คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : องค์การสหประชาชาติ (United Nations)
องค์การสหประชาชาติ (United Nations)
ประวัติความเป็นมา
จากการประชุมของผู้นำชาติมหาอำนาจ เพื่อหาแนวทางที่จะรักษาสันติภาพของโลกตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะยุติลง และเมื่อสิ้นสุดสงครามแล้ว มีประเทศต่าง ๆผู้รักสันติได้ให้สัตยาบันที่จะร่วมกันเสริมสร้างความสัมพันธ์เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม มนุษยธรรม และความมั่นคงของโลกโดยได้ก่อตั้งเป็นองค์กรระหว่างประเทศ เรียกว่า องค์การสหประชาชาติขึ้นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ. 1945 ปัจจุบัน (ค.ศ. 2008) องค์การนี้มีสมาชิกอยู่ทั่วโลกรวมกัน 192 ประเทศ
สมาชิกภาพ
องค์การสหประชาชาติจะรับประเทศต่าง ๆ เข้าเป็นสมาชิก โดยพิจารณาจากเงื่อนไข ต่อไปนี้
1. เป็นประเทศที่รักสันติภาพ และยอมปฏิบัติตามข้อตกลงของสหประชาชาติในกรณีที่เกิดข้อพิพาทหรือขัดแย้งกัน
2. เป็นประเทศที่ยอมรับฟังความคิดเห็น และคำตัดสินต่าง ๆ ของสหประชาชาติในกรณีที่เกิดข้อพิพาทหรือขัดแย้งกัน
3. ต้องได้รับคะแนนเสียงจำนวน 2 ใน 3 ของสมัชชาใหญ่ โดยมีคณะมนตรีความมั่นคง ประกาศรับเป็นสมาชิกใหม่
องค์การสหประชาชาติมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้
1. ธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงของโลก โดยการร่วมมือกัน
2. เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อช่วยกันคลี่คลายและแก้ปัญหาทางด้านสังคมเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิทธิทางด้านมนุษยธรรม
3. เป็นศูนย์กลางพัฒนาความสัมพันธ์อันดี และประสานงานกันระหว่างประเทศสมาชิกเพื่อให้ดำเนินงาน บรรลุผลตามเป้าหมาย
องค์การสหประชาชาติมีหน่วยงานหรือองค์กรหลักอยู่ 6 องค์กร คือ
1. สมัชชาใหญ่ (General Assembly)เป็นองค์กรหลักและเป็นที่ประชุมใหญ่ขององค์การสหประชาชาติและเป็นศูนย์กลางของกิจกรรม
2. คณะมนตรีความมั่นคง (Security Council) เป็นองค์กรหลักมีหน้าที่จัดการในเรื่องความมั่นคงและตัดสินวินิจฉัยข้อพิพาทของประเทศสมาชิก หรือถ้าประเทศใดก็ตามที่ไม่ได้เป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติจะเสนอกรณีพิพาทที่คุกคามสันติภาพของโลกต่อคณะมนตรีความมั่นคงเพื่อพิจารณาก็ย่อมทำได้
3. คณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม (Economic and Social Council)เป็นองค์กรหลักทางด้านการแก้ปัญหาและรับผิดชอบทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและสิทธิมนุษยชน
4. คณะมนตรีภาวะทรัสตี (Trusteeship Council)เป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบทางด้านการปกครองดูแลประเทศที่อยู่ในภาวะทรัสตีคือ ประเทศที่ยังไม่ได้รับเอกราชที่สมบูรณ์ ซึ่งองค์การสหประชาชาติต้องให้ความคุ้มครองดูแล
5. ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือที่เรียกว่า ศาลโลกเป็นองค์กรทางด้านตุลาการขององค์การสหประชาชาติ ประกอบด้วยผู้พิพากษาจำนวน15 คน ศาลนี้มีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์
6. สำนักเลขาธิการ (Secretariat) เป็นองค์กรที่มีเจ้าหน้าที่ประจำ มีเลขาธิการเป็นหัวหน้า เลขาธิการคนปัจจุบัน คือ บันคีมูน เป็นชาวเกาหลีใต้
ผลการปฏิบัติงาน
1. ด้านความขัดแย้ง องค์การสหประชาชาติได้จัดการเจรจาแก้ไขปัญหากรณีพิพาทหรือความขัดแย้งเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ ลัทธิทางการเมืองหรือดินแดนภายในประเทศหรือระหว่างประเทศได้สำเร็จลุล่วงหลายกรณี
2. ด้านการลดอาวุธ ได้จัดให้มีการเจรจาเพื่อลดและควบคุมการใช้อาวุธและได้มีการจัดทำสนธิสัญญาห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์ สนธิสัญญาจำกัดอาวุธทางยุทธศาสตร์ (SALT) สนธิสัญญาว่าด้วยอาวุธชีวภาพและสารพิษ เป็นต้น
3. ด้านเศรษฐกิจและสังคม ส่งเสริมและสนับสนุนเพื่อพัฒนาความก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจและสังคมทั้งด้านเงินทุน และบุคลากร โดยให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกำลังพัฒนาเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาคุณภาพประชากรการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมนอกจากนี้มีการจัดตั้งองค์กรต่าง ๆ เช่น ธนาคารโลก (World Bank) การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา(UNCTAD ) องค์การการค้าโลก (WTO) เป็นต้น
4. ด้านสิทธิมนุษยชนองค์การสหประชาชาติเป็นองค์กรกลางที่จะต่อสู้
และรักษาไว้ซึ่งสิทธิและอิสรภาพขั้นพื้นฐานของมนุษยชน และกำหนดให้วันที่ 10ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนโลกเพื่อส่งเสริมให้มนุษย์มีความเท่าเทียมกันทางด้านเสรีภาพ
5. ด้านกฎหมาย จัดร่างกฎหมายระหว่างประเทศขึ้นหลายฉบับทั้งนี้เพื่อรักษาความยุติธรรม ความเข้าใจอันดีและการรักษาผลประโยชน์ของประชาชาติ
ความคิดเห็น