คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 04 [...End...]
Fanfiction
Project : Eyesheild 21
My Own Path
Chapter 04
เด็กหนุ่มร่างสูงผอมมองดูลาดเลาตรงทางออกเป็นครั้งสุดท้ายอย่างลุกลี้ลุกลน เขาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้สัญญาณเตือนภัยดังขึ้น แต่มันก็คงจะไม่สำคัญเท่ากับการวิ่งผ่านประตูที่อยู่ตรงหน้านี้ออกไป
“ไม่รู้ว่าคุณฮิรุม่ากับคุณฮาบาชิระจะปลอดภัยรึเปล่า.......”
ถึงแม้ทางออกสู่อิสรภาพและโลกภายนอกจะน่าก้าวออกไปหามากมายขนาดไหน ขาทั้งสองข้างมันกลับไม่ขยับ เพราะการที่เขาหนีรอดปลอดภัยอยู่เพียงคนเดียวในขณะที่เพื่อนอีกสองคนเป็นตายยังไงก็ไม่รู้อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะคนที่เป็นเสมือนหัวหน้าทีม มันใช้ได้เหรอ ? ใจมันจะกล้าทิ้งไปได้ยังงั้นเหรอ ? แต่ถ้าหากอยู่ที่นี่ต่อ อย่างเขาจะทำอะไรได้ล่ะ ? เพราะเขามันไม่มีความสามารถอะไรเลยไม่ใช่เหรอ คนๆ นั้นถึงได้ส่งเขาออกมาข้างนอกเป็นคนแรกแบบนี้
‘ไม่ ๆ ๆ ๆ คิดแบบนั้นไม่ได้นะ เพราะเขาเป็นห่วงเรากับคุณฮาบาชิระต่างหากถึงได้ให้พวกเราออกมาก่อนแบบนี้’ เขาแทบอยากจะเขกหัวของตัวเองที่เกือบจะเผลอคิดถึงคนที่ว่าในแง่ไม่ดี ‘ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้.....’ แต่ความคิดที่ตามมาก็ยังคงไม่ใช่แง่ดีอยู่ดี
“แล้วแกคิดจะวิ่งกลับไปช่วยมันรึไง ?”
เสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูคุ้นหูกับมือใหญ่ยาวที่ยื่นเข้ามาจับไหล่ข้างซ้ายทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงและเกือบร้องออกมาถ้ามืออีกข้างไม่เข้ามาปิดปากเขาเอาไว้ซะก่อน
“คะ....คุณฮาบาชิระ !!” เขาร้องอย่างตกใจระคนดีใจขณะมองเจ้าของมือก้าวออกมาจากความมืดแล้วนั่งลงข้างๆ เขา
“ทำไมไม่วิ่งออกไปวะ ?” กัปตันทีมคาเมเลออนถามโดยที่ไม่ทันสังเกต หรืออาจจะไม่ว่าอะไรก็ได้ที่อีกฝ่ายกำลังนั่งจ้องเขาอยู่อย่างอึ้ง ๆ กับสภาพที่เหมือนกับเพิ่งเดินออกมาจากสนามรบ
“มะ....ไม่เป็นไรนะครับคุณฮาบาชิระ.....?”
“เออ....ยังไม่ตายหรอก......” เขาตอบคำถามที่ได้แทนคำตอบอย่างลืมตัว ก่อนจะหันมานึกได้และพูดอย่างหงุดหงิด “แล้วแกคิดจะช่วยมันยังไง ตัวเองยังเอาไม่รอด”
“แต่ถึงยังงั้นผมก็ยังอยากไปช่วย จะให้ผมทิ้งเขาแล้วหนีไปคนเดียวได้ยังไง ?” ใบหน้าและน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ‘ดีจังที่คุณฮาบาชิระเองก็เป็นห่วงถึงได้มานั่งข้างๆ ผมแบบนี้’
“คะ....แค่บังเอิญเจอแกเท่านั้นแหละเว้ย !!” เด็กหนุ่มหัวโจกแกล้งพูดกลบเกลื่อนแล้วหันไปมองทางอื่นเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงเรื่อเมื่อเดาความคิดจากรอยยิ้มของอีกฝ่ายได้ “อย่ามาทำเป็นรู้ดีนะเฟ้ย !!”
“คะ....ครับ จะทำเป็นไม่รู้ครับ......” ยูกิมิตสึว่าอย่างงง ๆ
“ชิ.....บางทีแกมันก็กวนจริงๆ เลยว่ะ”
“เอ่อ.....ขอโทษครับ.....?” โดนว่ามาแบบนี้ เจ้าตัวที่ยังไม่รู้เลยว่าไปกวนอีกฝ่ายที่ตรงไหนเลยไม่รู้จะพูดอะไรดี
“แกนี่มันน่ารำคาญจริง ๆ......” ถึงฮาบาชิระจะว่าแบบนั้น แต่น้ำเสียงกลับฟังดูตรงกันข้าม
หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก และต่างตัดสินใจเหมือนกันว่าจะไม่หนีออกไปก่อน และนั่งรออีกคนหนึ่งอยู่ที่นี่ แต่เสียงที่ดังขึ้นท่ามกลางเสียงเตือนภัยก็เรียกให้พวกเขาก้าวออกไปข้างนอกอย่างไม่ลังเล ในใจต่างคิดเหมือนกันว่า
‘ฮิรุม่า....!!’
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แม้กระสุนที่พุ่งเฉี่ยวแขนกับหน้าไปจะเป็นการเตือน แต่ร่างบางก็ยังคงไม่สนใจและหันมายิงกระสุนสองนัดที่พุ่งเข้ามาทิ้งไปก่อนที่จะสาวเท้าวิ่งต่อ
‘ทำไมมันตามมาเร็วนักวะ ?’ ฮิรุม่าคิดอย่างหงุดหงิด
จังหวะของกระสุนปืนที่ยิงไล่หลังมาเงียบหายไป ทำให้ต้องหันกลับไปมองด้วยความสงสัยและพบว่า คนยิงถูกนักเรียนของโรงเรียนโซคุงาคุแท๊คเคิลให้ล้มลงกับพื้น แต่เขาไม่ให้ความสนใจกับการช่วยเหลือนั้นมากนัก เพราะยังมีอีกคนที่น่าเป็นห่วงมากกว่า
มือของฮิรุม่ายื่นออกไปคว้าแขนยูกิมิตสึที่วิ่งเข้ามาหา แล้วผลักออกไปเต็มแรงเพื่อให้วิ่งต่อไปโดยไม่ยอมให้เขามาเสียเวลาถามสารทุกข์สุขดิบ
“ทำไมถึงยังอยู่อีกวะไอ้เหม่งตูดหมึก !! ชั้นบอกให้แกหนีไปแล้วนี่เว้ย !!” เขาว่าอย่างหงุดหงิดอีกครั้งแล้วรีบหันมายิงลูกกระสุนที่พุ่งเข้ามาและปืนที่อยู่ในมือของชายวัยกลางคนที่กำลังจะฆ่าเพื่อนที่อยู่ข้างหลัง
“หนีไป !!”
ฮาบาชิระรีบทำตามทันที แต่ก็ถูกขัดขาให้ล้มลงซะก่อน ร่างที่สูงกำยำกว่าขึ้นคร่อมร่างของเขาเอาไว้แล้วควักมีดพับออกมา แต่ก่อนที่มันจะปาดคอร่างในกำมือ อาวุธแบบเดียวกันก็เข้ามากันเอาไว้ก่อน
“อย่ามาดูถูกกันนะเว้ย ! คิดว่ามีแกคนเดียวที่พกรึไงวะ !!”
“แล้วคิดว่าฝีมืออย่างแกจะทำอะไรได้รึไง ?” คำพูดและรอยแสยะยิ้มทำให้เด็กหนุ่มเสียวสันหลังวาบ
“อย่านะเฟ้ยไอ้แก่ตูดหมึก !!”
เสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นพร้อมร่างเพรียวบางกระแทกชายวัยกลางคนออกไป เด็กหนุ่มที่รู้จักฝีมือการใช้มีดของคนเป็นพ่อดีที่สุดนั้นไม่มีวันยอมให้อาวุธนั่นมันปักลงไปที่คอหอยของคนที่อยู่ข้างไต้แน่
“ไปสิเฟ้ย !!”
เสียงตวาดของเขาผลักให้หัวโจกทีมคาเมเลออนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไป แม้เดมอนแห่งเดวิลแบ็ทจะเสียหลักไปนิดกับมีดสั้นที่ปักลงบนสะบักซ้าย แต่ขาก็ยังคงก้าวต่อไปข้างหน้าเพื่อหนีจากฝ่ามือหยาบใหญ่ที่พุ่งเข้ามา กระสุนหนึ่งนัดที่พุ่งเฉี่ยวหน้าทำให้รู้ว่าคนข้างหลังได้หยิบปืนขึ้นมาอีกครั้ง
อีกเพียงแค่หนึ่ง สอง และสามนัดเท่านั้น แล้วอาวุธนั่นก็จะไร้พิษสง แต่เขากับเพื่อนอีกสองคนจะสามารถรักษาชีวิตเอาได้จนถึงตอนนั้นรึเปล่า ? สิ่งที่ทำในห้องคอมพิวเตอร์นั่นมันจะใช้เวลาอีกสักเท่าไหร่ถึงจะเห็นผลกัน ?
‘แกเนี่ยมันกัดไม่ปล่อยจริง ๆ ว่ะ !! ถ้าเพียงแต่ชั้นจะมีค่าในสายตาแกในฐานะลูก หรืออย่างน้อยก็เห็นค่าความเป็นคนเหมือนเจ้าพวกนี้ล่ะก็......’ ความคิดผุดขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัวในวินาทีที่กระสุนฝังเข้าไปที่ขาขวา แต่ร่างที่เจ็บปวดก็ยังวิ่งต่อไปแม้จะช้าลงบ้างก็ตาม
“คุณฮิรุม่า / ฮิรุม่า !!”
‘แค่หนีไปเรื่องก็จบแล้ว ยังจะเข้ามารนหาที่ตายกันอีก......’
สายตาเริ่มพร่ามัวเมื่อเลือดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นมือก็ยังคงหันไปยิงครั้งสุดท้าย และหวังว่ามันจะช่วยคนโง่ที่กลับวิ่งเข้ามาช่วย เขาไม่รู้เลยรึไงว่าอาวุธโลหะชิ้นเล็กๆ นั่นมันจะคร่าชีวิตที่มีค่าเพียงหนึ่งเดียวของเขาไปได้อย่างง่ายดาย
กระสุนพุ่งเข้าไปกระทบปืนแล้วกระแทกอาวุธนั้นออกไปจากมือของเจ้าของ แต่มันก็ยังช้าเกินไปที่จะหยุดโลหะทรงกระบอกปลายแหลมที่แล่นผ่านลำกล้องออกมาแล้ว
แม้เป้าหมายที่ควรจะหลบกลับเต็มใจที่จะยืนนิ่งเพื่อรับมันแทนคนที่อยู่ข้างหลังทั้งๆ ที่ไม่มีเวลาเหลือให้ขยับได้อีกแล้ว แต่คนที่ถูกปกป้องกลับไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น
ในเสี้ยววินาทีที่ดูเหมือนยาวนานชั่วนิรันดร์ สายตาสามคู่จ้องมองร่างที่ค่อยๆ ล้มลงในอ้อมแขนของเด็กหนุ่มตัวสำรองทีมเดวิลแบ็ท ท่ามกลางความเงียบมีเพียงเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกเท่านั้นที่ดังก้อง
“คุณฮิรุม่า !!!”
แกเคยถามว่าพวกสวะในทีมชั้นมันสำคัญขนาดไหน มันก็มากพอที่จะทำให้ชั้นทำแบบนี้ไงล่ะ.......
ริมฝีปากบางแสยะยิ้มก่อนที่กระสุนนัดสุดท้ายจะปิดฉากการไล่ล่าที่ไร้สาระนี่ลงอย่างถาวร
FREEZE !!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภายในห้องผู้ป่วยสีขาวที่เงียบสนิทมีเพียงเสียงลมหายใจของเด็กหนุ่มที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียง ดวงตาสีฟ้าเพียงแค่จ้องมองใบหน้าที่หลับใหลพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ฝ่ามือเรียวข้างหนึ่งละจากงานทำความสะอาดปืนบนตักแล้ววางลงบนหัวของคนข้างๆ
‘จะถ่อมานี่ทำไมฟะ แผลก็ยังไม่หาย หาเรื่องจริงๆ เลยนะแก’ เขาคิดพลางถอนหายใจ ในขณะที่สายตาเลื่อนลงมาจับจ้องอยู่ที่ผ้าพันแผลใต้อกเสื้อ
“เฮ้ย ! ไอ้คาเมลอนตูดหมึก เสียสละที่ให้มันดิ๊”
คนที่นอนเหยียดบนโซฟาที่อยู่อีกฟากของห้องถอนหายใจที่หลอกคนป่วยบนเตียงไม่สำเร็จ แล้วบิดขี้เกียจหนึ่งทีก่อนจะลุกขึ้นมาทำอย่างที่สั่ง
“แล้วทำไมแกไม่ให้พาเจ้านี่กลับไปนอนที่ห้องวะ ?” หัวโจกประจำโรงเรียนโซคุงาคุถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวไอ้หัวเหม่งนี่มันก็ต้องถ่อกลับมานี่อีก แล้วจะเสียเวลาเอามันไปเก็บทำไม......” ‘ มันก็เหมือนแกนั่นแหละวะ........’
เขาว่าพลางหยิบหมากฝรั่งไร้น้ำตาลจากตะกร้าของเยี่ยมไข้บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาเคี้ยว เขาอดที่จะถอนหายใจกับจำนวนของของฝากที่สมาชิกในทีมเดวิลแบ็ทเอามาให้ไม่ได้ เพราะถึงมันจะน่าซาบซึ้งที่มีคนเป็นห่วงเป็นใย แต่การที่ได้อยู่เงียบๆ โดยไม่มีใครมาถามนู่นถามนี่ให้วุ่นวาย มันก็เรียกได้ว่าเป็นความสุขอย่างนึงของชีวิต
“ตั้งแต่รู้สึกตัวมานี่แกเอาแต่พูดถึงคนอื่นตลอดเลยนะ ถามตัวแกจริง ๆ เหอะ เป็นไงมั่ง ?”
ถึงฮาบาชิระจะไม่อยากจะยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกเป็นห่วงจริงๆ เพราะนับตั้งแต่คนตรงหน้าได้สติก็เอาแต่พูดโน่นพูดนี่กับคนนู้นคนนี้ในทีมโดยที่ไม่พูดถึงเรื่องของตัวเองเลยแม้แต่คำเดียว แม้แต่เรื่องการไล่ล่าอันดุเดือดและวีรกรรมอันยิ่งใหญ่เมื่อคืนก็ยังถูกเก็บเงียบเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่อย่างเดียว
“ ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ จะถามทำไม ? แกนั่นแหละ ไม่กลับฮงกลับห้องไปนอนวะ โดนมาเยอะไม่ใช่รึไง ? ” ควอเตอร์แบ็คแห่งทีมโรงเรียนเดมอนบอกปัดเสียงเรียบแล้วหันมาเช็ดปืนต่อ
“ก็ยังไม่เท่าแกหรอกเว้ย ทั้งมีด ทั้งกระสุน” ‘ มันโดนไปขนาดนั้นยังวิ่งได้อีก ใช่คนเปล่าวะ ? ’ เขาแอบคิดขณะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง มือใหญ่ยาวกระตุกคอเสื้อให้เปิดออกและเผยให้ให้เห็นผ้าพันแผลสีขาว “ยังอุตส่าห์รอดมาได้อีกนะ ทั้ง ๆ ที่เจอกระสุนนัดนั้นเข้าไปน่ะ.....”
‘หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว แค่นี้ก็ต้องรอดได้ดิวะ’ “ ชั้นต่างหากที่ต้องพูดประโยคนั้น แกนั่นแหละที่เกือบไม่รอดเพราะไอ้กระสุนนัดสุดท้ายนั่น จะเข้ามาแส่หาเรื่องตายทำไมฟะ ! ”
ฮาบาชิระรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่แฝงความโกรธของฮิรุม่า มือของเดมอนเข้ามากระชากเสื้อของเขาให้เปิดออกจนเห็นผ้าพันแผลบนไหล่เช่นเดียวกัน
“คำถามพรรค์นี้ชั้นไม่ตอบหรอกเฟ้ย !” เขาบอกปัดไปง่ายๆ เพราะอย่าว่าแต่คนถาม แม้แต่กับตัวเองก็ยังไม่รู้จะตอบยังไง แต่อย่างน้อยก็รู้ว่าเขาไม่มีทางยอมให้ฮิรุม่ากับยูกิมิตสึตายแน่ ๆ
อีกฝ่ายเพียงแค่หัวเราะฮึเหมือนคาดเดาคำตอบเอาไว้แล้ว แต่เขาทำเป็นไม่ได้ยินแล้วหันมาเปลี่ยนเรื่องคุย “ว่าแต่ตำรวจพวกนั้นมาได้ยังไง ?”
“สัญญาณเตือนภัยนั่นมันก็แค่หลอกไอ้แก่ตูดหมึกนั่นเท่านั้นแหละ รอให้ไอ้พวกข้างนอกมันโทรน่ะไม่ทันหรอกเว้ย” รอยแสยะยิ้มฉีกกว้าง “ตอนที่ชั้นแฮคเข้าระบบไปเปิดมัน ชั้นก็แอบส่งข้อความไปหาพวกพนักงานกินเงินเดือนนั่นด้วย”
“งั้นแกจะให้ชั้นไปตามเก็บไอ้พวกลิ่วล้อทำไมวะ ?” เขาชักรู้สึกโมโหกับสิ่งที่ได้ยิน
“ถ้าไม่จัดการซะ พวกมันก็หนีกันไปก่อนน่ะสิ โดยเฉพาะไอ้แก่นั่นมันต้องวิ่งเป็นคนแรก จนกว่าตำรวจจะมาซิวมันไปชั้นเลยต้องให้แกกับไอ้เหม่งตูดหมึกนั่นไปถ่วงเวลาพวกมันเอาไว้”
“แก !!!”
ร่างสูงกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาตะวาดใส่หน้าอย่างเกรี้ยวกราด กำปั้นยกขึ้นพร้อมระบายความโกรธ แต่ดวงตาสีฟ้ากลับมองอย่างเฉยชาเหมือนกับคนในกำมือยินดีที่จะรับและหยุดหมัดนั่นในเวลาเดียวกัน
“แกเห็นชั้นกับไอ้หมอนั่นเป็นอะไรวะ !! ไอ้ขี้ก้างมันถึงกับลงทุนขอให้ชั้นมาช่วย แถมยังกระโดดเข้าไปบังกระสุนแทนแกเลยนะเฟ้ย !!”
“แล้วแกจะให้ชั้นทำยังไง......”
น้ำเสียงที่ตอบกลับมากลับเรียบเฉย แต่ภายในดวงตาสีฟ้าสองข้างกลับลุกวาวไปด้วยความโกรธที่มีต่อผู้เป็นบิดา และใจรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่เลือดไหลรินบนร่างของคนตรงหน้าและสมาชิกในทีมของเขา
“ถึงชั้น พวกแก หรือพวกของไอ้แก่ตูดหมึกจะรอดไปได้ แล้วคิดเหรอว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกน่ะ ถ้าไม่จบมันซะตอนนั้น แล้วทุกอย่างที่ชั้นทำไป เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันจะมีความหมายอะไร.......”
น้ำเสียงแผ่วเบาลงจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ “ชั้นไม่เคยขอให้พวกนายหรือใครมาช่วย เพราะ..........” ‘
.....มันไม่เคยมีใครมาตั้งแต่แรกแล้ว......’
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฮาบาชิระก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี ความโกรธที่มีมันหายไปหมดเมื่อไหล่ของคนตรงหน้านั้นห่อเล็กลง ฮิรุม่าเพียงแค่ก้มหน้าและนั่งเงียบจนทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
“เอาเป็นว่าชั้นขอโทษที่แส่เข้ามายุ่งเองก็แล้วกัน......” ‘อย่างน้อยมันก็ทำให้แน่ใจว่าชั้นกับไอ้แห้งนั่นรอดชัวร์......’
เขาอดไม่ได้ที่จะพูดขณะพยายามปลอบใจตัวเองไม่ได้ แต่ก็กลับอยากเตะตัวเองขึ้นมาตะหงิดๆ เมื่อคำพูดของเขามันดันไปตกหนึ่งในหลุมพรางที่เดมอนขุดเอาไว้และทำให้รอยแยะยิ้มนั่นมันฉีกกว้างขึ้นอีก
“เรื่องชั้นไม่ต้องให้ใครมาแส่ แกน่ะต้องขอบใจชั้นนะที่ทำให้รอดตายมาได้น่ะ.....”
“แกนี่มันจริงๆ เลยนะ.......” ถึงหัวโจกของโซคุงาคุจะรู้ว่าเดมอนที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่พูดอะไรออกมาตรงๆ แต่ยังไงคำพูดมันก็ทำให้มีน้ำโหอยู่ดี “หัดพูดอะไรออกมาตรงๆ สักครั้งดิวะ”
“ขอโทษ......”
คำตอบที่ได้ยินก็ทำเอาอึ้งไปเหมือนกัน เพราะใครจะคิดว่าจะได้คำตอบตรง ๆ อย่างที่ขอจากปีศาจแห่งโรงเรียนเดมอน ถึงน้ำเสียงที่ได้ยินจะมีความจริงใจในระดับหนึ่ง แต่รอยแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์มันก็ยังคงทำให้เชื่อยากอยู่ดี และเขาก็เลือกที่จะไม่เชื่อเพื่อความปลอดภัย
“ชั้นไม่เชื่อวะ.....”
“เอาไงแน่วะ บอกเองนี่ว่าให้พูดตรงๆ นี่ก็ตรงแล้วนี่ ?” ปีศาจทำเสียงงอนๆ ทั้งๆ ที่รอยแสยะยิ้มยังคงอยู่
“แกนี่มันวอนโดนฟาดปากจริงๆ”
“ฮึ ก็มันสนุกนี่ แกเองก็เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจเหมือนกันนี่หว่า”
“เออ แต่ไม่อยากเป็นเหมือนแกนักหรอก มีกี่ชีวิตก็คงไม่พอ”
ริมฝีปากแสยะยิ้มบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในฉายาของตนเอง
“ก็ชั้นเป็นเดมอนแห่งเดวิลแบ๊ทนี่......”
End
ความคิดเห็น