ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Puzzled Love [Fic : Eyesheild 21]

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 01

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 51


    Fanfiction

     

    Project : Eyesheild 21

     

    Puzzled Love

     

    Chapter 01

     

     

     

    ท้องฟ้ากว้างเบื้องบนนั้นดูสดใสปราศจากเมฆที่จะเข้ามาบดบังแสงแห่งดวงอาทิตย์  และปล่อยให้มันสาดส่องลงมายังผืนทรายอันกว้างใหญ่  เบื้องหน้าของอัฒจันทร์สูงใหญ่ทรงปีระมิดคือเหล่าทหารและองครักษ์ผิวสีแทนร่างใหญ่โตมหึมากำลังทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจในการแบกและหามก้อนหินสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เดินไปรอบ ๆ  พื้นที่สี่เหลี่ยมที่ถูกขีดเอาไว้ด้วยเส้นสีขาว  มีเพียงเด็กหนุ่มผมยาวสีดำขลับเท่านั้นที่กลับมีรูปร่างผอมบางและนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ผนักสูงท่ามกลางเหล่าอนงค์ในชุดสีขาวไตล์อียิปต์โบราณและเครื่องประดับสีทอง

    ข้าจะไปซ้อม  

    ฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์พูดเสียงเรียบแล้วสะบัดปอยผมไปทางด้านหลัง  ก่อนจะรับหมวกกันน๊อคที่นางกำนัลคนหนึ่งยื่นมาให้มาสวมแล้ววิ่งลงสนาม  เหล่าทหารและองครักษ์ต่างวางหินลงแล้วหยุดยืนรอฟังคำสั่งจากกษัตริย์ของพวกเขา

    วันนี้เราจะซ้อมขั้นพื้นฐานหนึ่งชั่วโมงแล้วแบ่งเป็นสองกลุ่มเพื่อแข่งกันเอง  แต่ละทีมจะมีตัวสำรองและตัวจริงอย่างละครึ่ง

    แล้วพวกปีหนึ่งล่ะฮาราโอะ ?  พวกเขาเพิ่งกลับมาซ้อมหลังช่วงสอบ 2 เดือนเองนะ  ไลน์คนสนิทผู้เป็นเหมือนดั่งมือขวาของฟาโรห์ก้าวเข้ามาถาม

    แล้วเจ้าคิดว่าไงล่ะ ?  กษัตริย์หันมามองกลุ่มคนที่ว่าและสังเกตเห็นว่ามีหน้าใหม่เข้ามาอยู่หลายคน

    ชั้นคิดว่ายังไม่ควรจะให้แข่งนะ  อย่างน้อยก็ไม่ใช่กับตัวจริง  ทางที่ดีใ--”

    “2 กลุ่มกษัตริย์กลับไม่รอฟังคำแนะนำแล้วหันมาพูดกับเหล่าทหารกองใหม่ของตนพร้อมกับชูนิ้วขึ้น  2  นิ้ว แบ่งกลุ่มกันเองตามใจชอบแล้วไปเตรียมตัวลงแข่ง

    ฮะ....ฮาราโอะ !?  เดี๋ยวสิ ! มันเร็วไปนะ  บางคนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าต้องเล่นตำแหน่งไหน

    แต่นายเหนือหัวกลับไม่สนใจคำทักท้วงและเพียงแค่ยืนกอดอกมองปีหนึ่งที่มองหน้ากันไปมาอย่างงงๆ  ก่อนจะทยอยกันไปหยิบเครื่องป้องกันและชุดยูนิฟอร์มของตัวเองมาสวมแล้วเริ่มแบ่งกลุ่มตามที่บอก

    คนที่เหลือที่ไม่ใช่ตัวจริงทำตามที่ข้าบอกไปตอนแรก  ส่วนที่เหลือจะเป็นคนดู

    เดี๋ยวสิฮาราโอะ !?”  ไลน์คนสนิทก้าวเข้ามาจับแขนของฟาโรห์เอาไว้ก่อนที่จะเดินจากไป ทำไมล่ะ ?  ไม่เห็นต้องรีบร้อนให้พวกเขาลงสนามจริงแบบนี้เลยนี่ ?

    ต้องรีบให้ลงซะก่อนสิถึงจะถูก  คำตอบของฮาราโอะทำให้บัมบ้าและคนอื่น ๆ อึ้งเล็กน้อย  ไม่งั้นข้าจะเรียกใช้ในสนามจริงได้ไงล่ะถ้าไม่รู้ว่าทำอะไรกันได้บ้าง  โดยเฉพาะพวกหน้าใหม่   พวกเจ้าเองก็ต้องช่วยดูด้วย  จะได้ใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนตัวเล่นในการแข่งขันนัดต่อไป

    ยังงี้นี่เอง...... 

    บัมบ้าว่าในขณะที่คนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย  แต่แทนที่คนบอกจะเดินกลับไปที่บัลลังก์และเหล่านางกำนัลที่กำลังรอคอยที่จะทำหน้าที่กันอย่างใจจดใจจ่อ   เขากลับเดินเข้าไปในสนามและไปเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมฝั่งขวา

    ฮะ......ฮาราโอะ !?”  ไลน์คนสนิทรีบวิ่งเข้ามาถามด้วยความตกใจ  ก็ไหนบอกให้นั่งดู  แล้วทำไมตัวเองกลับลงมาเล่นเองแบบนี้

    จะดูก็ต้องดูให้ละเอียดถึงข้างในเลยไม่ใช่เหรอ ?  ไม่ต้องห่วงหรอกน่า  ไม่มีใครเก่งแล้วก็แข็งแรงเท่าเจ้าหรอก 

    ฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์เอ่ยชมองครักษ์คนสนิทอย่างภาคภูมิใจ  โดยไม่ทันสังเกตเลยว่ามันไปจุดประกายไฟให้เหล่าทหารหน้าใหม่หันมามองตาขวางด้วยความไม่พอใจและมีแรงฮึดสู้ขึ้นมากะทันหัน  นายทหารคนสนิทที่คาดเดาได้ถึงปฏิกิริยาตอบสนองนั้นยิ่งรู้สึกเป็นห่วง

    “’งั้นชั้นลงด้วย

    ไม่ต้องหรอกน่า  ข้าน่ะอยู่ตำแหน่งควอเตอร์แบ็คนะ  ไม่ใช่ไลน์เหมือนเจ้าซะหน่อย

    ก็เพราะงั้นถึงได้ต้องห่วงไงเล่า !’ 

    บัมบ้าคิดพลางมองเหงื่อตกกับสายตาอาฆาตของไลน์ฝั่งตรงข้ามที่ตั้งใจเข้ามาชนเพื่อนสนิทของเขาแบบไม่มีเกรงใจว่าร่างที่เห็นจะดูบอบบางไร้กำลังแค่ไหนก็ตาม

    เจ้าเนี่ยนะชอบห่วงนู่นห่วงนี่จุกจิกน่าเบื่อ  ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะ  ใบหน้าคมชักเริ่มจะยับย่นด้วยความหงุดหงิด ข้าบอกว่าจะลงก็คือลง  ข้าบอกให้เจ้านั่งก็ไปนั่งซะ  อย่าให้ต้องพูดซ้ำหลายรอบ  คำของฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์คือประกาศิต  ลืมแล้วรึไง 

    นายเหนือหัวพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดและทรงพลังสมกับที่เป็นกษัตริย์ผู้ปกครองแผ่นดิน  โดยไม่เว้นช่องให้อีกฝ่ายโต้แย้งอะไรได้อีก  แม้แต่เหล่าทหารหน้าใหม่ยังรู้สึกหนาวสันหลังกับสายตาเฉียบคมแข็งกร้าว   กับใบหน้าที่นิ่งสนิทและดูเย็นชาจนเหมือนกับมันสลักขึ้นมาจากน้ำแข็งอันเย็นเฉียบ  ในวินาทีนี้พวกเขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงคนผู้นี้ถึงถูกเรียกขานว่าเป็นกษัตริย์ของผืนทะเลทรายแห่งนี้

    งั้นก็ตามใจ  บัมบ้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  และอดที่จะเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นกับใบหน้าที่กลับมายิ้มอ่อนโยนไม่ได้

    ไม่ต้องห่วง  ข้าจะระวังบัมบ้า  ฮาราโอะจับมือใหญ่สีแทนของอีกฝ่ายที่เข้ามาจับแก้มของเขา  ก่อนจะหันไปหาเหล่าทหารแล้วเริ่มการแข่งขัน

    แม้จะได้รับคำสั่งให้นั่งดูและเก็บข้อมูลเหล่าสมาชิกหน้าใหม่บนสนาม  แต่ตลอดการแข่งขัน  บัมบ้าแทบจะบังคับให้ตัวเองละสายตาจากร่างผอมบางของเพื่อนสนิทที่อยู่ท่ามกลางเหล่าคนยักษ์ไม่ได้เลย  ใจของเขาแทบจะหยุดเต้นทุกครั้งที่มีใครวิ่งเข้ามาปะทะกับเป้าหมาย  แม้เจ้าตัวจะสามารถใช้ความไวหลบหลีกไปได้อย่างฉิวเฉียดทุกครั้ง  แต่ก็ยังคงมีบ้างที่ถูกแทคเคิ้ลให้ล้มลงกับพื้น  เสียงโวยวายและคำต่อว่าที่ดังขึ้นหลังจากนั้นเป็นเหมือนตะปูที่ตอกให้เขานั่งติดอยู่บนอัฒจันทร์ได้โดยไม่วิ่งลงไปในสนาม  เพราะนั่นแสดงให้เห็นว่าเจ้าของเสียงยังคงสบายดีอยู่

    แต่ก็มีเพียงคน ๆ เดียว  เสียงร้องเรียกชื่อของเขาเพียงคำเดียวเท่านั้นที่ติดสปริงลวดให้ลุกขึ้นและสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด  เพียงพริบตาเดียวนายทหารและเหล่าองครักษ์ทั้งหมดก็เข้าไปตะลุมบอลจับเจ้าคนไร้มารยาทที่อยู่ดี ๆ ก็มาพูดอะไรไม่รู้ด้วยความดีใจแล้วอุ้มฟาโรห์ของพวกเขาไปหน้าตาเฉย

    นายเป็นใคร  ต้องการอะไรจากฟาโรห์ของพวกเรา ?

    ไลน์คนสนิทเหลือบมองแล้วพูดเสียงเหี้ยมอยู่เบื้องหลังกำแพงองครักษ์และทหาร  แขนข้างหนึ่งคอยโอบอุ้มร่างผอมบางของนายเหนือหัวเอาไว้ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งลูบผมสีดำยาวสลวยเบา ๆ เป็นการปลอบให้หายตื่นตกใจ  แต่ก่อนที่ชายหนุ่มปริศนาหน้าตาดีในชุดสูทสีดำเรียบเนี๊ยบจะตอบ  น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดก็ดังขึ้นขัดจังหวะ

    จะเป็นอะไรก็ช่าง  กลับไปซะ  ข้าไม่ว่าง 

    กษัตริย์หันมาเหลือบมองด้วยสายตาคมกริบ  ในใจนั้นยังคงรู้สึกโกรธเกรี้ยวคนตรงหน้าที่อาจหาญมาลักพาตัวตัวเองไป  โดยเฉพาะคำพูดของชายคนนั้นที่ได้ยินก่อนหน้านี้ก็ฟังไม่เข้าหูเลยแม้แต่นิดเดียว

    แต่ว่าฮาราโอะ--”

    ข้าบอกว่าไม่ไงล่ะ !!” ฟาโรห์ตัดบทด้วยเสียงกร้าวในขณะที่ไลน์คนสนิทยกร่างตนขึ้นนั่งบนไหล่กว้าง   แล้วบอกให้ทุกคนกลับไปซ้อมและแข่งต่อ  โดยไม่สนใจชายปริศนาที่ยืนอึ้งอยู่ข้างหลังว่าจะมาตามตื้อหรือทำหน้าหงอยเดินกลับไป

    ทำไมคน ๆ นั้นถึงรู้ชื่อของนาย  เคยเจอกันมาก่อนเหรอฮาราโอะ ? 

    บัมบ้าถามด้วยความเป็นห่วง  แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบและเพียงแค่ทำหน้าหงุดหงิดเท่านั้น  เขาจึงเข้าใจว่าคงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะพูดและไม่คาดคั้นหรือถามอะไรอีก

     

    วันต่อมา

     

    บานประตูถูกเลื่อนให้เปิดออก  เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่มีผิวสีแทนในชุดเครื่องแบบลายทางสีขาวดำก้าวเข้ามาแล้วกวาดสายตามองไปรอบห้อง  เขาไม่รู้สึกแปลกใจเลยว่าคนที่กำลังมองหานั้นไม่อยู่

    ดูท่าปีนี้ก็ยังมีมาเยอะเหมือนเดิม  เขาว่าพลางมองกล่องช็อคโกแลตหลากสีสันนับสิบ ๆ กล่องที่วางอยู่ข้าง ๆ โต๊ะของเพื่อนสนิท  โดยเฉพาะแฟน ๆ ที่เป็นผู้ชาย......

    เขาถอนหายใจกับชื่อบางชื่อที่เห็นบนการ์ด  ไม่ว่าจะเมื่อไหร่  ฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์ก็ยังคงเป็นที่กรี๊ดกร๊าด  โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลแห่งความรักนี้  เพราะใบหน้าคมสันอันเป็นที่ถูกใจของเหล่าหนุ่มสาวผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวอีกทั้งยังมีรสนิยมในการปลาบปลื้มชายหน้าสวยและนิสัยอันสุดเริ่ดเชิดหยิ่ง  

    ป่านนี้คงกำลังเดินเฉิดฉายท่ามกลางเหล่าอนงค์ไปที่นั่งกินข้าวประจำอยู่ละมั้ง ?

    ไลน์คนสนิทที่รู้นิสัยนายเหนือหัวของตนดีที่สุดพึมพำกับตัวเองพลางหยิบสมุดที่จำเป็นต้องใช้ในคาบต่อไปออกมาจากกระเป๋าของเพื่อน  เพราะรู้ดีว่ากว่าเจ้าของจะปลีกตัวจากแฟน ๆ เข้ามาเอาได้ก็คงเข้าเรียนไปแล้ว  แต่เมื่อมาคิดดูอีกที  คาบที่ต้องเข้าห้องก็มีเพียงคาบต่อไปเท่านั้น  ส่วนชั่วโมงอิสระที่เหลือก็เป็นที่รู้กันดีว่าท่านฟาโรห์จะต้องประสงค์ที่จะให้เหล่าทหารลงสนามไปฝึกเหมือนอย่างเคย  ไลน์คนสนิทจึงเก็บของทุกอย่างรวมทั้งกล่องขนมลงถุงกระดาษที่เจ้าของโต๊ะเตรียมมาเพื่อเหตุนี้โดยเฉพาะ  ก่อนจะหิ้วของทั้งหมดและของ ๆ ตัวเองเดินออกจากห้องไปพร้อมกัน

    ระหว่างที่เดิน  เขาเห็นนักเรียนหลายคนทั้งชายและหญิงต่างมีใบหน้าเศร้าสร้อยเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า   ราชาแห่งอาณาจักรล้วนปฏิเสธข้อเสนอการมั่นหมายแล้วอย่างเด็ดขาด  แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีบางคนที่ถึงแม้จะไม่ได้ถูกรับเลือก    ก็ยังคงดีใจที่ท่านยอมรับของกำนัลของพวกเขาเอาไว้

    อยากรู้จริง ๆ ว่าใครจะเป็นผู้โชคดีกัน.......ทั้งๆ ที่หน้าตาก็ออกจะดีแท้ ๆ แต่ดันเป็นคนช่างเลือกซะนี่ 

    เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง  แต่ในใจลึก ๆ ก็กลับรู้สึกดีใจกับความจริงข้อนี้โดยไม่รู้สาเหตุ  และในหัวของเขาก็ยังคงไม่สามารถหาคำตอบได้แม้จะเป็นอย่างนี้มานานแล้วก็ตาม

    ทันทีที่เดินมาหยุดตรงบันไดขึ้นแสตนด์  บัมบ้าเกือบจะเผลอทิ้งของในมือทั้งหมดด้วยความตกใจกับภาพที่เห็น  ชายไร้มารยาทที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าเมื่อวานกำลังยืนยิ้มหน้าบานอยู่กับฟาโรห์หน้าแดงเรื่อเพราะความอายและความหงุดหงิดกับดอกกุหลาบสีแดงในมือ  โดยที่ไม่มีทหารหรือเหล่าอนงค์อยู่ข้างกายเลยแม้แต่คนเดียว

    ภาพที่เห็นทำให้ในใจของผู้ที่อยู่ข้างกายใกล้ชิดฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์มากที่สุดรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  ทั้งๆ ที่เขาเพิ่งพูดกับตัวเองไปว่าใครกันจะเป็นผู้ถูกรับเลือก  แต่เมื่อพระชายา (?)  ผู้โชคดีได้มาปรากฏตัวตรงหน้าของพระองค์แล้ว  เขาที่เป็นองครักษ์คนสนิทกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด  แถมมือไม้ก็รู้สึกคัน ๆ อยากจะไปตะบันหน้าคน ๆ นั้นให้หน้าหงายแล้วไปลากตัวนายเหนือหัวเข้ามากอดเอาไว้แน่นด้วยซ้ำไป

    ไปเอาความคิดบ้า ๆ นี่มาจากไหนเนี่ย ?  ทำยังกับเป็นนางอิจฉาคลั่งรักในการ์ตูนไปได้ !!’

    เขาด่าตัวเองที่ดันคิดอะไรแปลก ๆ ออกมาทั้ง ๆ ที่คนตรงหน้าคือ  เพื่อนสนิท  และผู้เปรียบเสมือนเป็น  ฟาโรห์  แห่งโทโยสฟิงซ์ที่ตนสาบานว่าจะปกป้องเอาไว้ด้วยชีวิต

    บะ.....บัมบ้า !!?”

    กลายเป็นว่าบัมบ้าถูกเรียกซะเองทั้ง ๆ  ที่ตั้งใจเป็นคนมาหา  เขามองชายหนุ่มสวมสูทโบกมือลาด้วยรอยยิ้มแล้วเดินจากไป  ก่อนจะหันมามองเพื่อนที่ลุกลี้ลุกลนซ่อนดอกไม้เอาไว้ข้างหลัง  ท่าทีที่พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้ไลน์แห่งโทโยอดที่จะถอนหายใจไม่ได้

    ไม่ต้องซ่อนมันหรอกฮาราโอะ  ชั้นเห็นแล้วล่ะ  คำพูดของเขาทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งโหยง  ใบหน้าแดงก่ำขึ้นอีก

    ละ....แล้ว......แล้วเห็น.......แค่ไหน.......  คำพูดลงท้ายนั้นเบาซะจนแทบจะไม่ได้ยิน  ในขณะที่ใบหน้าก็เอาแต่ก้มมองพื้น

    ก็ตอนที่นายถือกุหลาบหน้าแดงในขณะที่คนให้ยืนยิ้มหน้าบานอยู่  ทำไม ?  รึว่านายไม่อยากให้ชั้นมาได้ยินตอนสารภาพรัก ?  ยินดีด้วยนะ  ในที่สุดก็เจอคนที่ใช่ซะที  แต่ว่าแล้วทำไมหมอนั่นถึงมาทำแบบนั้นกับนายเมื่อวานล่ะ  ถ้ามาแบบดี ๆ เหมือนวันนี้ก็คงไม่มีใครว่าหรอก  ว่าแต่เขาเป็นใครล่ะ  ไม่คิดเลยว่าฮาราโอะจะชอบคนอายุมากกว่า

    บัมบ้า !!”

    ทั้งคนพูดและคนฟังต่างอึ้งด้วยกันทั้งคู่  เพราะปกติแล้วเด็กหนุ่มร่างยักษ์นี้จะไม่เคยพล่ามยาวแบบไม่เว้นช่องว่างแบบนี้เลย  มันเหมือนกับคนที่พูดนั้นพยายามจะกลบเกลื่อนอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างในโดยทำเป็นหันมาสนใจหลาย ๆ เรื่องพร้อม ๆ กัน  แต่ก็กลับไม่กล้าที่จะฟังคำตอบของคำถามที่พูดออกไปเลยแม้แต่ข้อเดียว

    เป็นอะไรน่ะบัมบ้า  ทำไมเจ้าทำหน้าเหมือนกับพวกนางกำนัลเวลามีผู้หญิงคนอื่นมาหาข้าล่ะ ?

    ห่ะ ?!’ 

    ในใจร้องอุทานขึ้นมาในขณะที่ไลน์คนสนิทได้แต่มองใบหน้าใสซื่อของคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างอึ้ง ๆ และรู้สึกประทับใจเล็กน้อยที่ท่านอยู่มาได้โดยไม่รู้อะไรเลยแบบนั้น  แต่ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด  เขาชักเริ่มรู้สึกวิตกกังวลกับตัวเองมากกว่าที่ทำไมถึงไปทำหน้าแบบนั้นทั้ง ๆ ที่เขาเป็นแค่  เพื่อนสนิท  กับเด็กหนุ่มขี้เก๊กหน้าสวยคนนี้

    เหรอ ?  ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน  ว่าแต่ทำไมถึงเลือกหมอนั่นล่ะ ? 

    คงมีเพียงคำถามนี้คำถามเดียวที่มีแรงปรารถนาอันแรงกล้าที่จะรู้คำตอบให้ได้  แม้จะไม่รู้ว่าทำไมก็ตาม  มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยรึไงกันถ้าเพื่อนสนิทจะมีแฟนสักคนเนี่ย  เขาได้แต่หันกลับมาถามตัวเองอย่างงง ๆ

    เลือก ?  ฮาราโอะทำหน้างงนิดหน่อยก่อนจะสะดุ้งโหยงและกลับมาหน้าแดงอีกครั้ง ใครบอกกันว่าข้าเลือกเจ้านั่น !?  ต่อให้เหลือมันคนเดียวในโลกข้าก็ไม่เอาเฟ้ย !!  เห็นข้าเป็นเหมือนแฟนมันตรงไหนกัน  ถ้าข้าไม่เห็นเจ้าก่อนล่ะก็   กำลังจะซัดมันหน้าหงายแล้ว !!”

    ก็ทั้งหมดนั่นแหละ  งั้นทำไมต้องอายแล้วก็ซ่อนกุหลาบไว้ด้วยล่ะ ?  อยู่ ๆ ใจก็โล่งขึ้นเป็นกอง  แล้วกลับมาทำหน้านิ่ง ๆ ถามด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เหมือนปกติ

    นี่มันผู้ชายเป็นคนให้นะเฟ้ย !?  ใครมันจะหน้าหนาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้  แถมหมอนั่นยังมาพูดอะไรแปลก ๆ ให้ข้าอายแล้วก็หงุดหงิดอีก !!” 

    ประโยคลงท้ายนี่เหมือนกับฮาราโอะพูดกับตัวเองมากกว่า  เพื่อนสนิทเพียงแค่พยักหน้าแต่ไม่พูดอะไร  แล้วนั่งบนขั้นบันไดของแสตนด์ก่อนจะหยิบกล่องข้าวออกมาวาง  วันนี้เขาก็ขอให้ที่บ้านช่วยทำของโปรดมาให้เพื่อนสนิทร่างผอมบางเหมือนเช่นเคย

    เอาเถอะ  รีบกินกันดีกว่าเดี๋ยวจะหมดเวลาพักซะก่อน

    อืม  ทำมาจริง ๆ ด้วยแฮะ  จริง ๆ ไม่ต้องก็ได้นะ  ใช่ว่าที่ข้าทำมาให้เจ้าเมื่อวันก่อนเพราะมีอะไรซะหน่อย 

    ฮาราโอะว่าพลางแกะห่อผ้าแล้วเอาข้าวกล่องของตัวเองออกมาวางด้วย  และในนั้นก็มีของที่คนตรงหน้าชอบเช่นเดียวกัน

    แบบนี้เหมือนเราแลกข้าวกล่องกันเลยนะ

    ก็คงจะใช่  ถ้านายยังแย่งของอย่างอื่นชั้นกินจนเกือบหมดอยู่ยังงี้น่ะ 

    บัมบ้าพูดเสียงเรียบ  และยกข้าวกล่องที่อาหารพร่องไปครึ่งอย่างที่บอกให้กับเพื่อนสนิทไป  ส่วนอีกฝ่ายก็แค่ยักไหล่แล้วให้ข้าวกล่องของตัวเองมาเป็นการชดเชย

    ก็ของเจ้ามันอร่อยหมดเลยนี่  ข้าก็ต้องมีเผลอมั่งสิ

    ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่  นายน่ะผอมจะแย่แล้ว  กินเข้าไปเยอะ ๆ แหละดี 

    ไลน์สุดแกร่งแห่งโทโยจับข้อมือเล็ก ๆ ของอีกฝ่ายขึ้นมาเป็นข้อยืนยัน  ดวงตาทั้งสองข้างฉายแววความเป็นห่วงเหมือนกับพ่อที่มีต่อลูกชาย  ควอเตอร์แบ๊คทำหน้ามุ่ยแล้วเชิดใส่ก่อนจะตามมาด้วยคำพูดตามแบบฉบับหนุ่มขี้เก๊กหลงตัวเอง  แต่อีกฝ่ายก็ดูออกว่ามันเป็นแค่การแกล้งทำเท่านั้น

    ข้าไม่ผอมสักหน่อย  เขาเรียกว่าสมส่วนน่าฟัดหน้ากอดเข้ากับหน้าตาอันหล่อเหลานี่ต่างหากล่ะ  ว่าแล้วก็ปรายตามองพร้อมกับรอยยิ้มเซ็กซี่ที่ทำให้บรรดาสาว ๆ ที่แอบซุ่มอยู่หลังพุ่มไม้ทางด้านหลังต่างกรี๊ดสลบไปตาม ๆ กัน

    เห็นมะ  บอกแล้ว

    บัมบ้าได้แต่ถอนหายใจและไม่เข้าใจความคิดของบรรดาแฟน ๆ เลยแม้แต่นิดเดียว  โดยเฉพาะตอนที่พวกเธอจะกรี๊ดกันด้วยความตื่นเต้น  เมื่อเขาเต็มใจคีบอาหารเข้าปากฮาราโอะที่ขอกินอย่างไม่ถือสาว่าจะใช้ตะเกียบคู่เดียวกัน

    ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริง ๆ

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    แม้เด็กหนุ่มผมดำยาวและเป็นดาวของสาว ๆ ในโรงเรียนโทโยจะบอกเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าชายปริศนาใส่สูทนั้นไม่ใช่คนที่ถูกเลือก  แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมลดละความพยายามและแวะเวียนมาหาบ่อยครั้งทั้งก่อนเข้าเรียน  พักกลางวัน  และหลังเลิกเรียน  โดยเฉพาะช่วงที่เด็กหนุ่มอยู่เพียงลำพังไม่ว่าจะเหตุผลใดๆ ก็ตาม  ทำให้กลายเป็นข่าวลือแพร่สะพัดกันไปทั่วว่า  ไลน์คนสนิทแห่งโทโยสฟิงซ์เจอคู่แข่งซะแล้ว

    ฮาระโอะ ?  หมอนั่นอีกแล้วเหรอ ? 

    เด็กหนุ่มที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งในข่าวโดยที่เจ้าตัวไม่มีส่วนรู้เห็นเดินเข้ามาทักหลังจากกลับมาจากห้องพักครู  อีกฝ่ายถอนหายใจพร้อมกับเหลือบมองเพื่อนอย่างลุกลี้ลุกลน  เพราะรู้ดีว่าเพื่อนขี้ห่วงคนนี้ไม่ชอบชายหนุ่มปริศนาที่ว่า

    วันนี้ข้าขอกลับไปก่อนนะ  พอดีมีธุระน่ะ...เพราะงั้นเจ้าช่วย....ดูแลเรื่องซ้อมด้วยนะ.....

    บัมบ้ามองเพื่อนสนิทที่ยังคงไม่ยอมสบตากับเขาตรง ๆ ด้วยความสงสัย  แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากแล้วตอบตกลงไปอย่างว่าง่าย  แต่เมื่อสายตาของเขาปราดไปเห็นชายหนุ่มปริศนาที่ยืนรออยู่ตรงทางออกของโรงเรียน  คิ้วสองข้างก็ขมวดเข้าหากันอีก  ดวงตาทั้งสองข้างนั้นฉายแววความหงุดหงิดเล็กน้อย

    งั้น......ข้าไปล่ะนะ.....เจอกันพรุ่งนี้........

    ฮาราโอะพูดไม่เต็มเสียงและมองเพื่อนสนิทกับชายปริศนาอย่างลังเลก่อนจะวิ่งไปหานที่คอยอยู่  ซึ่งก็ทำให้คนที่เดินผ่านไปมาอึ้งอยู่ไม่น้อย  โดยเฉพาะเพื่อนสนิทที่ไม่เข้าใจท่าทางของควอเตอร์แบ็คเลยแม้แต่นิดเดียว

    บัมบ้าคุง !!!  ทำยังงี้ได้ยังไงกันอ่ะ !!!”

    เสียงกรีดร้องและการตัดพ้อต่อว่าของบรรดาเหล่าอนงค์ข้างกายฟาโรห์และสาว ๆ อีกหลายคนที่ดังขึ้นทางด้านหลังทำให้ไลน์ของทีมโทโยสฟิงซ์สะดุ้งโหยง  แล้วหันมาทำหน้างงว่าเขาทำอะไรไป

    ปล่อยฮาราโอะคุงไปแบบนั้นได้ยังไง  ชายคนนั้นเป็นใครก็ไม่รู้  แถมยังตามตื้อไม่เลิกแบบนี้น่าสงสัยจะตาย  สาวนางหนึ่งพูดขึ้น

    ใช่ ๆ เล่นตามตื้อตลอดหลายวันมานี้เลยล่ะ  เป็นพวกสตอคเกอร์รึเปล่าก็ไม่รู้  เพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ก็เออออเห็นด้วย

    ว่าไงนะ !?  ตามตลอดเลยเหรอ ?  ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน !!?”  ไลน์แห่งโทโยเข้ามาเค้นถามด้วยความตกใจ  เพราะหลายวันนี้เขาถูกอ.เรียกใช้ไปนู่นมานี่ตลอดเลยไม่ค่อยได้เจอหน้าฟาโรห์ของเขา

    อะไรกัน  บัมบ้าคุงไม่รู้เลยเหรอเนี่ย ?  มิน่าล่ะ  ชายคนนั้นถึงยังมาไม่เลิกซะที  บรรดาสาว ๆ ต่างพูดกันอย่างผิดหวังและถอนหายใจกันเป็นแถบ

    มาพร้อมกับของฝากวันวาเลนไทน์ทุกวันเลยล่ะ  ทั้งขนมแล้วก็ดอกไม้  มีชวนไปข้างนอกด้วย  ดูท่าจะจริงจังนะ

    ว้าย !!  ไม่ได้นะ  แบบนั้นก็แย่น่ะสิ !!” 

    อีกคนหนึ่งร้องออกมาอย่างตกอกตกใจและทำให้เพื่อน ๆ ตกใจกับความจริงนี้ตามไปด้วย    พวกเธอพร้อมใจกันหันมามองเด็กหนุ่มเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่จะแย่อย่างที่สาวคนนั้นว่า

    แต่ยังไงก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี  ฟาโรห์ของพวกเราเองก็เหมือนกัน  ทำไมถึงยอมรับคำชวนไปง่าย ๆ  แบบนั้นนะ  ต้องมีอะไรแน่เลย  เพราะงั้นบัมบ้าคุงต้องระวังนะ  ไม่งั้นถูกแย่งไปไม่รู้ด้วย

    หา ? 

    เด็กหนุ่มได้แต่ร้องออกมาอย่างง ๆ แต่ไม่มีโอกาสที่จะได้ถามว่าที่พูดหมายความว่ายังไง  เพราะสาว ๆ ต่างจับกลุ่มคุยซุบซิบเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก  ไลน์แห่งโทโยจึงรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาและตัดสินใจว่าจะคุยกับเพื่อนสนิทในวันพรุ่งนี้

    ว่าแต่  แล้วทำไมฮาราโอะต้องทำท่าแบบนั้นด้วยนะ  กำลังปิดอะไรชั้นอีกแล้วสิเนี่ย  เฮ้อ !  อย่างน้อยก็ขออย่าให้เป็นเหมือนคราวก่อนก็แล้วกัน

    เขาพึมพำกับตัวเอง  ในขณะที่ภาพของเดมอนแห่งเดวิลแบ็ทและข้อแลกเปลี่ยนเมื่อครั้งก่อนผุดขึ้นมาในความทรงจำ  ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาห่วงจริง ๆ คราวนี้เขาคงจะโกรธอย่างที่พูดเอาไว้อย่างแน่นอน

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    เช้าวันต่อมาเริ่มต้นด้วยความร้อนจากดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิสูงถึงสี่สิบองศา  ท้องฟ้าสดใสที่ปราศจากเมฆ  ผืนทะเลทรายที่แห้งผากและทางเดินหินที่เหล่านักเรียนค่อย ๆ ทยอยเดินมายังตึกเรียนทรงพระราชวังอียิปต์โบราณกันตามปกติ  โดยไม่ยี่หระกับความร้อนและความแห้งแล้งของสภาพแวดล้อมที่ผิดแปลกนี้เลย

    ฮาราโอะ ?  เด็กหนุ่มร่างกำยำเดินเข้ามาทักเด็กหนุ่มร่างผอมบางที่กำลังซ้อมขว้างลูกตรงกลางสนามทะเลทรายอยู่คนเดียว  แปลกนะที่มาซ้อมก่อนเข้าเรียนแบบนี้

    ก็เมื่อวานข้ากลับไปก่อนนี่  ก็ต้องมาซ้อมชดเชยสิ  ว่าแต่เจ้าเองก็มาเช้าเหมือนกันนะบัมบ้า

    อืม  แต่อย่าหักโหมเกินไปล่ะ 

    ไลน์คนสนิทว่าด้วยความเป็นห่วงแล้วลูบหัวฟาโรห์ของเขาเบา ๆ อย่างเอ็นดู  ถ้าคนอื่น ๆ ในทีมมีโอกาสได้เห็นกษัตริย์ของพวกเขาแบบนี้  คงจะหันมามองเขาในมุมที่ดีขึ้นและเลิกนินทาลับหลังแน่นอน

    รู้แล้วล่ะน่า  เจ้านี่ก็ชอบห่วงข้าจุกจิกอยู่เรื่อย

    ก็นายชอบทำอะไรที่ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อยนี่  องครักษ์คนสนิทว่าอย่างรู้ดี

    ไม่ใช่ซะหน่อย  ยังไงข้าก็ไม่ใช่เด็ก ๆ นะ  ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว

    ครับ ๆ ดูแลได้อยู่แล้ว  แม้จะตกปากรับคำ  แต่น้ำเสียงที่ได้ยินกลับไม่ให้ความรู้สึกแบบนั้น  อีกฝ่ายจึงเหลือบมองอย่างหงุดหงิด  แล้วหันไปซ้อมขว้างลูกต่อ

    บัมบ้ายืนมองฮาราโอะซ้อมพลางชั่งใจว่าจะถามเกี่ยวกับเรื่องที่ตนได้ยินมาจากเหล่าอนงค์และแฟนๆ ของเพื่อนเมื่อวานดีหรือเปล่า  โดยเฉพาะจะถามยังไงให้อีกฝ่ายยอมบอกความจริงออกมาตรง ๆ  ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้เลย

    ฮาราโอะ  เมื่อวานไปไหนกับผู้ชายคนนั้นเหรอ ?   แต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออก  จึงตัดสินใจถามตรง ๆ ตกลงว่าพวกนาย 2  คนเป็นแฟนกันจริง ๆ รึเปล่า ?  คำพูดของเขาทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งโหยง  ใบหน้าแดงเรื่อด้วยความอายและไม่กล้าหันมาสบตา

    ก็เปล่านี่  แล้วไปได้ข่าวมาจากไหนล่ะ ?  เรื่องแฟนอะไรนั่นน่ะ  ข้าก็บอกไปแล้วนี่ว่าไม่

    แต่ท่าทางแล้วก็การกระทำของนายมันไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิ   คนเขาลือกันไปทั่วโรงเรียนแล้วรู้รึเปล่า ?

    ระ.....เหรอ ?  ไม่คิดเลยว่าข้าจะดังอะไรขนาดนั้นเลยนะ 

    โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่น่าไว้ใจของสตอคเกอร์ของนาย

    นั่นสินะ  แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่  เจ้าตั้งใจมาดักรอข้าแต่เช้าเพื่อจะถามเรื่องนี้ล่ะสิ 

    ฟาโรห์ว่าพลางถอนหายใจ  แม้เขาจะรู้ว่าองครักษ์คนสนิทจะต้องเข้ามาถามเข้ามาพูดให้รู้เรื่องสักวัน  แต่เขาก็ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้  โดยเฉพาะเรื่องที่จะตกเป็นที่ข่าวลือไปทั่วทั้งโรงเรียน  แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น  เขาก็ยังเห็นว่ายอมให้ลือและเป็นที่สงสัยกันต่อไป  ยังดีกว่ามาป่าวประกาศให้ประชาชนชาวโทโยทุกคนรู้ความลับที่กษัตริย์อันเป็นที่เคารพรักเก็บซ่อนเอาไว้    ฟาโรห์จึงไม่เอ่ยตอบอะไรแล้วหันมาเก็บข้าวของลงตะกร้าอุปกรณ์ก่อนจะเดินจากไป

    เดี๋ยวสิฮาราโอะ  ไลน์คนสนิทรีบคว้าข้อมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน จริงอยู่ว่าชั้นไม่อยากบังคับถ้านายไม่อยากบอก  แต่นี่มันชักจะนานเกินไปแล้วนะ  นายก็รู้นี่ว่าชั้นเป็นห่วงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบเมื่อคราวก่อนอีก

    แต่เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเจ้าเลยนะ

    เกี่ยวสิ !!”  น้ำเสียงที่จริงจังและหนักแน่นทำให้อีกฝ่ายสะดุ้งเล็กน้อยและมองใบหน้าซีเรียสอย่างงง ๆ  ชั้นสาบานเอาไว้ด้วยเกียรติขององครักษ์แห่งโทโยสฟิงซ์แล้วว่าจะปกป้องนายด้วยชีวิต  เพราะงั้นจะให้องครักษ์อย่างชั้นไม่สนใจนายที่เป็นฟาโรห์ได้ยังไง  ฝ่ามือขนาดใหญ่กุมมือเรียวบางขึ้นมาจุมพิตแผ่วเบา

    กษัตริย์แห่งดินแดนผืนทะเลทรายเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจ  แต่สิ่งที่ทำให้เป็นอย่างนั้นไม่ใช่ทั้งคนตรงหน้า  คำพูดสวยหรู  หรือการแสดงความจงรักภักดีที่มีต่อนายเหนือหัว  แต่มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหน้าปกนิตยสารที่โผล่ออกมาจากกระเป๋านักเรียนเท่านั้น

    เจ้าไปเอานี่มาจากไหน ?!!”

    ฝ่ามือเรียวชักกลับแล้วเข้ามาคว้านิตยสารออกมา  นัยน์ตาทั้งสองข้างจับจ้องใบหน้าของนางแบบที่อยู่บนนั้นเขม็ง  ในขณะที่มือและร่างกายสั่นไปหมดด้วยความโกรธจนเลือดขึ้นหน้าและแทบอยากจะฉีกมันให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วเผาซ้ำไม่ให้เหลือซากอยู่บนโลกนี้อีก

    ชะ.....ชั้นซื้อมาจากร้านคอนวีเนียนเมื่อเช้าน่ะ เห็นนางแบบหน้าคล้าย ๆ กับนายก็เลย......มีอะไรเหรอฮาราโอะ ?  บัมบ้าหันมาถามด้วยความเป็นห่วงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสนิท

    ไอ้เจ้าบ้านั่น  ไหนมันสัญญาแล้วไง !!”  ควอเตอร์แบ็คยังคงก่นด่าแล้วขว้างหนังสือลงพื้น  โดยลืมไปแล้วว่ามันไม่ใช่ของ ๆ เขา  ถ้าเจอล่ะก็  จะสั่งประหารมันซะตรงนั้นเลย !!”  และในใจก็รู้สึกอยากสั่งให้องครักษ์คนสนิทไปเอากริชมาให้เดี๋ยวนี้เลย

    เดี๋ยวสิฮาราโอะ !!”

    อีกครั้งที่ไลน์คนสนิทต้องรีบเข้ามาคว้าข้อมือของฟาโรห์เอาไว้ก่อนที่ท่านจะเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงจากไปโดยไม่เปิดโอกาสให้ถาม

    ชั้นเหนื่อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้แล้วนะ  บอกมาซะทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  เกี่ยวกับเรื่องของสตอคเกอร์ของนายด้วยรึเปล่า ?

    ปล่อยนะ  ข้าบอกว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าไงล่ะ อีกอย่างข้าก็ไม่มีอารมณ์จะพูดด้วย !!”

    ต่อให้มีอารมณ์นายก็ไม่พูดอยู่ดีนั่นแหละ 

    องครักษ์คนสนิทว่าเสียงเรียบแต่แฝงไว้ด้วยความหงุดหงิดและความรำคาญที่ในไม่ช้าคงจะเปลี่ยนเป็นความโกรธ  หากกษัตริย์ยังคงดื้อดึงอยู่แบบนี้  ทำไมการที่เป็นห่วงคนอื่นถึงได้ต้องเหนื่อยแบบนี้ทุกครั้งด้วย  เขาได้แต่ถามตัวเอง

    เจ้านี่มันน่ารำคาญจริง ๆ  จะอยากรู้อะไรนักหนา 

    ฟาโรห์ประชดด้วยความรำคาญ  แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับกำลังก่นด่าอยู่ว่า  ไม่ใช่เรื่องก็อย่าส.ใส่เกือกเสนอหน้ามาถามมายุ่งให้มากความ  มากกว่า  แต่นั่นมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ข้ารับใช้คนสนิทยอมถอยแต่โดยดี

    ก็มีแต่เรื่องของนายนั่นแหละที่ชั้นปล่อยไม่ได้น่ะ  เขายังคงว่าด้วยเสียงเรียบแล้วมองด้วยสายตาเย็นชา

    เจ้านี่มันตื้อน่ารำคาญจริง ๆ  ฮาราโอะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย จะไม่ยอมปล่อยจนกว่าข้าจะยอมบอกงั้นสิ 

    เขาว่าพลางเหลือบมองข้อมือของตัวเอง  อีกฝ่ายพยักหน้าและกำข้อมือเขาแน่นขึ้นอีก  ทำให้ไม่มีทางเลือกและได้แต่ยอมพูดเท่านั้น

    เฮ้อ !  ก็ได้   ชั้นไม่มีอารมณ์จะเข้าเรียนแล้ว  เพราะงั้นตามมา

    เหมือนดั่งเป็นคำสั่งของกษัตริย์ที่มีต่อข้ารับใช้   ไลน์คนสนิทรีบพยักหน้าแล้วหันไปหยิบกระเป๋าของนายเหนือหัวและนิตยสารของตนขึ้นมาแล้วเดินตามฟาโรห์ของตนออกนอกอาณาจักรไป  แม้จะรู้ว่ามันถือเป็นการบกพร่องในหน้าที่ที่ตนมีต่อสถานศึกษา  แต่ในเวลานี้เขากลับไม่สนใจเหมือนกับคนตรงหน้า  และอยากจะรู้ความลับที่เก็บซ่อนเอาไว้เท่านั้น

    โทษทีนะ  มีที่นี่แหละที่คนน้อยที่สุดแล้ว 

    บัมบ้าว่าพลางวางกาแฟเย็นให้ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้ามของโต๊ะติดกระจกที่อยู่ด้านในสุดของร้าน  แม้จะเห็นว่ามีคนนั่งและเดินเข้าออกไม่มากนัก  แต่ก็แทบจะไม่มีโต๊ะไหนว่างเลย  และเขาหวังว่าจะไม่ได้ยินคำบ่นจากคนที่กำลังนั่งท้าวคางไขว่ห้างมองออกไปนอกกระจก  เพราะเจ้าตัวนั้นอารมณ์ไม่ดีเหมือนกับระเบิดใกล้จะลงอยู่แล้ว

    ช่างเหอะ......  ควอเตอร์แบ็คของทีมโทโยสฟิงซ์ว่าเสียงเรียบขณะที่ยังคงไม่ละสายตาจากโลกภายนอก  แล้วเจ้าจะให้ข้าเริ่มจากตรงไหนล่ะ ?

    เอาเป็น......เรื่องของสตอคเกอร์ของนายก็แล้วกัน.......

    อิเคคุระ โซจิ  เป็นลูกพี่ลูกน้องทางแม่ของชั้นเอง  ทำงานบริษัทเกี่ยวกับแฟชั่น

    แล้วทำไมเขาถึงมาตามตื้อนายแบบนั้นล่ะ ?

    ถึงแม้ฮาราโอะจะรู้ว่าคำถามนี้จะต้องมา  แต่เขาก็อดที่จะสะดุ้งแล้วก็หน้าแดงไม่ได้  เขาต้องใช้เวลารวบรวมความกล้าแล้วก็ข่มความอายเอาไว้ก่อนจะตอบ  แต่เสียงที่ลอดออกมาก็ยังคงเบาซะจนแทบจะไม่ได้ยิน

    เขาอยากให้ข้าไปเป็น.....นางแบบ ของชุดคอเลคชั่นเทศกาลวาเลนไทน์น่ะ.......แต่ข้าไม่ยอมเขาก็เลยมาตื้อทุกวัน

    แล้วทำไมเขาถึงเอาพวกของวันวาเลนไทน์มาให้นายล่ะ ?  แม้จะไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาฟังคำว่า นางแบบ  ผิดรึเปล่า  แต่ใบหน้าที่แดงก่ำบวกกับท่าทางที่เขินอาย  และรูปบนหน้าปกนิตยสารก็แสดงให้เห็นว่าเขาได้ยินถูกแล้ว

    ทั้ง ๆ ที่ข้าบอกว่าไม่  แต่พี่ข้าก็ทำเป็นหูทวนลมแล้วยังมาตามตื้อไม่เลิก  แถมยังเอาพวกของที่จะใช้ถ่ายในฉากมาให้.....เขา.....เขาจะได้ดูว่าข้าอืม.....ข้า สวย เหมาะกับ……กับชุดแล้วก็ของพวกนั้นรึเปล่า......

    เพราะงั้นถึงได้หน้าแดงเวลาได้ของพวกนั้นสินะ  แบบนี้ก็ไม่แปลกหรอกที่จะเข้าใจผิดกันไปหมดน่ะ  เขาคิดพลางถอนหายใจ  และรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเรื่องราวไม่ได้เป็นจริงอย่างที่เขาลือกัน งั้นนี่ก็เป็นรูปของนา--”

    ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ  ฝ่ามือเรียวก็เข้ามาปิดปากเอาไว้ก่อน  เจ้าของมือมองไปรอบ ๆ อย่างเลิกลั่กว่ามีใครได้ยินหรือไม่  ก่อนจะหันมาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วกลับมานั่งท่าเดิม

    ถ้านายไม่ยอมตกลงแล้วมันมาอยู่บนนี้ได้ยังไงล่ะ ?  บัมบ้าถามพลางชี้มาที่หน้าปกนิตยสารในมือแทนที่จะพูดออกมาตรง ๆ ว่ามันคือรูปของคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า

    ก็ข้ารำคาญ  เลยเผลอตกลงไป  อีกอย่างเขาก็สัญญาว่าจะตีพิมพ์เฉพาะในต่างประเทศเท่านั้น  ข้าก็เลยคิดว่าคงไม่มีใครรู้  อย่างน้อยก็คนที่ไม่เคยเห็นหน้าข้ามาก่อน

    เมื่อวานถึงได้รีบกลับไปกับพี่ก่อนสินะ เขาคิดพลางนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

    เพราะงั้นข้าถึงได้บอกว่าไม่เกี่ยวกับเจ้าไงล่ะ

    ก็ชั้นเป็นห่วงนี่  อยู่ดี ๆ นายก็ทำตัวแปลก ๆ แถมชอบหายตัวไปตอนที่ชั้นมีธุระทุกที

    นะ.......นายรู้ได้ยังไงว่าชั้น......  ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์หลบไปไม่ให้ใครเห็นแล้วนะ

    ก็พวกเหล่าอนงค์กับแฟนคลับของนายไงล่ะ  องครักษ์คนสนิทถอนหายใจแล้วเข้ามาจับแก้มของฟาโรห์เบา  ดีแล้วล่ะที่นายยอมเล่าให้ชั้นฟัง  ขอบใจนะ

    ใช่  แต่ถ้าเจ้ากล้าปากสว่างขึ้นมาเมื่อไหร่ละก็  ข้าจะยินดีประหารเจ้าด้วยมือของข้าเองเลย 

    กษัตริย์พูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดและสายตาที่คมกริบ  ปลายส้อมที่ยกขึ้นจ่อคอเอาไว้เป็นเหมือนดั่งมีดคมกริบที่พร้อมจะเสียบทะลุผ่านผิวเนื้ออันอ่อนนุ่มได้ทุกเมื่อ

    รู้หรอกน่าเรื่องแบบนี้ 

    นายทหารคนสนิทพูดแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน  ไม่รู้สึกเกรงกลัวอาวุธของฟาโรห์เลยแม้แต่น้อย  แต่น้ำเสียงที่ได้ยินและรอยยิ้มที่เห็นของชายที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะก็ทำให้ใบหน้ากลับมาเกร็งเครียดแล้วหันมาทำตาขวางใส่ทันที

    จริง ๆ นะโซจิ  ฟาโรห์แทบอยากเขวี้ยงอาวุธในมือใส่เจ้าของชื่อทันทีที่เห็นหน้า นี่เจ้าแอบติดเครื่องสะกดรอยไว้ที่ตัวข้ารึไงถึงได้หาข้าเจอตลอดเลยน่ะ !”

    ก็ต้องแบบนั้นสิ  ไม่งั้นมีเหรอจะได้เห็นหน้าน้องสุดที่รัก หืม ?คำตอบทำให้เด็กหนุ่มอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

    โซจิเชยคางคนเป็นน้องขึ้นแล้วเข้ามากระซิบข้างหูแผ่วเบา  ลมหายใจอุ่น ๆ ที่สัมผัสผิวบางกับน้ำเสียงยียวนกวนประสาททำให้เสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที   ร่างผอมบางสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงนิ้วมือที่เย็นเฉียบค่อย ๆ ไล้ไปตามผิวสีแทนหลังใบหู  แล้วเลื่อนลงมาตามลำคอเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่ขอบชายเสื้อนักเรียนลายทางสีขาว-ดำ

    ยะ....หยุดนะ !!  จะทำอะไรน่ะ !!”

    ฟาโรห์เผลอร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสที่ลุกล้ำเข้ามาใต้ผืนผ้า  และพยายามผลักเจ้าของมือนั้นออกไป  องครักษ์คนสนิทที่ไม่สบอารมณ์กับการกระทำที่อุกอาจของชายหนุ่มรีบเข้ามาคว้าคอเสื้อแล้วกระชากออกมาอย่างแรง  ก่อนจะเข้ามายืนจังก้าเบื้องหน้าของจ้าวชีวิตของตน

    แหม  มีเพื่อนขี้ห่วงแล้วก็ชอบใช้ความรุนแรงจังนะฮาราโอะ 

    โซจิกลับหัวเราะแต่ก็ยังคงแสยะยิ้มในขณะที่มองเห็นความสัมพันธ์ที่น้องชายมีต่อเพื่อนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง  แม้จะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกก็ตาม  เขาเปลี่ยนมายิ้มแห้ง ๆ เป็นเชิงยกธงขาวก่อนที่องครักษ์จะเข้ามาบีบคอตัวเองซะก่อน

    เอาน่า  ชั้นแค่ล้อเล่นนิดหน่อยเอง  แต่อีกฝ่ายยังคงมองตาขวาง  จริง ๆ ชั้นแค่จะเอานี่ออกให้น่ะ 

    เขาชูเครื่องติดตามตัวทรงกลมขนาดเล็กในมือให้ดู  ทั้งขนาดและสีของมันที่กลมกลืนไปกับสีผิวได้อย่างแนบเนียน  บวกกับวัสดุที่ดูน่าจะทนทานกันน้ำกันกระแทกได้อย่างดี  ทำให้คนที่ถูกติดไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาไม่ทันสังเกตเห็น

    ว่าแต่นี่มันอะไร !!?”

    อยู่ดี ๆ ความอายแล้วก็ความตกใจเมื่อสักครู่ก็หายไปหมด  แล้วเปลี่ยนมาเป็นความโกรธที่ทำให้ฝ่ามือเรียวคว้านิตยสารขึ้นมาเหวี่ยงป้าบเข้าเต็มหน้าเปื้อนรอยยิ้มของชายหนุ่มในชุดสูทสีน้ำเงินอย่างไม่มีเกรงใจ

    โซจิค่อย ๆ เอาของที่อยู่บนหน้าลงแล้วทำหน้างงๆ นิดหน่อยว่าหน้าปกมันมีปัญหาอะไร  ในเมื่อมันก็ออกจะถ่ายได้ดูดีอย่างที่เขาและบก.จินตนาการเอาไว้เป๊ะทุกรายละเอียด  อีกอย่างยอดขายก็สูงทะลุเป้าจนสั่งผลิตรอบสองแทบจะไม่ทันหลังจากวางขายไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

    ทำไมล่ะ ?  ก็ออกมาดูดีไม่ใช่เหรอ ?  บอกแล้วว่านา—”

    แน่นอนว่าเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารที่ถูกหักหลังรีบเข้ามาปิดปากคนเป็นพี่ชายเอาไว้ก่อนที่จะมีใครมารับรู้ถึงความจริงที่มีผลทำให้เขาต้องอับอายไปตลอดชีวิต  สายตากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างลุกลี้ลุกลนเมื่อคนในร้านชักเริ่มหันมามองและสงสัยว่ามีเรื่องอะไร  ฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์จึงต้องรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้สุดชีวิตด้วยการดีดนิ้วดังเปาะ  องครักษ์คนสนิทผู้รู้หน้าที่ก็รีบเข้ามาอุ้มชายหนุ่มขึ้นบ่าแล้วพากันเดินออกนอกร้านไป

    เมื่อแน่ใจแล้วว่าหลบสายตาผู้คนได้มิดชิดในตรอกระหว่างตึก  ฮาราโอะก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ผู้เป็นพี่ชายตัวดีของเขาอีกรอบ  ในมือยังคงกำนิตยสารต้นเหตุของความโกรธเกรี้ยวเอาไว้แน่น

    ไหนเจ้าสัญญาว่าจะผลิตเฉพาะในต่างประเทศไงล่ะ ข้าถึงได้ยอมตกลง  !!  ทำแบบนี้ข้าจะเอาหน้าไปไว้ไหน  ข้าเป็นนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลนะ แถมยังเป็นฟาโรห์แห่งโทโยสฟิงซ์ด้วย !!  ใคร ๆ เขาก็รู้กันหมดน่ะสิ !!”

    แต่ว่าแต่งแบบนี้ไม่มีใครดูออกหรอก  เห็นมะ  เขาว่าพลางชี้ไปยังหน้าอกของนางแบบ ตรงนี้ก็เป็นหลักฐานมาแย้งอยู่ทนโท่แล้วจะห่วงอะไรอีกล่ะ ?

    แต่สำหรับคนที่รู้จักข้า  แค่เห็นหน้าก็รู้แล้ว !!”  ฟาโรห์เข้ามากระชากคอเสื้อแล้วดันชายหนุ่มไปกระแทกกับกำแพงทางด้านหลัง

    งั้นฮาราโอะจะให้ชั้นทำยังไงเล่า  ก็มันผลิตออกไปแล้วนี่

    ใช่  ทำไปแล้ว  เพราะงั้นก็สั่งยกเลิกพิมพ์ซ้ำซะสิ !!!”

    เด็กหนุ่มว่าเสียงกร้าวพร้อมกับจ้องมองด้วยสายตาเฉียบคมบาดลึกที่ทำให้คนตรงหน้าต้องเสียวสันหลังวาบ  แต่มันก็เป็นเพียงความรู้สึกในเสี้ยววินาทีเท่านั้น  ก่อนที่รอยยิ้มปีศาจจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าอีกครั้ง  เมื่อความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว

    เพื่อน้องสุดที่รักแล้วชั้นจะยอมตกลงก็ได้นะ  ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มโน้มลงมาใกล้  ฝ่ามือเรียวเชยคางใบหน้าสวยขึ้นมาอีกครั้ง แต่ว่ามีข้อแม้อย่างนึง......

    ว่าไงนะ ?

    เด็กหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูกและได้แต่พูดออกมาแค่นั้นหลังจากได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าค่อย ๆ กระซิบข้างหูช้า ๆ เหมือนกับต้องการที่ให้ได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน  ในเสี้ยววินาทีหนึ่ง  ในใจนั้นรู้สึกเหมือนถูกปีศาจร้ายจับเอาไว้ในกำมืออีกครั้งโดยไร้สิ้นหนทางที่จะหนี   และได้แต่คร่ำครวญถึงความโชคร้ายของตัวเองที่ต้องเกิดมาเป็นลูกพี่ลูกน้องคน ๆ นี้

    ไอ้จอมฉวยโอกาส !!”

    ขอบใจที่ชม.......  น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานมาพร้อมกับรอยแสยะยิ้มและใบหน้าที่สดใส

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×