คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 36 ชั่วโมง ชีวิตแพทย์ใช้ทุน ตอนจบ (แพทย์ฝ่ายบริหารVSแพทย์ภาคสนาม)
14 : 00 น. ผมได้รับโทรศัพท์ตามมาจากตึกอำนวยการของโรงพยาบาล
บอกว่า รองผอ.ต้องการพบตัวด่วน ... ผมเดาได้ว่าต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะชาตินึง
ฝ่ายบริหารไม่ค่อยมาสนใจหมอที่ทำงานหรอก หากตามแบบนี้ต้องมีงานอะไรซักอย่างเข้า
และผมก็พอเดาได้ว่างานอะไรเข้า
จริง ๆ
หมอที่ทำงานมีเรื่องมีราวกับฝ่ายบริหารมานานแล้ว ... ไม่ว่าจะเรื่องค่าเวรที่ต่ำเตี้ย
เรี่ยดิน แถมช่วงหนึ่งฝ่ายบริหารมีแผนเพิ่มคนอยู่เวร
เช่นจากเวรในอายุรกรรมที่ผมอยู่คนเดียว
(ไม่นับแพทย์ฝึกหัดเพราะไม่ได้เงินอยู่แล้ว) จะให้แพทย์ขึ้นเวรสองคน แต่เงินเวรคนเดียวเท่าเดิมคือ
700 บาท ...
ดังนั้นต้องเอาไปหารกันเองสองคน เหลือคนละ 350 ... แน่นอนว่าถูกโต้แย้งอย่างหนัก เพราะนอกจากเงินที่น้อย
จำนวนเวรที่ต้องขึ้นก็พรวดเป็นสองเท่า เท่ากับเดือนหนึ่งอยู่เวรยี่สิบกว่าวัน
ใครมันจะไปอยู่ได้
ผมเดินไปตึกอำนวยการที่ตบแต่งอย่างสวยงาม
... เดินไปหา เลขาฯ หน้าห้อง ... เธอบอกให้เข้าไปพบได้เลย
ผมยิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปในห้อง รองผอ.หน้าหงิก ตั้งแต่เข้าไป บรรยากาศในห้องดูมาคุ
ๆ
รองผอ.เธอบอกว่าญาติคนไข้ร้องเรียนหมอมา
ว่าไม่ยอมมาดูคนไข้ มาดูช้า จนคนไข้เสียชีวิต ...
ญาติบอกเตรียมจะฟ้องหมอกับรพ.แล้ว
ผมถูกซักเหตุผลละเอียดยิบ ...
ทำไมไปดูช้า... ผมก็ตอบไปตามที่เกิดขึ้นจริง
“หมอยุ่งเหรอ ยุ่งทำไมให้น้องไปดูก่อน” ... ผมงงว่าผมก็พึ่งตอบไปนี่หว่าว่าน้องทุกคนก็ดูคนไข้อยู่
“แต่ หมอก็ต้องแบ่งเวลาให้ดี ๆ สิ” ... ถูกยิงคำถามต่อทันที ... ผมเซ็ง ... เซ็ง ... จนไม่อยากจะตอบอะไรอีกเลย ... แบ่งเวลาดี ๆ พูดเฉย ๆ น่ะง่าย .....แต่ลองตอบชัด ๆ มาสิว่าแบ่งดี ๆ ในสถานการณ์นั้นแบ่งยังไง ?? ใจอยากบอกว่า ... ลองมาอยู่เองไหมล่ะครับ .... อยากรู้เหมือนกันว่าจะทำยัง .... ผมไม่ใช่อมีบา จะได้แบ่งตัวเป็นหลาย ๆ ตัวแล้วกระจายดูคนไข้ได้นะ (ต้องเข้าใจก่อนว่า ผู้บริหารบางโรงพยาบาลนั้นมักไม่ตรวจคนไข้ และไม่ต้องอยู่เวรกันมานานแล้ว บริหารอย่างเดียว ทิ้งเวรและภาระงานตรวจให้หมอเด็ก ๆ หมด รพ.นี้ก็เช่นกันผอ.และรองผอ.ไม่เคยตรวจคนไข้มาจะร่วมยี่สิบปีแล้ว)
“ถ้า เวรยุ่งมาก หมอก็ตามเพื่อนมาช่วยอยู่สิ” ....เฮ้อ การมองเหตุการณ์ย้อนหลังแล้วเฝ้าจับผิดก็เป็นแบบนี้ทุกทีไป ........ ดึกขนาดนั้นจะโทรตามใคร .... ให้ตามคนไม่ได้อยู่เวร... ดึกป่านนั้นก็คงอาบน้ำแต่งชุดนอน นอนอยู่กับบ้านกันแล้ว ..... จริง ๆ ผมเชื่อว่าโทรไปเพื่อนผมก็คงมา แม้จะไม่ได้อยู่เวร แม้จะไม่ได้ตังค์ซักกะบาท แต่ทุกคนก็มา ... มาเพราะรักเพื่อน .... มาเพราะมนุษยธรรม .... แต่เอาเข้าจริงใครจะไปรู้ว่ามันจะยุ่งขนาดนั้น ... สารภาพว่าตอนคนปั๊มหัวใจคนไข้อยู่ มันคิดไม่ออกหรอกครับวิธีนี้ ....แถมหากจะโทรจริง ๆ กว่าจะโทร ... กว่าเพื่อนจะเปลี่ยนชุด .... กว่าจะเดินทางมาถึงรพ. .... กว่าจะขึ้นมาบนตึก ....คนไข้คงตายไปสักสามสี่รอบแล้ว.....
“ไม่ยังงั้นทำไมหมอไม่ตามเพื่อนที่ห้อง ฉุกเฉินมาช่วยล่ะ” ... คำถามอันนี้หนักกว่าอันเดิม .... ท่านไม่ต้องอยู่เวรมาหลายสิบปีแล้ว ไม่เคยโผล่มาดูห้องฉุกเฉินด้วยซ้ำ เลยไม่รู้ว่าห้องฉุกเฉินรพ.นี้ เดี๋ยวนี้มันนรกแตกแค่ไหน คืน ๆ นึงคนไข้เป็นร้อย ตายไม่รู้กี่คน อุบัติเหตุเพียบตามแนวคิดเมาแล้วขับ ... แล้วเอาหมออีอามาช่วยในตึกจะเป็นไปได้ยังไง แล้วคนไข้หนักมา ไม่มีใครดู เกิดตาย ก็โดนฟ้องอยู่ดี
ผมโดนบ่นไปอีกหลายสิบนาที .... ป้ารองผอ. บอกรู้ไหมว่ารพ.จะต้องจ่ายเงินให้ญาติเท่าไหร่ เพื่อให้เรื่องยุติ รู้รึเปล่า ... ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่คิดจะไล่บี้เอาที่จ่ายไปคืนจากหมอ .... รู้ไหม ..... เงินตั้งหลายหมื่น
อ้าว .... นี่พูดเหมือนทวงบุญคุณเลยนะเนี่ยที่จะไม่ไล่บี้เอาเงินจากผม .... แน่ล่ะสิ่งที่ลุงกับญาติได้รับนั้นถือว่าไม่เต็มที่จริง ๆ ทางการแพทย์ ... มีหมอมาดูช้าจริง ๆ .... ผมยอมรับ ..... แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ มีคนไข้หัวใจหยุดเต้นพร้อมกัน 3 คน ... กับคุณลุง ผมก็ยังคงต้องเลือกดูคนไข้ที่หัวใจหยุดเต้นก่อนอยู่ดี และนี่ก็คงดีที่สุดแล้วในขณะนั้น.... ....อย่างน้อยความคิดแบบนี้ก็ช่วยปลอบใจอารมณ์ขุ่นมัวของผมได้นิดหน่อย
ผม มาปรอทแตกเอาตอนที่ป้าแกบอกว่า “พวกหมอสมัยนี้ไม่ได้เรื่องกันเลยซักคน น้องของหมอก็เหมือนกันดูแลให้ดี ๆ หน่อย อยากเป็นหมอกันจริงรึเปล่าเนี่ย”
เสียง เหมือนมีอะไรขาดฝึงในหัวผม ...ผมลุกยืน “ไม่ได้เรื่องยังไงครับ ... ผมว่าหมอสมัยนี้ กับสมัยก่อนก็ไม่ต่างกันหรอกครับ ... อย่ามาว่าเพื่อนและน้อง ๆ ผม .. ทุกคนอยู่ที่นี่ด้วยอุดมการณ์ ด้วยความตั้งใจทั้งนั้น ... ทุกคนทำเต็มที่ ... เมื่อคืนก็ไม่มีใครได้นอนเลยซักคน .... คุณเคยมาดูบ้างมั๊ย ....คุณเคยมาเห็นมั๊ย......คุณเคยรู้ไหมว่าคนไข้ล้นวอร์ดมากขนาดไหน ....หมอแต่ละคนตรากตรำกันแค่ไหน ....คุณนั่งแต่บริหาร ไม่เคยตรวจคนไข้ ไม่เคยมาดูพวกผมทำงานด้วยซ้ำ อย่ามาตัดสินว่าเพื่อนหรือน้องผมได้เรื่อง หรือไม่ได้เรื่อง ....ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว” ผมหันหลังเดินออกจากห้อง ปิดประตูใส่ทันที ไม่สนใจว่าป้าแกจะว่าอะไร ช่าง:-) .... อยากไล่ออกเหรอ .... ก็เชิญสิ .... ออกแล้วหาคนมาตรวจแทนผมด้วยล่ะกัน .... ผมมีทางไปอยู่แล้ว รพ.เอกชนอีกมากที่ยังอยากได้หมอ ทางไปที่หรูกว่า สบายกว่า รายได้เยอะกว่า
ผมเข้าใจเพื่อนผมที่ลาออก .... เข้าใจ ... เข้าใจ ......ไม่เคยมองว่ามันไม่ดี ... แม้จะแอบเคืองบ้างว่าการลาออกของมันทำให้งานผมหนักขึ้น ...แต่ดีใจที่มันดูสุขสบายดี แถมยังมาชวนให้ผมไปอยู่สบาย ๆ ด้วย
คน มักประณามหมอที่อยู่เอกชนยังกะไปฆาตกรรมใครมา ..... บางองค์กรด่ายับไม่มีดี ........ผิดหรือที่อยากทำงานสบาย ... ผิดหรือที่อยากทำงานได้เงินเยอะ ๆ โดยไม่ได้ไปโกงใคร..... รักษาคนเหมือนกัน .... ผิดหรือที่อยากกลับไปอยู่กับพ่อแม่ ...มันผิดหรือที่ไม่อยากอดหลับอดนอน ....มันผิดหรือ ..... ผมรู้คำตอบตัวเองดี
ปัญหาแพทย์หนีออกนอกระบบ ยังมากขึ้นเรื่อย ๆ บัจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาลชุมชนห้าร้อยกว่าโรง ... มากกว่าครึ่งของแพทย์ที่อยู่ในนั้นคือแพทย์ใช้ทุน ...ที่หนีไปไหนไม่ได้ ..... เพราะติดทุน หรือติดว่าต้องเรียนต่อ (ผู้ใหญ่ออกกฎมาว่าหากจะเรียนต่อ ต้องใช้ทุนอย่างน้อย 1 ปีไม่งั้นไม่มีสิทธิเรียนต่อ) ผู้ใหญ่บางคนคิดวิธีแก้ปัญหาแพทย์หนีไปเอกชนตื้น ๆ ได้เพียงแค่ “ก็เพิ่มเงินค่าใช้ทุนไปสิ” จากเดิม สี่แสนบาท จะเพิ่มให้เป็นล้านกว่าบาท เพื่อไม่ให้แพทย์หนี ... ยังคงคิดได้กันเท่านี้ คิดแก้กันที่ปลายเหตุ .... เหมือนมีคน post รูปโป๊ลง hi5 ก็ปิด hi5 มันไปสิ อะไรแบบนี้ ต่อให้เป็นล้านนึง แต่ตราบใดที่ทำงานเอกชนแล้วได้เงินเดือนเดือนละเป็นแสน ล้านนึงก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก รพ.เอกชนบางแห่งออกเงินให้ยืมแบบไม่มีดอกมาใช้ทุนเลยด้วยซ้ำ ... ขอให้ไปอยู่กับเค้า
ผมยังดีใจที่แพทยสภายังไม่บ๊องตื้นและคิดอะไร ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ .... อ.สมศักดิ์ พูดได้ถูกใจว่า แพทย์ใช้ทุนก็เหมือนนกถูกขังกรง กรงเปิดเมื่อไหร่ก็บินหนีไปหมด ... ผมขอเติมว่าเป็นนกที่ถูกขังกรง อดอาหาร อดหลับอดนอนอีกต่างหาก ... เพราะนกเหล่านี้รู้สึกว่าถูกขังกรง ไม่ได้รู้สึกว่าอยู่ในบ้าน ดังนั้นหากมีช่องกรงเปิดหนีได้ก็ย่อมหนี ... ทำยังไงให้นกเหล่านี้รู้สึกว่าเหมือนได้อยู่บ้าน ไม่อยากไปไหน บินไปก็อยากบินกลับมา .... น่าจะเป็นทางแก้ที่ดีกว่า
16 : 00 น. ผมเดินกลับมาที่วอร์ด หว้าเข้ามาถามทันที
“เป็นยังไงมั่งพี่”
ผมเล่าไปตามที่เจอมา
“เจ๋งมั๊ก ๆ พี่ แหมน่าชวนหนูไปด้วยนะ จะได้ช่วยตบมือให้” หว้าพูดพร้อมตบมือให้
“นี่แหม ...นะ ... ขืนตบจริงหนูจะซวยล่ะสิ พี่น่ะลอยตัวแล้ว” ใจผมก็เสียว ๆ เหมือนกัน ผมไม่ได้กลัวถูกไล่ออกหรอก เพราะยังไงก็ไม่มีทางอยู่แล้ว แม้แต่จะลงโทษยังไม่มีทางด้วยซ้ำ ... แต่ผมกลัวการฟ้องมากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและบั่นทอนกำลังใจคนเป็นหมอเยอะทีเดียว
บางทีผมก็คิดเหมือนกันว่าคุ้มรึเปล่าเนี่ย กับเงินเดือน สองหมื่นเศษ ๆ กับค่าเวรนิด ๆ หน่อย ๆ กับงานหนักขนาดนี้ เสียสุขภาพขนาดนี้ ต้องจากบ้านพ่อแม่มาอยู่จังหวัดที่ไม่เคยมาอยู่มาก่อน .... คุ้มไม๊ .... หรือผมลาออกไปอยู่เอกชนเหมือนที่เพื่อน ๆ ผมทำ ....
ขณะคิดอยู่เพลิน ๆ เพื่อนผมที่อยู่รพ.เอกชนในกรุงเทพโทรมาชวนเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ มาชวนไปอยู่รพ.เอกชนด้วยกัน บอก
“แก เงินเดือนขั้นต่ำ 80,000 เชียวนะ ... นี่ไม่นับว่าเวรอีกนะแก .. ทำแค่ห้าวันวันละแปดชั่วโมง เหมือนแกทำทุกวันนี้แหละ... แต่คนไข้วันนึงไม่กี่คนเอง .... กลางวันว่างนั่งเล่นเน็ตได้เลย เน็ตฟรีด้วย .... ไม่มาจริงเหรอ ไม่นับค่าเวรคืนละสี่พันนะแก ... แกอยู่ที่นั่นไปสี่ห้าคืนได้เท่ากูอยู่ที่นี่คืนเดียวเองนะ .... “
บางทีคิดตามผมก็เคลิ้มไปบ้าง ... แต่ผมบอกมันไปว่า “ไม่เอาว่ะ ขอเป็นคนดีก่อน”
“แก ... คนดีกับคนโง่มันต่างกันด้วยเส้นบาง ๆ นะโว๊ย”
“ยังไงว่ะ” ผมสงสัย
“แกคิดดิ ... แกว่าคนที่ยอมอดหลับอดนอน ...เสียสุขภาพ ....เงินก็ได้นิดเดียว .... แถมทิ้งพ่อ ทิ้งแม่ให้อยู่กันเองไม่ได้ดูแลอีก ไม่มีปัญญาส่งเงินเลี้ยงดู ... มันเรียกว่า คนดีหรือคนโง่วะ กับคนที่เลือกทำงานที่สบาย สุจริตเหมือนกัน ไม่ต้องอดหลับอดนอน ได้เงินเยอะ ๆ ได้มีเวลาอยู่กับพ่อแม่ มีเงินมากพอเลี้ยงพ่อแม่ได้ มันเรียกว่า คนเลวหรือคนฉลาดล่ะ”
ผมอึ้งไป .... ตอบไม่ถูก .... ไม่รู้เพราะคิดไม่ออกจริง ๆ หรืออดนอนจนหัวไม่แล่น รู้แต่ผมเถียงมันไม่ได้ในตอนนี้ แถมบางคำของมันช่างกระแทกใจดีจริง ๆ ถูกเลย....ถูก.....ที่ตอนนี้เงินเดือนผมมีปัญหาพอเลี้ยงตัวเองเท่านั้น ยังไม่พอที่จะเอาไปเลี้ยงคนอื่น .... บ้านผมก็ไม่ได้กลับมาเป็นเดือน ๆ แล้วเพราะเดือนนึงอยู่เวรสิบกว่าวัน ... จะหาวันว่างติดกันสองสามวันเพื่อกลับบ้านก็ยากเต็มที .... ไปกลับวันเดียวก็เหนื่อย
“เฮ้ย ถ้าเปลี่ยนใจเมื่อไหร่บอกนะเว้ย ... จะได้มาอยู่เป็นเพื่อนกัน” มันทิ้งท้ายไว้ก่อนวางหู
ผมเข้าใจเพื่อนผมที่ลาออก .... เข้าใจ ... เข้าใจ ......ไม่เคยมองว่ามันไม่ดี ... แม้จะแอบเคืองบ้างว่าการลาออกของมันทำให้งานผมหนักขึ้น ...แต่ดีใจที่มันดูสุขสบายดี แถมยังมาชวนให้ผมไปอยู่สบาย ๆ ด้วย
สองวันที่ผ่านมาช่างมีอะไรเกิดขึ้นมาก มายจนไม่น่าเชื่อ ... ทั้งเรื่องเครียด เรื่องเศร้า เรื่องเจ็บปวด เรื่องโมโห และเรื่องสนุกสนาน ... .เป็นความทรงจำที่มีความหมาย ... ผ่านมานานยังไง ... ผมก็ไม่เคยลืมเลือน ... ยังจำได้ดีกับชิวิตแพทย์ต่างจังหวัด ... ยังจำได้ดีว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างกับชีวิตคนป่วย รอยยิ้ม การไหว้ ความดีใจ การโกรธ การชี้หน้าด่า ความไม่พอใจ .... ชีวิตที่ถือกำเนิดใหม่ ชีวิตที่ดับสูญไป ชีวิตที่ผ่านพ้นความตายอย่างฉิวเฉียด
ความคิดเห็น