ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Hero-the First
100 วันก่อนหน้าที่สรวงสวรรค์จะล่มสลาย
ที่ไหนสักแห่งบนโลก
แย่ล่ะสิ แย่ล่ะสิ แย่ล่ะสิ
วันนี้เป็นวันแรกที่สมาชิกใหม่ขององค์กร ทุกคนจะได้ออกไปทำภารกิจแรก
แต่ว่าเมื่อคืนสมาชิกของหน่วยผมดื่นกันหนักไปหน่อย
ตอนแรกผมก็ไม่ได้ร่วม แต่จนแล้วจนรอดก็ถูกลากไปร่วมวงด้วย
แล้วผมก็ถูกเพื่อนของผมมอมเหล้า แล้วปล่อยให้แฮงก์ค้างจนตื่นสาย
แถมทุกคนยังใจดีไม่ปลุกผมและทิ้งผมไว้ แล้วไปกันก่อน
เฮ้อ..ถ้าตอนนั้นไม่บังเอิญเลือกผิดว่าจะลงแผนกวิทยาศาสตร์ แต่ไปลงหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษแทน ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแท้ ๆ
แต่ระหว่างที่ผมกำลังวิ่งอยู่นี้ เป็นเพราะมัวแต่ไปคิดเรื่องอื่น จนตอนนี้ผมหลงอยู่ที่ไหนของฐานทัพแล้วก็ไม่รู้
เพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้เดือนเดียว ก็เลยยังไม่คุ้นชินกับที่นี่ แถมที่นี่เองก็ใหญ่มากด้วยล่ะนะ
"อา เอาไงดีเนี่ย ?"
ผมมองซ้าย-มองขวาสลับไปมาไม่รู้กี่รอบตั้งกี่รอบ แต่ตอนนี้ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าที่นี่คือที่ไหน
"นี่เธอน่ะ กำลังหลงทางอยู่ใช่ไหม ?"
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ดังมาจากด้านหลัง ผมไม่รู้ว่าเธอมาตั้งแต่เมื่อไรเพราะตอนที่ผมมองทางอยู่เมื่อกี้ผมยังไม่เห็นเธอเลย
"อา จริงด้วย เด็กใหม่สินะ" เธอเดินเข้ามาใกล้ผม
เธอเป็นผู้หญิงที่ดูอายุมากกว่าผมสักหนึ่ง-สองปี
มีผมสีน้ำตาลไว้ทรงหางม้ามัดด้วยริบบิ้นสีขาว อยู่ในชุดเครื่องแบบหญิงขององค์กร แต่ชุดเครื่องแบบตามปกติจะเป็นสีดำ แต่ของเธอจะออกสีแดงกับชมพู
"ไหน ๆ หน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษ 4 ยูกิ โจจิ" เธอรู้จากการอ่านป้ายชื่อบนปกเสื้อของผม "อ๋อ กำลังหาห้องปฏิบัติการณ์อยู่สินะ เดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวา จากนั้นเธอก็น่าจะเจอห้องที่คุ้น ๆ ตาหน่อยแล้วล่ะ"
"อะ ขอบคุณครับ" เมื่อรู้เส้นทางผมก็รีบไปตามที่บอก
ระหว่างที่กำลังวิ่ง ผมก็หันกลับไปมองเธอ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น..
ในที่สุดผมก็มาถึงห้องปฏิบัติการณ์ ดีที่ยังมาในช่วงต้น แถมพวกหัวหน้าก็กำลังยุ่งกับการอธิบายเนื้อหาของภารกิจอยู่เลยไม่ได้สังเกตผม
ผมเข้าไปรวมกับหน่วยของผมที่ต่างทำหน้าระรื่นที่เห็นผมมาสาย
"ฮะ ๆ ๆ มาจนทันจนได้นะ แบบนี้ฉันก็ชนะสิ"
"โธ่เว้ย โจจิ นายไม่น่ามาทันเลย ฉันแพ้เลยเนี่ย"
ดูเหมือนเพื่อนร่วมหน่วยของผมจะพนันกันไว้ว่าผมจะมาทันรึเปล่า
ก็ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนที่ไว้ใจผมว่าจะมาไม่ทันด้วยละกัน
ผมรีบเลิกสนใจพวกเพื่อน ๆ แล้วฟังเนื้อหาของภารกิจแรกที่หัวหน้ากำลังพูด ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไร แต่เมื่อฟังเรื่อย ๆ ก็เริ่มจับต้นชนปลายอยู่
เนื้อหาของภารกิจเกี่ยวข้องกับมณีแห่งบาปเจ็ดประการ ผมก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรเกี่ยวกับพวกนั้นมาก ที่รู้คร่าว ๆ จากที่หัวหน้าอธิบายคือเดิมทีมณีเหล่านั้นจะอยู่ในภาชนะ ที่เป็นของต่างกันเจ็ดชนิด ซึ่งแฝงไปด้วยพลังมหาศาลเกินจินตนาการ ว่ากันว่าเกิดสงครามเล็ก ๆ ในมุมมืดของโลกในการแย่งชิงภาชนะเหล่านั้น
แล้วในภายหลังภาชนะเจ็ดชิ้นก็ได้มารวมกันเป็นหนึ่งแล้วกำลังจะคืนสู่สภาพที่แท้จริง ทว่าก็ถูกทำลายไปโดยผู้ขัดต่อการคงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า
สาเหตุที่โลกในตอนนี้ยังเป็นเหมือนปกติก็อาจจะเพราะแบบนั้น
แต่ที่บอกว่าทำลายนั้นก็ยังไม่ถูกเสียทีเดียว
ภาชนะเป็นเพียงเปลือกนอกของขุมพลังอันมหาศาล ที่จริง ๆ แล้วเป็นเม็ดมณีที่อยู่ข้างในต่างหาก
ตอนที่ภาชนะถูกทำลาย มณีทั้งเจ็ดได้กระจัดกระจายไปที่ต่าง ๆ ปัจจุบันไม่มีใครทราบที่ที่พวกนั้นตกลงไป
จนกระทั่งตอนนี้..
สายขององค์กรที่คอยสืบเรื่องของมณีอยู่นั้นรายงานเข้ามาว่ามีการค้นพบแหล่งที่ตกลงไปแล้ว
แต่ที่น่าแปลกคือที่รายงานมานั้นมีมากกว่าสิบที่ แถมยังเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
หัวหน้าไม่ได้อธิบายว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น ที่พอรู้ก็คือเหมือนสายจะไม่สามารถยืนยันได้ว่าที่แห่งไหนเป็นที่ที่มณีตกลงไปจริง ๆ ได้ เพราะทุกที่พวกเขาเข้าไปสืบมีความเป็นไปได้ที่สูงว่าจะเป็นแหล่งตกของมณีตามเครื่องวัด แต่ก็น่าแปลกที่จู่ ๆ มีพลังงานปะทุขึ้นมาจากมณีหลาย ๆ ที่
แต่เอาเป็นว่าจะไปสนใจรายละเอียดยิบย่อยก็คงจะไม่ใช่เรื่องเท่าไร
ภารกิจหลัก ๆ คือให้หน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษไปยังแต่ละจุดที่ได้รับรายงานมา แล้วทำการยืนยันสถานะว่า 'ใช่ แหล่งตกของมณีแห่งบาปเจ็ดประการหรือไม่'
ถ้าไม่ใช่ก็ถอนตัวออกจากพื้นที่
ถ้าใช่หากสามารถเก็บกู้ทันทีก็ให้ทำการนั้น แต่หากไม่ได้เพราะมีอุปสรรคก็ให้ติดต่อกลับมายืนยันสถานะแล้วจะส่งกองหนุนลงไป
สายไม่สามารถเข้าไปเก็บกู้ได้เพราะไม่มีอุปกรณ์ จึงต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษ และเพราะครั้งนี้จะเป็นการลงสนามจริงครั้งแรกของเจ้าหน้าที่ใหม่ เพื่อให้ได้ทำภารกิจและเก็บประสบการณ์จริงไปในตัว โดยจะไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่รุ่นพี่
หลังจากที่อธิบายเนื้อหาคร่าว ๆ ของภารกิจเรียบร้อยแล้ว แต่ละหน่วยก็แยกย้ายกันไปตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
หน่วย 4 ของผมได้รับหน้าที่ให้ไปที่ตอนใต้เขตแห่งอนารยชน
เขตนั้นจากข้อมูลพื้นฐานที่อ่านรายละเอียดมาจะเป็นเขตที่ไร้ซึ่งความเจริญทางเทคโนโลยี แล้วใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ กับความเชื่อทางไสยศาสตร์หรือไม่ก็นับถือเทพธิดา
ทางตอนกลางถึงตอนเหนือขึ้นไปของเขตนั้นจะเป็นป่าเขา
แต่ทางตอนใต้จะเป็นหมู่เกาะ ซึ่งเป้าหมายของพวกผมคือเกาะตาฮิติ
หน่วยของผมประกอบไปด้วยสมาชิกสิบคน เป็นเด็กใหม่ทั้งหมดห้าคนรวมตัวผมด้วย
ก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องไปเจอกับเรื่องแบบไหน แต่แต่ละคนก็ดูจะพร้อมกันดี
"กำลังอ่านอะไรอยู่เรอะ ?" ผมหันไปถามเพื่อนร่วมหน่วยข้าง ๆ ที่กำลังอ่านอะไรอยู่ในพีดีเอ
"อ๋อ นี่น่ะเรอะ มีข่าวลือขึ้นมาน่ะว่าที่เขตเอาต์ไซด์ค้นพบสัตว์ประหลาดน่ะ แล้วตอนนี้กำลังเตรียมการรับมือกันอยู่"
"แม้แต่เขตรอบนอกเองก็มีสัตว์ประะหลาดด้วยเรอะเนี่ย"
"ที่ที่ไม่เหลืออะไรแล้วแบบนั้นยังจะมีอะไรให้ไปทำลายอีกงั้นเรอะ"
"เขตเอาต์ไซด์ไม่ใช่ว่ามีแต่เศษซากสงครามหรอกเรอะ ?"
แต่ละคนมีปฏิกิริยากับเรื่องที่เล่าคล้าย ๆ กัน
คงมีส่วนน้อยที่รู้ว่าเขตเอาต์ไซด์ที่เป็นเขตรอบนอกของโลกนั้น ยังมีประเทศที่ชื่อเอนาสเทอเรียอยู่ แล้วได้ยินมาว่าก็เป็นที่ที่น่าอยู่พอสมควร แต่เพราะตั้งอยู่ในเขตสงครามเก่าและอยู่รอบนอกเขตจึงไม่ค่อยมีใครรู้จัก
"พวกนาย พวกเรากำลังจะไปทำภารกิจกันมีสมาธิหน่อย!" รองหัวหน้าหน่วยผมซึ่งเป็นมนุษย์แมงมุมตักเตือนพวกผมด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
"อา ขอโทษครับ ๆ"
"ให้ตายสิ อย่าได้ประมาทไป นี่เป็นภารกิจแรกของพวกนายก็จริง แต่อย่าคิดว่าทุกอย่างจะง่ายไปหมด"
ก็จริงอย่างที่รองหัวหน้าพูด ทุกคนดูเหลิงกันไปจริง ๆ
ไม่ใช่แค่หน่วยผม แต่หน่วยอื่นก็เหมือนกัน จนรู้สึกกังวลใจว่าจะทำให้ภารกิจเสียรึเปล่า
ผมหันไปมองหัวหน้าเพื่อหวังกำลังใจ
เขาที่สวมบอดี้สูทสีดำเหมือนกับพวกเรา เพิ่มเติมคือสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิด ไม่เคยได้ยินคำพูดหรือเสียงสักคำจากปากของเขา
ตามปกติจึงเป็นรองหัวหน้าที่คอยสั่งการหรือตักเตือนพวกเรา
หัวหน้านั่งอยู่นิ่ง ๆ ไม่ขยับเขยื้อนเหมือนกับหลับ แต่ถ้าสังเกตท่าทางของเขาดี ๆ ก็รู้ว่าเขาไม่ได้ยังตื่นอยู่ แต่มันเป็นท่าเหมือนกำลังทำสมาธิมากกว่า
คนอื่น ๆ ที่ถูกรองหัวหน้าว่าก็หุบปากแล้วยืนนิ่งเตรียมตัวที่จะออกเดินทาง
และแล้วก็ถึงเวลา..
พวกเราจะเดินทางผ่านเครื่องย้ายมวลสาร
อุปกรณ์ที่สามารถ ทำการส่งคนจากอีกทีหนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งในรูปแบบสสาร ที่จะส่งผ่านช่องว่างของมิติแล้วไปประกอบร่างขึ้นใหม่โผล่ยังปลายทาง
ซึ่งผมไม่เคยคิดว่าชีวิตจะได้เห็นจริง ๆ เพราะมันเป็นหนึ่งในวิทยาการที่ไม่ว่าเขตไหน ๆ ในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถสร้างขึ้นได้ หรือถึงทำได้แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์
แต่สำหรับองค์กรที่ผมสังกัดอยู่นี้ พวกเขาใช้เครื่องนี้เป็นอุปกรณ์เดินทางไป-มาปกติ
แต่การจะไปยังปลายทางนั้นจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องรับอยู่อีกที่เช่นกัน สายจึงมีหน้าที่ที่จะวางเครื่องรับมวลสารเพื่อสำหรับให้พวกเราเดินทางไปด้วย
แสงสีฟ้าจากวัตถุกลม ๆ ฉายใส่พวกผมทั้งสิบคน ทำให้รู้สึกว่าตัวเบาขึ้นมาอย่างผิดปกติ ร่างกายค่อย ๆ หายไปทีละส่วน มวลสารค่อย ๆ ถูกส่งไปยังปลายทาง..
เขตแห่งอนารยชน เกาะทางตอนใต้-ตาฮิติ
แฮ่ก ๆ ๆ
ก็ได้รับการฝึกมาแล้วล่ะนะ แต่ไม่ว่ากี่ครั้งการเคลื่อนย้ายมวลสารนี่มันก็ชวนคลื่นไส้จริง ๆ อย่างกับว่าหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะหนึ่ง สิ่งที่อยู่ข้างในท้องก็ปั่นป่วนไปหมด ไม่รู้ว่ามีอะไรถูกย้ายผิดที่ผิดทางรึเปล่า
ของผมยังดีที่แค่คลื่นไส้กับเวียนหัวนิดหน่อย
เพื่อนร่วมทีมของผมบางคนถึงกับอ้วกเมื่อมาถึง ส่วนพวกรุ่นพี่นั้นดูจะชินกันแล้วจึงไม่แสดงอาการอะไร
"TLT สถานที่สงสัยว่าเป็นแหล่งตกของมณีอยู่ตรงไหน ?" รองหัวหน้าปฏิบัติหน้าที่ของเขาทันทีที่มาถึง
"นั่นล่ะปัญหา" ชายใส่ชุดฟางแบบชาวเกาะ เขาเป็นสาย TLT ขององค์กรของเรา ที่แฝงตัวเข้ามาอยู่ในเขตนี้ แต่เขาทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
"เกิดอะไรขึ้น ?" รองหัวหน้าพยายามควบคุมความรู้สึกเอาไว้แล้วถามกลับไป
สายส่งกล้องส่องทางไกลให้กับรองหัวหน้าและชี้ให้เขามองตาม
ผมหยิบกล้องส่องทางไกลของผมเองขึ้นมาบ้างแล้วก็มองไปตามที่รองหัวหน้ามอง
ผมเห็นชนพื้นเมืองของเกาะกำลังนั่งอยู่ที่ลานกว้าง
แต่เมื่อสังเกตดี ๆ ผมก็พบว่าพวกเขาไม่ได้นั่ง แต่พวกเขากำลังถูกบังคับให้คุกเข่าแล้วมารวมกันที่กลางหมู่บ้าน โดยฝีมือของเผ่าอื่นที่สวมเกราะ
สาย TLT อธิบายให้รองหัวหน้าฟัง ผมก็ได้ยินด้วย
"ตอนที่มาตรวัดเลื่อนขึ้นจนตรวจจับได้ เผอิญว่าพวกเผ่าโยโรอิก็บุกเข้ามาพอดี ตอนนี้คนของเผ่าตาฮิติถูกตัวจับกันหมด"
"แล้วมณีบาปเจ็ดประการล่ะ"
"ยืนยันได้ว่าเป็นของจริง แต่ว่าตอนนี้ถูกหัวหน้าเผ่าโยโรอิเอาไปน่ะสิ"
"ให้มันได้อย่างนี้สิ" รองหัวหน้าลดกล้องส่องทางไกลลงอย่างไม่สบอารมณ์ "ขอข้อมูลเกี่ยวกับพวกเผ่าโยโรอะไรนั่นหน่อย"
"พวกมันเป็นเผ่าที่ป่าเถื่อนแล้วเชื่อในพิธีบูชายันต์ เป้าหมายที่พวกมันมาก็คงเพราะแค่ต้องการยึดพื้นที่ของเกาะนี้และหาเครื่องสังเวยเท่านั้นล่ะ"
"พวกเผ่าพันธุ์ไร้ความเจริญนี่เป็นตัวปัญหาจริงนะ" รองหัวหน้าแมงมุมสบถ
"ดูจากสถานการณ์แล้ว ถ้าใช้แผนบุกเข้าไปก็น่าจะสามารถจัดการได้ เพราะฉะนั้นคงไม่จำเป็นต้องติดต่อฐานใหญ่"
"พวกมันไม่รู้พลังของมณีใช่ไหม ?" รองหัวหน้าถามสายให้แน่ใจ
"ไม่น่าจะรู้นะ"
"ถ้าอย่างนั้นมาวางแผนการบุกกัน" รองหัวหน้าเรียกทุกคนไปรวมตัวกัน "พวกเราจะต้องเข้าๆไปอย่างรอบคอบที่สุด"
ตัวผมที่กำลังมองผ่านกล้องส่องทางไกลแล้วกำลังจะวางลงอยู่นั้น
เมื่อผมเห็นภาพที่กำลังเกิดขึ้นมันทำให้ผมถึงกับตาค้าง
เด็ก..ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มีมากกว่าสิบคน ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ถูกล่ามโซ่ออกมาที่ลานกว้าง อยู่ห่างจากพวกผู้ใหญ่พอสมควร
ผมเห็นปากของพวกมันกำลังขยับเหมือนกำลังพึมพำบางอย่าง
ไม่ใช่..มันไม่ได้พึมพำ
มันกำลังสวด..พวกมันกำลังจะทำพิธีบูชายันต์แล้ว!
มีชายร่างสูงใหญ่สวมเกราะทั่วทั้งตัวเดินออกมาพร้อมกับขวานขนาดใหญ่
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เป็นสิ่งที่เดาได้ไม่ยากเลย
เด็ก ๆ เหล่านั้นกำลังจะตกเป็นเครื่องสังเวยให้พิธีกรรมตามความเชื่อของชนเผ่า
ในวินาทีนั้น..ผมก็มีคำถามเกิดขึ้นกับตัวผม
ว่าผมจะผลีผลามไปช่วยพวกเขาตอนนี้ หรือจะเตรียมแผนกับรองหัวหน้าแล้วบุกไปอย่างรอบคอบแต่ต้องปล่อยให้เด็กพวกนั้นตาย
จะช่วย หรือไม่ช่วย
ช่วย...........................................................................ไม่ช่วย
ช่วย
คำตอบนั้นง่ายนิดเดียว
เมื่อนั้นหัวของผมก็โล่งไม่มีเหตุผลหรือหลักการใด ๆ อีก
ผมไม่อาจปล่อยให้ภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้าเป็นจริงได้
รู้ตัวอีกทีตัวผมก็ออกวิ่งไปเสียแล้ว
"ยูกิ!?"
เหมือนจะได้ยินเสียงของรองหัวหน้ามาจากข้างหลัง แต่ผมต้องรีบไปให้เร็วที่สุด ทำให้ไม่มีเวลามาหยุดตามเสียงเรียกของเขา
ชุดที่ผมสวมอยู่มีความสามารถในการเร่งประสิทธิภาพของร่างกาย ทำให้ตัวผมเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าปกติสามเท่า
ผมชักปืน LX-18 ขึ้นมา มันเป็นปืนที่จะยิงพลาสมาออกมา ที่สามารถทำให้คนที่ถูกยิงสลบได้แต่ไม่ถึงตาย
ยิงใส่ชายร่างยักษ์นั้นสามนัด ทำให้การเคลื่อนไหวมันหยุดชะงัก
ผมกระโดดข้ามหัวของพวกมันแล้วไปหาเด็กโดยเร็วที่สุด
จากนั้นก็ยิงซ้ำใส่ชายร่างยักษ์อีกสองนัด ทำให้มันล้มลงไป
"ช่วยด้วย/ช่วยผมด้วย/ช่วยหนูด้วย"
"เดี๋ยวนะกำลังจะช่วยเดี๋ยวนี้ล่ะ" ผมบอกพวกเด็ก ๆ และหาวิธีที่จะปลดโซ่ของพวกเขา
"พวกคนบาปภายนอกเอ๋ย!" เสียงอันกึ่กก้องของชายผู้สวมเกราะสีแดงที่ยืนอยู่ตรงหน้าลานพิธี ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าของเผ่าโยโรอิ ในมือของมันกำลังถือมณีสีแดงที่กำลังเรืองแสงออกมาอยู่
"พี่น้องของข้า จงจับมันมาเซ่นสังเวยแก่พระเจ้าของพวกเราเดี๋ยวนี้"
ทันทีที่มันสั่งเช่นนั้น เหล่าสมาชิกเผ่าโยโรอิก็กรูกันเข้ามาหาผมทั่วสารทิศ
ในช่วงเวลาคับขันนั้น ก็มีพลาสมายิงมาจากป่าด้านนอกใส่พวกมันจนล้มไปทีะคนสองคน
"ยูกินายนี่มันใจกล้ากว่าที่คิดนี่หว่า!" เพื่อนร่วมทีมของผมคนหนึ่งดูจะถูกใจที่ผมบุกตะลุยเข้ามาแบบนี้
"ยูกิ โจจิ นายกล้าฝ่าฝืนคำสั่งงั้นเรอะ กลับไปจะลงโทษให้หนักเลย!" รองหัวหน้าเดือดดาลแล้วบุกเข้ามา ถึงจะพูดมาแบบนั้นแต่สิ่งที่เขาช่วยผมสู้อย่างเต็มที่
การต่อสู้ชุลมุนวุ่นวายไปหมด มีพลาสมายิงเชี่ยวหัวไปมา พร้อมกับคนล้มนอนเกลื่อนกลาด
ถึงเช่นนั้นพวกผมก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ไปโดนพวกเด็ก ๆ หรือคนเผ่าตาฮิติที่ถูกจับอยู่
แถมจำนวนของพวกมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ ไม่รู้ว่าพวกผมแค่สิบคนจะสู้ไหวไหม
ผมยิงพลาสมาใส่ศัตรูที่วิ่งเข้ามาจนล้มลงไปคนหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีอีกคนเข้ามาจากด้านหลัง แต่ผมไม่อาจหมุนตัวกลับไปได้ทันแล้วกำลังจะถูกขวานฟันใส่
เพล้ง!
ดาบเหล็กเคลือบด้วยพลังงานสีฟ้าปัดขวานเล่มนั้นออกไป จากนั้นก็ใช้สันดาบกระแทกไปที่ลำคอทำให้สลบลงไป
ผู้ที่มาช่วยผมไว้อย่างฉิวเฉียดนั้นคือ..ชายผู้สวมชุดและหน้ากากสีดำทั่วทั้งตัว
"หัวหน้า.."
หัวหน้าหันมามองผมครู่หนึ่ง ก่อนจะควงดาบ แล้วเข้าไปสู้กับพวกคนเผ่าโยโรอิที่บุกเข้ามาคนอื่น
ท่วงท่าและการเคลื่อนไหวของเขาช่างฉับไวราวกับนินจา
เขาสามารถล้มชายฉกรรณที่พากันบุกเข้ามาได้ทีละคนสองคนในวินาทีเดียว
ทุกคนที่ถูกเขาฟันใส่จะถูกเพียงสันดาบเท่านั้นทำให้แค่สลบไปไม่มีใครตายเหมือนกับปืนของผม
และแล้วสิ่งที่ผมสังหรณ์ใจก็มาถึง
หัวหน้าของผมเดินหน้าเข้าไปพลางจัดการกับศัตรูระหว่างทางไปด้วย จนเข้าไปถึงตรงหน้าของหัวหน้าเผ่าโยโรอิ
"เจ้าผู้ไร้นาม ริอาจมาท้าสู้กับข้าเช่นนั้นรึ"
"..."
หัวหน้าของผมยังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเช่นเคย แต่เขาตั้งท่าเตรียมสู้กับมันพร้อมแล้ว
ท่ามกลางห่ากระสุนพลาสมา กับเสียงของการต่อสู้ กำลังมีการปะทะกันระหว่างผู้นำของสองฝ่าย
ต่างฝ่ายต่างเป็นผู้บุกรุกของเกาะนี้
ผู้บุกรุกจากเกาะข้างเคียง และผู้บุกรุกจากเขตอื่น
ที่กำลังใช้ที่นี่เป็นสนามรบ เพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง
ผู้นำเผ่าโยโรอิยิงลูกตุ้มที่ติดอยู่บนแขนเกราะเหล็กตัวเองใส่หัวหน้า
เขาตอบโต้ด้วยการใช้ดาบพลาสม่าปัดให้ลูกตุ้มลอยขึ้นไป จากนั้นเขาก็ใช้ความสามารถของชุดทำให้ความเร็วของเขาสูงขึ้นแล้วเข้าไปประชิดตัวของผู้นำเผ่าโยโรอิ แล้วกำลังจะโจมตีใส่
"อ่อนหัด"
ผู้นำเผ่าโยโรอิแสยะยิ้ม ผมรีบตะโกนบอกหัวหน้าให้ "ระวังครับ!"
ลูกตุ้มที่ถูกยิงออกไปมีโซ่ติดอยู่ด้วย เจ้าผู้นำเผ่าโยโรอิได้ดึงให้ลูกตุ้มวกกลบไปหาตัวเอง เพื่อหวังให้โดนหัวหน้า แต่ดีที่เขาสามารถไหวตัวได้ทันก่อนจึงสามารถป้องกันไว้ได้
เหล็กทั้งสองปะทะกัน แต่พลังของลูกตุ้มมีมากกว่าดาบจนทำให้ดาบของหัวหน้าหลุดออกจากมือ
หัวหน้ารีบกระโดดออกห่างจากศัตรูโดยเร็วที่สุด แล้วรีบจะไปเก็บดาบแต่ก่อนที่จะทำเช่นนั้นได้ ลูกตุ้มก็เหวี่ยงเข้าใส่ทำให้เขาต้องหลบ
ดูเหมือนผู้นำเผ่าโยโรอินั่นจะพยายามทำให้หัวหน้าไปไม่ถึงดาบ
ถ้าอย่างงั้น..
ผมชักปืนขึ้นมาแล้วยิงใส่ผู้นำเผ่าโยโรอิ เพื่อถ่วงเวลาให้หัวหน้า
"หัวหน้าเร็วเข้าครับ!"
หัวหน้ารับรู้สถานการณ์แล้วรีบมุ่งไปเก็บดาบในทันที
"ของแบบนี้เขาเรียกว่าอาวุธเรอะ ช่างน่าขันนัก" เสียงของผู้นำเผ่าโยโรอิดังออกมาจากแสงพลาสม่าที่กำลังห่อหุ้มร่างของมัน
และแล้วลูกตุ้มก็พุ่งตรงใส่ผม
ความรู้สึกเหมือนกับห้วงเวลาถูกทำให้ช้าลง ผมมองเห็นลูกตุ้มนั้นตรงเข้ามาหาผมอย่างช้า ๆ ทว่าในขณะเดียวกันผมก็ไม่อาจขยับได้ราวกับต้องมนตร์บางอย่าง
แต่ผมรู้ดีว่าต่อให้ร่างกายผมไม่เป็นแบบนั้น ผมก็หลบไม่ได้ เพราะถ้าผมหลบพวกเด็ก ๆ ที่อยู่ข้างหลังผมก็จะเป็นอันตราย
ลูกตุ้มเหล็กหนักหลายตันกระแทกเข้าช่องท้องของผมอย่างจัง
เพียงแค่ครั้งเดียวก็ทำให้ร่างกายของผมตัวเบาหวิวเสียจนลอยขึ้นจากพื้น
ผมมองเห็นเด็ก ๆ ที่กำลังร้องห่มร้องไห้ ส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัว
ผมมองเห็นรอยยิ้มอันแสนชั่วร้ายของผู้นำเผ่าโยโรอิ
ผมมองเห็นหัวหน้าที่พุ่งเข้าไปปะทะดาบกับมันอีกครั้งหลังจากที่เขาไปเก็บดาบมาแล้ว
ผมมองเห็นความวุ่นวายของการสู้รบกันระหว่างสองฝ่าย
และแล้วทุกอย่างก็ดับวูบไป...
.
.
.
.
.
"ยินดีต้อนรับสู่จัสติสเบสค่า~!"
เสียงผสานของผู้หญิงหกคนที่กล่าวต้อนรับการมาถึงของผม
กับเสียง 'ปุบ' 'ปับ' ของพลุกระดาษที่พวกเธอใช้ราวกับอยู่ในเซอร์ไพรส์ปาร์ตี้วันเกิด
มันเป็นภาพของความทรงจำเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เป็นช่วงที่ผมเพิ่งมาสมัครเข้าทำงานกับองค์กร
วันหนึ่งมีบุคลากรขององค์กรมาที่บ้านของผม แล้วเสนอให้มาร่วมงานกับพวกเขา
ซึ่งมีค่าตอบแทนจำนวนมากเสียจนผมคิดว่าเป็นการต้มตุ๋น
สิ่งที่เขาให้มามีเพียงนามบัตรที่ไม่ชื่อของเขาหรือชื่อขององค์กรอยู่
มีเพียงสถานที่นัดพบ กับวันที่ที่พบเจอ
ผมเคยไปสมัครงานกับบริษัท DEUS ที่ได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่นำโดยเผ่าพันธ์มนุษย์ที่มีสาขามากที่สุดในโลก มีกระจายอยู่เกือบทั่วทุกเขตในโลก แต่ผมไปตกในรอบสัมภาษณ์
จากนั้นผมก็ไปสมัครงานมาอีกสิบที่ ซึ่งก็พลาดทั้งสิบที่
แต่ในเมื่อมีโอกาสมาหาผมเองแบบนี้ ผมควรจะลองรับมันไหม ?
รับ หรือไม่รับ
รับ........................................ไม่รับ
รับ
มันแทบไม่มีทางเลือกอะไรให้ผมเหลือมากอีกแล้ว
ถึงการแนะนำของบุคลากรขององค์กรคนนั้นจะดูน่าสงสัย แต่ผมก็คงมีแต่จะลองดูสักตั้ง
ผมมาถึงตามสถานที่นัดพบ ซึ่งเป็นตึกร้างแห่งหนึ่ง
และขึ้นมาบนชั้นสิบแล้วเข้าห้องที่อยู่บนนามบัตร
ข้างในนั้นผมไม่พบใครเลย ห้องก็เป็นเพียงห้องเปล่า สิ่งเดียวที่มีอยู่ในห้องนั้นคือวัตถุทรงกลมสีดำที่วางอยู่สุดห้อง
เมื่อผมเข้าไปสัมผัสมันเพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงต่อ อุปกรณ์ชิ้นนั้นก็เริ่มทำงาน
นั่นคือครั้งแรกที่ผมได้เดินทางผ่านเครื่องย้ายมวลสาร
ครั้งแรกนั้นเป็นความรู้สึกที่ชวนคลื่นไส้ สับสน เวียนหัว ร่างกายคุมสมดุลไม่อยู่ เหมือนกับไปเล่นรถไฟเหาะตีลังกามาสิบรอบ และยังอ้วกอาหารเช้าที่ทานมาลงช่องที่ราวกับเตรียมไว้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
มันทำให้ผมทำอะไรไม่เป็นอะไร จนลืมคิดไปเสียสนิทว่า ที่นี่คือที่ไหน
ตอนนั้นผมถูกย้ายมาอยู่ในลิฟท์ที่จะพาพบลงไปยังฐานทัพขององค์กร
แล้วพอประตูลิฟต์เปิดออก ผมก็พบกับเหล่าหญิงสาวทั้งหกคนนั้น
พวกเธอสวมชุดบอดี้สูทสีดำลายโครงกระดูกคล้าย ๆ กัน จะมีส่วนต่างตามรายละเอียดของแต่ละคนในบางจุด และสวมหน้ากากสีดำปิดบังใบหน้า แต่เปิดตั้งแต่จมูกลงมาถึงปาก
ครั้งแรกที่ผมเห็นภาพอันแสนร่าเริงของพวกเธอทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาเลยว่า 'สรุปแล้วองค์นี้เป็นองค์กรแบบไหนเนี่ย ?'
พวกเธอเข้ามาถามผมทีละคน เพื่อยืนยันตัวตนของผม
ตั้งแต่ชื่อ สายพันธุ์ เขตที่อาศัย วุฒิการศึกษา ฯลฯ
แล้วสุดท้ายเป็นคำถามของผู้หญิงผมสีบลอนด์
"ต้องการจะสมัครเข้าแผนกไหนหรือคะ ?" เธอเปิดภาพโฮโลแกรมสีฟ้าที่มีชื่อและข้อมูลของแต่ละแผนกขึ้นมา
"อา..แปปหนึ่งนะ"
ผมกะจะเลื่อนนิ้วไล่รายชื่อของแต่ละแผนก
แต่ว่า..
ติ๊ด
ซวยล่ะ เผลอกด!
"หน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษหรือคะ ผิดคาดนะคะดูจากวุฒิการศึกษาของคุณ นึกว่าคุณจะเลือกแผนกวิทยาศาสตร์เสียอีก"
ใช่ นั่นผมกดผิด
ผมคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ แล้วกำลังจะพูดออกมาแต่ว่า..
"แต่หน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษก็ไม่เลวนะคะ เป็นศูนย์รวมของหัวกระทิเลย คุณเองก็คงจะชอบค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้นก็ไปกันเลยค่า!" สองในหกของกลุ่มสาวเหล่านั้นพักผมกลับเข้าลิฟต์อย่างไม่รีรอ
"เอ๋ ?"
"งั้นไว้เจอกันนะคะ ขอขอบคุณที่มาร่วมกับองค์กร SHOCKER ค่ะ"
"อะ..เออ คือว่-"
ไม่ทันได้พูดเสร็จ ประตูลิฟต์ก็ปิดลง
แล้วชีวิตของผมที่ต้องมาอยู่หน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษเพราะการเลือกผิดนั้นก็เริ่มต้นขึ้นนับจากนั้น
ถึงจะไม่ใช่หน่วยที่ใช่สักเท่าไร แต่ที่นี่ก็พอที่จะอยู่ได้
เรื่องการฝึกอาจจะหนักอยู่บ้าง แต่ก็ตามไหว
ผมมองเห็นรองหัวหน้า เดินเข้ามาหาผม คงจะมาต่อว่าผมที่กระโดดข้ามรัวไม่ได้อีก
เข้าวางมือที่เต็มไปด้วยเส้นขนของแมงมุมล่าเหยื่อลายสีดำสลับแดงลงบนตัวผม แล้วก็...
"ฟื้นสิ ยูกิ ฟื้น!"
"แค่ก ๆ ๆ ๆ"
เกิดอะไรขึ้น เมื่อกี้ยังอยู่ที่สนามฝึกอยู่เลยนี่น่า
"โธ่เว้ย นึกว่าจะตายแล้วซะอีก" รองหัวหน้าพูดออกมาเหมือนบ่น
"ฉันยังไม่ได้ลงโทษนายเลยอย่าเพิ่งด่วนตายไปง่าย ๆ สิ"
ตาย ?
เขาพูดถึงเรื่องอะไร ?
อ๋อ ใช่ ผมโดนลูกตุ้มเหล็กของผู้นำเผ่าโยโรอิกระแทกใส่จนสลบไป ยังมีความรู้สึกบนหน้าท้องหลงเหลืออยู่เลย
แล้วคนที่มาช่วยผมให้ฟื้นขึ้นมาก็คงเป็นรองหัวหน้า
ผมเห็นว่าพวกเด็ก ๆ ปลอดภัยดี ตอนนี้พวกรุ่นพี่คนอื่นกำลังช่วยคุ้มครองพวกเขาอยู่
"ยืนไหวไหม ?" รองหัวหน้าถามผมพร้อมส่งมือมาให้
"ขอบคุณครับ" ผมยื่นมือไป แล้วดึงตัวเองลุกขึ้น
"สถานการณ์ตอนนี้.."
"ใกล้แล้วล่ะ" รองหัวหน้าเหมือนรู้ว่าผมจะถามอะไรเลยชิงตอบก่อน และพยักหน้าให้ผมมองไปข้างหน้า
หัวหน้าของผมกำลังสู้อยู่กับผู้นำเผ่าโยโรอิ และตอนนี้เขาได้เปรียบอย่างมาก เพราะเขาสามารถทำลายลูกตุ้มอันแสนภูมิใจของศัตรูลงได้แล้ว
สีหน้าของผู้นำเผ่าโยโรอิผิดไปจากก่อนที่ผมจะสลบมาก ตอนนี้สีหน้ามันดูร้อนรนและกำลังโมโห
"บ้าที่สุด ๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้!?"
"จบแล้วล่ะ"
ผมเห็นด้วยกับคำพูดของรองหัวหน้า มันจบแล้ว ไม่มีทางที่ผู้นำเผ่าโยโรอิจะสู้ได้อีกแล้ว ลูกน้องของมันก็ถูกหน่วยของผมจัดการให้ล้มกันไปจนเกือบหมดแล้ว
พวกเราคิดกันเช่นนั้น แต่พวกเราลืมไปเสียสนิทข้อหนึ่ง..
"หินแสงเอ๋ย จงมอบพลังให้แก่ข้า!"
"!?"
ผม รองหัวหน้า หัวหน้า และคนอื่น ๆ ในหน่วยต่างพากันตกใจเป็นเสียงเดียวกัน
ใช่ พวกเราลืมไปว่าเจ้าผู้นำเผ่าโยโรอินั้นครอบครองมณีแห่งบาปเจ็ดประการไว้อยู่ และนั่นจะทำให้ทุกอย่างตอนนี้เลวร้ายขึ้นมาก
"ย้ากกก!!" เสียงคำรามของผู้นำเผ่าโยโรอิก้องกังวาน แสงสีเขียวโพยพุ่งออกมาจากร่างของมัน
แล้วร่างใหม่ของมันก็ปรากฏขึ้น..
INVIDIA (ความริษยา)
ขนาดร่างที่ใหญ่ขึ้น ขาที่ถูกแยกออกเป็นแปดข้าง มือขวาที่แปรสภาพเป็นก้ามขนาดยักษ์ มือซ้ายที่เปลี่ยนกลายเป็นลูกตุ้มขนาดใหญ่ ร่างที่มีความคล้ายคลึงกับเครย์ฟิช ที่ซึ่งหุ้มไปด้วยเกราะทั้งตัว
ร่างที่เกิดจากการใช้พลังของมณีโดยไม่ผ่านตัวกลาง จะทำให้ผู้ใช้แปรงสภาพเป็นสิ่งที่คล้ายกับสัตว์ประหลาด
"ทุกคนยิง!" รองหัวหน้าสั่งอย่างไม่รอช้า แล้วทุก ๆ คนก็กระหน่ำยิงปืนพลาสมาใส่สัตว์ประหลาดนั่นอย่างไม่มียั้งมือ
ลำแสงสีน้ำเงินที่รุมระเบิดกันอยู่ ณ จุด ๆ เดียวทำให้ร่างของมันถูกกลืนไปกับแสง
รองหัวหน้ากำมือขึ้น เป็นสัญญาณบอกให้ทุกคนหยุดยิง
ทุกคนรอดูซากที่หลงเหลืออยู่ของศัตรู
และแล้วเมื่อควันนั้นจางออก..
"~~~~~~~~~!"
ไม่เป็นอะไรเลย ปืนพลาสมาที่สามารถทำให้คนสลบได้ แต่ยังแรงไม่มากพอที่จะทำลายเกราะของมันได้
ในที่สุดมันก็เริ่มเคลื่อนไหว ถึงขนาดของมันจะใหญ่โต แต่ขาทั้งแปดของมันสามารถขยับได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มันสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าที่คาดไว้
ผู้ที่มันพุ่งเข้าหาคือหัวหน้า
เขาใช้ดาบตั้งรับอย่างมั่นคง คมดาบปะทะคมก้ามจนเกิดเสียงดังเพล้ง
ทั้งสองสูสีกันจนสะท้อนออกมา ทว่าลูกตุ้มก็ตามมาอย่างรวดเร็วโดยที่หัวหน้าไม่อาจหลบพ้น ส่งผลให้เขาต้องยกดาบขึ้นป้องกัน ส่งผลให้..
ดาบของหัวหน้าหักเป็นเสี่ยง ๆ ความแข็งของลูกตุ้มนั้นไม่ธรรมดา
ตอนนี้พวกเราไม่น่าเหลืออาวุธอะไรไว้ต่อกรกับมันแล้ว..
"ยูกิ รีบติดต่อฐานให้ส่งกำลังหนุนมาเดี๋ยวนี้!" รองหัวหน้าสั่งผม เพราะเขารู้สถานการณ์ดีว่าตอนนี้พวกเขาไม่มีทางชนะมันได้แน่
"ครับ!"
ผมทำตามที่หัวหน้าสั่งแล้วถอยออกจากสนามรบเล็กน้อยเพื่อไปติดต่อ
มันก็แค่กดสัญญาณส่งรหัสที่สายข้อมือกลับไปยังฐาน โดยให้รายงายว่ายืนยันว่าที่นี่มีมณีแห่งบาปเจ็ดประการอยู่ แล้วขอกำลังหนุนเพราะตอนนี้กำลังเจอกับสถานการณ์ที่ลำบาก
หลังจากที่ผมส่งสัญญาณไปเรียบร้อย ก็มีเสียงร้องดังขึ้น
"ช่วยด้วย!!" พวกเด็ก ๆ กำลังร้องขอความช่วยเหลือ เพราะเจ้าสัตว์ประหลาดตนนั้นกำลังเข้าไปหาพวกเขา
รองหัวหน้ากับรุ่นพี่ที่คอยคุ้มครองพวกเขาอยู่ถูกอัดปลิวกันไปคนละทาง ส่วนคนอื่น ๆ ที่พยายามช่วยยิงก็ไม่อาจทำอะไรมันได้
ตอนนี้ที่จริงผมแค่รอให้กำลังหนุนมาช่วยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเข้าไปเสียงอีก แต่ว่าถ้าทำแบบนั้นพวกเด็ก ๆ ล่ะ..
ในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าพวกเด็ก ๆ ที่เพิ่งรอดพ้นจากความตายมาได้ ก็กำลังจะถูกความตายเข้าพรากอีกครั้งหนึ่งแล้ว
ตัวผมควรจะทำอย่างไร..วิ่งเข้าไปช่วย หรือรอกำลังหนุนเพราะถึงเข้าไป ก็ทำอะไรไม่ได้ ไม่ก็อาจจะต้องถูกฆ่าก็ได้
รอกำลังหนุน หรือเข้าไปช่วย
รอ........................................ช่วย
ช่วย
ผมชักปืนของผมขึ้นมาแล้วยิงไปที่หน้าของเจ้าผู้นำเผ่าโยโรอิ
แน่นอนว่าปืนของผมไม่อาจทำอะไรมันได้เลย แต่จู่ ๆ มันก็หยุดแล้วหันมาทางผม
ได้ผล ?
เหมือนว่าปืนของผมจะยิงเข้าไปที่ใดที่หนึ่งของมันแล้วทำให้มันรู้สึกได้ หลังจากที่ถึกทนต่อการโจมตีมานาน
"~~~~~~~~~!"
แล้วมันก็พุ่งทะยานมาผมด้วยความเร็วสูงสุด
"หลบเร็วยูกิ!!" ผมได้ยินเสียงของรองหัวหน้าตะโกนบอกให้ผมหลบ
มองเห็นหัวหน้าที่พยายามวิ่งตามเจ้าสัตว์ประหลาดมา แต่เขาก็ตามไม่ทัน
เห็นเพื่อน ๆ ที่กำลังช่วยยิงใส่เจ้าสัตว์ประหลาดเกราะหนานี่อย่างสุดกำลัง
และเห็นร่างขนาดยักษ์ของมันที่กำลังตรงเข้ามาหาผมเรื่อย ๆ..
ผมหลับตาลงด้วยความกลัว ที่ทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ แรงกดดันจากมันและพลังของมณีมันมีมากเกินไป..
ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว..
ตู้ม!!
.
.
.
.
ผมยังมีชีวิตอยู่ ?
ผมลืมตาตื่นขึ้นแล้วก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในตำแหน่งที่ต่างจากที่ก่อนหน้านี้
และมีใครบางคนยืนอยู่ข้างหน้าผม
"พยายามได้ดีมาก เดี๋ยวที่เหลือฉันจัดการต่อเอง"
ใคร ?
เสียงของเธอฟังดูคุ้น เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
ผมหางม้าสีน้ำตาลที่พริ้วไสวกับสายลม ริบบิ้นสีขาวที่มัดผมเส้นนั้น ร่างกายผอมเพรียวที่เป็นผู้อุ้มร่างของผมหนีจากลูกตุ้มเหล็กของผู้นำเผ่าโยโรอิ
เธอคือ..ผู้หญิงที่ผมเจอเมื่อตอนเช้า ?
"จัสติสเบรก!"
เธอพูดบางอย่างออกมา แล้วทันใดนั้นก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น
อุปกรณ์บนข้อมือของเธอทำตามคำสั่งเสียง แล้วทันใดนั้นร่างของเธอก็ถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง ชุดเครื่องแบบขององค์กรสลายหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยชุบอดี้สูทสีแดง-ขาว
ริบบิ้นสีขาวของเธอสลายหายไปเช่นกัน ทำให้ผมยาวสลวยของเธอถูกปล่อยออกมาจากนั้นก็มีหมวกคล้ายหมวกกันน็อกมาสวม
เธอคนนี้เป็นกำลังหนุน..งั้นเรอะ ?
เจ้าสัตว์ประหลาดพุ่งตรงเข้ามาอีกครั้ง หญิงสาวเองก็ตรงเข้าไปหามันอย่างไม่กลัวเกรง ความเร็วของเธอมากกว่าที่พวกผมสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยชุดของพวกเราเสียอีก
เธอชักดาบที่มีความยาวประมาณสามฟุตออกมาจากฝักข้างหลัง มันเป็นดาบคล้ายคาตานะของหัวหน้า แต่มีความยาวมากกวาและมีลักษณะที่ต่างออกไป
กล่าวคือของที่หัวหน้าใช้นั้นเป็นแบบรุ่นผลิตจำนวนมากที่เห็นได้สำหรับผู้ใช้อาวุธดาบ
แต่สำหรับผู้หญิงคนนั้นดาบนั่นดูเป็นอาวุธที่เป็นแบบออริจินัล
ทันทีที่เธอกวัดแกว่งดาบออกไปก็จะมีเปลวไฟปะทุออกมาจากดาบด้วย
แล้วเมื่อลูกตุ้มเหล็กกับดาบเล่มนั้นปะทะกันก็เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ
ลูกตุ้มเหล็กที่สามารถหักดาบของหัวหน้าได้ การที่เธอนำดาบไปปะทะตรง ๆ แบบนั้น ผมคิดว่ามันเป็นการกระทำที่ผิดพลาดอย่างมหันต์
ทว่าภาพหลังจากนั้นกับบอกกับผมว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นผิด
ผลคือดาบไม่หักและยังเป็นฝ่ายที่ทำให้ลูกตุ้มเหล็กสะท้อนกลับไปด้วย
ได้ยังไงกัน ?
นี่เธอนั้นเป็นใครกันแน่ ?
"ทำไมทำหน้าอย่างกับเห็นพี่แบบนั้นล่ะโจจิ" เพื่อนร่วมทีมของผมเดินเข้ามาหา
"นายรู้จักเธอคนนั้นรึเปล่า เธอเป็นใครน่ะ กำลังหนุนขององค์กรเรอะ ?"
"อ่าว นี่นายไม่รู้จักเหรอ นั่นคนดังขององค์กรเลยนะ" เขาดูแปลกใจมากที่ผมไม่รู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร
"นั่น ฮิคาเสะ สึซึฮะ หรืออีกชื่อหนึ่ง จัสติสสไตรค์เกอร์ เป็นหนึ่งในเอสขององค์กรเรายังไงล่ะ และเธอยังอยู่ที่ฐานของพวกเราด้วยนะ"
ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
ผมไม่คิดเลยว่าจะมีใครที่พิเศษแบบนั้นอยู่ที่ฐานทัพเดียวกับผมด้วย
เธอคนนั้น..เป็นระดับเอสยังงั้นหรือ..
ผมยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ไม่สิ ต้องเรียกว่ายังไม่รู้ว่าสิ่งที่เพื่อนผมบอกนั้นหมายความว่ายังไง
แต่สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ก็สามารถตอบคำถามผมได้
เมื่อสัตว์ประหลาดใช้ก้ามปูทิ่มแทงใส่ เธอก็เคลื่อนหลบได้อย่างรวดเร็ว แล้วใช้ดาบที่หุ้มด้วยเปลวเพลิงตัดขาข้างขวาทั้งสี่ข้างของมันภายในดาบเดียว
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยิงไปเท่าไรก็ทำอะไรไม่ได้
มันยังไม่ยอมแล้วม้วนตัวแล้วใช้ลูกตุ้มตรงกระแทกใส่เธอ
ดาบถูกตั้งขึ้นมารับการโจมตีนั้น ผลคือลูกตุ้มที่พุ่งเข้ามาเป็นฝ่ายถูกดีดสะท้อนกลับไป
หญิงสาวตวัดดาบเป็นรูปตัววี ทำให้เกิดรอยรูปเดียวกับบนร่างเกราะของมัน
"~~~~~~~!"
มันร้องคำรามออกมายอ่างก้องกังวาน ออร่าสีเขียวโพยพุ่งออกมาจากร่างของมันอีกครั้ง
ภาพแบบนี้เป็นแบบเดียวกับตอนที่ผู้นำเผ่าโยโรอิกำลังจะกลายร่าง หรือว่ามันคิดจะเปลี่ยนร่างอีก
เป็นอย่างที่คิด แม้จะอยู่ในแสงสีเขียว แต่ผมก็ยังมองเห็นเงาที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นของมันได้
ถ้าไม่รีบทำอะไรเข้าล่ะก็มีหวัง..
ถึงผมและคนอื่น ๆ ในหน่วย รวมถึงพวกชนเผ่าจะรู้สึกหวาดกลัว แต่มีอยู่ผู้หนึ่งที่ไม่แสดงอาการหวั่นไหวใด ๆ
เธอควงดาบแล้วตั้งไว้เหนือไหล่ขวา พร้อมกับจับดาทั้งสองมือ
เปลวเพลิงที่ปลดปล่อยออกมาจากดาบค่อย ๆ ถูกสะสมเอาไว้ภายในนั้น
หญิงสาวกำลังจะกระทำบางอย่างที่เป็นการปิดฉากการต่อสู้นี้ลง
"จัสติสเบลด!!"
ดาบยาวฟันผ่านห้วงอากาศพร้อมปลดปล่อยเปลวเพลิงชำระล้างออกมา
แสงสว่างสีเหลือง-ส้มส่องสว่างไปทั่วอาณาบริเวณ พลังของดาบที่ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ทำให้ทุกอย่างตรงนั้นกลายเป็นสีขาว
และแล้วเมื่อแสงจางไป..ภาพของความจริงก็ปรากฏ
ร่างของผู้นำเผ่าโยโรอิที่กลายเป็นสัตว์ประหลาดเหลือเพียงแ่ซากที่ไหม้เกรียม
ตามปกติองค์กรของผมจะไม่ฆ่าโดยไม่จำเป็น
แต่หากศัตรูเปิกนที่จะสามารถหยุดยั้งได้ก็มีแต่ต้องลงมือ
หญิงสาวเข้าไปที่ซากของสัตว์ประหลาดแล้วดึงเอามณีสีเขียวที่ฝังอยู่ในร่างของมันออกมา
"Mission Complete เก็บกู้หนึ่งในมณีแห่งบาปเจ็ดประการสำเร็จ"
และแล้วภารกิจแรกของพวกผมก็จบลง
หลังจากนั้น พวกผมกับหน่วยอื่น ๆ ก็กลับมาที่ฐานบัญชาการ
ทุกหน่วยสามารถเก็บกู้มณีทั้งเจ็ดชิ้นกลับมาได้ มีหน่วยที่ต้องขอกำลังหนุนถึงหกหน่วย จากเจ็ดที่ที่ค้นพบมณี จึงทำให้พวกเราทราบถึงพลังของมณีพวกนั้นมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้รู้ว่าองค์กรของพวกเรามีคนมีฝีมือระดับหัวกะทิอยู่
หน่วยจัสติส
หน่วยพิเศษที่มีการคัดเลือกเฉพาะคนที่มีฝีมือระดับสูงมากเข้า
เป็นกองกำลังพิเศษที่มีความสามารถที่เหนือล้ำกว่าทุก ๆ คน เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในองค์กร
หลังจากเสร็จภารกิจ ผมจะไม่ได้เจอกับฮิคาเสะ สึซึฮะ ทำให้ไม่รู้ข้อมูลอะไรมาก อีกทั้งหน่วยนี้ยังเป็นหน่วยลับที่ไม่ค่อยมีใครรู้ข้อมูล แม้กระทั่งรองหัวหน้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดของหน่วยนี้มากนัก
แต่ไม่แน่ว่าหลังจากนี้ก็อาจจะได้พบกันอีกก็ได้
หลังจากที่สำเร็จภารกิจแรกก็ทำให้ผมค่อนข้างเข้าใจถึงการทำงานขององค์กรนี้มากขึ้น
ชาวเขตอนารยชนที่ตาฮิติได้รับการช่วยเหลือ และฟื้นฟูเกาะของตัวเอง
พวกชาวเผ่าโยโรอิถูกนำส่งกลับเกาะของตัวเอง พวกมันคงจะไมกล้าทำอะไรมากไประยะหนึ่งเพราะเพิ่งสูญเสียผู้นำเผ่าไป
พวกเราพยายามที่จะช่วยคงสมดุลของโลกที่เป็นไปอยู่นี้อยู่เบื้องหลัง และทำลายสิ่งแปลกปลอม หรือเก็บกู้สิ่งที่ไม่ควรมี เพื่อไม่ให้วัฏจักรที่กำลังดำเนินไปอยู่นี้เสียหาย
SHOCKER
นั่นคือชื่อขององค์กรที่ผมสังกัดอยู่
2 วันหลังจากนั้น
แน่นอนว่าวันแรกผมถูกรองหัวหน้าลงโทษข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง
แต่ผมก็ไม่เสียใจเพราะสิ่งที่ผมทำลงไปได้ช่วยเหลือเด็ก ๆ เหล่านั้นเอาไว้
แม้จะต้องแลกกับการถูกทำโทษทั้งวันมันก็..ไม่รู้นะว่าโอเครึเปล่า..
ในระหว่างที่ผมกำลังถูกทำโทษให้วิ่งรอบสนามเป็นรอบที่หนึ่งร้อย ผมบังเอิญไปได้ยินคนคุยกันว่า สาเหตุที่พลังของมณีเพิ่มขึ้นจนสามารถตรวจพบได้ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เจอ หรือมีการตรวจพบพลังงานทั้งที่อยู่เขตอื่น
นั่นเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่เขตเอาต์ไซด์ แล้วมันก็ส่งผลกระทบมาเขตข้างในอื่น ๆ
แต่เพราะขอบเขตของสาขาที่ที่หน่วยผมอยู่ ไม่ได้มีเขตเอาต์ไซด์อยู่ด้วย จึงต้องเป็นหน้าที่ของสาขาอื่น
ที่จริงแล้วเหมือนว่าองค์กรของเราจะมีเครือข่ายอยู่ทุกที่และสามารถเข้าถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีได้เกือบทุกอย่าง
แต่สำหรับเขตรอบนอกนั้นเหมือนจะเป็นข้อยกเว้น
ว่าแต่เรื่องสัตว์ประหลาดบุกที่นั่นจะเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้รึเปล่านะ ?
ก็คงต้องให้พวกเขาเป็นคนจัดการและรายงานว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น
วันต่อหรือวันนี้ หลังจากที่ผมถูกทำโทษซะอ่วม หน่วยของผมก็ได้รับภารกิจให้ไปส่งมณีแห่งบาปเจ็ดประการที่อีกสาขาหนึ่ง
จริงอยู่ที่พวกเราจะใช้การเคลื่อนย้ายมวลสารไป แต่ก็คงจะต้องมีตัวกลางคอยรายงานและขนส่งไปด้วย
การเดินทางมาด้วยเครื่องย้ายมวลสารครั้งนี้ มีผลกระทบต่อตัวผมน้อยลงกว่าที่ผ่าน ๆ มา แม้จะยังมีอาการเวียนหัวอยู่บ้าง
แต่คนอื่นในหน่วยผมก็ยังมีคนที่ไม่ไหวกับเครื่องนี้จนอ้วกออกมาอยู่ดี
ตอนนี้พวกเรามาอยู่ที่ฐานบัญชาการสำหรับเก็บของอันตรายที่ไม่ควรที่จะให้หลุดออกไปอยู่โลกภายนอก
มณีแห่งบาปเจ็ดประการซึ่งถือว่าเป็นวัตถุที่สมควรจะหมดบทบาทต่อโลก นับตั้งแต่ที่ถูกทำลายภาชนะไปจึงถูกตกลงว่าจะนำมาไว้ที่นี่
รองหัวหน้าเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมด พวกผมก็แค่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขารอให้เขาคุยและจัดการงานเอกสารให้เรียบร้อยก็เท่านั้น
ส่วนหัวหน้าเหมือนจะแยกไปไหนกับเจ้าหน้าที่ของที่นี่
"เฮ้อ งานแบบนี้น่าเบื่อจังเลยนะ"
"นั่นสิ ฉันอยากได้งานที่ออกไปยืดเส้นยืดสาย ไม่ใช่งานแมสเซนเจอร์แบบนี้"
เพื่อนรวมทีมของผมบ่นกันซะแล้ว แต่พวกเขาบ่นแบบกระซิบกันเพราะไม่อยากให้รองหัวหน้าได้ยิน
"อยากจะมีใครให้สู้บ้างจังเลย.."
บรึ้ม!!
เหมือนฟ้าเป็นใจให้สิ่งที่เพื่อนรวมทีมของผมเป็นจริง
มันมีบางอย่างเกิดขึ้น ผมได้ยินเหมือนเสียงของระเบิดดังมาจากด้านหนึ่งของฐานบัญชาการ
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอีก
พอรู้ตัวอีกทีก็มีบางอย่างตกลงมาจากข้างบน แล้วทำให้ผมสลบไป..
"ก..เกิดอะไรขึ้น ?"
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากที่เหมือนมีอะไรสักอย่างแข็ง ๆ กระแทกลงมาที่หัวผม
ภาพที่ผมมองเห็นตอนนี้ช่างเบลอไปหมด ต้องใช้เวลาสักพักกว่าที่ทัศนวิสัยจะหลับมาเป็นปกติ
แล้วพอผมสามารถมองเห็นได้ปกติ ผมก็พบกับ..
"...!?"
คนคนหนึ่งดูจากลักษณะของร่างกายแล้วน่าจะเป็นผู้ชาย
สวมหน้ากากทำให้มองไม่ห็นใบหน้าที่แท้จริง หน้ากากนั้นมีลักษณะคล้ายหน้ากากแมลง
ดวงตากลมโตที่ส่องแสงสีม่วง รอยสลักรูปฟันฉลามบนหน้ากาก
สวมชุดเกราะทั้งตัว อย่างกับว่าชุดกับร่างกายนั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน
กำลังยืนอยู่เบื้องหน้า เพื่อน ๆ และรองหัวหน้าของผมที่ถูกบังคับให้นั่งคุกเข่า
รอบข้างของมัน มีคนที่สวมเกราะคล้าย ๆ กันอยู่อีกหกคน
เปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนกลายเป็นภาพพื้นหลัง ที่เสริมความสะพรึงกลัวแก่พวกมัน
ชายผู้นั้นตรงไปที่รุ่นพี่ของผมคนแรกจากนั้นก็
ปัง!
กระสุนปืนทะลุผ่ากะโหลก แล้วร่างนั้นก็แน่นิ่งไป
มันมาหารุ่นพี่อีกคนแล้วจ่อปืนในแบบเดียวกัน
ปืนกระบอกนั้นเป็นแค่ปืนพกธรรมดาแน่ ๆ แต่ไม่ว่าประสิทธิภาพอาวุธจะเป็นยังไง การยิงเข้าหัวก็ทำให้ถึงตายอยู่ดี
ปัง!
มันกำลังไล่ฆ่าคนในหน่วยของผมทีละคน..ทีละคน..
ปัง!
ปัง!
ปัง!
จนในที่สุดก็มาถึงเพื่อนรุ่นเดียวกับผม
"ไม่ ฉันยังไม่อยากตาย!"
เพื่อนผมร้องขอชีวิต แต่หน้ากากนั้นไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใด ๆ
ผมจะต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่งั้นเขาจะต้องตายแน่ ๆ
แต่ถ้าออกไป ผมจะทำอะไรได้ ดีไม่ดีอาจจะถูกพวกมันจับอีก
ตัวผมคนเดียว กับพวกมันเจ็ดคน ไม่มีทางที่ผมจะสู้ได้แน่ ๆ
แต่ถ้าผมไม่ไปช่วย เพื่อนของผมก็จะ..
นี่ผมจะทำยังไงดี..?
ออกไปช่วย หรืออยู่ตรงนี้ปล่อยให้เขาตาย
ออกไปช่วย หรืออยู่เฉย
ออกไป.....................................อยู่เฉย
ออกไป.............................................อยู่เฉย
What are you choice ?
..................... To Be Continue ....................
..................... To Be Continue ....................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น