ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P:FMR NW

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 8 แสงสว่าง

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 56


    บนเกาะแห่งหนึ่งบนโลก  เวลา ??.?? น.


           ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อาศัยอยู่ มันเป็นสถานที่ลึกลับที่มนุษย์ยังออกตามหาไม่พบ และไม่ปรากฏบนแผนที่โลก พื้นที่รอบๆเกาะถูกล้อมรอบไปด้วยมหาสมุทรและฝูงปลากินเนื้อหรือไม่ก็สัตว์กลายพันธ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้
            สภาพอากาศของเกาะจะมีเมฆครึ้มเหมือนจะมีฝนตกอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีคลื่นไฟฟ้าสูงมากทำให้การจะตรวจพบด้วยเรดาห์แทบเป็นไปไม่ได้ ตัวเกาะเป็นเกาะหินที่ยังมีต้นไม้ปกคลุมอยู่บ้าง แต่ทั้งเกาะแห่งนี้ได้ถูกสร้างเป็นศูนย์วิจัยลับของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งไปเสียแล้ว

           ภายในห้องหนึ่งบนเกาะแห่งนี้เหล่าบุคคลที่เรียกตัวเองว่า ลอสท์ ได้ทำการประชุมถึงแผนการที่พวกเขากำลังจะเริ่ม สมาชิกภายในห้องนี้ประกอบไปด้วย นีเดิลบุรุษชุดขาวปริศนาผู้มีเข็มเป็นอาวุธ,เมนทิสลอสท์รูปแบบตั๊กแตนตำข้าว,คาเมเลี่ยนลอสท์รูปแบบกิ้งก่าคาเมเลี่ยน,ฮอร์สลอสท์รูปแบบม้า,โครว์ลอสท์รูปแบบอีกาและจากัวร์ลอสท์รูปแบบเสือจากัวร์เป็นสมาชิกคนสุดท้าย
           "เอาล่ะ ทุกคนมากันพร้อมแล้วสินะงั้นก็มาเริ่มประชุมกันเลยละกัน" นีเดิลพูดเปิดประชุม

           "นีเดิลแผนการในครั้งนี้คือการชิงไกอาเมมโมรี่มาสินะ" โครว์ที่นั่งกอดอกอยู่หลังห้องถาม

           "ถูกต้องแล้วล่ะโครว์" นีเดิลกดรีโมทเปิดภาพบนหน้าจอ ภาพของแฟลชไดฟ์ที่ถูกเรียกว่า ไกอาเมมโมรี่
           "ไกอาเมมโมรี่เป็นอุปกรณ์ที่ทางประเทศฝรั่งเศสได้สร้างขึ้นเพื่อนำมาใช้รับมือกับพวกเรา เป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนร่างของมนุษย์ไปเป็นสิ่งที่ถูกบันทึกลงในเมมโมรี่นั้นๆ"

           "ใช้เปลี่ยนร่างมนุษย์งั้นเรอะ งี้นี้เองหากจะรับมือกับปิศาจอย่างพวกเราก็ต้องใช้ปิศาจสู้กลับสินะ" คาเมเลี่ยนทำความเข้าใจ
           "คาเมเลี่ยนจะพูดอะไรก็ระวังปากหน่อยนะ" เมนทิสมองคาเมเลี่ยนด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ ที่มันมาพูดจาว่าร้ายสิ่งที่เรียกว่า ลอสท์เช่นนี้ "พวกเราต่างจากพวกนั้น พวกเราคือกลุ่มคนที่ถูกเลือกโดยพระเจ้าให้เป็นผู้สร้างโลกใหม่ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไร้ค่าเช่นนั้น"

           "ครับๆขอโทษครับ ท่านเมนทิส" คาเมเลี่ยนจำต้องยอมเพราะไม่อยากจะมีเรื่องมาก

           "นีเดิล แล้วเจ้าจะแบ่งหน้าที่ให้เราทำยังไงล่ะ ?" ฮอร์สถาม

           "ก่อนอื่นเลย จากที่สกอร์เปี้ยนสายของเราได้รายงานมาบุคคลที่จะมาขนส่งไกอาเมมโมรี่นี้ จะมีเพียงผู้ขนส่งที่แท้จริงคนเดียวเท่านั้น ที่เหลือจะเป็นเพียงแค่ตัวล่อให้หลงไปผิดทาง ดังนั้นภารกิจในครั้งนี้ข้าจึงคิดจะทำแผนการหลายๆแผนการพร้อมกัน เพื่อกันไม่ให้พวกเจาเบื่อด้วยไงล่ะ" นีเดิลเปิดภาพของเมืองฟูโตะขึ้นหน้าจอ
           "เพราะที่ที่เราจะไปนั้นคือฟูโตะ เมืองที่เป็นจุดที่ตั้งขององค์กรส่วนกลางที่ถูกนำโดย ทาคากิ โซอิจิโร่"

           "อ้อ งั้นหมายความว่าจะให้พวกเราไปลอบสังหารตาแก่นี่ด้วยสินะ" โครว์พูด

           "แต่การจะจัดการชายคนนี้ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพรราะเขาเป้นถึงผู้ใช้เวทมนต์ที่เก่งกาจคนนึง ข้าจึงอยากจะถามว่าใครจะอาสาไปเป็นคนจัดการชายคนนี้" นีเดิลถามความสมัครใจซึ่งโครว์ก็ยกมือก่อนใครทันที
           "เจ้าคิดดีแล้วเรอะ โครว์ ?"

           "มันฟังดูน่าสนุกดีนี่ได้สู้กับผู้ใช้เวทมนต์เชียวน้า เดี๋ยวฉันคนนี้จะตัดหัวมันมาเอง!" โครว์เชื่อมั่นในฝีมือตัวเองอย่างมาก

           "ถ้าอย่างงั้นคาเมเลี่ยน เมนทิส และสกอร์เปี้ยนจะทำหน้าที่ตามล่าผู้ขนส่งไกอาเมมโมรี่ทั้งสามทาง ส่วนข้าเองก็จะไปทางที่สี่ให้เอง" นีเดิลแบ่งหน้าที่ให้แต่ละคน
           "ฮอร์สเจ้าคอยทำหน้าที่เก็บกวาด จัดการคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดซะ"

           "เข้าใจแล้ว" ฮอร์สรับคำสั่ง

           "แล้วฉันล่ะ ?" จากัวร์ชายผู้สวมผ้าพันคอสีแดงที่เงียบมาตลอดการประชุมครั้งนี้เอ่ยปากถาม

           "จากัวร์ ข้าอยากจะให้เจ้าคอยทำหน้าที่สอดแนมและส่งข้อมูลที่จำเป็นมาให้พวกเรา โดยให้เจ้าแฝงตัวไปกับพวกมนุษย์ ท่านจะทำได้รึไม่ ?" นีเดิลถาม จากัวร์ก็เพียงแค่พยักหน้าเงียบๆ
           "เจ้านี้ไม่ชอบพูดจริงๆน้า~" คาเมเลี่ยนพูดลอยๆ

           ทันใดนั้นก็มีกรงเล็บจ่อไปที่คอของคาเมเลี่ยนในทันใด "ขะ...ข้าขอโทษ ได้โปรดอย่าทำอะไรข้าเลย!"

           "คาเมเลี่ยนอย่างเจ้าน่ะหุปปากซะบ้างก็ดี" จากัวร์ลดมือลง
           "อย่าเพิ่งมีเรื่องกันเลย พวกเราเป็นพวกเดียวกันทำแบบนี้มันไม่ดีนะ" นีเดิลเตือนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มตามแบบของเขา

           "งั้นก็ขอปิดประชุมเลยก็แล้วกั..."
           "เดี๋ยวก่อน!" หญิงสาวคนนึงเดินเข้ามาในห้องเธอคือปิรันย่าลอสท์รูปแบบปลากินเนื้อที่ดุร้ายที่สุดในโลก

           "พวกนายจะไปฟูโตะสินะ งั้นพาฉันไปด้วยสิ" ปิรันย่าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

           "อะไรเนี่ยพี่สาวทำไมถึงจะไปด้วยล่ะ!?" โครว์ถาม แต่เขาก็ถูกปิรันย่าใช้ครีบสีฟ้าจ่อหน้าไว้
           "หุปปากไป ฉันเองก็มีเรื่องที่ต้องทำที่นั่น!" ปิรันย่าทำหน้าตาน่ากลัวซะจนขนาดโครว์ยังไม่กล้าที่จะหือ "ได้ใช่มั้ย นีเดิล ?"

           "ถ้าถามว่าได้มั้ย ก็คงต้องบอกว่าได้...แต่ว่าก็คงต้องขอให้เธอบอกเหตุผลที่จะไปมาด้วยล่ะนะ" นีเดิลถามด้วยใบหน้าแบบเดิม "จะไปทำอะไรที่นั่นล่ะ ?"

           "ไปตามฆ่า มังกี้"

           "มังกี้...ออ เจ้าคนทรยศนั่นน่ะเรอะ" เมนทิสแอบเหลือบมองมังกี้

           "ที่ไปนี่มันเป็นทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องส่วนรวม พวกนายคงจะรู้จักล็อคซีดที่ด๊อกเตอร์กำลังทำการวิจัยอยู่สินะ..สิ่งนั้นเจ้ามังกี้ที่หนีการตามล่าของฉัน ได้เอาสิ่งนั้นติดตัวไปด้วยและจากการสำรวจความแปลกแยกในชั้นบรรยากาศก็รู้ว่าที่ที่เจ้านั่นไปคือฟูโตะ ดังนั้นฉันจึงอยากจะไปเอามันกลับคืนมาด้วยตัวเอง" ปิรันย่าทำหน้าจริงจัง

           "ล็อคซีด...เจ้าแม่กุญแจลายผลไม้นั่นสินะ รู้สึกว่าด๊อกเตอร์ก็ยังไม่สามารถตรวจสอบพลังของมันได้เลยสินะ" คาเมเลี่ยนพูด

           "แล้วสรุป...จะให้ฉันร่วมด้วยได้รึเปล่า ?" ปิรันย่าถามนีเดิลอีกครั้ง

           "ก็ตามใจเจ้า แต่ว่าหากเจ้าทำไม่สำเร็จคงจะรู้นะว่าต้องเจอกับอะไรน่ะ" นีเดิลฉีกยิ้มเห็นฟันที่เป้นเขี้ยวยาวเรียงเป็นแถว
           "เรื่องบทลงโทษของแกน่ะ ฉันพร้อมรับมันหากฉันทำไม่สำเร็จ" เธอตอบอย่างเด็ดเดี่ยว

           "อย่างนี้สิถึงจะสมเป็นลอสท์ที่ถูกเลือกจริงๆ" นีเดิลพูดเสร็จก็หมุนตัวไปข้างหลัง
           "เอาล่ะ งั้นพวกเราก็ไปกันได้แล้วล่ะ ไปทำงานของพวกเรา...."


    .
    .
    .

    .

    ตัวเมืองเอเรีย 1 WIND  เวลา 11.58 น.


           ภายในเมืองฟูโตะเอเรีย 1 เวลาในยามเช้าของผู้คนที่นี่ก็จะไม่ต่างไปจากเมืองหลวงอย่างโตเกียวมากนัก จะมีผู้คนมากมายที่ต่างผลัดกันไปทำธุระประจำวันของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงาน การไปซื้อของกับเพื่อนๆ การหาอะไรเล่นสนุก หรือหาร้านอาหารอร่อยๆแล้วเข้าไปรับประทานด้วยกัน ชีวิตของชาวเมืองก็เป็นปกติไม่มีอะไรแปลกไปจากที่อื่นๆ แต่เพียงแค่ที่นี่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอยู่มาก

           พื้นถนนของที่นี่สะอาดเรียบร้อยไม่มีขยะเกลื่อนกลาดเป็นเพราะคนที่นี่ตั้งใจร่วมกันรักษาความสะอาด
           และที่นี่ยังมีหุ่นยนต์ที่คอยทำหน้าที่รักษาความสะอาดอัตโนมัติอยู่ทั่วเมือง ลักษณะของมันก็เหมือนกับเป็นตัวหุ่นรูปทรงกระบอกที่ขาที่ขาเป็นล้อเลื่อนคอยทำหน้าที่ที่ต่างกันไป 
           หุ่นยนต์เหล่านี้ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานขับเคลื่อน ทำให้มันสามารถทำงานได้ตลอดทั้งวัน และมันก็ยังสามารถใช้พลังงานลมทดแทนได้อีกด้วย

           เมืองแห่งนี้ยังมีรถให้เช่าเหมือนกับเมืองอื่น เพียงแต่ว่าที่เมืองนี้นั้นขอแค่มี ID บัตรประชาชนก็สามารถยืมรถเช่าที่อยู่ทั่วตามสถานที่ที่จัดอยู่ตามเมืองได้แล้ว เพียงแค่ใส่บัตร ID ลงไปที่เครื่อง คุณก็จะสามารถใช้งานรถคันนั้นได้ตลอดทั้งวัน เพียงแต่ว่าคุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายตามเวลานั้นด้วย 

           จากที่กล่าวมาหากคนที่ใช้งานเสร็จแล้วก็สามารถนำบัตร ID ออก เพื่อเลิกการใช้การรถเช่าได้
           และหากรถคันนั้นไม่ได้ถูกใช้งานเป็นระยะเวลา 30 นาที รถจะทำการขับเคลื่อนอัตโนมัติกลับไปยังสถานที่ที่นำรถออกมาครั้งแรก โดยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติจะใช้เส้นทางพิเศษที่ชาวเมืองปกติห้ามใช้เพื่อความปลอดภัยของทุกๆฝ่าย

           ในฝูงชนที่เดินไปเดินมาทั่วทั้งถนนของใจกลางเมืองแห่งนี้นั้น พวกเขาก็ต่างมีฐานะ อาชีพการงาน หน้าที่ อายุ ที่ต่างๆกันไป คนที่อาศัยอยู่ที่เมืองนี้ต่อให้เป็นคนยากจนก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะที่นี่สามารถให้คุณกู้ยืมเงินเพื่อใช้เป็นฐานของชีวิตใหม่ได้เพียงแต่ว่าจะต้องหางานทำเพื่อนำเงินส่วนนึงกลับมาใช้หนี้ครึ่งนึงที่คุณได้กู้ไป

           เมืองแห่งนี้ยังชอบจัดงานสื่อบันเทิงให้เด็กๆ โดยเฉพาะช่วงปิดเทอมเช่นนี้งานแบบนี้จะจัดค่อนข้างบ่อยเป็นประจำ และก็มักจะทำให้เกิดเรื่องบางเรื่องขึ้น....


           "ฮือๆๆ"

           "งั้นเหรอ หลงทางกับคุณแม่สินะ" ชายหนุ่มคนนึงคุยกับเด็กผู้ชายที่ยืนร้องไห้เพราะหลงทางกับแม่ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะด้วยจำนวนคนที่มากมายขนาดนี้ ยิ่งมีการจัดแสดงไลฟ์โชว์ให้พวกเด็กๆยามเช้าเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ถนนแถบนี้เต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวายทั้งร้านขายของ ร้านอะไรอีกมากมาย

           "ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะช่วยตามหาแม่ให้เอง" ชายหนุ่มให้กำลังใจเด็กชาย

           "จริงเหรอครับ!? เด็กน้อยยิ้ม" 

           "อืม" ชายหนุ่มพยักหน้า "แต่ว่าเธอห้ามร้องไห้เด็ดขาดนะ มันก็เหมือนกับที่พวกเราเล่นเกมนั่นล่ะถ้าหากเธอร้องไห้ก็เหมือนกับว่าเธอยอมแพ้กับเกมนั้นแล้วไงล่ะ แต่ว่าถ้าเธอยังตั้งใจที่จะฝ่าฟันเกมนี้ไปให้ได้ สักวันเธอก็จะต้องชนะแน่นอน!"
           "ครับ" เด็กน้อยเชื่อตามที่ชายหนุ่มบอก เขารีบเช็ดน้ำตาออกทันที
     
           "เอาล่ะ" เขามองไปรอบๆ ผู้คนที่อยู่โดยรอบนั้นมีมากเกินไปที่จะเดินออกตามหาคนๆเดียวเหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร "ถ้าจูงมือไปด้วยกันก็อาจจะหลงได้สินะ...จะทำยังไงดี ?" ชายหนุ่มครุ่นคิดและเขาก็นึกไอเดียออก
           "จริงด้วยสิ เอาแบบนี้นี่ล่ะ!"

           "พี่ชายจะทำอะไรเหรอครับ ?" เด็กชายเห็นพี่ชายหันหลังให้กับเขา ด้วยความสงสัยจึงถามไปอย่างไร้เดียงสา

           "เอาล่ะ เรามาเล่นเครื่องตามหาคุณแม่กัน ขึ้นมาบนหลังพี่เลยเราจะออกบินไปตามหาแม่ของน้องกัน!" ชายหนุ่มบอก เด็กชายที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบกระโดดขึ้นบนหลังของเขาอย่างแข็งขันทันที
           "ครับ ไปเลยครับพี่ชาย"

           "แรงดีไม่เบานี่ งั้นก็ไปกันเลย!" ชายหนุ่มรวบรวมแรงและแบกเด็กน้อยขึ้นหลังจากนั้นก็เดินออกตามหาแม่ของเขา "คุณแม่ครับ คุณแม่ของเด็กคนนี้อยู่รึเปล่าครับ"

           "คุณแม่ครับ!!" เด็กชายช่วยส่งเสียงเรียก

           "เคน...เคน!" หญิงสาวคนนึงที่ได้ยินเสียงของพวกเขาทั้งสอง
           เธอกับลูกชายอีกคนก็รีบวิ่งตามเสียงนั้นไปจนมาเจอทั้งสองคน "เคน!"

           "คุณแม่ครับ!" เด็กชายยิ้มแย้ม ดีใจที่เจอแม่ตัวเองอีกครั้ง
           "นั่นน่ะเหรอแม่ของเธอน่ะ งั้นก็ไปหาเลย!" ชายหนุ่มย่อตัวลง ปล่อยให้เด็กชายตัวเล็กๆวิ่งไปอยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นมารดา

           "พี่เคน กลับมาแล้ว" น้องชายของเด็กชายคนนั้นร้องด้วยความยินดี

           "ต้องขอขอบคุณมากเลยนะคะ ที่ช่วยดูแลลูกของฉันน่ะค่ะ" คุณแม่กล่าวขอบคุณเด็กหนุ่ม
           "เอาลูกๆก็ขอบคุณพี่ชายเขาเร็วเข้าสิจ๊ะ"
           "ขอบคุณนะครับพี่ชาย!" เด็กชายตัวเล็กๆทั้งสองพูดพร้อมกัน

           "มะ..ไม่เป็นไรครับ" ชายหนุ่มส่ายมือ ท่าทางเขินนิดๆ
           "เห็นมั้ยบอกแล้วว่าถ้าเธอไม่ยอมแพ้ ไม่ว่ายังไงเธอก็จะหาทางชนะเกมนั้นได้อยู่แล้วและตอนนี้เธอก็เป็นผู้ชนะยังไงล่ะ"

           "ครับ พี่ชาย!" เด็กน้อยพยักหน้า

           "งั้นพวกเราก็ขอตัวก่อนนะคะ" คุณแม่ก้มหัวขอบคุณชายหนุ่มอีกครั้งก่อนที่เธอจะจูงมือเด็กทั้งสองหันหลังกลับและเดินจากไป "เดี๋ยวแม่จะพาลูกๆไปพิพิธภัณฑ์นะ ทำตัวดีๆด้วยล่ะ"
           "เย้ พิพิธภัณฑ์ๆ!"

           ชายหนุ่มมองแผ่นหลังของครอบครัวที่ดูมีความสุข ทำให้เขาก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย
           "ครอบครัวงั้นเรอะ.." ชายหนุ่มพูดคำนี้ด้วยสีหน้าซึมเศร้านิดหน่อย แต่เขาก็ดึงตัวเองออกมาจากอาการซึมเศร้าได้ในทันที "เอาเถอะๆ ยังไงซะ คุณคามิโจว โทวมะคนนี้ก็ได้ช่วยเด็กที่หลงทางไปแล้วล่ะนะ"

           "เอาล่ะ มารับวันใหม่ที่มีแต่เรื่องดีๆดีกว่า" โทวมะพูดเช่นนั้นก่อนที่จะมองไปที่จอภาพที่ติดอยู่บนห้างสรรพสินค้า 
           "เที่ยงแล้วสินะ...เดี๋ยวเที่ยงเรอะ.."

           ชายหนุ่มนึกเรื่องสำคัญเรื่องนึงออก "แย่ล่ะสิ มัวแต่ไปช่วยเขาจนลืมนัดไปซะสนิทเลย ต้องโดนบ่นอีกแน่เลย"
           คามิโจว โทวมะรีบวิ่งไปตามที่ที่เขานึกออกในทันที "ซวยชะมัดเลย!!"


    ร้าน Cous Coussier  เวลา 12.13 น.


           คามิโจว โทวมะรีบวิ่งมายังร้าน Cous Coussier ร้านอาหารชื่อดังของระแวกนี้
           "ร้านนี้สินะ!" ชายหนุ่มรีบเปิดประตูเข้าไปด้วยวามรีบเร่งแต่ด้วยความรีบเร่งนี้เองทำให้เขาชนกับชายอีกคนที่กำลังจะเดินออกจากร้าน

           "อะ โทษที" ชายที่โดนชนกล่าวขอโทษ

           "ไม่เป็นไร ฉันเองก็ขอโทษที่ไม่ดูทาง" โทวมะปล่อยให้ชายหญิงทั้งสองคนเดินผ่านเขาไปก่อน ก่อนที่เขาจะเข้าไปในร้าน "อยู่โต๊ะไหนนะ ?"

           "พี่โทวมะ ทางนี้ๆ!" เด็กสาวคนนึงโบกมือทันทีที่เห็นเขา

           ชายหนุ่มเดินไปนั่งที่โต๊ะเดียวกับเด็กสาวที่เรียกเขาทันที "เออ...รุยโกะ โทษทีนะที่มาสายน่ะ"
           โทวมะรีบพนมมือขอโทษ

           "ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าคราวหน้าก็มาให้เร็วกว่านี้หน่อยนะคะ ไม่งั้นหนูอารมณ์เสียจริงๆด้วย" เด็กสาวพูดขู่ชายหนุ่ม "แต่ที่สำคัญกว่านั้น ดูนี่สิคะ!" เธอหยิบสมุดสีขาวที่มีลายเซ็นของคนอื่นเซ็นอยู่
           "หนูได้ลายเซ็นมาแล้วด้วย!"

           "ลายเซ็น...ลายเซ็นใครงั้นเหรอ ?" โทวมะถาม

           "ถามมาได้นะคะ ก็อามามิ อารุกะไงคะ นี่พี่โทวมะจำเพลงที่หนูฟังช่วงนี้บ่อยๆไม่ได้เลยเหรอคะ" รุยโกะเริ่มยั่ว

           "โทษทีๆ รุยโกะก็รู้นี่ว่าฉันไม่ค่อยฟังเพลงน่ะ" โทวมะไกล่เกลี่ยให้เธออารมณ์เย็นลง
           "วันนี้น่ะดีไปเลยนะยังไม่ค่อยได้เจอเรื่องโชคร้ายอะไรเลยด้วย วันนี้ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นวันที่ดีของท่านคามิโจวคนนี้ก็ได้นะ"

           "หนูก็เห็นพี่โทวมะโชคร้ายอยู่ตลอดนี่คะ ถ้าวันนี้พี่ดวงดีอย่างที่บอกก็คงแปลกแน่ๆ"
           รุยโกะมองออกไปนอกหน้าต่าง "ไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะหิมะตกก็ได้นะคะ หากพี่โทวมะไม่โชคร้ายน่ะค่ะ"

           "นี่เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าคนโชคร้ายก็สามารถเอาชนะโชคของตัวเองได้ไงล่ะ!" โทวมะพูดอย่างภูมิใจ

           ตอนนั้นเองบริกรผู้หญิงที่กำลังถือถาดที่มีแก้วน้ำอยู่ประมาณสาม-สี่แก้ว เดินมาบริเวณโต๊ะของโทวมะพอดี และเธอก็ดันลื่นสะดุดล้มกับพื้นที่ราบเรียบซะอย่างงั้น "ว้ายย!!" 
    แก้วนำทั้งสี่ก็พร้อมใจกันหกใส่ชายหนุ่มที่เพิ่งพูดว่าเอาชนะโชคร้ายไปหยกๆ
     
           "หนูคิดว่าวันนี้อากาศคงดีแล้วล่ะค่ะ" รุยโกะล้อเลียน

           "ต้องขอโทษด้วยค่ะ!" บริกรสาวก้มหัวขอโทษหลายครั้ง "เดี๋ยวจะไปหาผ้ามาเช็ดให้นะคะ"

           "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวก็แห้ง" ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่ปกติ
           "รุยโกะแล้วได้สั่งอะไรรึยัง ?"

          "หนูรอพี่โทวมะอยู่น่ะค่ะ พี่อยากจะทานอะไรรึเปล่าล่ะคะ วันนี้จะให้หนูเลี้ยงก็ได้นะคะ" รุยโกะพูดและหยิบเมนูอาหารขึ้นมาอ่าน

          "อืม งั้นก็..." แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้สั่งอาหารอะไร
          
    ตอนนั้นเองที่ประตูทางเข้าร้านนั้น ก็มีหญิงสาวร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับชุดที่ดูราคาแพงและเป็นของแบรนเนมอย่างไม่ต้องสงสัย กระโปรงของเธอยาวเกือบถึงเข่า ชุดของเธอเผยผิวพรรณสีแทนเปล่งประกายเย้ายวนเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ในร้านให้มองไปที่เธอ เธอยังทำให้ผู้หญิงหลายคนในร้านมองเธอด้วยแววตาอิจฉาหลายคน ยกเว้นรุยโกะที่เอาแต่มองเมนูอยู่ตอนตอนนี้
     
           ส่วนคามิโจว โทวมะเองก็ตาค้างทันทีที่เห็นผู้หญิงคนนี้ "สวยชะมัด"

           "พี่โทวมะ หนูไม่รู้จะทานอะไรดี แล้วพี่โทวมะล่ะ ?" รุยโกะลดเมนูลงเพื่อถามชายหนุ่มแต่ว่าตอนนี้เขากลับดันไปสนใจหญิงสาวที่เพิ่งเข้ามาในร้านซะงั้น
           "พี่โทวมะ~!" น้องสาวของชายหนุ่มหยิบไม้เบสบอลของเธอขึ้นมาและฟาดไปที่หัวของชายหนุ่มเต็มแรง

           "เจ็บ!!" 
           "ทำอะไรเนี่ยรุยโกะแบบนี้มันเจ็บนะ" โทวมะลูบหัวตัวเองที่เพิ่งถูกตีไป

           "มัวแต่สนใจคนอื่นอยู่ได้ อาหารน่ะจะสั่งรึเปล่าคะ" รุยโกะพูดอย่างอารมณ์เสีย
           "รู้แล้วน่า คราวหน้าคราวหลังอย่าเอาไม้เบสบอลมาตีคนอื่นจะได้มั้ย มันอาจจะทำให้สมองคนอื่นเสื่อมได้นะ" โทวมะบ่น

           "สำหรับพี่โทวมะน่ะหนูคิดว่ามันน่าจะไว้เรียกความทรงจำกลับมามากกว่านะคะ" รุยโกะพูดประโยคนั้นก็ทำเอาโทวมะช็อคไปหลายวินาที ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวและรู้สึกผิด 
           "ขะ..ขอโทษค่ะ"

           "มะ...ไม่เป็นไรหรอก ก็มันเป็นความจริงนี่นะ" โทวมะลูบหัวน้องสาวของเขาเพื่อปลอบไม่ให้เธอรู้สึกเสียใจ

           ตอนนั้นเองที่มีพนักงานหญิงเข้าไป
    ยื่นเมนูอาหารให้ผู้หญิงฮอตที่เพิ่งเข้ามาในร้าน มันถูกรับไว้โดยชายคนแรกที่นั่งคุกเข่าข้างๆเธอ และส่งต่อให้คนที่สอง คนที่สองใช้ผ้าเช็ดเมนูนั้นอย่างดีและส่งให้คนที่สาม คนที่สามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหยดลงผ้าและเช็ดซ้ำอีกทีและส่งให้คนที่สี่ คนที่สี่เช็ดเมนูอีกครั้งด้วยผ้าแห้งเพื่อให้เมนูแห้ง และส่งให้กับราชินีของพวกเขา

           "พวกนั้นทำไมต้องทำซะขนาดนั้นด้วยล่ะเนี่ย ?" รุยโกะสงสัย

           "รู้สึกแปลกๆนะ" โทวมะพูด

           "ใช่ค่ะคนพวกนั้นแปลกจริงๆค่ะ" รุยโกะเห็นด้วย

           "ไม่ใช่ ไม่ได้หมายถึงพวกผู้ชาย หมายถึงผู้หญิงคนนั้น" โทวมะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ทำให้รุยโกะรู้สึกแปลกใจ

           ต่อมาไม่นานพนักงานชายอีกคนก็มาส่งสลัดผักที่หญิงสาวคนนั้นสั่งที่โต๊ะของเธอ
           
    "อาหารที่สั่งได้แล้วครับ ขอให้มีความสุขกับการรับประทานอาหารนะครับ"

           "เฮ้ย แกน่ะกล้ามาบังอาญจับอาหารของท่านพีน่า งั้นเรอะ!?" ชายทั้งสี่ลุกขึ้นยืนและล้อมพนักงานชาย

           "เดี๋ยวสิ หมายความว่าไง ?" ชายหนุ่มยืนงง

           "ผู้ชายที่จะแตะต้องท่านพีน่าได้น่ะคือพวกเราเท่านั้น คนอย่างแกน่ะไม่มีสิทธิ เอาจานนี่กลับไปและไปสั่งทำอาหารมาใหม่เดี๋ยวนี้!" ชายทั้งสี่บอกกับชายหนุ่ม

           "ร้านของเราจะนำอาหารกลับไปเปลี่ยนใหม่เมื่อลูกค้าต้องการ แต่ถ้าจะให้มาเปลี่ยนใหม่ด้วยเหตุผลแบบนี้ล่ะก็ ฉันเองก็ไม่ยอมหรอกนะ" พนักงานตอบกลับ
           "ว่าไงนะ!?" ชายทั้งสี่กำหมัดเตรียมพร้อมที่จะมีเรื่องกับเขาเต็มที่

           "เดี๋ยวหยุดก่อน!" เสียงของหญิงสาวบอกกับชายทั้งสี่พวกเขาก็หลีกทางให้เธอทันที "เธอน่ะใจกล้าดีนี่น่ามีตั้งสี่คนแท้ๆ กล้าที่จะสู้กับคนเยอะแบบนี้ ถูกใจฉันจริงๆ ว่าไงจะมารับใช้ฉันอีกคนมั้ย" เธอชักชวน ทางฝั่งชายเริ่มรู้สึกหลงไปกับเสียของเธอ ปากของเขาค่อยๆขยับช้า
           "คะ..ครั.."

           "แบบนี้ไม่ดีแน่!" โทวมะรู้สึกกังวลจึงรีบลุกขึ้น
           "พี่โทวมะ จะไปไหนน่ะคะ!?" รุยโกะถาม แต่พี่ชายของเธอก็เดินตรงไปร่วมวงกับเหล่าชายทั้งสี่ หญิงสาวและพนักงานชายซะแล้ว

           
    "หยุด พอได้แล้วน่า!" โทวมะตะโกนมาจากด้านหลังทำให้พนักงานชายกลับมาได้สติ
           "ไม่เห็นรึไงว่าเธอลำบากใจแค่ไหนน่ะ พวกนายน่ะเลิกทำแบบนี้ได้แล้ว!" 

           "ว่าไงนะแก อยากเจอดีใช่มั้ย!" ชายทั้งสี่เดินมายืนพร้อมกันพร้อมที่จะอัดชายปากดีคนนี้อย่างเต็มที่

           "หึ พวกนายมากันสี่คนเลยเรอะ "ถ้าอย่างงั้นฉันก็..." ชายหนุ่มชุดนักเรียนขาวหมุนตัวกลับ จากนั้นก็รีบใส่เกียร์สูงสุดวิ่งหนีออกจากร้านไปทันที "ก็ต้องเผ่นอยู่แล้ว"
           "เฮ้ย ตามไปจับมันมา!" ชายทั้งสี่วิ่งไล่ตามโทวมะไปทันที

           "พี่โทวมะหาเรื่องใส่ตัวตลอดจริงๆสิน่า" รุยโกะเหนื่อยใจ
           หลังจากที่พวกเขาวิ่งกันออกไปจากร้าน หญิงสาวคนนั้นเองก็เดินออกไปจากร้านด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์เท่าไหร่เช่นกัน "เป็นอะไรของเธอนะ ?"

           "จะรับออเดอร์มั้ย ?" 
           "กรี๊ด!" รูยโกะตกใจที่มีพนักงานผู้หญิงขนาดตัวเท่าๆเธอมาอยุ่ข้างเธอแล้ว "ค่ะ...คะ ?"

           "จะรับออเดอร์มั้ย ?" หญิงสาวถามด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
           "ระ..รับค่ะ" 


           ทางด้านคามิโจว โทวมะที่ต้องเผ่นออกมาจากร้าน Cous Coussier และต้องวิ่งหนีให้เร็วที่สุดถ้าหากเขายังไม่อยากถูกรุมกระทืบ "ซวยชะมัดเลย!!"

           "ทำไมถึงได้ซวยแบบนี้น้า~!!" โทวมะรีบวิ่งซิกแซกเข้าไปในซอย
           "ตามมันไปๆ" ชายทั้งสี่ก็ยังตามมาอย่างไม่ลดละ พวกเขาคิดจะจัดการโทวมะให้ได้ 

           "โธ่เว้ย ตามติดเป็นหมากฝรั่งเลยนะ" ชายหนุ่มวิ่งกระโดดข้ามตะแกรงเหล็กที่กั้นทางไว้ และรีบวิ่งหนีไปอีกซอยนึง

           "เฮ้ย ไปดักมันไว้ เดี๋ยวจะตามไปเอง" ชายทั้งสี่แยกทางกันเหลือเพียงชายที่ตัวใหญ่ที่สุดที่วิ่งไล่ตามโทวมะแบบไม่ลดละ โดยที่เขาชนพังตะแกงเหล็กที่โทวมะต้องกระโดดข้ามลงอย่างง่ายๆ

           "ทำไงดี!? ทำไงดี!? ทำไงดี!?" โทวมะวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต แต่นั่นทำให้เขาไม่ได้มองทางเลยเดินชนกับเสาไฟและตกลงไปในทางรถไฟใต้ดิน "อ้าาา!!!"
           แต่ว่านั่นทำให้เขาสามารถรอดพ้นมากจากเหล่าบุคลที่อยากจะกระทืบเขาได้อย่างฉิวเฉียด เพราะคนอื่นๆต่างวิ่งตามหาเขาอยู่ชั้นบน

           "ถือว่า...รอดไปทีละกัน" ชายหนุ่มถอนหายใจและมาพักเหนื่อยที่ม้านั่ง
           "สรุปเราก็ยัง....ไม่ได้ทานข้าวเที่ยงเลยสินะ"

           ชายหนุ่มมองไปข้างๆก็เห็นร้านขายอาหารว่างเปิดอยู่ ด้วยความหิวตอนนี้เขาเลยคิดว่าหาอะไรลองท้องน่าจะเป็นทางเลือกที่ดี "ซื้อนี่แล้วค่อยกลับไปหารุยโกะก็แล้วกัน" โทวมะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อจะหยิบกรเป๋าตังค์ออกมา แต่ว่า....

           "ไม่มี.." โทวมะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีกข้าง "นี่ก็ไม่มี"
           "หรือว่า!?" ชายหนุ่มนึกย้อนกลับไปตอนที่เขาอยู่ที่ Cous Coussier เขาได้วางกระเป๋าตังค์ไว้ที่โต๊ะนั่งของเขาเอง ทำให้ตอนนี้เขาไม่เหลือเงินแม้แต่เยนเดียว
           "อะไรมันจะโชคร้ายขนาดนี้นะ.."
     

    ร้าน Cous Coussier  เวลา 13.47 น.

           ที่ร้าน Cous Coussier รุยโกะที่อยู่ที่นั่งทานอาหารของร้านนั้นคนเดียวหลังจากที่ทานเสร็จแล้ว เธอก็ลุกขึ้นแต่ก็สังเกตเห็นกระเป๋าตังค์ของคนบางคนวางไว้ที่เบาะตรงข้าม เธอจึงหยิบขึ้นมาดู
           "นี่มันของพี่โทวมะนี่น่า อะไรจะดวงร้ายขนาดนี้นะ"

           รุยโกะเก็บกระเป๋าตังค์นั้นไว้กับตัวและเดินออกมา แต่ตอนนั้นไม้เบสบอลของเธอก็ร่วงลงจากกระเป๋าและกลิ้งไปทางคนๆนึง "หวา...ไม้ของเรา"
    เด็กสาวเดินตามไม้เบสบอลไปแต่ก็ต้องไปหยุดชะงักเมื่อมันไปหล่นอยุ่ตรงหน้าของชายหน้าโหดที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ "นะ...น่ากลัวจะ..จัง"

           "หืม" ชายหน้าตาน่ากลัวมองลงไปที่ไม้เบสบอลที่หล่นอยุ่เท้าเขา
           "แย่แล้ว.." เด็กสาวเริ่มคิดว่าตอนนี้เธอจะต้องถูกชายคนนี้โกรธอย่างแน่นอนถึงทำหน้าตาแบบนี้ ยิ่งตอนนี้เธอไม่มีอาวุธทำให้ขาเธอสั่นไม่หยุด

           "..." ชายหน้าดุก้มตัวลง
           "ขอโทษค่ะ! อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ!" รุยโกะรีบกล่าวขอโทษในทันที

           "เอ้า ของของเธอตกน่ะ" ชายผู้นั้นกลับยื่นไม้เบสบอลคืนให้กับเด็กสาวง่ายๆ
           "ขะ..ขอบคุณค่ะ" รุยโกะรับของมาอย่างงงๆ

           "คราวหน้าก็ระวังหน่อยล่ะ" ชายหน้าโหดเดินผ่านเธอไปโดยที่ไม่ทำอะไรเธอเลย แถมเขายังไปลาพนักงานผู้หญิงคนนึงอย่างสบายๆอย่างกับเป็นเพื่อนกัน
           "คนเราดูที่หน้าตาได้จริงๆนะ" รุยโกะรำพึง

           "จริงด้วยสิ ต้องรีบโทรหาพี่โทวมะ" รุยโกะหยิบโทรศัพท์ของเธอออกมาและทำการโทรติดต่อหาพี่ของเธอทันที
           ไม่นานนักปลายสายก็รับสาย "พี่โทวมะตอนนี้อยู่ำที่ไหนน่ะ ?"

           "ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ที่....น่ะ พอดีว่า..." เนื่องจากสัญญญาณไม่ดีนักทำให้เสียงขาดๆหายๆ
           "รุยโกะ....กลับบ้าน.....ก็ได้นะ"

           "พี่โทวมะ หนูไม่ได้ยินที่พี่พูดเลย พี่โทวมะ" ไม่นานนักด้วยสัญญาณที่ไม่ดีทำให้อยู่ๆสายก็ตัดไป
           "ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนนะ..." เด็กสาวเดินออกมาจากพร้อมกับเปิดภาพที่เธอถ่ายคู่กับพี่ชายของเธอ โดยมีชื่อที่เขียนไว้ข้างๆภาพว่า...คามิโจว โทวมะ & ซาเต็น รุยโกะ"


           ซาเต็นขึ้นรถประจำทางเพื่อที่จะพาเธอกลับไปที่บ้านของเธอที่ตั้งอยู่ในเมืองข้างๆ
           'คามิโจว โทวมะ...พี่ชายบุตรธรรมของหนู เขาเป็นใครมาจากไหนนั้น ไม่มีใครรู้ ครั้งแรกที่เจอกับเขา เขาได้นอนสลบอยู่ที่ริมชายหาด ของเอเรีย 8 เมื่อ 4 ปีก่อน ชายคนนี้สูญเสียความทรงจำของเขาไปจนหมดสิ้นไม่เว้นแม้แต่ชื่อของตัวเอง คุณพ่อกับคุณแม่ของเราก็เลยรับเลี้ยงเขาไว้ ที่เราสามารถเรียกชื่อของเขาได้เป็นเพราะว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งหล่นอยู่ข้างๆตัวเขา จดหมายฉบับนั้นได้เขียนชื่อ 'คามิโจว โทวมะ' ไว้ ดังนั้นทุกคนจึงเรียกเขาด้วยชื่อนี้ ถึงแม้จะไม่รู้ประวัติหรืออะไรจากตัวเขาเลย แต่ว่าคุณพ่อกับคุณแม่ก็ดูแลเขาเหมือนกับที่ดูแลเราและน้องชายของเรา คงเป็นเพราะสงสารหรืออะไรก็ไม่รู้ไปดลใจพวกเขา'

           รุยโกะลงมาจากรถ เดินผ่านผู้คนมากมายและเดินเข้าไปในหมู่บ้าน
           'ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เรากับพี่โทวมะมาสนิทกัน ตอนแรกๆเรากับเขาแทบไม่ได้คุยกันเลย พี่โทวมะเองก็จะสนิทกับน้องเราซะมากกว่า คงเป็นเพราะเราเป็นผู้หญิง เวลาที่เจอผู้ชายที่อายุมากกว่าก็เลยไม่รู้ว่าจะไปหาวิธีเข้าหาเขายังไง แต่ว่าหลังจากที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมา เรากับพี่โทวมะก็สนิทกันมากขึ้น จนตอนนี้เราก็จะขึ้นม.1 แล้ว พี่โทวมะเองก็ต้องเป้นนักเรียน ม.4 ถึงจะไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกัน แต่ว่าอย่างน้อยได้อยู่โรงเรียนเดียวกันก็ยังดี'

           รุยโกะเดินมาถึงหน้าบ้านของตัวเองที่เป็นบ้านเดียวขนาดไม่ใหญ่มาก มีสองชั้น มีสวนเล็กๆภายในบ้าน
           'ความรู้สึกของเราที่มีต่อพี่โทวมะเองก็ชักจะเกินเลยคำว่าพี่น้องไปนิดหน่อยแล้ว แต่ว่าทางฝ่ายพี่โทวมะก็คงยังมองเราเป็นเด็กหรือไม่ก็น้องสาวอยู่แน่ๆเลย แต่ก็เอาเถอะเป็นน้องสาวที่รักของพี่ชายก็ดีกว่าที่จะถูกเขาเกลียดหรือไม่สนใจล่ะนะ' หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เธอถอดรองเท้าที่ทางเข้าหน้าบ้านและเดินไปในห้องนั่งเล่นก็เห็นพ่อของเธอกำลังดูโทรทัศน์ คุณแม่กำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว น้องชายกำลังทานขนมอยู่ที่โต๊ะ

           "พี่รุยโกะกลับมาแล้ว!" น้องชายวัย 6 ขวบของรุยโกะรีบวิ่งถลาเข้ามากอดพี่สาวของเธอ
           "พี่รุยโกะแล้วพี่โทวมะล่ะครับ ?"

           "พี่โทวมะยังไม่กลับมางั้นเหรอ ?" รุยโกะทำหน้าแปลกใจ เพราะเธอคิดว่าโทวมะคงกลับมาแล้ว

           แม่ของรุยโกะเห็นรุยโกะกลับมาจึงเดินไปต้อนรับ "อ้าว รุยโกะยินดีต้อนรับกลับจ้ะ แล้วโทวมะคุงล่ะไม่ได้กลับมาด้วยกันเหรอจ๊ะ" 

           "พี่โทวมะคงจะอยู่ในเมืองนั่นล่ะค่ะ ตอนแรกหนูคิดว่าพี่โทวมะเขากลับมาก่อนหนูซะอีกนะคะ" รุยโกะตอบ

           "ตายจริง แบบนี้ก็อันตรายน่ะสิจ๊ะ ช่วงนี้ยิ่งมีแต่ข่าวไม่ดีๆทั้งนั้นเลยด้วย โทวมะคุงจะเป็นอะไรรึเปล่านะ" คุณนายซาเต็นรู้สึกเป็นห่วง

           "อย่างพี่โทวมะน่ะไม่เป็นไรหรอกค่ะ ต่อให้เจออันธพาลเป้นร้อยพี่เขาก็จัดการได้สบายอยู่แล้วล่ะค่ะ" รุยโกะบอก
           "โทวมะมันก็โตแล้วนะแม่ ถึงจะเป็นลูกบุญธรรมแต่ว่าก็น่าจะรู้หนิว่าเจ้าหมอนั่นชอบไปหาเรื่องใส่ตัวอยู่เรื่อย แต่ว่านั่นล่ะก็เป็นข้อดีของหมอนั่น" คุณพ่อของรุยโกะบอก

           "แต่เพราะเป็นแบบนั้นนั่นล่ะค่ะทำให้ยิ่งต้องเป็นห่วง" แม่ของรุยโกะแย้ง "เพราะชอบหาเรื่องใส่ตัวจึงมักจะเจ็บกลับมาอยู่เรื่อยไงคะ"

           "แบบนั้นล่ะถึงจะเป็นผู้ชายล่ะ ก็ดีกว่าให้มันไปสนใจไอ้เรื่องพวกบนเตียงละกันนะแม่" พ่อบอก
           "คุณนี่ล่ะก็ต่อให้ไม่ใช่ลูกแท้ๆแต่พวกเราก็ดูแลเขามาสามปีแล้วนะคะ ต้องเป็นห่วงเขาให้มากกว่านี้หน่อย" แม่เดินเข้าไปต่อว่า

           รุยโกะมักจะเห็นบิดากับมารดาของเธอเองทะเลาะกันเรื่องนี้เป็นประจำ เป็นเพราะนิสัยที่ห่วงอะไรมากเกินไปของแม่ของเธอด้วยจึงทำให้มักจะมีเรื่องนี้บ่อยๆ เธอลูบหัวน้องชายของเธอก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบนแล้วเข้าไปในห้องของเธอ เธอกดล็อคประตูและวางกระเป๋าของเธอลงที่โต๊ะ โต๊ะนั้นมีภาพที่เธอถ่ายคู่กับโทวมะตอนที่เธอชนะการแข่งเบสบอลลิตเติ้ลลีคสมัย ประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ด้วย
           "พี่โทวมะ ตอนนี้พี่กำลังทำอะไรอยู่นะ ?"
           "สาเหตุที่พี่มักจะเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวเสมอ เป็นเพราะว่าพี่เข้าใจถึงความรู้สึกที่ว่า 'การสูญเสียทุกอย่างในอดีตไป' สินะคะ"


    เอเรีย 1  สถานีรถไฟใต้ดิน  เวลา 16.11 น.



           ทางด้านโทวมะนั้นเนื่องจากเขาต้องใช้พลังทั้งหมดกับการวิ่งหนีบุคคลที่คิดจะกระทืบเขาก่อนหน้านี้ทำให้เขาหมดแรงและเผลอหลับไปในขณะที่นั่งอยู่ที่ม้านั่งพอตื่นขึ้มาอีกทีก็พบว่าตอนนี้ 4 โมงกว่าแล้ว
           "แย่ล่ะสิ นี่เราหลับไปนานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ต้องรีบกลับไปหารุยโกะแล้ว"

           ชายหนุ่มรีบวิ่งตรงไปที่บันไดทางขึ้น แต่ตอนนั้นเองก็มีรถจักรยานลอยมาหาเขา
           "เหว่อ อะไรเนี่ย!?" โทวมะรีบก้มหัวลงทำให้รถจักรยานลอยข้ามหัวเขาไปและมาล้มลง พร้อมกับคนที่ขับอยู่ด้วย

           "โอ๊ย..เจ็บๆๆ"

           "อะ..เออ..." โทวมะมัวแต่อ้ำอึ้งแต่พอเขาตั้งสติได้ ก็ยื่นมือไปช่วยชายคนนี้ "เออ....นี่เป็นอะไรรึเปล่า ?"

           "ขอบพระคุณมากครับ" เด็กผู้ชายอายุพอๆกับโทวมะขอบคุณและจับมือดึงตัวลุกขึ้นยืน "ผมไม่เป็นไรครับ แค่เจ็บนิดหน่อย"

           "คราวหน้าก็ระวังหน่อยล่ะ นายอาจจะไม่โชคดีแบบนี้อีกนะ" โทวมะตบบ่าของชายคนนี้ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นบันไดไปข้างบน 
           "ลองโทรหารุยโกะก่อนดีกว่า เผื่อยัยนั่นจะกลับไปที่บ้านแล้วด้วย" ชายหนุ่มหยิบโทรศัพ์ขึ้นมาแต่พบว่า....

           "อ่ะ...แบตหมดซะงั้น" โทวมะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าเสื้อ
           "เฮ้อ...ดันเป็นแบบนี้ไปซะได้ เอาเถอะยังไงเดี๋ยวก็เจอกันที่บ้านเองนั่นล่ะคงไม่เป็นไรหรอก" ชายหนุ่มมองโลกในแง่ดีและเดินกลับไปตามท้องถนน

           "เจอตัวแล้ว มันอยู่นั่น!" เสียงของชายคนนึงดังขึ้น โมวมะหันกลับไปก็พบกับโจทก์เก่าที่ยังตามล่าเขาไม่เลิกลา

           "ยังจะตามอยู่อีกเรอะ พวกนายนี่มันจะแค้นฉันไปถึงไหน!?" เด็กหนุ่มรีบใส่เกียร์หมาอีกครั้ง และรีบวิ่งเผ่นคนเหล่านั้นไปอย่างรวดเร็ว

           "ตามมันไป จับมันให้ได้!" ชายทั้งสี่กลับมารวมกลุ่มกันอีกครั้งและไล่ตามโทวมะไปอย่างไม่ลดละ

           "โธ่เว้ย พอได้แล้วน่าพวกนาย!!" โทวมะตะโกน "ซวยชะมัดเลย!!"

           ตอนนั้นทาคาสุ ริวจิชายหน้าดุที่เคยอยู่ที่ร้าน Cous Coussier บังเอิญเดินอยู่บนสะพานลอยและพอเขามองลงมาก็พบเห็นโทวมะกำลังวิ่งหนีชายทั้งสี่คนอยู่
           "นั่นมัน ?" ริวจิมองลงไปข้างล่าง "เจ้าพวกนั้นยังไล่กันไม่เลิกอีกเรอะเนี่ย ?"

           "หืม ?" ริวจิมองไปข้างๆก็เจอกับผู้ชายชาวต่างชาติอยู่กับชายชาวญี่ปุ่น
           ทางชาวต่างชาติมีผมสีบลอนด์ยาวมีกระเป๋าล็อคอยู่กับแขนของตัวเอง ดูแล้วคงเป็นของสำคัญอะไรซักอย่างที่สำคัญถึงต้องทำเช่นนี้ ริวจิคิดเช่นนั้น
           "เมืองนี้มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอดจริงๆสิน่า"

           ชายหน้าโหดพูดเสร็จก็เอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและเดินจากไปอย่างเงียบๆ


           คามิโจว โทวมะยังคงวิ่งหนีกลุ่มคนที่ไล่กระทืบเขาอยุ่เช่นเดิม
           แต่หลังจากที่ไปพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันซึ่งก็คือกลุ่มคนที่เป็นพวกนักเลง บังเอิญว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ดันเดินชนกับหัวหน้าของพวกเขาตกท่อน้ำ จึงทำให้ถูกพวกเขาทั้งแก๊งเกือบๆ 20 คนไล่ล่า
           "อะไรมันจะซวยขนาดนี้!!"

           ด้วยพลังแห่งดาวโชคร้ายที่ยังไม่จบสิ้น 
           เด็กหนุ่มก็ยังวิ่งไปชนกับพวกอันธพาลอีกกลุ่มนึง ทำให้หัวหน้าของพวกมันหัวจิ้มกับขนมเค้ก ทำให้ถูกลูกน้องของพวกเขาไล่ล่าเพิ่มอีก 30 กว่าคน
           "ซวยซ้ำซวยซ้อนจังเลย!"

           และด้วยโชคอันซวยมหาซวยของเขา
           ก็ยังทำให้เขาสะดุดล้มไปชนกับเด็ก ทำให้ไอศครีมของเด็กนั้นไปเปื้อนกับพวกแก๊งค์มาเฟีย ทไให้ถูกลูกน้องพร้อมด้วยอาวุธครบมือไล่ล่าเพิ่มอีก 40 คน
           "นี่มันโชคร้ายบ้าอะไรเนี่ย!!!"


    ข้างๆตึกร้างแห่งหนึ่งภายในเมืองแถบเรียบคลอง  เวลา 18.02 น.

           ชายหนุ่มรีบวิ่งกระโดดข้ามบันได ไปยังแถบตึกร้างที่ไร้ซึ่งผู้คน เหล่านักเลง อันธพาล มาเฟีย กลุ่มคนทั้งสี่ ก็ยังไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ จนโทวมะต้องเข้าไปซ่อนตัวที่ลังไม้
           "ถ้าหลบอยู่นี่ก็ไม่น่าจะเป็นไร...ล่ะมั้ง ?"

           "มันหายไปไหนแล้ว" กลุ่มคนที่ไล่ล่าโทวมะมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้
           "ถ้าหากเจอล่ะก็จะรุมกระทืบมันให้ยับ!" ชายทั้งสี่พูด
           "ถ้าหากเจอล่ะก็จะขอยำรวมมิตรให้เละ!" กลุ่มนักเลงพูด
           "ถ้าหากเจอล่ะก็จะทรมาณให้เจ็บจนตาย!" กลุ่มอันธพาลพูด
           "ถ้าหากเจอล่ะก็จะยิงจนไม่ให้เรื่องแม้แต่กระดูกเลย!" กลุ่มมาเฟียพูด

           "เดี๋ยวสิ นี่เราไปทำอะไรผิดร้ายแรงมางั้นเรอะ" โทวมะนั่งคิดอยู่หลังลังไม้

           "หัวหน้าครับไม่เจอตัวเลยครับ" เหล่าลูกน้องย้อนกลับมารายงานหัวหน้าทั้งสี่

           "ลองไปดูทางนั้นมารึยัง ?" หัวหน้าทั้งสี่ชี้ไปทางที่ลังไม้ซึ่งเป็นจุดที่โทวมะซ่อนตัวอยู่
           "ซวยล่ะสิ!"

           "ครับ พวกเราไปตรวจดูทางนั้นซิ" ลูกน้องของทุกแก๊งเดินตรงไปสำรวจจุดที่พวกมันยังไม่ได้สำรวจ
           "จะทำยังไงดี คามิโจว โทวมะ ตอนนี้ต่อให้ออกไปก็ซี้แหงๆ แต่ถ้าอยู่ตรงนี้ยังไงก็ไม่รอด จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี!?"

           "แกเป็นใคร!?" เสียงของลูกน้องคนนึงเปลี่ยนให้คนอื่นหันไปมองบุรุษลึกลับผู้ยืนอยู่ขั้นบนสุดของชั้นบันได

           "พวกมนุษย์เอ๋ย...พวกเศษขยะไร้ค่าอย่างพวกเจาไม่สมควรจะอยู่บนโลกนี้ ข้าจะเป็นผู้ปลิดชีวิตของพวกเจ้าเอง" ชายสวมผ้าพันคอพูด

           "ว่าไงนะ พูดแบบนี้ก็สวยเซ่ พวกเราจัดการ!!" หัวหน้าทั้งสี่สั่ง เหล่าลูกน้องตรงวิ่งเข้าไปเพื่อจะจัดการกับคนลึกลับคนนั้น แต่ว่า....

           "หายไปซะ!" ร่างของชายผู้นั้นมีควันไอร้อนออกมาจากร่างกาย
           ร่างกายของเขากลายสภาพเป็นสัตว์ประหลาดร่างเสือจากัวร์ มันเพียงแค่พุ่งผ่านเหล่าอันธพาล นักเลง มาเฟียพวกนั้น ร่างกายของพวกเขาก็สลายกลายเป็นทรายไปในทันที

           "นะ...นั่นมันบ้าอะไร!?" หัวหน้าทั้งสี่เริ่มถอยหลัง ทุกคนตัวสั่นด้วยความกลัว ความกลัวตายทำให้พวกเขารีบวิ่งหนีแต่ก็ไม่อาจหนีรอดพ้นเงื้อมมือของปิศาจนักล่าที่จัดการพวกเขาทั้งสี่ภายในพริบตา
            และทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบสงัด ไม่มีเสียงร้อง ไม่มีเสียงพูดคุย ไม่มีเสียงใดๆทั้งสิ้น

           โทวมะที่รู้สึกแปลกๆว่าทำไมเสียงของทุกอย่างจึงหายไป
           เขาจึงลุกขึ้นและออกมาจากที่ซ่อนของเขา และสิ่งที่เขาเห็นมีเพียงแค่เสื้อผ้าของคนเหล่านั้นเพียงเท่านั้น ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ หรือร่างของคนพวกนั้นเลย มีเพียงฝุ่นทรายที่ปลิวว่อนไปตามลมเท่านั้น
           "นี้มัน...เกิดอะไรขึ้น ?"

           "การโจมตีเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของสิ่งที่สัมผัส นี่คือความสามารถของมีดเล่มนี้" ชายสวมผ้าพันคอที่ยืนอยู่กลางกองเสื้อผ้าอธิบายถึงอาวุธที่มันใช้สังหารคนเหล่านี้ "คนหลายคนเข้าใจผิดว่าเวทมนต์ไม่มีอยู่บนโลก แต่จริงๆแล้วบนโลกนี้อาวุธเวทมนต์มีจริงและก็สามารถมาใช้ร่วมกับวิทยาศาสตร์ได้"

           "ตะ..ต้องขอบคุณนะที่ช่วยฉันไว้น่ะ แต่ฆ่าคนพวกนี้ไป...มันก็จะเกินไปรึเปล่า ?" โทวมะถาม

           "ช่วยเจ้าไว้ ? ผิดแล้วข้าไม่ได้คิดจะช่วยเจ้าเลยแม้แต่น้อย" ร่างของชายสวมผ้าพันคอเริ่มมีไอคัวนระเหยออกมาอีกครั้ง
           "ละ..แล้วทำแบบนี้ทำไม ?" 

           ร่างของชายผู้นั้นกลายสภาพเป็นลอสท์จากัวร์ทั้งร่าง "ข้าทำเพื่อกำจัดคนโดยรอบนี้ให้หมด!"
           พูดเสร็จปิศาจเสือลายจุดก็พุ่งเข้าหาโทวมะในทันที!!


    .
    .
    .
    .


    เอเรีย 1  บ้านของรุยโกะ  เวลา 18.24 น.


          รุยโกะที่เฝ้ารอโทวมะกลับมาบ้าน แต่ว่าเวลาผ่านแล้วผ่านไปเขาก็ยังไม่กลับมา
          "โธ่ พี่โทวมะเนี่ยไปทำอะไรของเขาอยู่นะ ไม่ใช่ว่าไปเจอเรื่องโชคร้ายเข้าหรอกนะ" เด็กสาวเปิดคอมพิวเตอร์ของเธอ และเซิร์จหาข้อมูลเกี่ยวเรื่องบางอย่าง

           
    "GOLDEN WARRIOR IN FUUTO CITY AREA 1"

           เด็กสาวเปิดภาพของเหตุความไม่สงบที่เคยเกิดขึ้นที่สะพานลอยที่ไว้ให้รถสัญจรเมื่อ 3 ปีก่อน
           โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น เมื่ออยู่สะพานที่ผู้คนต่างใช้ในการเดินทางเกิดถล่มขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีผู้คนได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ทรัพย์สินเสียหาย เพียงแต่ว่าในเหตุการณ์ครั้งนั้น....ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว

           "นักรบร่างสีทอง..." รุยโกะเลื่อนภาพลงมาพบกับภาพที่มีคนถ่ายไว้ได้ เป็นภาพของมนุษย์ประหลาดที่ทั้งร่างเป็นสีทอง ดวงตาสีแดง มีเขาอยู่บนหัว ซึ่งดูแล้วไม่น่าใช้มนุษย์ เพียงแต่ว่าเพราะการปรากฏตัวของเขานั้น ทำให้ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นทุกคนรอดมาได้อย่างปาฏิหารย์
           "ข่าวลือลึกลับของเมืองแห่งสายลม.."

           หญิงสาวมองรูปภาพเหล่านั้นก่อนที่เธอจะปิดหน้าจอคอมลงไป
           "เอาล่ะ ถ้าพี่โทวมะไม่ยอมกลับมาล่ะก็..หนูก็จะออกไปหาเอง!" รุยโกะตัดสินใจเช่นนั้น เธอรีบสะพายกระเป๋าประจำตัวและเดินลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

           "รุยโกะป่านนี้แล้วจะไปไหนน่ะลูก ?" แม่ของรุยโกะถาม

           "หนูจะออกไปตามหาพี่โทวมะค่ะ!" เด็กสาวบอกในขณะที่กำลังสวมรองเท้า

           "เดี๋ยวสิจ๊ะ นี่ก็ใกล้มืดแล้วนะข้างนอกมันอันตรายนะ" คุณแม่เตือนด้วยความเป้นห่วงลูกสาวของตน

           "ไม่เป็นไรค่ะ ถ้ามีใครหรืออะไรมาทำร้ายหนูล่ะก็..." เด็กสาวหยิบไม้เบสบอลอาวุธคู่กายของเธออกมาพร้อม
           "หนูจะซัดให้มันหมอบไปเลย!" 

           "งั้นหนูไปก่อนนะคะ" รุยโกะรีบวิ่งออกไปจากบ้านทันที
           "รุยโกะ!" เสียงของแม่ก็ไม่อาจหยุดหญิงสาวที่ตัดสินใจกระทำสิ่งที่เธอต้องการไว้ได้แล้ว

           'ใช่แล้ว เหตุการณ์นั้นล่ะ' รุยโกะวิ่งตรงไปที่รถประจำทางสายเข้าเมือง พร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์นักรบสีทอง
           'เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เรากับพี่โทวมะ สนิทกันมากขึ้น' 

           "ทำให้เรารู้ว่า พี่โทวมะคือ...."


    เอเรีย 1  
    ข้างๆตึกร้างแห่งหนึ่งภายในเมืองแถบเรียบคลอง  เวลา 18.36 น.


           คามิโจว โทวมะรีบใช้มือขวายกขึ้นมาป้องกันมีดของจากัวร์ เป็นผลให้มีดเล่มนั้นแทงเข้าใส่มือขวาของเขา
           "อ้ากกก!!" เด็กหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ถูกมีดที่แหลมคนแทง

           "และก็จงสลายหายไปซะ!" จากัวร์คำราม

           เวลาทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง จากัวร์รอคอยเวลาที่ร่างของเด็กหนุ่มจะสลายกลายเป็นผง
           ไม่นานนักก็มีเศษผงทรายร่วงลงมา.....

           แต่ว่าผงทราบนั้นไม่ได้มาจากตัวของเด็กหนุ่มแต่กลับเป็นตัวมีดเอง
           "นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?" จากัวร์ถอยออก มีดลงอาคมของมันก็สลายกลายเป็นทรายไปเสียแล้ว "เวทมนต์ไหลย้อมกลับมาที่ตัวอาวุธเองงั้นเรอะ.....นี่เจ้าทำไมถึงทำแบบนี้ได้"

           "เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาไม่ใช่เรอะ ?"

           ชายหนุ่มแอบยิ้มเล็กน้อย "นั่นสิทำไมกันนะ....โชคร้ายจริงๆนะ นี่มันความซวยของแท้เลย..."
           โทวมะเงยหน้าขึ้นและมองไปที่จากัวร์ด้วยสายตาที่ไม่ได้หวาดกลัวมันเลยแม้แต่น้อย "นายน่ะมันซวยจริงๆเลยไงล่ะ"

          "ทำไม...ทำไมแกถึงทำแบบนั้นได้" จากัวร์แยกเขี้ยว

           "เดี๋ยวจะแสดงให้เห็นเดี๋ยวนี้ล่ะ...เพราะว่าฉันจะไม่ยอมให้นายน่ะไปทำร้ายใครอีกแล้ว!!"
           ทันทีที่ชายหนุ่มพูดคำนั้นออกมา สายลมก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา และที่ประมาณรอบๆเอวของเขาก็เปล่งแสงสว่างสีทองออกมา

           จากัวร์รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังจะออกมาจากตัวเด็กหนุ่ม "....พลัง....พลังที่มหาศาส..กำลังถูกปลดปล่อยออกมาจากเจ้านี่" 

           "ฮา......" โทวมะยื่นมือขวาไปข้างหน้าอย่างช้าๆสักพักนึงเขาก็หยุด
           "แปลงร่าง!!" เขาตามด้วยนำมือทั้งสองข้างมาแตะที่เอวทั้งสองข้างพร้อมกันทันที

           ทันใดนั้นแสงสีทองก็เข้าปกคลุมร่างของเด็กหนุ่มและค่อยเปลี่ยนร่างของเขาไป


    AGITO


           แสงสว่างค่อยๆจางลงร่างของคามิโจว โทวมะได้กลายไปเป็นอมุษย์ที่สวมเกราะสีทอง ดวงตาสีแดง เหมือนกับนักรบสีทองที่อยู่ในข่าว
           "..." นักรบสีทองเดินตรงไปหาจากัวร์อย่างช้าๆทีละก้าว

           "หึ่ม!" จากัวร์เป็นฝ่ายเข้าไปบุกก่อนมันเข้าไปต่อยใส่นักรบสีทอง
           แต่เขาเพียงแค่เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยก็สามารถหลบได้แล้ว พอจากัวร์จะต่อยกลับก็ถุกเขากันไว้ได้

           "ฮ่าส์!"  นักรับสีทองชกท้องของจากัวร์ทำให้เสียหลัก
           เขาหมุนตัวใช้ข้อศอกกระแทกหน้าของจากัวร์อีกทีทำให้มันถอยลงไป

           จากัวร์จะกระโดดเข้าตะปปจากด้านหลัง 
           นักรบร่างสีทองหมุนตัวกลับมาใช้หมัดต่อยใส่มันก่อน แล้วใช้หมัดขวาต่อยกระแทกจนมันกระเด็นออกไปชนกระแทกกับลังไม้จนพังลงมา

           "เรื่องบ้าๆแบบนี้" จากัวร์พยายามลุกขึ้นยืนใหม่
           ลอสท์กระโดดเข้าไปจับตัวเด็กหนุ่มไว้ แต่ก็ถูกเขาเหวี่ยงออกได้อย่างง่ายดาย

           "มาทำให้นี้จบกันเถอะ!" โทวมะพูด ทันใดนั้นเขาของนักรบร่างสีทองแยกออก
           บังเกิดตราสัญลักษณ์สีทองขึ้นที่ใต้เท้าของเขา เขาค่อยๆย่อตัวลงช้าๆแสงสีทองนั้นก็ค่อยๆถูกดูดเขาไปในเท้าทั้งสองข้างของนักรบสีทอง

           "โคร่ววว!!!" จากัวร์คำรามพร้อมกับวิ่งตรงเข้าหาเขา
           นักรบสีทองกระโดดแล้วพุ่งตัวลงมาเตะใส่ลอสท์ "ฮ่าส์!!" 


    ตึง!

           พลังเตะของเขานั้นทำเอาจากัวร์ถึงกับลื่นไหลออกไป ด้วยแรงกระแทกนั้นก็ทำให้มันล้มลงแต่ว่าก็ยังไม่หยุดไหลไปตามแรงกระแทกจนห่างไปได้เกือบ 8 เมตร มันถึงหยุดลง
           "อะ...อึก...เจ้านี้มัน...!" จากัวร์พยายามรวบรวมแรงลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

           เด็กหนุ่มค่อยหันหน้าวนกลับไปข้างหลังอย่างช้าๆ
           บนศรีษะของจากัวร์เกิดแสงวงกลมขึ้นบนหัวก่อนที่จะระเบิดถูกทำลายลงไป "คว้ากกก!!!"


    ตู้มม!!!!


           เขาบนหัวของนักรบร่างสีทองถูกเก็บเขาที่ตามเดิม
           "ชื่อของฉันคือคามิโจว โทวมะ แต่ว่าถ้าในร่างนี้จะเรียกว่า อากิโตะ ก็ได้ นั่นล่ะคือชื่อของฉัน" โทวมะพูดหลังจากที่สามารถปราบลอสท์ลงได้

           หลังจากที่จัดการลอสท์ลงได้ไม่นาน ก็มีบางอย่างเดินออกมาจากตึกร้างข้างๆ
           มันนั้นเป็นบางอย่างที่มีขนาดใกล้เคียงกับมนุษย์ เพียงแต่รูปร่างหน้าตาของมันนั้นออกจะต่างจากลอสท์ที่สู้ด้วย รูปร่างของมันเป็นร่างสีเขียวอ่อนและดำม่วงแบ่งครี่งกัน
           "ศัตรูงั้นเรอะ ?"

           นักรบสองสีวางร่างของผู้หญิงผมสีบลอนด์ลงที่ผนังกำแพงและเดินเข้าไปประจัญหน้ากับตัวเขา
           "ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นมิตรหรือศัตรู....แต่ว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสู้เท่านั้น!" ฝ่ายนักรบสองสีตั้งท่าพร้อมสู้ ฝ่ายอากิโตะก็เช่นกัน

           "ฮ่าส์!!" ทั้งสองวิ่งตรงเข้าหากัน แต่ว่า...!!


    TAKA (เหยี่ยว)

    TORA (เสือ)

    BATTA (ตั๊กแตน)

    TATOBA TATOBA TATOBA


           "หยุดก่อน!!" ก่อนที่ทั้งสองจะสู้กัน ก็มีบุรุษอีกคนนึงเข้ามาอยู่ระหว่างกลางของทั้งสอง
           "พวกเราไม่จำเป็นต้องมาสู้กันหรอกนะ พวกนายทั้งสองคนไม่ใช่ศัตรูกัน!" 

           "นะ...นายเป็นใคร ?" ทั้งอากิโตะและดับเบิ้ลต่างถามพร้อมกัน

          โอสสับเข็มขัดกลับที่เดิมร่างของเขาก็กลับคืนเป็นร่างมนุษย์ตามเดิม
           "ฉันทาจิบานะ จุนอิจิ ในร่างเมื่อกี้จะเรียกว่าโอสก็ได้ พวกนายน่ะก่อนอื่นก็คืนร่างเดิมและมาคุยกันก่อนจะดีกว่านะ"

          อากิโตะและดับเบิ้ลต่างทำตาม
          นักรบร่างสีทองคืนร่างกลับเป็นคามิโจว โทวมะ ส่วนนักรบร่างสองสีก็กลับคืนร่างเป็นโอริมูระ อิจิกะ ส่วนชาร์ล ดูนัวร์ที่นอนสลบอยู่เพราะจิตย้ายมาอยู่ในร่างของอิจิกะก็ได้สติขึ้นมา
           "นี่นายไม่ใช่ดับเบิ้ล....อย่างงั้นเรอะ ?" อิจิกะถาม

           "พวกเราทุกคนต่างใช้พลังที่ต่างกันน่ะ" จุนอิจิบอก

           "พวกเราทุกคน ?" โทวมะรู้สึกแปลกใจในคำบอกของจุนอิจิ
           แต่เมื่อโยชิอิ อากิืฮิสะ และซาการะ โยชิฮารุ ตามเข้ามาสมทบ ก็ทำให้เขาเข้าใจทันทีโดยที่ไม่ต้องพูด
          "มันหมายความว่ายังไงเนี่ย...นี่มีคนที่เป็นอากิโตะ..ไม่สิ มีคนที่มีพลังมากถึงขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ?"

           "เรื่องนั้นฉันเองก็ยังไม่รู้ล่ะนะ แต่ที่รู้ตอนนี้คือหากตามพวกเรามาเราอาจจะเข้าใจอะไรได้มากขึ้นก็ได้" จุนอิจิบอกกับทั้งสองคน
           "ฉันไม่ได้บอกว่าให้เชื่อฉัน แต่ว่าอย่างน้อยก้เชื่อใจคนที่อยากได้คำตอบเหมือนกันหน่อยเถอะ"

           "อิจิกะ เขาดูเหมือนจะไม่ได้โกหกนะ" ชาร์ลคุยกับอิจิกะ
           "อืม ฉันก็คิดแบบนั้น" อิจิกะยอมเชื่อใจจุนอิจิตามที่เขาขอ "ฉันคิดว่านายพูดจริง จะยอมไปตามที่นายบอกก็ได้"

           "ขอบใจนะ" จุนอิจิหันไปทางโทวมะ "แล้วนายล่ะ ?"

           "เฮ้อ....ถ้าเล่นไปกันหมดแบบนี้จะให้ฉันไม่ไปได้ไงล่ะ อีกอย่างแววตาของนายน่ะมันบอกว่านายไม่ได้พูดโกหก" โทวมะเองก็ยอมเชื่อใจในจุนอิจิ


            และแล้วชะตากรรมของพวกเขาในที่สุดก็มาถึงจุดที่เชื่อมโยงถึงกัน.....



    .................... TO BE CONTINUE ....................
     
     
     




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×