คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 04 [...End...]
Fanfiction
Project : Hunter x Hunter
Under Lie
Chapter 04
เช้าวันต่อมา ห้องนอนของอิรุมิในโรงแรม
ร่างเล็กๆ ใต้ผ้าห่มค่อยๆ ขยับหนีแสงยามเช้าที่สาดส่องและลอดผ่านบานหน้าต่างเข้ามา ถึงจะรู้ว่ามันได้เวลาที่จะลุกจากเตียงที่แสนนุ่มสบาย เขาก็ยังคงตั้งใจที่จะหลับต่อไปให้ได้นานที่สุด แต่ร่างกายก็กลับกระโดดออกจากเตียงและไปเกาะติดอยู่บนมุมเพดานเหมือนกับแมงมุมทันทีที่รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ด้านหลัง นัยน์ตาสีเขียวหรี่ลงจ้องผู้บุกรุกบนเตียงอย่างไม่ไว้วางใจ ในขณะที่พยายามไม่หวั่นไหวกับแรงกดดันของเน็นที่ดำมืดและมหาศาลจนทำให้เหงื่อแตกพลั่กไปด้วยความอึดอัด
“นายมาทำอะไรบนเตียงชั้นฮิโซกะ ?”
“แหม....ก็เห็นกันอยู่แล้วว่าทำไมไม่ใช่เหรอคิลจัง ?”
หน้าของเด็กชายขึ้นสีทันทีกับคำพูดที่ไม่ต้องให้อธิบายเลยว่าจริงๆ แล้วคำตอบของมันคืออะไร เพราะการที่ชายหนุ่มร่างกำยำแข็งแรงมานอนเปลือยอกอยู่ข้างๆ อย่างเงียบเชียบพร้อมสายตาของหมาป่าที่กำลังจะขย้ำลูกแกะแบบนั้น มันก็ส่อเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ต่อเวอร์จิ้นของเด็กน้อยอายุ 12 ปีให้เห็นกันชัดๆ อยู่แล้ว
“ถ้าเป็นไปได้ชั้นก็ไม่อยากจะรู้หรอกนะ.....” คิรัวร์ประชดก่อนจะกระโดดลงมายืนบนพื้นและมองด้วยสายตาคมกริบ ในขณะที่ไม่ยอมเข้าไปใกล้นักมายากรแม้แต่มิลเดียว
“แหม....พูดจาใจร้ายจังเลยนะคิลจัง ชั้นก็แค่มาปลุกแค่นั้นเอง” สายตาที่ปรือมองและสำรวจส่วนโค้งเว้าของร่างเด็กชายตั้งแต่หัวจรดเท้า บวกกับรอยยิ้มที่แสยะกว้างทำให้เจ้าตัวรู้สึกขนลุกและหนาวสันหลังจนร่างกายเกือบสั่นไปหมด “จะไม่มาเล่นกันหน่อยเหรอ ?”
‘มาปลุกแล้วมันเกี่ยว ’ไรกะเล่นฟะ !?’
ลูกชายตระกูลนักฆ่าคิดพลางเริ่มเหลือบมองหาทางหนีและปฏิเสธคำเชิญชวนนั้นโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา แต่ความคิดก็หายไปทันที เมื่ออยู่ดีๆ ร่างสูงกำยำก็มายืนอยู่ตรงหน้า และก่อนที่จะได้ทำอะไร เขาก็ถูกจับเหวี่ยงลงกับพื้น ข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้ด้วยกัน และถูกตรึงเอาไว้กับพื้นเหมือนกับข้อเท้าทั้งสองข้าง
“ปล่อยนะ !!”
กระแสไฟฟ้าถูกปล่อยออกมาพร้อมกับพลังเน็นเพื่อผลักร่างที่หนาหนักออกไปก่อนที่มันจะลงมาทาบทับและเริ่มทำกิจกรรมอันไม่พึงประสงค์ กระแสไฟฟ้าถูกเร่งและกดดันพลังงานเข้าด้วยกันจนได้พลังความร้อนสูงเกินจุดเดือดและเผาละลายพันธนาการก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตู แต่ไม่ทันที่จะไปได้เกินสามก้าว บันจี้กัมก็เข้ามาฉุดให้หงายหลังและล้มลงนอนกับพื้นอีกครั้ง
“ให้ชั้นได้สนุกมากกว่านี้สิคิลจัง ชั้นน่ะตื่นเต้นจนทนไม่ไหวแล้วนะ”
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนที่เกือบเรียกได้ว่าวิปริตทำเอาเด็กชายหนาวสันหลังวาบ เพราะไอ้ความตื่นเต้นที่ว่ามันจะพาไปสู่การกระทำที่เป็นอันตรายต่อเวอร์จิ้นของผู้เยาว์ที่อายุยังไม่ถึง 15 ปีด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องมาตื่นเต้นแถวนี้เลยไอ้วิปริต !!”
คิรัวร์รีบลุกขึ้นกระโดดหลบไพ่ที่ห่อหุ้มด้วยพลังเน็นที่พุ่งเข้ามาหา ถึงพลังเน็นที่ห่อหุ้มไพ่จะมีพลังมากกว่าจนสามารถทะลุผ่านเน็นที่รวบรวมเอาไว้แล้วเฉือนฝ่ามือด้วยขอบที่คมกริบ เขาก็ยังสามารถคว้าและเขวี้ยงมันกลับไปหาเจ้าของได้ แต่นักมายากรก็แค่เอียงคอหลบก่อนจะพุ่งเข้ามาประชิดตัวและต่อยเข้าที่ท้องเต็มๆ
ฮิโซกะผิวปากและรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกนิดหน่อยเมื่อเหยื่อของเขายังคงลุกขึ้นมายืนได้และกระอักเลือดแค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะมันแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วพอที่จะใช้เท็ตสึป้องกันหมัดเอาไว้ได้ในเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะสัมผัสลำตัว และฝากรอยข่วนเอาไว้ที่กำปั้นก่อนจะกระเด็นไปด้วยแรงกระแทก
“มันต้องให้ได้ยังงี้สิคิลจัง ไม่งั้นมันก็ไม่สนุกใช่มั้ยล่ะ?” ‘ด้วยความเร็วระดับนี้ ยังไหวตัวทันอีก น่าสนุกจริงๆ’
ถึงอีกฝ่ายจะทำเป็นเล่น ยืนยิ้มและหัวเราะเหมือนกำลังเล่นสนุก แต่สายตาที่หรี่มองนั้นกลับจับจ้องอยู่ที่เหยื่อร่างเล็กเหมือนกับพร้อมที่จะฆ่าเต็มที่แล้ว คิรัวร์จึงไม่มีอารมณ์มาตีฝีปากและกลับเข้าสู่โหมดนักฆ่าเต็มตัวด้วยสัญชาตญาณการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด
หัวสมองที่เคยสรรหากลยุทธและวิธีการต่อสู้มากมายกลับเริ่มว่างเปล่าเหมือนกับสายตาที่มองคู่ต่อสู้ แต่ร่างกายและประสาทสัมผัสกลับเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำเหมือนกับการทำงานของเครื่องจักร
“แหม....เล่นตัวแบบนี้ชั้นก็มีอารมณ์แย่สิ”
นักฆ่าระดับเซียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียกได้ว่าแทบจะเคลิ้มไปกับการเปลี่ยนแปลงทางบุคลิกของเหยื่อที่อยู่ตรงหน้า เพราะมันคือสิ่งที่จะไม่มีวันได้เห็นตราบใดที่นักฆ่ารุ่นเยาว์นี้มีเพื่อนคอยเดินตามไปไหนมาไหนด้วย
ในขณะที่นักมายากรกำลังคิดเพลินๆ อยู่ ๆ ร่างของเด็กชายก็มาปรากฏตรงหน้าพร้อมกับกรงเล็บที่ห่อหุ้มไปด้วยพลังเน็นที่อัดแน่นและถูกแปลงสภาพให้คมกริบซะยิ่งกว่าดาบ เขาเพียงแค่เอียงตัวหลบกรงเล็บนั้นได้อย่างไม่ยากเย็นและเขวี้ยงไพ่ออกไป อีกฝ่ายก็หลบด้วยความเร็วที่มากกว่าปกติหลายสิบเท่าจนดูเหมือนเขาหายตัวและแวบโผล่ออกมาเหมือนกับไฟเปิดปิด
แม้ฮิโซกะจะได้รอยข่วนเป็นแผลบาดลึกมาอีกสองบนแขนข้างซ้ายแต่ก็ไม่ใส่ใจ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะทุ้มต่ำยังคงอยู่เหมือนกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด และเพิ่มความเร็วกับพลังในการโจมตีเพื่อที่จะผลักและกระตุ้นให้เหยื่อของเขาถลำลึกเข้าไปในความมืดมืดมากขึ้นและถูกกลืนกินให้เข้าสู่โลกของเลือดและการฆ่าฟันจนกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่สมบูรณ์แบบในที่สุด
แต่ตราบใดที่เด็กชายยังคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าฝากรอยข่วนไปทั่ว มันก็ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมและคู่ควรที่นักมายากรนี้จะลงมือ เพราะเหยื่อตรงหน้ายังไม่สามารถทำให้รู้สึกพึงพอใจและหฤหรรษ์ไปกับความตายของมันได้ แม้ใจจะคิดแบบนั้น แต่ความกระสันที่อยู่ตรงอวัยวะกลางลำตัวก็ยังคงเร้ากระตุ้น และชี้ให้เห็นอีกหนทางที่จะเล่นสนุกกับเหยื่อที่ไร้สิ้นหนทางที่จะหนี
นัยน์ตาสีเขียวที่เบิกกว้างได้แต่จ้องมองอย่างหวดกลัวและเดือดดาล เสียงขู่ดังรอดฟันซี่ขาวที่กัดแน่นเหมือนกับแมวที่กำลังขู่ศัตรู กรงเล็บพยายามฉุดดึงให้หลุดออกจากฝ่ามือใหญ่ที่จับเอาไว้แน่นเหมือนกับโซ่เหล็กกล้า โดยหารู้ไม่ว่าการดิ้นรนเหล่านั้นยิ่งเร้ากระตุ้นความหื่นกระหายของร่างกำยำที่อยู่เบื้องหน้าให้เพิ่มมากขึ้น
“ใช่ น่าสนใจจริง ๆ จะฆ่าตอนนี้ก็น่าเสียดาย ต้องอดกลั้นเอาไว้........”
นักมายากรพึมพำกับตัวเองและพยายามสะกดกลั้นความหื่นกระหายที่จะทิ่มแทงมือเข้าไปในร่างที่กำลังคร่อมอยู่บนพื้น เพื่อที่จะได้ลิ้มรสเลือดและความตายอันบริสุทธิ์ แต่หันมาเพลิดเพลินและเสพสุขกับร่างผอมบางในกำมือแทน
นัยน์ตาจ้องมองร่างที่ดิ้นรนเหมือนสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งอย่างขำๆ ในขณะที่ร่างหนาหนักทาบทับและทำให้ร่างข้างใต้หยุดดิ้นรนได้อย่างง่ายดาย ใบหน้าคมซุกไซ้ไปตามซอกคอขาวและเม้มกัดแผ่วเบาเหมือนค่อยๆ ละเลียดลิ้มรสผิวเนื้ออันอ่อนนุ่ม ฝ่ามือใหญ่แทรกเข้าไปใต้เสื้อบางและไล้สัมผัสผิวอกและหน้าท้อง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นเมื่อมันรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่เกร็งกระตุก
สัมผัสที่รุกล้ำและเร้ากระตุ้นทำให้ร่างที่ถูกแตะต้องเป็นครั้งแรกนั้นเผลอขยับไปตามความรู้สึกและสัญชาตญาณ และส่งเสียงครางที่ฟังลื่นหูออกมาโดยไม่รู้ตัว ตัวตนที่ถลำเข้าไปในความมืดค่อย ๆ ถูกดึงให้กลับมาพร้อม ๆ กับสติที่ค่อย ๆ รับรู้สิ่งที่อยู่รอบตัวทีละนิด แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะรู้สึกต่อต้านหรือผลักไสคนที่กำลังเพลิดเพลินกับการลิ้มรสความบริสุทธิ์อยู่
“เป็นเด็กดีนะคิลจัง......”
เด็กชายไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าพูดเพื่ออะไร ทำไมเขาจะต้องเป็นเด็กดี แต่เขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะคิดหาคำตอบเมื่อสติหลุดลอยไปอีกครั้งเมื่อหยาดเลือดอันหอมหวานจากปลายนิ้วสัมผัสริมฝีปากที่ปล่อยให้มันล้วงผ่านเข้าไปอย่างว่าง่าย ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดและไล้เลียทุกหยาดหยดของน้ำสีแดงที่แผ่ซ่านไปทั่วเหมือนกับกำลังเลียดื่มน้ำผึ้งแสนหวาน
“น่ารักจริง ๆ”
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะดังรอดริมฝีปากที่แสยะยิ้มกับท่าทางเย้ายวนที่เผลอไผลของเด็กชาย ใบหน้าอ่อนเยาว์ปรือตามองอย่างสงสัยและทำให้อารมณ์ของร่างสูงกำยำเตลิดขึ้นจนอวัยวะกลางลำตัวเกร็งตัวและแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว ความคิดที่อยากให้ริมฝีปากนั่นดูดดื่มมันแทนนิ้วแล่นเข้ามาในหัว
“อืม....พี่อิรุมิ........”
ถึงเสียงครางและชื่อที่ได้ยินจะทำให้ฮิโซกะแปลกใจ แต่เขาก็แทบจะไม่สนใจ เพราะความปรารถนาเบื้องลึกที่มีให้กับใครมันไม่สำคัญ ขอเพียงเขาได้สุขสมและได้ปลดปล่อยความหื่นกระหายนี้ออกไปได้ก็พอ
“ต้องโทษพี่ชายของนายนะที่ให้ชั้นได้เห็นวิธีกล่อมแมวน่ะ.....”
นักมายากรว่าอย่างขำๆ แล้วซุกไซ้ซอกคอขาวอีกครั้งในขณะที่มือเริ่มเล้าโลมหนักขึ้น และจดจำทุกส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายที่ยังเติบโตไม่เต็มที่เอาไว้อย่างละเอียด ปลายนิ้วหยอกบีบเคล้นยอดอกข้างหนึ่งแผ่วเบา ในขณะที่อีกข้างถูกกัดเม้มและไล้เลียเพื่อเร้ากระตุ้นร่างข้างใต้ให้ร้องครางดังขึ้นและแอ่นตัวรับสัมผัสที่ค่อยๆ ปลุกอวัยวะกลางลำตัวให้ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ยะ....อย่า......”
ปลายนิ้วที่ดึงออกมาจากริมฝีปากและไล่ลงไล้วนบนท้องน้อย ทำให้สติของร่างผอมบางเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่ร่างกำยำที่หนาหนักก็ไม่สนใจและยิ่งรู้สึกกระสันมากขึ้นกับเสียงที่แหบพร่าที่ได้ยิน แต่ความสุขสมที่กำลังจะได้รับจากการแทรกอวัยวะเข้าไปในร่างข้างใต้กลับถูกขัดขวางด้วยบานประตูที่ถูกกระแทกเปิดเข้ามา และเข็มนับสิบที่อัดแน่นไปด้วยพลังเน็นกับความโกรธของคนขว้างที่ไม่เคยแสดงออกมาให้เห็นบนใบหน้าที่เฉยชา
ถึงแม้นักฆ่าที่มีใบหน้าเหมือนตุ๊กตาไร้ชีวิตจะไม่พูดอะไรและเพียงแค่ยืนจ้องพร้อมกับเข็มชุดใหม่ในมือ ดวงตาสีดำขลับที่จ้องมองมาก็สื่อได้ชัดเจนซะยิ่งกว่าการพูดว่า ‘อย่าอยู่ให้รกโลกเลยแก บังอาจแตะต้องน้องชายชั้น’ แต่อีกฝ่ายแค่หัวเราะและยังคงยิ้มเหมือนกับไม่รู้สึกถึงสายตาและพลังเน็นที่แผ่ซ่านไปทั่ว
“แหม....ใจร้ายจังอิรุมิเพื่อนรัก ชั้นกำลังเล่นสนุกอยู่กับคิลจังเลยน้า.....” เขาแกล้งทำเสียงยานลงท้ายเป็นการล้อเลียน
นักฆ่ายังคงไม่พูดอะไรและจ้องนักมายากรตัวดีตาไม่กระพริบจนอีกฝ่ายต้องยอมถอนหายใจและถอยแต่โดยดี ก่อนที่การเล่นสนุกของเขาจะทำให้ไม่มีคำว่า ‘เพื่อนทางธุรกิจ’ อีกต่อไป
“ก็ได้ๆ ชั้นไม่ทำอะไรแล้วหรอกน่า แค่เล่นสนุกนิดหน่อยเอง ไม่เห็นต้องโกรธเลยนี่ อิรุมิเพื่อนรัก”
ถึงสีหน้าของคนตระกูลโซลดิกจะไม่เปลี่ยน แต่เขาก็สามารถเดาได้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดว่า ‘ก็คงจะไม่ถ้ามันไม่ใช่น้องชายชั้นที่นายกำลังเล่นด้วยน่ะ’ และเขาก็แค่ยักไหล่ไม่สนใจอะไรเท่าไหร่กับมันนัก
“มานี่คิล.....”
ถึงจะถูกเรียก แต่น้องชายที่ได้สตินั้นก็รู้สึกอายและโกรธชายหนุ่มที่ยังคงยิ้มน่าหมั่นไส้ตรงหน้าเกินกว่าที่จะทำตามและวิ่งออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ผู้เป็นพี่ชายมองตามหลังน้องชายและยืนนิ่งเงียบอยู่สักพักก่อนจะเหลือบมองเพื่อนทางธุรกิจด้วยสายตาคมบาดลึกและใบหน้าที่เย็นชาจนติดลบองศา แต่อีกฝ่ายยังคงยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้านด้วยความเคยชินและพยักหน้าโบกมือข้างหนึ่งเป็นเชิงสัญญาว่าจะไม่ตามน้องชายของเขาไปแน่นอน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนที่นักฆ่าคนนี้อยู่
ถึงเขาจะขึ้นชื่อว่าเป็นคนชอบโกหกเป็นเรื่องปกติ แต่ครั้งนี้อิรุมิรู้ว่ามายากรตัวแสบนี่ยอมทำตามข้อตกลงแต่โดยดี เขาจึงแอบรู้สึกโล่งใจนิดหน่อยที่อีกฝ่ายยอมถอยง่ายๆ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ฉันท์ ‘เพื่อนทางธุรกิจ’ ต่อไป ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องมีการนองเลือดโดยไม่จำเป็นก็ได้
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในห้องของคัลโตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและถัดไปอีกสองห้อง
บานประตูถูกกระแทกเปิดและปิดอย่างแรงด้วยฝ่ามือเล็กๆ ที่สามารถเปิดประประตูเหล็กหนัก 16 ตันได้สบาย โชคดีที่คนในห้องไม่อยู่แล้ว ไม่งั้นการกระทำของเขาคงทำให้เน็นพุ่งเข้ามาฆ่าเขาตายเพราะความตกใจแน่
‘โชคดีที่คัลโตออกไปแล้วนะเนี่ย.....’
เขาคิดพลางถอนหายใจ ร่างกลับหมดเรี่ยวแรงและเอนพิงบานประตู สายตาจับจ้องบนเพดานที่ว่างเปล่า ใบหน้ายังคงมีเลือดฝาด มือสองข้างกระชับเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยแนบร่างที่ยังคงสั่นเทาไม่หายแน่น
จริงอยู่ที่เขาไม่ได้อายอะไรจนถึงขั้นที่ต้องวิ่งหนีมาซ่อนเหมือนกับเด็กสาวไฮสคูลที่เพิ่งถูกขโมยจูบหรือทำเรื่องน่าอายมาหยกๆ แต่การที่ต้องเผชิญหน้ากับคนที่เข้ามาช่วยนั้นน่ากลัวซะจนไม่อยากจะคิดถึง เพราะแค่เจ้านักมายากรก็ทำให้เขาหัวเสียมากเกินพอแล้วสำหรับเช้านี้ ถ้ายังต้องมาเจอกับคำดุด่าของพี่ชายอีกคงระเบิดแน่
‘บ้าเอ๊ย! ทำไมพี่ต้องให้เจ้าบ้านั่นอยู่ด้วยนะ?’ เขาอดที่จะบ่นในใจไม่ได้ ‘ไม่สิ ทำไมเราถึงโดนกล่อมได้ง่ายแบบนั้นฟะ มันก็แค่เลือดธรรมดา แต่ดันเคลิ้มจนไร้สติไปกับมันยังกะคนติดยา น่าสมเพชชะมัด !! พี่ต้องโกรธที่ชั้นยอม.....แน่ ๆ’ เขาแทบไม่กล้าแม้แต่จะคิดคำตรงที่ว่างออกมาเป็นคำพูดในหัว และไม่อยากจะยอมรับในสิ่งที่ตนเองได้ทำลงไป
‘ถ้าชั้นแข็งแกร่งแล้วควบคุมตัวเองได้มากกว่านี้ล่ะก็......ชิ !! เลิกคิดแล้วไปอาบน้ำให้ใจเย็นลงดีกว่า.......’
เขาตัดบทตัวเองเอาดื้อ ๆ แล้วเดินเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านข้างไปพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาวที่เขารื้อออกมาจากในตู้ และเริ่มที่จะทำใจเตรียมรับหน้าพี่ชายที่ต้องมาแน่ๆ
‘ชิ! เวลาพี่โกรธน่ากลัวจะตาย......’ เขาอดยอมรับไม่ได้
เสื้อผ้าถูกถอดออกและแขวนบนราวก่อนที่ร่างเล็กจะเดินเข้าไปใต้ฝักบัว ถึงน้ำเย็นเฉียบจะช่วยให้ร่างกายของเขาผ่อนคลายลง แต่ในใจกลับยังคงว้าวุ่นและกระวนกระวายกับสิ่งที่สังเกตเห็นบนกระจกขณะที่เดินผ่านมันเมื่อสักครู่ ฝ่ามือข้างขวายกขึ้นปิดซอกคอทางด้านซ้ายทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่ามันช่วยทำให้รอยกัดและรอยจูบที่ฟกช้ำเหล่านั้นหายไปไม่ได้
‘ไอ้หื่นนั่นมันเล่นแรงจริงๆ กี่วันถึงจะหายล่ะเนี่ย?’ เขาคิดอย่างกระวนกระวายใจ ‘จะให้พี่อิรุมิเห็นไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นตายแน่’ ร่างแทบจะสั่นกลัวไปกับภาพของพี่ชายและเน็นดำมืดที่ผุดขึ้นมาในหัว
“ชั้นก็ควรจะฆ่านายจริงๆ นั่นแหละ”
ทั่วร่างเย็นวาบไปกับความรู้สึกของอีกร่างที่ยืนอยู่ที่ด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่วางอยู่บนกำแพงกระเบื้องข้าง ๆ เหมือนกับจะปิดกั้นทางหนีของร่างเล็กที่สั่นกลัว ริมฝีปากโน้มลงและกระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบจนร่างไม่อาจขยับไปไหนได้
“ทำไมถึงปล่อยให้เจ้านั่นมันแตะต้อง ? รู้สึกดีมากเลยรึไงที่โดนมันสัมผัสน่ะ ?”
ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ พลังเน็นที่มีพลังกดดันมหาศาล และถ้อยคำที่ฟังดูเชือดเฉือนมากกว่าจะเป็นเพียงคำถามธรรมดาต่างสาปร่างให้นิ่งเงียบ ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง และได้แต่ยืนสั่นกลัวอยู่แบบนั้น
“ตอบคำถามชั้น”
เสียงทุ้มต่ำและเย็นเชียบจนองศาติดลบนั้นบีบคั้นอีกครั้ง ฝ่ามือจับร่างเล็กให้หันมาแล้วกำรอบคอขาวเอาไว้แน่น แล้วยกร่างให้ลอยขึ้นจากพื้นและกดเอาไว้บนกำแพงอย่างง่ายดาย
“คิล....”
ชื่อที่ถูกเรียกนั้นเหมือนกับเป็นการคาดคั้นครั้งสุดท้ายก่อนที่ผู้เป็นพี่ชายจะหันไปใช้วิธีรุนแรง และเขาจะไม่มีวันหยุดจนกว่าร่างในกำมือจะตอบคำถามหรือหมดลมหายใจไป เพราะบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ข้างในมันขาดผึงในวินาทีที่ร่างในกำมือยอมนอนทอดกายให้กับชายหนุ่มคนนั้น
“ปะ....เปล่า........ชะ....ชั้นพยายามหนีแล้ว แต่......”
“ยังไม่มากพอสินะ......” ฝ่ามือบีบแน่นขึ้นอีก
นัยน์ตาสีเขียวเสมองไปทางอื่นอย่างละอายใจ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าพี่ของเขาจะต้องพูดแบบนี้ แต่มันก็ยังคงเจ็บปวดเมื่อได้ยินกับหูของตัวเอง ในหัวไม่มีข้อแก้ตัวอะไรจะมาพูด เพราะหลักฐานของความอ่อนแอมันโชว์หราอยู่บนซอกคอ
“นายต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้คิล.....อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก”
“ผะ....ผมขอโทษ......มะ.....มัน.......”
เหมือนกับพี่ชายจะรู้ว่าน้องชายของเขาอยากจะบอกอะไรแต่ไม่กล้า เขาจึงวางนิ้วชี้บนริมฝีปากที่สั่นเทา เพื่อเป็นบอกให้เงียบ ก่อนที่เข้ามาสวมกอดแล้วกระซิบที่ข้างหูแผ่วเบา
“พี่รู้ เพราะพี่กับพ่อเลี้ยงนายให้เป็นแบบนี้ ความกระหายเลือดกับการฆ่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของนักฆ่า แค่พยายามควบคุมตัวเองให้ได้ก็พอ นายยังเด็กเพราะงั้นพี่จะยอมให้ไปก่อน แต่เฉพาะครั้งนี้เท่านั้นนะ ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีกล่ะก็.......”
ฝ่ามือรอบคอขาวเกร็งจนเส้นเลือดปูดโปนและบังคับให้เล็บงอกยาวแหลม ก่อนจะจิกและกรีดผิวเนื้ออ่อนนุ่มเหมือนเป็นการย้ำถึงคำพูดที่จะพูดต่อ
“ชั้นจะฆ่านายซะ นายเป็นของตระกูลโซลดิก ไม่ใช่ของใครทั้งนั้น เข้าใจมั้ย ?” ‘นายเป็นของชั้น......’ “มองหน้าชั้นคิล....”
น้องชายค่อยๆ หันมาสบตาอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมกับพยักหน้า เขารู้สึกตื่นกลัวมากขึ้นเมื่อเน็นที่ดำมืดแผ่ขยายและอัดแน่นไปด้วยแรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจนแทบจะกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างของเขาเข้าไป และปล่อยให้วนเวียนอยู่ในนั้นอย่างไร้ซึ่งทางออก ร่างกายจึงเริ่มดิ้นรนตามสัญชาตญาณเพื่อหนีไปจากพลังที่น่ากลัวและชายที่อยู่ตรงหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่มันกลับถูกแช่แข็งด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ
“อยู่เฉยๆ”
นัยน์ตาสีเขียวที่เบิกกว้างและสั่นกลัวจึงได้แต่เหลือบมองใบหน้าคมสันที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ ริมฝีปากและลิ้นอุ่นค่อยๆ จูบและไล้เลียไปตามรอยแผลบนซอกคอ ก่อนจะกัดและฝังเขี้ยวลึกเข้าไปในเนื้อบางจนเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมา เพื่อเป็นการตรีตราความเป็นเจ้าของทับรอยเดิมและพันธนาการร่างนั้นให้เป็นของคนในตระกูลโซดิกตลอดไป
“อย่าร้อง”
คำสั่งที่สองห้ามปรามร่างในกำมือก่อนที่มันจะดิ้นรนและร้องด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง ในขณะที่การตีตราค่อย ๆ ไล่ไปตามรอยแผลที่มีอยู่มากมายและทรมานร่างที่สั่นเทิ้มให้กัดฟันทนกับความเจ็บปวดไปเรื่อย ๆ แต่ใจก็ยังยอมรับมันเป็นการลงโทษโทษฐานที่ปล่อยให้เรื่องมันเกิดขึ้นตั้งแต่แรก และมันไม่สามารถที่จะโทษใครได้นอกจากความอ่อนแอของตัวเอง
“ขอโทษฮะพี่อิรุมิ.....”
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ร่างเด็กชายสวมเสื้อแขนสั้นสีขาวที่มีปกตั้งและกางเกงยินส์ขายาวสีน้ำเงินเดินผ่านผู้คนไปตามทางฟุตบาทอย่างเหนื่อยอ่อน เพราะเขาไม่มีเวลาที่จะได้พักก่อนจะถูกไล่ให้ออกมาเดินโต๋เต๋ข้างนอกพร้อมกับงานฆ่าคนงานใหม่ในมือ แต่ในใจก็ไม่คิดจะบ่นอะไรและเข้าใจว่ามันเป็นเพราะพี่ของเขาโกรธ
‘ก็เพราะเงี้ยถึงได้ไม่อยากให้พี่เห็น พี่อิรุมินี่กัดแรงยิ่งกว่าไอ้มายากรหื่นนั่นซะอีก อยู่ห่างๆ มันไว้ท่าจะดีที่สุด’
“แหม ใจร้ายจังนะคิลจัง ทั้งๆ ที่พวกเราเพิ่งจะเล่นสนุกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเอง”
เหมือนกับร่างสูงกำยำในชุดมายากรสีขาวที่ดูคุ้นตาจะได้ยินความคิดของเขา จึงก้าวออกมาและลากเจ้าตัวเข้าไปในตรอกเพื่อหลบสายตาผู้คน ก่อนจะบังคับให้ยืนพิงกำแพงตึกอยู่เฉยๆ แล้วก้มลงกระซิบข้างหูเบา ๆ
“ไม่คิดเลยว่านายจะคิดถึงชั้นขนาดนี้”
“ใครคิดถึงแกไอ้วิปริต มีธุระอะไร ?”
นักฆ่ารุ่นเยาว์ประชดเสียงแข็ง และสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ เขาเหลือบมองนักมายากรที่ยังคงยิ้มน่ากลัวอยู่ข้างๆ เหมือนกับจะขู่ด้วยสายตาว่าให้เจ้าตัวอยู่เงียบๆ ไม่งั้นจะฆ่าทิ้งซะ
ชายหนุ่มก็เพียงแค่ยักไหล่ขณะหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะไล้เลียและขบใบหูเล่น แต่คิรัวร์แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไรและเหลือบมองนักฉวยโอกาสอย่างรำคาญ ก่อนจะหันไปรับโทรศัพท์และสนใจแต่กับคนที่อยู่ปลายสาย เพราะรู้ดีว่าขัดขืนคนตรงหน้าไปก็ไม่มีประโยชน์
คิรัวร์ เป็นไงบ้าง ? ตอนนี้อยู่ที่ไหน ? คัลโตจังล่ะ ?
“ก็ดี ชั้นเพิ่งกลับจากไปส่งคัลโตที่สนามบินมา ตอนนี้อยู่ในเมืองใกล้กับที่ชั้นเจอคัลโตเมื่อวานแหละ เย็นๆ คงกลับไปถึงโรงแรม นายรออยู่นั่นแหละ ตอนนี้มือชั้นไม่ค่อยว่าง ขอวางสายก่อนนะ ถ้ามีอะไรแล้วจะโทรกลับไป แล้วเจอกัน”
อืม แล้วเจอกันนะ
“มือก็ไม่ว่างจริงๆ นั่นแหละ” นักมายากรว่าอย่างขำ ๆ “พี่ชายที่น่ารักของนายนี่ขี้หวงจริงๆ เลยนะ” นัยน์ตาหรี่มองรอยตีตราบนซอกคอขาวเนียนใต้ปกคอเสื้อ “แล้วแบบนี้จะปิดไหวเหรอ ?”
“นั่นมันเรื่องของชั้น แกน่ะมีอะไรก็รีบๆ ว่ามา ชั้นไม่มีเวลาทั้งวันนะ”
ถึงจะแอบกลัวอยู่บ้างแต่เด็กชายก็ยังคงตีฝีปากและเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน ในใจแอบรู้สึกโล่งอยู่บ้างที่เจ้ามายากรไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเล่นเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้
“ใจร้อนจัง ชั้นก็แค่ถูกขอให้เอานี่มาคืนนายน่ะ เมื่อเช้าสนุกมากไปหน่อยเลยลืมน่ะ”
มีดล้ำค่าของบรรดาเหล่านักฆ่าที่ชอบเก็บสะสมถูกยื่นให้มือเล็กๆ ทั้งสองข้างที่รับมาอย่างงงๆ นัยน์ตาสีเขียวเงยขึ้นมองคนให้ด้วยอารมณ์แบบเดียวกัน เพราะในเมื่อเขาเป็นคนให้มันกับหัวหน้าแก๊งแมงมุมเองแล้วทำไมเจ้าตัวจะต้องเอามาคืนเขาด้วย
“ไม่ใช่ว่านายไปขโมยมาเป็นข้ออ้างที่จะเข้าใกล้ชั้นหรอกเหรอ ?” เขาว่าอย่างสงสัยและไม่ไว้ใจ
“แล้วชั้นจะลงทุนทำอะไรที่มันยุ่งยากแบบนั้นทำไมล่ะ ?”
ก็จริงอย่างที่นักมายากรพูด และคิรัวร์อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้กับสิ่งซ่อนเอาไว้ในประโยคนั้นว่า ‘เหยื่ออย่างนายน่ะ ชั้นจะมาหาที่ไหนเมื่อไหร่หรือเล่นด้วยตอนไหนก็ได้’
‘คอยดูเถอะ ซักวันจะเหนือกว่ามันให้ได้’ “งั้นก็ไม่มี ’ไรแล้วใช่มะ ชั้นไปล่ะ”
“เดี๋ยวสิคิลจัง จะไม่มีคำขอบคุณซะหน่อยเหรอ ?” มือไวเท่าคำพูดและคว้าแขนของเด็กหนุ่มเอาไว้ก่อนที่เขาจะเดินจากไป
“ปล่อย”
น้ำเสียง สีหน้าและแววตากลับเย็นชาและปราศจากการตีฝีปากเหมือนอย่างเคย เน็นและกระแสไฟฟ้าถูกปล่อยออกมา และบีบอัดรวมกันเข้าจนกลายเป็นพลังงานที่มีความร้อนสูงก่อนจะระเบิดออก เมื่อควันจางหายไป ก็ไร้วี่แววของร่างของแมวน้อยสีเงิน ชายหนุ่มจึงได้หัวเราะด้วยเสียงทุ้มต่ำและเลียเลือดที่ไหลออกมาจากแผลข่วนบาดลึกบนมือซ้าย ในขณะที่นัยน์ตาลุกวาวขึ้นมานิดหน่อยด้วยความตื่นเต้น
“ลูกแมวน้อยของนายนี่ไวขึ้นอีกหน่อยแล้วนะอิรุมิ”
ชายหนุ่มที่นิ่งเงียบอยู่ในเงามืดก้าวออกมาและยืนมองเขาด้วยใบหน้าและสายตาที่ไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย จริงอยู่ที่เขารู้สึกไม่พอใจอยู่ข้างในที่เพื่อนทางธุรกิจแอบมาทำมิดีมิร้ายกับน้องชาย แต่หากมองในทางกลับกัน เขาก็ต้องยอมรับว่าการมีอยู่ของนักมายากรจอมปลิ้นปล่อนนี่ช่วยผลักดันและกระตุ้นให้น้องชายถลำลึกเข้าไปในโลกแห่งความมืดมิดของการฆ่า และพัฒนาฝีมือได้อย่างก้าวกระโดดจริงๆ
‘แต่ไม่ว่าจะยังไง ก็ปล่อยให้มันอยู่ตามลำพังกับคิลไม่ได้’
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า หลังจากนี้ชั้นมีงานใหม่เข้ามา เพราะงั้นไม่ว่างไปเล่นกับแมวน้อยของนายซักพัก”
“ขอให้จริงเถอะ” อิรุมิทิ้งคำพูดเอาไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะหายเข้าไปในเงามืดและทิ้งให้อีกฝ่ายได้แต่ยืนยิ้มอยู่คนเดียว
END
ความคิดเห็น