ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P:FMR NW

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 6 ชุดเกราะ

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 56


    ที่ไหนสักแห่งบนโลก  เวลา ??:?? น.

           ในที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ ชายผู้หนึ่งกำลังหนีการตามล่าของเหล่าสัตว์ประหลาดที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับสัตว์ ที่ไล่ล่าตามสังหารเขา ชายผู้นั้นหลบหนีเข้าตรอกซอกเล็กๆทำให้สัตว์ประหลาดตัวอื่นหลงเดินตามไปผิดทาง
           "แฮ่ก...แฮ่ก...ต้องหาทางหนีออกจากที่นี่ให้ได้!" 

           "ไม่ให้ทำอย่างงั้นได้หรอก" เสียงของหญิงสาวดังขึ้น ทันใดนั้นก็มีคลื่นน้ำพุ่งเข้าโจมตีใส่ชายคนนั้นจนกระเด็นลอยออกมาจากซอกนั้น
           "คิดจะทรยศกันรึไง มังกี้ ?" สัตว์ประหลาดร่างปลาปิรันย่าเดินออกมาจากเงามืดอย่างช้าๆ

           "อึก...ข้าไม่ได้ทรยศ ข้านั้นยังเลือกที่จะสู้เพื่ออนาคตของมนุษยชาติเช่นเดิม เพียงแต่ว่าพวกเจ้าต่างหากที่ทรยศ ปิรันย่า เจ้าไม่คิดบ้างเรอะว่านับวัน การกระทำของด๊อกเตอร์มันเริ่มเลยเถิดเกินไปแล้วน่ะ!" ชายผู้นี้ตะคอกใส่เธอ แต่เธอหาได้ใส่ใจไม่

           "ก็แล้วยังไงล่ะ ต่อให้ด๊อกเตอร์ทำผิดยังไงก็ไม่เห็นเกี่ยวเลยนี่ และอีกอย่างก็เป็นเพราะพวกมนุษย์รุ่นหลังชั้นต่ำที่ริอาจสร้างอุปกรณ์พิเศษมาใช้ต่อกรกับพวกเรา" ปิรันย่าพูด
           "มังกี้สาเหตุที่ฉันตามมา นายคงจะรู้ดีสินะ...คืนเซ็นโกคุไดร์เวอร์มาเดี๋ยวนี้!"

           มังกี้หยิบเซ็นโกคุไดร์เวอร์หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งก็คือเข็มขัดที่ไว้มอบพลังให้กับผู้ที่ส่วมใส่มัน และล็อคซีด แม่กุญแจที่เป็นอุปกรณ์สำคัญในการดึงพลังนั้นออกมา โดยที่ไม่อาจจะประเมิณค่าได้
           "สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะช่วยเบิกทางให้แก่มนุษย์ ไม่ใช่สิ่งที่จะนำไปใช้ในทางชั่วร้าย"

           "ชั่วร้ายงั้นเรอะ ช่างกล้าพูดนะ พวกเาต่างหากที่เป็นผู้ผดุงความยุติธรรม เป็นกลุ่มคนที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้"
           ปิรันย่ากล่าว และทำการใช้คลื่นน้ำที่ครีบแขนของเธอโจมตีใส่มังกี้ทันที ทำให้มันกระเด็นลอยไปชนกับกำแพงอิฐ "ถ้าแกยอมคืนไดร์เวอร์กับล็อคซีดมา นายอาจจะรอดก็ได้นะ"

           "คนอย่างด๊อกเตอร์ คงไม่ยอมให้อภัยกับคนทรยศหรอก และฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะช่วยพูดให้ด๊อกเตอร์เข้าใจด้วย"
           มังกี้รู้ทันความคิดของปิรันย่าดี เขากลายร่างเป็นลอสท์รูปแบบลิงและโยนดาวกระจายใส่เธอ แต่ก็ไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายหรือทำอะไรเธอได้แม้แต่นิดเดียว

           "การโจมตีพรค์นั้นมันไร้ประโยชน์สิ้นดี!" เธอปล่อยคลื่นน้ำออกมาเป็นรูปกากบาท  มังกี้รับท่านั้นเข้าไปตรงท้องทำให้ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมาก "อย่างที่แกบอกมังกี้ คนทรยศทุกคนต้องถูกกำจัด ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น!"
     ครีบแขนของเธอเปล่งแสงสีฟ้าและเธอก็ค่อยๆเดินเข้าใกล้มาที่เขาทีละนิด

           "ฉันจะยังมาตาย...ที่นี่ไม่ได้!" มังกี้ควักทรายที่อยู่ที่พื้นใส่ปิรันย่าทำให้เธอเสียจังหวะไปขณะหนึ่ง
           เขาจึงใช้โอกาสนั้นวิ่งหนีออกไปจากเธอทันที

           "หึ่ม ไม่ยอมให้หนีได้หรอก!" ลอสท์หญิงสาวไล่ตามลอสท์ร่างลิงไป ทั้งสองจนไปถึงหน้าสูงชันซึ่งเป็นทางตันออกจากที่นี่ ข้างล่างนั้นก็มีเศษหินโสโครกและฝูงปลาฉลามว่ายวนเวียนอยู่ กลายเป็นปราการธรรมชาติที่ทำให้เข้าไปในเกาะหรือออกจากเกาะแห่งนี้ไม่ได้
           "นายก็รู้ว่าที่นี่เป็นเกาะโดดเดี่ยวที่แยกตัวออกมา นายไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้หรอก!"

           "ฉันรู้ดี...แต่ว่าหากมีสิ่งนี้อยู่ล่ะก็!" มังกี้หยิบวัตถุกลมๆขนาดเท่าลูกเบสบอลออกมา สิ่งนั้นทำให้ปิรันย่าถึงกับอยู่นิ่งเฉยไม่ได้

           "นี่แกไปเอาสิ่งนั้นมาจากห้องวิจัยเรอะ!?" ลอสท์ปลากินเนื้อที่ดุร้ายสุดในโลกรีบใช้คลื่นน้ำโจมตีในทันที แต่ว่าการโจมตีนั้นเป็นแค่การขู่โดยเล็งโจมตีใส่หินที่อยู่ข้างๆมังกี้เพียงเท่านั้น
           "อุปกรณ์เคลื่อนย้ายมวลสาร แต่แกคิดเหรอว่าใช้ของที่ยังไม่ได้ระบุพิกัดแบบนั้น แล้วแกจะหนีไปในที่ที่ต้องการได้"
           
           "ที่ที่ข้าต้องการจะไปน่ะเหรอ....จะบอกให้ก็ได้" มนุษย์ลิงกดปุ่มที่ลูกบอลนั้น "ก็คือทุกๆที่ที่ไม่ใช่ที่นี่ยังไงล่ะ"

           "หยุดนะ!!" ลอสท์ปิรันย่าปล่อยคมเขี้ยววารีโจมตีใส่เจ้าลิงทันที
           ตอนนั้นเขาก็โยนลูกบอลนั้นไปทางหน้าผา แล้วเมื่อระเบิดนั้นระเบิดออกมาก็เกิดเป็นช่องว่างระหว่างมิติขึ้นมา "ฉันขอตัวก่อนล่ะ!"

          "ตายซะเถอะ! ตายซะเถอะ! ตายซะเถอะ!"  คลื่นน้ำถูกปล่อยออกมาโจมตีใส่มังกี้จำนวนนับไม่ถ้วน แต่ว่ามนุษย์ลิงก็สามารถกระโดดหนีเข้าไปทางประตูมิติที่เขาเพิ่งเป็นเปิดออกมา และหายไป ไม่นานนักประตูมิตินั้นก็ปิดตัวลงเหลือไว้แต่ความว่างเปล่า

           
           "มังกี้ ฉันคนนี้จะเอาหัวของแกมาให้ได้!" ปิรันย่าปฏิญาณ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความแค้น
           คมเขี้ยวทั้งสี่ของเธอเรืองแสงสีฟ้าพร้อมที่จะตัดทุกสิ่งให้ขาดได้ทุกเมื่อ หญิงสาวหันหลังกลับเดินตรงไปยังอาคารสีดำขนาดใหญ่ และหายไปในเงามืดนั้น.....


           มนุษย์ลิงที่หนีไปทางประตูมิติได้ร่วงหล่นมายังกองขยะแห่งหนึ่งซึ่งดูท่าจะไม่ใช่ที่ที่เขารู้จัก
           "โอ๊ย....เจ็บชะมัดเลย!"

           "ที่นี่มัน ?" มังกี้ลุกขึ้นยืนและคืนร่างกลับเป็นร่างมนุษย์ มองไปรอบๆพื้นที่แห่งนี้ "กองขยะงั้นเรอะ นี้เราตกมาที่แบบนี้..แต่ถ้าเป็นที่นี่ก็น่าจะออกไปติดต่อกับคนที่อยู่ข้างนอกได้"
           มนุษย์ลิงหวังไว้เช่นนั้นแต่เขาก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติเมื่อสัมผัสกับเหล่ากองขยะที่เป็นกระป๋องน้ำ

           "นี่มัน...ไม่ใช่ของจริง" ทันใดนั้นภาพพื้นที่รอบๆก็สลายหายไปกลายเป็นห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆแทน
           "ที่นี่มันที่ไหน!?"

           "เดี๋ยวนั่นนายน่ะ เข้ามาที่นี่ได้ยังไง!" ผู้หญิงใส่สูทเดินเข้ามาหาชายคนนี้ด้วยท่าทางอารมณ์ที่ไม่ดีนัก เธอพินิจมองชุดที่เขาใส่และพูดขึ้นว่า "เป็นพวกคนงานเรอะ มิน่าล่ะถึงไม่คุ้นหน้า ยังไงซะก็รีบๆออกไปซะ เขากำลังทดลองเครื่องฉายภาพเสมือนจริงอยู่"
           หญิงสาวเทศน์เสร็จก็หันหลังกลับและเดินกลับไป

           "อา...เดี๋ยวครับ!" มนุษย์ลิงตะโกนหยุดผู้หญิงคนนั้นไว้ 
           "มีอะไร เร็วๆเข้าหน่อย ฉันต้องรีบกลับไปทำงาน" เธอพูดอย่างอารมณ์เสีย

           "ที่นี่ประเทศอะไร แห่งที่ไหนงั้นเหรอครับ ?" มังกี้ถามหน้าเซ่อๆ

           "หน้าตาเหมือนลิงแล้วยังสมองลิงอีกเรอะ สงสัยคงจะนอนมากไปหน่อยจนความจำเลอะเลือนสินะ"
           หญิงสาวด่าก่อนที่จะตอบ "ที่นี่ก็ญี่ปุ่น เมืองฟูโตะยังไงล่ะ อยู่เมืองนี้แท้ๆแต่ไม่รู้จัก ประสาท" เธอพูดเสร็จก็เดินออกไปจากห้องทันที

           "ฟูโตะ....อย่างงั้นเรอะ!?" มังกี้พูดอย่างมีความหวัง และเขาก็เดินออกไปจากที่นี่ ซึ่งจริงๆแล้วที่นี่ก็คือภายในลิฟท์วงโคจร ห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมานั้นเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็ควิจัยของที่นั่น ที่จะจำลองสถานที่เหมือนจริงขึ้นมา แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงทดสอบ เครื่องยังอยู่ในสภาพไม่เสถียรนัก
           "ถ้าเป็นที่นี่ก็อาจจะมีคนที่ใช้สิ่งนี้ได้อยู่ก็ได้!"

           มนุษย์ลิงหยิบเซ็นโกคุไดร์เวอร์ขึ้นมา เขาหวังว่าภายในเมืองแห่งนี้น่าจะมีบุคคลที่มีคุณสมบัติที่จะใช้มันอยู่ เขาจึงรีบออกตามหาคนผู้นั้นโดยทันที และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของชะตากรรมอีกบทนึง........


    .
    .
    .
    .


    ร้านอาหาร Cous Coussier  เวลา 10.00 น.

           ร้านอาหาร Cous Coussier เป็นร้านอาหารชื่อดังในเอเรีย 1 ที่มีความโด่งดังไม่แพ้ภัตตาคารอาหารแพงๆหลายแห่ง และที่นี่ก็ยังได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าครอบครัวมากกว่า เพราะราคาที่ถูกกว่าภัตตาคารอาหารเหล่านั้น รสชาติอาหาร เครื่องดื่มของที่นี่ก็ได้รับคำชมที่ดีจากลูกค้าหลายๆท่านมาโดยตลอด ร้านนี้จึงเป็นร้านที่จะดังมากในหมู่วัรุ่น ครอบครัว หรือคนที่มีฐานะการเงินปานกลาง
           
           แต่ถึงกระนั้นร้านอาหารอื่นๆก็น่าจะมีอะไรที่คล้ายๆกับร้านนี้อยู่แล้ว แล้วทำไมร้านนี้ถึงยังคงได้รับความนิยมมากกว่า นั่นเป็นเพราะว่าร้าน Cous Coussier จะเปลี่ยนสไตล์การตกแต่งร้านไปทุกสัปดาห์ โดยจะเปลี่ยนทั้งเมนู ทั้งเครื่องประดับในร้าน และชุดยูนิฟอร์มของพนักงานอีกด้วย เช่นวันไหนที่ร้านนี้จัดตกแต่งสไตล์คาวบอยตะวันตก ก็จะให้เหล่าบริกรในร้านใส่เสื้อกั๊กแบบคาวบอย มีหมวก ส่วนตัวร้านก็ตกแต่งด้วยต้นกระบองเพชร ม้า ภาพของสมัยนั้นๆ หรือโต๊ะลายอินเดียแดง

           ที่ร้านนี้สามารถเปลี่ยนสไตล์ได้ทุกวันเช่นนี้ เป็นเพราะเจ้าของร้านแห่งนี้นั้นมีฐานะท่าทางที่ถือว่าร่ำรวยอยู่มากพอสมควร และรายได้จากที่นี่ก็ยังเยอะกว่ารายจ่ายในการตกแต่ง เพียงแต่เธอนั้นบางทีจะชอบเดินทางไปต่างประเทศและปล่อยให้พวกพนักงานที่เธอไว้ใจทำหน้าที่นี้แทน โดยที่เธอไม่ห่วงเรื่องขโมยหรืออะไรทั้งสิ้น เพราะเธอเชื่อใจในพนักงานของเธอ


           ชายคนหนึ่งกำลังแต่งตัวเป็นชุดสไตล์ซามูไรญี่ปุ่นในห้องแต่งตัวของพนักงาน เพราะวันนี้ร้าน Cous Coussier จัดตกแต่งร้านเป็นสภาพของญี่ปุ่นสมัยเซ็นโกคุ หรือเรียกอีกอย่างก็คือยุคแห่งสงครามญี่ปุ่น ชายคนนี้เมื่อแต่งตัว จัดทรงผม และเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินออกมาจากห้อง และพบกับพนักงานในร้านคนอื่นกำลังยืนรอเขากันอย่างพร้อมหน้า

           เขาเริ่มกล่าวอะไรเล็กๆน้อยๆกับทุกคน "ทุกคน วันนี้คุณจิโยโกะ ไปต่างประเทศ แต่ถึงแบบนั้นพวกเราก็ต้องไม่ทำให้ร้านเสียชื่ออย่างเด็ดขาด จงแสดงพลังของพวกเราออกมาให้เต็มที่ ว่าการบริการของเราก็ไม่ถดถอยลงยามไม่มีคุณจิโยโกะ!" 
           "ครับ/ค่ะ หัวหน้า!" พนักงานทั้งชายและหญิงตอบรับกันอย่างแข็งขันและพร้อมเพรียง

           "งั้นก็ฉันขอเดิมพันกับพวกนายล่ะนะ ลุยกันเลย!!" ชายหนุ่มกล่าว แล้วพนักงานทุกๆคนก็ไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน และลูกค้าก็ค่อยทยอยเข้ามาในร้านเรื่อยๆจนเต็มทั้งร้านภายในเวลาไม่นาน

           ซาการะ โยชิฮารุ เขาเป็นพนักงานพาร์ททาร์มของที่นี่คนแรก จึงได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของร้านแห่งนี้เป็นอย่างมาก จนถึงกับได้รับตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าชั่วคราวเมื่อยามที่เจ้าของร้านไม่อยู่ ซึ่งส่วนมากก็เป็นเพราะเธอชอบท่องเที่ยวไปหลากหลายประเทศเพื่อหาไอเดียใหม่ รสชาติอาหารใหม่ๆ หรือไม่ก็แค่ไปเที่ยวเพื่อความสนุกเท่านั้น ปล่อยให้โยชิฮารุต้องคอยทำงานที่นี่

           แต่ถึงอย่างงั้นชายหนุ่มก็ไม่เคยบ่นหรือว่าร้ายอะไรเธอทั้งสิ้น กลับตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่
           "โกเอม่อน เนื้อสโตรกานอฟ,ชุดมื้อเที่ยงปลาแม็คเคอเรลต้มมิโซะ,ข้าวหน้าไก่กับแซนวิซ BLT!" โยชิฮารุสั่งเข้าไปในห้องครัวที่ซึ่งแม่ครัวตัวเล็กๆของเขากำลังทำอาหารอยู่

           "รับคำสั่ง นายน้อยซาการะ!" โกเอม่อนทำตามออเดอร์ที่เธอได้รับมาทันที เพียงชั่วพริบตาอาหารที่เพิ่งสั่งไปนั้นก็เสร็จเรียบร้อย 

           "อินุจิโยะ คุชิเอดะ นำอาหารไปเสิร์ฟที" โยชิฮารุสั่งบริกรสาวทั้งสองคนที่เพิ่งกลับมาที่เคาน์เตอร์ 
           "รับทราบ!/เข้าใจแล้ว.." หญิงสาวท่าทางร่างเริงกลับท่าทางเงียบๆไม่ค่อยพูดหยิบจานอาหารเหล่านั้นไปเสิร์ฟที่โต๊ะ

           "โกเอม่อน สลัดซีซาร์,ปลาดิบ และก็เนื้ออบ!" ชายหนุ่มสั่งเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง
           
           "รับคำสั่ง นายน้อยซาการะ!" หญิงสาวก็ยังสามารถทำอาหารให้เสร็จได้ภายในชั่วพริบตาอีกครั้ง และส่งกลับไปที่ชายหนุ่ม

           "ตอนนี้.." โยชิฮารุสังเกตรอบข้าง ตอนนี้พนักงานในร้านต่างยุ่งกันหมดไม่มีใครที่จะพอไปเสิร์ฟอาหารได้อย่างแน่นอน "ดีล่ะ ถ้าอย่างงั้นก็เราแล้วสินะ!"
            ชายหนุ่มยกถาดอาหารและเดินออกไปจากเคาน์เตอร์ "โกเอม่อนฝากรับอาหารแทนฉันทีนะ"

            "ทราบแล้ว!" โกเอม่อนขานรับ

           โยชิฮารุยกอาหารไปเสิร์ฟที่โต๊ะริมหน้าต่างของร้าน เขายิ้มแย้มให้ลูกค้าตามารยาท
           "ของที่สั่งได้แล้วครับ ขอให้มีความสุขกับการรับประทานอาหารนะครับ" ชายหนุ่มผละตัวออกมา เขาหันไปมองที่โต๊ะถัดไปก็พบชายคนนึงนั่งอยู่เพียงเดียวที่โต๊ะเหมือนกับว่ายังไม่ได้สั่งออเดอร์ โยชิฮารุจึงเดินเข้าไปถาม

           "คุณลูกค้าครับ ไม่ทราบว่าได้รับออเดอร์รึยังครับ หากยังไม่ได้ผมจะไปเอาออเดอร์มาให้ก็ได้นะครับ" โยชิฮารุถาม
      
           "อ้อ ไม่เป็นไรๆ" ชายหนุ่มที่นั่งที่โต๊ะตอบ "ผมนัดเพื่อนไว้น่ะ คงจะไม่สั่งอะไรจนกว่าเธอจะมาล่ะนะ จะเป็นไรรึเปล่าหากฉันขอจองโต๊ะไว้หลายชั่วโมงน่ะ ?"

           "ก็ไมมีปัญหาหรอกครับ แต่จะไม่รับเครื่องดื่มก่อนเหรอครับ บางทีอาจจะรอแฟนนานก็ได้นะครับ" โยชิฮารุแนะนำ
        
           "คือว่า..คนที่รอไม่ใช่แฟนของผมล่ะนะ แต่ว่าขนาดร้านนี้ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น แต่ก็ยังมีอาหารตะวันตกอยู่เลยนี่ สรุปแล้วว่าจะสั่งอะไรก็สั่งได้งั้นเหรอ ?" ชายหนุ่มถาม เพราะเขาสังเกตเห็นอาหารที่หลายๆคนสั่งนั้นก็ไม่ใช่อาหารญี่ปุ่น เกือบทุกคน

           "ครับ ที่จริงแล้วหากมีอยู่ในลิสท์ออเดอร์อาหารของทางร้านเราล่ะก็ จริงๆแล้วจะสั่งอาหารใดก็ได้ครับ เพียงแต่หากสั่งอาหารตามประเทศนั้นๆในวันที่จัดล่ะก็ ก็จะได้รับส่วนลดหรือของแถมพิเศษครับ" โยชิฮารุอธิบายขยายความให้เขาเข้าใจ "คือผมต้องกลับไปทำหน้าที่แล้ว ต้องขออภัยด้วยนะครับที่ช่วยได้แค่นี้"

           "อ่า จริงๆแล้วผมต่างหากล่ะนะที่เป็นฝ่ายรบกวน ทำงานให้เต็มที่นะครับ" ลูกค้าชายบอก
           "ขอบคุณครับ งั้นผมขอตัวล่ะนะครับ" โยชิฮารุเดินกลับไปทำงานของเขาต่อ

           เวลาผ่านไป พนักงานในร้าน Cous Coussier ต่างตั้งใจกันทำงานกันอย่างเต็มที่
           ลูกค้าที่เข้ามาอย่างไม่ขาดสายก็ทำให้พวกเขาต้องทำงานอย่างต่อเนื่องไม่ได้หยุดพักและต้องผลัดเปลี่ยนเวรอย่างต่อเนื่อง มีเพียง โยชิฮารุ และลูกน้องผู้หญิงทั้งสามคนเท่านั้นที่ยังคงทำงานต่อโดยที่ไม่ได้ไปพักเลย

           บนจอทีวีที่ตั้งอยู่ภายในร้าน อยู่ๆก็มีข่าวที่ทำให้หลายๆคนหันไปสนใจ

           "ข่าวด่วนค่ะ มีรายงานว่าที่อุโมงค์ทางเข้าที่เอเรีย 1 เขตตะวันตกเฉียงใต้ได้เกิดระเบิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ คาดว่าน่าจะเป็นเพราะมีกลุ่มคนที่ไม่ประสงค์ดีเข้าไปก่อความไม่สงบ ตอนนี้ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายใดๆนอกจากการถล่มของอุโมงค์ค่ะ ขอให้ประชาชนทุกท่านระวังผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ด้วยค่ะ" ผู้ประกาศข่าวรายงาน

           "คราวนี้ถึงกับระเบิดเลยเรอะ เดี๋ยวนี้พวกผู้ร้ายที่นี่ก็ชอบทำอะไรที่เสื่อมเสียตลอดเลยนะ" พนักงานภายในร้านซุบซิบกัน
           "เมืองนี้ชักจะไม่ปลอดภัยแล้วสิ"

           "เดี๋ยวสิ พวกนาย ตอนนี้พวกเรากำลังบริการลูกค้าอยู่นะอย่าพูดเรื่องนั้นจะได้มั้ย" คุชิเอดะเข้ามาต่อว่าชายทั้งสองคน
           
           "มิโนริพูดถูกนะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาห่วงเรื่องแบบนี้ ตอนนี้เราต้องทำงานของพวกเราให้เรียบร้อยก่อน" โยชิฮารุบอกกับพนักงานทั้งสองคน

           "เข้าใจแล้วครับ....นั่นสินะ มาพูดถึงเรื่องนี้มันก็ไม่ได้อะไร" พนักงานทั้งสองยอมเข้าใจและกลับไปทำหน้าที่ของตัวเอง

           "ขอบใจนะ ซางาระคุง" มิโนริขอบคุณ "ที่ช่วยเข้าข้างฉันน่ะ"
           "ไม่เป็นไร จริงๆแล้ว ฉันก็ไม่ได้เข้าข้างมิดนริหรอกนะ แค่พูดไปตามจริงเท่านั่นล่ะ"

           "กะไว้แล้วว่าต้องพูดแบบนี้ ซางาระคุงจะจริงจังกับงานนี้ไปรึเปล่า เห็นว่าเธอแทบไม่ว่างเลยนี่ ในเดือนนึงเธอจะว่างแค่วันเดียวเองนะ ไม่ลองขอลาหยุดดูบ้างเหรอ ?" คุชิเอดะ มิโนริถาม

           "ไม่ได้หรอก ฉันเป็นหัวหน้าของที่นี่ชั่วคราวยามที่คุณจิโยโกะไม่อยู่ ยังไงก็คงทิ้งงานนี้ไปไม่ได้" โยชิฮารุตอบพร้อมกับยังยิ้มที่มุมปากนิดๆ "งานนี้น่ะมันก็ไม่เลวนักหรอกนะ"
           "แต่ก็ยังเทียบเธอที่ตะล่อนไปหางานพาร์ททาร์มไปทั่วเลยไม่ได้ไม่ใช่รึไง ?"

           เธอขำนิดหน่อย "ก็จริงอย่างที่บอกน่ะเนอะ ฉันเองก็เป็นพวกถ้าไม่หาอะไรทำ มันก็อยู่ไม่สุขซะด้วยสิ"

           "โยชิฮารุออเดอร์มาแล้ว" อินุจิโยะเดินมาส่งออเดอร์ให้กับชายหนุ่ม
           "อา ขอบใจนะ" โยชิฮารุอ่านออเดอร์และตะโตนเข้าไปในห้องครัว "โกเอม่อน สลัดผลไม้,เสต็กหมูพริกไทยดำ,เนื้อปลานึ่ง!"

           "รับคำสั่ง นายน้อยซาการะ!" โกเอม่อนรีบทำอาหารดั่งกล่าวทันทีและก็เสร็จภายในชั่วพริบตาเช่นเคย

           "เดี๋ยวฉันไปส่งที่โต๊ะให้เอง!" มิโนริบอกกับโยชิฮารุและหยิบถาดอาหารไปทันที
           "ขอบใจนะ มิโมริ" โยชิฮารุพูด 

           "หัวหน้า มีโทรศัพท์ถึงหัวหน้าน่ะ!" พนักงานชายเดินมาบอกกับโยชิฮารุ

           "จากใครน่ะ ?" เขาถาม

           "จากคุณจิโยโกะ" ลูกน้องชายตอบ โยชิฮารุไปรับสายของจิโยโกะเจ้าของร้านที่แท้จริงของร้านอาหารแห่งนี้ทันที

           "ไง ฮารุคุง วันนี้เป็นยังไงบ้างน่ะ ?" เสียงของผู้หญิงวัย 40 กว่าดังมาจากปลายทาง

           "ก็ดีครับ ลูกค้าก็เยอะเหมือนเดิม" โยชิฮารุรายงานไปตามจริง "แล้วคุณจิโยโกะจะกลับมาวันนี้ใช่มั้ยครับ ?"

           "จ๊ะ  พอไปถึงที่นั่นก็น่าจะประมาณ 4 โมงนั่นล่ะ ฉันซื้อของฝากมาเต็มเลยเดี๋ยวไปถึงที่นั่นก็มาแบ่งของกันนะ" เธอบอก "อ้อ แล้วก็ฉันน่ะไปซื้อกระเป๋าใบใหม่มา สวยมากเลยล่ะ อยากให้ฮารุคุงเห็นจังเลย "

           "ครับ..." โยชิฮารุและจิโยโกะก็คุยกันเรื่อยเปื่อยกันต่อไป
           ซึ่งขนาดนี้จิโยโกะกำลังอยู่ที่เมืองนโปลี ประเทศอิตาลี


           "ของที่สั่งได้แล้วค่า!" มิโนรินำถาดอาหารวางลงบนโต๊ะของครอบครัวหนึ่ง "ขอให้มีความสุขกับการรับประทานอาหารนะคะ" หญิงสาวโค้งคำนับและยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สดใส
            เธอเดินไปอีกโต๊ะนึงที่เห็นว่ายังไม่มีจานอาหารวางอยู่บนโต๊ะ "ไม่ทราบว่าได้สั่งอาหารรึยังคะ ?"

           "อะ ..อา ยังไม่ได้สั่งเลย" ชายคนนั้นตอบ และหันกลับมาหามิโนริ "ธะ..เธอ คุ..คุชิเอดะ ?"
           "ทาคาสุคุงเองเรอะ ยินดีต้อนรับนะ " มิโนริพูดอย่างเป็นกันเองกับชายคนนี้ เพราะเขาเป็นเพื่อนที่โรงเรียนเดียวกันกับเธอ "วันนี้จะสั่งเหมือนเดิมรึเปล่า ?" 

           "อะ..อืม เอาแบบเดิมนั่นล่ะ" ทาคาสุตอบพร้อมด้วยท่าทีเขอะเขินต่อมิโนริเล็กน้อย และหน้าก็ยังแดงผิดกับหน้าตาที่ดุเหมือนกับมังกรของเขา และสาเหตุที่ไม่มีใครมารับออเดอร์ของเาก็เพราะเขาหน้าเป็นเช่นนี้ แต่สำหรับมิโนริที่เป็นเพื่อนที่โรงเรียนเดียวกัน เธอรู้ว่านิสัยจริงๆของทาคาสุ ริวจิ คนนี้เป็นเช่นไร เธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่จิตใจดีมากกว่าหน้าตาที่ดูโหดร้ายแน่นอน

           "ทาคาสุคุงเป็นอะไรรึเปล่า หน้าแดงใหญ่แล้วนะ เป็นหวัดงั้นเหรอ ?" มิโนริถามด้วยความเป็นห่วง

           "ปะ...เปล่า มะ...ไมเป็นไรหรอก" ริวจิหัวเราะแหยๆ
           มิโนริรู้สึกสงสัยจึงมองจ้องหน้าของริวจิใกล้ขึ้นและเขยิบเข้าไปใกล้เขาเรื่อยๆ "คะ..คุชิเอดะ...จะทำอะไร ?"

           "อืม!" มิโนริถอยออกจากริวจิและยิ้มให้กับเขา "ท่าทางคงจะไม่เป็นจริงๆนั่นล่ะนะ"
           "อะ...อา ฉันไม่เป็นไร" ริวจิยืนยัน "ท่าทางร้านจะยุ่งมากเลยนี่นะ คนเยอะทุกวันเลย"

           "แต่ว่าก็เพราะมีซางาระคุงอยู่นั่นล่ะ ทำให้งานไปได้ด้วยดีน่ะ" มิโนริบอก "เขาพยายามเต็มที่กับงานนี้จริงๆนะ ถึงแม้เวลาไม่ทำงานจะดูเป็นคนที่ไม่เอาไหนล่ะนะ แต่เวลาที่เขาจริงจังกับอะไรซักอย่างแล้ว เขาก็จะดูเปลี่ยนไปคนละคนเลยล่ะ"
     
           "หรือว่าเธอจะชอบซางาระ ?" ริวจิลองถามดูเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของมิโนริ

           "หืม....อืม ไม่อ่ะ ฉันแค่ชื่นชมเขาในฐานะหัวหน้า แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรกับเขาแบบนั้นล่ะนะ" มิโนริตอบด้วยท่าทีปกติไม่แสดงอาการที่เป็นพิรุธออกมาแม้แต่นิดเดียว  ทำให้รู้ว่าเธอพูดความจริงแน่นอน

           "อะ...อา งั้นก็ดีแล้วล่ะ" ริวจิรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเปราะนึง เมื่อรู้ว่าเธอคนนี้ยังไม่มีคนที่ชอบ

           "แล้วทาคาสุคุงจะถามเรื่องนี้ไปทำไมเหรอ ?" มิโนริถามกลับ ทำเอาเขาสำลักทันที "อะ..เอ๋ ไม่เป็นไรนะ!?" 
           "มะ...ไม่เป็นไร กะ...ก็ไม่มีเหตุผลหรอก ก็แค่อยากถามให้มั่นใจเท่านั้นล่ะ" ริวจิให้เหตุผลเธอไป ถึงมิโนริจะไม่ค่อยเข้าใจแต่เธอก็ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ

           "งั้นเดี๋ยวฉันไปเอาออเดอร์มาให้ รอแปปนึงนะ!" มิโนริกระพริบตาให้ริวจิ กแล้วเธอก็เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์

           ตอนนั้นเองที่ประตูทางเข้าร้านนั้น ก็มีหญิงสาวร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับชุดที่ดูราคาแพงและเป็นของแบรนเนมอย่างไม่ต้องสงสัย กระโปรงของเธอยาวเกือบถึงเข่า ชุดของเธอเผยผิวพรรณสีแทนเปล่งประกายเย้ายวนเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ในร้านให้มองไปที่เธอ เธอยังทำให้ผู้หญิงหลายคนในร้านมองเธอด้วยแววตาอิจฉาหลายคน แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่สนใจอะไรในตัวเธอ คิดว่าเธอก็เหมือนกับลูกค้าทั่วไป อย่างมิโนริ,อินุจิโยะและโกเอม่อน

           เธอเดินย่างก้าวเข้าไปในร้านเดินไปที่โต๊ะที่มีชายสี่คนกำลังนั่งมองเธออยู่ 
           "ขอโทษค่ะ คือว่าฉันขอนั่งจะได้มั้ยคะ ?" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงอันไพเราะและอ่อนหวาน สะกดเหล่าชายหนุ่มให้หลงใหล

           "ครับๆเชิญเลยครับ!" ชายทั้งสี่ยอมลุกขึ้นให้กับหญิงสาวและนั่งขุกเข่า ยกให้เธอเป็นดั่งราชินี

           "ขอบคุณนะคะ พวกคุณเป็นคนดีจริงๆค่ะ" หญิงสาวกล่าว ลูกศรสีทองแห่งความรักปักเข้าหัวใจชายทั้งสี่เต็มๆ

           "ใครก็ได้ช่วยไปรับออเดอร์ยัยนั่นแทนฉันหน่อยสิ คุชิเอดะเธอทำได้มั้ย" บริกรสาวอีกคนโยนหน้าที่นี่ให้กับมิโนริ
           "ค่ะ เดี๋ยวทำให้ก็ได้ค่ะ" มิโนริรับงานมา และเดินไปหาหญิงสาวสุดฮอตคนนั้น

           "ค่ะ ร้าน Cous Coussier ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการอะไรคะ เชิญดูได้ตามเมนูอาหารของเราได้เลยค่ะ" มิโนริยื่นเมนูอาหารให้เธอ มันถูกรับไว้โดยชายคนแรก และส่งต่อให้คนที่สอง คนที่สองใช้ผ้าเช็ดเมนูนั้นอย่างดีและส่งให้คนที่สาม คนที่สามใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหยดลงผ้าและเช็ดซ้ำอีกทีและส่งให้คนที่สี่ คนที่สี่เช็ดเมนูอีกครั้งด้วยผ้าแห้งเพื่อให้เมนูแห้ง และส่งให้กับราชินีของพวกเขา

           "อืม....ฉันขอสลัดผลไม้ล่ะกันนะ" เธอสั่ง

           "ค่ะ ไม่ทราบว่าจะรับเพียงแค่นี้เหรอคะ ?" มิโนริสอบถามเพิ่มเติม

           "ไม่ล่ะพอแล้ว" เธอยืนยัน

           "ค่ะ รอสักครู่นะคะ" มิโนริรับออเดอร์เสร็จสิ้นก็เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์และสั่งอาหารกับโกเอม่อน "โกเอม่อนจัง สลัดผลไม้ที่นึง!"

           "รับทราบ!" เพียงชั่วพริบตาโกเอม่อนก็ทำอาหารที่สั่งเสร็จ 
           
           โยชิฮารุที่ไม่รู้เรื่องผู้หญิงที่เดินเข้ามาใหม่คนนั้น เขาเพิ่งเสร็จจากการคุยธุระกับจิโยโกะ "นี่โต๊ะไหนน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งให้เอง"

           "โต๊ะที่มีผู้หญิงสวยๆคนนั้นครับ!" ลูกน้องผู้ชายบอกกับโยชิฮารุและชี้ไปที่โต๊ะเป้าหมาย

     
           "เข้าใจแล้ว" โยชิฮารุเดินไปเสิร์ฟอาหารที่โต๊ะของหญิงสาวคนนั้น
           "อาหารที่สั่งได้แล้วครับ ขอให้มีความสุขกับการรับประทานอาหารนะครับ"


           "เฮ้ย แกน่ะกล้ามาบังอาญจับอาหารของท่านพีน่า งั้นเรอะ!?" ชายทั้งสี่ลุกขึ้นยืนและล้อมโยชิฮารุไว้

           "เดี๋ยวสิ หมายความว่าไง ?" โยชิฮารุงง

           "ผู้ชายที่จะแตะต้องท่านพีน่าได้น่ะคือพวกเราเท่านั้น คนอย่างแกน่ะไม่มีสิทธิ เอาจานนี่กลับไปและไปสั่งทำอาหารมาใหม่เดี๋ยวนี้!" ชายทั้งสี่บอกกับโยชิฮารุ
           "ร้านของเราจะนำอาหารกลับไปเปลี่ยนใหม่เมื่อลูกค้าต้องการ แต่ถ้าจะให้มาเปลี่ยนใหม่ด้วยเหตุผลแบบนี้ล่ะก็ ฉันเองก็ไม่ยอมหรอกนะ" ชายหนุ่มตอบกลับ

           "ว่าไงนะ!?" ชายทั้งสี่กำหมัดเตรียมพร้อมที่จะมีเรื่องกับโยชิฮารุเต็มที่
           "เดี๋ยวหยุดก่อน!" เสียงของหญิงสาวบอกกับชายทั้งสี่พวกเขาก็หลีกทางให้เธอทันที "เธอน่ะใจกล้าดีนี่น่ามีตั้งสี่คนแท้ๆ กล้าที่จะสู้กับคนเยอะแบบนี้ ถูกใจฉันจริงๆ ว่าไงจะมารับใช้ฉันอีกคนมั้ย" เธอชักชวน

           ไม่รู้เพราะอะไรเมื่อโยชิฮารุได้ยินเสียงของเธอ ก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกหลงใหลในตัวเธอ ปากของเขาค่อยขยับและจะพูดว่า "คะ..ครั.."

           "หยุด พอได้แล้วน่า!" ชายชุดนักเรียนสีขาวด้านหลังตะโกนทำให้โยชิฮารุกลับมาได้สติ
           "ไม่เห็นรึไงว่าเธอลำบากใจแค่ไหนน่ะ พวกนายน่ะเลิกทำแบบนี้ได้แล้ว!" 

           "ว่าไงนะแก อยากเจอดีใช่มั้ย!" ชายทั้งสี่เดินมายืนพร้อมกันพร้อมที่จะอัดชายปากดีคนนี้อย่างเต็มที่

           "หึ พวกนายมากันสี่คนเลยเรอะ ถ้าอย่งั้นฉันก็...!" ชายหนุ่มชุดนักเรียนขาวหมุนตัวกลับ จากนั้นก็รีบใส่เกียร์สูงสุดวิ่งหนีออกจากร้านไปทันที "...ก็ต้องเผ่นอยู่แล้ว!!"
           "เฮ้ย ตามไปจับมันมา!" ชายทั้งสี่วิ่งไล่ตามนักเรียนคนนั้นไปทันที

           "ชิ!" หญิงสาวอารมณ์เสียทันทีเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เป้นแบบนี้ เธอลุกขึ้นและมากระซิบข้างๆหูของโยชิฮารุว่า "เธอน่ะ วันนี้รอดตัวไปได้นะ"
           และเธอก็เดินออกไปจากร้านทันที


           "ซางาระคุง เป็นอะไรรึเปล่าดูเหมือนเมื่อกี้เหม่อไปนะ" มิโนริเดินเข้ามาถามโยชิฮารุ

           "มะ...ไม่รู้สิ" ชายหนุ่มใช้มือจับหัวของตัวเอง "เหมือนว่าเมื่อกี้อยู่ๆมันก็วูบไป ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรอกนะ แต่ว่าตอนที่ได้ยินเธอพูดกับฉันแบบนั้น อยู่ๆฉันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ร่างกายมันขยับไปเอง..."

           "ถ้ารู้สึกไม่ดีก็ไปพักก่อนได้นะ" มิโนริบอก

           "ไม่เป็นไร ตอนนี้หายแล้วน่ะ" โยชิฮารุบอก และเขาก็กลับไปทำงานต่อได้อย่างไม่มีปัญหา


           โยชิฮารุที่บอกว่าไม่เป้นไรแล้วมารับออเดอร์ที่ชายสวมหมวกที่อีกโต๊ะนึง
           "ร้าน Cous Coussier ยินดีต้อนรับครับ ไม่ทราบว่าท่านจะเลือกรับรายการอาหารอะไรดีครับ วันนี้หากสั่งอาหารในหมวดประเทศญี่ปุ่นก็จะได้ของในราคาพิเศษนะครับ"

           "อืม ไหนขอดูหน่อยซิ" เขาหยิบเมนูอาหารไปดู
      
           "ขอประทานโทษนะครับคุณลูกค้า คือร้านเราขอให้คนที่มารัยประทานอาหารที่นี่ทุกคนต้องถอดหมวกน่ะครับ ถ้าไม่มีปัญหาท่านช่วยถอดหมวกออกจะได้รึเปล่าครับ ?" โยชิฮารุถามอย่างสุภาพ


           "อ้อ จริงสิ โทษทีนะลืมไปซะสนิท" เขาถอดหมวกออก ทำให้รู้ว่าเขานั้นคือมังกี้ในร่างมนุษย์

           "อืม งั้นฉันขอเค้กกล้วยหอมและช็อคโกบานาน่านะ" 

           "ครับ" เมื่อชายหนุ่มรับออเดอร์มาก็อดคิดไม่ได้ว่าชายคนนี้สั่งอาหารได้เหมาะสมกับหน้าตาของเขาจริงๆ 
           "โกเอม่อน เค้กกล้วยหอมและช็อกโกบานาน่า!"

           "ทราบแล้ว" โกเอม่อนรีบทำของหวานทั้งสองอย่างและส่งไปให้กับโยชิฮารุทันที
           "thank you!" ชายหนุ่มนำอาหารกลับไปเสิร์ฟที่โต๊ะ "ของที่สั่งได้แล้วครับ ขอให้ทานอาหารอย่างมีความสุขนะครับ"

           "เฮ้ เจ้าหนูคือฉันมีเรื่องอยากบอกเรื่องหนึ่งก่อนน่ะ" ซารุบอกกับโยชิฮารุ
       
           "เรื่องอะไรงั้นเหรอครับ ?" ชายหนุ่มรอฟังคำบอกของเขา

           "ฉันไม่มีเงินติดตัวเลย งั้นฉันขอกินฟรีนะ อาขอบใจ!" ซารุพูดเองเออเองโดยที่โยชิฮารุยังไม่ได้ตอบอะไรเลย และเขาก็เริ่มทานของหวานทั้งสองที่เขาสั่งทันที "กล้วยนี่มันอร่อยจริงๆ!"

           "กรุณาออกไปจากร้านด้วยครับหากท่านไม่มีทรัพย์สินติดตัวเช่นนี้"  โยชิฮารุไล่ตาลุงหน้าเหมือนลิงออกไปอย่างไม่ใยดี

           "แค่นี่ก็ไล่ออกมาแล้ว คนสมัยนี้มันแล้งน้ำใจจริงๆ" ซารุบ่น
           "เอาเถอะ ยังไงมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ได้เช่นเดิมล่ะนะ" มนุษย์หน้าลิงหันไปมองภายในร้านเห็นว่าชายที่เพิ่งไล่เขาออกมาจากร้านนั้นกลับยังพยายามตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ และดูไม่เหนื่อยกับงานเลยแม้แต่น้อย "เจ้านั่นก็ใช้ได้เรื่องความพยายาม แต่ว่า..."

           ผู้หญิงคนหนึ่งเข้าไปในร้านพร้อมกับรถเข็นเด็ก และเดินเข้าไปสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์เองเลย 
           "ฉันขอเนื้อปลาแซลมอน และแฮมเบอร์เกอร์หมู"

          "ครับ ไม่ทราบว่าคุณแม่ต้องการที่จะเวฟเนื้อหมูมั้ยครับ ถ้าหากท่านต้องการทางเราเองก็ยินดีที่จะทำให้นะครับ และหากเราเข้าเวฟให้ก็จะช่วยให้คุณลูกที่ยังเคียวไม่แข็ง ทานได้ง่ายขึ้นนะครับ" โยชิฮารุเสนอ "และเราจะช่วยตกแต่งหน้าจานอาหารให้กับคุณลูก เพื่อช่วยให้เขาฝึกทานอาหารได้ดีขึ้นด้วยนะครับ และทางส่วนนี้เราจะไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นครับ"

           "งั้นเหรอ อืมเอาแบบนั้นก็ได้" คุณแม่ตอบตกลง

           "ครับ" โยชิฮารุหันกลับไปที่ห้องครัว "โกเอม่อนได้ยินแล้วใช่มั้ยทำตามที่บอกให้ที!"
           "เชิญคุณแม่ไปนั่งที่โต๊ะก่อนได้เลยครับ เดียวทางเราจะไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะเองครับ"

           "ขอบคุณนะ" แม่เข็นรถเข็นและไปนั่งที่โต๊ะที่ว่างอยู่

           "ซางาระคุงนี้เอาใจใส่ลูกค้าดีจังเลยนะ" มิโนริชม

           "การเอาใจใส่ลูกค้าก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ที่พวกเราควรทำนะ ไม่ใ่ช่เพราะต้องการเรียกลูกค้าแต่เพิ่อให้พวกเขาสามารถรับประทานอาหารได้อย่างมีความสุข นั่นล่ะคือสิ่งที่พวกเราควรทำให้กับพวกเขาล่ะ" โยชิฮารุบอก

           "แบบนั้นก็ดีนะ!" มิโนริเห็นด้วยและนำอาหารไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะของแม่ลูกคู่นั้น "ของที่สั่งได้แล้วค่ะ"

           "ดูมีความสุขนะ งั้นฉันขอตัวล่ะ" ริวจิเดินมาบอกกับมิโนริ
           "อืม ไว้เจอกันนะทาคาสุคุง" มิโนริโบกมือลา ชายหน้าโหดก็เดินออกจากร้านไป

           ซารุที่ยืนมองโยชิฮารุอยู่นอกร้านเริ่มมีความคิดบางอย่าง "คนๆนี้ก็ไม่เลวนะ"


    ร้าน Cous Coussier  เวลา 16.58 น.

           หลังจากที่ทำงานติดต่อกันมานานเกือบ 7 ชั่วโมง ในที่สุดโยชิฮารุ มิโนริและอินุจิโยะก็เพิ่งเข้าไปพัก
           "เฮ้อ...วันนี้คนเยอะกว่าปกติรึเปล่าเนี่ย ตามปกติไม่เคยเหนื่อยอะไรขนาดนี้นะ" ชายหนุ่มพูด พร้อมกับยกขวดน้ำขึ้นดื่ม

           "วันนี้มีเรื่องยุ่งเยอะล่ะมั้ง ก็เลยเป็นแบบนี้น่ะ" มิโนริออกความเห็น

           "อินุจิโยะหิว" อินุจิโยะพูด

           "ข้าน้อยขอพักซักชั่วโมงนึงนะขอรับ" โกเอม่อนพูด

           ประตูห้องพักเปิดเข้ามา และบุคคลที่เป็นเจ้าของร้านที่นี่ก็กลับมาจนได้
           "ไฮ! ทุกคนเป็นยังไงบ้าง วันนี้ทำงานกันเต็มที่เลยสินะ พยายามได้ดีมากเลยจ้ะ"

           "คุณจิโยโกะ" โยชิฮารุเดินเข้าไปช่วยยกของให้เธอและนำมาวางไว้ที่โต๊ะ "กลับมาช้าไปชั่วโมงนึงนะครับ มีอะไรรึเปล่า ?"

           "ก็นิดหน่อยน่ะ คือระหว่างทางที่จะมาที่นี่น่ะก็โดนพวกวิ่งราวฉกกระเป๋าไปน่ะสิ" จิโยโกะเล่า

           "เอ๋ แล้วเป็นอะไรรึเปล่าคะ ?" มิโนริถาม

           "ไม่เป็นไรจ๊ะ ระหว่างที่มันกำลังหนีน่ะก็ได้เด็กอายุประมาณฮารุคุงสองคนมาช่วยไว้ทันน่ะ ถ้าไม่ได้พวกเขาช่วยไว้ล่ะก็ ก็คงจะลำบากแน่ๆเลย" จิโยโกะพูดพร้อมกับค้นของที่อยู่ในกระเป๋า "เอาล่ะมีของฝากมาให้ทุกๆคนด้วยนะจ๊ะ"

           "ขอบพระคุณมากค่ะ!" หญิงสาวทั้งสามกล่าวขอบคุณพร้อมกัน

           "หัวหน้า!!" พนักงานชายเข้ามาในห้องพักด้วยความรีบร้อนและก็มาเจอจิโยโกะในห้องพอดี "คุณจิโยโกะกลับมาแล้วเหรอครับ ?"
           "จ๊ะ!"

           "มีอะไรรึเปล่า ท่าทางรีบเร่งแบบนั้นน่ะ หรือว่ามีเรื่องเกิดขึ้นในร้านอีกแล้ว" โยชิฮารุถาม
           "คือตอนนี้มีคนโทรมาสั่งอาหารเราไปส่งน่ะครับ แต่ว่าตอนนี้พนักงานส่งถึงบ้านของเราเกิดป่วยกระทันหันน่ะครับ"

           "ตายจริง แล้วอาการหนักมั้ย ?" จิโยโกะถาม

           "ไม่เป็นไรแล้วครับ แต่ว่าต้องนอนพักรักษาตัวก่อน แล้วจะทำยังไงดีครับเราต้องไปส่งของด้วย" ลูกน้องชายถาม

           "เดี๋ยวฉันไปส่งให้แทนเอง" โยชิฮารุพูดเสร็จก็เดินไปที่ประตู "คุณจิโยโกะฝากร้านด้วยนะครับ"

           "จ๊ะ จริงๆก็ร้านฉันอยู่แล้วล่ะนะ" จิโยโกะยิ้มส่งชายหนุ่ม
           "ไปดีมาดีนะ!" หญิงสาวทั้งสามพูดพร้อมกัน


           โยชิฮารุไปที่หลังร้านและขับมอเตอร์ไซค์ไปเพื่อที่จะไปส่งอาหารถึงที่บ้านของลูกค้า
           "เอาล่ะ ไม่ไกลมากคงจะใช้เวลาไม่นานนะ" เขาสตาร์ทเครื่องและขับไปตามท้องถนน

           "โย่ ไงวันนี้อากาศดีนะ" ซารุขับมอเตอร์ไซค์ไล่ตามโยชิฮารุมา

           "คุณคือลุงที่มาทานอาหารของเราฟรีโดยที่ไม่คิดจะจ่ายนี่ครับ" ชายหนุ่มตอบกลับไปแบบไม่ใยดี

           "น่าๆอย่าทำหน้าแบบนั้นสิ  ยังไงฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดร้ายแรงถึงขนาดที่ต้องมาโกรธแค้นฝังลึกอะไรขนาดนั้นนะ" ซารุบอก โยชิฮารุก็ยอมรับว่าเป็นความจริงแค่กินแล้วไม่จ่ายก็ยังดีกว่ามากินแล้วไม่จ่ายและยังสร้างความเดือดร้อนให้ร้านอีก
           "แล้วที่ลุงตามมานี่มีอะไรล่ะครับ ?"

           "แหมๆก็เห็นว่ามันน่าสนุกดีนี่ จะไปส่งของใช่มั้ยล่ะให้ฉันไปด้วยสิ อยากจะรู้ว่าเวลาพวกร้านแบบนี้ไปส่งอาหารเขาจะทำกันยังไงน่ะ" ซารุอธิบายเหตุผล
     
           "ก็แล้วแต่นะครับ ผมเองก็ต้องรีบหน่อยแล้ว" โยชิฮารุเร่งความเร็วขึ้นและขับแซงหน้าซารุไป 
           "ยังไงก็ตามทันล่ะนะ" ซารุขับเร่งความเร็วตามชายหนุ่มไปติดๆ

           ทั้งสองมาถึงบ้านที่โทรสั่งอาหารของร้าน Cous Coussier ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองของเอเรีย 1 อยู่พอสมควร
           "Cous Coussier มาส่งแล้วครับ!" โยชิฮารุตะโกนอยู่หน้าบ้านของเขา

           "ค่าๆมาแล้วค่า ขอโทษที่ให้รอ" แม่บ้านออกมารับของจากโยชิฮรุไป "นี่ค่ะเงิน ไม่ขาดไม่เกินใช่มั้ยคะ ?"

           "รอสักครู่นะครับ" โยชิฮารุเช็คเงินที่แม่บ้านจ่ายมา "ครับ พอดีเลยครับ ขอบคุณที่ใช้บริการนะครับ"

           "จ้า แล้วคราวหน้าจะโทรสั่งไปงอีกนะ" แม่บ้านรับของมาและเดินกลับเข้าไปในบ้าน

           "รู้สึกว่านาย้นี่ยจะทำงานได้ทุกตำแหน่งจริงๆนะ ขนาดเป็นเด็กส่งของก็ยังทำได้แบบนี้ ไม่เลวเลย" ซารุชม
           "ก็มันต้องฝึกไว้นี่ครับ อีกอย่างคุณจิโยโกะก็ช่วยผมไว้หลายเรื่อง ดังนั้นการจะตอบแทนเขาก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร ทำแบบนี้ก็น่าจะดีกว่าด้วย" โยชิฮารุบอก

           "หืม...ฉันขอเดาว่านายน่ะชอบพวกเกมสงครามญี่ปุ่นใช่มะ" ซารุเดา

           "รู้ได้ไงน่ะครับ ?" โยชิฮารุแปลกใจที่ชายที่เขาไม่เคยรู้จักมารู้เรื่องนี้

           "เปล่าฉันเดามั่ว ไม่คิดเลยนะว่าจะถูกน่ะ" ซารุหัวเราะอย่างชอบใจที่ทำให้ชายหนุ่มคนนี้หัวเสียไ้ด้ และทั้งสองก็เข็นรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเองมาตามทางเพื่อที่จะย้อนกลับไปในเมือง
           "นายน่ะเคยมีความฝันที่ยิ่งใหญ่บ้างมั้ย" ซารุถาม

           "ความฝันที่ยิ่งใหญ่ ?" ชายหนุ่มงง

           "ก็ถ้านายบอกว่าชอบพวกเกมสงครามญี่ปุ่นอะไรแบบนั้นแปลว่าตัวเจ้าเองสักวันนึงก็อยากที่จะครองแผ่นดินหรือทำอะไรการใหญ่ใช่มั้ยล่ะ ?" ซารุเดาอีกที

           "ถ้าคราวนี้เดาล่ะก็ ขอบอกได้เลยครับว่าผิดน่ะ" โยชิฮารุตอบกลับ
           "ผมน่ะแค่ขอใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆก็พอใจแล้วล่ะครับ อย่างน้อยผมก็มีงานที่ผมรักให้ทำอยู่แล้ว ชีวิตนี้หากต้องการล่ะก็ ก็คงต้องการแค่ผู้หญิงที่ผมรักจากใจจริง และเธอคนนั้นก็รักผมจากใจจริงเท่านั้นล่ะครับ"

           "ความฝันแบบนั้นข้าก็เคยคิดนะ" ซารุพูดขึ้นพร้อมกับมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีส้ม "แต่ว่าตอนนี้มันก็เป็นได้เพียงความฝันซะแล้วล่ะ.."

           "แต่ว่าผมเชื่อนะครับ.." โยชิฮารุมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีส้มเช่นเดียวกับเขา
           "ถ้าหากเรายังพยายามทำงานอย่างเต็มที่ และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ผมเชื่อว่าสักวันนึงความฝันของเราก็ต้องสำเร็จอย่างแน่นอน และผมเองก็จะขอเดิมพันกับสิ่งนั้นล่ะครับ"

           "พูดได้ดีนี่ สำหรับพวกคนหนุ่มลุงอย่างข้าที่ไม่ยอมจ่ายเงินค่าอาหารก็ดูไร้ค่าไปเลยสินะ" ซารุพูด
           "ที่จริงลุงเองก็มีความฝันแบบลูกผู้ชายอยู่นะ"

           "ความฝันอะไรเหรอครับ ?" โยชิฮารุถาม

           "นั่นคือการถูกห้อมล้อมด้วยสาวสวยๆ และได้ครองครองปราสาทยังไงล่ะ!" ซารุพูดอย่างภาคภูมิใจ

           "ความฝันแบบนั้นเองเรอะครับ แต่ว่าถ้าจะตามฝันที่ว่านี่ ลุงจะต้องย้อนกลับไปเมื่อ 500 ปีก่อน และจะต้องจ่ายเงินค่าอาหารด้วย" เด็กหนุ่มพูดเหน็บแนมลุง และเมื่อเขาคิดถึงการกินแล้วไม่จ่ายทำให้เขานึกถึงหญิงสาวเมื่อเช้าได้
           "จะว่าไปเธอคนนั้นก็กินแล้วไม่จ่ายเหมือนกันนี่นะ"

           "ผู้หญิงเมื่อเช้างั้นเรอะ" ซารุสงสัย "เธอเป็นคนยังไง ?"

           "ก็เหมือนกับผู้หญิงที่ร่ำรวยทั่วไปนั่นล่ะครับ เพียงแต่เธอมีอะไรแปลกๆอย่างหนึ่ง" โยชิฮารุบอก

           "ที่แปลกๆนี่คือความรู้สึก และเสียงของเธอสินะ เวลาที่เธอได้ยินเสียงของเธอแล้วรู้สึกเหมือนกับร่างกายมันหมดแรง และทำตามที่ใจเราคิดไม่ได้สินะ" ซารุบอกอาการได้อย่างถูกต้องจนโยชิฮารุถึงกับต้องหยุดเดินและหันกลับไปหาเขา
           "ทำไมถึงรู้ล่ะครับ ?"

           "ใช่จริงๆด้วยสินะ ไม่คิดเลยว่ายัยนั่นจะลงทุนตามมาถึงที่ีนี่" ซารุเริ่มแสดงสีหน้าจริงจัง

           "ใช่ๆ ไม่คิดเลยว่านายจะวนกลับมาหาฉันเองแบบนี้" เสียงของหญิงสาวที่ซารุและโยชิฮารุต่างเคยได้ยินดังขึ้นมาจากข้างหลังของพวกเขา พวกเขาหันกลับไปก็พบกับเธอที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาพวกเขา
           "ในที่สุดก็เจอตัวแล้วนะ....มังกี้!"

           "ทะ...ทำไมถึงตามหาพวกฉันเจอ!?" ซารุถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด

           "อันที่จริงฉันไม่ได้ตามนายมาหรอก เพียงแต่ว่าตอนที่ฉันจะออกมาจากร้านอาหารนั้นน่ะ ฉันได้ติดเครื่องติดตามไว้ที่หนุ่มนั้นเพื่อที่จะมาปิดบัญชีกับเขาทีหลังยังไงล่ะ" ปิรันย่าบอก
           ซารุรีบเช็คเสื้อของโยชิฮารุและทำการโยนเครื่องติดตามเล็กๆของเธอออกไปจากตัวเขาทันที

           "สายไปแล้วล่ะ แต่ว่าฉันก็ไม่คิดเลยนะว่าจะโชคดีอะไรแบบนี้ที่วนกลับมาเจอคนที่ต้องการเจอตัวที่สุดด้วยแบบนี้!" รอยบนหน้าเธอปรากฏออกมาเด่นชัดขึ้น และร่างก็ค่อยๆเริ่มมีควันออกมา เพื่อเปลี่ยนร่างเป้นลอสท์
     
           "เธอลืมไปแล้วเรอะว่า ด๊อกเตอร์สั่งไม่ให้เราใช้พลังอย่างเปิดเผยแบบนี้" ซารุบอกกับเธอ

           "ถึงอย่างงั้นไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องฆ่าคนทรยศอย่างแกให้ได้"
           ปิรันย่ากลายเป็นร่างลอสท์และใช้คมมีดวารีโจมตีใส่โยชิฮารุในทันที "เริ่มจากแกก่อน!"

           "ฮะ!?" คมมีวารีพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว
           ซารุรีบจับตัวเด็กหนุ่มและโยนเข้ามาขึ้นรถของตัวเองทันทีและรีบขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ของร้านก็ถูกคมมีดน้ำนั้นตัดขาดออกเป็นสองท่อน

           "รถของร้าน!" โยชิฮารุตะโกน
           "ตอนนี้ห่วงชีวิตของตัวเองก่อนน่าจะดีกว่านะ เธอน่ะถูกยัยนั่นหมายหัวไว้แล้ว ยัยนั่นน่ะเป็นพวกที่หากคิดจะฆ่าใครแล้วมันก็จะฆ่าให้ได้ ตอนนี้ชีวิตของนายเป้นอันตรายแล้วล่ะ" 

           "นะ...นี่พวกคุณเป็นตัวอะไรกันแน่!?" โยชิฮารุถาม เพราะเขารู้สึกว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่นอน

           "จะพูดยังไงดีล่ะ จะเรียกว่าเป็นมนุษย์สายพันธ์ใหม่ มนุษย์ที่ถูกเลือก หรือจะสัตว์ประหลาดก็ได้ล่ะนะ" ซารุบอก "แต่ว่าถ้าจะเรียกชื่อจริงล่ะก็....เรียกว่า ลอสท์ ก็แล้วกัน...."


    .
    .
    .
    .


    เขตชานเมืองระหว่างเอเรีย 1 กับเอเรีย 4  เวลา 18.36 น.


           โยชิฮารุและซารุต่างพากันรีบหนีปิรันย่าที่กำลังวิ่งไล่ตามพวกเขามาติดๆ
           "นี่ลุงจะทำยังไงดีล่ะ ยัยนั่นตามพวกเรามาเรื่อยๆแล้วนะ!" โยชิฮารุถามอย่างร้อนรน

           "คงจะหนีไม่พ้นแล้วล่ะ เจ้าหนูฝากดูรถด้วยนะ!" ซารุกระโดดลงจากรถและกลายร่างเป็นลอสท์มังกี้เข้าต่อสู้กับปิรันย่าที่อยุ่ด้านหลังทันที
           "คู่ต่อสู้ของเธอคือข้าคนนี้!"

           "ในที่สุดก็ยอมมาหาที่ตายแล้วสินะ!" ปิรันย่าปล่อยคมมีดวารีโจมตีใส่มังกี้ เขาสามารถหลบได้ด้วยความคล่องแคล่วที่มากกว่า และเข้าประชิดตัวเธอพร้อมกับใช้หมัดชกใส่ท้องเธอเต็มๆ แต่ว่าปิรันย่าก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย "คิดว่าการโจมตีพรรค์นี้จะใช้กับฉันได้ผลรึไง ?"
           ปิรันย่าจับแขนของมังกี้และโยนไปชนกับโยชิฮารุที่กำลังขับรถอยู่

           "โอ้ย!" รถของชายหนุ่มล้มคว่ำแต่ตัวเขาไม่เป็นไรมาก "นี่ลุงจะบินมาก้ระวังหน่อยสิ!"
           "ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะมาทางนี้ซะหน่อย แต่ทำไงได้ก็โดนยัยนั่นโยนมานี่" ซารุตอบกลับอย่างหัวเสีย "เรื่องพลังถ้าสู้กันตรงๆข้าไม่มีทาชนะได้เลยสินะ"

           "ลุงแล้วแบบนี้เราจะชนะยังไงล่ะ!?" โยชิฮารุถาม "นี่ลุงไม่มีของหรืออะไรที่ช่วยพลิกสถานการณ์เลยเรอะ ?"

           "ของที่ช่วยพลิกสถานการณ์งั้นเรอะ.." มังกี้มองไปที่ของที่เขาเก็บไว้ในถุง แต่ว่าเขาก็ไม่อาจที่จะหยิบมันขึ้นมาได้
           "ถึงจะมีจริงตามที่เจ้าพูด แต่ว่าลุงก็ไม่สามารถจะใช้งานมันได้หรอก คนที่จะใช้งานมันได้จะต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น...นั่นเท่ากับว่าเจ้าก็สามารถที่จะใช้สิ่งนี้ได้"
           "สิ่งนี้!?" 

           ทั้งสองคนพยายามวิ่งหนีเข้าไปในดงหญ้าเพื่อหนีเธออย่างเต็มที่และหวังว่าหญ้าที่ขึ้นสูงเหล่านี้จะช่วยเป็นที่อำพรางพวกเขา "ลุงแข็งใจไว้นะ พวกเราจะต้องหาทางรอดได้แน่!"
           "ไม่มีทางรอดแล้วล่ะ พลังของข้ามันอ่อนจนเกิดไป...."

           ทันใดนั้นก็มีมีดวารีพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงและแทงทะลุอกของซารุไปต่อหน้าต่อตาทั้งสอง
           "ลุง!!"

           "อักกก!" มังกี้ล้มลงตรงนั้นทันที
           "ลุงเป็นอะไรรึเปล่า ลุงอย่าเพิ่งตายนะ!" โยชิฮารุพยายามที่จะช่วยห้ามเลือดของชายคนนี้แต่ว่าบาดแผลมันร้ายแรงเกิดกว่าที่จะปฐมพยาบาลแล้ว

           "ขะ...ข้่าคงไม่รอดแล้วล่ะ โดนโจมตีทะลุหัวใจ...ปะ..ไปแล้ว...ชะ..ช่างน่าสมเพชยิ่งนัก" ซารุกล่าว
           "ลุงทำใจดีๆไว้นะ!" ชายหนุ่มยังพยายามที่จะช่วยซารุไว้ให้ได้ แต่เขาก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ว่าเขาไม่มีทางรอดแล้ว....

           "จะ..จะว่าไป...ข้าอยากจะขอถามชื่อเจ้า...เจ้าชื่ออะไร...อย่างงั้นเรอะ ?" ซารุถาม

           "ผมเรอะ...ผมชื่อซาการะ โยชิฮารุ" ชายหนุ่มตอบกลับไป
           มังกี้เอื้อมมือไปหยิบเซ็นโกคุไดร์เวอร์และล็อคซีดที่เข้าขโมยออกมาจากเกาะของลอสท์เมื่อก่อนหน้านี้และเขาก็ยื่นให้กับเด็กหนุ่มผู้นี้ "จริงๆแล้วข้าก็ไม่อยากจะดึงเจ้ามาพัวพันด้วย....ตะ..แต่ว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือกแล้ว...ไม่แน่ว่า...นะ..นี่อาจจะเป็นชะตากรรมของเจ้า...ก็เป็นได้.."

           "พวกนี้คือ...อะไรน่ะ ?" โยชิฮารุรับมาสำหรับเขาสองสิ่งนี้ก็เหมือนกับหัวเข็มขัดและตัวล็อคกุญแจที่ดูใหญ่กว่าปกติเท่านั้น

           "จงใช้สิ่งนั้นที่เอวของเจ้า....และจงสู้กลับไปซะ!" ซารุพูดก่อนที่เขาจะหมดสติลงไป

           "เฮ้ยลุง ลุง!" โยชิฮารุพยายามเขย่าเขาแต่ว่าก็ไม่มีความรุ้สึกอะไรอีกแล้ว "โธ่เว้ย นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!"

           "ท่าทางเจ้ามังกี้คงจะไปสบายแล้วสินะ" ในที่สุดปิรันย่าก็ตามทั้งสองทันและกำลังเตรียมที่จะสังหารชายหนุ่ม
           "ต่อไปก็เป็นตาเจ้าบ้างล่ะเจ้าหนู" ครีบของเธอเปล่งแสงสีฟ้า "ตายซะเถอะ!" หล่อนปล่อยพลังน้ำโจมตีใส่ทั้งสองจนทำให้โยชิฮารุและร่างของซารุกระเด็นออกมาจากดงหญ้าไปยังโรงงานที่ไร้ซึ่งผู้คนที่อยู่ปลายของของเอเรีย 1 ย่างสู่เอเรีย 4

           "จะทำยังไดี...นี่เราจะทำยังไงดี..." ชายหนุ่มถามกับตัวเอง เขามองไปที่ของสองสิ่งที่ลุงคนนั้นเป็นคนให้มา และในที่สุดเขาก็ตัดสินใจ "ถ้าอย่างงั้น...ฉันก็จะ...ขอเดิมพันกับสิ่งนี้!!"
           เด็กหนุ่มยืนขึ้นเขานึกถึงคำพูดของซารุเมื่อก่อนหน้านี้ 'จงใช้สิ่งนี้ที่เอวของเจ้า'

           ปิรันย่าตามมาเห็นร่างของซารุนอนกองอยู่ที่ข้างๆห้องๆหนึ่งของโรงงาน ส่วนโยชิฮารุยืนอยู่กลางถนนพร้อมกับเซ็นโกคุไดร์เวอร์ เธอเดินตรงเข้าไปหาเขา "นี่เธอคิดจะใช้ของนั่นงั้นเรอะ คิดว่าใช้แล้วมันจะช่วยให้ชนะฉันได้งั้นเรอะ...ถ้าคิดแบบนั้นก็บอกได้เลยว่าคิดผิดแล้วล่ะ อย่าฝืนเลยน่ายอมตายดีๆสบายๆเถอะ"

           "นั่นสินะ ถ้าเลือกทางนั้นอาจจะดีกว่า แต่ว่าเกิดเป็นคนน่ะ...ชีวิตนี้มันก็ต้องดิ้นรนให้ถึงที่สุดสิ...จะให้มายอมแพ้อยู่ตรงนี้น่ะ...ฉันไม่เอาด้วยหรอก อย่างน้อยฉันก็จะขอเดิมพันกับสิ่งนี้ล่ะ!" โยชิฮารุสวมไดร์เวอร์เข้าที่เอวของเขาและมันก็กลายเป้นเข็มขัด

          "นี่แกคิดจะใช้จริงๆงั้นเรอะ" ปิรันย่าตั้งท่าพร้อมที่จะรับมือกับพลังของเซ็นโกคุไดร์เวอร์ 

            เซ็นโกคุไดร์เวอร์ตรงกลางของไดร์เวอร์นั้นจะมีช่องช่องหนึ่งอยู่ ซึ่งมีขนาดพอดีกับล็อคซีดหรือแม่กุญแจที่เขามีอยู่พอดี "เอาล่ะนะ!" เขาใส่ล็อคซีดลงไปในช่องนั้น และมันก็มีเสียงดังขึ้น


    LOCK ON

           เสียงดนตรีดังมาจากไดร์เวอร์เป็นเสียงของสงครามสมัยยุคอดีต แต่ว่าก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาเลย
           "เอ..ต้องทำยังไงต่อเนี่ย...นี่รึเปล่า ?" โยชิฮารุลองกดมีดที่อยู่ที่ไดร์เวอร์ลง และมันก็ทำให้แม่กุญแจของเขาเปิดออก และก็มีวัตถุกลมๆสีส้มบางอย่างลอยอยู่เหนือหัวเขา


    ORANGE ARM

          "หา!?" เด็กหนุ่มยืนอ้าปากค้าง 
          วัตุสีส้มนั้นร่วงลงมาสวมส่วนหัวของเขา และร่างของเขาก็ยังเปลี่ยนสวมเกราะสีน้ำเงินทั้งร่าง "กะ...เกิดอะไรขึ้นเนี่ย...ส้มงั้นเรอะ ?"


    HANAMICHI! ON STAGE!

           วัตถุกลมๆนั้นคล่อยคลายออกและกลายเป็นเกราะสวมให้กับเขาอีกชั้น พร้อมกับมีดาบสั้นที่มีรูปร่างคล้ายส้มออกมา
           "เอะ!?" ชายหนุ่มสังเกตมองร่างกายตัวเองที่เปลี่ยนไปสวมเกราะประหลาด
           "เอ๊ะ!?" เขาลองสัมผัวร่างกายตัวเองก็รู้ว่านี่คือของจริง ไม่ใช่ของปลอม
           "เอ๋!?" ในตอนนี้ซาการะ โยชิฮารุได้เปลี่ยนไปเป็นนักรบสวมเกราะที่มีรูปร่างคล้ายๆกับซามูไรเสียแล้ว

           "ตอนแรกคิดว่าใช้พลังของล๊อคซีดจะดูแข็งแกร่งอะไรมากกว่านี้ซะอีก จริงๆแล้วก็แค่เด็กสวมชุดคอสเพลย์แค่นั้นเองสินะ ไม่เป็นจะมีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิดเลย" ปิรันย่าเปล่งแสงที่ครีบขึ้นมาอีกครั้ง
           "แบบนี้คงจะจัดการไม่ยาก!" เธอปล่อยคลื่นน้ำโจมตีใส่เขาอีดครั้ง

           "ฮะ..ว้า!!" โยชิฮารุยื่นตัวรับไว้ เกราะส้มของเขาก็สร้างเกราะพลังขึ้นมาป้องกันทำให้คลื่นน้ำของปิรันย่าไม่เป็นผล
           "นี่มัน...ยอดไปเลย!"

           "บ้าน่า...นี่แกเป็นใครกันแน่!?" ปิรันย่าถามด้วยความโกรธ

           "ชื่อของฉันน่ะเรอะ...เออ...คือว่า..." โยชิฮารุสังเกตชุดเกราะของตัวเอง และคิดถึงชื่อที่เหมาะกับตัวเอง
           "ฉันคือ...ไกมุ (นักรบสวมเกราะ)!" ชื่อที่โยชิฮารุตั้งขึ้นนี้เอามาจากเอาชื่อจากในเกมที่เข้าเล่นมา

           "ไกมุ งั้นเรอะ เป้นชื่อที่ฟังดูเห่ยจริงๆนะ" ครีบของปิรันย่าเปล่งแสงสีฟ้าอีกครั้ง "ถึงแม้แกจะได้พลังที่สุดยอดมา...แต่ว่าฝีมือของแกก็ยังเป็นแค่เด็กฝึกเล่นเท่านั้นเอง มันเอาชนะนักฆ่าอย่างฉันไม่ได้หรอก!" 
           ปิรันย่าเข้าใกล้แล้วใช้ครีบฟันโจมตี ไกมุก็ได้แต่พยายามใช้ดาบสั้นของตัวเองรับมือ 

           "ฮ่าส์!!" ปิรันย่าใช้ครีบคู่ของเธอฟันดาบสั้นของไกมุหลุดออกจากมือไปและโจมตีใส่เขาให้ขุกเข่าลง
           "อัก! แบบนี้แย่แน่...ต้องหาอะไรสักอย่าง.." โยชิฮารุเขยิบมือไปจับสิ่งที่คล้ายดาบที่อยู่ที่เอวข้างซ้ายของเขาและหยิบออกมาฟันใส่เธอ "ย่าส์!" 

           "หนอยฤทธิ์เยอะนักนะ!" ลอสท์เปล่งแสงสีฟ้าที่ครีบที่ขาสองข้างและเตะใส่ไกมุ
           เขาสามารถกลิ้งหลบได้และไปเก็บดาบสั้นรูปส้มขึ้นมา "เอานี่ไปซะ!" นักรบเกราะใช้ดาบคู่ฟันลงใส่ร่างของเธอ สร้างความเสียหายให้เธอได้ไม่น้อย 

           "ยังหรอกน่า!" ปิรันย่ากระโดดขึ้นไปชั้นบนเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
           "ไม่ยอมให้หนีหรอกน่า!" ไกมุกระโดดตามขึ้นไป แต่พลังกระโดดของเขาสูไม่เท่าเธอทำให้เขามาถึงได้แค่ขอบระเบียงเท่านั้น

           "เจ้าหน้าโง่ ตามมาแบบนี้คิดว่าจะทำอะไรได้งั้นเรอะ!" ปิรันย่าหมุนตัววาดคลื่นและปล่อยคลื่นน้ำตัดส่วนที่ไกมุอยู่ลงไปทันที
           "ว้าาา!!" ไกมุตกลงมาที่พื้น "เจ็บชะมัดเลย!"

           เด็กหนุ่มลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง "รอก่อนเถอะน่า!"
           ไกมุรีบวิ่งขึ้นไปตามบันไดขึ้นไปบนชั้นที่ปิรันย่าอยู่ 

           "หึ!" ปิรันย่าปล่อยคมมีดวารีทั้งสี่เข้าโจมตีใส่ไกมุพร้อมกัน เขายืนรับอย่างเต็มที่ก็เกิดเกราะพลังสีส้มนั้นขึ้นมาอีกครั้งช่วยรับความเสียหายนั้นไว้ได้ 
           "ถึงจะป้องกันถ้ายิงได้ แต่ว่าถ้าสู้ระยะประชิดล่ะก็!" ปิรันย่าวิ่งเข้าไปกระแทกไกมุไปชนกับขอบระเบียง

           "ฮึ่ย...เอาไงดีเนี่ย!" ไกมุชักด้ามดาบยาวของตัวเองครั้งนึง นั่นทำให้เขาสามารถยิงกระสุนปืนออกมาจากดาบได้และทำให้ปิรันย่าต้องถอยห่าง "เจ๋งดีแฮะ ถ้างั้น!" ไกมุดึงด้ามดาบอีกครั้งและยิงกระสุนใส่ปิรันย่าอย่างต่อเนื่อง

           "นะ...นี่คนอย่างฉัน...มาโดนคนอย่างเจ้าหมอนี่เล่นงานงั้นเรอะ!" ปิรันย่ากัดฟันด้วยความแค้น
           "อย่ามาพูดบ้าๆน่า!!" เธอปล่อยคมมีดวารีโจมตีอย่างบ้าคลั่งทำให้โรงงานแห่งนี้เต็มไปด้วยแรงระเบิดจากพลังของเธอ

           "ฮ้ากกกก!!" ไกมุวิ่งตรงเข้าไปใช้ดาบสั้นส้มนั้นฟันใส่เธอ ทำให้เกิดคลื่นพลังสีส้มกระแทกเธอลงไปยังด้านล่าง

           เสียงจากแรงระเบิดทำให้ปลุกให้ซารุลืมตาขึ้นมา และเห็นภาพการต่อสู้ในครั้งนี้ "นี่สินะ....พลังของเด็กคนนั้น"

           ปิรันย่าลุกขึ้น "คนอย่างฉันไม่มีทางแพ้หรอกน่า!!"
           เธอยังคงปล่อยคลื่นวารีโจมตีด้านบนแบบไม่หยุดยั้ง แต่ว่าการโจมตีนั้นก็ทำอะไรไกมุไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว 

           "มาทำให้จบกันเลย!" ไกมุสับมีดที่ไดร์เวอร์ลงไปอีกครั้ง และกระโดดลงมาจากชั้นบนนั้น
           "เซ..ฮ่าส์!!" ร่างของเขาถูกคลุมด้วยเกราะพลังสีส้ม และพุ่งลงมาเตะใส่ปิรันย่าทะลุผ่านเธอไป

           "ยะ..ยัง..ยังไม่จบหรอกน่า!" ปิรันย่าปลดปล่อยพลังที่ครีบของตัวเองถึงขีดสุดและหันหลังกลับ

            "เอาไปเลย!!" ไกมุหมุนตัวกลับมาเร็วกว่าและฟันดาบคู่ใส่ลำตัวปิรันย่า เป็นการโจมตีปิดฉากของเธอโดยสมบูรณ์

           "ทำไม...ทำไม...คนอย่างฉันถึงได้..." ปิรันย่าค่อยๆล้มลงไปและระเบิดไปในที่สุด

    บรึ้มมม!!!!


           ไกมุสามารถเอาชนะเธอลงได้ก็รีบเก็บดาบของตัวเองและวิ่งกลับไปหาซารุที่นอนเจ็บอยู่ "ลุงๆ ทำใจดีๆไว้นะ"

           "ฮะๆๆ ในที่สุดเจ้าก็ทำได้สินะ อย่างน้อยข้าก็นอนตายตาหลับแล้วล่ะ" ซารุพูดสั่งเสีย

           เด็กหนุ่มคืนร่างกลับเป้นร่างมนุษย์โดยการกดแม่กุญแจกลับที่เดิมก่อนที่มันจะแยกเป็นสองส่วน
           "เดี๋ยวสิ!" โยชิฮารุพยุงร่างของลุงหน้าลิงขึ้นมา "ถ้าลุงมาตายอยู่ตรงนี้ แล้วความฝันของลูกผู้ชายที่ลุงเคยพูดเอาไว้นั่นล่ะ มันจะเป็นยังไงเล่า!?"
     
           ซารุจับแขนของเด็กหนุ่มเพื่อที่จะสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย "รู้สึกว่าจะชื่อซาการะ โยชิฮารุสินะ ความฝันทั้งหลายที่เจ้ากับข้าต่างได้ฝันถึง และความสงบสุขของโลกใบนี้ ข้าต้องขอฝากให้เจ้าทำมันให้สำเร็จที"
           "พูดอะไรแบบนั้นเล่า!?"

           "พยายามเข้านะ..ปกป้องโลกนี้ไว้ให้ได้...โยชิฮารุ" ร่างของลุงแก่คนนี้ค่อยสลายกลายเป้นทรายทีละนิด

           "เดี๋ยวเซ่ ผมยังไม่เคยรู้ชื่อของลุงเลยนะ!" โยชิฮารุถามคำถามสุดท้ายก่อนที่เขาจะสลายไป
           "ชื่องั้นเรอะ...ชื่อสมัยที่ยังเป็นมนุษย์สินะ....ข้าชื่อว่าคิโนชิตะ โทคิจิโร่...." ซารุบอกชื่อกับโยชิฮารุไป แล้วก็สลายกลายเป็นทรายไปในที่สุด 

           "ลุง!!!"

           "เรื่องนี้...มันไม่ใช่ความฝันสินะ....นี่มันคือความจริงสินะ.." โยชิฮารุไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องจริง เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่อาจหลักหนีได้
           โยชิฮารุค่อยๆลุกขึ้นยืนและมองไปที่ดวงตะวันยามอาทิตย์อัสดง

           "คอยดูเถอะนะลุง ฉันคนนี่จะทำให้ได้ จะทำความฝันขอลุงให้เป็นจริงให้ได้!" ชายหนุ่มสาบานต่อหน้าดวงอาทิตย์ยามเย็นนี้


           ตอนนั้นเองก็มีรถคันนึงขับมาตามทางและมาจอดลงที่ด้านหลังของเขาพอดี
           โยชิฮารุหันหลังกลับและก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดาว่าคนที่มานั้นมาดีหรือมาร้ายกันแน่ "ศัตรูใหม่งั้นเรอะ!?"

           ผู้หญิงคนนึงลงมาจากรถ "เดี๋ยวก่อนจ๊ะ เดี๋ยวก่อน พวกเราไม่ได้คิดมาทำร้ายเธอนะ"

           "แล้วผมจะมั่นใจได้ไง ?" โยชิฮารุถามกลับ

           "เออ คือว่าฉันตรวจจับความผิดปกติตรงนี้ได้ เลยมาตามทางนี้และก็าเจอเธอนี่ล่ะจ๊ะ เอาเป็นว่าช่วยมากับฉันหน่อยสิ" หญิงสาวเชิญชวน แต่ว่าอยู่ๆมาชวนแบบนี้คนที่เพิ่งผ่านการต่อสู้กับผู้หญิงมาเมื่อกี้คงจะยอมเชื่อ

           "คือว่าถ้าคุณไม่มีหลักฐาน ผมก็คงจะทำตามที่คุณบอกไม่ได้หรอกครับ" โยชิฮารุตั้งท่าพร้อมที่จะแปลงร่างทุกเมื่อ
     
           "เดี๋ยวก่อน!" ชายสองคนลงมาจากรถ
           "หยุดก่อนพวกเราไม่ใช่ศัตรูจริงๆ พวกเราเป็นพวกเดียวกับนาย" จุนอิจิบอกกับโยชิฮารุ

           "พวกเดียวกัน ?" 

           "นี่ไงล่าหลักฐานน่ะ พวกเราถ่อมาจาในเมืองเพื่อรับนายเลยนะ!" อากิฮิสะแสดงโฟร์เซ่ไดร์เวอร์ขอตัวเองออกมา จุนอิจิเองก็หยิบไดร์เวอร์ของตัวเองออกเช่นกัน
           "เข็มขัดงั้นเรอะ...แต่ว่ามันต่างจากของฉันหนิ!"

           "ตอนนี้จะขอให้ยอมเชื่อก็คงยากล่ะ แต่ว่าขอร้องล่ะได้โปรดเถอะเชื่อใจพวกเราเถอะนะ!" จุนอิจิขยอมถึงกับขั้นยอมก้มหัวขอร้องโยชิฮารุ 
    "ถ้าหากนายอยากจะเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้ ฉันเองก็ไม่รู้หรอกนะ...แต่ว่าฉันคิดว่าผู้หญิงคนนี้ไว้ใจได้ เพราะฉะนั้นเชื่อใจเธอเถอะ!" 

           "นี่นาย!?" โยชิฮารุมองเข้าไปในดวงตาของจุนอิจิ ดวงตาของคนที่พูดความจริง ไม่มีคำโกหกซ่อนอยู่ภายในนั้น "ก็ได้ฉันจะยอมเชื่อที่นายพูด ฉันเองก็ขอโทษที่ดื้อด้านไปหน่อย คนเพิ่งเจอเรื่องร้ายๆมาล่ะนะ"
      
           "ขอบคุณที่ยอมเชื่อนะ" จุนอิจิขอบคุณ

           "เท่านี้ก็ได้พวกคนที่สามมาแล้ว!" อากิฮิสะร้อง

           ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากเครื่องบางอย่างในรถของหญิงสาวเธอรีบไปดูและตรวจพบสัญญาณบางอย่างถึง 2 จุดเกิดขึ้นพร้อมๆกัน และยังอยู่ในสถานที่ที่ใกล้เคียงกันอีกด้วย "แบบนี้อาจจะหมายความว่าลอสท์สองตัวกำลังรุมคนๆนั้นอยู่ก็เป็นได้นะ ต้องรีบไปแล้วล่ะ"

           "อีกแล้วเรอะ นี่ต้องไปมาตลอดเลยใช่มั้ยเนี่ย!?" อากิฮิสะบ่นแต่เขาก็ยังขึ้นรถไป

           จุนอิจิเข้าไปในรถและหันกลับไปบอกกับโยชิฮารุ "นายเองก็มาด้วยกันสิ"

           "ช่วยไม่ได้ล่ะนะ!" ท้ายที่สุดซาการะ โยชิฮารุก็ยอมตัดสินใจไปกับพวกเขา
           ชะตากรรมที่มาบรรจบกัน...จะนำพวกเขาไปพบกับสิ่งใด...




    .................... TO BE CONTINUE ....................




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×