คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 02
Fanfiction
Project : Eyesheild 21
My Own Path
Chapter 02
ภายในโรงพยาบาลต่างเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงของพ่อแม่ 8 คู่และสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ ที่กำลังเค้นเอาความจริงจากหมอและพยาบาลว่าอะไรเป็นต้นเหตุให้ลูกชายสุดที่รักทั้ง 8 คนต้องถูกหามเข้าโรงพยาบาลโดยพร้อมเพรียงกัน แต่ผู้ทำการรักษาสามารถบอกได้แค่อาการของเด็ก ๆ เท่านั้น
ส่วนเหล่าตำรวจที่กินเงินเดือนของรัฐบาลก็ไม่สามารถ หรือควรจะเรียกว่า ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยรับผิดชอบคดีทีอุกอาจนี้และนั่งไม่รู้ไม่ชี้อยู่หลังโต๊ะทำงานของตัวเองเหมือนกับถูกปิดปากเอาไว้ด้วยผู้มีอิทธิพล
หลังจากเวลาเยี่ยมหมดลงและครอบครัวของคนป่วยกลับไปหมดแล้ว เด็กหนุ่มคนหนึ่งค่อยๆ ย่องออกมาจากห้องของตัวเองและไปแง้มเปิดประตูห้องคนไข้คนอื่น และเมื่อมาถึงห้องสุดท้ายก็มีเพื่อนมาร่วมวงประชุมลับทั้งหมด 4 คน
“ไม่เป็นไรนะครับยูกิมิตสึซัง ?” เด็กหนุ่มปี 1 ถามเจ้าของห้องประชุมปี 2 ขณะนั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกเซนะคุง คนอื่น ๆ ล่ะเป็นไงบ้าง ?”
“คนอื่น ๆ ก็ไม่เป็นไรมาก เพียงแต่ตอนนี้กำลังหลับอยู่น่ะครับ” มอนตะว่าพลางลากเก้าอี้อีกตัวในห้องเข้ามานั่งข้าง ๆ เซนะด้วย
“ว่าแต่รีบ ๆ เข้าเรื่องกันดีกว่า ถ้าไม่รีบหาเจ้านั่นให้เจอล่ะก็ จะเป็นไงมั่งก็ไม่รู้ แล้วนายรู้อะไรเกี่ยวกับไอ้แก่โหดนั่นมั่ง ? ” จูมอนจิถามพลางนั่งลงบนขอบเตียงเพราะไม่มีเก้าอี้เหลือในห้องแล้ว
“ตอนที่ผมกำลังช่วยคุณฮิรุม่าเตรียมของน่ะครับ จู่ ๆ ชายคนนั้นก็เปิดประตูเข้ามาแล้วก็พูดกับคุณอิรุม่าด้วยภาษาอังกฤษ ทั้งสองคนเถียงกันอยู่สักพักเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างที่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ แต่ดูเหมือนคุณฮิรุม่าจะไม่ยอมก็เลยเปิดฉากชกต่อยกัน” ภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขารู้สึกกลัวจนเผลอกำผ้าห่มสีขาวบนตักแน่น “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคุณอิรุม่าโกรธขนาดนั้น แถมยังถูกอัดอยู่ฝ่ายเดียว”
“ไอ้เจ้าปีศาจสุดโฉดนั่นเนี่ยนะ ?” จูมอนจิไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง เพื่อนอีก 2 คนก็รู้สึกแบบเดียวกันในขณะที่ภาพของเดมอนแห่งเดวิลแบ็ทกำลังถือปืนยิงกราดผุดขึ้นมาในหัว
“แต่ผู้ชายคนนั้นเขาก็เก่งจริงๆ นะครับ เขาทั้งไวแล้วก็เตะต่อยหนักมากๆ จนคุณฮิรุม่าไม่มีโอกาสที่จะโต้ตอบหรือหยิบปืนที่อยู่ใกล้ๆ ได้เลย ผมเองก็พยายามจะเข้าไปช่วยหรือโทรเรียกคนอื่นๆ เหมือนกัน แต่ก็กลับ......” เสียงค่อยๆ เบาลงและสั่นเครือไปด้วยความโกรธที่มีให้กับตัวเองและชายคนนั้น
“ชายคนนั้นไหวตัวทันเลยพังโทรศัพท์ของผมกับของคุณอิรุม่า ผมจึงได้แต่พยายาม......ทั้งๆ ที่พยายาม.....ผมพยายามสุดๆ ที่จะเข้าไปช่วย.....แต่ก็กลับทำอะไรไม่ได้..... ไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว.....คุณอิรุม่า......เขา....เขาเองก็พยายามช่วยผมทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็โดนอัด.......ผมขอโทษ.......ขอโทษจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่ผมอยู่ด้วยแท้ ๆ แต่กลับ.....แต่กลับ........ผมมันไร้ประโยชน์......ผมมันอ่อนแอ......ทั้ง ๆ ที่......”
คำพูดทุกคำหลุดรอดริมฝีปากอย่างยากลำบาก ใบหน้าที่เศร้าสร้อยและคำพูดที่วกวนจนซ้ำซากทำให้คนฟังทั้งสามรู้สึกโกรธตามไปด้วย ถ้าเป็นพวกเขาเองที่ได้อยู่ตรงนั้นและเห็นเหตุการณ์เกือบทั้งหมด ตั้งแต่คำด่าคำแรกที่มากับกำปั้นจนถึงนาทีที่หมดสติ ก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน
“พอแล้ว!! จะโทษตัวเองให้มันได้อะไรฟะ!! มาช่วยกันออกไปตามหาเจ้านั่นกันสิเฟ้ย!!” เด็กหนุ่มที่ถูกนับเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มพี่น้องสามหาทนไม่ไหวจึงเข้าไปคว้าคอเสื้อเจ้าตัวเข้ามาตะคอกใส่หน้าอย่างหงุดหงิด
“นะ....นั่นสินะ ผมนี่แย่จริง ๆ ขอโทษนะครับ” เด็กหนุ่มที่ได้สติมีใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง
“นั่นสิ งั้นเราไปแจ้งตำรวจให้ช่วยหาด้วยมั้ย จะได้จับเจ้านั่นเข้าคุกไปด้วยเลย” มอนตะออกความเห็น
“ชั้นว่าไม่ได้เรื่องหรอก” จูมอนจิปฏิเสธทันควัน
“ทำไมเหรอครับ ?” เซนะถามอย่างสงสัย
“ถ้าพวกตำรวจนั่นมันจะช่วยก็ช่วยไปนานแล้ว คิดเหรอว่าพ่อแม่พวกเราจะไม่ไปแจ้งตั้งแต่พวกเราถูกหามเข้า โรง ’บาลน่ะ ไอ้แก่นั่นมันต้องแบล๊คเมล์พวกมันอยู่แน่”
“งั้นพวกเราจะทำยังไงดี......?” เซนะว่าอย่างเป็นห่วง ภาพของรุ่นพี่ที่ถูกยิงต่อหน้าต่อตายังทำให้เขากลัวและเป็นห่วงไม่หาย
“พะ....พวกเราออกไปตามหากันเถอะ !!” ถึงยูกิมิตสึจะว่าอย่างกล้าๆ กลัว แต่ความมุ่งมั่นที่ฉายอยู่บนดวงตานั้นไม่สั่นคลอน
“นั่นสิ ! โดนอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้ไม่ใช่สไตล์ชั้นฟะ ถึงจะเอาชนะไม่ได้ แต่ก็ขอตั๋นหน้าไอ้หมอนั่นซักทีให้หายแค้นเหอะวะ” หนึ่งในสามเด็กเกว่าพลางกำหมัดแน่น “มีแต่พวกเราเท่านั้นที่จะช่วยเจ้านั่นได้”
ถึงจะไม่ได้รู้สึกเป็นมิตรหรือมีความประทับใจในแง่ดีนับแต่เจอหน้ากันครั้งแรก แต่ในวินาทีที่กัปตันทีมแห่งเดวิลแบ็ทเดินตามหลังชายคนนั้นไปอย่างเงียบ ๆ ก็ทำให้พวกเขาเห็นแล้วว่าคน ๆ นี้คู่ควรที่จะเรียกว่า ‘เพื่อน’
“คราวนี้แหละ ผมจะต้องช่วยคุณฮิรุม่าให้ได้ !!” ทุกคนต่างพยักหน้ากับคำพูดที่มุ่งมั่นของยูกิมิตสึ
แม้ใจจะยังกลัวที่ต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มคนจากโลกมืด แต่ในเมื่อกัปตันแห่งทีมเดวิลแบ็ทยอมออกมายืนอยู่เบื้องหน้ากระบอกปืนเพื่อพวกเขาแล้ว ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะตัดสินใจก้าวเข้าไปเบี่ยงปากกระบอกปืนนั้นบ้าง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถึงแม้จะตกลงกันว่าจะออกตามหาด้วยใจที่มุ่งมั่นเต็มร้อย แต่การลงมือทำจริงๆ นั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน เด็กหนุ่มที่ก้าวเดินไปตามถนนคิดพลางถอนหายใจและเดินลากเท้าไปเรื่อย ๆ ในขณะที่มองหา แต่ก็เห็นเพียงแค่ความมืดกับบ้านที่ปิดเงียบเท่านั้น
“เฮ้อ....เรานี่ก็แปลก มาเดินโต๋เต๋แถวโรงเรียนตัวเองแบบนี้จะไปเจอได้ยังไง......”
ยูกิมิตสึว่าพลางยิ้มขำ ๆ กับขาของตัวเองที่พามายังสถานที่เกิดเหตุโดยไม่รู้ตัว และอดที่จะนั่งพิงกำแพงพักเหนื่อยตรงข้ามกับประตูโรงเรียน
“มานั่งทำอะไรแถวนี้ดึก ๆ ดื่น ๆ ?” เสียงของชายหนุ่มกับรถมอเตอร์ไซค์ที่แล่นเข้ามาจอดทำให้เขาสะดุ้งโหยง และผุดลุกขึ้นอย่างลืมตัว
“คะ.....คุณฮาบาชิระ !!?” เขาเผลอร้องออกมา
อีกฝ่ายเพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งกับชื่อของตัวเอง และมองผ้าพันแผลที่แลบออกมาจากเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เมื่อคนถูกจ้องรู้สึกตัวก็รีบติดกระดุมให้เรียบร้อยและพยายามซ่อนผ้าพันแผลอย่างเขิน ๆ ที่วิ่งทะเล่อทะล่าออกมาจากโรงพยาบาลโดยไม่แต่งตัวให้เรียบร้อย
“แล้ว.......แล้วคุณฮาบาชิระมาทำอะไรแถวนี้เหรอครับ ?” เขาถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พลางยิ้มเจื่อน ๆ กับคนจากโรงเรียนคู่อริของเดมอน
“ชั้นก็แค่มาเอาของที่ลืมไว้ที่นี่แค่นั้นแหละ ว่าแต่แกเหอะ ยังไม่บอกชั้นเลยว่าทำไมถึงมาอยู่นี่แทนที่จะกลับบ้านกลับช่องไปนอน”
“เอาของ ? ที่นี่.......”
นักเรียนเดมอนว่าอย่างงง ๆ แล้วหันไปมอง ‘ที่นี่’ ที่ว่า ป้ายชื่อโรงเรียนที่เห็นทำให้เขาตกใจและอายจนหน้าแดงที่มานั่งอยู่หน้าโรงเรียนเขาตั้งนานแล้วยังไม่รู้ตัว
“ตกลงแกจะบอกหรือไม่บอก ชั้นไม่ได้มีเวลาทั้งคืนนะ” หัวหน้าทีมควบตำแหน่งหัวโจกของโรงเรียนคู่อริชักหมดความอดทน “งั้นชั้นไปล่ะ......” แล้วก็ตัดบทไปด้วยความรำคาญเอาดื้อ ๆ มอเตอร์ไซค์คันโปรดเลี้ยวตั้งลำกลับและเตรียมจะทะยานออกไปตามถนน
“ดะ.....ได้โปรดช่วยคุณฮิรุม่าด้วยครับ !!”
ชื่อที่หลุดออกมาจากปากนั่นเกือบทำให้คนขับหล่นจากรถด้วยความตกใจ และหันมามองหน้าเจ้าของเสียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เขาหูฝาดไปใช่มั้ย
“หา ? อย่ามาตลกนะเฟ้ย อย่างไอ้โฉดแห่งเดวิลแบ็ทนั่นมันจะเป็นอะไรไปได้”
“จริง ๆ นะครับ !! ได้โปรดเถอะครับ !! ถ้าไม่รีบล่ะก็เขาต้องแย่แน่ ๆ !!”
ถึงหัวหน้าแห่งทีมคาเมเลออนจะอยากหัวเราะใส่หน้าดังๆ และพูดออกมาว่า จะล้อเล่นก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยสิเฟ้ย แต่ก็พูดไม่ออกกับใบหน้าและน้ำเสียงที่ฮอลลีวู้ดคงจะยกตุ๊กตาทองให้แน่ ๆ ถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่การแสดงละครฉากหนึ่งเท่านั้น
“ไหนเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังดิ๊”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภาพแรกที่เห็นเมื่อลืมตาขึ้นคือ พื้นคอนกรีตที่เย็นเชียบ เศษหินเศษกระดาษและฝุ่นตามกระจกหน้าต่างและประตูที่เก่าผุพังบ่งบอกถึงระยะเวลาการถูกทิ้งร้างของห้องและตัวตึก มือทั้งสองข้างที่ถูกจับมัดไพล่หลังเอาไว้ด้วยโซ่อย่างแน่นหนาในสถานที่แบบนี้ ทำให้เด็กหนุ่มเลิกคิดว่าจะมีใครใจดีเกิดเข้ามาช่วยและพามานอนอยู่บนเตียงของโรงแรมหรูระดับ 5 ดาวในช่วงที่ไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ยาสลบ
“ร่างกายยังต่อต้านฤทธิ์ยาได้ดีเหมือนเดิมนี่ ดีแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” ประตูเปิดออกแล้วตามมาด้วยเสียงแหบต่ำที่ฟังดูคุ้นหู
“จะถามให้ตายกี่ครั้งคำตอบก็เหมือนเดิมนั่นแหละ ไอ้แก่ตูดหมึก” ร่างที่ลุกขึ้นนั่งพิงกำแพงยังคงยืนยันเหมือนเดิม ดวงตาสีฟ้าจ้องมองคนที่ใช้ปลายเท้าเชยคางขึ้นมาอย่างไม่กลัวเกรง
“ทั้ง ๆ ที่พ่ออุตส่าห์กลับมารับถึงที่ทั้งที จะไม่รู้สึกขอบคุณเลยรึไง ?”
“ทีตอนนั้นละไม่ส.ใส่เกือกมาแล้วจะมาทำไมตอนนี้ ชั้นละอุตส่าห์ดีใจที่ไม่ต้องเห็นหน้าแกตั้งแต่ได้ยินว่าแกโดนจับน่ะ ทำไม ? อยู่ในคุกมันว่างมากนักรึไง ถึงได้แหกออกมาเอ้อละเหยลอยชายก่อนกำหนดพ้นโทษตั้ง 10 ปีแบบนี้ ยัยนั่นอยู่ไหนล่ะ รึว่าแกทิ้งไปแล้ว”
คำพูดและรอยแสยะยิ้มกว้างนั่นดูเหมือนจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่สบอารมณ์ จึงประเคนลูกเตะเข้าให้ที่ขมับและเยียบหัวที่เอาแต่คิดคำยั่วประสาทออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนเอาไว้ แต่กระนั้นเขาก็รู้ว่าแค่นี้มันยังไม่พอที่จะปิดปากไม่มีหูรูดนั่นได้ และการที่เจ้าตัวยอมเดินตามเขามาต้อยๆ นั้นก็ไม่ใช่เพราะยอมเซย์เยส แต่เป็นการทำเพื่อช่วยยืดชีวิตให้คน 8 คนเท่านั้น
“Then, let see these two would have a second lucky chance or not.” หัวโจกแก๊งเถื่อนว่าพลางแสยะยิ้มแล้วหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง “Hey, bring them here!”
อย่างที่เด็กหนุ่มคาดเอาไว้ คนหนึ่งคือสมาชิกในทีมอเมริกันฟุตบอล ส่วนอีกคนนั้นถึงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรแต่ก็ถูกลากเข้ามาเอี่ยวด้วย
“It’s your last chance to say goodbye to your pathetic teammates, so use it. You surely leave with me tomorrow.” ชายวัยกลางคนว่าพลางตบใบหน้าคมเป็นการเยาะเย้ยด้วยปลายรองเท้าบู๊ท
“Go rot in hell, you fking bastard. I won’t go anywhere, especially with you.” เด็กหนุ่มสบถกลับด้วยภาษาเดียวกันและยังคงยืนกรานเหมือนเดิม “Tomorrow? Why? Wanna go back to see your bitch that much? Maybe, she’s just bored and leave you while you’re playing around here.”
“She’s waiting in Bristle. Why’d she be here just for getting you, brat?” หัวหน้าแก๊งแกล้งทำเป็นไม่สนใจ แม้จะแอบหวั่นไหวกับคำพูดที่ได้ยิน และหันมาแกล้งเปลี่ยนเรื่องเป็นการกลบเกลื่อน “Anyway, you’ll die just call me ‘Dad’ for once, you fking freak?” ว่าพร้อมกับเตะเข้าที่ท้องอย่างแรง
“ชั้นไม่เรียกให้มันเสนียดปากหรอกว่ะไอ้แก่ตูดหมึก” ลูกชายตอกกลับอย่างใจเย็นด้วยภาษาเดิมเหมือนกับจะเป็นการเยาะเย้ยให้ตัวประกันอีกสองคนได้ยินด้วย “ยังกับว่าแกเคยทำตัวสมกับให้เรียกแบบนั้นสักครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะอยากได้หัวนี่ไปเป็นเบ๊ใช้งานทำเรื่องชั่ว ๆ มีเหรอแกจะวิ่งแจ้นมาหา คราวนี้อะไรล่ะ ปล้นธนาคารแบบคราวก่อนอีกรึไง ‘คุณพ่อ’ ?”
เหมือนคำพูดเยาะเย้ยลงท้ายจะล้ำเส้นและไปตอกย้ำถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องเขาคุก เจ้าตัวจึงลงไม้ลงมือซ้อมเจ้าของปากไม่มีหูรูดอย่างไม่ยั้งมือ แต่ถึงแม้การกระทำอันป่าเถื่อนนั้นจะจบลง ใบหน้าคมก็ยังคงแสยะยิ้มกว้างและสบถออกมาอย่างไม่กลัวเกรงกับปืนที่จ่ออยู่บหน้าผาก
“อย่างแกน่ะมีปัญญาทำได้แค่นี้แหละไอ้แก่ตูดหมึก ไง ไม่ยิงล่ะ อยากได้หัวนี่กลับไปมากขนาดนั้นเลยรึไง ?”
“เออดิวะ ก็ไอ้การแฮคข้อมูลเข้าระบบมันของถนัดแกเลยนี่หว่า ไม่อยากจะยอมรับหรอกนะเว้ย แต่มีแต่เท่านั้นแหละที่จะแฮคเข้าระบบไปขโมยข้อมูลจาก ‘ที่นั่น’ ได้ไอ้ลูกเวร เพราะงั้นถ้าไม่อยากไปแบบไม่ครบ 32 ก็หุบปากซะ”
‘ที่นั่น ? ฮึ ไอ้แก่ตูดหมึกนี่มันเล่นงานช้างจริงเลยนี่หว่า’ “ก็เอาสิ ถ้าทำได้ล่ะก็นะ”
ดวงตาสีฟ้ามองมาอย่างท้าทาย เหมือนกับความเจ็บปวด กำปั้น ลูกเตะหรือแม้แต่ลูกกระสุนที่เฉี่ยวหน้าไปทั้งหมดนั่นมันไม่ได้สั่งสอนอะไรให้ตัวเจ้าของดวงตาคู่นั้นเลย
“กับแกชั้นอาจจะฆ่าทิ้งไม่ได้ก็จริง แต่กับเจ้าพวกนี้น่ะ
..”
เสียงปืนที่ดังขึ้นและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของหนึ่งในตัวประกันนับว่าเหนือความคาดหมายของจอมนักวางแผนอย่างมาก ใบหน้าและรอยแสยะยิ้มน่ารังเกียจของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำให้รู้ถึงสิ่งที่ชายวัยกลางคนนั้นกำลังคิดและกำลังจะทำ
“เล่นไม้นี้เลยเหรอไอ้แก่เฮงซวย.....” ใบหน้าและแววตาฉายความโกรธออกมาในขณะที่ริมฝีปากกลับแสยะยิ้มกว้าง
“บอกแล้วไงว่ากับพวกนี้น่ะ ชั้นไม่จำเป็นต้องคิด ในเมื่อชั้นหยุดปากแกไม่ได้ ก็ไห้เพื่อแกช่วยหยุดก็แล้วกัน ตราบใดที่ปากแกยังไม่มีหูรูด ไอ้สองตัวนี่มันก็โดนยิงไปเรื่อยๆ จนตายนั่นแหละ” รองเท้าเหยียบซ้ำบนขาที่ถูกยิงอย่างไม่ปราณี “ ดูซิว่าพวกมันจะตายก่อน หรือว่าแกจะปิดปากเงียบก่อน”
“คิดว่าฆ่าเจ้าพวกนี้ไปแล้วจะได้อะไรขึ้นมารึไง นี่มันเรื่องระหว่างแกกับชั้น เจ้าพวกนี้ไม่เกี่ยว”
“ก็เห็นๆ อยู่ว่าเกี่ยว” รองเท้ากดแรงขึ้นอีก “มากเลยด้วย ทำไม ? ทำตัวดี ๆ สงบปากสงบคำมันยากนักรึไง ?”
‘ไอ้แก่ชั่วนรกส่งมาเกิดเอ๊ย......’ ในใจคิดอย่างหัวเสียขณะที่ใบหน้าเก็บซ่อนอารมณ์เอาไว้อย่างดี นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่นักเล่นสงครามประสาทยอมที่จะหาซิบมารูดอย่างไม่เต็มใจ
“ฮึ จะทำก็ทำได้นี่หว่า” ชายวัยกลางคนเยาะเย้ยพลางหัวเราะอย่างสะใจก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ไอ้แก่ตูดหมึกเฮงซวยเอ็ย !!” เขาสบถเมื่อแน่ใจแล้วว่าเจ้าตัวเดินห่างออกไปนอกรัศมีการได้ยิน ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวใส่คนรับเคราะห์อย่างหงุดหงิด “เฮ้ย ! ไม่เป็นไรนะไอ้เหม่งตูดหมึก ?”
“มะ....ไม่เป็นไรครับ.....” เด็กหนุ่มตัวสำรองของทีมพยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดและยิ้มแห้งๆ กลบเกลื่อน
“แล้วแกมาทำบ้าอะไรนอกโรง ‘บาลฟะ ว่างมากรึไง ? แกก็ด้วย” เขาแทบอย่าจะด่าเป็นชุด แต่ก็เบรคตัวเองเอาไว้แล้วพูดออกมาแค่นั้น
“จะพูดออกมาตรง ๆ ว่าเป็นห่วงมันจะตายรึไงฟะ” หัวโจกโรงเรียนโซคุงาคุที่ยังตกใจไม่หายประชดอย่างหงุดหงิด
“ชั้นจะเป็นไงมันก็เรื่องของชั้น แกนั่นแหละเสนอหน้ามาทำอะไร ?”
“มันก็เรื่องของชั้นที่อยากเสนอหน้ามาเองนี่โว้ย ! แล้วแกล่ะ ไหงทำตัวน่าสมเพชยอมให้เขาจับมาแบบนี้วะ ? ไอ้แก่โหดนั่นมันเป็นใคร ?”
“ถ้าไอ้เวรนั่นมันจะทำตัวสมกับเป็น ‘พ่อ’ ชั้นก็อยากเรียกให้ได้ยินหรอกวะ” คนเป็นลูกว่าอย่างหงุดหงิดที่คำพูดนั่นพาลให้นึกถึงฝีมือที่อ่อนด้อยกว่าของตัวเอง
“มิน่าล่ะ ชั่วเหมือนกันเด๊ะ”
“ยะ...อย่าพูดแบบนั้นเลยครับคุณฮาบาชิระ คะ...คุณฮิรุม่าไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับ” ยูกิมิตสึว่าขณะพยายามลุกขึ้นนั่ง
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะไอ้เหม่งตูดหมึก” จะว่าเจ้าตัวประชดออกมาเพื่อกลบเกลื่อนความเขินก็ได้ แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรเกี่ยวกับข้อสังเกตนี้
“เออ ๆ โทษที ขอถอนคำพูดก็แล้วกัน” ฮาบาชิระพูดขอโทษอย่างว่าง่าย เพราะจริงๆ แล้วเขาก็รู้สึกผิดที่พลั้งปากพูดออกไปแบบนั้น “ว่าแต่เจ้านั่นมันต้องการอะไรถึงมาเล่นงานนายแบบนี้ ? อยากได้นายกลับไปช่วยทำเรื่องชั่วรึไง ?”
“ก็ประมาณนั้นแหละ แผนของมันท่าจะใหญ่น่าดูถึงได้ลงทุนแหกคุกแล้วถ่อจากครึ่งซีกโลกมาหาชั้นแบบนี้ ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นเรื่องประมาณไปรับจ้างก่อการร้ายให้ที่ไหนล่ะมั้ง ไม่งั้นคงก็ยังนั่งจ๋องอยู่ในคุกนั่นแหละ”
‘เป็นพ่อที่------จริง ๆ แล้วเจ้านี่ / คุณฮิรุม่าไปรู้ได้ยังไง ?’ ทั้งสองคนต่างคิดเหมือนกัน
“ว่าแต่พวกเราจะหนีออกไปได้ยังไง ?”
คำพูดของหัวหน้าทีมคาเมเลออนเหมือนไปสะกิดอะไรบางอย่างของเดมอนแห่งทีมเดวิลแบ็ท ทำให้ใบหน้าและเสียงหัวเราะเคี๊ยก ๆ เผยความชั่วและออร่าดำมืดออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
“ชั้นคิดแผนเอาไว้แล้ว แต่พวกแกน่ะต้องยอมเสี่ยงชีวิตนะเฟัย เพราะงั้นเอาตัวรอดกันเองนะเฟ้ย เคี๊ยก ๆ ๆ ๆ ๆ”
คำพูดนั่นทำให้ทั้งสองคนชักรู้สึกคิดผิดที่จะมาช่วย เพราะไอเดียที่แง้มๆ ออกมามันไร้ความรับผิดชอบต่อสวัสดิภาพและการอยู่รอดของพวกเขาสิ้นดี แต่ในเมื่อยอมที่จะตกกระไดพลอยโจนมาถึงขนาดนี้แล้ว แต่จะให้หันหลังเดินกลับไปก็เป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นการที่พวกเขามาอยู่ที่นี่จะไร้ความหมาย และไม่ต่างกับการเอาชีวิตมาทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์เพื่อคนๆ หนึ่งที่ไม่เคยแม้แต่จะออกปากขอให้ช่วยแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อคิดได้แบบนั้น ทั้งสองคนต่างก็มีแรงฮึดสู้ขึ้นมาทันที
“หน้าพวกแกนี่มันเผยความคิดออกมาหมดจริงๆ เลยฟ่ะ” เดมอนจอมโฉดหัวเราะเคี๊ยก ๆ “ทำไห้ได้อย่างที่คิดก็แล้วกัน”
End Chapter 02
ความคิดเห็น