คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 01
Fanfiction
Project : Eyesheild 21
Puzzled Love
Chapter 01
ท้องฟ้ากว้างเบื้องบนนั้นดูสดใสปราศจากเมฆที่จะเข้ามาบดบังแสงแห่งดวงอาทิตย์ และปล่อยให้มันสาดส่องลงมายังผืนทรายอันกว้างใหญ่ เบื้องหน้าของอัฒจันทร์สูงใหญ่ทรงปีระมิดคือเหล่าทหารและองครักษ์ผิวสีแทนร่างใหญ่โตมหึมากำลังทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการแบกและหามก้อนหินสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เดินไปรอบ ๆ พื้นที่สี่เหลี่ยมที่ถูกขีดเอาไว้ด้วยเส้นสีขาว มีเพียงเด็กหนุ่มผมยาวสีดำขลับเท่านั้นที่กลับมีรูปร่างผอมบางและนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ผนักสูงท่ามกลางเหล่าอนงค์ในชุดสีขาวไตล์อียิปต์โบราณและเครื่องประดับสีทอง
“ข้าจะไปซ้อม”
ฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์พูดเสียงเรียบแล้วสะบัดปอยผมไปทางด้านหลัง ก่อนจะรับหมวกกันน๊อคที่นางกำนัลคนหนึ่งยื่นมาให้มาสวมแล้ววิ่งลงสนาม เหล่าทหารและองครักษ์ต่างวางหินลงแล้วหยุดยืนรอฟังคำสั่งจากกษัตริย์ของพวกเขา
“วันนี้เราจะซ้อมขั้นพื้นฐานหนึ่งชั่วโมงแล้วแบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อแข่งกันเอง แต่ละทีมจะมีตัวสำรองและตัวจริงอย่างละครึ่ง”
“แล้วพวกปีหนึ่งล่ะฮาราโอะ ? พวกเขาเพิ่งกลับมาซ้อมหลังช่วงสอบ 2 เดือนเองนะ” ไลน์คนสนิทผู้เป็นเหมือนดั่งมือขวาของฟาโรห์ก้าวเข้ามาถาม
“แล้วเจ้าคิดว่าไงล่ะ ?” กษัตริย์หันมามองกลุ่มคนที่ว่าและสังเกตเห็นว่ามีหน้าใหม่เข้ามาอยู่หลายคน
“ชั้นคิดว่ายังไม่ควรจะให้แข่งนะ อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับตัวจริง ทางที่ดีใ--”
“2 กลุ่ม” กษัตริย์กลับไม่รอฟังคำแนะนำแล้วหันมาพูดกับเหล่าทหารกองใหม่ของตนพร้อมกับชูนิ้วขึ้น 2 นิ้ว “แบ่งกลุ่มกันเองตามใจชอบแล้วไปเตรียมตัวลงแข่ง”
“ฮะ....ฮาราโอะ !? เดี๋ยวสิ ! มันเร็วไปนะ บางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าต้องเล่นตำแหน่งไหน”
แต่นายเหนือหัวกลับไม่สนใจคำทักท้วงและเพียงแค่ยืนกอดอกมองปีหนึ่งที่มองหน้ากันไปมาอย่างงงๆ ก่อนจะทยอยกันไปหยิบเครื่องป้องกันและชุดยูนิฟอร์มของตัวเองมาสวมแล้วเริ่มแบ่งกลุ่มตามที่บอก
“คนที่เหลือที่ไม่ใช่ตัวจริงทำตามที่ข้าบอกไปตอนแรก ส่วนที่เหลือจะเป็นคนดู”
“เดี๋ยวสิฮาราโอะ !?” ไลน์คนสนิทก้าวเข้ามาจับแขนของฟาโรห์เอาไว้ก่อนที่จะเดินจากไป “ทำไมล่ะ ? ไม่เห็นต้องรีบร้อนให้พวกเขาลงสนามจริงแบบนี้เลยนี่ ?”
“ต้องรีบให้ลงซะก่อนสิถึงจะถูก” คำตอบของฮาราโอะทำให้บัมบ้าและคนอื่น ๆ อึ้งเล็กน้อย “ไม่งั้นข้าจะเรียกใช้ในสนามจริงได้ไงล่ะถ้าไม่รู้ว่าทำอะไรกันได้บ้าง โดยเฉพาะพวกหน้าใหม่ พวกเจ้าเองก็ต้องช่วยดูด้วย จะได้ใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนตัวเล่นในการแข่งขันนัดต่อไป”
“ยังงี้นี่เอง......”
บัมบ้าว่าในขณะที่คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่แทนที่คนบอกจะเดินกลับไปที่บัลลังก์และเหล่านางกำนัลที่กำลังรอคอยที่จะทำหน้าที่กันอย่างใจจดใจจ่อ เขากลับเดินเข้าไปในสนามและไปเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมฝั่งขวา
“ฮะ......ฮาราโอะ !?” ไลน์คนสนิทรีบวิ่งเข้ามาถามด้วยความตกใจ ก็ไหนบอกให้นั่งดู แล้วทำไมตัวเองกลับลงมาเล่นเองแบบนี้
“จะดูก็ต้องดูให้ละเอียดถึงข้างในเลยไม่ใช่เหรอ ? ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่มีใครเก่งแล้วก็แข็งแรงเท่าเจ้าหรอก”
ฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์เอ่ยชมองครักษ์คนสนิทอย่างภาคภูมิใจ โดยไม่ทันสังเกตเลยว่ามันไปจุดประกายไฟให้เหล่าทหารหน้าใหม่หันมามองตาขวางด้วยความไม่พอใจและมีแรงฮึดสู้ขึ้นมากะทันหัน นายทหารคนสนิทที่คาดเดาได้ถึงปฏิกิริยาตอบสนองนั้นยิ่งรู้สึกเป็นห่วง
“’งั้นชั้นลงด้วย”
“ไม่ต้องหรอกน่า ข้าน่ะอยู่ตำแหน่งควอเตอร์แบ็คนะ ไม่ใช่ไลน์เหมือนเจ้าซะหน่อย”
‘ก็เพราะงั้นถึงได้ต้องห่วงไงเล่า !’
บัมบ้าคิดพลางมองเหงื่อตกกับสายตาอาฆาตของไลน์ฝั่งตรงข้ามที่ตั้งใจเข้ามาชนเพื่อนสนิทของเขาแบบไม่มีเกรงใจว่าร่างที่เห็นจะดูบอบบางไร้กำลังแค่ไหนก็ตาม
“เจ้าเนี่ยนะชอบห่วงนู่นห่วงนี่จุกจิกน่าเบื่อ ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะ” ใบหน้าคมชักเริ่มจะยับย่นด้วยความหงุดหงิด “ข้าบอกว่าจะลงก็คือลง ข้าบอกให้เจ้านั่งก็ไปนั่งซะ อย่าให้ต้องพูดซ้ำหลายรอบ คำของฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์คือประกาศิต ลืมแล้วรึไง”
นายเหนือหัวพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดและทรงพลังสมกับที่เป็นกษัตริย์ผู้ปกครองแผ่นดิน โดยไม่เว้นช่องให้อีกฝ่ายโต้แย้งอะไรได้อีก แม้แต่เหล่าทหารหน้าใหม่ยังรู้สึกหนาวสันหลังกับสายตาเฉียบคมแข็งกร้าว กับใบหน้าที่นิ่งสนิทและดูเย็นชาจนเหมือนกับมันสลักขึ้นมาจากน้ำแข็งอันเย็นเฉียบ ในวินาทีนี้พวกเขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงคนผู้นี้ถึงถูกเรียกขานว่าเป็นกษัตริย์ของผืนทะเลทรายแห่งนี้
“งั้นก็ตามใจ” บัมบ้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย และอดที่จะเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นกับใบหน้าที่กลับมายิ้มอ่อนโยนไม่ได้
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะระวังบัมบ้า” ฮาราโอะจับมือใหญ่สีแทนของอีกฝ่ายที่เข้ามาจับแก้มของเขา ก่อนจะหันไปหาเหล่าทหารแล้วเริ่มการแข่งขัน
แม้จะได้รับคำสั่งให้นั่งดูและเก็บข้อมูลเหล่าสมาชิกหน้าใหม่บนสนาม แต่ตลอดการแข่งขัน บัมบ้าแทบจะบังคับให้ตัวเองละสายตาจากร่างผอมบางของเพื่อนสนิทที่อยู่ท่ามกลางเหล่าคนยักษ์ไม่ได้เลย ใจของเขาแทบจะหยุดเต้นทุกครั้งที่มีใครวิ่งเข้ามาปะทะกับเป้าหมาย แม้เจ้าตัวจะสามารถใช้ความไวหลบหลีกไปได้อย่างฉิวเฉียดทุกครั้ง แต่ก็ยังคงมีบ้างที่ถูกแทคเคิ้ลให้ล้มลงกับพื้น เสียงโวยวายและคำต่อว่าที่ดังขึ้นหลังจากนั้นเป็นเหมือนตะปูที่ตอกให้เขานั่งติดอยู่บนอัฒจันทร์ได้โดยไม่วิ่งลงไปในสนาม เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้าของเสียงยังคงสบายดีอยู่
แต่ก็มีเพียงคน ๆ เดียว เสียงร้องเรียกชื่อของเขาเพียงคำเดียวเท่านั้นที่ติดสปริงลวดให้ลุกขึ้นและสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด เพียงพริบตาเดียวนายทหารและเหล่าองครักษ์ทั้งหมดก็เข้าไปตะลุมบอลจับเจ้าคนไร้มารยาทที่อยู่ดี ๆ ก็มาพูดอะไรไม่รู้ด้วยความดีใจแล้วอุ้มฟาโรห์ของพวกเขาไปหน้าตาเฉย
“นายเป็นใคร ต้องการอะไรจากฟาโรห์ของพวกเรา ?”
ไลน์คนสนิทเหลือบมองแล้วพูดเสียงเหี้ยมอยู่เบื้องหลังกำแพงองครักษ์และทหาร แขนข้างหนึ่งคอยโอบอุ้มร่างผอมบางของนายเหนือหัวเอาไว้ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งลูบผมสีดำยาวสลวยเบา ๆ เป็นการปลอบให้หายตื่นตกใจ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มปริศนาหน้าตาดีในชุดสูทสีดำเรียบเนี๊ยบจะตอบ น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดก็ดังขึ้นขัดจังหวะ
“จะเป็นอะไรก็ช่าง กลับไปซะ ข้าไม่ว่าง”
กษัตริย์หันมาเหลือบมองด้วยสายตาคมกริบ ในใจนั้นยังคงรู้สึกโกรธเกรี้ยวคนตรงหน้าที่อาจหาญมาลักพาตัวตัวเองไป โดยเฉพาะคำพูดของชายคนนั้นที่ได้ยินก่อนหน้านี้ก็ฟังไม่เข้าหูเลยแม้แต่นิดเดียว
“แต่ว่าฮาราโอะ--”
“ข้าบอกว่าไม่ไงล่ะ !!” ฟาโรห์ตัดบทด้วยเสียงกร้าวในขณะที่ไลน์คนสนิทยกร่างตนขึ้นนั่งบนไหล่กว้าง แล้วบอกให้ทุกคนกลับไปซ้อมและแข่งต่อ โดยไม่สนใจชายปริศนาที่ยืนอึ้งอยู่ข้างหลังว่าจะมาตามตื้อหรือทำหน้าหงอยเดินกลับไป
“ทำไมคน ๆ นั้นถึงรู้ชื่อของนาย เคยเจอกันมาก่อนเหรอฮาราโอะ ?”
บัมบ้าถามด้วยความเป็นห่วง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบและเพียงแค่ทำหน้าหงุดหงิดเท่านั้น เขาจึงเข้าใจว่าคงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดและไม่คาดคั้นหรือถามอะไรอีก
วันต่อมา
บานประตูถูกเลื่อนให้เปิดออก เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่มีผิวสีแทนในชุดเครื่องแบบลายทางสีขาวดำก้าวเข้ามาแล้วกวาดสายตามองไปรอบห้อง เขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าคนที่กำลังมองหานั้นไม่อยู่
“ดูท่าปีนี้ก็ยังมีมาเยอะเหมือนเดิม” เขาว่าพลางมองกล่องช็อคโกแลตหลากสีสันนับสิบ ๆ กล่องที่วางอยู่ข้าง ๆ โต๊ะของเพื่อนสนิท “โดยเฉพาะแฟน ๆ ที่เป็นผู้ชาย......”
เขาถอนหายใจกับชื่อบางชื่อที่เห็นบนการ์ด ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์ก็ยังคงเป็นที่กรี๊ดกร๊าด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลแห่งความรักนี้ เพราะใบหน้าคมสันอันเป็นที่ถูกใจของเหล่าหนุ่มสาวผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวอีกทั้งยังมีรสนิยมในการปลาบปลื้มชายหน้าสวยและนิสัยอันสุดเริ่ดเชิดหยิ่ง
“ป่านนี้คงกำลังเดินเฉิดฉายท่ามกลางเหล่าอนงค์ไปที่นั่งกินข้าวประจำอยู่ละมั้ง ?”
ไลน์คนสนิทที่รู้นิสัยนายเหนือหัวของตนดีที่สุดพึมพำกับตัวเองพลางหยิบสมุดที่จำเป็นต้องใช้ในคาบต่อไปออกมาจากกระเป๋าของเพื่อน เพราะรู้ดีว่ากว่าเจ้าของจะปลีกตัวจากแฟน ๆ เข้ามาเอาได้ก็คงเข้าเรียนไปแล้ว แต่เมื่อมาคิดดูอีกที คาบที่ต้องเข้าห้องก็มีเพียงคาบต่อไปเท่านั้น ส่วนชั่วโมงอิสระที่เหลือก็เป็นที่รู้กันดีว่าท่านฟาโรห์จะต้องประสงค์ที่จะให้เหล่าทหารลงสนามไปฝึกเหมือนอย่างเคย ไลน์คนสนิทจึงเก็บของทุกอย่างรวมทั้งกล่องขนมลงถุงกระดาษที่เจ้าของโต๊ะเตรียมมาเพื่อเหตุนี้โดยเฉพาะ ก่อนจะหิ้วของทั้งหมดและของ ๆ ตัวเองเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน
ระหว่างที่เดิน เขาเห็นนักเรียนหลายคนทั้งชายและหญิงต่างมีใบหน้าเศร้าสร้อยเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า ราชาแห่งอาณาจักรล้วนปฏิเสธข้อเสนอการมั่นหมายแล้วอย่างเด็ดขาด แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีบางคนที่ถึงแม้จะไม่ได้ถูกรับเลือก ก็ยังคงดีใจที่ท่านยอมรับของกำนัลของพวกเขาเอาไว้
“อยากรู้จริง ๆ ว่าใครจะเป็นผู้โชคดีกัน.......ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ออกจะดีแท้ ๆ แต่ดันเป็นคนช่างเลือกซะนี่”
เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ในใจลึก ๆ ก็กลับรู้สึกดีใจกับความจริงข้อนี้โดยไม่รู้สาเหตุ และในหัวของเขาก็ยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้แม้จะเป็นอย่างนี้มานานแล้วก็ตาม
ทันทีที่เดินมาหยุดตรงบันไดขึ้นแสตนด์ บัมบ้าเกือบจะเผลอทิ้งของในมือทั้งหมดด้วยความตกใจกับภาพที่เห็น ชายไร้มารยาทที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเมื่อวานกำลังยืนยิ้มหน้าบานอยู่กับฟาโรห์หน้าแดงเรื่อเพราะความอายและความหงุดหงิดกับดอกกุหลาบสีแดงในมือ โดยที่ไม่มีทหารหรือเหล่าอนงค์อยู่ข้างกายเลยแม้แต่คนเดียว
ภาพที่เห็นทำให้ในใจของผู้ที่อยู่ข้างกายใกล้ชิดฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์มากที่สุดรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งพูดกับตัวเองไปว่าใครกันจะเป็นผู้ถูกรับเลือก แต่เมื่อพระชายา (?) ผู้โชคดีได้มาปรากฏตัวตรงหน้าของพระองค์แล้ว เขาที่เป็นองครักษ์คนสนิทกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด แถมมือไม้ก็รู้สึกคัน ๆ อยากจะไปตะบันหน้าคน ๆ นั้นให้หน้าหงายแล้วไปลากตัวนายเหนือหัวเข้ามากอดเอาไว้แน่นด้วยซ้ำไป
‘ไปเอาความคิดบ้า ๆ นี่มาจากไหนเนี่ย ? ทำยังกับเป็นนางอิจฉาคลั่งรักในการ์ตูนไปได้ !!’
เขาด่าตัวเองที่ดันคิดอะไรแปลก ๆ ออกมาทั้ง ๆ ที่คนตรงหน้าคือ เพื่อนสนิท และผู้เปรียบเสมือนเป็น ฟาโรห์ แห่งโทโยสฟิงซ์ที่ตนสาบานว่าจะปกป้องเอาไว้ด้วยชีวิต
“บะ.....บัมบ้า !!?”
กลายเป็นว่าบัมบ้าถูกเรียกซะเองทั้ง ๆ ที่ตั้งใจเป็นคนมาหา เขามองชายหนุ่มสวมสูทโบกมือลาด้วยรอยยิ้มแล้วเดินจากไป ก่อนจะหันมามองเพื่อนที่ลุกลี้ลุกลนซ่อนดอกไม้เอาไว้ข้างหลัง ท่าทีที่พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้ไลน์แห่งโทโยอดที่จะถอนหายใจไม่ได้
“ไม่ต้องซ่อนมันหรอกฮาราโอะ ชั้นเห็นแล้วล่ะ” คำพูดของเขาทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งโหยง ใบหน้าแดงก่ำขึ้นอีก
“ละ....แล้ว......แล้วเห็น.......แค่ไหน.......” คำพูดลงท้ายนั้นเบาซะจนแทบจะไม่ได้ยิน ในขณะที่ใบหน้าก็เอาแต่ก้มมองพื้น
“ก็ตอนที่นายถือกุหลาบหน้าแดงในขณะที่คนให้ยืนยิ้มหน้าบานอยู่ ทำไม ? รึว่านายไม่อยากให้ชั้นมาได้ยินตอนสารภาพรัก ? ยินดีด้วยนะ ในที่สุดก็เจอคนที่ใช่ซะที แต่ว่าแล้วทำไมหมอนั่นถึงมาทำแบบนั้นกับนายเมื่อวานล่ะ ถ้ามาแบบดี ๆ เหมือนวันนี้ก็คงไม่มีใครว่าหรอก ว่าแต่เขาเป็นใครล่ะ ไม่คิดเลยว่าฮาราโอะจะชอบคนอายุมากกว่า”
“บัมบ้า !!”
ทั้งคนพูดและคนฟังต่างอึ้งด้วยกันทั้งคู่ เพราะปกติแล้วเด็กหนุ่มร่างยักษ์นี้จะไม่เคยพล่ามยาวแบบไม่เว้นช่องว่างแบบนี้เลย มันเหมือนกับคนที่พูดนั้นพยายามจะกลบเกลื่อนอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างในโดยทำเป็นหันมาสนใจหลาย ๆ เรื่องพร้อม ๆ กัน แต่ก็กลับไม่กล้าที่จะฟังคำตอบของคำถามที่พูดออกไปเลยแม้แต่ข้อเดียว
“เป็นอะไรน่ะบัมบ้า ทำไมเจ้าทำหน้าเหมือนกับพวกนางกำนัลเวลามีผู้หญิงคนอื่นมาหาข้าล่ะ ?”
‘ห่ะ ?!’
ในใจร้องอุทานขึ้นมาในขณะที่ไลน์คนสนิทได้แต่มองใบหน้าใสซื่อของคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างอึ้ง ๆ และรู้สึกประทับใจเล็กน้อยที่ท่านอยู่มาได้โดยไม่รู้อะไรเลยแบบนั้น แต่ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เขาชักเริ่มรู้สึกวิตกกังวลกับตัวเองมากกว่าที่ทำไมถึงไปทำหน้าแบบนั้นทั้ง ๆ ที่เขาเป็นแค่ เพื่อนสนิท กับเด็กหนุ่มขี้เก๊กหน้าสวยคนนี้
“เหรอ ? ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าแต่ทำไมถึงเลือกหมอนั่นล่ะ ?”
คงมีเพียงคำถามนี้คำถามเดียวที่มีแรงปรารถนาอันแรงกล้าที่จะรู้คำตอบให้ได้ แม้จะไม่รู้ว่าทำไมก็ตาม มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยรึไงกันถ้าเพื่อนสนิทจะมีแฟนสักคนเนี่ย เขาได้แต่หันกลับมาถามตัวเองอย่างงง ๆ
“เลือก ?” ฮาราโอะทำหน้างงนิดหน่อยก่อนจะสะดุ้งโหยงและกลับมาหน้าแดงอีกครั้ง “ใครบอกกันว่าข้าเลือกเจ้านั่น !? ต่อให้เหลือมันคนเดียวในโลกข้าก็ไม่เอาเฟ้ย !! เห็นข้าเป็นเหมือนแฟนมันตรงไหนกัน ถ้าข้าไม่เห็นเจ้าก่อนล่ะก็ กำลังจะซัดมันหน้าหงายแล้ว !!”
‘ก็ทั้งหมดนั่นแหละ’ “งั้นทำไมต้องอายแล้วก็ซ่อนกุหลาบไว้ด้วยล่ะ ?” อยู่ ๆ ใจก็โล่งขึ้นเป็นกอง แล้วกลับมาทำหน้านิ่ง ๆ ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนปกติ
“นี่มันผู้ชายเป็นคนให้นะเฟ้ย !? ใครมันจะหน้าหนาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้ แถมหมอนั่นยังมาพูดอะไรแปลก ๆ ให้ข้าอายแล้วก็หงุดหงิดอีก !!”
ประโยคลงท้ายนี่เหมือนกับฮาราโอะพูดกับตัวเองมากกว่า เพื่อนสนิทเพียงแค่พยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร แล้วนั่งบนขั้นบันไดของแสตนด์ก่อนจะหยิบกล่องข้าวออกมาวาง วันนี้เขาก็ขอให้ที่บ้านช่วยทำของโปรดมาให้เพื่อนสนิทร่างผอมบางเหมือนเช่นเคย
“เอาเถอะ รีบกินกันดีกว่าเดี๋ยวจะหมดเวลาพักซะก่อน”
“อืม ทำมาจริง ๆ ด้วยแฮะ จริง ๆ ไม่ต้องก็ได้นะ ใช่ว่าที่ข้าทำมาให้เจ้าเมื่อวันก่อนเพราะมีอะไรซะหน่อย”
ฮาราโอะว่าพลางแกะห่อผ้าแล้วเอาข้าวกล่องของตัวเองออกมาวางด้วย และในนั้นก็มีของที่คนตรงหน้าชอบเช่นเดียวกัน
“แบบนี้เหมือนเราแลกข้าวกล่องกันเลยนะ”
“ก็คงจะใช่ ถ้านายยังแย่งของอย่างอื่นชั้นกินจนเกือบหมดอยู่ยังงี้น่ะ”
บัมบ้าพูดเสียงเรียบ และยกข้าวกล่องที่อาหารพร่องไปครึ่งอย่างที่บอกให้กับเพื่อนสนิทไป ส่วนอีกฝ่ายก็แค่ยักไหล่แล้วให้ข้าวกล่องของตัวเองมาเป็นการชดเชย
“ก็ของเจ้ามันอร่อยหมดเลยนี่ ข้าก็ต้องมีเผลอมั่งสิ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ นายน่ะผอมจะแย่แล้ว กินเข้าไปเยอะ ๆ แหละดี”
ไลน์สุดแกร่งแห่งโทโยจับข้อมือเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายขึ้นมาเป็นข้อยืนยัน ดวงตาทั้งสองข้างฉายแววความเป็นห่วงเหมือนกับพ่อที่มีต่อลูกชาย ควอเตอร์แบ๊คทำหน้ามุ่ยแล้วเชิดใส่ก่อนจะตามมาด้วยคำพูดตามแบบฉบับหนุ่มขี้เก๊กหลงตัวเอง แต่อีกฝ่ายก็ดูออกว่ามันเป็นแค่การแกล้งทำเท่านั้น
“ข้าไม่ผอมสักหน่อย เขาเรียกว่าสมส่วนน่าฟัดหน้ากอดเข้ากับหน้าตาอันหล่อเหลานี่ต่างหากล่ะ” ว่าแล้วก็ปรายตามองพร้อมกับรอยยิ้มเซ็กซี่ที่ทำให้บรรดาสาว ๆ ที่แอบซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ทางด้านหลังต่างกรี๊ดสลบไปตาม ๆ กัน
“เห็นมะ บอกแล้ว”
บัมบ้าได้แต่ถอนหายใจและไม่เข้าใจความคิดของบรรดาแฟน ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว โดยเฉพาะตอนที่พวกเธอจะกรี๊ดกันด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาเต็มใจคีบอาหารเข้าปากฮาราโอะที่ขอกินอย่างไม่ถือสาว่าจะใช้ตะเกียบคู่เดียวกัน
‘ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริง ๆ’
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แม้เด็กหนุ่มผมดำยาวและเป็นดาวของสาว ๆ ในโรงเรียนโทโยจะบอกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าชายปริศนาใส่สูทนั้นไม่ใช่คนที่ถูกเลือก แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมลดละความพยายามและแวะเวียนมาหาบ่อยครั้งทั้งก่อนเข้าเรียน พักกลางวัน และหลังเลิกเรียน โดยเฉพาะช่วงที่เด็กหนุ่มอยู่เพียงลำพังไม่ว่าจะเหตุผลใดๆ ก็ตาม ทำให้กลายเป็นข่าวลือแพร่สะพัดกันไปทั่วว่า ไลน์คนสนิทแห่งโทโยสฟิงซ์เจอคู่แข่งซะแล้ว
“ฮาระโอะ ? หมอนั่นอีกแล้วเหรอ ?”
เด็กหนุ่มที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งในข่าวโดยที่เจ้าตัวไม่มีส่วนรู้เห็นเดินเข้ามาทักหลังจากกลับมาจากห้องพักครู อีกฝ่ายถอนหายใจพร้อมกับเหลือบมองเพื่อนอย่างลุกลี้ลุกลน เพราะรู้ดีว่าเพื่อนขี้ห่วงคนนี้ไม่ชอบชายหนุ่มปริศนาที่ว่า
“วันนี้ข้าขอกลับไปก่อนนะ พอดีมีธุระน่ะ...เพราะงั้นเจ้าช่วย....ดูแลเรื่องซ้อมด้วยนะ.....”
บัมบ้ามองเพื่อนสนิทที่ยังคงไม่ยอมสบตากับเขาตรง ๆ ด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากแล้วตอบตกลงไปอย่างว่าง่าย แต่เมื่อสายตาของเขาปราดไปเห็นชายหนุ่มปริศนาที่ยืนรออยู่ตรงทางออกของโรงเรียน คิ้วสองข้างก็ขมวดเข้าหากันอีก ดวงตาทั้งสองข้างนั้นฉายแววความหงุดหงิดเล็กน้อย
“งั้น......ข้าไปล่ะนะ.....เจอกันพรุ่งนี้........”
ฮาราโอะพูดไม่เต็มเสียงและมองเพื่อนสนิทกับชายปริศนาอย่างลังเลก่อนจะวิ่งไปหานที่คอยอยู่ ซึ่งก็ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาอึ้งอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเพื่อนสนิทที่ไม่เข้าใจท่าทางของควอเตอร์แบ็คเลยแม้แต่นิดเดียว
“บัมบ้าคุง !!! ทำยังงี้ได้ยังไงกันอ่ะ !!!”
เสียงกรีดร้องและการตัดพ้อต่อว่าของบรรดาเหล่าอนงค์ข้างกายฟาโรห์และสาว ๆ อีกหลายคนที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำให้ไลน์ของทีมโทโยสฟิงซ์สะดุ้งโหยง แล้วหันมาทำหน้างงว่าเขาทำอะไรไป
“ปล่อยฮาราโอะคุงไปแบบนั้นได้ยังไง ชายคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้ แถมยังตามตื้อไม่เลิกแบบนี้น่าสงสัยจะตาย” สาวนางหนึ่งพูดขึ้น
“ใช่ ๆ เล่นตามตื้อตลอดหลายวันมานี้เลยล่ะ เป็นพวกสตอคเกอร์รึเปล่าก็ไม่รู้” เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ก็เออออเห็นด้วย
“ว่าไงนะ !? ตามตลอดเลยเหรอ ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน !!?” ไลน์แห่งโทโยเข้ามาเค้นถามด้วยความตกใจ เพราะหลายวันนี้เขาถูกอ.เรียกใช้ไปนู่นมานี่ตลอดเลยไม่ค่อยได้เจอหน้าฟาโรห์ของเขา
“อะไรกัน บัมบ้าคุงไม่รู้เลยเหรอเนี่ย ? มิน่าล่ะ ชายคนนั้นถึงยังมาไม่เลิกซะที” บรรดาสาว ๆ ต่างพูดกันอย่างผิดหวังและถอนหายใจกันเป็นแถบ
“มาพร้อมกับของฝากวันวาเลนไทน์ทุกวันเลยล่ะ ทั้งขนมแล้วก็ดอกไม้ มีชวนไปข้างนอกด้วย ดูท่าจะจริงจังนะ”
“ว้าย !! ไม่ได้นะ แบบนั้นก็แย่น่ะสิ !!”
อีกคนหนึ่งร้องออกมาอย่างตกอกตกใจและทำให้เพื่อน ๆ ตกใจกับความจริงนี้ตามไปด้วย พวกเธอพร้อมใจกันหันมามองเด็กหนุ่มเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่จะแย่อย่างที่สาวคนนั้นว่า
“แต่ยังไงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี ฟาโรห์ของพวกเราเองก็เหมือนกัน ทำไมถึงยอมรับคำชวนไปง่าย ๆ แบบนั้นนะ ต้องมีอะไรแน่เลย เพราะงั้นบัมบ้าคุงต้องระวังนะ ไม่งั้นถูกแย่งไปไม่รู้ด้วย”
“หา ?”
เด็กหนุ่มได้แต่ร้องออกมาอย่างง ๆ แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้ถามว่าที่พูดหมายความว่ายังไง เพราะสาว ๆ ต่างจับกลุ่มคุยซุบซิบเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก ไลน์แห่งโทโยจึงรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาและตัดสินใจว่าจะคุยกับเพื่อนสนิทในวันพรุ่งนี้
“ว่าแต่ แล้วทำไมฮาราโอะต้องทำท่าแบบนั้นด้วยนะ กำลังปิดอะไรชั้นอีกแล้วสิเนี่ย เฮ้อ ! อย่างน้อยก็ขออย่าให้เป็นเหมือนคราวก่อนก็แล้วกัน”
เขาพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่ภาพของเดมอนแห่งเดวิลแบ็ทและข้อแลกเปลี่ยนเมื่อครั้งก่อนผุดขึ้นมาในความทรงจำ ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาห่วงจริง ๆ คราวนี้เขาคงจะโกรธอย่างที่พูดเอาไว้อย่างแน่นอน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เช้าวันต่อมาเริ่มต้นด้วยความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิสูงถึงสี่สิบองศา ท้องฟ้าสดใสที่ปราศจากเมฆ ผืนทะเลทรายที่แห้งผากและทางเดินหินที่เหล่านักเรียนค่อย ๆ ทยอยเดินมายังตึกเรียนทรงพระราชวังอียิปต์โบราณกันตามปกติ โดยไม่ยี่หระกับความร้อนและความแห้งแล้งของสภาพแวดล้อมที่ผิดแปลกนี้เลย
“ฮาราโอะ ?” เด็กหนุ่มร่างกำยำเดินเข้ามาทักเด็กหนุ่มร่างผอมบางที่กำลังซ้อมขว้างลูกตรงกลางสนามทะเลทรายอยู่คนเดียว ”แปลกนะที่มาซ้อมก่อนเข้าเรียนแบบนี้”
“ก็เมื่อวานข้ากลับไปก่อนนี่ ก็ต้องมาซ้อมชดเชยสิ ว่าแต่เจ้าเองก็มาเช้าเหมือนกันนะบัมบ้า”
“อืม แต่อย่าหักโหมเกินไปล่ะ”
ไลน์คนสนิทว่าด้วยความเป็นห่วงแล้วลูบหัวฟาโรห์ของเขาเบา ๆ อย่างเอ็นดู ถ้าคนอื่น ๆ ในทีมมีโอกาสได้เห็นกษัตริย์ของพวกเขาแบบนี้ คงจะหันมามองเขาในมุมที่ดีขึ้นและเลิกนินทาลับหลังแน่นอน
“รู้แล้วล่ะน่า เจ้านี่ก็ชอบห่วงข้าจุกจิกอยู่เรื่อย”
“ก็นายชอบทำอะไรที่ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยนี่” องครักษ์คนสนิทว่าอย่างรู้ดี
“ไม่ใช่ซะหน่อย ยังไงข้าก็ไม่ใช่เด็ก ๆ นะ ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว”
“ครับ ๆ ดูแลได้อยู่แล้ว” แม้จะตกปากรับคำ แต่น้ำเสียงที่ได้ยินกลับไม่ให้ความรู้สึกแบบนั้น อีกฝ่ายจึงเหลือบมองอย่างหงุดหงิด แล้วหันไปซ้อมขว้างลูกต่อ
บัมบ้ายืนมองฮาราโอะซ้อมพลางชั่งใจว่าจะถามเกี่ยวกับเรื่องที่ตนได้ยินมาจากเหล่าอนงค์และแฟนๆ ของเพื่อนเมื่อวานดีหรือเปล่า โดยเฉพาะจะถามยังไงให้อีกฝ่ายยอมบอกความจริงออกมาตรง ๆ ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
“ฮาราโอะ เมื่อวานไปไหนกับผู้ชายคนนั้นเหรอ ?” แต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออก จึงตัดสินใจถามตรง ๆ “ตกลงว่าพวกนาย 2 คนเป็นแฟนกันจริง ๆ รึเปล่า ?” คำพูดของเขาทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งโหยง ใบหน้าแดงเรื่อด้วยความอายและไม่กล้าหันมาสบตา
“ก็เปล่านี่ แล้วไปได้ข่าวมาจากไหนล่ะ ? เรื่องแฟนอะไรนั่นน่ะ ข้าก็บอกไปแล้วนี่ว่าไม่”
“แต่ท่าทางแล้วก็การกระทำของนายมันไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิ คนเขาลือกันไปทั่วโรงเรียนแล้วรู้รึเปล่า ?”
“ระ.....เหรอ ? ไม่คิดเลยว่าข้าจะดังอะไรขนาดนั้นเลยนะ”
“โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่น่าไว้ใจของสตอคเกอร์ของนาย”
“นั่นสินะ แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่ เจ้าตั้งใจมาดักรอข้าแต่เช้าเพื่อจะถามเรื่องนี้ล่ะสิ”
ฟาโรห์ว่าพลางถอนหายใจ แม้เขาจะรู้ว่าองครักษ์คนสนิทจะต้องเข้ามาถามเข้ามาพูดให้รู้เรื่องสักวัน แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่จะตกเป็นที่ข่าวลือไปทั่วทั้งโรงเรียน แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังเห็นว่ายอมให้ลือและเป็นที่สงสัยกันต่อไป ยังดีกว่ามาป่าวประกาศให้ประชาชนชาวโทโยทุกคนรู้ความลับที่กษัตริย์อันเป็นที่เคารพรักเก็บซ่อนเอาไว้ ฟาโรห์จึงไม่เอ่ยตอบอะไรแล้วหันมาเก็บข้าวของลงตะกร้าอุปกรณ์ก่อนจะเดินจากไป
“เดี๋ยวสิฮาราโอะ” ไลน์คนสนิทรีบคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน “จริงอยู่ว่าชั้นไม่อยากบังคับถ้านายไม่อยากบอก แต่นี่มันชักจะนานเกินไปแล้วนะ นายก็รู้นี่ว่าชั้นเป็นห่วงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบเมื่อคราวก่อนอีก”
“แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยนะ”
“เกี่ยวสิ !!” น้ำเสียงที่จริงจังและหนักแน่นทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยและมองใบหน้าซีเรียสอย่างงง ๆ “ชั้นสาบานเอาไว้ด้วยเกียรติขององครักษ์แห่งโทโยสฟิงซ์แล้วว่าจะปกป้องนายด้วยชีวิต เพราะงั้นจะให้องครักษ์อย่างชั้นไม่สนใจนายที่เป็นฟาโรห์ได้ยังไง” ฝ่ามือขนาดใหญ่กุมมือเรียวบางขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบา
กษัตริย์แห่งดินแดนผืนทะเลทรายเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ แต่สิ่งที่ทำให้เป็นอย่างนั้นไม่ใช่ทั้งคนตรงหน้า คำพูดสวยหรู หรือการแสดงความจงรักภักดีที่มีต่อนายเหนือหัว แต่มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหน้าปกนิตยสารที่โผล่ออกมาจากกระเป๋านักเรียนเท่านั้น
“เจ้าไปเอานี่มาจากไหน ?!!”
ฝ่ามือเรียวชักกลับแล้วเข้ามาคว้านิตยสารออกมา นัยน์ตาทั้งสองข้างจับจ้องใบหน้าของนางแบบที่อยู่บนนั้นเขม็ง ในขณะที่มือและร่างกายสั่นไปหมดด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้าและแทบอยากจะฉีกมันให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วเผาซ้ำไม่ให้เหลือซากอยู่บนโลกนี้อีก
“ชะ.....ชั้นซื้อมาจากร้านคอนวีเนียนเมื่อเช้าน่ะ เห็นนางแบบหน้าคล้าย ๆ กับนายก็เลย......มีอะไรเหรอฮาราโอะ ?” บัมบ้าหันมาถามด้วยความเป็นห่วงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสนิท
“ไอ้เจ้าบ้านั่น ไหนมันสัญญาแล้วไง !!” ควอเตอร์แบ็คยังคงก่นด่าแล้วขว้างหนังสือลงพื้น โดยลืมไปแล้วว่ามันไม่ใช่ของ ๆ เขา “ถ้าเจอล่ะก็ จะสั่งประหารมันซะตรงนั้นเลย !!” และในใจก็รู้สึกอยากสั่งให้องครักษ์คนสนิทไปเอากริชมาให้เดี๋ยวนี้เลย
“เดี๋ยวสิฮาราโอะ !!”
อีกครั้งที่ไลน์คนสนิทต้องรีบเข้ามาคว้าข้อมือของฟาโรห์เอาไว้ก่อนที่ท่านจะเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ถาม
“ชั้นเหนื่อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้แล้วนะ บอกมาซะทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เกี่ยวกับเรื่องของสตอคเกอร์ของนายด้วยรึเปล่า ?”
“ปล่อยนะ ข้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าไงล่ะ อีกอย่างข้าก็ไม่มีอารมณ์จะพูดด้วย !!”
“ต่อให้มีอารมณ์นายก็ไม่พูดอยู่ดีนั่นแหละ”
องครักษ์คนสนิทว่าเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความหงุดหงิดและความรำคาญที่ในไม่ช้าคงจะเปลี่ยนเป็นความโกรธ หากกษัตริย์ยังคงดื้อดึงอยู่แบบนี้ ทำไมการที่เป็นห่วงคนอื่นถึงได้ต้องเหนื่อยแบบนี้ทุกครั้งด้วย เขาได้แต่ถามตัวเอง
“เจ้านี่มันน่ารำคาญจริง ๆ จะอยากรู้อะไรนักหนา”
ฟาโรห์ประชดด้วยความรำคาญ แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังก่นด่าอยู่ว่า ไม่ใช่เรื่องก็อย่าส.ใส่เกือกเสนอหน้ามาถามมายุ่งให้มากความ มากกว่า แต่นั่นมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้ารับใช้คนสนิทยอมถอยแต่โดยดี
“ก็มีแต่เรื่องของนายนั่นแหละที่ชั้นปล่อยไม่ได้น่ะ” เขายังคงว่าด้วยเสียงเรียบแล้วมองด้วยสายตาเย็นชา
“เจ้านี่มันตื้อน่ารำคาญจริง ๆ” ฮาราโอะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย “จะไม่ยอมปล่อยจนกว่าข้าจะยอมบอกงั้นสิ”
เขาว่าพลางเหลือบมองข้อมือของตัวเอง อีกฝ่ายพยักหน้าและกำข้อมือเขาแน่นขึ้นอีก ทำให้ไม่มีทางเลือกและได้แต่ยอมพูดเท่านั้น
“เฮ้อ ! ก็ได้ ชั้นไม่มีอารมณ์จะเข้าเรียนแล้ว เพราะงั้นตามมา”
เหมือนดั่งเป็นคำสั่งของกษัตริย์ที่มีต่อข้ารับใช้ ไลน์คนสนิทรีบพยักหน้าแล้วหันไปหยิบกระเป๋าของนายเหนือหัวและนิตยสารของตนขึ้นมาแล้วเดินตามฟาโรห์ของตนออกนอกอาณาจักรไป แม้จะรู้ว่ามันถือเป็นการบกพร่องในหน้าที่ที่ตนมีต่อสถานศึกษา แต่ในเวลานี้เขากลับไม่สนใจเหมือนกับคนตรงหน้า และอยากจะรู้ความลับที่เก็บซ่อนเอาไว้เท่านั้น
“โทษทีนะ มีที่นี่แหละที่คนน้อยที่สุดแล้ว”
บัมบ้าว่าพลางวางกาแฟเย็นให้ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามของโต๊ะติดกระจกที่อยู่ด้านในสุดของร้าน แม้จะเห็นว่ามีคนนั่งและเดินเข้าออกไม่มากนัก แต่ก็แทบจะไม่มีโต๊ะไหนว่างเลย และเขาหวังว่าจะไม่ได้ยินคำบ่นจากคนที่กำลังนั่งท้าวคางไขว่ห้างมองออกไปนอกกระจก เพราะเจ้าตัวนั้นอารมณ์ไม่ดีเหมือนกับระเบิดใกล้จะลงอยู่แล้ว
“ช่างเหอะ......” ควอเตอร์แบ็คของทีมโทโยสฟิงซ์ว่าเสียงเรียบขณะที่ยังคงไม่ละสายตาจากโลกภายนอก “แล้วเจ้าจะให้ข้าเริ่มจากตรงไหนล่ะ ?”
“เอาเป็น......เรื่องของสตอคเกอร์ของนายก็แล้วกัน.......”
“อิเคคุระ โซจิ เป็นลูกพี่ลูกน้องทางแม่ของชั้นเอง ทำงานบริษัทเกี่ยวกับแฟชั่น”
“แล้วทำไมเขาถึงมาตามตื้อนายแบบนั้นล่ะ ?”
ถึงแม้ฮาราโอะจะรู้ว่าคำถามนี้จะต้องมา แต่เขาก็อดที่จะสะดุ้งแล้วก็หน้าแดงไม่ได้ เขาต้องใช้เวลารวบรวมความกล้าแล้วก็ข่มความอายเอาไว้ก่อนจะตอบ แต่เสียงที่ลอดออกมาก็ยังคงเบาซะจนแทบจะไม่ได้ยิน
“เขาอยากให้ข้าไปเป็น.....นางแบบ ของชุดคอเลคชั่นเทศกาลวาเลนไทน์น่ะ.......แต่ข้าไม่ยอมเขาก็เลยมาตื้อทุกวัน”
“แล้วทำไมเขาถึงเอาพวกของวันวาเลนไทน์มาให้นายล่ะ ?” แม้จะไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาฟังคำว่า ‘นางแบบ’ ผิดรึเปล่า แต่ใบหน้าที่แดงก่ำบวกกับท่าทางที่เขินอาย และรูปบนหน้าปกนิตยสารก็แสดงให้เห็นว่าเขาได้ยินถูกแล้ว
“ทั้ง ๆ ที่ข้าบอกว่าไม่ แต่พี่ข้าก็ทำเป็นหูทวนลมแล้วยังมาตามตื้อไม่เลิก แถมยังเอาพวกของที่จะใช้ถ่ายในฉากมาให้.....เขา.....เขาจะได้ดูว่าข้าอืม.....ข้า สวย เหมาะกับ
กับชุดแล้วก็ของพวกนั้นรึเปล่า......”
‘เพราะงั้นถึงได้หน้าแดงเวลาได้ของพวกนั้นสินะ แบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกที่จะเข้าใจผิดกันไปหมดน่ะ’ เขาคิดพลางถอนหายใจ และรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเรื่องราวไม่ได้เป็นจริงอย่างที่เขาลือกัน “งั้นนี่ก็เป็นรูปของนา--”
ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ฝ่ามือเรียวก็เข้ามาปิดปากเอาไว้ก่อน เจ้าของมือมองไปรอบ ๆ อย่างเลิกลั่กว่ามีใครได้ยินหรือไม่ ก่อนจะหันมาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วกลับมานั่งท่าเดิม
“ถ้านายไม่ยอมตกลงแล้วมันมาอยู่บนนี้ได้ยังไงล่ะ ?” บัมบ้าถามพลางชี้มาที่หน้าปกนิตยสารในมือแทนที่จะพูดออกมาตรง ๆ ว่ามันคือรูปของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า
“ก็ข้ารำคาญ เลยเผลอตกลงไป อีกอย่างเขาก็สัญญาว่าจะตีพิมพ์เฉพาะในต่างประเทศเท่านั้น ข้าก็เลยคิดว่าคงไม่มีใครรู้ อย่างน้อยก็คนที่ไม่เคยเห็นหน้าข้ามาก่อน”
‘เมื่อวานถึงได้รีบกลับไปกับพี่ก่อนสินะ’ เขาคิดพลางนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
“เพราะงั้นข้าถึงได้บอกว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าไงล่ะ”
“ก็ชั้นเป็นห่วงนี่ อยู่ดี ๆ นายก็ทำตัวแปลก ๆ แถมชอบหายตัวไปตอนที่ชั้นมีธุระทุกที”
“นะ.......นายรู้ได้ยังไงว่าชั้น......” ‘ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์หลบไปไม่ให้ใครเห็นแล้วนะ’
“ก็พวกเหล่าอนงค์กับแฟนคลับของนายไงล่ะ” องครักษ์คนสนิทถอนหายใจแล้วเข้ามาจับแก้มของฟาโรห์เบา ๆ “ดีแล้วล่ะที่นายยอมเล่าให้ชั้นฟัง ขอบใจนะ”
“ใช่ แต่ถ้าเจ้ากล้าปากสว่างขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็ ข้าจะยินดีประหารเจ้าด้วยมือของข้าเองเลย”
กษัตริย์พูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดและสายตาที่คมกริบ ปลายส้อมที่ยกขึ้นจ่อคอเอาไว้เป็นเหมือนดั่งมีดคมกริบที่พร้อมจะเสียบทะลุผ่านผิวเนื้ออันอ่อนนุ่มได้ทุกเมื่อ
“รู้หรอกน่าเรื่องแบบนี้”
นายทหารคนสนิทพูดแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่รู้สึกเกรงกลัวอาวุธของฟาโรห์เลยแม้แต่น้อย แต่น้ำเสียงที่ได้ยินและรอยยิ้มที่เห็นของชายที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะก็ทำให้ใบหน้ากลับมาเกร็งเครียดแล้วหันมาทำตาขวางใส่ทันที
“จริง ๆ นะโซจิ” ฟาโรห์แทบอยากเขวี้ยงอาวุธในมือใส่เจ้าของชื่อทันทีที่เห็นหน้า “นี่เจ้าแอบติดเครื่องสะกดรอยไว้ที่ตัวข้ารึไงถึงได้หาข้าเจอตลอดเลยน่ะ !”
“ก็ต้องแบบนั้นสิ ไม่งั้นมีเหรอจะได้เห็นหน้าน้องสุดที่รัก หืม ?” คำตอบทำให้เด็กหนุ่มอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
โซจิเชยคางคนเป็นน้องขึ้นแล้วเข้ามากระซิบข้างหูแผ่วเบา ลมหายใจอุ่น ๆ ที่สัมผัสผิวบางกับน้ำเสียงยียวนกวนประสาททำให้เสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที ร่างผอมบางสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงนิ้วมือที่เย็นเฉียบค่อย ๆ ไล้ไปตามผิวสีแทนหลังใบหู แล้วเลื่อนลงมาตามลำคอเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่ขอบชายเสื้อนักเรียนลายทางสีขาว-ดำ
“ยะ....หยุดนะ !! จะทำอะไรน่ะ !!”
ฟาโรห์เผลอร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่ลุกล้ำเข้ามาใต้ผืนผ้า และพยายามผลักเจ้าของมือนั้นออกไป องครักษ์คนสนิทที่ไม่สบอารมณ์กับการกระทำที่อุกอาจของชายหนุ่มรีบเข้ามาคว้าคอเสื้อแล้วกระชากออกมาอย่างแรง ก่อนจะเข้ามายืนจังก้าเบื้องหน้าของจ้าวชีวิตของตน
“แหม มีเพื่อนขี้ห่วงแล้วก็ชอบใช้ความรุนแรงจังนะฮาราโอะ”
โซจิกลับหัวเราะแต่ก็ยังคงแสยะยิ้มในขณะที่มองเห็นความสัมพันธ์ที่น้องชายมีต่อเพื่อนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แม้จะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกก็ตาม เขาเปลี่ยนมายิ้มแห้ง ๆ เป็นเชิงยกธงขาวก่อนที่องครักษ์จะเข้ามาบีบคอตัวเองซะก่อน
“เอาน่า ชั้นแค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง” แต่อีกฝ่ายยังคงมองตาขวาง “จริง ๆ ชั้นแค่จะเอานี่ออกให้น่ะ”
เขาชูเครื่องติดตามตัวทรงกลมขนาดเล็กในมือให้ดู ทั้งขนาดและสีของมันที่กลมกลืนไปกับสีผิวได้อย่างแนบเนียน บวกกับวัสดุที่ดูน่าจะทนทานกันน้ำกันกระแทกได้อย่างดี ทำให้คนที่ถูกติดไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาไม่ทันสังเกตเห็น
“ว่าแต่นี่มันอะไร !!?”
อยู่ดี ๆ ความอายแล้วก็ความตกใจเมื่อสักครู่ก็หายไปหมด แล้วเปลี่ยนมาเป็นความโกรธที่ทำให้ฝ่ามือเรียวคว้านิตยสารขึ้นมาเหวี่ยงป้าบเข้าเต็มหน้าเปื้อนรอยยิ้มของชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินอย่างไม่มีเกรงใจ
โซจิค่อย ๆ เอาของที่อยู่บนหน้าลงแล้วทำหน้างงๆ นิดหน่อยว่าหน้าปกมันมีปัญหาอะไร ในเมื่อมันก็ออกจะถ่ายได้ดูดีอย่างที่เขาและบก.จินตนาการเอาไว้เป๊ะทุกรายละเอียด อีกอย่างยอดขายก็สูงทะลุเป้าจนสั่งผลิตรอบสองแทบจะไม่ทันหลังจากวางขายไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
“ทำไมล่ะ ? ก็ออกมาดูดีไม่ใช่เหรอ ? บอกแล้วว่านา”
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารที่ถูกหักหลังรีบเข้ามาปิดปากคนเป็นพี่ชายเอาไว้ก่อนที่จะมีใครมารับรู้ถึงความจริงที่มีผลทำให้เขาต้องอับอายไปตลอดชีวิต สายตากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างลุกลี้ลุกลนเมื่อคนในร้านชักเริ่มหันมามองและสงสัยว่ามีเรื่องอะไร ฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์จึงต้องรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้สุดชีวิตด้วยการดีดนิ้วดังเปาะ องครักษ์คนสนิทผู้รู้หน้าที่ก็รีบเข้ามาอุ้มชายหนุ่มขึ้นบ่าแล้วพากันเดินออกนอกร้านไป
เมื่อแน่ใจแล้วว่าหลบสายตาผู้คนได้มิดชิดในตรอกระหว่างตึก ฮาราโอะก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ผู้เป็นพี่ชายตัวดีของเขาอีกรอบ ในมือยังคงกำนิตยสารต้นเหตุของความโกรธเกรี้ยวเอาไว้แน่น
“ไหนเจ้าสัญญาว่าจะผลิตเฉพาะในต่างประเทศไงล่ะ ข้าถึงได้ยอมตกลง !! ทำแบบนี้ข้าจะเอาหน้าไปไว้ไหน ข้าเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลนะ แถมยังเป็นฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์ด้วย !! ใคร ๆ เขาก็รู้กันหมดน่ะสิ !!”
“แต่ว่าแต่งแบบนี้ไม่มีใครดูออกหรอก เห็นมะ” เขาว่าพลางชี้ไปยังหน้าอกของนางแบบ “ตรงนี้ก็เป็นหลักฐานมาแย้งอยู่ทนโท่แล้วจะห่วงอะไรอีกล่ะ ?”
“แต่สำหรับคนที่รู้จักข้า แค่เห็นหน้าก็รู้แล้ว !!” ฟาโรห์เข้ามากระชากคอเสื้อแล้วดันชายหนุ่มไปกระแทกกับกำแพงทางด้านหลัง
“งั้นฮาราโอะจะให้ชั้นทำยังไงเล่า ก็มันผลิตออกไปแล้วนี่”
“ใช่ ทำไปแล้ว เพราะงั้นก็สั่งยกเลิกพิมพ์ซ้ำซะสิ !!!”
เด็กหนุ่มว่าเสียงกร้าวพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาเฉียบคมบาดลึกที่ทำให้คนตรงหน้าต้องเสียวสันหลังวาบ แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกในเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนที่รอยยิ้มปีศาจจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง เมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
“เพื่อน้องสุดที่รักแล้วชั้นจะยอมตกลงก็ได้นะ” ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มโน้มลงมาใกล้ ฝ่ามือเรียวเชยคางใบหน้าสวยขึ้นมาอีกครั้ง “แต่ว่ามีข้อแม้อย่างนึง......”
“ว่าไงนะ ?”
เด็กหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูกและได้แต่พูดออกมาแค่นั้นหลังจากได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าค่อย ๆ กระซิบข้างหูช้า ๆ เหมือนกับต้องการที่ให้ได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน ในเสี้ยววินาทีหนึ่ง ในใจนั้นรู้สึกเหมือนถูกปีศาจร้ายจับเอาไว้ในกำมืออีกครั้งโดยไร้สิ้นหนทางที่จะหนี และได้แต่คร่ำครวญถึงความโชคร้ายของตัวเองที่ต้องเกิดมาเป็นลูกพี่ลูกน้องคน ๆ นี้
“ไอ้จอมฉวยโอกาส !!”
“ขอบใจที่ชม.......” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานมาพร้อมกับรอยแสยะยิ้มและใบหน้าที่สดใส
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ความคิดเห็น