คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 02
Fanfiction
Project : Eyesheild 21
Puzzled Love
Chapter 02
กลุ่มคนทั้งหญิงและชายต่างจับกลุ่มยืนมองบานประตูที่ปิดล๊อคอย่างแน่นหน้าเบื้องหน้า พวกเขาต่างสงสัยว่าคนที่อยู่ภายในนั้นจะเป็นยังไงบ้าง โดยเฉพาะเด็กหนุ่มหน้าสวยที่ดูแล้วไม่น่าจะสามารถแต่งตัว แต่งหน้า และทำผมได้เองทั้งหมดเลย
“ฮาราโอะ แน่ใจนะว่าจะทำอย่างนี้จริง ๆ น่ะ มันไม่ยิ่งทำให้เรื่องแย่กว่าเดิมเหรอ ?”
เด็กหนุ่มร่างบึกบึนว่าขณะช่วยติดกระดุมด้านหลังของชุดกระโปรงยาวสีแดงขาวที่มีลายดอกไม้ขนาดใหญ่สีเดียวกัน ก่อนจะไปหยิบเสื้อถักโครเชต์ตัวสั้นไม่มีแขนสีขาวมาสวมทับให้
“ก็แย่น่ะสิ แต่จะให้ทำไงได้ล่ะ ถ้าไม่ยอมถ่ายคอเลคชั่นที่เหลือ ไอ้พี่บ้ามันจะไม่ยอมยกเลิกการสั่งพิมพ์ให้น่ะสิ”
นางแบบร่างผอมสูงว่าพลางถอนหายใจแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม่มีพนัก ก่อนจะหันมายื่นเท้าซ้ายให้อีกฝ่ายที่คุกเข่าพร้อมรองเท้าบู๊ทส้นตึกสีแดงในมือ นิ้วมือที่อวบใหญ่ค่อย ๆ ผู้เชือกเส้นเล็ก ๆ ที่พาดทบไปทบมาบนหนังมันวาวอย่างคล่องแคล่วผิดกับรูปลักษณ์ที่เห็น
“ถ้างั้นบอกปฏิเสธไปจะไม่ดีกว่าเหรอฮาราโอะ ? แล้วเราค่อยหาทางอื่น”
เด็กหนุ่มร่างยักษ์เงยหน้าขึ้นมาถามด้วยความเป็นห่วง และรู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือคนตรงหน้านี้ได้เลย แต่อีกฝ่ายกลับคลี่ยิ้มหวานที่ไม่ให้ความรู้สึกน่าไว้วางใจ เมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
“ไม่หรอกบัมบ้า แบบนี้แหละดีแล้ว ถ้าเขาอยากจะถ่ายข้านักก็เอาเลย จะบริการเป็นพิเศษให้ด้วยซ้ำ”
“ฮาราโอะ !!”
เพื่อนสนิทอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ และกลัวว่าคนตรงหน้าจะเกิดเพี้ยนสติสตังหายไปหมดกะทันหัน หรือไม่ก็อาจจะเป็นแค่การปลงตกเหมือนหนูจนตรอกที่อยู่ในกรงก็ได้ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมถึงยังยิ้มแบบนั้นอยู่ได้อีก
“เอาเหอะน่า.......”
ฟาโรห์ที่สวมวิญญาณนักวางแผนสุดโฉดบอกปัดก่อนจะหมุนเก้าอี้มามองดูตัวเองในกระจก แล้วโบกมือเป็นเชิงให้องครักษ์คนสนิทไปหยิบริบบิ้นที่มีกระดิ่งสีทองห้อยอยู่มา แม้จะยังไม่เข้าใจว่าทำไมกษัตริย์ของเขาถึงเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน แต่เขาก็ไปหยิบของที่ว่ามาผูกรอบคอให้อย่างว่าง่าย แต่ก่อนที่มือของเขาจะเลื่อนออกมา อีกฝ่ายก็จับมันเอาไว้ก่อนแล้วดึงร่างกำยำให้โน้มลงมาใกล้ ใบหน้าหวานหันมากระซิบที่ข้างหูแผ่วเบา
“ข้ามีเรื่องให้เจ้าไปทำ องครักษ์คนสนิทของข้า........”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“กะรี๊ดดดดดดดดดดด~~~”
เสียงแหลมสูงที่เข้ามาเสียบแก้วหูอันบอบบางให้แทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำให้ร่างผมบางในชุดกระโปรงยาวสีแดงขาวหยุดชะงัก แล้วมองเจ้าของเสียงเหมือนกับจะพูดว่า กรี๊ดเนี่ยนะ ? เพราะคนตรงหน้านั้นดูยังไงก็เป็นผู้ชาย เพียงแต่มีปัญหาที่ว่าเขาไม่ใช่ของแท้เท่านั้นเอง
“หนูแต่งแล้วเริ่ดเหมือนอย่างที่คิดไว้เปี๊ยบเลยล่ะจ้ะ !! แหม~ ไม่คิดเลยนะว่าโซจังจะมีน้องชายหน้าตาดีแล้วก็รูปร่างเลิศแบบนี้”
“เอ่อ......นั่น....ขอบคุณ คุณเองก็.......” เขากัดฟันพูดพลางพยายามหาคำที่ดีที่สุดมาอธิบายไสตล์การแต่งตัวของคนที่พี่ชายบอกว่าเป็นบก. และมีงานอดิเรกในการเทรนนาง/นายแบบด้วยตัวเอง “.......เลิศเหมือนกันน่ะครับ” แต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออกเลยขอยืมคำชมของอีกฝ่ายมาใช้ และแน่นอนว่าคนพูดเองก็ต้องชอบคำชมของตัวเอง
“ขอบใจจ้า เอาล่ะมานั่งรอตรงนี้เลยนะจ๊ะ” บก.หัวใจแหววพานาง (?) แบบมานั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ ที่นั่งประจำของเขา ก่อนจะหันไปตะโกนเรียกช่างแต่งหน้า “เอามาทางนี้เลยจ้า เราจะเนรมิตนางแบบของเราให้เลิศยิ่งกว่าครั้งก่อนเลยนะจ้ะ”
‘ไม่ต้องก็ได้นะเกรงใจ’
แม้เขาจะแอบทำหน้ากลุ้มหน้าเครียดลับหลัง แต่อีกใจหนึ่งฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์ก็ยินดีให้แต่งหน้าแต่งตาได้ตามใจชอบ ตราบใดที่มันหลอกใครต่อใคร โดยเฉพาะประชาชนชาวโทโยได้ว่าคนที่อยู่บนปกนิตยสารนี้ไม่ใช่กษัตริย์ผู้ปกครองแผ่นดินของพวกเขา
“เอาให้สุด ๆ เลยนะจ้ะ โดยเฉพาะที่ตา เน้น ๆ เลยนะจ้ะ เพราะพอได้สีม่วงมาแต้มแล้วล่ะเริศสุด !!”
คนสั่งรัวลิ้นคำว่า ‘เลิศ’ อย่างชัดเจนจนมันกลายเป็นตัว ร และทำให้นางแบบผู้น่าสงสารชักรู้สึกกังวลแล้วว่าไอ้ที่ว่าเน้นนักเน้นหนาว่า เลิศ เนี่ยมันเป็นยังไง
“ไงฮาราโอะ ยังไม่ชินอีกรึไง ? คราวที่แล้วก็เจอยังงี้ไม่ใช่เหรอ ?”
น้ำเสียงล้อเลียนที่ดังขึ้น และชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินก้าวเข้ามายืนข้าง ๆ ทำให้คิ้วขมวดเข้าหากัน และใบหน้าสวยเริ่มยับย่นด้วยความรำคาญ ความหงุดหงิด และความโกรธที่อีกไม่นานคงจะกลายเป็นความเกลียดในภายหลังแน่นอน
“ถ้าชินได้ก็แปลกแล้ว ข้าน่ะยังเป็นคนปกติอยู่นะ”
“อย่าไปพูดให้เจ้าหล่อนได้ยินเชียวล่ะ” พี่ชายกระซิบบอกด้วยความหวังดี
“ว่าแต่เสนอหน้ามาทำไมล่ะ ? จะมาเยาะเย้ยอะไรข้าอีกรึไง ?” เขาประชดด้วยน้ำเสียงและสายตาเย็นชา
“อะไรกัน นี่พี่ดูเป็นคนชั่วขนาดนั้นเลยเหรอ ?” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังแต่รอยแสยะยิ้มยังคงพราวอยู่บนใบหน้า “นายน่ะเป็นคนเลือกเองนะ......”
“ก็ถึงได้มานั่งเสียใจอยู่นี่ไง อีกอย่างไม่ใช่เลือก แต่เพราะไม่เลือกไม่ได้ตังหาก” เด็กหนุ่มว่าพลางถอนหายใจ “แต่ก็เอาเหอะ ข้าจะร่วมมือเต็มที่ไม่ต้องห่วง” คำพูดของเขาทำให้อีกฝ่ายอึ้ง หน้าตาที่เห็นทำให้เขาอดที่จะแสยะยิ้มบ้างไม่ได้
“ก็ถ้าไม่ทำให้ดี ๆ เดี๋ยวพี่ก็มาหาเรื่องมัดมือชกข้าให้ถ่ายเพิ่มอีกน่ะสิ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นโซจิก็แสยะยิ้มอย่างพอใจที่น้องชายของตนจับไต๋ของตัวเองได้ เพราะมันจะทำให้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น หากจะต้องมีการตกลงอะไรในคราวต่อ ๆ ไป
“หยุดเลย ใครบอกว่าจะยอมรับไอ้พวกข้อเสนอบ้า ๆ พวกนั้นอีก”
“แหม ~ จริง ๆ นะฮาราโอะ นายน่ะเป็นนายแบบได้นะ รับรองเลยว่าต้องรุ่งติดอันดับแน่”
“ไม่ล่ะ เกรงใจ แค่นี้ข้าก็ดังในฐานะของฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์พออยู่แล้ว”
“จะคิดอย่างนั้นก็ตามใจ แต่ยังไงก็ต้องขอบใจนะที่ยอมตกลง”
“ก็บอกแล้วนี่ว่าเลือกไม่ได้” เด็กหนุ่มเชิดหน้าหนีด้วยความรำคาญ อีกฝ่ายก็ได้แต่ยักไหล่แล้วไม่พูดอะไรอีก
“ฮาราโอะคุง เข้ากล้องได้เลยจ้า !!”
น้ำเสียงสูงแหลมแทบทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยง แต่ก่อนที่จะเดินไปที่ฉาก เขาก็ก้มตัวลงกระซิบที่ข้างหูของบก. ผู้เข้ามานั่งเป็นผู้ควบคุมการถ่ายด้วยตัวเองทั้งหมด
“แหม ~ เป็นความคิดที่ดีมากเลยจ้า !!”
ชายหนุ่มผู้มีสีม่วงและสีชมพูอยู่ในสายเลือดร้องออกมาด้วยความดีใจ แล้วหันไปมองชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินพลางพยักหน้าเห็นด้วย ท่าทางของเขาทำให้เด็กหนุ่มรู้ความลับมาอีกข้อหนึ่ง และมันคงจะสนุกถ้าไปบอกให้เจ้าตัวรู้แล้วคอยดูปฏิกิริยาตอบสนองที่จะแสดงออกมาให้เห็น
หลังจากนาง (?) แบบยอมร่วมมือโพสท่าถ่ายกันมาเกือบสามชั่วโมงและผ่านการสับเปลี่ยนชุดนับสิบ ๆ ก็มาถึงคิวของนายแบบคนหนึ่งที่ได้แต่นั่งทำหน้างง ๆ อีกทั้งยังรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อตนเองถูกจับพลัดจับผลูเข้ามายืนอยู่หน้ากล้องในชุดสูทเรียบเนี๊ยบสีขาวเป็นครั้งแรกในชีวิต และนางเอกของคอเลคชั่นชุดงานแต่งงานที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่ช่วยทำให้เขารู้สึกใจเย็นลงได้เลย
“เอาล่ะจ้า !! เอาให้เหมือนกับคู่รักที่กำลังจะเข้าหอเลยนะจ้ะ !!”
ผู้ควบคุมการถ่ายทำบอกกับนางแบบและนายแบบของตนด้วยเสียงสูงแหลมเช่นเคย และสาวสวย (?) ผู้มีผมสีดำยาวในชุดงานแต่งงานสีขาวเกาะอกที่มีริบบิ้นและกระโปรงยาวลากพื้นก็เต็มใจที่จะทำตามที่บอกทันที
แขนเรียวที่สวมถุงมือสีขาวยาวขึ้นมาถึงข้อศอกค่อย ๆ เข้ามาโอบรอบคอเจ้าบ่าว แล้วโน้มใบหน้าคมสันลงมาใกล้ ริมฝีปากบางอวบอิ่มไปด้วยลิปกรอสสีแดงสดที่คลี่ยิ้มหวาน ก่อนจะค่อย ๆ ประทับรอยจูบลงบนแก้มของคนรักแผ่วเบา
“เป็นธรรมชาติมากเลยจ้า !! กรี๊ด !!!”
แม้ชายหนุ่มจะยังไม่หายประหม่า แต่หน้าเหรอหราที่แดงก่ำก็ทำให้ภาพที่ออกมาดูน่ารักโดนใจคนในสตูดิโอ โดยเฉพาะหัวหน้าใหญ่ที่กรี๊ดตบมือแปะ ๆ อย่างตื่นเต้น
“ฮะ......ฮาราโอะ......?”
จ้าวบ่าวกระซิบถามอย่างงง ๆ ถึงท่าทีที่ว่านอนสอนง่ายของเจ้าสาว เพราะที่ผ่านมาถึงเจ้าตัวจะยอมทำตามที่บก. และตากล้องสั่งทุกอย่าง แต่ก็ยังมีการแสดงความดื้อดึงและความรำคาญออกมาให้เห็น แถมยังมีท่าทีที่หยิ่งผยองเหมือนดั่งราชาที่ยืนอยู่เหนือทุกสรรพสิ่งและเห็นคนอื่นเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น
“อะไร ? ก็ข้าบอกแล้วไงว่าจะร่วมมือเต็มที่ ท่านเองก็อยากให้ภาพออกมาดูดีไม่ใช่รึไงพระราชาของข้า ?”
ฟาโรห์พูดเสียงหวานแล้วคลี่ยิ้มเหมือนกับหญิงสาวที่กำลังมีความสุขอยู่ในอ้อมกอดของคนรัก แต่อีกฝ่ายกลับเสียวสันหลังวาบ และอยากจะให้คนตรงหน้ากลับมาเป็นเด็กหนุ่มขี้เก๊กสุดหยิ่งจนน่าหมั่นไส้เหมือนเดิม
“เพราะงั้นท่านเองก็ต้องร่วมมือด้วยสิ”
นาง (?) แบบว่าแล้วเปลี่ยนมายืนหันหลังให้พร้อมกับเอาแขนทั้งสองข้างของนายแบบมาโอบรอบเอวของตัวเองเอาไว้ ร่างที่แนบชิดจนเกือบจะเหมือนเป็นกระดาษสองแผ่นมาติดกันทำให้คนข้างหลังสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็พยายามลดความประหม่าแล้วคลี่ยิ้มให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่ใจก็เฝ้าภาวนาให้การถ่ายคอเลคชั่นสุดท้ายนี้จบลงเสียที
“โอเค เสร็จแล้วล่ะจ้า ขอบใจนะจ้ะทุกคน ทำงานกันได้ดีมากจ้ะ !!”
เสียงแหลมสูงที่เคยคิดว่าน่ารำคาญกลับเป็นเหมือนดั่งเสียงจากสรวงสวรรค์ที่มาช่วยปลดปล่อยเหล่าทีมงานในสตูดิโอให้เป็นอิสระจากงานถ่ายภาพที่ตึงเครียด นาง (?) แบบและนายแบบต่างขอตัวไปห้องแต่งตัวก่อนเป็นอย่างแรก
“นี่หมดรึยังเนี่ย ?”
“หมดแล้วล่ะ ไม่คิดเลยนะว่านายจะไปบอกให้บก.เอาชั้นเข้ากล้องด้วยน่ะ แก้เผ็ดกันรึไง ?”
“เรื่องอะไรจะยอมโดนอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ”
เด็กหนุ่มในชุดเจ้าสาวแสยะยิ้มอย่างสะใจก่อนจะค่อย ๆ เอาผ้าคลุมหน้าและเครื่องประดับบนหัวออก ผมสีดำขลับที่เกล้าอาไว้อย่างดีถูกปล่อยให้ยาวสยายลงมาอย่างไม่นึกเสียดายเวลาที่ทุ่มเทในการทำ
“แต่ก็ช่างเหอะ ก็สนุกดีเหมือนกัน ไงล่ะ ไม่ลองคิดเรื่องถ่ายแบบดูใหม่เหรอฮาราโอะ ?” ชายหนุ่มก้าวเข้ามาประชิดตัวแล้วเชยคางเด็กหนุ่มขึ้นอีกครั้ง “นายน่ะแต่งแล้วดูสวยมากเลยนะ ชั้นยังเผลอเคลิ้มเลย”
“ฮึ พูดยังงี้กับผู้หญิงทุกคนล่ะสิไอ้จอมเจ้าชู้ ยังจับไม่เว้นหญิงชายเหมือนเดิมนะ” น้องชายผู้รู้นิสัยของญาติตัวเองดีประชดแล้วปัดมือที่เริ่มจะเข้ามาลวนลามออก “แม้แต่พี่น้องยังไม่เว้น.....” แล้วก็ตบท้ายพลางทำหน้าเหยียดหยาม
“ก็แค่เล่นสนุก ๆ เอง ยังไงชั้นก็ชอบพวกของสวย ๆ งาม ๆ อยู่แล้ว” มือซน ๆ ยังคงเข้ามาไล้สัมผัสสะโพกมนอีก “ยิ่งมีของาดีใกล้ตัวแบบนี้ ใครกันจะอดใจไหว”
“พ่อแม่ของพี่คงจะเสียใจน่าดูเลยนะถ้าได้มาเห็นน่ะ แบบนี้ข้าช่วยดัดนิสัยให้ดีกว่ามั้ยพี่ชาย”
เด็กหนุ่มแสยะยิ้มแล้วปัดมือซุกซนออกอีกครั้งก่อนจะดีดนิ้วดังเปาะ ประตูที่ถูกเปิดออกและเด็กหนุ่มร่างบึกบึนที่เดินเข้ามาพร้อมกับมือถือในมือทำให้ชายหนุ่มเจ้าชู้สะดุ้งเล็กน้อย เขายอมก้าวถอยออกมาเมื่อดวงตาที่เป็นประกายด้วยความโกรธจ้องมองมาที่เขา
“ก็นึกอยู่ว่าองครักษ์คนสนิทหายไปไหน” โซจิว่าพร้อมกับยิ้มขำ ๆ
“อิเคคุระ โซจิ เจ้าจะทำตามสัญญาหรือไม่ ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าสวยหายไป เหลือไว้เพียงสายตาที่คมกริบและน้ำเสียงที่เรียบสนิทแต่แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามของผู้ที่ถูกยกย่องให้นั่งอยู่บนบัลลังก์เหนือทุกสิ่ง แต่อำนาจนั้นกลับไม่ทำให้คนตรงหน้าเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“พี่บอกว่าตกลง แต่ไม่ได้บอกว่าทั้งหมดซะหน่อย เพราะงั้นคอเลคชั่นของวันนี้พี่ก็มีสิทธิสั่งพิมพ์ได้อิสระใช่มั้ยล่ะน้องรัก ? อะไร ? จะโทรศัพท์ไปฟ้องพ่อแม่รึตำรวจรึไง ? อย่าลืมสิว่านายเป็นคนเลือกเองนะ”
ชายหนุ่มผู้อาจหาญมากลับกลอกคำสัญญาที่มีต่อฟาโรห์แสยะยิ้มอย่างได้ใจ เขามององครักษ์อย่างขำ ๆ ที่เจ้าตัวอยากจะเข้ามาชกหน้าแต่ถูกนายเหนือหัวห้ามเอาไว้
“ข้าถือว่าเจ้าเลือกแล้วนะอิเคคุระ โซจิ”
ฟาโรห์ว่าพลางถอนหายใจแล้วกดปุ่มบนมือถือ แต่แทนที่จะพูดสายกับใคร เขากลับคืนมือถือให้กับองครักษ์คนสนิทที่รับมาเก็บเข้ากระเป๋า ก่อนจะหันมาโบกมือเป็นเชิงบอกให้คนข้างกายช่วยรูดซิปด้านหลังของชุดให้ ท่าทีที่ผิดความคาดหมายและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้ชายหนุ่มได้แต่มองอย่างอึ้ง ๆ
“เรียกชั้นมีอะไรเหรอจ้ะฮาราโอะคุง ?” เสียงแหลมสูงของบก.หัวใจแหววดังลอดผ่านประตูเข้ามาก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดมันออกแล้วเดินเข้ามาซะอีก
“คุณจะช่วยทำสัญญาว่าจะสั่งพิมพ์นิตยสารคอเลคชั่นของผมเฉพาะในต่างประเทศได้มั้ยครับ ?”
เด็กหนุ่มที่ปกติจะชอบทำหน้าหยิ่งแล้วพูดด้วยท่าทีที่เหมือนกับยืนอยู่เหนือคนอื่นเสมอกลับหันมายิ้มหวานพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนสุดฤทธิ์ โดยเฉพาะสรรพนามที่ใช้เหมือนคนปกติทั่วไปทำให้คนที่รู้จักตัวตนของเขาดีต่างอึ้งกันไปหมด
“ทำไมล่ะจ้ะ ? ถ่ายออกมาดูดีขนาดนี้ต้องขายได้ราคาดีเหมือนกับชุดแรกแน่ ๆ ”
“ผมก็มีเหตุผลของผมน่ะครับ”
“แหม ~ เหตุผลอะไรกันจ้ะ ถึงหนูจะขอร้องก็เถอะ แต่คงทำไม่ได้หรอกจ้ะ เพราะมันเป็นเรื่องทางธุรกิจ”
“งั้นก็คงจะไม่มีทางเลือก คุณคงจะไม่ว่าอะไรใช่มั้ยครับถ้าผมจะส่งรูปพวกนี้ออกไป มันก็ดูดีเหมือนกันนะครับ”
ฟาโรห์ว่าพร้อมกับถอนหายใจแล้วตีสีหน้าเหมือนกำลังรู้สึกเสียดายกับบางสิ่งบางอย่างเสียเต็มประดาขณะแบมือไปทางองครักษ์คนสนิทที่วางมือถือให้อย่างรู้หน้าที่
“ไหนจ้ะ ? รูปอะไรกัน”
บก.รีบวิ่งมาดูด้วยความสนใจ แต่ก็ต้องอึ้งอ้าปากค้างที่ดาราบนหน้าจอคือตัวของเขาเองที่กำลังมีความสุขกับงานอดิเรกในห้องของส่วนตัว เสียงแหลมสูงที่ลอดริมฝีปากออกมานั้นดังซะจนคนในห้องเกือบจะเสียแก้วหูไป
“ไปได้รูปนี้มาได้ยังไงกัน ตายแล้ว !!”
“งั้นเป็นอันตกลงนะครับ ? แหม ~ ไม่คิดเลยว่าคุณเองก็จะแต่งชุดพวกนี้ขึ้นเหมือนกัน คนที่คุณแอบชอบคงจะเห็นด้วยแน่”
“ว้าย !! ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะค่ะ !!” บก.หัวใจแหววรีบร้องห้ามแล้วเข้ามากุมมือขอร้องเป็นการใหญ่ “ขอร้องละนะจ้ะ อย่าบอกใครนะ ได้โปรด !!”
“งั้นเป็นอันว่าตกลงทำสัญญานะครับ”
ถ้าหากนักวางแผนในคราบฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์สวมแว่นอยู่ล่ะ มันจะต้องกลายเป็นสีขาวเหมือนกับนักธุรกิจหน้าเลือดที่มีรอยยิ้มปีศาจและออร่าสีดำทมิฬอยู่ข้างหลังแน่ ๆ
“จ้า ๆๆๆ ยอมทำทุกอย่างเลยจ้าฮาราโอะคุง !!”
เจ้าหล่อนรับปากด้วยเสียงแหลมสูงอีกครั้งก่อนที่จะวิ่งหน้าตั้งออกจากห้องไปเพื่อเตรียมทำสัญญา พี่ชายที่ยืนมองเงียบ ๆ อยู่นานได้แต่มองน้องชายตัวเองที่กลับมานั่งไขว่ห้างด้วยใบหน้าเชิดหยิ่งเหมือนกับราชินีอย่างอึ้ง ๆ ไม่คิดเลยว่าแค่เด็กหนุ่มขี้เก๊กธรรมดาที่ชอบเดินเฉิดฉายไปมาโดยแทบจะไม่ทำอะไรเองเลยจะมีตัวตนด้านมืดอันแสนร้ายกาจนี้ด้วย
“ไม่คิดเลยนะว่านายจะหันมาเข้าทางบก.เองแบบนี้” แม้จะรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่ถูกตลบหลังอย่างคาดไม่ถึง แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ยังมีไม้เด็ดก้นหีบอยู่ในมืออยู่ดี
“ชั้นขอชมในความพยายามนะฮาราโอะ แต่อย่าลืมสิว่าชั้นเป็นคนที่มีอำนาจในการดูแลเรื่องสั่งพิมพ์ แค่เรื่องแอบตกลงกันลับหลังบก.น่ะทำได้ไม่ยากหรอก” เขาว่าพลางแสะยิ้มอย่างผู้มีชัย แต่อีกฝ่ายกลับแสยะยิ้มแบบเดียวกัน
“ ฮึ แล้วเงินที่ได้ก็เข้ากระเป๋าเจ้าลับหลังบก. ด้วยล่ะสิ ” เด็กหนุ่มประชด “ อย่าได้ใจไปนักอิเคคุระ โซจิ ”
ฮาราโอะว่าพลางก้าวออกมาจากชุดเจ้าสาวที่บัมบ้าช่วยถอดให้ เหลือไว้เพียงแต่ชุดชั้นในที่มีลักษณะคล้ายกับชุดสายเดี่ยวกระโปรงยาวสีขาวเท่านั้น เขานั่งลงแล้วยื่นเท้าข้างหนึ่งให้อีกฝ่ายช่วยถอดรองเท้าส้นสูงสีขาวให้เหมือนเช่นเคย
“หมายความว่าไง ? นายยังมีอะไรมาสู้กับชั้นอีกล่ะ เอาออกมาโชว์เลยสิ ชั้นกำลังสนุกเลย”
“กำลังมาแล้วล่ะ.......”
ริมฝีปากแสยะยิ้มกว้างขึ้นอีก เมื่อเสียงฝีเท้าของกลุ่มคนที่กำลังวิ่งมาอย่างเร่งรีบดังเข้ามาใกล้ ก่อนจะมาหยุดลงตรงหน้าประตู ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องให้รู้สึกลุ้นระทึกอยู่หลายวินาทีก่อนที่บานประตูจะถูกกระแทกให้เปิดออกอย่างแรง แล้วตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโวยวายของเหล่าสาว ๆ ที่กรูกันเข้ามารุมล้อมชายหนุ่มเอาไว้
“โซจิ !! รูปนี้มันหมายความว่าไงกันคะ ไหนคุณบอกว่าคุณรักชั้นคนเดียวไงล่ะ !!” สาวคนหนึ่งเข้ามากระชากคอเสื้อตัดพ้อต่อว่า
“นั่นสิคะ อธิบายรูปนี้มาเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วผู้หญิงพวกนี้เป็นใครกัน ?!!” อีกคนหนึ่งเข้ามาดึงแขนถาม
“คนหลอกลวง !! ทั้งๆ ที่ชั้นอุตส่าห์เชื่อใจแท้ ๆ !!”
คนทางด้านขวาว่าแล้วตบหน้าชายหนุ่มอย่างแรง สิ่งที่เธอทำเหมือนจุดประกายความกล้าให้สาว ๆ คนอื่นโวยวายดังขึ้น ก่อนจะพากันลากหนุ่มในดวงใจของพวกเธอออกนอกห้องไปสะสางให้รู้เรื่อง
“จำไว้เลยนะฮาราโอะ !!!” ชายหนุ่มเจ้าชู้ทำได้แค่ฝากความแค้นเอาไว้ด้วยคำพูดเท่านั้น
“ถ้ายอมทำตามสัญญา ข้าจะยอมบอกความจริงให้กิ๊กของพี่รู้ก็ได้นะ !! อ่อ ! แล้วข้าก็มีเบอร์กิ๊กของพี่ทั้งหมดเลยด้วย เพราะงั้นคิดดี ๆ ล่ะ!!” ฟาโรห์ตะโกนไล่หลังพลางคิดในใจว่า ฝากไว้แล้วอย่าหวังจะได้มาเอาคืนเลยไอ้พี่บ้า ! แล้วหันมาแสยะยิ้มนั่งไขว่ห้างพร้อมกับเหลือบมองอย่างเย้ยหยัน
“ใครที่อาจหาญมาแตะต้องฟาโรห์ จักต้องโทษประหารทุกคน” แล้วก็หันมายิ้มขำ ๆ กับองครักษ์คนสนิท “ง่ายกว่าที่คิดนะบัมบ้า ขอบใจนะที่ไปหามาให้ข้าได้นะ”
“ก็เกือบโดนจับได้เหมือนกันแหละ โชคดีนะที่บก.ไม่ได้ตั้งพาสเวิร์ดโน้ตบุ๊คส่วนตัวของเขาเอาไว้ แถมยังตั้งชื่อโฟลเดอร์ซะเด่นขนาดนั้นไว้บนหน้าจออีก” เขาว่าพลางยิ้มอย่างขำ ๆ แล้วค่อย ๆ ถอดรองเท้าส้นสูงอีกข้างออกให้ก่อนจะลุกขึ้นมาหยิบถุงเสื้อผ้าที่วางอยู่ข้าง ๆ
“ว่าแต่เจ้าฮิรุมะมันขออะไรเป็นการแลกเปลี่ยนจากข้าล่ะ ?” ฟาโรห์รับถุงที่ยื่นมาให้แล้วเดินไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อ องครักษ์ก็เดินตามมายืนรออยู่หน้าห้องเหมือนกับรู้หน้าที่
“เขาบอกว่าแค่หาเบอร์โทรคนเจ้าชู้มันเรื่องเล็กน้อย เลยไม่ขออะไรมากนอกจากทำตามคำขอของเขาที่อาจจะมีในอนาคตน่ะ”
“เนี่ยนะไม่มาก สรุปก็คือทำตามที่มันสั่งทุกอย่างนั่นแหละ” กษัตริย์ว่าพลางถอนหายใจแล้วยื่นเสื้อผ้าชุดแต่งงานออกมาให้ องครักษ์ก็รับมาแล้วให้หวีไปแทน “เป็นพันธมิตรกับเจ้าปีศาจสุดโฉดนี่มันไม่ง่ายเลยนะ”
“ก็เขาไม่ใช่คนที่จะทำอะไรให้ใครฟรี ๆ นี่”
“นั่นแหละที่น่าเป็นห่วง”
“ก็หวังว่าจะไม่มาขออะไรเหมือนคราวก่อนนะ เพราะต่อให้จำเป็นขนาดไหน ชั้นก็ไม่มีวันยอมให้นายรับข้อเสนอแน่ ๆ” องครักษ์ดึงตัวฟาโรห์ที่ก้าวออกมาจากห้องเข้ามากอดเอาไว้แน่น
“รู้แล้วล่ะน่า ข้าได้ยินเจ้าพูดมาจนเบื่อแล้ว” ฮาราโอะอดที่จะถอนหายใจแล้วพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญไม่ได้ “ข้ารู้น่ะว่าเจ้าเป็นห่วงข้ามากขนาดไหน”
“งั้นก็อย่าทำให้ห่วงสิ”
“เฮอะ !”
อีกฝ่ายเชิดหน้าใส่ด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเดินมาหยิบกระเป๋าของตัวเอง ไม่กี่นาทีต่อมาบก.ก็เข้ามาพร้อมสัญญา ทั้งสองฝ่ายต่างลงลายเซ็นเป็นหลักฐานเรียบร้อย ก่อนที่จะบอกลากันอย่าง (ไม่) ค่อยเป็นมิตร แล้วแยกย้ายกันไป
“เฮ้อ วันนี้ยุ่งน่าดูเลยนะ” บัมบ้าว่าพลางแหงนหน้ามองดวงดาวบนฟ้าที่มืดสนิท ในขณะที่เดินไปตามทางเดินที่ไร้ผู้คน “จนแล้วจนรอดปีนี้ก็ยังไม่เจอคนที่ใช่นะฮาราโอะ”
“ข้าไม่สนหรอก มีเจ้าอยู่แล้วนี่”
“นั่นสินะ อย่างชั้นคงจะพออยู่เป็นเพื่อนแก้ขัดได้ล่ะนะ”
คำตอบซื่อ ๆ ของไลน์ของทีมโทโยสฟิงซ์ทำให้ควอเตอร์แบ็คอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ไม่ได้ ทั้งๆ ที่ก็อุตส่าห์พูดบอกใบ้ไปแล้ว แต่ดูเหมือนชายร่างยักษ์จะไม่เห็นสะพานที่ทอดส่งไปให้เลยแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าเนี่ยนะ แบบนี้ไม่รู้ว่าระหว่างเจ้ากับข้า ใครกันแน่ที่อินโนเซนส์มากกว่ากันน่ะ”
“หมายความว่าไ---!!”
ไม่ทันที่บัมบ้าจะพูดจบ ฮาราโอะก็ดึงแขนเขาให้โน้มลงมาแล้วจูบแผ่วเบาที่มุมปาก ร่างบางให้เวลาอีกฝ่ายอึ้งอยู่สักพัก แต่เมื่อเห็นว่าไม่ยอมหลุดออกจากภวังค์สักที เขาจึงตัดสินใจทิ้งให้ยืนบื้ออยู่แบบนั้นด้วยความที่ขี้เกียจรอ
“ฮาราโอะ.....”
เสียงเรียกเบา ๆ ทำให้เจ้าของชื่อหยุดเดินแล้วหันมาส่งเสียง ‘หือ’ เป็นการตอบรับและรอฟังว่าคนเรียกจะพูดอะไร แต่สิ่งที่ได้กลับเป็นอ้อมแขนกำยำที่เข้าโอบรอบร่างของเขาเอาไว้แน่น และริมฝีปากหนาที่ประทับลงมาจูบอย่างหนักหน่วง
“บะ.....บัมบ้า !!”
ด้วยความเขินอายทำให้ร่างในอ้อมกอดเผลอร้องออกมาแล้วผลักอีกฝ่ายออกไป แต่อ้อมแขนแกร่งก็ยังคงไม่ยอมปล่อยและกอดแน่นขึ้นอีก ใบหน้าและสายตาที่จ้องมองมานั้นดูจริงจังจนทำให้รู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ถูก
“นายคิดกับชั้นแบบนี้จริง ๆ เหรอฮาราโอะ ?”
“ก็ถ้าไม่จริงแล้วข้าจะทำแบบนั้นทำไม เจ้าคิดว่าที่ข้าไม่สนใครเลยเป็นเพราะอะไรเล่า อีกอย่างที่ข้าทำเป็นเฉย ๆ ก่อนหน้านี้เพราะเห็นว่าที่เป็นอยู่มันก็ดีอยู่แล้ว”
“นั่นสินะ ดีอยู่แล้วจริง ๆ ด้วย ชั้นเองถึงจะไม่รู้ตัวก็เถอะ แต่ก็เอาแต่มองนายคนเดียวเหมือนกัน”
“เรื่องนั้นข้ารู้ดีหรอกน่า ถึงได้บอกว่าอย่างที่เป็นอยู่มันดีอยู่แล้วไงล่ะ เอาเถอะ รีบกลับกันดีกว่า” เขาว่าขณะเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนเสาไฟของสวนสาธารณะ “เฮ้ !! ทำอะไรน่ะบัมบ้า !? ปล่อยข้าลงนะ !!” เขาเผลอร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ดี ๆ เพื่อนก็ยกร่างของเขาขึ้นมานั่งบนไหล่กว้าง
“เอาเถอะน่า ขอให้ข้าได้ทำเพื่อท่านเถอะท่านฟาโรห์”
องครักษ์คนสนิทแกล้งพูดอย่างนอบน้อมด้วยภาษายุคโบราณแล้วยกข้อมือเล็ก ๆ ขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบา คำสาบานที่ฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์ได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วนจนรู้สึกเบื่อหน่ายดังขึ้นอีกครั้ง
“ข้าขอสาบานด้วยเกียรติขององครักษ์แห่งโทโยสฟิงซ์ว่า จะอยู่รับใช้ข้างกายและปกป้องท่านตลอดไป.......”
. END -
.
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
A/N : เรื่องนี้จริง ๆ แล้วแต่งเพื่อวันวาเลนไทน์โดยเฉพาะ แต่กลายเป็นว่าไม่ทันวันงานซะนี่ เลยกลายเป็นว่าฉลองคู่รักให้เข้ากับวันวาเลนไทน์ย้อนหลังซะไกลโข ถึงเนื้อเรื่องจะไม่ได้ยาวอะไรมากมาย ( ก็ยาวกว่า One-shot เรื่องอื่นก็แล้วกัน ) ก็หวังว่าคนที่ชอบคู่ บัมบ้า x ฮาราโอะ จะชอบฟิคเรื่องนี้กันน้า
ความคิดเห็น