ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ยุคสมัยและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ : หลักฐานทางประวัติศาสตร์
หลักฐานทางประวัติศาสตร์
ร่องรอยที่มนุษย์ได้กระทำไว้และหลงเหลือในอดีตจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ ร่องรอยการกระทำ การพูด การเขียน การสร้างสรรค์ การอยู่อาศัยของมนุษย์ ความคิด โลกทัศน์ อารมณ์ ความรู้สึก ประเพณีของมนุษย์ในอดีตรวมทั้งสิ่งต่างๆตามธรรมชาติด้วย
ประเภทของหลักฐานทางประวัติศาสตร์
นักประวัติศาสตร์สามารถจำแนกประเภทของหลักฐานได้หลายเกณฑ์ ดังนี้
จำแนกตามความสำคัญ แบ่งเป็น 2 ประเภท
1) หลักฐานชั้นต้น (Primary source) คือหลักฐานที่บันทึกไว้โดยผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์หรือรู้เห็นเหตุการณ์ด้วยตนเอง รวมทั้งโบราณวัตถุ โบราณสถาน ที่สร้างขึ้นในยุคสมัยนั้น
2) หลักฐานชั้นรอง (Secondary source) คือหลักฐานที่ผู้บันทึกรับทราบเหตุการณ์มาจากคำบอกเล่าหรือข้อเขียนของผู้อื่นอีกต่อหนึ่ง
โดยปกติ นักประวัติศาสตร์จะให้ความสำคัญกับหลักฐานชั้นต้นมากกว่าหลักฐานชั้นรอง แต่บางกรณีนักประวัติศาสตร์อาจให้ความสำคัญต่างกัน ยกตัวอย่าง เช่น งานเขียนประวัติศาสตร์เรื่อง การเสื่อมและการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน (The History of Decline and Fall of Roman Empire) ของ Edward Gibbon ค.ศ. 1737-1794
The History of Decline and Fall of Roman Empire
• มุมมองผู้ศึกษาประวัติศาสตร์โรมัน : หลักฐานชั้นรอง
เนื่องจากตัวกิบบอนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความพินาศของจักรวรรดิโรมัน
• มุมมองผู้ศึกษาทางประวัติศาสตร์กรอบความคิดและโลกทัศน์ปัญญาชนอังกฤษ : หลักฐานชั้นต้น
เนื่องจากวานเขียนเกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อม ขนบธรรมเนียมและกรอบความคิดของสังคมอังกฤษสมัยปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18
นอกจากนี้ผู้ศึกษาประวัติศาสตร์ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข้อมูลก่อนนำไปใช้เป็นข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เรียกว่า การประเมินคุณค่าของหลักฐาน
จำแนกตามลักษณะ
1) หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร (Written source ) คือหลักฐานจำพวกคำจารึกในแผ่นศิลา แผ่นโลหะ ใบลานหรือวัสดุอื่น รวมถึงตัวเขียนตัวพิพม์ในแผ่นกระดาษหรือวัสดุอื่น เป็นหลักฐานที่ทำขึ้นในสมัยประวัติศาสตร์
2) หลักฐานที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร(Unwritten source ) คือหลักฐานที่เป็นโบราณวัตถุ โบราณสถาน ศิลปกรรม คำบอกเล่า ฯลฯ ทั้งของสมัยก่อนประวัติศาสตร์
และสมัยประวัติศาสตร์
จำแนกตามยุคสมัย
1) หลักฐานสมัยก่อนประวัติศาสตร์ คือ ร่องรอยการกระทำของมนุษย์ตั้งแต่สมัยที่ชุมชนนั้นยังไม่มีตัวอักษรใช้
2) หลักฐานสมัยประวัติศาสตร์ คือ ร่องรอยการกระทำของมนุษย์ในสมัยที่ชุมชนนั้นรู้จักใช้ตัวอักษรแล้ว หลักฐานประเภทนี้มีทั้งสิ่งที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และสิ่งที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร
แบ่งตามยุคสมัย
หลักฐานทางประวัติศาสตร์จีนสมัยก่อนประวัติศาสตร์
1) โครงกระดูกมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ เช่น โครงกระดูกมนุษย์ปักกิ่ง (Peking man) ยุคหินเก่า (500,000 ปีมาแล้ว) พบที่ถ้ำ โจวโข่วเตี้ยน ปักกิ่ง และพบเครื่องมือหิน กระดูกสัตว์ รวมถึง เถ้าถ่านที่แสดงว่ามนุษย์รู้จักใช้ไฟ
2) เครื่องปั้นดินเผาวัฒนธรรมหยางเซา(Yangshao Culture) และวัฒนธรรมหลงชาน(Longshan Culture) ยุคหินใหม่ (5,000 ปีมาแล้ว)
- วัฒนธรรมหยางเซา : ลุ่มแม่น้ำหวางเหอ พบ
เครื่องปั้นดินเผาลายเขียนสี ลายธรรมชาติและลายเชือกทาบ
- วัฒนธรรมหลงชาน : ลุ่มแม่น้ำหวางเหอทางด้าน ตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเลียบชายฝั่ง ถึงลุ่มน้ำจางเฉียง พบเครื่องปั้นดินเผาใช้แป้นหมุนและภาชนะ 3 ขา มีความก้าวหน้ากว่าวัฒนธรรมหยางเซา
เครื่องปั่่นดินเผาวัฒนธรรมหยางเชา
เครื่องปั่นดินเผาหลงชาน
หลักฐานทางประวัติศาสตร์อินเดียสมัยก่อนประวัติศาสตร์
1) เมืองโบราณโมเฮนโจดาโร และ ฮารัปปา (Mohenjodaro and arappa)
แหล่งหลักฐานที่สำคัญที่สุดของอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ก่อสร้างโดยชาวดราวิเดียน ช่วง 2,500-1,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช
แสดงหลักฐานด้านการปกครองมีการรวมอำนาจ ระบบเศรษฐกิจแบบเกษตรกรรม ระบบชลประทาน สังคม ความเชื่อและศิลปะวัฒนธรรมของชาวดราวิเดียวก่อนชาวอารยันเข้ามา
- โบราณสถาน : เมืองโบราณ อาคาร ถนน สระอาบน้ำสาธารณะ
- โบราณวัตถุ : ประติมากรรมหล่อด้วยโลหะ ปั้นด้วยดินเผา สลักหินเป็นรูปเทพเจ้า
2)คัมภีร์พระเวทของชาวอารยัน ชาวอารยันอพยพเข้าภาคเหนือของอินเดียเมื่อ 1,500 ปีก่อนคริสต์ศักราช (สิ้นสุดอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ)เกิดอารยธรรมพระเวท
คัมภีร์พระเวท เป็นหลักฐานทางศาสนาที่สำคัญที่สุด โดยคัมภีร์พระเวทประกอบไปด้วยคัมภีร์ฤคเวท สามเวท และยชุรเวท และอาถรรพเวท จัดอยู่ในประเภทวรรณกรรมมุขปาฐะ โดยใช้วิธีเล่าสืบต่อกันมา และเนื้อหาของคัมภีร์พระเวท แม้ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับศาสนา แต่ก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเมืองและสังคมวัฒนธรรมในช่วงเวลานี้ด้วย
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ เช่น กรอบความคิดทางการเมืองเรื่องสมติเทพ ความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติและปรัชญาของชาวอารยัน
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ตะวันตกสมัยก่อนประวัติศาสตร์
1) โครงกระดูกมนุษย์
- โครงกระดูกมนุษย์สไตน์ไฮม์ (Steinheim man) อายุ 350,000 ปีมาแล้ว พบที่เมืองสตุตการ์ต เยอรมนี
- โครงกระดูกมนุษย์นีแอนเดอร์ทอล (Neanderthal man) อายุ 200,000-28,000 ปีมาแล้ว พบที่ หุบเขานีแอนเดอร์ เมืองดึสเซนดอร์ฟเยอรมนี
- โครงกระดูกมนุษย์โครมันยอง (Cro-Magnon) อายุ 40,000 ปีมาแล้ว พบที่เพิงหินโครมันยอง หมู่บ้านเลเซซี ฝรั่งเศส
โครงกระดูกมนุษย์ทำให้เห็นวิวัฒนาการและบ่งบอกการดำเนินชีวิตของมนุษย์สมัยนั้น
2) ศิลปะถ้ำ
- ภาพเขียนสีวัวป่า พบที่ถ้ำอัลตามีรา สเปน
- ภาพเขียนสีฝูงม้าและวัวกำลังกระโดด พบที่ถ้ำลาสโก ฝรั่งเศส
- ภาพม้า วัวป่า สิงโต และแรด พบที่ถ้ำโชเว ฝรั่งเศส
ศิลปะถ้ำ ทำให้รู้ว่ามนุษย์ล่าสัตว์อะไร ในบริเวณนั้นมีสัตว์อะไร
3) สโตนเฮนจ์ (Stonehenge) อายุ 3,000 ปี พบที่ที่ราบซอลส์เบอรี่ อังกฤษ แสดงถึงความสามารถทางสถาปัตยกรรมของมนุษย์ยุคหินใหม่
หลักฐานทางประวัติศาสตร์จีนสมัยโบราณ (1,570 ปีก่อนค.ศ.-ราชวงศ์ชาง ถึง ค.ศ. 220)
1) หลักฐานลายลักษณ์อักษรสมัยราชวงศ์ชาง (1,570-1,045 ปีก่อนค.ศ.)
- อักษรภาพจารึกตามกระดองเต่า กระดูกสัตว์ โดยกษัตริย์หรือนักบวชเพื่อเสี่ยงทาย ให้ข้อมูลในด้านความเชื่อในธรรมชาติและโชคลางของชาวจีนสมัยนั้น
2) สื่อจี้ (Shih-chi) คือบันทึกประวัติศาสตร์ โดยซือหม่าเซียน นักโหราศาสตร์ประจำราชสำนักสมัยราชวงศ์ฮั่น ได้บันทึกสภาพการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ในระยะเวลา 3,000 ปีตั้งแต่บรรพกาลจนถึง ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก
โดยแบ่งเป็น เปิ่นจี้ เปี่ยว ซู สื้อเจียและเลี่ยจ้วน 5 ภาค “สื่อจี้”ได้อาศัยชีวประวัติของจักรพรรดิและบุคคลสำคัญอื่นๆในประวัติศาสตร์เป็นโครงสร้างการประพันธ์
-“เปิ่นจี้” เป็นการบันทึกสภาพความเจริญรุ่งเรืองหรือเสื่อมทรุดของจักรพรรดิองค์ต่างๆและเหตุการณ์สำคัญๆในประวัติศาสตร์
-“เปี่ยว” เป็นตารางที่แสดง เหตุการณ์สำคัญต่างๆของแต่ละยุคสมัยตามลำดับเวลา
- “ซู” คือบทความเกี่ยวกับด้านต่างๆเช่น ดาราศาสตร์ ปฎิทิน การชลประทาน เศรษฐกิจและวัฒนธรรมเป็นต้น
- “สื้อเจีย” ได้บรรยายประวัติ เรื่องราวและกิจกรรมของบรรดา เจ้าผู้ครองนครรัฐ ส่วน
- ”เลี่ยจ้วน” เป็นชีวประวัติของบุคคลที่มีอิทธิพล ของชนชั้นต่างๆในแต่ละยุคสมัย
สื่อจี้ ได้เล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์อย่างถูกต้องตามความจริง เขียนเป็นระบบชัดเจน ใช้ภาษารวบรัดและสละสลวย เข้าใจง่าย สไตล์การบันทึกมีความหนักแน่นและสนุกสนาน ถือว่าเป็นบทนิพนธ์ด้านประวัติศาสตร์ที่มีความสำเร็จสูงสุดของจีน
3)สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี
เป็นผู้รวบรวมจีนให้เป็นปึกแผ่นและเป็นผู้ตั้งราชวงศ์ฉิน รวมทั้งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีน
- ภายในสุสาน ขุดค้นพบ หุ่นทหารดินเผามากกว่า 6,000 ตัว รูปปั้นม้าศึก รถศึก โดยหุ่นแต่ละตัวมีหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนกัน เครื่องแต่งกายเหมือนจริง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อในโลกหลังความตายว่าทหารเหล่านี้จะติดตามไปรับใช้ในภายภาคหน้า อีกทั้งโบราณวัตถุที่ค้นพบยังสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพสังคมการปกครอง และความเชื่อ วัฒนธรรมในสมัยนั้นอีกด้ว
หลักฐานทางประวัติศาสตร์อินเดียสมัยโบราณ (900 ปีก่อนค.ศ. ถึง ค.ศ. 535-ราชวงศ์คุปตะ)
1) ตำราอรรถศาสตร์ โดยพราหมณ์กาฏิลยะ เมื่อ 400 ปีก่อนค.ศ. สะท้อนการปกครอง เศรษฐกิจและสังคม
2) คัมภีร์มานวธรรมศาสตร์ โดยพราหมณ์มนู เมื่อ 200 ปีก่อนค.ศ. แบ่งออกเป็น 12 เล่ม เล่ม 1 ปรัชญา เล่ม 2 ที่มาของกฎหมาย เล่ม 3-5 หน้าที่ของคฤหัสถ์ เล่ม 6 หน้าที่ของวานปรัสถ์และสันยาสี เล่ม 7 หน้าที่ของราชา เล่ม 8 กฎหมายแพ่งและอาญา เล่ม 9-10 วรรณะต่างๆเล่ม 11 การให้ทาน เล่ม 12 ทางไปสู่โมกษะ คัมภีร์มานวธรรมศาสตร์เป็นคัมภีร์ที่พราหมณ์ ใช้อ้างอิง จึงมีอิทธิพลต่อศาสนา พราหมณ์-ฮินดูมาก
3) ศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช (274-236 ปีก่อนค.ศ.)
ให้บันทึกเรื่องราวของพระองค์ โดยจารึกไว้ตามผนังถ้ำ ศิลาจารึกหลักเล็กๆจารึกบนเสาหินขนาดใหญ่ที่มีลักษณะทางศิลปกรรมที่งดงาม ตัวอย่างเสาหินที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน และมีชื่อเสียงมาก คือ เสาหินที่มีหัวเสาเป็นรูปสิงห์หันหลังชนกัน ตั้งอยู่ตำบลสารนาถ เมืองพาราณสี รัฐอุตตระประเทศ หัวเสารูปสิงห์นี้รัฐบาลอินเดียใช้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศอินเดียมาตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ
Duck-
Fly
โดยแบ่งเป็น เปิ่นจี้ เปี่ยว ซู สื้อเจียและเลี่ยจ้วน 5 ภาค “สื่อจี้”ได้อาศัยชีวประวัติของจักรพรรดิและบุคคลสำคัญอื่นๆในประวัติศาสตร์เป็นโครงสร้างการประพันธ์
-“เปิ่นจี้” เป็นการบันทึกสภาพความเจริญรุ่งเรืองหรือเสื่อมทรุดของจักรพรรดิองค์ต่างๆและเหตุการณ์สำคัญๆในประวัติศาสตร์
-“เปี่ยว” เป็นตารางที่แสดง เหตุการณ์สำคัญต่างๆของแต่ละยุคสมัยตามลำดับเวลา
- “ซู” คือบทความเกี่ยวกับด้านต่างๆเช่น ดาราศาสตร์ ปฎิทิน การชลประทาน เศรษฐกิจและวัฒนธรรมเป็นต้น
- “สื้อเจีย” ได้บรรยายประวัติ เรื่องราวและกิจกรรมของบรรดา เจ้าผู้ครองนครรัฐ ส่วน
- ”เลี่ยจ้วน” เป็นชีวประวัติของบุคคลที่มีอิทธิพล ของชนชั้นต่างๆในแต่ละยุคสมัย
สื่อจี้ ได้เล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์อย่างถูกต้องตามความจริง เขียนเป็นระบบชัดเจน ใช้ภาษารวบรัดและสละสลวย เข้าใจง่าย สไตล์การบันทึกมีความหนักแน่นและสนุกสนาน ถือว่าเป็นบทนิพนธ์ด้านประวัติศาสตร์ที่มีความสำเร็จสูงสุดของจีน
3)สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี
เป็นผู้รวบรวมจีนให้เป็นปึกแผ่นและเป็นผู้ตั้งราชวงศ์ฉิน รวมทั้งเป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีน
- ภายในสุสาน ขุดค้นพบ หุ่นทหารดินเผามากกว่า 6,000 ตัว รูปปั้นม้าศึก รถศึก โดยหุ่นแต่ละตัวมีหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนกัน เครื่องแต่งกายเหมือนจริง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อในโลกหลังความตายว่าทหารเหล่านี้จะติดตามไปรับใช้ในภายภาคหน้า อีกทั้งโบราณวัตถุที่ค้นพบยังสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพสังคมการปกครอง และความเชื่อ วัฒนธรรมในสมัยนั้นอีกด้ว
หลักฐานทางประวัติศาสตร์อินเดียสมัยโบราณ (900 ปีก่อนค.ศ. ถึง ค.ศ. 535-ราชวงศ์คุปตะ)
1) ตำราอรรถศาสตร์ โดยพราหมณ์กาฏิลยะ เมื่อ 400 ปีก่อนค.ศ. สะท้อนการปกครอง เศรษฐกิจและสังคม
2) คัมภีร์มานวธรรมศาสตร์ โดยพราหมณ์มนู เมื่อ 200 ปีก่อนค.ศ. แบ่งออกเป็น 12 เล่ม เล่ม 1 ปรัชญา เล่ม 2 ที่มาของกฎหมาย เล่ม 3-5 หน้าที่ของคฤหัสถ์ เล่ม 6 หน้าที่ของวานปรัสถ์และสันยาสี เล่ม 7 หน้าที่ของราชา เล่ม 8 กฎหมายแพ่งและอาญา เล่ม 9-10 วรรณะต่างๆเล่ม 11 การให้ทาน เล่ม 12 ทางไปสู่โมกษะ คัมภีร์มานวธรรมศาสตร์เป็นคัมภีร์ที่พราหมณ์ ใช้อ้างอิง จึงมีอิทธิพลต่อศาสนา พราหมณ์-ฮินดูมาก
3) ศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช (274-236 ปีก่อนค.ศ.)
ให้บันทึกเรื่องราวของพระองค์ โดยจารึกไว้ตามผนังถ้ำ ศิลาจารึกหลักเล็กๆจารึกบนเสาหินขนาดใหญ่ที่มีลักษณะทางศิลปกรรมที่งดงาม ตัวอย่างเสาหินที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน และมีชื่อเสียงมาก คือ เสาหินที่มีหัวเสาเป็นรูปสิงห์หันหลังชนกัน ตั้งอยู่ตำบลสารนาถ เมืองพาราณสี รัฐอุตตระประเทศ หัวเสารูปสิงห์นี้รัฐบาลอินเดียใช้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศอินเดียมาตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น