คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แฟนเพื่อน : CHAPTER1 ลอบทำร้าย
Chapter1...
วันที่ 15/03/xx เวลา 16.50 น
ออดดด ~
เสียงออดดังลั่นไปทั่วทั้งโรงเรียน นักเรียนมากมายโห่ร้องอย่างดีใจ เพราะออดครั้งนี้ถือเป็นครั้งสุดท้ายในรอบหลายเดือน หลังจากที่ทนหลังขดหลังแข็งเรียนกันมานาน วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย หลังจากนี้ทุกคนจะได้พักผ่อนกันเต็มที่กับวันหยุดยาวในช่วงปิดเทอมใหญ่
คยองซูเองก็เช่นกัน เขาคิดแพลนในหัวไว้มากมาย อย่างเช่น การไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือไปต่างประเทศ ไปทะเล ไปพักร้อนในสถานที่ไกลๆ เขาอยากทำมันหมดทุกอย่าง แต่ขึ้นอยู่กับบางคนต่างหากว่าจะพาเขาไปได้หรือเปล่า ว่าแล้วก็ต้องรีบจ้ำอ้าวออกจากประตูรั้วของโรงเรียนเพื่อไม่ให้คนข้างนอกคอยนาน
"รอนานหรือเปล่า"
ร่างเล็กพูดหอบนิดๆหลังจากกึ่งวิ่งออกมาจากห้องเรียนเพื่อรอคนตัวสูงที่ยืนปั้นหน้านิ่งอยู่หน้าโรงเรียน มือหนาคว้ากระเป๋าคยองซูไปถือเองโดยไม่ต้องขอ คยองซูเองก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่คนตัวสูงจะทำเป็นประจำทุกวัน
"ก็ไม่นานหรอก ฉันเพิ่งเดินมาถึง"
คนพูดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินนำหน้าไปตามทางฟุตบาส รูปร่างที่สูงโปร่ง ท่าทางที่สง่างาม และหน้าตาที่หล่อเหลาเทียบเท่านายแบบแม็กกาซีนทำให้ผู้คนแถวนี้สนใจไม่น้อย หลายคนคงคิดว่าผู้ชายหล่อปานเททพบุตรแบบนี้มาทำอะไรแถวโรงเรียนมัธยมชายล้วนเล็กๆแบบนี้กัน แล้วยิ่งดูแปลกเมื่อข้างหลังมีผู้ชายตัวเล็กๆวิ่งไล่ตามอยู่ ถ้าให้พูดว่าเป็นแฟนกัน..คงไม่มีใครเชื่อ
"รอฉันด้วยสิคริส!" คยองซูวิ่งหอบหมายจะตามร่างสูงที่เดินอย่างเนิบนาบแต่รวดเร็วสำหรับคยองซูเพราะความยาวของขาไม่เท่ากัน
"ฉันตามไม่ทันแล้วนะ" คนตัวเล็กเบะปากและนั่งแหมะบนทางฟุตบาสอย่างหมดสภาพ เหนื่อยที่ต้องวิ่งตามให้ผู้คนมองเหมือนตัวประหลาด โดยที่แฟนตัวเองเดินเก๊กทำหน้าเข้มเรียกเรตติ้งจากแฟนๆตลอดดเวลาโดยไม่มีท่าทีจะหันกลับมาสนใจตัวเองเลย
คริสเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มขบขันและยอมเดินกลับมาหาเจ้าตัวเล็กที่มีเหงื่อโทรมกาย ใบหน้าขึ้นสีแดงจัดจากสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน มือหนายีหัวคยองซูเบาๆก่อนจะดึงมือนุ่มนั้นขึ้นมาให้ขนาบข้างตน
"อย่างอแงน่า วันนี้ฉันจะพาไปเลี้ยงที่นายปิดเทอมไง ไม่ดีเหรอ"
"ดีสิ แล้วทำไมนายต้องทิ้งฉันด้วยล่ะ" คยองซูหน้าง้ำหน้างอ
"ไม่ได้ทิ้งสักหน่อย ฉันก็เดินปกติแต่นายขาสั้นเอง"
"ย๊าส์ นี่ว่าฉันเตี้ยเหรอ!"
"อะไร มีคำไหนในประโยคว่าเตี้ยบ้าง ฉันยังไม่ได้ว่าเลยนะ" คริสลอยหน้าลอยตา ส่งผลให้กำปั้นน้อยๆทุบเข้าที่แผงอกอย่างเร็ว
"ฮ่าๆๆ ขอโทษที่แกล้งนาย ฉันแค่อยากหาอะไรสนุกๆทำเท่านั้นเอง ไปกันเถอะ"
มือหนาประสานเข้ากับมือเล็กและก้าวเดินไปพร้อมกัน คยองซูเงยหน้ามองนที่ตัวสูงกว่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทำไมกันนะ เขาถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่าเขามีดีอะไร ทำไมคริสถึงมารักคนอย่างเขาที่ไม่ได้มีฐานะดีอะไร หน้าตาก็ธรรมดาๆไม่โดดเด่น ต่างจากคริสที่มีดีทั้งหน้าตาและฐานะ เรื่องความเหมาะสมน่ะลืมมันไปได้เลย ไม่มีอะไรที่คู่ควรสักอย่าง
ตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมามักจะมีอุปสรรคอยู่มากมาย ทั้งสายตาที่เย้ยหยันจากคนรอบข้าง พ่อแม่ของคริส และผู้ไม่หวังดี แต่พวกเขาก็พร้อมใจก้าวผ่านสิ่งต่างๆนั้นมาได้ ถึงแม้ภายนอกคริสจะดูเย่อหยิ่งและเลว ใช่ จะใช้คำนั้นมันก็ไม่ผิดหรอก กิจการครอบครัวคริสอยู่ในแวดวงมาเฟีย คริสเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่แย่ ทำให้ถูกหล่อหลอมกลายเป็นคนก้าวร้าว และนิสัยเสีย เขาอยากได้อะไรก็ต้องได้ เกลียดใครก็จะเล่นงานมันให้ถึงที่สุด
แต่นั้นเป็นแค่เปปลือกนอก ใครจะรู้ว่าสำหรับคนที่คริสรักแล้วเขาดูอ่อนโยนลงไปถนัดตา ไม่ใช่แค่กับคยองซู แต่เป็นกับทุกคนที่มีความสำคัญกับคริส ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือพ่อแม่พี่น้อง
ปรี๊ดดดด
"โอ้ยย" ปอร์เช่คันหรูพุ่งเฉียดแขนขวาคยองซูไปนิดเดียว ส่งผลให้คนตัวเล็กที่ตกใจอยู่ล้มลงไป
"คยองซูเป็นอะไรมั้ย" คริสพยุงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นมาและก้มลงมองแผลถลอกที่มีเลือดซึมเล็กน้อย
"ไอ่... เดี๋ยวมึงโดนกูแน่" คนตัวสูงพึมพำเบาๆสายตาจ้องไปที่ป้ายทะเบียนรถที่แสนจะจำง่าย คยองซูรู้ทันทีว่าแฟนตัวเองจะทำอะไร
"ฉันไม่เป็นไรคริส รู้นะว่าจะทำอะไร"
"ทำอะไร ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อย"
คยองซูไม่อยากจะพูดหรอก ว่าคริสน่ะ แค่มองตาก็เห็นลิ้นไก่แล้ว! พนันได้เลยว่าวันรุ่งขึ้นคนขับคนนั้นได้นอนหยอดข้าวต้มอยู่โรงพยาบาลแน่ เพราะคริสเป็นแบบนี้ไงล่ะคยองซูเลยไม่ค่อยมีใครอยากจะคบหรือเข้ามาคุยด้วย มีแต่คนกลัวว่าถ้าทำให้คยองซูไม่พอใจคริสจะมาจัดการ ซึ่งเขาไม่ได้ชอบใจสักนิด
"กินอะไรกันดี ไอติมดีมั้ย?"
คริสถามผมเมื่อพวกเรามาหยุดอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่มักมาประจำทุกวัน
"แล้วแต่นาย" ผมตอบแบบขอไปที เจ้าตัวก็พยักหน้าและเดินนำผมเข้าร้านไป อันที่จริงก็ไม่ได้หิวอะไรมากมายขนาดนั้น ผมอยากหาที่เงียบๆคุยกับเขาเรื่องวันหยุดปีนี้มากกว่า ตั้งแต่คบกันมา คริสไม่เคยพาผมไปเที่ยวไหนเลยนอกจากห้างนี้ มันน่าเบื่อนะว่าไหมครับ ผมอยากไปที่ไกลๆ อยากไปเดทแบบคู่อื่นๆเขาทำกัน แต่กับคริสมันไม่ใช่อย่างนั้น วันๆเขาทำอะไรบ้างล่ะนอกจากมีเรื่องไปวันๆ ว่างทีไรก็เข้าบ่อน หรือคลุกตัวอยู่กับพรรคพวกตัวเอง
"..."
"อ๊ะ.." ผมหันขวับเมื่อรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองอยู่...
ไม่รู้สินะ เมื่อกี้มันรู้สึกเหมือนมีสายตาหนึ่งคู่จ้องเขม็งมาทางผม แต่พอหันกลับไปก็ไม่เจออะไร หวังว่าผมคงคิดไปเอง
"มานั่งเร็วคยองซู" คริสกวักมือเรียกจากในร้านทำให้ผมหยุดความคิดฟุ้งซ่านไปได้พักใหญ่ๆ
อันที่จริง...ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วล่ะว่าคิดไปเองหรือเปล่า เพราะตลอดชั่วโมงที่ผ่านมาผมรู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องมองอยู่ตลอด จะว่าผมโดนสะกดรอยอย่างนั้นเหรอ? คนธรรมดาๆอย่างผมจะมีสโตกเกอร์กับเขาได้ยังไง
"นี่...เหม่ออะไรน่ะ ได้ฟังที่ฉันพูดหรือเปล่า"
"หะ?" ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ฝ่ามือใหญ่ของคริสโบกผ่านหน้าผมไปมาราวกับต้องการทดสอบ
"มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่าคยองซู ทำไมไม่บอกฉันล่ะ"
"เปล่านี่"
"อ่าหะ ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้นะ" คริสตัดบทโดยที่ผมยังไม่เข้าใจที่เขาพูดสักคำ
"เดี๋ยวสิ เมื่อกี้นายพูดอะไร ฉันยังไม่รู้เรื่องเลย"
"ก็แค่บอกว่าปิดเทอมนี้เราจะไปเที่ยวเกาะกัน ดีไหม"
ผมตาโตทันทีที่ได้ยินเขาพูด ไม่เคยได้ยินประโยคแบบนี้มาก่อนตั้งแต่คบกันมา อะไรดลใจให้พูดอย่างนี้เนี่ย
"ฮ่าๆๆ ดูทำหน้าเข้าสิ ตาจะถลนออกมาอยู่แล้ว" คริสจิ้มหน้าผากผมหนึ่งทีจนหัวเอนไปข้างหลัง
นี่มันตรงกับสิ่งที่ผมกำลังจะบอกเขาเลย รู้ไหมว่าผมดีใจมากแค่ไหนที่ได้ยินแบบนี้ ความฝันที่เราสองคนจะได้ไปเดทด้วยกันสองต่อสองกำลังจะเป็นจริง ฮู้วว แค่คิดก็มีความสุขละ
"เดี๋ยวฉันคงต้องบอกไอสองตัวนั้นก่อน เอารถใครไปดีน้า รถไอยอลดีไหม?"
"เดี๋ยวๆๆ นี่นายจะให้พวกนั้นไปด้วยเหรอ?" อย่าบอกนะว่า...
"ก็แน่ละสิ ไปแค่สองคนมันจะไปสนุกอะไร"
เพล้งงง ... ฝันสลาย
"..."
"เฮ้ อย่างอนน่า ไปหลายๆคนน่ะมีสีสันออก"
ผมหันหน้าหนีคนตัวโตที่ไม่รู้อะไรบ้างเลย ไม่เคยใส่ใจว่าผมรู้สึกยังไงด้วยซ้ำ
"ไม่กินแล้ว ฉันจะกลับบ้าน"
"โอ๋เอ๋ อย่างอนน่าาา สัญญาว่าจะพาไปเที่ยวหลายๆวันเลยน้า" คริสอ้อมมากอดผมจากข้างหลังและชูนิ้วก้อยมาตรงหน้า
"..."
"ยังไม่หายงอนเหรอ?"
ที่เงียบนี่ต้องปั้นหน้านิ่งต่างหาก เกรงจะตายอยู่แล้ว ความจริงน่ะเขินแทบตาย มีไม่กี่ครั้งหรอกนะที่คริสจะทำอะไรแบบนี้ ><
"หายงอนนะคร้าบบ" มือหนาโอบกอดและโยกตัวผมไปมาโดยไม่สนใจคนรอบข้าง
"งืออ ปล่อยน้า คนมองหมดแล้ว -///-"
"ไม่ปล่อยจนกว่าจะหายงอน" คนตัวโตยังคงซุกอยู่แถวๆซอกคอผมอยู่อย่างนั้น จั้๊กจี้คอชะมัด
"อืออ หายงอนก็ได้"
"อย่างนี้สิน่ารัก :)" คริสหอมแก้มผมฟอดใหญ่ก่อนจะผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง
เขาจะรู้มั้ยว่าผมเขินจนจะมุดดินหนีอยู่แล้ว T//T
"ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ รออยู่ตรงนี้อย่าเพิ่งไปซนที่ไหน" คนตัวสูงหยิกแก้มผมอีกรอบจนระบมไปหมด ผมได้แต่เบ้ปากไปให้
"ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ!"
"ฮ่าๆๆ เอาเถอะ เดี๋ยวฉันมาล่ะกัน"
เพล้งง...
"ด..เดี๋ยวคริส!"
"หืม? มีอะไรเหรอ" คริสหันกลับมาด้วยความสงสัยเมื่อผมยื้อท่อนแขนนั้นไว้
จริงสินะ..ผมจะยื้อเขาไว้ทำไม
มันก็แค่...รู้สึกแปลกๆ เหมือนเป็นลางยังไงชอบกล
"เปล่าหรอก กลับมาไวๆนะ"
สุดท้ายผมก็ปล่อยเขาไป คริสยิ้มให้ผมบางๆก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปไกลเรื่อยๆ ผมมองเขาจนลับสายตาแล้วหันกลับมามองเศษแก้วที่ตกกระจายตรงโต๊ะข้างๆ มันไม่มีใครทำหล่นหรอก ทั้งๆที่วางอยู่บนโต๊ะดีๆ ไม่มีใครเดินเฉียดไปตรงนั้นด้วยซ้ำ กลับหล่นลงมาแตกซะได้
ผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีแล้ว ทำไมคริสยังไม่มานะ...
คริสไม่เคยไปนานขนาดนี้ อย่างน้อยจะไปไหนก็ต้องบอกก่อน หรือจะเกิดอะไรขึ้น!?
ศัตรูเขามีเยอะจะตายไป ดูจากนิสัยก็น่าจะรู้ว่าชอบหาเรื่องคนอื่นเขาไปทั่ว แล้วมันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอที่คนพวกนั้นจะแค้นและหาโอกาสเอาคืน หรือบางทีผมอาจจะคิดมากไป แต่ผมรอต่อไม่ไหวแล้ว ผมต้องออกไปหาเขา
ผมควักตังค์ในกระเป๋าออกมาวางบนโต๊ะและคว้าข้าวของของตัวเองและคริสออกไปอย่างเร่งรีบจนคนอื่นหันมามอง แต่ผมไม่สนแล้วล่ะ ทำไมยิ่งคิดมากผมก็ยิ่งกลัว ใจมันคิดไปต่างๆนานาแล้ว
ตึกๆ
สองขาวิ่งมาถึงหน้าห้องน้ำชายที่อยู่ใกล้ที่สุดในระแวกนี้ ผู้คนจำนวนหนึ่งวิ่งกันออกมาจนชุลมุน สีหน้าดูแตกตื่นและหวาดกลัว ผมไม่รอช้าที่จะวิ่งฝ่าผู้คนเข้าไปข้างใน หวังอย่าให้เรื่องที่คิดไว้เป็นเรื่องจริง
"คริส!!!"
แต่ภาพที่เห็นกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง ขาผมแทบอ่อนแรงเมื่อเห็นคนตรงหน้า ชายฉกรรจ์สี่คนยืนล้อมผู้ชายคนหนึ่งที่ตอนนี้ล้มลงหมดสติจมกองเลือดเป็นที่เรียบร้อย หนึ่งในนั้นชักปืนหมายจะยิงซ้ำแต่ทันทีที่ผมจะโกนออกไป พวกนั้นก็รีบวิ่งหนีกันออกไปอย่างรวดเร็ว
"คริส นายได้ยินฉันมั้ย ฟื้นขึ้นมาสิ!"
"ฮือออ"
ผมก้มลงสังเกตุใบหน้าของเขา คือคริสจริงๆด้วย ใบหน้าที่ฟกช้ำ มีเลือดไหลซึมตามมุมปากและหัวคิ้ว บาดแผลจากแรงกระแทกที่ท้ายทอยและรอยกระสุนที่หน้าท้อง
"ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลมาที!"
ตอนนี้คริสอยู่ในห้องไอซียูมาร่วมชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีท่าทีว่าจะออกมา เพราะเหตุนี้ผมถึงนั่งไม่ติดที่ มือไม้มันสั่นไปหมด นึกโทษตัวเองที่ไม่ยอมยื้อคริสไว้แต่แรก ถ้าผมระวังตัวและมีไหวพริบดีพอก็คงจะบอกเรื่องนี้กับคริส แต่ผมกลับปล่อยเลยตามเลยไปเสียได้ ตอนนี้ไม่ขออะไรแล้ว ขอแค่ให้คริสฟื้น..แค่นั้น แค่นั้นจริงๆที่ผมต้องการ
"คยองซู"
เสียงใหญ่ทุ้มที่คุ้นหูดังแว่วมาแต่ไกล เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นชานยอลและเซฮุนที่กึ่งวิ่งมาทางผม ทั้งคู่ดูหอบเหนื่อยและมีสีหน้าตื่นตกใจไม่แพ้กัน ทันทีที่มือใหญ่นั้นคว้าใหล่ผมได้ก็รัวคำถามใส่อย่างรวดเร็ว
"คริสเป็นอะไร ใครทำหมอนั่นเป็นอย่างนั้น บอกฉันมา!"
"..."
"ตอบพวกเราสิคยองซู!"
ผมได้แต่ส่ายหน้าทั้งน้ำตา ไม่กล้าสบตาใครทั้งนั้น ทำได้เพียงนั่งก้มหน้านิ่งมองฝ่ามือตัวเองที่กำแน่น
"คยองซู!" ชานยอลตะคอกค้ำหัวผม
"ใจเย็นๆมึง นี่ไม่ใช่ความผิดคยองซูสักหน่อย" เซฮุนที่เงียบอยู่นานพยายามดึงชานยอลให้ออกห่างจากตัวผมก่อนที่ร่างสูงจะทำมากกว่าตะคอก
"โธ่เว้ย!"
"ฮึก..."
ขนาดชานยอลยังโมโหขนาดนี้...แล้วแม่ของคริสจะว่ายังไง ผมไม่อยากนึกถึงมันเลยจริงๆ
"อย่าไปถือสาชานยอลมันเลย เอาไปว่าช่วยบอกพวกฉันมาสักนิดก็ยังดีว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง"
เซฮุนนั่งลงข้างผมและบีบมือผมเบาๆให้คลายออกจากกัน นั่นช่วยได้มากทีเดียว ผมเม้มปากนิ่งสนิทไปหลายนาที เมื่อมั่นใจแล้วว่าน้ำตาจะไม่ไหลลงมาอีกก็ค่อยเปิดปากพูดออกมา
"ฉัน..นั่งคุยกับคริสอยู่ดีๆ และเขาก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ไปนานมากจนฉันสงสัยและเดินตามไปดู ปรากฏว่ามีผู้ชายสามสี่คนยืนล้อมคริส พวกนั้นทำร้ายคริสไปก่อนที่ฉันจะมาเห็นได้ทัน ขอโทษจริงๆ ฮึก ฉันขอโทษที่มาช้าเกินไป"
ทั้งๆที่คิดว่าจะไม่ร้องไห้แล้ว แต่น้ำตามากมายก็ไหลออกมาอีกรอบจนผมต้องยกมือขึ้นมาปิดปากกลั่นเสียงสะอื้น เซฮุนโอบไหล่ผมเบาๆเพื่อปลอบ เขาเป็นอย่างนี้เสมอแหละ เซฮุนเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของผมเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่นับรวมแบคฮยอนน่ะนะ
"อย่าร้องน่า คริสมันไม่ตายง่ายๆหรอก ฉันว่าแทนที่นายจะเครียดเรื่องหมอนี่ นายควรจะเครียดเรื่องคุณน้าดีกว่านะ"
อึก..จริงสินะ
พลันน้ำตาผมมันก็เหือดแห้งไปอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงใบหน้าคนๆนั้น ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับคริส เขาเป็นแม่ของคริสนั่นเอง เขาไม่ค่อยชอบผมเท่าไรนักหรอก เรียกได้ว่าเกลียดเลยด้วยซ้ำ แค่ยอมให้ผมคบกับคริสก็ดีเท่าไรแล้ว กว่าจะยอมได้นี่คริสถึงกับต้องยื่นคำขาด เขาจึงเลิกมารังควานผมและปล่อยเลยตามเลย นับจากนั้นมาก็ไม่แม้แต่จะมองหน้าผมด้วยซ้ำ เขาเกลียด เกลียดคนที่ฐานะต่ำต้อย เกลียดคนที่มีการศึกษาไม่ถึงระดับที่ตั้งแง่ไว้สำหรับลูกชายคนเดียวของเขา
แล้วถ้าเกิดว่าเรื่องนี้ไปถึงหูเขาเมื่อไรล่ะก็...
"คยองซู!"
เฮือก!
เสียงแหลมมาพร้อมกับร่างผอมเพรียวที่แต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางแบรนด์ดัง ทรงผมที่รวบเกล้าไว้ข้างหลังเป็นหางม้า ยิ่งทำให้ผู้หญิงคนนี้อ่อนกว่าวัยมาก ใครจะไปคิดว่าอายุย่างเข้าสี่สิบเข้าไปแล้ว
"ค..ครับ" ผมปากคอสั่น หันมองผู้มาเยือนคนใหม่ที่ย่างสุขุมเข้ามาหาด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง อายไลน์เนอร์บนเปลือกตาทำให้ใบหน้านั้นดูโฉบเฉี่ยวและน่ากลัวมากขึ้นไปอีก
เพี๊ยะ!
"ค...คุณ"
เพี๊ยะ!
"..."
ผมขบริมฝีปากแน่น รู้สึกชาไปทั้งใบหน้า ก่อนความรู้สึกเจ็บจี๊ดจะเข้ามาแทนที่ มือบางนั้นง้างเตรียมจะตบผมอีกรอบ แต่เซฮุนรีบจับข้อมือนั้นไว้เสียก่อน
"คุณน้าใจเย็นๆก่อนะครับ" เซฮุนพยายามลากตัวเขาให้ออกห่างจากผม สายตานั่นมองผมอย่างแค้นเคือง
"เซฮุนอย่าห้ามน้า มันทำให้คริสต้องเป็นแบบนี้!"
แอด...
"อู๋อี้ฟานพ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ ญาติสามารถเข้าไปเยี่ยมได้ แต่อย่าเพิ่งให้เขาขยับตัวมากเกินไป เพราะแผลยังไม่หายดี"
หมอเปิดประตูออกมาได้จังหวะก่อนที่คุณแม่ของคริสจะต่อว่าผมอีกรอบ ผมมองหน้าเซฮุนอีกครั้ง
"ผมว่าคุณน้าน่าจะไปดูอาการคริสมันก่อนนะครับ เรื่องคยองซูเดี๋ยวผมจัดการเอง"
"..." คนฟังเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าไปในห้อง ผมเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะเข้าไปข้างในบ้าง แต่มือเรียวกลับผลักผมออกมาจนเซไปข้างหลัง
"อย่าสะเออะเข้ามา แม่กับลูกเขาจะอยู่ด้วยกัน คนนอกห้ามเข้า!"
แค่นี้มันก็ชัดเจนแล้ว เขาเกลียดผมจริงๆ…
“อี้ฟานลูกแม่” ผู้เป็นแม่ดันประตูเข้ามาข้างในอย่างรีบร้อนก่อนจะเดินมาขนาบข้างเตียงผู้ป่วย
คริสยังไม่ฟื้น เครื่องช่วยหายใจยังคงทำงานต่อเนื่อง บ่งบอกถึงสภาพอาการคนป่วยได้เป็นอย่างดี ว่าอาการหนักขนาดไหน
เมื่อเฝ้าดูอาการลูกได้สักพักใหญ่ๆเซฮุนและชานยอลก็เดินเข้ามาดูอาการเพื่อนรักอีกคน โดยไร้วี่แววของคนตัวเล็กที่ไม่ได้เข้ามาด้วย
“ไอเด็กนั่นกลับไปหรือยัง?”
“คยองซูยืนยันว่าจะเฝ้าคริสหลังจากคุณน้ากลับไปแล้วครับ”
“ฉันไม่ให้เฝ้า! บอกให้มันกลับบ้านไปก่อนที่ฉันจะออกไปไล่เอง”
ทั้งสองคนมองหน้ากันเลิกลั่ก อันที่จริงเซฮุนพยายามกล่อนคยองซูแล้วว่าค่อยมาหาใหม่วันหลัง แต่เจ้าตัวก็เอาแต่ยืนยันคำเดียวว่าจะรอจนกว่าจะได้เข้าไปเยี่ยมให้ได้ สุดท้ายเซฮุนก็ต้องยอมให้นั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องอย่างนั้น
“ม..แม่ แม่ครับ”
เมื่อได้สติก็ลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าผู้เป็นแม่คนแรก มือหนาค่อยๆยกขึ้นมาจับแขนเธอไว้พร้อมกับน้ำเสียงที่พยายามเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา
“คริส! ฟื้นแล้วเหรอลูก”
“เมื่อกี้แม่พูดว่าอะไรนะครับ แม่จะไล่ใครออกไป”
“อ..เอ่อ.. คริสเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าลูก แล้วนี่จำหน้าคนร้ายได้บ้างมั้ย”
คนฟังแกล้งทำไม่ได้ยินและเฉไฉเปลี่ยนเรื่องแทน เธอไม่อยากให้ลูกนึกถึงเด็กนั่นอีก แต่ทุกครั้งคริสมักจะเอาคยองซูมาเกี่ยวข้องในบทสนทนาด้วยเสมอๆ และครั้งนี้ก็เช่นกัน
“แล้วคยองซูล่ะครับ คยองซูอยู่ไหน”
“…”
“แม่ครับ!”
คริสเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของคนรอบข้าง ทั้งชานยอลและเซฮุนที่ได้แต่ยืนเงียบ แม่เขาก็เอาแต่อ้ำๆอึ้งๆ
“ก็ได้ๆลูกรัก แม่เป็นคนไม่ให้ไอเด็กนั่นเข้ามาเองแหละ” คนเป็นแม่ตอบอย่างไม่สบอารมณ์
“ทำไมแม่ทำแบบนี้ล่ะครับ! นั่นแฟนผมนะ!”
“แต่มันทำให้ลูกเป็นแบบนี้ มันเป็นตัวปัญหา!”
ทั้งสองคนเริ่มเสียงดังขึ้นเรื่อยๆจนสองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังได้แต่ยืนตัวลีบไม่กล้าขัดอะไร เพราะรู้ว่าเวลาครอบครัวนี้ทะเลาะกันทีไร บ้านแทบแตกทุกที และทุกเรื่องก็มักจะเกี่ยวข้องกับคยองซูเสมอ
“คยองซูไม่ใช่ตัวปัญหา แม่ต่างหากล่ะครับที่คอยทำร้ายเขาตลอด!”
“อ๋อนี่ว่าแม่เป็นตัวปัญหาเหรอคริส!”
“ผมว่าแม่เลิกยุ่งกับเราสองคนสักทีเถอะครับ ผมรักคยองซู ได้ยินมั้ยว่าผมรักคยองซู!”
แค่เพียงเท่านี้มันก็ชัดแล้วว่าคริสเลือกคนรักแทนที่จะเป็นแม่ของตัวเอง เธอรู้สึกเหมือนสติขาดผึง คำพูดของลูกชายที่เสียงดังฟังชัด
“ลูกเลือกอย่างนี้เองนะ แม่หวังว่าลูกจะได้บทเรียนนะคริส แล้วผลสุดท้ายลูกจะรู้ว่าความรักงี่เง่ากับปากท้องอะไรมันสำคัญกว่ากัน แล้วลูกก็จะกลับมากราบแทบเท้าแม่!”
สิ้นเสียงนั้นทุกอย่างเหมือนตกอยู่ในความเงียบ เธอกระฟัดกระเฟียดออกจากห้องไป จงใจลงส้นเท้าหนักๆให้คนอื่นรู้ว่าตนอารมณ์เสียแค่ไหน
คริสได้แต่ส่ายหัวไปมากับนิสัยของบุพการี ไม่รู้ว่าเขาทะเลาะกับแม่แบบนี้กี่ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ดูเหมือนคำพูดของแม่จะพัฒนาขึ้นทุกวัน บางทีคำพูดพวกนั้นก็สะกิดใจคริสขึ้นมาบ้าง แต่ก็เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น
นี่ขนาดเขาเจ็บปางตายขนาดนี้ยังต้องมาต่อล้อต่อเถียงกันเลยให้ตาย
“แล้วทีนี้มึงจะเอาไงต่ออะ” ชานยอลเหนื่อยใจแทนเพื่อนคนนี้จริงๆ แต่ในทางกลับกันก็ชินกับสภาพแวดล้อมแบบนี้เสียแล้ว
“ก็ไม่เอาไง ในเมื่อแม่พูดแบบนี้แล้วกูจะแบกหน้ากลับบ้านได้ยังไงล่ะวะ ก็คงต้องไปที่อื่น”
“แล้วไปไหน?” ทั้งสองคนแทบจะประสานเสียงกันถามคนป่วยที่ทำตัวเหมือนไม่ป่วยเลยสักนิด
“ไม่รู้” คนพูดยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
อันที่จริงเขาไม่คิดว่ามันจะลงเอยแบบนี้ ความจริงแล้วก็ไม่มีประโยคไหนที่แปลว่าแม่เขาไล่เขาออกจากบ้านด้วยซ้ำ คริสก็แค่อยากเอาชนะ ต้องการให้แม่รู้ว่าเขาอยู่กับคยองซูได้ คนรักของเขาไม่จำเป็นต้องเลิศเลอเพอร์เฟคเหมือนอย่างคนที่แม่หามาให้ แต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยทั้งเขาและคนรอบข้างมากกว่า
ดูก็รู้ว่าไอพวกที่รอบทำร้ายเขาไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ๆ เล่นสะกดรอยตามมาได้ถึงขนาดนั้น ก็คงไม่แปลกที่จะรู้ที่อยู่และข้อมูลส่วนตัว ถ้าหากเขายังนิ่งเฉยและใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ พวกนั้นมันต้องบุกมาถึงบ้านแน่ๆ แล้วเขาไม่อยากให้คนที่บ้านต้องมาเดือดร้อนแทนเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โด คยองซู
“แล้วมึงจะปล่อยคยองซูไว้อย่างนี้แล้วตัวเองก็ไปอยู่ที่อื่นเนี่ยนะ”
“ใครบอกล่ะ กูก็ต้องเอาคยองซูไปด้วยดิ”
พวกนั้นฉลาดพอที่จะรู้ว่าคยองซูสำคัญกับเขาแค่ไหน ถ้าไม่คิดที่จะจับเป็นตัวประกันหรือเอามาต่อรองก็บ้าแล้ว เพราะฉะนั้นก็คงต้องรอบคอบไว้ก่อน แล้วอีกอย่าง ยังไงเขาก็ไม่ยอมห่างเจ้าตัวเล็กนี่อยู่แล้ว
“งั้นคำถามเดิม มึงจะไปอยู่ที่ไหน?” เซฮุนเท้าคางกับโต๊ะข้างเตียง อีกมือก็เด็ดดอกไม้ในแจกันเล่นอย่างเบื่อๆ
“กูมีที่ไปก็แล้วกัน แต่ที่รู้ๆไม่ใช่บ้านพวกมึงสองคนแน่”
----
ไรท์ขอโทษที่มาลงให้ช้านะคะ มัวแต่เคลียร์กับเรื่องเก่าอยู่ ในที่สุดฟิคก็ออกมาเป็นเล่มสักที T^T
เรื่องนี้ไรท์ยังไม่ได้โปรโมตจริงๆจังเลย หลังจากนี้จะมาลงแบบจริงจังละ หลังจากเอื่อยเฉื่อยมานาน
cinna mon
ความคิดเห็น