ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P:FMR NW

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 4 อวกาศ

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 56


    เอเรีย 1  อุโมงค์ทางเข้าพื้นที่เขตทิศตะวันออกเฉียงใต้  เวลา 10.40

           เหตุการณ์หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ เวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่กัน สิ่งต่างๆบนโลกนี้จะดำเนินไปในทิศทางใด คนๆเดียวย่อมมิอาจที่จะรู้ ไม่มีใครสามารถกำหนดได้ว่าอนาคตของใครจะเป็นยังไง ทำได้เพียงแค่อยู่กับชีวิตปัจจุบันของตัวเราเอง วันนี้อาจจะเป็นวันที่คุณพบกับเรื่องโชคร้ายที่สุดในชีวิต วันนี้อาจเป็นวันที่คุณได้พบกับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก วันนี้คุณอาจจะไปพบกับเรื่องที่คุณไม่เคยคาดคิด....

           โลกเคลื่อนไปข้างหน้าทุกวัน วงล้อแห่งชะตากรรมไม่เคยหยุดนิ่ง เหล่ามนุษย์ที่ดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ชะตากรรม สิ่งที่พวกเขาจะได้พบพานคือสิ่งใด...


           อุโมงค์ทางเข้าทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นทางเชื่อมระหว่างเมืองฟูโตะเอเรีย 1 กับเอเรีย 3 เป็นเส้นทางลับที่ไม่ค่อยมีใครใช้กันเพราะเส้นทางนี้ใช้เวลาในการเดินทางมายังเอเรีย 1 หรือไปยังเอเรีย 3 ค่อนข้างนานกว่าปกติ และในภายหลังยังมีการสร้างถนนเชื่อมขึ้นใหม่ ทำให้ความจำเป็นที่จะต้องใช้เส้นทางนี้น้อยลง ผู้ที่ใช้เส้นทางนี้มักจะเป็นพวกคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่รีบร้อน หรือ....จำเป็นต้องปิดบางอย่างเป็นความลับ

           รถตู้คันหนึ่งขับมาตามทางของอุโมงค์นั้น เพื่อขนส่งบางอย่างที่ไม่สามารถให้ใครรู้ได้
           "ฉันคิดว่าขับมาทางนี้แล้ว มันก็เงียบสนิทเลยนะ ไม่มีเสียงอะไรเลย" คนขับรถพูดกับชายที่นั่งอยู่ข้างๆ
     
           "นั่นสิ" ผู้ชายเห็นด้วย เขาหันกลับไปมองด้านหลังรถที่เป็นห้องปิดตายไม่มีกระจกไว้มองเข้าไปข้างใน
           "นายรู้มั้ยว่าข้างในนั้นมีอะไร ?"

           "ฉันก็ไม่รู้" คนขับรถตอบ "แต่ฉันได้ยินจากพวกเบื้องบนว่าเป็นของอันตรายที่จะต้องส่งไปยังนอกเอเรีย 1ให้ได้"

           "ส่งจาก 1 ไป 3 สินะ พวกคนที่อยู่ในลิฟท์วงโคจรคงจะวิจัยอะไรพิลึกๆอีกแน่!" ชายที่นั่งเบาะคางๆพูดและโน้มตัวนอนลงอย่างสบายใจ "นายคิดว่าในนั้นมีอะไร ?"

           "ฉันคิดว่าอาจจะเป็นพวกอาวุธอัตรายหรือไม่ก็สารเคมีร้ายแรงก็ได้" คนขับรถเดา
           "แต่ว่าเจ้าคนที่อยู่ในนั้นมันยังอยู่ได้อย่างสบายๆเลย ฉันไม่คิดว่าจะเป็นอะไรพวกนั้นนะ" เพื่อนชายแย้ง "...และตอนที่มันขึ้นรถของเรา ฉันเห็นมันถือกระเป๋าใหญ่ๆออกมาด้วย"

           "มันอาจจะเป็นอาวุธอะไรสักอย่างก็ได้นี่" คนขับคิด

           "ตอนแรกฉันก็คิดอย่างงั้น...แต่ว่าฉันได้ยินพวกนั้นมันพูดกันอีกว่า อีกไม่นานจะมีคนมาที่นี่และจะถือกระเป๋าลักษณะคล้ายๆกันกับนาย หากนายถือเดินไปเดินมาแบบนี้มันจะเป็นเป้าสายตาเกินไปนะ แบบเนี่ย" เขาเล่า
           "..เจ้านั่นก็ตอบไปว่า ถ้าทำแบบนี้จะได้ช่วยเพิ่มจุดสนใจให้พวกมัน ออกจากพวกเขาได้"

           "แปลว่าเจ้าบ้าที่อยู่ในนั้นคิดจะใช้ตัวเองเป็นนกต่องั้นเรอะ ?" คนขับรถถาม
           "เห็นว่าตัวกระเป๋าดูต่างกันอยู่พอสมควรน่ะ เจ้าคนที่อยู่ในรถเรานี่รู้สึกจะใหญ่กว่ามาก เจ้าพวกคนที่คิดจะขโมยคงจะไม่โง่ถึงขนาดดูไม่ออกหรอก" คนนั่งข้างๆออกความเห็น

           "แต่ว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างก็ดีนะ...อยู่แบบนี้มันก็เงียบเกินไป" ชายทั้งหัวเราะ
           โดยที่เขาไม่รุ้เลยว่า.....เขาอยากจะถอนคำพูดนั้นตั้งแต่ตอนนี้แน่นอน....

    ตึง!

           เสียงดังประหลาดที่ดังมาจากบนหลังคารถทำเอาชายทั้งสองถึงกับสะดุ้งและหยุดรถกระทันหันท่ามกลางบรรยากาศที่มืดมิด "เมื่อกี้...นายได้ยินเสียงอะไรมั้ย ?" 
           "ฉะ...ฉันว่า...ฉันได้ยินนะ..." คนขับรถตอบเสียงสั่น

           พอชายสองคนเงียบ บรรยากาศรอบข้างก็รู้สึกได้ถึงความวังเวงอย่างเห็นได้ชัด รอบนี้มีเพียงแสงไฟจากรถของพวกเขาเท่านั้น ที่นี่ไร้เสียงของลมหรือสิ่งมีชีวิตใดๆ 
           "ฉัน...จะลองลงไปดูนะ" คนขับรถเอื้อมมือไปจับกรประตู แต่ชายที่นั่งข้างๆก็จับเขาไว้

          "ไม่...เดี๋ยวฉันลงไปเอง" ชายผู้นี้ปลดเข็มขัดนิรภัยของเขาออก จากนั้นก็ค่อยๆเปิดประตูลงมาจากรถตู้
           เขามองซ้ายมองขวาไม่มีสิ่งใดผิดปกติ มีเพียงความมืดมิดและแสงไฟจากรถเพียงเท่านั้น เขารวบรวมความกล้ามองขึ้นไปบนหลังคารถ

           แต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ.....

           ชายหนุ่มยิ้มให้กับคนขับรถ "ไม่มีอะไรผิดปกติ"
           คำตอบนั้นทำให้คนขับรถเบาใจลงมาก ทั้งสองรู้สึกดีที่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขาคิดเป็นแค่เรื่องตกใจไปเอง ที่จริงเสียงนั้นอาจจะเป็นหนูไม่ก็อะไรในรถก็ได้เพียงแต่พวกเขาตกใจกันไปเอง
           ซึ่งความคิดพวกนั้น.....เป็นความคิดที่ผิด


           "อ้ากกก!!!" ชายที่ลงไปจากรถจู่ๆก็ร้องลั่นและถูกดึงขึ้นไปและหายไปชั่วพริบตา

           คนขับรถมองตาค้าง เพียงพริบตาเดียวที่เพื่อนของเขาก็หายไป เขาก็รู้สึกหวาดกลัวจนใจแทบจะวายอยู่แล้ว
           "นี่นาย ยังอยู่รึเปล่า!?" คนขับรถตะโกนออกไปหวังที่จะได้ยินเสียงเพื่อนเขาตอบกลับมา แต่ว่าก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ...

           "ฉะ...ฉันขอไปก่อนนะ" คนขับรถกลับมาบิดกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ 
           และเมื่อเขาหันไปมองกระจกด้านซ้าย

          ก็พบกับสัตว์ประหน้าตาคล้ายคลึงกับกิ้งก่ากำลังเกาะอยู่หน้ากระจก พร้อมกับมีศพของเพื่อนของเขานอนกองอยู่ที่ริมกำแพง

           "ว้าาา!!!" คนขับรถสะดุ้งตกใจอย่างสุดชีวิต เขารีบเคลื่อนไปที่ประตูอีกบานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็วและคลานออกจากรถ "เมื่อกี้มัน...ตัวอะไรน่ะ ?"

           "โห หนีออกมาจากรถแบบนี้คิดว่าตัวเองฉลาดมากสินะ" เสียงลึกลับดังก้องไปทั่วอุโมงค์ลับแห่งนี้
           ชายคนขับรถรู้สึกหวาดกลัวเขากวาดสายตามองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบสิ่งใด พอมองขึ้นไปบนหลังคารถก็ไม่เห็นมีตัวอะไรอยู่บนนั้น แต่เขากลับรู้สึกได้ถึงลมหายใจของบางสิ่ง...ใกล้ๆกับตัวเขา

           "มองไปทางไหนของแก จริงสิ เมื่อกี้มองผ่านกระจกทำให้มองเห็นสินะ งั้น..." บางสิ่งบางอย่างที่โปร่งใสด้านหน้าของคนขับรถเริ่มกลับมาเป็นตัวเป็นตนอีกครั้ง มันเป็นสัตว์ประหลาดตัวเดียวกับที่คนขับรถเห็นเมื่อก่อนหน้านี้ รูปร่างของมันเหมือนกับกิ้งก่าสายพันธ์คาเมเลี่ยน ผิวหนังเป็นเกล็ดสีเขียวมีตุ่มจุดอยู่ตามตัว

           "สะ...สัตว์ประหลาด!!" คนขับรถร้องออกมาด้วยความกลัว

           "ผิดแล้ว ข้าน่ะคือผู้พิทักษ์ความยุติธรรมต่างหาก" คาเมเลี่ยนยกมือขวาของมันขึ้นเหนือหัว
           "ตายซะเถอะ!" มันตะปปหน้าของชายคนขับรถอย่างรุนแรง เพียงครั้งเดียวก็ทำให้คอของเขาหมุนรอบ 360 องศา ขาดใจตายไปในทันที

           เมื่อจัดการกับคนขับรถทั้งสองคนลงได้แล้ว ปิศาจกิ้งก่าคาเมเลี่ยนก็เดินมาอยู่หลังรถตู้
           "ขอเอาของสิ่งนี้ไปล่ะนะ!" มันใช้มือทั้งสองแทรกเข้าไปรูช่องตรงกลางและใช้แรงทั้งหมดกระชากประตูออกมา


    ปังๆๆๆๆๆๆ

           ห่าฝนกระสุนปืนจำนวนมากพุ่งเข้าใสร่างของสัตว์ประหลาด ทำให้มันเสียจังหวะไปชั่วพริบตาหนึ่ง ชายที่อยู่รอคอยมันด้านหลังรถกำลังถือปืนกลขนาดเล็กและนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ 
    เมื่อกระสุนปืนหยุดลง คาเมเลี่ยนก็สามารถมองเห็นหน้าของบุคคลที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างชัดเจน "กะ..แกมัน อุทาโอชิ เคนโก งั้นเรอะ!?"

           "ลอสท์ ที่พวกแกเข้าโจมตีรถขนส่งคันนี้เป็นเพราะต้องการของที่อยู่ในกระเป๋าใบนี้" ชายในรถตู้โชว์กระเป๋าใบนั้นให้คาเมเลี่ยนเห็นชัดๆ "...หรือว่าพวกแกหลงคิดว่านี่เป็นการขนส่งไกอาเมมโมรี่กันล่ะ!?"

           "หุปปากซะ ไม่ว่าทางไหนหากสามารถมาใช้ประโยชน์กับพวกเราได้ สิ่งนั้นข้าก็จะขอรับไปล่ะ!" คาเมเลี่ยนคำราม
           "แกเป็นนักวิทยาศาสตร์จากลิฟท์โคจรสินะ งั้นแปลว่าการวิจัย Cosmic Energy(พลังงานคอสมิค) ก็คืบหน้าไปมากแล้วสินะ"

           "ถึงจะคืบหน้าไปมากแค่ไหนก็ไม่ยอมมอบให้กับพวกแกหรอกน่า!" เคนโกบิดคันเร่ง และขับมอเตอร์ไซค์พุ่งออกจากรถตู้ ผ่านลอสท์คาเมเลี่ยนไปในทันที และหันกลับไปบอกกับมันว่า
           "ขอตัวก่อนล่ะ หวังว่าคงจะไม่เจอกันอีกนะ!" 

           "แกคิดว่าจะหนีลอสท์อย่างข้าพ้นงั้นเรอะ!" คาเมเลี่ยนตะโกนกลับ
           "ถ้าจะให้ดีระวังข้างหลังไว้ด้วยก็ได้นะ" เคนโกพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเร่งความเร็วของมอเตอร์ไซค์ไป

           "ข้างหลังงั้นเรอะ ?" คาเมเลี่ยนหันกลับไปมองด้านหลังของตัวเอง พบว่าในรถตู้คันนี้ได้มีการติดตั้งระเบิดเวลาไว้ และเหลืออีกเพียง 5 วินาที ก็จะระเบิด
           "แกนะแก!!" สัตว์ประหลาดกิ้งก่าคำรามและรีบวิ่งตามเคนโกไปในทันที แต่ว่าเวลาก็หมดลง....


    ตู้มมม!!!

           เกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ผลจากแรงระเบิดทำให้คาเมเลี่ยนถูกเปลวไฟของมันมอดไหม้ไปพร้อมกันด้วย
           อุโมงค์แห่งนี้ก็เริ่มพังตัวลงอย่างรวดเร็ว เคนโกขับมอเตอร์ไซค์ออกไปจากที่แห่งนี้ด้วยความเร็ว และสามารถออกมาจากที่นั่นได้ก่อนที่จะถล่ม

           "สมกับเป็นรถที่ใช้พลังงานใหม่แรงขับเคลื่อนดีมาก แต่ว่า..." จู่ๆรถมอเตอร์ไซค์ของเคนโกก็ดับกลางคันระหว่างอยู่บนถนน "..พลังยังไม่เสถียรทำให้ใช้พลังงานหมดค่อนข้างเร็ว ต้องแก้ไขจุดนี้อีกมากสินะ"
           ชายในชุดขาวหันกลับไปมองลิฟท์วงโคจรที่อยู่ใจกลางเมือง "ต้องกลับไปสินะ"

           เคนโกลงจากรถและเดินไปตามทางเพื่อมุ่งหน้าสู่จุดหมาย ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ของเขาก็ระเบิดพังลงไป

           ที่ซากปรักหักพังของอุโมงค์มือของสัตว์ประหลาดร่างสีเขียวผุดออกมาจากซากคอนกรีตที่ล้มทับใส่มัน
           "แกทำได้แสบมากเลยนะ อุทาโฮชิ เคนโก!!" คาเมเลี่ยนกำหมัดแน่น และกัดฟันอย่างแค้นเคืองที่สุด "จะเอาคืน...เป็นร้อยเท่าเลย คอยดูสิ!"

           และนี่คือ...จุดเริ่มต้น...ของชะตากรรมของเด็กชายคนหนึ่ง...

    .
    .
    .
    .


    เอเรีย 1  ร้านสะดวกซื้อ  เวลา 13.24 น.

           ในร้านสะดวกซื้อภายในเมืองฟูโตะ เอเรีย 1 ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังสนุกกับการซื้ออาหารของโปรดเขา
           "อืม...รสต้มยำ 10 ถ้วย  รสหมูสับ 10 ถ้วย  รสพริกไทยดำ 10 ถ้วย  รสซีฟู้ด 10 ถ้วย เท่านี้ก็เรียบร้อย!" เขาหยิบบะหมี่ถ้วยถึง 40 ถ้วยใส่ลงตระกร้าและนำไปคิดตังค์ที่เคาน์เตอร์

           "โห น้องครับ นี่เอาไปให้ใครกินบ้างน่ะครับ ?" แคชเชียร์ถาม

           "ก็แน่อยู่แล้ว ก็ต้องเอาไปทานเองสิ!" ชายหนุ่มตอบแบบหน้าด้านๆ

           "เยอะขนาดนี้ แต่ถึงแบบนั้นสารอาหารก็ม่ครบนะ...เอาเถอะ" แคชเชียร์ยอมจำใจคิดตังค์ให้กับเด็กชายคนนี้ ถึงแม้จะรู้ว่าเอาเงินที่ใช้ซื้อพวกบะหมี่พวกนี้ ไปซื้ออาหารที่คุณค่าทางโภชนาการได้มากกว่านี้แท้ๆ "ทั้งหมด 4000 เยนครับ" 

           "อืม 4000 เยนสินะ" ชายหนุ่มหยิบแบงค์พันเยน 4 ใบออกมายื่นให้กับแคชเชียร์และนำบะหมี่ถ้วยทั้งหมดออกไปจากร้าน 

           "นี่เจ้าเด็กนั่นมันเอาเงิน 4000 เยนไปซื้อพวกของดีๆกว่านี้จะไม่ดีกว่าเรอะ ?" แคชเชียร์อีกคนถาม
           "ไม่รู้สิ สงสัยบ้านเด็กนั่นคงจนมากน่ะ ซื้อแต่บะหมี่ถ้วย" แคชเชียร์ตอบ

           ชายหนุ่มเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข จนกระทั่งมีโทรศัพท์ดังเข้ามา ขเาจึงรับสายนั้น "ครับ พี่เรอะ ?"

           "อากิจัง คือวันนี้พี่อาจจะกลับดึก ดังนั้นเข้านอนได้เลยนะไม่ต้องรอพี่ แล้วก็ฝากดูแลบ้านด้วยล่ะ!" พี่สาวของเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
           "ครับๆ ยังไงก็กลับมาไวๆด้วยล่ะ" ชายหนุ่มตอบ

          "จ้ะ แค่นี้นะ" พี่สาวของเขาตัดสายไป
          "ยะฮู้!!" ชายหนุ่มกระโดดร้องดีใจกลางถนน "วันนี้พี่กลับช้า เราก็ไปเล่นเกมได้นานเลยนะซี้!" ถึงจะแปลกจนมีคนมากมายหันมามองเขา แต่ว่าชายหนุ่มก็หาได้สนใจไม่

           "โยชิอิ อากิฮิสะ วันนี้จะขอเล่นเกมให้เต็มที่ไปเลย!" เขาตะโกนดังลั่นไปทั้งถนนแห่งนั้น

           เมื่อนั้นก็มีรถจักรยานคันหนึ่งขับผ่านเขาไปอย่างรวดเร็วซะจนเขามองไม่ทัน
           "โห หมอนั่นเร็วดีแฮะ ไปฝึกมาจากที่ไหนล่ะเนี่ย....ช่างเหอะ เราจะเล่นเกมนั่นคือสิ่งเราตัดสินใจแล้ว ฮ่าๆๆๆ!"

           
    ป้าผู้หญิงด้านหลังแอบกระซิบกับคนข้างๆ "เด็กนั่นถ้าจะบ้าเนอะ" 
           ป้าอีกคนตอบรับ "อืม ใช่ๆ"


    GAME CENTER  เวลา 13.44 น.

           โยชิอิ อากิฮิสะเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดา ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพี่สาวที่คอนโดในเมือง 
           พ่อกับแม่ของพวกเขานั้นทำงานอยู่นอกเขตเมืองฟูโตะ และไม่ค่อยที่จะมาในเมืองนี้ซักเท่าไหร่ แต่จะคอยโอนเงินที่หาได้จากการทำงานมาให้ทั้งสอง พี่สาวของอากิฮิสะทำงานเป็นนางแบบมีรายได้ดี และมักจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ ส่วนเจ้าตัวเป็นคนที่ชอบเอาแต่เล่น ผลการเรียนตกแทบทุกเทอม และชอบทำตัวบ้าๆบอๆ จนพวกเพื่อนๆต่างตั้งฉายาไว้ให้มากมายว่า เจ้าบ้า,เจ้าโง่,Trash(ขยะ) ฯลฯ

           ถึงอย่างงั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ใส่ใจ และชอบนำเงินที่ตัวได้มาไปเล่นเกมหรือไม่ก็ซื้อบะหมี่ถ้วยซึ่งเป็นของโปรดมาทานอยู่เรื่อยๆ "เกมนี้ฉันจะทำให้ได้ที่หนึ่งให้ได้!!" อากิฮิสะหยอดเหรียญเพื่อที่จะเริ่มเล่นเกมยิงซอมบี้
           "ย้ากกก!! เข้ามาเลย เข้ามาเลย!!"

           "เกมต่อไป!" อากิฮิสะมานั่งที่ตุ้เกมขับรถ เขาหยอดเหรียญลงไปและเริ่มเกม
           "ฮ้ากกก!!! อย่ามาขวางทางออกไป ออกไป ฉันมาแล้ว!!"

           "เกมต่อไป!" อากิฮิสะมาที่ตู้เกมต่อสู้ แต่ว่าก่อนที่เขาจะเริ่มเล่นก็มีชายสามคนเดินเข้ามาหาเขา "มีอะไร ?"
           "เห้ย แกน่ะช่วยหุปปากซะทีจะได้มั้ย แกทำให้พวกเรารำคาญเต็มทนแล้วนะ จะบอกให้!" ชายทั้งสามขู่ชายหนุ่ม แต่เขาไม่ได้แสดงท่าทีที่จะกลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย

           "งั้นมาแข่งกันสิ หากฉันชนะน็อคพวกนายสามคนได้พวกนายต้องออกไปจากร้านนี้ แต่ถ้าฉันแพ้แม้แต่คนเดียวก็จะยอมออกไปแต่โดยดี" อากิฮิสะท้า เขาดูมั่นใจว่าตนเองจะต้องชนะมาก "มาสู้กันแบบตัวต่อตัวเลย!"

           "หึ แล้วอย่ามาเสียใจภายหลังล่ะ!" ชายทั้งสามรับคำท้าและเริ่มแข่งสู้กัน ผลก็คือ...


           
    PLAYER 1 WIN

           อากิฮิสะสามารถเล่นเกมเอาชนะชายทั้งสามลงได้อย่างสบายๆ ทำให้พวกเขาทั้งสามคนต้องออกไปจากร้าน
           "ทำใจดีๆไว้ลูกพี่ ลูกพี่ไม่ได้อ่อนแต่เจ้าบ้านั่นมันเก่งเกินไปเท่านั้น" ชายทั้งสามปลอบใจกันเองและเดินออกไปจากร้านด้วยสภาพไร้วิญญาณ

           "เราเนี่ยมันเก่งจริงๆเลย!" อากิฮิสะเก๊ก
           พอเขามองออกไปนอกหน้าต่างร้านก็พบกับชายคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากร้านอาหารข้างๆที่ชื่อ Cous Coussier  กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาเหมือนมองตัวประหลาด
           จนกระทั่งเขาเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนผู้หญิง

           "เจ้านั่นมันมองอะไรนะ ?" โยชิอิทำเป็นไม่รู้เรื่องและเล่นเกมต่อไปอย่างเมามัน

           แต่ว่าเพราะการที่อากิฮิสะชอบเอะอะโวยวายตะโกนลั่นร้านแบบไม่เกรงใจใคร ทำให้คนหลายคนเริ่มทนไม่ไหว แม้แต่เจ้าของร้าน จนทำให้เขาต้องไปคุยกับอากิฮิสะให้รู้เรื่อง
           "นี่เธอน่ะ ช่วยเงียบๆหน่อยได้มั้ยมันรบกวนคนอื่นเขา!"

           "อะ...งั้นเรอะ ขอโทษด้วยครับ จะพยายามลดเสียงลง" ชายหนุ่มตอบกลับไป
           เจ้าของร้านได้ยินดังนั้นก็เบาใจลงและกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงาน แต่ว่าไม่นานนักก็...

           "ยิงเลย! ยิงเลย! จัดการ!! จัดการ!!!!" 

           "พอแล้ว!" เจ้าของร้านหมดความอดทน ทุกคนในร้านก็เช่นกัน จับล็อคตัวชายหนุ่มและขว้างออกไปจากร้าน
           
           อากิฮิสะเงยหน้าขึ้นและลุกขึ้นพร้อมกับปัดฝุ่นที่ติดอู่ที่เสื้อผ้าตัวเองออก
           "อะไรเนี่ย เรื่องแค่นี้ก็มาไล่กันแบบนี้ มันไม่ผิดไปหน่อยรึไง ?" ชายหนุ่มหิ้วถุงที่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเดินไปอย่างอารมณ์เสีย

           ระหว่างที่เดินโดยไม่ดูทางนั้นนั่นทำให้อากิฮิสะได้ไปชนกับชายคนนึงเขาโดยบังเอิญ
           "อะ ขอโทษครับ" ชายหนุ่มกล่าวขอโทษ แต่ชายคนที่อยู่ตรงหน้ากลับล้มลงใส่เขา "อัก...อะไรเนี่ย อยู่ๆจะทำอะไรน่ะ!?"

           เมื่อสังเกตไปที่สภาพของเขาคนนี้ดีๆแล้วพบว่าตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล และไม่ใช่แค่บาดแผลเล็กๆน้อยๆด้วย "เฮ้ นี่นายน่ะ...เฮ้!" 
    อากิฮิสะพลิกตัวของเขาขึ้น เขาคืออุทาโฮชิ เคนโกที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บ

           "แบบนี้คงต้องเรียกรถพยาบาลสินะ!" ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมา แต่ก่อนที่จะกดปุ่มชายในสภาพบาดเจ็บก็จับแขนหยุดเขาไว้ 

           "ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเรียกรถพยาบาลหรอก" เคนโกบอกกับอากิฮิสะ แต่ว่าสภาพแบบนี้เขาอาจจะตายเพราะพิษบาดแผลได้ทุกเมื่อ

           "ไม่เป็นไร บ้าอะไรล่ะ แบบนี้ต้องรีบปฐมพยาบาลไม่ใช่เรอะ ?" อากิฮิสะบอก แต่เขาไม่ใส่ใจ
           "ยังไงก็ตาม ตะ..ตอนนี้ฉันต้องรีบ.." เคนโกพยายามที่จะลุกขึ้น แต่ว่าร่างกายของเขาบาดเจ็บเกินกว่าที่จะเดินคนเดียวไหว

           "เจ็บแบบนั้นอย่าฝืนเลยดีกว่าน่า" อากิฮิสะพยายามเตือน แต่เคนโกก็ไม่ฟังเช่นเดิม
           "โธ่เว้ย ฟังกันบ้างเซ่!" ด้วยความหงุดหงิด ชายหนุ่มจึงเข้าไปแบกชายแปลกหน้าคนนี้โดยที่ไม่ชักถามอะไรมาก "ถึงจะไม่รู้ว่านายเป็นใคร แต่ว่าสภาพแบบนั้นไปไหนก็จะตายเปล่าๆน่า!"

           "ก็บอกแล้วไงว่า ไม่เป็นไร เจ้าบ้านี่!" เคนโกด่าอากิฮิสะ
           "ฉันโดนด่าจนชินแล้วล่ะ!" ชายหนุ่มช่วยแบกชายชุดขาวคนนี้เดินไปทีละนิด แต่ว่ายังไปไม่ถึงไหนก็มีชายผู้หนึ่งมายืนดักหน้าเขาไว้

           "อะไรน่ะ นี่พี่จะมาขวางทำไม ?" อากิฮิสะพูดกับชายตรงหน้า
           "แย่ล่ะสิ ระ..รีบ..รีบหนีเร็วเข้า!" เคนโกบอกกับอากิฮิสะ
           "ฮะ!?"

           "เจอตัวแล้ว...เอาล่ะ ขอเอาคืนเรื่องเมื่อเที่ยงหน่อยก็แล้วกัน" ชายตรงหน้าแลบลิ้นพร้อมกับทำดวงตาขู่ทั้งสอง
           "ฉันขอ..."

           "ได้เวลา...หนีแล้ว!!" ยังไม่ทันที่คาเมเลี่ยนจะพูด 
    อากิฮิสะก็แบกเคนโกขึ้นไหล่และวิ่งหนีในทันที
           "นี่นายจะทำอะไร ทำไมถึงต้องพาฉันไปด้วย ?" เคนโกถามอากิฮิสะที่วิ่งแบบไม่คิดชีวิตพร้อมกับแบกเขาไปด้วย

           "ฉันก็ไม่รู้ ตอนนี้รู้แค่ว่าเจ้านั่นมันต้องไม่ใช่มนุษย์ปกติแน่ๆ!" ชายหนุ่มตะดกนตอบกลับไป
           "วิ่งหนีไปไม่ได้ผลหรอก ไปที่รถที่จอดอยุ่ทางนั้นเร็วเข้า!" เคนโกชี้ไปที่รถที่จอดอยู่โดดเดี่ยวที่ลานจอดรถ อากิฮิสะก็พาไปที่รถคันนั้นตามที่ขอ 

           "นี่นายคิดจะทำอะไรน่ะ ?" อากิฮิสะถามเมื่อเห็นเคนโกกำลังทำอะไรบางอย่างกับรถคันนั้น

           "นี่เป็นรถเช่าอัตโนมัติ รีบๆขึ้นมาเร็วเข้าถ้านายยังไม่อยากตาย!" เคนโกเข้าไปในรถ และเรียกให้อากิอฺสะเข้าไปในรถด้วยแบบงงๆ "จะไปล่ะนะ!"
           เขาสับเกียร์และเหยียบคันเร่งมิด ขับรถพุ่งออกไปด้วยความเร็ว

           "เจ้าบ้านั่น..." ชายผู้นั้นกลายร่างเป็นลอสท์คาเมเลี่ยน พอมันกลายร่างเสร็จก็พรางตัวกลายเป็นร่างโปร่งใส และเคลื่อนที่ติดตามทั้งสองคนไปในทันที

           อากิฮิสะโผล่หน้าหันกลับไปมองด้านหลังก็ไม่พบเห็นใครตามมาแล้ว 
           "ฉันคิดว่าเราปลอดภัยแล้วนะ มันไม่ตามมาแล้ว!"

           "คิดแบบนั้นเรอะ ลองมองที่กระจกมองท้ายรถดีๆสิ!" เคนโกบอกกับอากิอิสะ
           "กระจกมองหลัง ?" ชายหนุ่มมองตามที่เขาบอกก็เห็นว่ามีสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะรูปร่างเหมือนกิ้งก่ากำลังกระโดดปีนตึกตามมาอย่างรวดเร็ว

           "นั่นมันตัวอะไร!?" อากิฮิสะทำส่ายตาตื่นตระหนกและหันกลับมาถามชายที่นั่งข้างๆ
           "นายช่วยหุปปากก่อนได้มั้ย ฉันต้องใช้สมาธิ!" เคนโกว่ากลับไป 

           "ข้างหน้าไฟแดง ข้างหน้าไฟแดง!" อากิฮิสะตะโกนร้องเตือน แต่เคนโกไม่สนใจขับพุ่งตรงไป ถึงแม้ว่านั่นจะทำให้เขาเกือบชนผู้ชายผมสีทองที่กำลังเดินข้ามถนน แต่ดีที่มีชายอีกคนกระโดดเข้าไปช่วยได้ทัน

           "ขอโทษนะ!!" อากิฮิสะโผล่หน้าออกไปตะโกนขอโทษสองคนนั้น

           "ดีนะ ที่ไม่เป็นไร" เคนโกพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
           "นี่นายถ้าคนอื่นๆเป็นอะไรไปนายจะว่ายังไง!?" อากิฮิสะเริ่มโมโหที่เคนโกไม่นึกถึงเรื่องของคนอื่น
           "พูดอย่างกับว่านายดูเป็นคนที่ห่วงคนอื่นนักล่ะ ชีวิตคนเราน่ะมันก็ต้องเอาตัวเองรอดไว้ก่อนเสมอสิ เรื่องอื่นน่ะปล่อยให้มันเป็นยังไงก็ช่างไปเถอะ!"

           "....ถึงฉันจะเรียนไม่เก่ง และอาจจะทำตัวบ้าๆบอๆ แต่ว่า!!" อากิฮิสะทำสายตาดุดันใส่เคนโก
           "ฉันก็จะไม่ยอมให้คนอื่นมารับเคราะห์แบบนี้แน่!"

           "พูดไปเถอะ อย่างนายก็เป็นแค่เด็กที่ยังไม่ประสีประสากับโลกเท่านั้นแหละ" เคนโกพูด จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ขับรถไปนอกเขตตัวเมืองของเอเรีย 1 ไปยังโกดังร้างที่ตั้งอยู่นอกตัวเมือง....


    โกดังร้าง  เวลา 15.48 น.

           เคนโกและอากิฮิสะหนีมาถึงที่โกดังร้างนอกเขตตัวเมือง โดยที่คาเมเลี่ยนก็ตามมาติดๆ
           "นี่จะเอาไงต่อล่ะ...หนีมานี้แล้วช่วยอะไรได้บ้าง ?" อากิฮิสะถามเคนโก

           "นี่คือแผนที่ฉันวางไว้นะ นายน่ะต้องไปล่อเจ้าลอสท์ตนนั้นไว้ แล้วฉันก็จะรีบหนีไป เข้าใจนะ" เคนโกบอกแผน

           "อา...เข้าใจแล้ว...เดี๋ยวเซ่! แล้วจะให้ฉันเป็นนกต่อ ปล่อยให้นายหนีไปสบายๆงั้นเรอะ!?" อากิฮิสะถาม

           "ก็ใช่น่ะสิ ความสำคัญของนายกับฉันมันต่างกัน ฉันเป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ที่สามารถสร้างพลังชนิดใหม่ และยังถูกรับเลือกให้ทำงานอยู่ที่ลิฟท์วงโจร เป็นถึงระดับหัวหน้าของนักวิทยาศาสตร์พวกนั้นด้วย แล้วนายล่ะ..เป้นแค่คนบ้าคนนึงที่ถึงแม้จะมีสัก 10 ชีวิต ก็ยังมีคุณค่าไม่เท่าฉันเลย ถ้าเข้าใจแล้วก็...!!" 
           อากิฮิสะชกหน้าของเคนโกจนตัวปลิวล้มลงไปกับพื้น 

           "แล้วจะยังไงล่ะ!? นายมีความสำคัญมากแล้วมันยังไงล่ะ ชีวิตของคนทุกๆคนมันก็สำคัญหมดนั่นล่ะ!"
           อากิฮิสะตะคอกใส่เคนโก ชายนักวิทยาศาสตร์อึ้งเงียบทำอะไรไม่ถูกเมื่อถูกเด็กท่าทางบ้าๆบอๆคนนึงมาชกหน้า

           "นะ...นาย..นายชื่ออะไร!?" เคนโกใจเย็นลง และถามชื่อของอากิฮิสะ
           "ผมชื่อโยชิอิ อากิฮิสะ" 

           "ฉันชื่ออุทาโฮชิ เคนโก...จริงอย่างที่นายพูด ไม่ว่าชีวิตไหนก็สำคัญทั้งนั้นจริงๆ" เคนโกตั้งกระเป๋าของเขาและใส่รหัส FOURZE ลงไป จากนั้นกระเป๋าก็เปิดออกและมีอุปกรณ์บางอย่างที่มีรูปร่างแปลกๆพร้อมกับมีสวิทซ์ติดตั้งอยู่ถึงสี่ปุ่ม "โยชิอิ อากิฮิสะ เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉันจึงจะยอมให้นายใช้สิ่งนี้สู้กับมันได้!"
           เคนโกยืนของที่อยู่ในกระเป๋าให้กับอากิฮิสะ

           "นี่พี่ชายไม่ใช่คนธรรมดาๆจริงสินะ กะแล้วเชียว!" อากิฮิสะรับของสิ่งนั้นมาอย่างมั่นใจ "วางใจเถอะ ผมจะจัดการเจ้านั่นเอง!"

           ตอนนั้นเองลอสท์คาเมเลี่ยนก็ามเข้ามาในโกดังร้างได้ทันพอดี
           "ปล่อยให้ตามซะนานเลยนะ แต่ว่าที่นี่จะเป็นที่ตายของแก...อุทาโฮชิ เคนโก แล้วก็เจ้าเด็กบ้านี่ด้วย!"

           "ฮะฮ้า คงจะไม่ได้หรอกนะ เพราะตอนนี้ฉันได้พลังที่จะเอาไว้จัดการนายมาอยู่ในมือแล้วไงล่ะ!" อากิฮิสะเดินเข้าไปพร้อมกับอุปกรณ์ในมือที่ได้มาจากเคนโก

           "หรือว่า...อุปกรณ์ที่มาจาก COSMIC ENERGY!" คาเมเลี่ยนเริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับพลังที่เด็กหนุ่มผู้นี้ถือครองอยู่

           "เอาล่ะ จัดการมันเลย!!" อากิฮิสะเล็งอุปกรณ์นั้นไปที่คาเมเลี่ยนหวังที่จะให้มันยิงลำแสงหรือพลังอะไรออกมา....แต่ว่ากลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ...
           "เอ๋...มันไม่ได้ใช้แบบนี้หรอกเหรอ ?"

           "เจ้าบ้านั่นมันเข็มขัด ไม่ใ่ช่ปืน!" เคนโกเหนื่อยใจกับความทึ่มของอากิอิสะ

           "อ้าวเรอะ...แล้วไม่รีบบอก!" ชายหนุ่มสวมเข็มขัดนั้น "เอาล่ะ!!"
           "ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนี่!?"
     
           "กดสวิทซ์ที่ไดร์เวอร์ด้วยสิ!" เคนโกตะโกนบอก

           "อ้อเรอะ!" อากิฮิสะกดสวิทซ์ทั้งสี่ลงไป จากนั้นก็มีเสียงนับถอยหลังจากเข็มขัดดังขึ้น


    THREE

    TWO

    ONE


          "ก็ไม่เห็นมีอะไรออกมาเลยนะ เครื่องเสียรึเปล่า" อากิฮิสะหันกลับไปถามเคนโก
          "สับคันโยกที่ไดร์เวอร์ซะ แล้วก็ชูมือขึ้นฟ้า จากนั้นก็ตะโกนออกมาว่า แปลงร่าง เข้าใจมั้ย!?" เคนโกบอกทุกขั้นตอนที่เหลืออยู่ด้วยความเ็ซ็ง

          "อะ อา!" ชายหนุ่มสับคันโยกที่ไดร์เวอร์และชูมือขึ้นฟ้าพร้อมกับตะโกนออกมา "แปลงร่าง!!"
          ทันใดนั้นแสงประหลาดซึ่งเป็นพลังงานคอสมิคจากอวกาศ ถูกส่งตรงมาที่ร่างของเขา ทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนไปในทันที

          "เอ๊ะ!?" อากิอิสะมองดูร่างกายของตัวเองและจับหน้าของตัวเอง "นี่ใช่ตัวฉันแน่เรอะ ?"
          ชายหนุ่มเปลี่ยนไปสวมเกราะสีขาวแบบนักบินอวกาศ มีหัวเหมือนกับจรวด "นี่มัน..เท่สุดๆไปเลยแฮะ!"

           "นี่คือ โฟร์เซ่ เป็นนักรบรูปแบบใหม่ที่ดึงพลังมาจาอวกาศยังไงล่ะ" เคนโกอธิบาย "ใช้พลังนั่นจัดการมันซะสิ!"

           "ก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอกนะ แต่รู้สึกถึงพลังเต็มเปี่ยมไปทั้งร่างกายเลย"
           "อวกาศมาแล้ว!!!" อากิฮิสะตะโกนดังลั่นไปทั้งโกดัง

           "เลิกเล่นได้แล้ว!!" คาเมเลี่ยนชักจะรำคาญปล่อยลิ้นฟาดโจมตีใส่โฟร์เซ่ในทันที
           "อ้ากก!...เอื้อกก!...อ้ากกก!!" โฟรเซ่เองก็ถูกฝั่งนั้นเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว

           "นี่นายก็ตอบโต้มันกลับไปบ้างสิ!" เคนโกบอกกับอากิฮิสะ

           "ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่ว่าทางนี้ไม่มีอาวุธอะไรจะไปสู้กับมันเลยนะ!" อากิฮิสะแย้งกลับ

           "ใครบอกว่าไม่มีกันล่ะ กดใช้สวิทซ์ที่ไดร์เวอร์ซะสิ" เคนโกแนะนำ
           
           "บะ..แบบนี้เรอะ ?" อากิฮิสะกดใช้งานสวิทซ์สีส้มที่อยู่ทางขวาสุด


    ROCKET ON


           เมื่อกดใช้สวิทซ์ก็มีเสียงใช้งานทันที อนุภาคสีส้มได้ออกมาจากแขนขวาของโฟร์เซ่ สิ่งนั้นคือจรวดขนาดใหญ่
          "ว้าว..ท่าทางดูเจ๋ง...ดีแฮ~~~ะ!!" เมื่อใช้งานไอพ่นที่จรวดก็ทำงานทันที มันรุนแรงมากจนโฟร์เซ่พุ่งเข้าไปหาคาเมเลี่ยน

          หมัดจรวดต่อยเข้ากลางอกของลอสท์และนำพาทั้งคู่ลอยขึ้นไปบนฟ้าและพากลับลงมาที่พื้น


    ตูมม!!!

           "จะแรงไปแล้ว!" โฟร์เซ่รีบดึงสวิทซ์กลับเพื่อปิดการใช้งาน "ไหนๆ ขอลองอันต่อไปดูซิ!"
           เขากดใช้งานสวิทซ์อันต่อมาที่เป็นรูปสี่เหลี่ยมสีน้ำเงิน "อะไรจะออกมานะ!"


    LAUNCHER ON

           เครื่องยิงจรวดปรากฏออกมาที่ขาขวาขิองโฟร์เซ่ "ว้าว เจ๋งดีแฮะ"
           "ยิงได้!!" อากิอฺสะกระทืบเท้าลงครั้งนึง มิซไซล์ห้าลูกก็ถูกปล่อยออกมา แต่ทั้งห้าลูกกลับยิงไม่โดนคาเมเลี่ยนที่เป็นเป้าหมายเลยสักลูก แต่กลับไประเบิดโกดังอย่างบ้าคลั่ง

           "ไหงไม่โดนเลย!?" ชายหนุ่มยืนงง

           "ใช้สวิทซ์ที่อยู่ซ้ายสุดล็อคเป้าหมายมันไว้ก่อนสิ คิดจะทำลายโกดังรึไง!?" เคนโกตะโกนบอก

           "สวิทซ์ซ้ายสุด...นี่น่ะเหรอ ?" โฟร์เซ่กดสวิทซ์รูปสี่เหลี่ยมสีดำลงไป

    RADAR ON

           เมื่อกดใช้เรดาห์ก็ปรากฏออกมาที่แขนซ้ายของโฟร์เซ่
           "เอาล่ะ เท่านี้ก็ยิงโดนแล้ว!" เขาล็อคเป้าหมายไว้ที่ลอสท์กิ้งก่าตรงหน้า "ยิงได้!"

           มิซไซล์ทั้งห้าถูกปล่อยออกไปอีกครั้ง และคราวนี้มันพุ่งตรงเข้าระเบิดใส่คาเมเลี่ยนทุกลูก


    ตู้มม!!

           "ฮะฮ่า โดนแล้ว!!" อากิฮิสะดีใจกับการโจมตีที่เป็นผล
           "เจ้าบ้า อย่ามองทางอื่นสิ!" เคนโกตะโกนเตือน แต่ว่าไม่ทันเมื่อคาเมเลี่ยนหายตัวเข้ามาโจมตีโฟร์เซ่แบบไม่ทันตั้งตัว และขว้างกระเด็นชนกับลังไม้
           "อ้ากกก!!"

           "โยชิอิ อากิฮิสะ!!" เคนโกจะวิ่งเข้าไปช่วยโฟร์เซ่ แต่เขาก็ถูกคาเมเลี่ยนเล่นงานจนสลบไป

           นักรบหัวจรวดใช้ไอพ่นที่หลังพุ่งตัวออกมาจากซากของลังไม้ และพบว่าเคนโกถูกคาเมเลี่ยนจับตัวไว้ "เจ้ากิ้งก่า ปล่อยตัวเขาเดี๋ยวนี้นะ!"

           "เหอะ ถ้าแกอยากจะช่วยเจ้านี้มากล่ะก็ ให้มาที่ฟูโตะทาวเวอร์และพวกเราก็มาแลกของสิ่งนั้นกับเจ้าคนๆนี้กัน ข้าจะรออยู่ที่นั่น!" คาเมเลี่ยนแบกเคนโกกระโดดหายไป

           "เดี๋ยวเซ่!" โฟร์เซ่จะตามไปแต่ว่าก็ไม่ทันเสียแล้ว...
           "โธ่เว้ย!" อากิฮิสะปัดสวิทซ์ทั้งหมดขึ้น นั่นทำให้เขากลับคืนร่างเป็นมนุษย์ตามเดิม "แบบนี้...ก็คงต้องไปเท่านั้น!"

           อากิฮิสะตัดสินใจเช่นนั้นและเขาก็หยิบกระเป๋าพร้อมกับวิ่งไปยังสถานที่นัดหมายทางเหนือ....


    .
    .
    .
    .


    ฟูโตะทาวเวอร์  เวลา 17.04 น.

           ที่ฟูโตะทาวเวอร์ กังหันลมขนาดใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองแห่งสายลมนี้
           ลอสท์คาเมเลี่ยนได้แขวนร่างของนักวิทยาศาสตร์ไว้จุดกึ่งกลางของกังหันลม รอคอยเวลาที่เด็กหนุ่มจะนำสวิทซ์แห่งพลังคอสมิคมาแลกตัวกับชายคนนี้

           เพียงแต่ว่าเวลาก็ผ่านไปมากแล้ว...แต่ยังไม่มีวี่แววของอากิฮิสะเลย...
           "นี่เวลาก็ผ่านมามากแล้วนะ...เจ้าเด็กนั่น มันไม่คิดจะมาแล้วหรือไง ?" คาเมเลี่ยนบ่นพึมพำ

           "ของมันแน่อยู่แล้ว...เจ้านั่นน่ะได้รับพลังที่สุดยอดไม่เหมือนไปเชียวนะ คงไม่มีทางเอาของแบบนั้นมาแลกกับคนๆเดียวหรอก มนุษย์น่ะก็เป็นแบบนี้ล่ะ...หากได้รับพลังไป ไม่ว่าใครก็ต้องเปลี่ยนไป!" เคนโกบอกกับคาเมเลี่ยน
           "หุปปากไปซะ!" ลอสท์ใช้ลิ้นฟาดไปที่บาดแผลของเขาทำให้ปากแผลเปิดกว้างขึ้น

           "ต่อให้เจ้านั่นจะมาหรือไม่มา ไม่ว่ายังไงชีวิตของแกก็ต้องจบลงที่นี่อยู่ดี...และถ้ายิ่งเจ้านั้นมา ข้าก็จะนำพลังนั่นมาเป็นของข้าเอง เท่านี้ก็จะไม่มีใครที่จะมาเทียบเคียงพลังของข้าได้อีกต่อไป!" คาเมเลี่ยนห้อยตัวลงมาในระดับเดียวกับเคนโก "หากมีอะไรอยากสั่งเสียก็เชิญพูดมาได้ตามสบายนะ ก่อนที่จะไม่มีโอกาส"

           "เสียใจด้วยนะ คนอย่างฉันน่ะไม่มีอะไรจะพูดกับคนอย่างแกหรอก!" เคนโกตอบกลับ

           "ทำเป็นอวดดี อีกไม่นานชีวิตของแกก็จะจบลงแล้วล่ะ เตรียมใจไว้แล้วสินะ!" มือของคาเมเลี่ยนพร้อมที่จะทะลวงเข้าสู่หัวใจของนักวิทยาศาสตร์ในอีกไม่กี่อึดใจ
           "ตายซ...!"

           "เฮ้ย!!" เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งด้านล่าง หยุดมืออขงคาเมเลี่ยนไว้
           "ฉันมาตามสัญญาแล้ว!" อากิฮิสะมาที่นี่ตามที่ลอสท์นัดไว้พร้อมกับกระเป๋าที่ใส่แหล่งพลังคอสมิค

           "เจ้าบ้านั่น..." เคนโกประหลาดใจที่อากิฮิสะยังมาเพื่อช่วยเขา
           "โห ในที่สุดก็มาแล้วสินะ" คาเมเลี่ยนกระโดดลงไปด้านล่างและคืนร่างกลับเป็นร่างมนุษย์ เพื่อเจรจากับเด็กหนุ่ม "มาช้ากว่าที่คิดนะ แต่ว่าก็ยังดีกว่าไม่มา"

           "ฉันมาตามสัญญาแล้ว ปล่อยตัวเขาเดี๋ยวนี้!" อากิฮิสะบอกกับคาเมเลี่ยน

           "ได้สิ แต่ว่าแกจะต้องส่งกระเป๋านั่นมาให้ฉันก่อน!" คาเมเลี่ยนแบมือรอรับของจากเขา
           อากิฮิสะไม่พูดอะไรและโยนกระเป๋าให้กับมันทันที 

           "เท่านี้ข้าก็ได้รับพลังที่สุดยอดมาแล้ว ฮะๆฮ่า!" ปิศาจกิ้งก่ารับกระเป๋านั้นมาและใส่รหัส FOURZE ลงไป ทำให้ตัวล็อคกระเป๋าเปิดออก แสงสีฟ้าที่อยู่ภายในนั้นชวนให้มันหลงใหล
           "ข้าขอรับ...พลังนี่ไปล่ะ!" คาเมเลี่ยนเปิดกล่องออก!!

           แต่มันก็พบเพียงความว่างเปล่า....

           "บ้าน่าทำไม....หรือว่า!?" ก่อนที่คาเมเลี่ยนจะรู้ว่าตัวเองโดนหลอก อากิฮิสะก็วิ่งตรงเข้าหามันพร้อมกับเสียงนับถอยหลังของไดร์เวอร์


    THREE

    TWO

    ONE


           "แปลงร่าง!!" อากิฮิสะสับคันโยกและชูมือขึ้นฟ้า
           ทันใดนั้นแสงและควันก็ปรากฏขึ้นพลังคอสมิคจากอวกาศได้เปลี่ยนร่างของเด็กหนุ่มไปเป็น โฟร์เซ่ พร้อมกับกดสวิทซ์สีส้ม


    ROCKET ON

           "อวกาศมาแล้ว!!!" หมัดจรวดของโฟร์เซ่ต่อยใส่ท้องของลอสท์พาร่างมันขึ้นไปบนฟ้า จากนั้นเขาก็ปล่อยให้มันตกลงไป ส่วนตัวเขาบินไปช่วยนักวิทยาศาสตร์ที่ติดอยู่ที่กลางกังหันลมขนาดยักษ์
           "ขอโทษที่ช้า มัวแต่นั่งวางแผนว่าจะทำยังไงดีอยู่น่ะ"

           "ก็ไม่ได้ขอให้มาช่วยซะหน่อย!" เคนโกตอบกลับอย่างเย็นชา "เกือบจะต้องเสียเข็มขัดไปแล้ว"

           "คนเขาอุตส่าห์มาช่วยแท้ๆ ไม่คิดแม้แต่จะขอบคุณเลยรึไง ?" อากิฮิสะทักท้วง

           "ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ขอให้มาช่วย คำขอบคุณอะไรนั่นน่ะไม่มีหรอก!" เคนโกพูดแบบเย็นชาเช่นเดิม
           "...แต่ว่านายก็ฉลาดกว่าที่ฉันคิดไว้นะ"

           "อืม.." อากิฮิสะรู้สึกตะหงิดๆกับคำพูดนั้น "เดี๋ยวเมื่อกี้ชมหรือด่าน่ะ ?"
           "ทั้งสองอย่างแต่ชมแค่ 10 % ส่วนด่า 90% น่ะ" เคนโกตอบ

           "พวกแก!!" คาเมเลี่ยนคำราม และกระโดดปีนตามโฟร์เซ่และเคนโกขึ้นมาด้านบน
           "พวกแกจะต้องชดใช้สิ่งที่ทำกับฉัน!"
     
           "เอางั้นเรอะ งั้นก็จะจัดให้ตามที่ขอล่ะนะ!" นักรบสีขาวชุดนักบินอวกาศชูหมัดตรงไปที่คาเมเลี่ยน
           "มาสู้กันแบบตัวต่อตัวเลย!!"

          "ว้ากกก!!!" คาเมเลี่ยนแลบลิ้นฟาดใส่โฟร์เซ่ เขากระโดดหลบด้วยไอพ่นที่หลัง แล้วเข้าไปใช้หัวกระแทกใส่มัน จากนั้นก็จับตัวมันกระโดดลงไปจากกังหันลม
           "นี่แก...คิดจะฆ่าตัวตายรึไง!?"

           "ใครบอก คนที่จะโดนจัดการมีแค่นายคนเดียว!"  อากิฮิสะพลิกตัวกลับและเตะคาเมเลี่ยนลงไป ส่วนตัวเองใช้ไอพ่นที่หลังบินค้างอยู่กลางอากาศ

           "หนอยแน่ะแก!" คาเมเลี่ยนกัดฟันแน่น มันใช้ลิ้นรัดฟูโตะทาวเวอร์และดีดตัวกลับขึ้นไปบนอากาศ
           "อย่ามาดูถูกฉันคนนี้นะ"

           "โยชิอิ อากิฮิสะ!" เคนโกตะโกนเรียกอากิฮิสะเพื่อที่จะให้คำแนะนำกับเขา "หากนายสับคันโยกนั่นเวลาที่ใช้สวิทซ์อยู่ด้วยล่ะก็ มันจะช่วงเร่งพลังของสวิทซ์ออกมาทั้งหมดได้นะ"

           "งั้นเรอะ...จะลองดูก็แล้วกันนะ!" โฟร์เซ่กดใช้สวิทซ์สีส้มข้างขวาสุด


    ROCKET ON

           โฟร์เซ่ใช้จรวดบินหลบการโจมตีกลับของคาเมเลี่ยนขึ้นไปบนท้องฟ้า
           "แล้วนี่มันทำอะไรได้นะ ?" อากิฮิสะกดใช้งานสวิทซ์สีเหลืองที่อยู่อันที่สามนับจากทางขวา


    DRILL ON

           ขาซ้ายของโฟร์เซ่เกิดอนุภาคสีเหลืองออกมา แล้วก็มีสว่านปรากฏขึ้น
           "เจ๋งไปเลย เอาล่ะนะ!" เด็กหนุ่มทำตามที่เคนโกบอก เขาสับคันโยกที่ไดร์เวอร์อีกครั้งเพื่อใช้พลังสูงสุดของสวิทซ์


    ROCKET  DRILL

    LIMIT BREAK

           "ROCKET DRILL
    KICK!!" โฟร์เซ่พุ่งลงมาด้วยความเร็วสูง แล้วใช้ขาสว่านแทงใส่คาเมเลี่ยนกลางอากาศ "ย้ากกกก!!!"

           "บะ..บ้าที่สุด!!" คาเมเลี่ยนถูกเตะทะลุร่างของมันไปและก็ระเบิดไปกลางอากาศ


    บรึ้มมม!!!!
     
           โฟร์เซ่พุ่งลงมาที่พื้นหมุนตัวเป็นควงสว่านก่อนที่จะหยุดไว้ได้ "เรานี่ก็เก่งไม่เบาเลยแฮะ!"

           เคนโกมองลงมาที่โฟร์เซ่ที่ทำเป็นเท่หลังจากที่จัดการลอสท์ลงได้ "เหอะ ทำได้แล้วสินะ"
           อากิฮิสะหันกลับไปหาเคนโกและชูสองนิ้วให้เขา

           หลังจากนั้นเคนโกก็นำโฟร์เซ่ไดร์เวอร์และสวิทซ์คืนมาจากอากิฮิสะ ทั้งสองได้ไปยังลิฟท์วงโคจร....


    หน้าลิฟท์วงโคจร  เวลา 18.04 น.

           ทั้งคู่หลังจากที่ผ่านเรื่องอะไรต่างๆมาตลอดทั้งวัน ในที่สุดเคนโกก็กลับมาถึงที่ทำงานของเขา
           "เท่านี้เรื่องของวันนี้ก็คงจะจบแล้วล่ะนะ" เคนโกพูด

           "เหนื่อยทั้งวันจริงๆน้า ทั้งหนีเอย สู้กับสัตว์ประหลาดเอย แต่ว่าก็สนุกสุดไปเลยล่ะ!" อากิฮิสะพูด

           เคนโกเห็นเด็กหนุ่มที่ดูไม่ได้กลัวหรือรู้สึกเจ็บแค้นที่ต้องไปพัวพันกับเรื่องอันตรายเลย เขาจึงตัดสินใจบางอย่าง    
           "โยชิอิ อากิฮิสะ ฉันจะขอมอบสิ่งนี้ให้กับนาย!" เคนโกมอบกระเป๋าที่ใส่โฟร์เซ่ให้กับเด็กหนุ่ม "ขอให้นายใช้มันในสิ่งที่ถูกต้องด้วย"

           "ดะ..ดะ..เดี๋ยวสิ นายบอกว่าจะให้ฉันใช้แค่ชั่วคราวไม่ใช่เรอะ  แล้วไหงเอามาให้ฉันง่ายๆงี้ล่ะ ?" อากิฮฺสะงง
           "ฉันคิดว่านายเป็นคนที่มีคุณสมบัติที่จะใช้มัน รับไปเถอะ!" เคนโกพยายามพูดหว่านล้อม

           "จริงอยู่ที่มันดูเท่และสุดยอดล่ะนะ แต่อยู่ๆจะให้ไปเป็นฮีโร่มันก็ยังๆอยู่นะ" เด็กหนุ่มยังไม่มั่นใจ

           "ก็จงสู้สิ สู้เพื่อหาคำตอบนั้น สู้เพื่อหาว่าสิ่งสำคัญสำหรับนายนั้นคืออะไร" นักวิทยาศาสตร์ยังคงยืนยันที่จะมอบของสิ่งนี้ให้กับเขา เด็กหนุ่มจึงรับมาด้วยความไม่เต็มใจ
           "แล้วนายล่ะ จะทำยังไงต่อไป ?"

           เคนโกมองขึ้นไปบนท้องฟ้า "ฉันจะกลับขึ้นไปบนอวกาศ จะไปสร้างสวิทซ์ที่จะช่วยเป็นพลังให้กับโฟร์เซ่ต่อไป จงเก็บกระเป๋าใบนี้ไว้ดีๆล่ะ เพราะมันสามารถช่วยฟื้นฟูสภาพของไดร์เวอร์เมื่อเสียหายได้ และมันยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบในอวกาศ ทำให้สามารถรับสวิทซ์ใหม่ๆได้ผ่านทางกระเป๋าใบนี้"

           "งั้นเรอะ...นี้มันสำคัญขนาดนั้นเลย ?" อากิฮิสะยังคงงงๆแต่ว่าเขาก็ยอมรับไว้
           "แล้ว...ผมจะต้องทำยังไงต่อ ?"

           "ก็.." เมื่อนั้นก็มีรถคันนึงขับมาจอดใกล้ๆกับทั้งสอง และมีหณิงสาวคนนึงลงมาจากรถ
           "มาแล้วเรอะ เร็วจริงนะ"

           "ใครอ่ะ ?" เด็กหนุ่มถาม

           "ก็คนที่จะมารับนายไงล่ะ" เคนโกตอบ

           "ขอโทษที่มาช้านะ เคนโกคุง ทางนี้เองก็มีปัญหาต้องแก้ไขเยอะอยู่น่ะ แต่ว่าก็มารับเด็กคนที่เธอบอกแล้วล่ะ" หญิงสาวพูด

           "งั้นก็ช่วยรับเจ้านี้ไปเลยละกัน ฉันจะขอกลับอวกาศแล้วล่ะ" เคนโกผลักอากิฮิสะไปหาพี่สาวตรงหน้า
           ส่วนตัวเองหันหลังกลับเดินตรงไปยังลิฟท์วงโคจร แล้วเข้าไปข้างในเพื่อขึ้นไปยังอวกาศ....

           "เออ....แล้วต่อไปผมต้องทำอะไร ?" อากิฮิสะหันมาถามผู้หญิงที่มารับเขา

           เธอยิ้ม "เอาเป็นว่า เธอไม่ได้เป็นคนเดียวที่ได้เจอเรื่องแบบนี้จะพอเข้าใจมั้ยล่ะ ?"
           "เอ๋!?" เด็กหนุ่มทำหน้าเหว่อ คิดว่าพี่สาวคนนี้พูดเล่นแต่ว่าเขาก็ต้องยอมรับความจริงว่า....เขานั้นไม่ใช่คนเดียวที่ถูกชะตากรรมนำพา.....



     
    .................... TO BE CONTINUE ....................



     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×