล้ว

    “ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง” ผมถามหวั่นๆ พยายามคุมเสียงให้มั่นคงและหนักแน่นมากที่สุด

    ใครจะคิดยังไงก็ช่าง แต่ตอนนี้ผมค่อนข้างกลัวเด็กนี่ วันดีคืนดีอาจลุกขึ้นมาทำร้ายผมก็เป็นได้

     

     

    จงอินยิ้มเหยียดก่อนจะหัวเราะเบาๆในลำคอ พลางเงยหน้ามามองผมแบบชัดๆ

    “รู้สึกอยากฆ่าใครสักคน!

    …….” ผมยืนตัวแข็งทื่อหลังจากได้ยินเสียงตะคอกลั่นห้อง

    ลอบกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ รู้ว่าเด็กนี่พูดเล่น แต่มันก็อดหวั่นๆไม่ได้อยู่ดี

    “ใจเย็นๆ ฉันมาดีนะ” พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ

    มองหาเก้าอี้หรือที่นั่งในนี้ไม่มีเลย เลยได้แต่ยืนรักษาระยะห่างกับร่างสูงไว้

    “ผ.อ คิดว่าผมเมายาหรือไง? คิดว่าผมบ้าเหรอ?”

    ……..” แม้เสียงที่ตอบกลับมาจะเป็นเสียงตะคอก แต่ผมว่าก็ยังดีที่เขายอมพูดกับผม

    “ผมยังสติดีทุกอย่าง ไม่ได้กลัวจนจิตหลอนอะไรทั้งนั้น”

    ……..

    “อย่าทำเหมือนผมเป็นคนบ้าได้ไหม ผมควบคุมตัวเองได้ ผมระงับตัวเองได้นะ!

    …….

    “ทำไมทุกๆคนต้องกลัวผมด้วย ผมก็แค่เด็กผู้ชาย ม ปลายคนนึงที่รอดตายจากคืนนั้น”

    …...

    “ทำไม”  เด็กหนุ่มผิวสีแทนได้แต่หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความสับสน

    ผมโล่งใจขึ้นมาทันที อย่างน้อยก็ไม่ต้องคอยระวังว่าเขาจะลุกขึ้นมาทำร้ายหรืออาละวาดผมตอนไหน

    เพียงแค่ต้องทำใจสักหน่อย เวลาเขาโมโห

     

     

     

    “ถ้างั้นก็เล่ามาสิ” “เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เข้ามาเหยียบในโรงเรียนนี้”

    พูดไปก็มองสีหน้าเขาไปด้วย จงอินส่ายหน้ารัวๆเหมือนคนกลัวความผิด

    “ไม่เอา ถ้าผมเล่าไปพวกคุณก็ไม่เชื่อ” “ยังไงพวกคุณก็ต้องจับผมเข้าคุกอยู่ดี”

    มันก็จริงอย่างที่พูด ตอนนี้จงอินมีคดีติดตัวหนึ่งคดีคือ ฆ่าคนโดยเจตนา

    “ฉันไปบอกนายตอนไหนว่ายังไม่เชื่อ ตราบใดที่เรื่องราวทั้งหมดยังไม่ออกมาจากปากนาย คดีก็ยังไม่จบ”

    “และนายก็จะต้องถูกจับ

    ประโยคสุดท้าย ร่างสูงตัวสั่นระริกด้วยความกลัว แม้จะเป็นแค่เด็ก ม ปลายที่ยังเป็นเยาวชนอยู่

    แต่คดีร้ายแรงแบบนี้ก็อาจไม่แน่ ถ้าคนตรงหน้าผมไม่ยอมเล่าเรื่องราวให้ละเอียด ตำรวจจะสันนิฐานเอาเองจากหลักฐานที่มีอยู่ ซึ่งตีความมาได้ว่า คิม จงอิน เป็นฆาตกร ยัดเยียดข้อหาให้เขาโดยที่เจ้าตัวไม่ได้เล่าอะไรเลย แต่ถึงเล่าไปก็ไม่มีใครเชื่อคำพูดโปปดของฆาตกรอยู่ดี

    “แล้วถ้าผมเล่าไปคุณจะเชื่อไหม? แล้วผมจะพ้นจากคดีหรือเปล่า” แววตาฉายแววสับสน

    “ผมยังบอกอะไรไม่ได้ แต่ถ้าที่เล่ามาทุกอย่างดูน่าเชื่อถือ และมีมวลสารพอ

    ….ผมจะใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือทั้งหมดช่วยคุณเอง”

    สิ้นประโยค จงอินเงยหน้ามองผมอย่างมีความหวัง พลันรอยยิ้มบางๆที่ไม่เคยมีใครได้เห็นก็ผุดขึ้นมา

    พูดไปแบบนั้นดูเหมือนให้ความหวัง ผมก็รับปากว่าจะช่วยจริงๆ แต่ก็ยังไม่มั่นใจสักเท่าไร ถึงแม้จะมีอำนาจมากพอ
    แต่คดีใหญ่ขนาดนี้คงจะตามหาทนายเก่งๆยาก แต่เอาเป็นว่าพูดไว้ก่อน เผื่อให้เขาตายใจ

    “สรุปคุณจะเล่าให้ผมฟังได้ไหม คิม จงอิน?”

    ร่างสูงชั่งใจนิดๆก่อนจะพยักหน้าเบาๆเป็นสัญญานว่าพร้อมที่จะเปิดปาก

    ผมค่อยๆขยับตัวเข้าไปใกล้เขาเพื่อฟังเรื่องราวให้ชัดเจน

    กระชับเสื้อโค้ดตัวใหญ่ที่มีเครื่องดักฟังติดอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง

     

    TBC

     

    แค่อินโทรทำไมยาวเยี่ยงนี้ -___-

    //หลายคนอ่านแล้วอาจคิดว่าคล้ายฟิคเรื่องใดเรื่องนึงที่ดังมากๆใช่มั้ยล้า

    แต่บอกไว้ก่อนว่ามันคนละแนวกันเลยนะ ไรท์พยายามแต่งให้ไม่เหมือนใครมากที่สุด

    จินตนาการถึงหนังผีบ้านเราไว้ละกัน ประมาณนั้นเลย

     

    ความจริงเค้ากลัวผีนะ ._.

    กลัวขึ้นสมองเลยแหละ บางทีแต่งไปยังเสียวหลังเลย

    แต่ชอบแนวนี้ไง >< พอมาเขียนแนวนี้แล้วแบบ ลื่นไหลมาก

    พล็อตงี้มาแบบฝุดๆเลย(?) 55555+ เอาเป็นว่าเม้นหน่อยละกันเนอะ

    อินโทรนี้ไม่มีไรมาก ตอนต่อไปจะเริ่มของจริง



    [ ฟิคนี้เปลี่ยนมาจากเรื่อง 'วุ่นรักหอพักอลเวง' ]
    [จงอย่าแปลกใจหรืองงๆกับคอมเมนต์แต่ละตอนที่ไม่เข้ากับเนื้อเรื่อง เพราะลบตอนไปมันก็ยังขึ้นอยู่ ]
     
    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×