คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 01
Fanfiction
Project : Hunter x Hunter
Under Lie
Chapter 01
ท้องฟ้าที่มืดมิดเต็มไปด้วยดวงดาวล้อมรอบดวงจันทร์ที่ส่องแสงสีขาวนวล เมฆสีครามหม่นค่อยๆ ลอยไปตามสายลม เหมือนดังเช่นคืนอื่น ๆ แต่มีเพียงคืนนี้เท่านั้นที่ฟากฟ้ากลับมีสีแดงสลัวของดวงจันทร์สีแดงฉาน มันฉายฉาดไปทั่วพื้นเบื้องล่างและรอดผ่านกระจกหน้าต่างลงบนร่างของเด็กผู้ชายอายุประมาณสิบสองปีที่ยืนนิ่งอยู่กลางห้องมืดมิดแห่งหนึ่ง
นัยน์ตากลมสีเขียวหม่นซีดหรี่ลงและจ้องมองร่างของชายหนุ่มที่กำลังหลับสนิทอยู่ใต้ผ้าห่ม นิ้วเล็กๆ เกร็งจนเส้นเลือดปูดโปนและบังคับให้เล็บงอกยาวออกมาจนเรียวแหลม พวกมันค่อยๆ ทิ่มทะลุผ่านผ้าห่มผืนบางและผิวเนื้อที่อ่อนนุ่มอย่างช้าๆ จนเหมือนกับว่าร่างนั้นเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
เด็กชายได้แต่ยืนนิ่งมองสิ่งที่ตนควักออกมากับมือด้วยใบหน้าที่ไม่ต่างกับตุ๊กตาไร้ชีวิต เขายังคงยืนนิ่งแม้จะถูกแขนสองข้างที่โผล่ออกมาจากความมืดทางด้านนั้นกอดรอบคอเอาไว้ และไม่ตอบสนองกับเสียงเย็นชาแต่แฝงไปด้วยอารมณ์ขันที่ฟังดูคุ้นหู
“ทำได้ดีมากคิล แปลกนะที่เห็นนายใช้ยากับเป้าหมาย” นิ้วเรียวยาวยกขึ้นไล้ผิวหน้าขาวเนียนของเด็กชาย
“ชั้นก็แค่ไม่อยากได้ยินเสียงหรือออกแรงมากก็แค่นั้นแหละ”
มือเล็กๆ ปล่อยให้หัวใจร่วงหล่นลงพื้นและเคลื่อนเข้ามาใกล้ริมฝีปาก ปลายลิ้นค่อยๆ เลียหยาดเลือดสีแดงสดออกทีละนิ้วๆ นัยน์ตาที่ยังคงซ่อนอยู่ในความมืดมองการกระทำนั้นอย่างมีความสุข ใช่ ความสุขอย่างหนึ่งที่ได้เห็นน้องชายเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและยินดีปรีดากับการฆ่าคน
“คงยังไม่ลืมนะว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ นายจะไม่ได้อยู่กับกอร์นเพื่อนของนายอีก” ผู้อยู่ในเงามืดพูดอย่างขำๆ
“รู้แล้วน่าพี่อิรุมิ แค่ฆ่าก็พอใช่มั้ยล่ะ”
น้องชายตีสีหน้างอนๆ นิดหน่อยกับคำพูดของคนที่เรียกว่าพี่ชาย เขาอดหงุดหงิดไม่ได้ที่จะต้องมาต่อรองกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างการที่จะได้อยู่กับเพื่อนสนิท แต่ก็ต้องยอมรับว่าข้อเสนอนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เพราะนับแต่ออกจากบ้านมาอยู่กับเพื่อนสนิท เขาก็ได้แต่อดกลั้นไม่ฆ่าคนมาหลายต่อหลายครั้งทั้งๆ ที่มีโอกาส
“พูดแบบนั้นชั้นก็กลายเป็นคนไม่ดีสิ นายน่ะเป็นคนตกลงเองนะ ชั้นไม่ได้บังคับ”
“เฮอะ คงจะจริงหร๊อก เล่นมากับข้อเสนอพร้อมเน็นแบบนั้น” เด็กชายยังคงพูดประชดและกอดอกหันหน้าหนี ภาพตอนที่เจอกันยังทำให้เขาขนลุกไม่หาย
“ไม่งั้นนายจะยอมอยู่ฟังดีๆ เหรอ จะจับสัตว์เลี้ยงให้อยู่ก็ต้องทำให้มันกลัวจนไม่กล้าหนีก่อนสิ”
“งั้นถ้าไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยงก็ไม่ต้องกลัวสินะ”
“ยังชอบต่อปากต่อคำไม่เคยเปลี่ยน เพราะแบบเนี้ยน่ะสิมิลกี้ถึงไม่ชอบนาย”
“ผมก็ไม่ได้อยากให้เจ้าหมูตอนนั่นมาชอบผม”
“แต่พี่กับพ่อชอบนะ.....” ‘ทุกอย่างที่เป็นนาย ตราบใดที่นายยังเป็นแมวน้อยแสนเชื่องของชั้นกับพ่อ’
คิรัวร์ถอนหายใจแล้วปล่อยให้พี่ชายดึงเขาเข้าไปกอดแน่นแล้วไซ้ใบหน้าของเขา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมบางครั้งคนอื่นๆ โดยเฉพาะพี่ชายคนนี้ถึงชอบทำแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกับการแสดงความรักแปลกๆ ที่เห็นได้ยากของคนตระกูลโซลดิก
“นี่เป็นภารกิจครั้งต่อไป” พี่กระซิบที่ข้างหูของน้องชายอีกครั้งพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ให้ “ชั้นจะเอานี่ไปให้นายจ้างเอง นายน่ะกลับไปได้แล้ว ไม่งั้นเพื่อนจะสงสัย”
อิรุมิว่าพลางยกแผ่นดิสก์ข้อมูลให้คิรัวร์ดู เล็บยาวแหลมของนิ้วชี้และนิ้วกลางกรีดใบหน้าเด็กชายที่ยืนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร บวกกับทิ้งรอยข่วนบาดลึกเอาไว้ที่แขนขวาไว้เป็นของที่ระลึกก่อนที่เด็กหนุ่มจะปล่อยร่างในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ เขาทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ก่อนจะออกจากห้องไป
“ชั้นช่วยแล้วนะ นายก็หาข้อแก้ตัวดีๆ ก็แล้วกัน”
“ชิ! เจ้าพี่บ้านั่น ชอบทำอะไรตามใจตัวเองชะมัด ช่วยบ้าอะไร ทำให้มันยุ่งกว่าเดิมสิไม่ว่า” คิรัวร์ว่าพลางถอนหายใจขณะจับแผลบนหน้าที่เลือดยังคงไหลซิบ
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เช้าวันรุ่งขึ้น
อากาศยามเช้าช่างสดใส แต่ร่างบนเตียงยังคงนอนคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มไม่ยอมไปไหน ทำให้อีกคนที่อยู่ในห้องต้องออกแรงมากพอดูกว่าจะลากร่างนั้นออกจากเตียงได้ ถึงเจ้าตัวจะรู้สึกหงุดหงิด แต่พอเจอของหวานที่โปรดปรานก็อารมณ์ดีขึ้นทันที
“นี่คิรัวร์ หน้าไปโดนอะไรมาเหรอ?” เด็กชายผมตั้งถามเมื่อสังเกตเห็นพลาสเตอร์ที่ปิดอยู่บนหน้าของเพื่อนขณะที่พวกเขากำลังนั่งกินไอติมในร้าน
“แมวข่วนน่ะ พอดีเมื่อวานตอนออกไปหาน้ำกินกลางดึกไปจับมันเล่นผิดที่ผิดทางไปหน่อย”
เด็กชายเจ้าของแผลก็ลื่นไหลไปได้หน้าตาย และเพื่อนผู้ใสซื่อของเขาก็เชื่อสนิทโดยไม่สงสัยอะไรเลย ถึงแม้เขาจะสังเกตเห็นว่าเจ้าตัวออกจากห้องไปเมื่อกลางดึกจริงก็ตาม
“ว่าแต่เรามาเมืองยอร์คชินซิตี้ได้เกือบอาทิตย์แล้วยังไม่ค่อยเห็นอะไรเลย ไปสำรวจกันดีกว่านะ” กอร์นชวนด้วยน้ำเสียงเริงร่า
“ได้ ยังไงพวกเราก็ไม่มีอะไรทำระหว่างรอเลโอลีโออยู่แล้ว อีกอย่างจะได้ไปหาเงินใช้ด้วย”
“ไม่ได้นะคิรัวร์!! ห้ามเล่นพนันเด็ดขาดเลยนะ! นายน่ะเล่นทีไรเสียทุกที!”
“ไม่ใช่ซะหน่อย! นั่นมันแค่ดวงไม่ดีเท่านั้นเอง ชั้นไม่เสียแบบนั้นอีกหรอกน่า!!” ‘ยังไงชั้นก็รู้ทริคที่พวกเจ้าของคาสิโนมันใช้หมดแล้ว แค่ตลบหลังพวกมันซะก็เรียบร้อย’
“ไม่ได้!” กอร์นยังคงปฏิเสธเสียงแข็งจนคิรัวร์ยอมเพราะขี้เกียจเถียง
“ชิ! ก็ได้.....”
“เย้!! งั้นไปสำรวจในเมืองกัน!! เร็วเข้าคิรัวร์!”
เด็กชายที่ถูกเร่งได้แต่ส่ายหัว และยังคงลุกขึ้นเดินตามเพื่อนไฮเปอร์ของเขาไปด้วยความเร็วปกติ แต่สายตาก็เหลือบขึ้นไปมองร่างที่หลบอยู่บนยอดตึกสูงแวบหนึ่งก่อนจะวิ่งตามเพื่อนไป คนที่ถูกพบก็เพียงแค่มองตามหลังของเขาที่ห่างออกไปจนลับสายตา
“นายนี่ขี้กังวลจังนะ ลูกแมวน้อยซนขนาดนั้นเลยเหรอ?” ชายหนุ่มอีกคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักมายากรที่อันตรายที่สุดเดินเข้ามายืนข้างๆ เสื้อผ้าสีขาว และผมตั้งสีแดงออกส้มของเขาดูเด่นท่ามกลางเงามืดในห้องที่ถูกทิ้งร้าง
“ชั้นก็แค่ไม่ชอบเท่านั้น”
ขอบของไพ่จ่ออยู่ที่คอของเหมือนกับว่าคนที่มาเยือนนั้นไม่พอใจกับคำตอบเท่าไหร่นัก แต่กระนั้นรอยยิ้มเย็นๆ แต่แฝงไว้ด้วยความน่ากลัวก็ยังคงอยู่บนใบหน้าเหมือนเดิม
“ชั้นบอกแล้วนะว่าอย่าแตะต้องเหยื่อของชั้น”
“งั้นนายก็เลิกยุ่งกับแมวน้อยของชั้นซะทีสิ ก็แค่เด็กตระกูลฟรีกค์เท่านั้นที่สนใจไม่ใช่รึไง”
เด็กหนุ่มเพียงแค่ผลักไพ่นั้นออกแล้วหันไปจ้องอีกฝ่ายด้วยนัยน์ตาสีดำขลับ ใบหน้าของเขานั้นไร้อารมณ์แต่กลับแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจอยู่ข้างในเช่นเดียวกัน คำสัญญาที่หากฝ่ายใดละเมิดข้อตกลงจะถูกฆ่าทิ้งนั้นถูกแลกเปลี่ยนผ่านการสบตาอย่างเงียบๆ แต่กระนั้นต่างฝ่ายต่างก็ยังคงมีการท้าทายข้อตกลงเพราะไม่อยากให้เหยื่อของตนหลุดมือไป
“ผลไม้ดีๆ น่ะมันก็ให้รสชาติที่แตกต่างกันนะ อย่างลูกที่มันอยู่ตรงนี้ก็น่าลอง”
เสียงที่นุ่มลึกแกล้งแหย่ ใบหน้าคมสันเคลื่อนเข้ามาใกล้แต่ก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยฝ่ามือของคนที่เหมือนจะถูกรุกด้วยคำพูดและการกระทำที่อันตรายในหลายๆ แบบ
“ชั้นเคยบอกแล้วนะว่าให้เลิกล้อเล่นแบบนี้ ชั้นไม่เคยอยู่ในสายตานายซะหน่อย เรามันก็แค่เพื่อนทางธุรกิจเท่านั้น”
“แหม ใจร้ายจัง เรารู้จักกันมา 2 ปีกว่าแล้วนะอิรุมิเพื่อนรัก”
ฝ่ายที่ถูกเรียกว่าเพื่อนยักไหล่เหมือนกับจะบอกว่า 2 ปีแล้วไง และมองอีกฝ่ายอย่างเอือมระอากับน้ำเสียงตัดพ้อที่เจ้าตัวชอบแกล้งทำทั้งๆ ที่รอยยิ้มบนใบหน้ามันไม่ไปกับการพูดนั้นเลยซักนิด
“ชั้นไปล่ะ”
ด้วยความที่ไม่อยากจะอยู่ต่อปากต่อคำไร้สาระ ทำให้ชายหนุ่มตระกูลโซลดิกพูดตัดบทเอาดื้อๆ แล้วเดินจากไป โดยไม่สนใจคนข้างหลังที่ย้ำให้รักษาข้อตกลงอีกครั้ง
‘นายจะว่าชั้นไม่ได้หรอกอิรุมิ มันเป็นความผิดของนายเองที่จงใจให้เป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับแก๊งโจรเงามายาไปแบบนั้น เพราะงั้นถ้าชั้นจะมีโอกาสได้เล่นกับแมวน้อยของนาย มันก็ช่วยไม่ได้ ขอแค่ไม่ตาย แหย่นิดแหย่หน่อยจะเป็นไรไป’
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เวลาเดินเที่ยวในตลาดนั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว เด็กผู้ชายสองคนสนุกกับการได้ใช้เวลาร่วมกัน และต่างได้ติดไม้ติดมือมาคนละอย่างสองอย่าง แต่ก่อนที่จะเดินไปยังร้านอาหารที่เป็นที่นัดหมาย เด็กผู้หญิงผมสั้นสีดำใส่ชุดกิโมโนสีเดียวกันเดินมาหยุดยืนตรงหน้าพวกเขา
“คัลโต!? มาทำอะไรที่นี่เนี่ย!?” เด็กชายหนึ่งในสองคนถามด้วยความแปลกใจ แต่เด็กผู้หญิงกลับแค่เรียกชื่อของเขาเบาๆ
“ท่านพี่คิรัวร์.....”
“เฮ้อ....อีกทีนะ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคัลโต ?”
คิรัวร์ว่าพลางถอนหายใจกับท่าทีของน้องสาวที่ไม่ต่างกับตุ๊กตาไร้ชีวิตที่สามารถเดินและพูดได้ มือของเขาลูบผมสั้นตรงสีดำอย่างเอ็นดู ส่วนกอร์นยังคงยืนงงอยู่เงียบๆ โดยที่ไม่รู้จะพูดอะไรกับสายตาของเธอที่ยังคงมองเขาเป็นศัตรู และแทบถอนหายใจออกมาเมื่อเธอหันกลับไปมองพี่ชาย
“คัลโตมากับท่านแม่”
“อะไรนะ !? แม่มาที่นี่งั้นเหรอ !!?” ผู้เป็นพี่ชายสะดุ้งโหยงและรีบมองซ้ายมองขวาอย่างร้อนลน เพราะแน่นอนว่าคนที่เรียกว่าแม่ ไม่ใช่คนที่อยากเจอที่สุดในโลก
“เปล่าค่ะ ท่านออกไปทำงานเลยทิ้งคัลโตไว้ที่เมืองนี้”
“แล้วคัลโตหาพี่เจอได้ยังไง?” นี่ล่ะที่เขาสงสัย ใช่ว่าเขามีสปายคอยสะกดรอยตามเหมือนเมื่อก่อน
คัลโตเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบ “ท่านแม่บอกว่าท่านพี่อยู่ที่เมืองนี้ เพราะงั้นระหว่างรอถ้าอยากเจอก็ให้ลองตามหาดู” แล้วสายตาของเธอก็เลื่อนมามองกอร์นอีกครั้งและทำให้เขาสะดุ้งโหยงก่อนที่เธอจะพูดต่อ “.....แค่ท่านพี่”
พอได้ยินแบบนั้น ลูกชายตระกูลนักฆ่าก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ เพราะดูเหมือนน้องสาวจะยังคงไม่ชอบเพื่อนสนิทของเขาเหมือนเดิม อีกทั้งจะว่าเห็นใจเพื่อนที่รู้สึกอึดอัดกับการถูกเกลียดโดยไม่มีเหตุผลมันก็ใช่ แต่การที่จะไล่น้องสาวตัวเองไปเพื่อเพื่อนมันก็ทำไม่ได้
“จริงๆ นะคัลโต กอร์นเขา--” เขาคิดจะพูดให้น้องสาวเปลี่ยนความคิด แต่ก็ถูกเธอขัดขึ้นมาก่อน
“คัลโตมีเรื่องอยากคุยกับท่านพี่ค่ะ”
“อืม.....ตรงนี้ไม่ได้เหรอ ?”
เขาถามด้วยความไม่แน่ใจ เพราะรู้สึกว่าสายตาที่ว่างเปล่าของอีกฝ่ายจะจ้องมองมาเหมือนกับจะขอให้แยกไปคุยกันตามลำพัง บางทีการที่เธอมาอยู่ที่นี่อาจจะไม่ใช่ความบังเอิญอย่างที่เห็น
“งั้นก็ได้....ไหนๆ ก็ ได้เจอกันทั้งที คัลโตคงอยากอยู่คุยกับพี่ล่ะสิ” คิรัวร์ว่าพลางลูบหัวน้องสาว และตัดสินใจลองเล่นไปตามน้ำเพื่อดูว่าจริงๆ แล้วน้องสาวที่น่ารักมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่
“คิ....คิรัวร์ ?”
กอร์นเรียกด้วยความสงสัย และรู้สึกแปลกใจที่อยู่ๆ เพื่อนก็ตกลงไปง่ายๆ ทั้งๆ ที่เมื่อวินาทีก่อนยังลังเลใจ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเมื่อเพื่อนแอบพยักหน้าเป็นเชิงส่งสัญญาณให้เขาเออออตามไปก่อน แต่จะให้เออออกับอะไรล่ะ
“กอร์น นายไปหาเลโอลีโอแล้วก็กลับไปที่โรงแรมก่อนก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรแล้วชั้นจะโทรไป ไม่ต้องห่วง”
“สัญญานะ...” ถึงจะไม่แน่ใจว่ามีอะไรเกิดขึ้น แต่เด็กชายที่ปกติจะใสซื่อก็ชักจะสังเกตเห็นแล้วว่าน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่เบื้องหลังการปรากฏตัวของน้องสาวเพื่อนสนิท
“เออน่า เบอร์นายอยู่ในเครื่องชั้นแล้วไง” เด็กชายตระกูลโซลดิกแกล้งหยอก
“งั้นเดี๋ยวเจอกันที่โรงแรมนะคิรัวร์ บาย คัลโตจัง”
คิรัวร์แทบจะรู้สึกขอบคุณที่กอร์นยอมจากไปและไหวตัวทันกับซิกที่เขาส่งไปให้ ไม่งั้นเขาคงจะหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนไม่ทันและหนีไม่พ้นที่จะต้องยอมให้เพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่ๆ เพราะการมาของคัลโตที่น่าจะมีพี่ชายตัวดีป็นคนจัดการอยู่เบื้องหลัง ก็คงจะทำให้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
“พี่อิรุมิขอให้มางั้นเหรอ ?” เขาถามพลางเดินตามน้องสาวไปบนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนและแสงไฟ
“ใช่ค่ะ เพราะท่านพี่อิรุมิบอกว่าหนูจะช่วยให่ท่านพี่คิรัวร์ทำงานได้สะดวกขึ้น”
“ต้องขอบใจสินะ เฮ้อ....พี่พวกเรานี่แผนสูงไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ แต่ยังไงกอร์นเขาก็สงสัยอยู่ดีนั่นแหละ”
“เพราะท่านพี่อิรุมิรักท่านพี่คิรัวร์ ส่วนเรื่องของกอร์น ฟรีกค์ ท่านพี่อิรุมิบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะท่านพี่คิรัวร์จะทำให้เป็นแบบนั้น” เธอหันมามองพี่ชายพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปาก “ใช่มั้ยค่ะ ?”
“ชิ ! คัลโตก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอเนี่ย”
“เพราะคัลโตรักท่านพี่คิรัวร์ จึงเกลียดกอร์น ฟรีกค์ที่จะมาแย่งท่านพี่ไปจากพวกเรา”
คิรัวร์รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเมื่อน้องสาวหันมากอดเขาแน่น พอได้เห็นได้ยินน้องสาวพูดออกมาตรงๆ แบบนี้แล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงเพราะเข้าใจดีว่าทำไม ในเมื่อเขาเป็นคนทำให้บางอย่างในตัวเธอนั้นหายไปด้วยการหนีออกจากบ้านมา โลกของเธอจึงกลับมาสู่ความว่างเปล่าที่เงียบเหงาเหมือนตอนที่เธอยังไม่รู้ว่ามีเขาและอิรุมิเป็นพี่ชาย และมันจะยังคงเป็นแบบนั้นตราบใดที่เขายังคงเอาแต่ดื้อดึงที่จะอยู่กับเพื่อนสนิทแบบนี้
“คัลโต.....ขอโทษนะ”
“อือๆ ท่านพี่คิรัวร์ไม่ผิด คัลโตดีใจที่ได้เจอท่านพี่อีก” เด็กน้อยส่ายหน้าและยิ้มกว้างขึ้นอีกนิดให้กับผู้เป็นพี่ชาย โดยหารู้ไม่ว่ามันยิ่งทำให้เจ้าตัวยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น
“อือ....เรื่องที่จะพูดน่ะรีบรึเปล่า ?” เธอส่ายหน้า “งั้นอยากกินอะไรมั้ย พี่เลี้ยงเอง”
คำพูดในเชิงที่เป็นของหายากในตระกูลโซลดิกทำให้อีกฝ่ายอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะต่อให้คนอื่นในตระกูลรักเธอมากแค่ไหน แต่ก็จะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยอมพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“ถ้ามันไม่เป็นการรบกวนท่านพี่เกินไปล่ะก็
..” เธอหันไปมองร้านค้ารอบๆ และสายตาก็ไปสะดุดอยู่ที่ร้านๆ หนึ่งที่แม่เธอสั่งนักสั่งหนาว่าห้ามเข้าไปใกล้เพราะมันจะทำให้อ้วนน่าเกลียด แต่ในเวลานี้ใครจะสนในเมื่อคนห้ามไม่อยู่ “อืม.....นั่นเรียกว่าไอติมใช่มั้ยค่ะ?”
“ได้เลย คัลโตไม่เคยกินเพราะแม่ห้ามตลอดเลยนี่นะ”
พี่ชายว่าอย่างขำๆ และพาน้องสาวเข้าไปซื้อ พอได้กันมาคนละอันก็ออกเดินต่อ ทั้งสองคนค่อยๆ เดินออกห่างจากเมืองมาเรื่อยๆ และเข้าสู่เขตก่อสร้างตึกที่ถูกทิ้งร้าง
“ดูท่าเพื่อนของคัลโตจะไม่ชอบที่ๆ มีคนนะ”
คิรัวร์ว่าลอยๆ กับบรรยากาศร้างผู้คน ออร่าของพลังเน็นที่เคยสัมผัสมาแล้ว ทำให้เขาพอคาดเดาได้ถึงจุดประสงค์ของพี่ชาย และเบื้องหลังของการมาของน้องสาว
ร่างเล็กกระโดดหลบหมัดและดาบที่พุ่งเข้ามาได้อย่างเฉียดฉิวหลังจากก้าวเข้าไปในตึกได้เพียงก้าวเดียว ฝีเท้าก้าวหลบการโจมตีครั้งต่อไปด้วยวิชาเท้ามายา แล้วปล่อยพลังเน็นออกมาเพื่อใช้ป้องกันและต้านกับพลังของฝ่ายศัตรู แต่การหลบหลีกนั้นก็ทำได้ยากขึ้นเมื่อด้ายพุ่งเข้ามาร่วมผสมโรง
“เฮ้ ! ชั้นยังกินไม่หมดเลยนะ ! นั่นน่ะรสโปรดของชั้นด้วย !!”
คำทักท้วงที่ผิดคาดหลังจากไอติมรสโปรดร่วงหล่นลงพื้นทำให้การจู่โจมหยุดชะงัก เจ้าของดาบและกำปั้นอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ในขณะที่เจ้าของด้ายยืนมองด้วยใบหน้านิ่งเฉยขณะเก็บอาวุธเข้าที่ซ่อน ลูกชายตระกูลโซลดิกจึงถือว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะต่อสู้ และปล่อยให้แขนของนักดาบในคราบซามูไรถือวิสาสะเข้ามาโอบไหล่
“ขำจริงๆ เลยให้ตายสิ เนี่ยนะคำพูดของคนกำลังจะถูกฆ่า ถามจริงเหอะว่าพูดจริงหรือเล่นมุขเนี่ย”
“ก็พูดจริงน่ะสิ นั่นน่ะรสหายากด้วยนะ มีขายไม่กี่ที่เอง” ยิ่งเด็กชายแกล้งทำสีหน้าจริงจังตอบ อีกฝ่ายก็ยิ่งขำ
“เรื่องนั้นน่ะช่างเหอะ ว่าแต่นายเปลี่ยนใจที่จะมาเข้ากลุ่มกับเราแล้วสิท่า ไหน? เพื่อนอีกคนไปไหนล่ะ?”
“เปล่าซักหน่อย ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอพวกนายอีกล่ะก็ ไม่มาให้โง่หรอก”
“งั้นนายก็เป็นพี่ชายของคัลโตที่ว่าสินะ....” ชายหนุ่มเจ้าของกำปั้นที่มีผมสั้นสีบลอนด์และสวมชุดวอร์มสีดำเดินเข้ามาถาม
“ใช่ เล่นโผล่หน้ามาให้ชั้นเห็นแถมต้อนรับกันอบอุ่นขนาดนี้ ไม่กลัวชั้นเอาไปป่าวประกาศรึไงว่าพวกนายซ่อนตัวกันอยู่นี่น่ะ?”
“ไม่หรอก เพราะตอนนี้นายรู้แล้วนี่ว่าน้องสาวเข้าร่วมกับพวกเรา” หัวหน้าแก๊งเดินเข้ามาพร้อมกับมองเด็กชายตระกูลนักฆ่าอย่างรู้ดี “โนบุนางะ ต้องให้บอกอีกกี่รอบว่าเจ้าตัวเขาไม่สนใจน่ะ นายกับสฟิงค์แล้วก็มาจิไปพักตามสบาย คนอื่นๆ คงจะกลับมาประมาณเที่ยงคืน ส่วนแขกของเราและคัลโตจังเชิญทางนี้”
นักดาบจำใจเดินจากไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ส่วนหัวหน้านั้นเดินนำขึ้นไปบนชั้นสามของตึกที่ไม่มีอะไรนอกจากหน้าต่างไม่มีกระจกสองบาน และโซฟาเก่าๆ ขาดๆ 2 ตัว หัวหน้าแก๊งเดินไปนั่งที่โซฟาตัวหนึ่ง ในขณะที่คัลโตเข้าไปนั่งอีกตัวและแขกพิเศษขึ้นไปนั่งบนขอบหน้าต่าง
“ถึงจะบอกว่าเป้าหมายของชั้นมันเกี่ยวกับแก๊งของนาย แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าชั้นต้องมาเจอหน้าหัวหน้าแก๊งที่รังเลยนี่”
“ทำไมถึงมาพูดกับชั้นล่ะ ชั้นไม่ใช่คนพานายมานะ” ท่านหัวหน้าถามพร้อมกับยิ้มเย็นๆ
“ก็นายบอกเองว่าคัลโตเข้าแก๊งกับพวกนาย เพราะงั้นถ้าแค่พี่อิรุมิบอกน่ะ เธอคงไม่ถึงกับพาชั้นมาที่นี่หรอก เพราะงั้นมันก็ต้องนายสิที่บอกเหตุผลมาว่าทำไมถึงสั่ง”
“นายรู้ได้ไงว่าเป้าหมายของนายเกี่ยวกับแก๊งของชั้น”
“ง่ายจะตาย ก็พี่อิรุมิเป็นคนให้งานนี้มา ขอให้คัลโตมาช่วย แล้วคัลโตก็เป็นสมาชิกแก๊ง และเธอก็พาชั้นมาที่นี่ มันก็เกี่ยวกันเป็นทอดๆ อยู่แล้ว”
“รู้อยู่แล้วอย่างที่คัลโตจังบอกเลยจริงๆ แถมยังเหลี่ยมจัดอีกตังหาก ไม่ยอมพลาดโอกาสเลยจริงๆ นะ” ชายหนุ่มว่าพลางแสยะยิ้มและยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาให้เห็น พอกดปุ่มทั้งสองคนก็รู้ว่าภาพที่แอบถ่ายทั้งหมดถูกลบออกไปหมด “คงคิดจะเอาไปขึ้นเน็ตเรียกค่าข้อมูลข่าวสารล่ะสิ”
“เฮ้! เอาคืนมานะ ชั้นมีเครื่องนั้นเครื่องเดียว” เขารับมันมาเก็บใส่กระเป๋าก่อนจะพูดต่อด้วยรอยยิ้มที่ทำให้อีกสองคนแปลกใจ “ก็จริงอยู่ที่ชั้นจะทำแบบนั้น แต่มีเงื่อนไข และมันเป็นเรื่องระหว่างชั้นกับนาย แต่นายคงรู้อยู่แล้วล่ะมั้ง ถึงได้ให้คัลโตพาชั้นมาที่นี่”
“คนอย่างนายยังไงก็ต้องมีการต่อรองข้อเสนอ เพราะงั้นจะให้ปลอดภัยที่สุดก็ต้องเจอกันต่อหน้า ลองเสนอมาสิ”
“ก็นายกับชั้นดูเหมือนจะมีเป้าหมายเดียวกัน และจากความสนใจที่แตกต่างกันทำให้ชั้นรู้ว่าโจรอย่างนาย เป้าหมายต้องเป็นอะไรที่ไม่ใช่ชีวิตของเหยื่อเหมือนชั้นแน่ๆ เพราะงั้นประเด็นของข้อต่อรองมันจึงอยู่ที่ราคาค่างวดของสิ่งที่พวกเราจะได้”
“ในเมื่อทำธุรกิจร่วมกัน ก็ต้องมีการแบ่งหุ้นส่วนงั้นสินะ”
“เพราะงั้นค่ารูปก็เหมือนกับเป็นโบนัสที่ชั้นจะเรียกเป็นค่าเหนื่อยเพิ่มจากงานไงล่ะ”
“ลืมไปแล้วเหรอว่าของต่อรองน่ะไม่มีแล้ว”
“ชั้นก็ใช้อย่างอื่นสิ ข่าวสารน่ะมันมีหลายรูปแบบไม่ใช่เหรอ นายก็รู้ และถึงจะรู้ นายนั่นแหละยังทำตัวแปลกคืนโทรศัพท์ให้ชั้นง่ายๆ อีก อยากถูกตามล่าแก้เซ็งรึไง?”
“ฉลาดเป็นกรดจริงๆ แถมยังกล้ามากที่มาเรียกเงินจากชั้นแบบนี้ ไม่กลัวถูกฆ่ารึไง? ถึงนายจะเป็นพี่ชายของคัลโต แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าชั้นจะฆ่านายไม่ได้นะ”
“ถ้านายจะทำก็ทำไปนานแล้ว ชั้นรู้น่ะว่าสู้นายไม่ได้ถึงได้เลือกมานั่งต่อรองแทนการปะทะกันตรง ๆ ตอนลงมือไงล่ะ”
“เป็นความคิดที่ฉลาดเหมือนกันนิ”
“ก็มันเป็นเรื่องจริงนิ ถึงจะน่าเจ็บใจก็เถอะ แต่ถึงนายจะไม่เซย์เยสชั้นก็ไม่ว่าอะไรหรอก” ‘ก็แค่ทำงานฟรีในขณะที่เงินค่าจ้างไปอยู่ที่พี่อิรุมิเท่านั้นแหละ......’
“เพื่อความสนุกกับประสบการณ์สินะ?”
“เฮ้ ใช่ว่าโอกาสที่จะต่อรองกับหัวหน้าแก๊งโจรเงามายาชื่อดังที่แสนจะเก่งกาจมีทุกวันนิ ของที่มีค่าถึงขนาดทำให้แก๊งแมงมุมหันมาสนใจได้มันน่าสนใจออก”
“นายนี่เป็นคนที่ดูยากจริงๆ เหมือนจะสนใจอย่างหนึ่ง แต่ก็กลับหันไปหาอย่างอื่นในขณะเดียวกัน จนดูเหมือนกับว่าไม่มีอะไรที่สนใจจริงๆ แม้แต่ข้อเสนอของนายชั้นก็ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าพูดจริงรึเปล่า”
“นายก็ฉลาดนี่ ลองเดาดูสิ” เด็กชายตระกูลนักฆ่าท้าทายนิดๆ อย่างไม่กลัวเกรงพร้อมรอยยิ้มเย็นๆ ที่มุมปาก
“เรื่องอะไรที่ชั้นจะต้องมาเสียเวลาทำยังงั้นด้วย” หัวหน้าแก๊งว่าพลางยักไหล่
“ใครบอก ก็นายเป็นคนรับข้อเสนอนี่ เพราะฉะนั้นข้อเสนอของชั้นจะมีจริงหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนาย”
คำตอบตรงๆ แต่แฝงหลายความหมายที่แล้วแต่คนจะตีความทำให้ท่านหัวหน้ากลับมาคิดว่าก็จริงอย่างที่เด็กชายบอก เพราะถ้าข้อเสนอไม่มีใครเอา มันก็ไม่มีความหมายและไม่ต่างกับสิ่งที่ไม่มีมาตั้งแต่แรก
เด็กจากตระกูลโซลดิกนี่มีเล่ห์เหลี่ยมในการต่อรองที่แปลก เพราะทุกคำพูดจะไม่ชี้นำหรือโน้มน้าวคนรับข้อเสนออะไรเลย แต่จะปล่อยให้คนฟังเป็นผู้ตีความคำพูดที่มีหลายความหมายเอาเอง และจุดสุดท้ายของข้อเสนอกลับแทบจะไม่หวังผลอะไรเลย
“กับนาย ชั้นจะหวังอะไรล่ะ? สำหรับนายเหตุผลอะไรมันก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้นแหละ เพราะนายดูออกหมดแล้ว เพราะงั้นข้อเสนอของชั้นมันก็แค่ว่า นายสนใจหรือไม่เท่านั้นเอง หลังจากนี้ไปนายจะรับหรือไม่ ในเมื่อชั้นโผล่หน้ามาให้เห็นแล้ว อย่างน้อยเราก็จะได้ไม่ปะทะกันตอนลงมือ” คิรัวร์เดาออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่
“เป็นคนที่แปลกจริงๆ ชั้นชักเริ่มจะสนใจนายขึ้นมาแล้วสิ”
“นั่น.....ขอบใจ แต่หวังว่าจะไม่ใช่แบบเจ้าฮิโซกะนั่นนะ”
คิรัวร์ว่าพลางรู้สึกหนาวสันหลังเมื่อนึกถึงใบหน้าคมสันที่แสยะยิ้มและมองมาด้วยสายตารุกล้ำที่ดูน่าอันตรายในหลาย ๆ แบบ คำพูดของเขาทำให้ทั้งสองคนอดขำไม่ได้ เพราะพวกเขาก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกันว่านักมายากรนั่นกำลังสนใจเหยื่อเด็กๆ สองคนอยู่
“’งั้นเป็นอันว่าชั้นรับข้อเสนอ แต่เปอร์เซนต์การแบ่ง 20/70”
“โหย ไหงงกงั้นล่ะ? 40”
“20 นี่ชั้นอุตส่าห์ตกลงทั้งๆ ที่ชั้นไม่ต่อรองขอส่วนแบ่งจากค่าจ้างนายเลยนะ นายต้องขอบคุณชั้นที่อุตส่าห์ยอมเสีย 20 ไปให้นายฟรีๆ สิถึงจะถูก ไม่ต้องห่วงยังไงชั้นก็ได้กำไรอยู่ดี” ‘ค่าดูฝีมือการฆ่าของคนตระกูลโซลดิก แค่นี้คงพอแล้วมั้ง ฮึ ๆ ๆ ๆ’
“ชิ งั้นก็ได้ งกชะมัด” ‘100 % ของมันคงสูงน่าดูจน 20 มันกลายเป็นแค่เศษเงินเลยล่ะมั้ง แล้วทำไมมันมายกเงินให้ฟรี ๆ วะ ? ชั้นเสนอให้เป็นหุ้นส่วนไม่ใช่เรอะ ?’
ความเครียด มาดการค้า และรอยยิ้มนักธุรกิจหายไปจากใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กชายที่หันมาทำหน้ามุ่ยกอดอก จริงอยู่ว่าเขาไม่ได้หวังว่าจะได้ส่วนแบ่ง 50 แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกกดให้ต่ำถึง 20 และถ้าขืนต่อมากกว่านี้ก็อาจจะถูกยกเลิกข้อเสนอหรือถูกกดให้ต่ำกว่านี้อีกก็ได้ นอกจากนี้การที่แก๊งหัวหน้าโจรมายกเงินให้ฟรีๆ มันดูน่าสงสัย เพราะงั้นจนกว่าจะแน่ใจว่าอีกฝ่ายซ่อนอะไรเอาไว้ เขาก็ควรที่จะปิดปากเงียบไปก่อนที่คำพูดใดๆ จะเผลอไปชี้นำให้ตัวเองเสียประโยชน์
“เอาล่ะ เสร็จเรื่องแล้วชั้นก็ขอตัว นายจะอยู่ที่นี่กับคัลโตก็ได้ชั้นไม่ว่าอะไร เพียงแต่ระวังคนในแก๊งหน่อยล่ะ ชั้นขี้เกียจเก็บศพนายทีหลัง”
“รู้แล้วล่ะน่า ทำเหมือนชั้นเป็นเด็กๆ ไปได้”
เด็กชายตระกูลนักฆ่าประชดพร้อมกับเชิดใส่นิดๆ อีกฝ่ายก็ได้แต่หัวเราะเล็กๆ กับท่าทางที่ดูเหมือนจะน่ารักของเขาก่อนจะเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้พี่น้องอยู่คุยกันตามลำพัง
End Chapter 01
ความคิดเห็น