ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ประวัติศาสตร์

    ลำดับตอนที่ #10 : พัฒนาการของยุโรปสมัยกลาง : อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 862
      2
      21 พ.ย. 56

    พัฒนาการของยุโรปสมัยกลาง

        
         ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4-5 จักรวรรดิโรมันได้ถูกรุกรานจากพวกเผ่าอนารยชนหลายเผ่า พวกอนารยชนได้อพยพเข้ามาในดินแดนส่วนต่างๆของจักรวรรดิโรมันตะวันตก จักรพรรดิโรมันพยายามสร้างความเข้มแข็งให้จักรวรรดิโรมันที่กว้างขวางยิ่งใหญ่ให้คงอยู่ ด้วยการแบ่งจักรวรรดิออกเป็น 2ภาค คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตก มีเมืองหลวงที่กรุงโรม และจักรวรรดิโรมันตะวันออก มีเมืองหลวงที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล แต่ก็ไม่สามารถทำให้จักรวรรดิโรมันมั่นคงอยู่ได้

        พวกอนารยชนได้รุกรานจักรวรรดิโรมันหลายครั้ง จนกระทั่งในค.ศ.476 แม่ทัพเผ่าเยอรมันได้ปลดจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิโรมันตะวันตกลง ถือเป็นการสิ้นสุดจักรวรรดิโรมันตะวันตก ดินแดนยุโรปตะวันตกจึงได้แตกแยกเป็นอาณาจักรของอนารยชนเผ่าต่างๆ ทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม
        
          ส่วนจักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือจักรวรรดิไบแทนไทน์(Byzontine Empire) ยังดำรงสืบต่อมาอีกเกือบ 1000ปี จนกระทั่งล่มสลายในค.ศ.1453 การที่จักรวรรดิ    ไบแซนไทน์ยังคงดำรงอยู่ต่อมา นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออารยธรรมตะวันตก เนื่องจากจักรวรรดิแห่งนี้ได้ถ่ายทอดมรดกทางอารยธรรมกรีก-โรมันในด้านต่างๆในเวลาต่อมา
     
    1.อิทธิพลของคริสต์ศาสนาในยุโรปสมัยกลาง
           คริสต์ศาสนาได้กำเนิดขึ้นในช่วงต้นของสมัยจักรวรรดิโรมัน ศาสดาคือ พระเยซูคริสต์ หลังจากนั้นประมาณ 300ปี คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาต้องห้ามของจักรวรรดิโรมันและถูกทางการปราบปรามอย่างรุนแรง      จนกระทั่งในช่วงคริสต์ศตวรรษที่4 จักรพรรดิคอนสแตนตินที่1 ทรงนับถือคริสต์ศาสนา และในค.ศ.394 จักรพรรดิทีโอโดซิอัสที่1ได้ประกาศให้    คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจำจักรวรรดิโรมัน ทำให้คริสต์ศาสนาขยายตัวมีผู้นับถือมากขึ้น

         เมื่อจักรวรรดิโรมันเสื่อมลง สถาบันคริสต์ศาสนากลับมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และเมื่อจักรวรรดิล่มสลายไป ดินแดนยุโรปมีแต่ความปั่นป่วน ศาสนาจึงได้เข้ามามีบทบาทเป็นผู้นำในทางจิตวิญญาณของชาวยุโรป และสามารถมีอิทธิพลครอบงำยุโรปสมัยกลางทั้งด้านสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ

          1.1 บทบาททางสังคม
                ในสมัยกลาง คริสต์ศาสนาได้เข้ามามีบทบาทต่อสังคมยุโรป เพราะสังคมมีแต่ความวุ่นวายและความเสื่อม ผู้ที่ปรารถนาจะหลบหนีจากความวุ่นวายได้พบว่าคริสต์ศาสนาสามารถให้ความรู้สึกที่มั่นคงทางจิตใจได้
                    คริสต์ศาสนาจึงแผ่อิทธิพลไปทั่วยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคริสต์ศตวรรษที่ 12และ13 ศาสนจักรมีอำนาจสูงสุดเหนือสถาบันใดๆ และเข้าไปมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของชาวยุโรปอย่างกว้างขวาง


                คริสตจักรได้เสริมสร้างระบบการบริหารที่มีประสิทธิภาพตามแบบโรมันด้วยการสร้างความเป็นเอกภาพของคริสต์ศาสนิกชน และคริสตจักรยังมีความสัมพันธ์กับอาณาจักรทางโลก เช่น การสถาปนาจักรพรรดิโรมันในสมัยกลาง ทำให้คริสตจักรมีความสัมพันธ์กับรัฐ พร้อมกับสร้างความชอบธรรมทางการเมืองให้แก่ศาสนจักรในสมัยกลาง

                   

                คริสตจักรได้เข้ามามีบทบาทต่อวิถีชีวิตของชาวยุโรปในสมัยกลางอย่างมาก ตั้งแต่กำเนิดจนเสียชีวิต เป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุด โดยผูกอำนาจในการตีความพระธรรมและนำพาให้มนุษย์หลุดพ้นทางวิญญาณ เนื่องจากศาสนจักรเป็นสื่อกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า มนุษย์ต้องดำเนินชีวิตตามคำสอนของศาสนาอย่างเคร่งครัด

                การปฏิบัติตามคำสอนของศาสนจักรเป็นทางให้มนุษย์พบความสงบสุขในโลกของพระเจ้า ดังนั้นชาวยุโรปในสมัยกลางจึงมีความเชื่อฝังแน่นอยู่กับความเชื่อทางศาสนาและปฏิบัติตามคำสอนอย่างเคร่งครัด ถ้าผู้ใดหรือชนกลุ่มใดมีความเป็นขัดแย้งกับศาสนจักรจะต้องถูกศาสนจักรไต่สวนและลงโทษ
         
                การไล่ออกจากศาสนาหรือบัพพาชนียกรรม (excommunication) เป็นการ        ห้ามผู้ต้องโทษไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมหรือพิธีกรรมใดๆในทางศาสนา ทำให้     วิญญาณไม่ได้หลุดพ้น รวมทั้งห้ามติดต่อกับศาสนิกชนอื่นๆด้วย
                การตัดขาดจากศาสนาทั้งชุมชน (interdiction) เป็นการลงโทษประชาชนทั้งดินแดน โบสถ์ในดินแดนนั้นจะปิด ไม่ประกอบพิธีกรรมใดๆทั้งสิ้น เท่ากับทำให้ประชาชนในดินแดนนั้นขาดการติดต่อกับพระเจ้าและไม่ได้หลุดพ้น ส่วนมากกฎข้อนี้ใช้ในการลงโทษการกระทำของผู้นำรัฐ


                  การลงโทษทำให้ศาสนจักรมีอำนาจเหนือประชาชนในสังคมทุกระดับชั้น ตั้งแต่กษัตริย์ ขุนนาง จนถึงข้าติดที่ดินระดับล่างสุด และการลงโทษดังกล่าวนี้เองที่  ศาสนจักรใช้ต่อสู้ทางอำนาจกับอาณาจักรตลอดช่วงสมัยกลาง ประชาชนในสมัยกลางมีความเกรงกลัวการลงโทษของคริสตจักรเป็นอย่างยิ่งจึงมีความเคารพเชื่อฟังศาสนา และทำให้ศาสนจักรมีความแข็งแกร่งมั่นคง การที่ศาสนจักรมีอำนาจมากทำให้คริสต์ศาสนามีบทบาททางด้านการเมืองและเศรษฐกิจในสังคมสมัยกลาง

         1.2 บทบาททางการเมือง


                              

                  ศาสนาได้เข้าไปมีส่วนร่วมในระบบการเมืองของยุโรปทั้งในระบบกษัตริย์และระบบฟิวดัลรวมทั้งระบบศาล

        ระบบกษัตริย์

               ศาสนจักรได้อ้างอำนาจเหนือกษัตริย์และขุนนางในฐานะของผู้สถาปนากษัตริย์ สันตะปาปาอ้างอำนาจได้ตั้งแต่สันตะปาปาลีโอที่3 ทรงประกอบพิธีสวมมงกุฎแก่จักรพรรดิชาร์เลอมาญ ในค.ศ.800 การอ้างอำนาจของสันตะปาปานำไปสู่การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างศาสนจักรกับจักรพรรดิเยอรมันในสมัยกลาง

       ระบบฟิวดัล

               ศาสนจักรได้เข้ามามีบทบาทในการยุติสงครามการแย่งที่ดินระหว่างเจ้าของที่ดินต่างๆ และการที่ศาสนจักรมีที่ดินจำนวนมากทำให้ศาสนจักรไปเกี่ยวข้องกับเจ้าของที่ดิน

       ระบบศาล

              ศาสนจักรได้จัดระบบการพิจารณาคดีของศาล จึงอ้างสิทธิที่จะพิจารณาคดีทั้งศาสนาและทางโลก

         1.3 บทบาททางเศรษฐกิจ

             ศาสนจักรเป็นแหล่งรวมความมั่งคั่งในสมัยกลาง เนื่องจากวัดเก็บภาษีโดยตรงจากประชาชน ภาษีนี้เรียกว่า tithe เก็บร้อยละ10 จากรายได้ทั้งหมดของประชาชน นอกจากนี้วัดยังมีรายได้ทางอื่นๆอีก เช่น เงินบำรุงศาสนา เงินและที่ดินที่มีผู้บริจาค รายได้จากการประกอบพิธีกรรม ทำให้วัดมีทั้งที่ดินและทรัพย์สินเงินทองเป็นจำนวนมาก

             ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ศาสนจักรมีอำนาจในสมัยกลาง ได้แก่การจัดการอำนาจแบบรวมศูนย์ที่มีประสิทธิภาพของศาสนจักร กล่าวคือ คริสตจักรได้วางรูปแบบการบริหารงานเลียนแบบการบริการของจักรวรรดิโรมัน ทำให้คริสตจักรเป็นสถาบันที่มีกฎระเบียบและมีเป้าหมายชัดเจน

             โดยมีสันตะปาปา (Pope) เป็นประมุขสูงสุด และมีคาร์ดินัล (cardinal) เป็นที่ปรึกษา ในส่วนภูมิภาคแบ่งเป็นมณฑล ซึ่งมีอาร์ชบิชอป (archbishop) เป็นผู้ปกครอง ถัดจากระดับมณฑล คือระดับแขวง ภายใต้การปกครองของบิชอป (bishop) ส่วนหน่วยระดับล่างสุด คือวัดหรือโบสถ์ ที่คริสต์ศาสนิกชนใช้ประกอบพิธีต่างๆ มีพระหรือบาทหลวง (priests) เป็นผู้ปกครองดูแล






























    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×