คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 03
Fanfiction
Project : Hunter x Hunter
Under Lie
Chapter 03
ชายร่างสูงในชุดเสื้อคลุมยาวสีดำที่มีปกเป็นขนสัตว์สีขาว และมีผมสั้นสีดำขลับเสยไปทางด้านหลังอย่างเรียบร้อย ค่อยๆ เดินไปตามทางเดินของตึก สายตาของเขาเหลือบมองไปตามร่างไร้วิญญาณและเลือดสดๆ ที่ไหลนองไปตามพื้นอย่างขำๆ
‘ช่วยไม่ได้นี่นะ ก็เขายังเด็กอยู่นี่’
ใช่แล้ว ถึงจะเป็นนักฆ่า ไม่ใช่นักเก็บกวาด แต่ก็ควรจะเก็บร่องรอยหลักฐานการฆ่าให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้คนสังเกตเห็น ไม่เช่นนั้นมันจะไม่ต่างกับการประกาศให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองนั้นยู่ที่ไหน และอาจทำให้ถูกตามล่าได้ในภายหลังอีกด้วย
‘แต่เจ้านั่นอาจจะจงใจก็ได้ ดูท่าจะโกรธชั้นน่าดู’
หัวหน้าแก๊งคิดพลางเดินต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางซากศพที่ค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้น บาดแผลและสภาพของศพแสดงให้เห็นถึงสไตล์การฆ่าของเด็กชายและประกาศว่า เขานั้นเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่มีกรงเล็บอันแหลมคม ที่พร้อมจะฉีกกระฉากเหยื่อทุกตัวที่อยู่ตรงหน้าโดยสนใจเพียงแต่ความหฤหรรษ์ในการฆ่าเท่านั้น
‘เจ้าเครื่องนั่นมันกระตุ้นเจ้าเด็กนี่ได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ?’ คุโรโร่คิดอย่างขำๆ พลางนึกถึงตอนที่เขาสั่งให้นักฆ่าวัยเยาว์ไปทำลายระบบรักษาความปลอดภัยและเครื่องสร้างม่านพลังไฟฟ้า
“หัวหน้า ของยังอยู่ เจ้าเด็กนั่นมันรักษาคำพูดจริงด้วยแฮะ” โนบุนางะก็รู้สึกแบบเดียวกันในขณะหยิบของที่เป็นเป้าหมายออกมาจากตู้เซฟและโชว์ให้หัวหน้าของเขาดู ส่วนสฟิงค์และเฟย์ตันก็พยักหน้าเห็นด้วย
“แต่ดูท่าหลังจากงานนี้ เขาคงไม่ชอบขี้หน้าชั้นแล้วล่ะ” หัวหน้าว่าพลางขำด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ก็ดูท่าหัวหน้าจะไปกระตุกต่อมโกรธของเขาน่าดู” เฟย์ตันว่าพลางยักไหล่ “โดยที่แม้แต่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ”
“ก็เขาเป็นลูกชายสายตรงของตระกูลนักฆ่านี่ มันก็เป็นธรรมดาที่จะตอกกลับเวลามีอะไรมากระตุ้นแบบนี้แหละ” หัวหน้าว่า
“ถ้าลงมือขนาดนี้ล่ะก็ แสดงว่าคงยังควบคุมตัวเองได้ไม่ดีเท่าไหร่” สฟิงค์ว่าพลางก้มลงมองดูศพร่างหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
“แต่ก็ดีแล้วนี่ เพราะมันทำให้เราได้เห็นเกมส์การล่าที่น่าสนุก นานแล้วไม่ใช่เหรอหัวหน้าที่พวกเราได้ออกไปมีปาร์ตี้เลือดกันน่ะ”
เสียงหัวเราะและรอยยิ้มที่ดูเรื่อยๆ สบายๆ แต่แฝงไปด้วยความอำมหิต ความเย็นชา และความสนุกนั้นเรียกให้คนทั้งสี่หันไปมองทางต้นเสียง ร่างของชายหนุ่มที่มีผมตั้งสีแดงส้มในชุดมายากรสีขาวก้าวออกมาจากเงามืด และเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าหัวหน้าที่เพียงแต่มองด้วยสายตาที่เย็นชา
“ไม่คิดว่านายจะมา ไม่ใช่ว่ามันน่าเบื่อเลยปฏิเสธคำเรียกชั้นไปแล้วเรอะ?”
“ก็ต้องขอโทษด้วยที่ต้องบอกว่าใช่” สมาชิกหมายเลข 4 แกล้งก้มหัวขอโทษเล็กน้อย
“แล้วนายมาที่นี่ทำไม หันมาสนใจแมวน้อยแทนลูกหมาแล้วเหรอ ?”
“ก็มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากนี่ครับ การที่จะได้เห็นแมวน้อยออกมาเล่นสนุกโดยที่ไม่มีลูกหมาน้อยออกมาห้ามแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าคุณเจ้าของจะว่าว่ามันเล่นมากเกินไปรึเปล่า” นัยน์ตาคมเหลือบลงมองยังร่างไร้วิญญาณที่อยู่รอบๆ ขณะแสยะยิ้ม
“นั่นสินะ”
ทั้งสองคนต่างหัวเราะหึๆ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจกับท่าทีของสมชิกหมายเลข 4 และหัวหน้าที่เป็นแบบนี้ประจำเมื่อเจอหน้ากัน
“งั้นเราก็ไปดูแมวน้อยกันหน่อยดีมั้ย ?” นักมายากรชวน ท่านหัวหน้าและคนอื่น ๆ ไม่พูดอะไรและเดินไปตามทางเดินโดยไม่ใส่ใจว่าเขาจะตามมาหรือไม่
ทุกคนต่างยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวกับสิ่งที่รู้สึกได้จากอีกด้านของประตูไม้โอ๊คที่ปิดสนิท กลิ่นเลือดที่คละคลุ้ง บรรยากาศที่น่าอึดอัด รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาบางๆ และเน็นที่เคลื่อนไหวไปมาอย่างสนุกสนาน ต่างบอกให้รู้ว่าการเล่นสนุกนั้นอาจจะยังไม่จบหรือจบลงไปแล้ว และเมื่อบานประตูถูกผลักให้เปิดออก คำตอบก็ถูกเผยให้เห็น
ที่ตรงกลางห้อง ฝ่ามือสองข้างที่งอเกร็งเหมือนกับกรงเล็กของสัตว์ป่านั้นกำลังฉีกข่วนกระชากเนื้ออ่อนนุ่มให้หลุดลุ่ยเหมือนกระดาษแผ่นบาง มือไม้ต่างปัดป้องกรงเล็บนั้นอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่ได้ผล ในขณะที่เลือดสดๆ สาดกระเซ็นไปทั่วจากร่างที่กำลังนอนกรีดร้องและดิ้นรนภายใต้นักฆ่าร่างเล็ก
ดวงตาที่สั่นไหวได้แต่จ้องมองดวงตากลมโตสีเขียวที่ลุกวาวไปด้วยความสนุกอย่างหวดกลัว ชีวิตของร่างที่กระเสือกกระสนดิ้นรนนั้นเหมือนกับถูกเสียงหัวเราะที่ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ นั้นดูดออกไป แรงกดดันของบางสิ่งบางอย่างที่อยู่รอบตัวต่างทวีความรุนแรงขึ้นจนแทบทำให้หายใจไม่ออก และผลักดันให้ยิ่งดิ้นรนมากขึ้นจนเสียงที่กรีดร้องออกมานั้นมาจากความหวาดกลัว ไม่ใช่ความเจ็บปวด
“นายนี่เสียงร้องดังดีจริงๆ แต่มันฟังดูน่าเกลียดจนน่ารำคาญว่ะ”
ฝ่ามือเล็กๆ ปิดปากที่อ้ากว้างแน่นจนเสียงแทบจะเล็ดรอดออกมาไม่ได้ ใบหน้าอ่อนเยาว์โน้มลงมาจนริมฝีปากใกล้กับใบหูที่สั่นกลัวในสิ่งที่กำลังจะได้ยิน
“แบบนี้ค่อยดีขึ้นหน่อย นายอยากจะให้ชั้นฆ่านายซะทีรึยังล่ะ?”
“ดะ....ได้โปรด ปล่อย....ปล่อยชั้นไปเถอะ......” เสียงหัวเราะที่ดังก้องและเย็นเชียบขัดจังหวะคำขอร้องก่อนที่จะได้พูดออกมาจนจบ
“คนอย่างนายนี่มันเป็นเหมือนกันหมดเลยแฮะ คิดเหรอว่าชั้นจะสนใจเงินของแกน่ะ เพราะสิ่งที่ชั้นต้องการน่ะมันอยู่นี่แล้วไง” ปลายเล็บที่เรียวแหลมกรีดลงบนใบหน้าที่หวาดกลัว
“อีกอย่าง แน่ใจเหรอที่นายอยากให้ชั้นปล่อยน่ะ นายอยากทรมานเล่นๆ ต่อไปอีก 2-3 ชั่วโมงก่อนตายรึไง ?”
“มะ.....หมายความว่าไง ?”
“ก็นายไม่เหลืออะไรในร่างกายมากแล้วนี่”
เด็กชายยกขาข้างหนึ่งพาดบนตัวของชายแก่และท้าวคางในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งล้วงผ่านผิวหนังอ่อนนุ่มลงไปหยิบกระเพาะสดๆ ขึ้นมาและขยี้ให้เละคามือต่อหน้าต่อตาคนที่เป็นเจ้าของ แต่ใบหน้าอ่อนเยาว์กลับเหยเกนิดหน่อยกับเสียงร้องที่แทบเรียกได้ว่าเป็นของคนสติแตก
“ก็แค่กระเพาะเอง อย่าโวยวายไปหน่อยเลยน่า ใช่ว่าเป็นหัวใจหรือปอดนายซะหน่อย เนี่ยยังอยู่ได้อีกหลายสิบนาทีเลยนะ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มเหมือนกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดในโลกพลางควักไตออกมาข้างหนึ่ง คนดูทั้งห้าคนต่างคิดเหมือนกันว่า
‘ก็แล้วถ้าไม่โวยตอนนี้แล้วจะให้โวยตอนไหน เด็กนี่มันเหลือเชื่อจริงๆ’
“แล้วนายอยากจะให้ชั้นฆ่านายจริงๆ รึยังล่ะ หรืออยากจะอยู่ต่ออีกซักหน่อย ชั้นน่ะยังไงก็ได้ จะทำให้นายมีชีวิตอยู่ดูจนเครื่องในชิ้นสุดท้ายถูกควักออกไปชั้นก็ทำได้นะ หรือจะแค่นั่งดูนายนอนทรมานจนตายไปเองก็โอเค”
“ทะ.....ทำไมถึงทำ....ทำแบบนี้ ?”
“ก็ชั้นถูกจ้างมาน่ะสิ ตระกูลโซลดิกน่ะรู้จักมั้ย ? คนประเภทอย่างนายน่ะคงไปสร้างความแค้นให้ชาวบ้านเขาน่าดู เพราะค่าหัวนายน่ะไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ” เขากลับมาพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เบื่อหน่าย
“คะ....ใคร ?”
“ความลับทางธุรกิจ เฮ้ ! จะนอกเรื่องทำไมฟะ !? ตกลงแล้วอยากตายรึยังเนี่ย ?” ท่าทีขึ้นเสียงและใบหน้าที่กลับมาหงุดหงิดทำให้คนดูฉงนกับคำพูดและท่าทางของเขาจนอดรู้สึกขำ ๆ ไม่ได้
เด็กชายที่เบื่อกับการต่อล้อต่อเถียงกลับเข้าสู่โหมดนักฆ่าอีกครั้ง กรงเล็บล้วงลงกระฉากตับออกมาและโยนทิ้งไปเหมือนขยะไร้ค่าและถือว่าเสียงกรีดร้องที่ได้ยินคือคำตอบ ก่อนที่มันจะปักลงกลางอก นัยน์ตาสีเขียวลุกวาวท่ามกลางความมืดอีกครั้ง
“นายตกลงก็จริง แต่ไม่ใช่ว่าชั้นจะให้นายตายสบายหรอกนะ จำคำพูดชั้นไปชาติหน้าด้วยล่ะว่า คนทำชั่วน่ะ มักจะถูกฆ่าตายอย่างน่าสมเพชเสมอ”
แล้วกรงเล็บก็กรีดกระชากผิวเนื้อ ฝ่ามือเล็กๆ ค่อยๆ แหวกเนื้อทั้งสองข้างให้แยกออก ก่อนจะแกล้งควานหาอวัยวะที่ต้องการ ใบหน้ายิ่งดูสดใสและนัยน์ตาสีเขียวเบิกกว้างจนกลมโตกับหยาดเลือดที่สาดกระเซ็นขึ้นมาย้อมร่างให้แดงฉาน
ทั้งปอดและหัวใจต่างถูกบดขยี้ในฝ่ามือให้เห็นต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง ก่อนที่หูทั้งสองข้างของเด็กชายจะเพลิดเพลินกับเสียงกรีดร้องที่ดังไปจนถึงวินาทีที่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายของชีวิตนั้นจบสิ้นลง
“ขอบใจสำหรับมื้อดึกนะ สำหรับสวะอย่างแก เลือดนี่ถือว่ารสดีไม่เลว” เสียงขบขันดังขึ้นพร้อมกับริมฝีปากที่แสยะยิ้ม ปลายลิ้นค่อยๆ เลียหยาดเลือดออกทีละนิ้ว
“ลองชิมมะ ?”
คำชวนสั้นๆ และฝ่ามืออาบเลือดที่ยื่นออกมาเหมือนชวนให้มาร่วมกินโต๊ะอาหารทำเอาคนดูทั้งห้าทำหน้าฉงน พวกเขาไม่คิดเลยว่าอยู่ๆ จะได้รับคำเชิญทั้งๆ ที่เด็กชายทำเหมือนกับพวกเขาไม่มีตัวตนอยู่ในห้องตั้งแต่แรก
‘เป็นด้านที่น่าสนใจจริงๆ มิน่าล่ะอิรุมิถึงได้หวงนักหวงหนา’
นักมายากรมองเด็กชายตระกูลนักฆ่าอย่างขบขัน เพราะสิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้นมันแทบเรียกได้ว่าเป็นการฆ่าอย่างไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือการกระทำ ทุกอย่างล้วนออกมาจากสัญชาตญาณดิบที่อยู่ภายในโดยไม่มีการเสแสร้ง และแตกต่างจากเครื่องจักรสังหารที่ถูกเสี่ยมสอนให้ไร้ความรู้สึกอย่างสิ้นเชิง
‘แบบนี้น่าจับแยกให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ จริงๆ’ นักมายากรรู้สึกเสียดายขึ้นมาเล็ก ๆ ว่า ตัวตนที่ดำมืดอันบริสุทธิ์นี้ต้องถูกกักขังเมื่ออยู่กับเด็กชายอีกคนหนึ่ง
“ไม่ล่ะเกรงใจ”
คุโรโร่ตอบด้วยรอยยิ้มเย็นๆ ในขณะที่คนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาไม่แปลกใจกับเด็กผู้หญิงร่างเล็กๆ ในชุดกิโมโนสีแดงเดินออกมาจากเงามืดที่อยู่อีกฝากของมุมห้อง และตรงมาหานักฆ่าที่ยังคงนั่งเลียเลือดอย่างสบายอารมณ์อยู่บนร่างไร้ชีวิตที่เย็นลงอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่คิรัวร์.......” น้ำเสียงเล็กๆ ที่ไร้อารมณ์เรียกให้เด็กชายหันมามอง
นัยน์ตาสีดำขลับของเธอจ้องมองยังนัยน์ตาสีเขียวกลมโตที่หรี่มองพร้อมกับแสยะยิ้ม ถึงแม้ในใจและภาพเบื้องหน้ายังคงมืดสลัวไปด้วยสีแดงของหยาดเลือด ความมืด และความยินดีปรีดาที่ได้สัมผัสความตาย เขาก็ยังมีสติมากพอที่จะรับรู้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นคือใคร
“ไงคัลโต สนุกกับโชว์มั้ย?”
“ชอบมากเลยล่ะค่ะ ไม่ได้เห็นพี่คิรัวร์สนุกแบบนี้มาตั้งนานแล้ว กลับกันเถอะค่ะท่านพี่คิรัวร์ ท่านพี่อิรุมิกำลังคอยอยู่”
เธอว่าพลางเข้าไปกอดคอพี่ชายด้วยความรู้สึกรักและหวงแหน ดวงตาสีดำขลับเหลือบมองหัวหน้าที่ยืนอยู่ตรงประตูเป็นเชิงขออนุญาตและยิ้มขอบคุณเมื่อเขาพยักหน้าเป็นคำตอบ
เหมือนชื่อที่ถูกเอ่ยถึงนั้นกระชากอะไรบางอย่างของเด็กชายให้กลับมา และทำให้เขาหันมาทำหน้าเบื่อ ๆ เซ็ง ๆ ในขณะที่บุคลิกดำมืดนั้นเลือนหายไป เหลือไว้เพียงแค่ตัวตนของเด็กผู้ชายที่ขี้เล่น เจ้าเล่ห์ และมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเท่านั้น
“โทษทีนะที่ไม่มีเหยื่อเหลือให้พวกนายเล่นกันน่ะ” มือเปื้อนเลือดเลื่อนมากำมือของเด็กหญิงหลวมๆ ก่อนจะเดินจูงไปยังประตู และไม่ลืมที่จะหันไปพูดกับเหล่าผู้ชมในขณะที่เดินผ่าน
“เป็นวิธีการแก้เผ็ดที่แปลกจริงๆ” ท่านหัวหน้าแก๊งยอมรับหร้อมกับยิ้มและโบกมือเป็นเชิงไม่ถือสา เพราะเขาถือว่าการฆ่าเป็นเพียงความสนุกที่ได้ระหว่างทำงานเท่านั้น
“งั้นเรื่องเงินก็โอนเข้าที่นี่ให้หน่อยก็แล้วกัน” คิรัวร์ว่าพลางยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้ “แล้วก็ขอบใจสำหรับข้อตกลงนะ แล้วก็นี่” เขาโยนของไปให้คุโรโร่ “ของตอบแทนที่ให้ชั้นได้เล่นสนุแล้วก็เรื่องเงิน บอกตามตรงชั้นรู้สึกโล่งแล้วก็ปรอดโปร่งมากเลยล่ะ ไม่ได้เล่นมาตั้งนานแล้ว” เขาว่าพลางบิดขี้เกียจเล็กน้อย แต่ส่วนหนึ่งก็รู้สึกเกร็งและกลับมาเครียดทันทีที่เห็นนักมายากรอยู่ในกลุ่มผู้ชมด้วย รอยยิ้มของชายหนุ่มยังคงดูน่าขนลุกและหนาวสันหลังเหมือนเดิม
“ไม่เป็นไร ชั้นถือว่าชั้นได้ของตอบแทนมาคุ้มแล้วเหมือนกัน”
ท่านหัวหน้าบอกเป็นนัยๆ ถึงการฆาตกรรมโหดที่ได้ดูไปสักครู่ แม้การฆ่าที่ดิบเถื่อนนี้จะเป็นสิ่งที่คนซาดิสซ์โรคจิตที่ไหนก็ทำได้ แต่มันก็ยังดูน่าสนใจเมื่อนักฆ่าที่มีอายุเพียงแค่ 12 ปีนั้นโหดได้อย่างไร้เดียงสาและไร้ขอบเขตจนน่าตกใจ
“เอาไปเหอะน่า ของดีหายากนะ เนี่ย......”
แล้วเด็กชายก็สาธยายสรรพคุณอันเยี่ยมยอดของมีดยาวในฝักสีดำขลับอย่างละเอียด ก่อนจะโบกมือให้เป็นเชิงบอกลากับท่านหัวหน้าและสมาชิกแก๊งก่อนจะหายไปในเงามืดพร้อมกับน้องสาว คนที่ยืนอยู่ก็ได้แต่บอกลาสั้นๆ อย่างเป็นกันเองก่อนที่จะถอนตัวหายเข้าไปในเงามืดเช่นเดียวกัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จริงอยู่ว่ามันเป็นภารกิจแรกที่ทำให้ทายาทของตระกูลนักฆ่าชื่อดังที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวจะรู้สึกสนุกและอารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับเปลี่ยนมาเป็นความหงุดหงิด หวาดระแวง และกระวนกระวายจนแทบอยู่ไม่เป็นสุขตลอดเวลาอีกครั้ง เพราะคนที่กำลังนั่งไขว้ห้างบนโซฟาเดี่ยวข้างๆ นั้นเป็นตัวอันตรายที่เชิญตัวเองเข้ามานั่งโดยที่ไม่สนใจเลยว่าเจ้าของห้องจะอนุญาตหรือไม่
ใบหน้าและดวงตาสีดำขลับของเจ้าของห้องที่เปิดประตูเข้ามาจะเฉยชาและไร้อารมณ์ ในขณะที่ภายในกลับรู้สึกแปลกใจที่เห็นแขกไม่ได้รับเชิญ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจและเดินไปนั่งลงข้างๆ เด็กชายที่ยิ่งรู้สึกเกร็งเครียดมากขึ้น
“ได้ยินจากคัลโตว่านายรู้สึกสนุกไม่ใช่เหรอ ?” มันเป็นคำถาม แต่น้ำเสียงกลับราบเรียบเหมือนกับเป็นการพูดชี้แจงข้อเท็จจริงเท่านั้น
‘ก็ถ้าเจ้านี่มันไม่ดันทุรังตามมาล่ะก็นะ.....’
เด็กชายนั่งครุ่นคิดแทนที่จะตอบขณะเหลือบมองคนที่ว่าอย่างหงุดหงิด เขาละไม่น่ายอมให้คัลโตขอปลีกตัวออกไปจากห้องเพื่อไปพักผ่อนตั้งแต่แรกเลย เพราะการอยู่ใกล้ๆ นักมายากรลึกลับตามลำพังมันเกือบเรียกได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
เหมือนกับจะอ่านความคิดที่สับสนออก ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายจึงกัดที่ปลายนิ้วชี้จนเลือดออกและยื่นมาทางเด็กชาย และก็เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ ใบหน้าอ่อนเยาว์เบนความสนใจมาหาน้ำสีแดงและกลิ่นอันหอมหวานของมันทันที ปลายลิ้นแลบออกมาอย่างลืมตัว แต่ปลายนิ้วกลับถอยห่างเหมือนเป็นการหยอกแกล้ง ทำให้เด็กชายต้องขยับตามเข้าไปหาเพื่อให้ได้ลิ้มรสของเหลวนั้น โดยที่ไม่ทันสังเกตเลยว่าเผลอเข้าไปนั่งอยู่บนตักของเจ้าของนิ้วเรียบร้อยแล้ว สีหน้ากลับผ่อนคลายลงทันทีเมื่อนิ้วนั้นยอมอยู่นิ่งและปล่อยเขาได้ดูดเลียหยาดเลือดตามใจชอบ
“น้องชายนายนี่สุดยอดจริงๆ อิรุมิ”
คำพูดที่สื่อความหมายไปในทางอกุศลชี้บ่งถึงอวัยวะกลางลำตัวว่า การกระทำนั้นมีผลทำให้มันเริ่มกระตุกและแข็งตัวขึ้นมา ในขณะที่กำลังจินตนาการว่าสิ่งที่ริมฝีปากกำลังดูดดื่มนั้นมันเป็นของอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพียงแค่นิ้วและเลือดสีแดงเท่านั้น
“เจ้านี่มันชอบเลือดขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ ?” ฮิโซกะว่าต่ออย่างขบขัน ภาพของแมวสีเงินปรากฏขึ้นทาบทับร่างของเด็กชายที่ไม่ทันสังเกตหรือได้ยิน เพราะมัวแต่สนใจอยู่แต่กับรสเลือดที่แผ่อยู่ในปาก
“ไม่หรอก มันก็แค่ช่วยให้เขาใจเย็นและลืมสิ่งที่อยู่รอบตัวไปได้ซักพัก”
นักมายากรไม่ต้องรอให้เขาบอกว่าสาเหตุที่ทำให้นักฆ่าวัยเยาว์เกิดอาการเครียดนั้นคืออะไร ถึงใบหน้าจะไม่แสดงอารมณ์อะไร แต่น้ำเสียงที่ออกมากับคำพูดต่อมาก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจ
“เลิกคิดอกุศลแล้วก็เลิกจ้องน้องชั้นด้วยสายตาแบบนั้นซะที” แน่นอนว่าน้องชายตัวเองกำลังถูกมองด้วยสายตาแทะโลมเหมือนหมาป่ากำลังจะขย้ำลูกแกะแบบนี้ พี่ชายที่ไหนก็ต้องโวยเพื่อสวัสดิภาพเวอร์จิ้นของน้องชายที่น่ารักของตัวเอง
“หลังจากที่ชั้นได้เห็นเขาละเลงมหกรรมเลือดซะนองไปทั่วทั้งตึกแบบนั้น ชั้นก็เข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมนายถึงหวงนักหวงหนา”
คำพูดปนขำที่แฝงไปด้วยรังสีอำมหิตและเน็นที่แผ่ออกมาเมื่อตอนที่นึกถึงเลือดและซากศพ ทำให้ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของอีกฝ่ายถึงกับกระตุกยิ้มเล็กน้อย
“เพราะงั้นเขาได้ถึงพิเศษในหมู่พวกเราไงล่ะ และเขาเป็นน้องชายของชั้น ของชั้นเพียงคนเดียว”
ลงท้ายนี่เหมือนนักฆ่าผู้มีผมยาวตรงสีดำขลับพูดกับตัวเอง และเป็นการย้ำถึงข้อตกลงที่มีให้กับนักมายากรที่ยังคงมองด้วยรอยยิ้มแสยะกว้าง ใบหน้าและจมูกโด่งคมสันซุกไซ้ไปตามผมสั้นอ่อนนุ่มสีเงินและซอกคออย่างรักใคร่ ทำให้ลิ้นหยุดเลีย และริมฝีปากปล่อยนิ้วให้เป็นอิสระ ก่อนจะส่งเสียงครางออกมาเบา ๆ
“พี่ฮะ........”
คำเรียกเพียงสองคำที่หลุดออกมาอย่างลืมตัวนั้นเหมือนทำให้คนที่ถูกเรียกรู้สึกหวงแหนร่างบนตักมากขึ้น แขนทั้งสองข้างโอบกอดร่างเล็กๆ เอาไว้แน่น ริมฝีปากเอ่ยชื่อเหมือนเป็นการตอบรับคำเรียกนั้น
“คิล.......”
“แล้วนายยังจะห้ามไม่ให้ชั้นมองน้องนายแบบนั้นอีกนะ ทั้งๆ ที่นายก็รู้สึกแบบเดียวกัน แถมทำอย่างที่ชั้นคิดอีกตังหาก แบบนี้มันแกล้งกันนี่”
“ใครจะวิปริตเหมือนนาย ที่สำคัญเขาเป็นของชั้น ไม่ใช่ของนาย” นักฆ่าที่เงียบขรึมก็แค่เหลือบมองด้วยสายตาเย็นชาและพูดเสียงเรียบเหมือนกับมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็รู้กันทั้งนั้น
“แบบนี้ชั้นก็อดเล่นสนุกน่ะสิ” แน่นอนว่านัยน์ตาสีดำขลับมองเหมือนกับจะพูดว่า ‘แล้วใครอนุญาตให้นายเล่นไม่ทราบ ?’
นักมายากรแสยะยิ้มเย็นๆ พลางท้าวคางมองเพื่อนทางธุรกิจของเขาเล่นกับน้องชายอย่างขำๆ เขาไม่คิดจะพูดอะไรอีกเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่มีช่องให้เขาแทรกเข้าไปได้เลย แต่ถึงยังไง แค่ได้นั่งมองก็รู้สึกสนุกและเพลิดเพลินพอแล้ว เพราะความสัมพันธ์ของพี่น้องที่เพื่อนทางธุรกิจมีให้กับน้องชายนั้นมันช่างก้ำกึ่งจริงๆ
‘คิดถูกจริงๆ ที่ตามมาด้วย ได้เห็นอะไรน่าสนใจจริงๆ แฮะ’ เขาคิดเป็นนัยกับทั้งพี่ชายและน้องชาย และสิ่งที่เขากำลังได้ยินได้เห็นก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกสนุกมากขึ้น
“ทำไมนายถึงไปสนิทสนมกับพวกแมงมุม ?”
ฝ่ามือบนท้ายทอยกำไหมผมสีเงินแน่นและกระชากลง ทำให้ใบหน้าเชิดขึ้นมามอง นัยน์ตาสีเขียวกลมโตเบิกว้างเล็กน้อยและจ้องมองนัยน์ตาสีดำขลับที่หรี่ลงมองอย่างตกใจและเริ่มหวาดกลัว เน็นที่ดำมืดค่อยๆ แผ่ออกมาจากร่างของชายหนุ่มผู้เรียกว่าเป็นพี่ชาย มันทั้งกดดันและน่าอึดอัดจนร่างเล็กในอ้อมแขนแทบหายใจไม่ออก น้ำลายถูกกลืนอย่างฝืดคอก่อนที่เสียงจะลอดริมฝีปากออกมา
“มะ...หมายความว่ายังไง?” เด็กชายยังไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆ พี่ชายของเขาถึงโกรธขึ้นมา
“นายไปสนิทสนมกับพวกนั้นเพราะจะทิ้งชั้นกับพ่อไปเข้าแก๊งเหมือนคัลโต” มันเป็นการคาดเดาที่เอ่ยออกมาอย่างเย็นชาและเฉียบคมจนทิ่มแทงให้คิรัวร์รู้สึกเจ็บปวด
“ผมเปล่านะ !! หมายความว่าไงที่ว่าทิ้ง !! พี่ต่างหากที่ทิ้งผมไป !!” คำพูดตัดรอนของน้องชายทำให้พี่ชายอึ้ง แต่ใบหน้ายังคงไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา
“ไม่คิดว่าอย่างนายจะยังร้องหาพี่เป็นลูกแหง่แบบนี้”
“ไม่ใช่นะ !! พี่น่ะไม่รู้หรอกว่าผมรู้สึกยังไง.......พออยู่กับพวกนั้นผมถึงได้รู้......ถึงพวกเขาจะไม่ใช่ครอบครัว แต่อย่างน้อยผมก็รู้สึกสนุกและมีความสุขมากกว่าตอนที่อยู่กับพ่อกับพี่อีก !!!!”
เหมือนกับคำพูดตัดพ้อเหล่านั้นไปเสียดแทงและทำให้บางอย่างในตัวของพี่ชายขาดผึง หลังมือตบฉาดเข้าที่แก้มขวาอย่างแรง ฝ่ามืออีกข้างบีบลำคอขาวเอาไว้แน่นและจับกดลงกับโซฟา ใบหน้าที่เฉยชาไร้อารมณ์โน้มลงมาใกล้พร้อมกับรังสีเน็นแผ่ซ่าน
“นายคิดยังงั้นจริง ๆ น่ะเหรอคิล ?” ฝ่ามือบีบแน่นขึ้นอีกจนร่างในกำมือแทบหายใจไม่ออก
“ก็จริงน่ะสิ !! พ่อกับพี่น่ะเห็นผมเป็นแค่เครื่องมือฆ่าคนเท่านั้นแหละ แล้วพี่จะสนใจทำไม พี่จะกลับมาหาผมทำไมอีก !!?” เสียงที่ตะเบ็งออกมานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความโศกเศร้าที่เก็บซ่อนเอาไว้มานานหลายปี
“ถ้าพ่อเห็นนายเป็นแค่นั้น เขาคงไม่ให้ทำสัญญาแบบนั้นแล้วปล่อยให้ออกจากบ้านมาหรอก และถ้าฉันคิดแค่นั้น......” ใบหน้าคมเลื่อนลงมากระซิบคำพูดที่เหลือข้างหูแผ่วเบา “......มีเหรอที่นายจะได้วิ่งเล่นกับกอร์น ฟรีคส์น่ะ นายเองนั่นแหละที่คิดถึงแต่ตัวเองและไม่เคยรู้ว่าพ่อกับพี่รู้สึกยังไง”
“ก็เพราะพ่อกับพี่ไม่อยากเสียเครื่องมือดีๆ ไปน่ะสิ” น้องชายยังคงไม่อยากยอมรับในสิ่งที่พี่ของเขาพูด
“อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ถ้านายเป็นแค่นั้นจริงๆ พ่อกับพี่หรือแม้แต่คุณตาเซโน่ก็ไม่เก็บเอาไว้ให้เปลืองหรอก นายคิดเหรอว่ามีแต่นายที่ถูกเลี้ยงมาแบบนั้น นายไม่รู้หรอกว่าตัวนายน่ะมีความสำคัญและถูกเลี้ยงมาพิเศษขนาดไหน” ‘ ชั้นกับคนอื่น ๆ ต่างหากที่เป็นเพียงเครื่องจักรฆ่าคนในสายตาของพวกผู้ใหญ่.....’
คำพูดทั้งหมดที่ได้ยินทำให้เด็กชายไม่รู้จะพูดอะไรและไม่กล้าที่จะสบตาผู้เป็นพี่ชาย ในใจส่วนหนึ่งรู้ดีว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นถูก แต่ส่วนอื่นก็ยังไม่อยากจะยอมรับ เพราะมันล้วนขัดกับความเชื่อทั้งหมดที่ยึดถือมาหลายปี และคำถามมากมายค่อย ๆ ผุดขึ้นมาในหัว แต่กลับไม่มีความกล้าที่จะถามและไม่กล้าแม้แต่จะฟังคำตอบ
“แต่ผมไม่อยากเป็น ผมไม่อยากจะพิเศษ......ผมแค่.........อยากเป็นเหมือนคนอื่นๆ”
“ชั้นเคยบอกตอนสอบฮันเตอร์แล้วไงว่าเป็นไปไม่ได้.......งั้นนายรับข้อเสนอทำไม ?”
“ไม่ใช่ ! ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องฆ่าคน........” เสียงของเขาเบาลงอีกเพราะไม่มีความกล้าที่จะพูดต่อมากนัก “เรื่องนั้นน่ะ......ผมเข้าใจแล้วก็ยอมรับแล้ว.......”
“งั้นนายก็กำลังขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”
“เพราะงั้นผมถึงอยู่บ้านไม่ได้ไงล่ะ.......”
“นายก็แค่เอาแต่หนีเท่านั้น”
“ก็จริง ผมเป็นคนทิ้งทุกคนมา......แต่ผมไม่เสียใจหรอก........” ‘เพราะชั้นได้เป็นเพื่อนกับกอร์น......’
เขาไม่กล้าที่จะมองหน้าคนตรงหน้า หรือแม้แต่จะอยากให้ใครมาเห็นหน้าเขาในตอนนี้ เขาไม่รู้จะทำยังไง ไม่รู้จะพูดอะไร ควรจะขอโทษหรือโต้เถียงและยึดมั่นในสิ่งที่เชื่อหรือไม่ แขนทั้งสองจึงยกขึ้นมาวางบนเปลือกตาที่ปิดสนิท ในเวลานี้เขาอยากจะเป็นแค่เด็กน้อยที่อ่อนแอและร้องไห้ออกมา แต่คำพูดที่ออกมาจากปากก็มีเพียงแค่ประโยคสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความเศร้าเท่านั้น
“พี่จะหาว่าผมโกหกก็ช่าง.......ขอผมอยู่คนเดียวเถอะ ได้โปรด พี่อิรุมิ......” เขาไม่สนใจที่จะเอ่ยชื่อของผู้ชมอารมณ์ดีที่อยู่ในห้อง เพราะรู้ดีว่าถ้าพี่ชายยอมออกไป เขาก็ต้องพาเพื่อนทางธุรกิจของเขาออกไปด้วย
แต่พี่ชายกลับปฏิเสธและส่งซิกไล่เพื่อนให้ออกจากห้องไป ถึงอีกฝ่ายจะยังรู้สึกเสียดายอยู่บ้างแต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดีก่อนที่จะเจอเข็มพิฆาตปักหัว
“คิล.....”
น้ำเสียงที่เย็นเฉียบมาพร้อมกับกลิ่นเลือดที่ลอยมาเตะจมูกอีกครั้ง เด็กชายรู้ดีว่ามันมาจากปลายนิ้วที่อยู่เหนือริมฝีปากของเขา และรู้ดีว่าพี่ของเขากำลังทำอะไร เพียงแต่เขายังไม่อยากที่จะลิ้มรสมันตอนนี้ และลืมความรู้สึกที่มีให้กับคนที่อยู่ตรงหน้าไป แม้มันจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
“คิล.....”
ชื่อถูกเรียกอีกครั้งกลับฟังดูไม่แข็งกระด้างและเย็นชาเหมือนครั้งแรก มันทำให้ผู้เป็นน้องชายอดหวังเล็ก ๆ ไม่ได้ว่าเลือดที่พี่กำลังหยิบยื่นมาให้นั้นคือความปรารถนาที่ต้องการจะช่วย มันคือความเป็นห่วงและความเห็นใจที่ไม่อยากให้เขาต้องคิดมากกับบทสนทนาอันเจ็บปวดที่ผ่านมา
“นายจะไม่เชื่อใจพ่อกับพี่ก็ตามใจ แต่จำไว้ว่าพวกเราไม่มีวันหันหลังให้กับนายเด็ดขาด” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเด็กชายยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ
คิรัวร์ใช้เวลาเกือบ 3 นาทีในการทำใจให้เชื่อคำพูดของผู้เป็นพี่ชาย ความทรงจำเมื่อคนๆ นี้เคยดูแลและเสี่ยมสอนเขามาแต่จำความได้นั้นผุดขึ้นมาในหัว ทำให้ความรู้สึกรักและนับถือพี่ชายที่เคยลืมเลือนไปค่อยๆ กลับคืนมาอีกครั้ง
“ขอโทษฮะ.....พี่อิรุมิ..........”
จริงอยู่ที่ในใจไม่ได้รู้สึกเศร้าอะไรมากมายและเพียงแค่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองได้พูดออกไปแต่น้ำตากลับไหลออกมา ปลายลิ้นค่อยๆ เลียหยาดเลือดเป็นการแสดงการยอมรับในตัวอีกฝ่าย และเปิดโอกาสให้กับช่วงเวลาในความทรงจำนั้นอีกครั้ง
ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มกับการกระทำนั้น ร่างสูงเอนลงนอนข้างๆ และใช้แขนทั้งสองข้างโอบน้องชายเข้ามาไว้ในอ้อมกอดเหมือนเมื่อสมัยที่เขายังเด็กเกินกว่าที่จะนอนคนเดียวได้ ใบหน้าคมและจมูกโด่งเลื่อนลงไซ้ซอกคอขาวเนียนและมองร่างเล็กๆ ผ่านดวงตาสีดำขลับที่ไร้อารมณ์อย่างเอ็นดู
“ไม่ใช่แค่นายหรอกคิล ชั้นกำลังทำสิ่งที่ปู่กับพ่อห้ามเหมือนกัน”
“นั่นสินะ งั้นพี่ก็เหมือนผมแล้วสิ” น้องชายแกล้งหยอกพลางเอาแขนออกและพลิกตัวหันมาพาพี่ชายเหมือนกับแมวที่นอนขดอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านาย
“แค่เฉพาะที่มีโอกาสเท่านั้นแหละ คัลโตเองก็เหมือนกัน”
“นั่นสิ อยากเห็นจริงๆ ว่าแม่เป็นยังไงถ้าเกิดมาเห็นเข้า”
“ถึงชั้นจะยอมให้นายเข้าไปยุ่งกับแก๊งโจรเงามายาได้เพราะมีคัลโตอยู่ แต่ถ้านายเป็นสมาชิกแก๊ง ชั้นฆ่านายแน่” คำพูดลงท้ายนั้นช่างเย็นเชียบและเต็มไปด้วยรังสีอำมหิตของเน็นที่แผ่ซ่านจนแทบทำให้ร่างในอ้อมแขนเหงื่อแตกพลั่กด้วยความอึดอัดและความกลัว
“ระ......รู้แล้วล่ะน่า !!”
น้องชายรีบให้คำมั่นสัญญาและรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเป็นกองเมื่อเน็นกับรังสีอาฆาตนั้นหายไป เหลือไว้เพียงตัวตนของออร่าที่เรียบเฉยเหมือนสายน้ำที่ไหลเอื่อยเหมือนเดิม
“พักซะ คืนนี้นายเหนื่อยมามากแล้ว” อิรุมิพูดด้วยเสียงราบเรียบและใบหน้าไร้อารมณ์ อีกฝ่ายก็หลับตาอย่างว่าง่าย แต่ ก็ยังคงมีคำถามที่คาใจอยู่
“คืนนี้......ผมทำได้ดีรึเปล่า ?” และมันใช้เวลาเกือบ 1 นาทีกว่าที่พี่ชายจะตอบ
“นายสวยงามมากคืนนี้......คิล.......” ใบหน้าคมสันซุกลงสูดกลิ่นเหงื่อและเลือดเข้าเต็มปอดเหมือนกับสูดกลิ่นหอมของดอกไม้ “เต็มไปด้วยเลือดและอยู่ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ซากศพ และความตาย.......พ่อกับพี่อยากเห็นนายเป็นแบบนี้มานานแล้ว แล้วนายล่ะ ได้ปลดปล่อยความกระสัน ความกระหาย และความอำมหิตทั้งหมดออกมาแล้วรู้สึกยังไงบ้าง ?” ใบหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้จนอีกฝ่ายรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ บนริมฝีปาก ฝ่ามือใหญ่เลื่อนเข้าไปใต้เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดแล้วกอดเอาไว้แน่น
“......ก็ดีฮะ......ผมว่า.........”
...End Chapter 03
ความคิดเห็น