ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 ปกป้อง
เอเรีย 1 บริษัท Tormenta สาขาย่อย เวลา 23.00 น.
บริษัท Tormenta เป็นบริษัทเป็นบริษัทเกี่ยวข้องอุตสาหกรรมพลังงานลมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของเมือง หรือก็คือบริษัทนี้คือผู้ที่เป็นเจ้าของกังหันลมทั้งหมดภายในเมืองฟูโตะ เป็นทั้งผู้ก่อสร้างและผู้วางออกแบบ ให้สามารถใช้งานได้จริง จึงเป็นบริษัทที่มีความสำคัญภายในเมืองนี้ มีสาขาหลักอยู่ที่เอเรีย 1 แห่งนี้ และก็มีสาขาย่อยกว่าอีก 27 สาขา เอเรียละ 1 สาขา
แน่นอนว่าประธานของบริษัทนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนของตระกูลทาจิบานะ
เพราะบริษัทนี้นั้นเป็นผู้ที่ออกแบบ 1 ใน 8 สิ่งมหัศจรรย์ของเมือง ซึ่งก็คือ ฟูโตะทาวน์เวอร์หรือก็คือกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าหากขาดบริษัทนี้ไปเมืองแห่งนี้คงจะขาดแหล่งพลังงานสำคัญไปอย่างแน่นอน
และนี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสาขาย่อยของบริษัท Tormenta แห่งนี้...
ขณะนี้เวลาก็ 5 ทุ่มแล้ว แต่ก็ยังมีพนักงานสองคนที่ยังคงทำงานของพวกเขาจนดึก เพื่อให้เสร็จก่อนกำหนดการณ์พรุ่งนี้ จนในที่สุดหนึ่งในสองของพวกเขาก็ทำงานเสร็จ
"เฮ้อ...ในที่สุดก็เสร็จแล้ว!" พนักงานร้องด้วยความยินดี
"ดีจังเลยนะครับคุณโมริ ผมยังเหลืออีกตั้ง 30 กว่าหน้าแน่ะ" พนักงานชายอีกคนพูด
"พยายามต่อไปนะ คุณคุโด้ เพราะถ้าเสร็จไม่ทันพรุ่งนี้ล่ะก็มีหวังโดนหัวหน้าเอ็ดอีกแน่" โมริเตือน
"นั่นสินะครับ พวกเราเองก็คงไม่มีใครอยากจะไปโดนคนเอาแต่ใจที่ทำอะไรก็ไม่เป็นแบบนั้นมาต่อว่าล่ะเนอะ" ทั้งสองแอบนินทาหัวหน้าของตัวเอง "คนของกระกูลคนรวยนี่ก็เป็นแบบนี้เสมอเลยนะ เอาแต่ใจ เห็นว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองก็มีดีแค่ทรัพย์สินเท่านั้นน่ะ"
"ก็ส่วนมากล่ะนะ" โมริสวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลของตัวเอง
"โดยเฉพาะถ้าเป็นพวกลูกคุณหนูจากตระกูลทาจิบานะด้วยแล้ว ยิ่งหยิ่งหนักเลย มีแต่พวกเห็นแก่ได้"
"ได้ยินว่าคนของตระกูลนี้ยอมฆ่ากันเพื่อที่ตนเองจะได้มรดกเลยนี่ เป็นตระกูลต้องสาปชัดๆ" คุโด้บ่น
"แต่ว่าถ้าไม่มีคนของตระกูลนี้....ไม่สิ ต้องพูดว่าถ้าไม่มีบรรพบุรุษของตระกูลนี้ก็คงจะสร้างเมืองฟูโตะแห่งนี้ขึ้นมาไม่ได้ ทั้งๆที่บรรพบุรุษสร้างชื่อให้ซะแบบนี้แต่ลูกหลานก็กลับมาทำมันพัง น่าเสียใจแทนบรรพบุรุษจริงๆนา" โมริบ่นเสร็จ ก็หยิบกุญแจรถของตัวเองเพื่อที่จะกลับ
"เอาล่ะ ฉันจะไปแล้วล่ะนะ"
"ระวังตัวด้วยนะครับ ช่วงนี้เวลากลางคืนมักจะมีเหตุคนตายบ่อยๆด้วย" คุโด้เตือนด้วยความเป็นห่วงเพื่อนร่วมงาน
"ไม่ต้องห่วงๆ งั้นขอตัวก่อนล่ะนะ" โมริลาเพื่อนร่วมงานของเขาและเปิดประตูออกจากห้อง
เขาเดินไปไปที่ลานจอดรถบนอาคารซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับชั้นที่เขาทำงานอยู่ เขาเดินตรงไปที่รถยนต์คันสีขาวของตัวเองและหยิบกุญแจรถขึ้นมา
"อ๊ะ!" ตอนที่เขาจะเสียบกุญแจใส่ประตุรถเขาก็บังเอิญทำมันหล่นก่อน
โมริก้มตัวลงไปเก็บกุญแจรถของเขาขึ้นมาใหม่
ฟั่บ!
ชายวัยสี่สิบหันกลับไปข้างหลังเมื่อเขาเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวภายในเงามืด
"คิดไปเองล่ะมั้ง" โมริปลอบใจตัวเองแบบนั้นและเสียบกุญแจรถเปิดประตูรถของเขาออก
โมริใส่ของสัมภาระของเขาลงไปในรถก่อนที่เข้าไปในรถ แต่ก่อนหน้านั้นพอเขาเหลือบไปมองที่กระมองหลัง เขาก็เห็นเหมือนมีสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่อยู่ข้างหลัง
"เฮ้ย!!" เขาสะดุ้งตกใจหันกลับมามองสัตว์ประหลาดด้านหลังนั้น....
...แต่ว่ากลับไม่มีอะไรเลย
"สงสัยคงจะนอนน้อยจนเกิดภาพหลอนแล้วสินะ" โมริจับศรีษะของตัวเอง
และเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างเหลวๆเหนี่ยวๆที่อยู่ๆก็ตกลงมาที่ฝ่ามือของเขาพอดี "อะไรเนี่ย ?" เขาลองดมมัน "แหวะ เหม็นชะมัด"
"มาจากข้างบนรึไง ?" เขาหันไปมองข้างบนหัวเขา
สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับมดยักษ์เกาะอยู่บนเพดานเหนือหัวเขา
สภาพภายนอกของมันดูไม่ต่างไปจากมดดำทั่วไปที่รู้จักกัน เพียงแต่ว่าตัวมันมีขนาดใหญ่พอๆกับสองเท่าของรถของเขา มันจ้องมองมาที่โมริพร้อมกับน้ำลายที่ไหลย้อยของมันทำให้เขารู้แล้วว่าน้ำที่หกใส่มือของเขาคืออะไร
"สะ..สัต-!!"
ชายเสื้อโค้ทน้ำตาลยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ถูกเจ้ามดยักษ์ตนนั้นเขมือบเข้าไปทั้งตัวทันที เสียงร้องของเขาดังอยู่ภายในปากอันใหญ่โตของมัน แต่ก็ไม่มีใครที่ได้เสียงร้องของเขาเลย.....
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงครึ่ง ในที่สุดคุโด้พนักงานอีกคนก็ทำงานของเขาจนเสร็จ
เขาสวมเสื้อโค้ทสีน้ำเงินเข็มแล้วเดินออกจากห้องทำงานพร้อมกับปิดไฟและเครื่องไฟฟ้าทุกชนิดให้เรียบร้อย คุโด้เดินไปยังลานจอดรถที่อยู่ชั้นเดียวกับโมริเพื่อที่จะขับรถกลับบ้าน แต่ว่าเขาก็พบสิ่งปกติระหว่างที่เดินไปที่รถของเขา
"นั่นมัน รถของคุณโมริ ?"
เวลาเที่ยงคืน ไฟบริเวณลานจอดรถส่องไฟสลัวๆ เสียงลมที่พัดมาอย่างอ่อนๆ
ถึงภายนอกจะมีเสียงของเหล่าผู้คนที่ยังใช้ชีวิตยามราตรีอยู่ในเมืองก็ตาม แต่ถ้ามาอยู่ในสถานการ์ณเช่นนี้กลับรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูเงียบสงัด ความสงสัยของเพื่อนร่วมงานที่รถของเขาจอดทิ้งไว้โดยที่ยังเปิดประตูไว้
"คุณโมริอยู่ตรงนั้นรึเปล่าครับ!?" คุโด้ตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
"คุณโมริ!" คุโด้เดินตรงไปที่รถคันสีขาวของเพื่อนร่วมงานหวังว่าจะเจอภายในรถ
แต่เมื่อมาดูแล้วก็ไม่มีใครอยู่ในรถแม้แต่คนเดียว "ไปไหนของเขานะ ตอนที่เขาออกมาถึงตอนนี้ก็ตั้งชั่วโมงครึ่งแล้ว ไม่น่าจะมาอยู่อะไรแถวนี้"
"หรือว่าลืมของ...แต่ว่าถ้าลืมของเราก็น่าจะเห็นหนิ แต่นี่กลับ.." คุโด้หันไปมองรอบๆ พื้นที่แถบนี้แทบจะถูกปหคลุมด้วยความมืด มีแสงไฟเพียงเล็กน้อยที่ช่วยส่องแสงทางให้กับเขา
"เราเองก็กลับบ้านก่อนดีกว่า.."
คุโด้หันกลับไปทางรถตัวเองและเดินตรงไปเพื่อที่จะกลับขึ้นรถ
เมื่อนั้นเขาได้ยินเสียงของบางอย่างดังมาจากในเงามืดเขาจึงหยุดชะงัก เสียงก้าวเท้าเดินของบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ บางอย่างที่ไม่ได้มีเท้าเพียงเท้าเดียว บางอย่างที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขาด้วยความเร็วสูง
"บะ...บ้าน่า!"
"แกว้กก!!" สัตว์ประหลาดมดขนาดยักษ์พุ่งเข้ามาแล้วขย้ำชายหนุ่มทิ้งภายในชั่วพริบตา
นีเดิลที่มองเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างสนุกสนานที่ตึกข้างๆ ก็กำลังนั่งกินอาหารเป็นกับแกลมไปด้วย
"เป็นโชว์ที่ดีนะ แต่ว่าถ้าจะให้โชว์มันสนุกกว่านี้ก็คงต้อง" มันหยิบภาพของมาสค์ไรเดอร์ทั้งแปดคนขึ้นมา "ต้องให้เจ้าพวกนี้มาร่วมแสดงด้วย...ฮ่าๆๆๆๆ"
.
.
.
.
ห้องพักของอากิฮิสะ เวลา 07.40 น.
กริ๊ง!!
เสียงของนาฬิกาปลุกยามอรุณรุ่งได้ปลุกให้ชายหนุ่มผู้รับพลังจากอวกาศตื่นขึ้นมาเพื่อรับเช้าวันใหม่ที่สดใส
"ฮ้าวววว!!" เขาเอื้อมมือไปปิดสัญญาณนั้น แล้วลุกขึ้นบิดตัวไปมาเพื่อให้ตัวเองตาสว่าง "เอาล่ะ!" อากิฮิสะเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองก็พบเห็นฮายาเตะเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว
"โห นี่นายทำเองหมดเลยเรอะเนี่ยฮายาเตะยอดไปเลยแฮะ" ของกินตระการตาตรงหน้าทำเอาอากิฮิสะถึงกับน้ำลายไหล
"อะ ตื่นแล้วเหรอครับอากิฮิสะคุง ผมกะจะเลี้ยงขอบคุณน่ะครับที่ให้ที่พักของผมเมื่อคืนน่ะครับ" ฮายาเตะทดแทนบุญคุณโดยการทำอาหารเช้าให้กับอากิฮิสะ "ไม่รู้ว่ารสชาติจะดีรึเปล่านะครับ แต่ผมก็ทำอย่างสุดฝีมือ หวังว่าจะถูกปากนะครับ"
"ไหนขอลองชิมดูหน่อยนะ" อากิฮิสะตักน้ำซุปมิโซะแล้วลองชิมดู
"นะ...นี่มัน!?" ชายหนุ่มทำหน้าตกใจอย่างมาก "รสชาติของน้ำซุปเข้มข้นแต่ก็มีความนุ่มนวลอยู่ในตัว เกลือและน้ำตาลภายในนี้สามารถผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และด้วยอุณหภูมิความร้อนในตอนนี้จะยิ่งทำให้รสชาติของน้ำซุปออกมาได้ถึงขนาดนี้ นี่มันระดับภัตตาคารห้าดาวเลยไม่ใช่เรอะ!?"
อากิฮิสะก้มหัวให้ฮายาเตะ "เรื่องทำอาหารฉันแพ้นายงั้นเหรอเนี่ย"
"อา ผมยังไม่ได้เก่งอะไรถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่ทำตามที่เคยไปทำงานพิเศษมาเท่านั้นเองน่ะครับ" ฮายาเตะบอก
"ทำงานพิเศษ ?"
"ครับ คือเมื่อก่อนตอนสมัยประถมเคยไปทำงานพิเศษอยู่ที่ภัตตาคารอาหารน่ะครับ แล้วผมก็ลองก๊อปเทคนิคการทำอาหารมาจากร้านต่างๆแล้วนำมาประยุกต์จนกลายเป็นสไตล์แบบของผม แต่ว่าพอไปทำงานพิเศษที่ร้านไหนก็มักจะถูกไล่ออกน่ะครับ" ฮายาเตะเล่า
"ดะ..เดี๋ยวสิ อาหารระดับนี้น่าจะถูกใจลูกค้ามากๆเลยนะแล้วไหงโดนไล่ออก ?" อากิฮิสะสงสัย
"แบบว่าจริงอยู่นะครับที่ลูกค้าชอบมากๆ แต่คนภายในกลับไม่ชอบผมที่ดีจนเกินไปก็เลยไล่ออกน่ะครับ และให้เหตุผลว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะทำอาหารน่ะครับ"
"แล้วนายไปซื้อพวกวัตถุดิบที่ใช้ทำที่ไหนน่ะ ฉันไม่ได้มีในตู้เย็นนะ" อากิฮิสะถาม
"คือว่าผมใช้ตังค์ตัวเองที่เหลืออยู่ซื้อน่ะครับ ออกไปซื้อตั้งแต่ตี 5 ก็เลยได้วัตถุดิบดีๆแล้วก็ยังลดราคาพิเศษด้วยนะครับ"
"นายจะตื่นเช้าไปไหนเนี่ย แล้วใช้เงินนายมันจะดีเหรอ ?" อากิฮิสะรู้สึกเป็นห่วง
"ตอนนี้นายเองก็ไม่มีเงินแล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้าอย่างงั้นจะหาที่พักเป็นหลักเป็นแหล่งได้งั้นเหรอ ?"
"ไม่ต้องห่วงครับ เงินน่ะจะหาทีหลังเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนเรื่องที่พักผมก็จะหาให้ได้ภายในวันนี้ล่ะครับจะได้ไม่มาเป็นภาระให้อากิฮิสะคุงอีก" ฮายาเตะพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
"ถ้าจะพักก็มาได้เสมอนะ ช่วงนี้พี่สาวของฉันไม่อยู่ฉันอยู่คนเดียวน่ะ" อากิฮิสะบอก
"ไม่เป็นไรครับผมไม่อยากรบกวนอากิฮิสะคุงมาก ที่เลี้ยงอาหารให้วันนี้ก็ถือว่าเป็นของตอบแทนก็แล้วกันนะครับ เพราะตอนที่ผมไปเช็คคลังอาหารของอากิฮิสะคุงแล้วมันมีแต่บะหมี่ถ้วย...ที่ขาดสารอาหารน่ะครับ..."
"ขอโทษนะที่ฉันมันไม่ชอบทานอะไรที่มีประโยชน์น่ะ ก็ฉันไม่มีตังค์แล้วนี่" อากิฮิสะแย้ง
"ผมรุ้สึกว่าจริงๆแล้วอิากิฮิสะคุงก็มีฐานะนะครับถึงเช่าหอพักแบบนี้ได้ ดูจากสภาพห้องแล้วก็น่าจะรวยไม่ใช่น้อยแต่ว่าจุดที่ทำให้อากิฮิสะคุงดูเหมือนยากจนคือ.."
"คือ ?" อากิอิสะรอฟัง
"หนังสือสมบัติกว่า 2,000 เล่มในห้องของตัวเอง และเกมจำนวนมาก ก็มีแต่ของแบบนี้ถ้าจะไม่จนก็คงไม่แปลกแล้วล่ะครับ บะหมี่ถ้วยเองจริงๆแล้วก็สามารถนำไปซื้อวัตถุดิบอาหารดีๆได้ตั้งเยอะนะครับ" ฮายาเตะเทศน์ใส่เพื่อนของเขา
"กะ...ก็บะหมี่ถ้วยมันทำง่าย และสำหรับฉันมันก็อร่อยด้วย" อากิฮิสะอ้าง
"แต่ว่าถ้าไม่ฝึกทำอาหารด้วยตัวเองเวลาที่ใช้ชีวิตตัวคนเดียวโดยที่รักษาสุขภาพไปด้วยจะลำบากนะครับ" ฮายาเตะพูดสีหน้าที่จริงจัง
แววตาของชายหนุ่มพลังอวกาศเปลี่ยนไป "ใครบอกว่าฉันทำอาหารไม่เป็นน่ะ ฮายาเตะ ฉันน่ะแค่ปิดฝีมือของตัวเองไว้ต่างหาก"
"เหรอครับ ถ้าอย่างงั้นลองทำให้ผมดูหน่อยสิครับ" ฮายาเตะท้า
"ได้ตามที่ขอ" อากิฮิสะนำวัตถุดิบที่ฮายาเตะเหลืออยุ่สามารถทำอาหารออกได้หน้าตาที่ดูน่ากิน กลิ่นเองก็หอม ไม่แพ้ของฮายาเตะเลย
"ดูดีกว่าที่คิดนะครับ" ฮายาเตะใช้ตะเกียบหยิบอาหารของอากิฮิสะขึ้นมาชิม
"...อร่อย อร่อยจริงๆด้วย รสชาติไม่ได้อร่อยถึงที่สุด แต่ว่ากลับออกรสชาติที่นุ่มนวล ไม่ใช่ระดับอาหารปลายแถวเลย!"
"เห็นมั้ยเล่า บอกแล้วว่าฉันเป็นคนทำเอง!" อากิฮิสะเบ่ง
"ต่อไปเป็นข่าวเหตุความไม่สงบเมื่อวานค่ะ"
เสียงของผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์ที่เปิดไว้พูดขึ้น เปลี่ยนให้ทั้งสองไปสนตามเสียงนั้นทันที
"เกิดเหตุคดีฆาตกรรมปริศนาที่ลานจอดรถบริษัท Tormenta ผู้เสียชีวิตเป็นพนักงานสองคนที่ทำงานอยุ่ในช่วง ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง พบว่ามีร่องรอยคล้ายการต่อสู้เกิดไปทั่วพื้นที่ แต่ว่ากลับมีร่องรอยของน้ำเมือกประหลาดซึ่งทางทีมวิจัยกำลังตรวจสอบความผิดปกตินี้อยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ด้วยสาเหตุบางอย่าง แต่สามารถบันทึกเสียงของสิ่งที่โจมตีทั้งสองได้ค่ะ มาลองฟังนะคะ"
"แกว้กกก!!!"
"ค่ะ นั่นคือเสียงที่คนร้ายใช้เพื่อขู่ทั้งสองคน แล้วลงมือสังหารในจังหวะที่พวกเขาไม่ทันระวังตัว นี่คือข้อสันนิษฐานของทางตำรวจ แต่ว่าในตอนนี้ยังไม่พบศพของผู้เสียชีวิตทั้งสอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะพยายามสืบหาต้นตอที่แท้จริงสำหรับการฆาตกรรมในครั้งนี้ให้ได้ หากมีอะไรเพิ่มเติมก็จะขอแจ้งให้ทราบในภายหลังค่ะ" ผู้ประกาศข่าวสาวรายงาน
"น่าแปลกนะครับ ดูเสียงเมื่อกี้แล้วเหมือนไม่ใช่ของปลอมเลย" ฮายาเตะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
"หรือว่าจะเป็นเจ้าพวกลอสท์นั่น!?" อากิฮิสะคิด
"ถ้าใช้ล่ะก็คราวนี้พวกมันลงมือหนักเลยนะเนี่ย"
"พวกเราเองก็ลองไปตรวจสอบที่นั่นดูเถอะครับ" ฮายาเตะแนะนำ
"อืม..." อากิฮิสะครุ่นคิดเขายังลังเลว่าจะไปดีหรือไม่ "..เอางั้นก็ได้ ไปลุยกับมันกันเลย!"
ทาจิบานะ จุนอิจิที่กำลังปิดข่าวดูที่บ้านของเขาเช่นกัน พอเห็นข่าวนี้แล้วก็รู้สึกร้อนใจ
"พี่จ๋าเป็นอะไรรึเปล่า ดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่นะ" มิยะถามเมื่อเห็นท่าทีของพี่ชายตัวเองดูแปลกๆ
"เปล่าหรอกแค่รู้สึกไม่ดีเท่านั้นล่ะ อีกอย่างที่นั่นก็เป็นบริษัทของญาติเรานะ จะไม่ให้ไม่เป็นห่วงได้ไง" จุนอิจิต่อว่ามิยะ
"แต่ว่าพวกญาติคนอื่นๆพวกเขาแค่หวังมรดกไม่ใช่เหรอคะ พวกคนแบบนั้นไม่เห็นจะต้องไปห่วงอะไรเลยก็ได้นี่" มิยะทำหน้าไม่พอใจ "อีกอย่างได้ยินว่าวันนี้พวกเขาก็จะจัดงานเลี้ยงอะไรซักอย่างที่นั่นด้วยล่ะ มีบัตรเชิญมาที่เราด้วยนะ คงจะชวนเราไปให้ขายหน้าเหมือนเดิมแน่ๆเลย"
"บัตรเชิญเข้างานเลี้ยงงั้นเรอะ ?" จุนอิจิครุ่นคิดเขาคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ลอบเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ในครั้งนี้แล้ว "มิยะ เตรียมตัวเถอะ พวกเราจะไปกัน"
"ไปกัน...ไปไหน ?" มิยะงง
"ถามมาได้นะ ก็ไปงานเลี้ยงที่เขาเชิญมาไงล่ะ" จุนอิจิลุกขึ้น สีหน้าของเขาแสดงว่าเขาพูดความจริงทำเอามิยะถึงกับงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่ชายตัวเอง ที่ตามปกติไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนี้
"พี่จ๋าแต่ว่าเท่าที่หนูจำได้นะ คนที่เป็นเจ้าของที่นั่นมัน...." มิยะทำหน้าแบบไม่อยากไปพบคนที่เธอกำลังจะพูดถึงเลย
"ใช่ คนที่ดูแลที่นั่น ทาจิบานะ ซาคุมะ" ชายหนุ่มพูดชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
บริษัท Tempesta จำกัด เวลา 10.33 น.
บริษัท Tempesta เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขายบ้าน ห้องเช่า คอนโดมีเนียม
ที่ซึ่งฮายาเตะต้องมาติดต่อเพื่อหาที่พักอาศัยให้เข้าอยู่อย่างเป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่งั้นเขาคงจะต้องใช้ชีวิตแบบขอทานเร่ร่อนภายในเมืองแห่งนี้ก็เป็นได้
"แล้วเธอไม่มีผู้ปกครองมาด้วยงั้นรึ ถ้าไม่มีความรับรองจากผู้ปกครองก็จะไม่สามารถเซ็นสัญญาตามที่กำหนดได้นะ" นายหน้าอธิบาย
"คือว่าผมเป็นคนนอกเมืองน่ะครับ แล้วพ่อแม่ของผมส่งผมมาเมืองนี้คนเดียวน่ะครับ ตอนนี้ก็เลยต้องใช้ชีวิตแบบพึ่งตัวเองครับ" ฮายาเตะโกหกไป
"อืม...งั้นก็ขอดูบัตรประจำตัวของเธอหน่อยนะ เพื่อเป็นหลักฐานว่าเธออยุ่ในเมืองนี้ในฐานะนั้น" นายหน้าขอบัตรประจำตัวของฮายาเตะที่ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันสถานะของประชาชนในเมืองว่าเกิดที่เมืองแห่งนี้,ย้ายมาจากนอกเมือง,หรืออีกมากมาย
"ฮายาเตะๆ นายคิดดีแล้วเรอะ ถ้าเขาจำได้เราจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้นะ" อากิอิสะกระซิบข้างหูเพื่อนของเขา
"ไม่เป็นไรครับ ผมเคยมีประสบการณ์ทำงานแบบนี้มาก่อนวางใจผมเถอะครับ" ฮายาเตะตอบอย่างมั่นใจ
"นี่นายอายุเท่าไหร่กันแน่เนี่ยทำงานหลากหลายจังเลยนะ" อากิฮิสะชักรู้สึกสงสัย
"ครับ นี่บัตรประจำตัวของผม" ฮายาเตะยื่นบัตรประจำตัวให้นายหน้า
นายหน้าทำการตรวจสอบบัตรประจำตัวนั้น และเขาก็พูดกลับมาว่า "อืม ตกลงเป็นตามที่เธอพูดจริงๆ ถ้าอย่างงั้นเธอต้องการบ้านหรือห้องเช่าแบบไหนล่ะ ?"
"เอาจริงเด่ะ!" อากิฮิสะตกใจที่ผ่านได้ง่ายๆ
"ผมขอห้องแบบ 3LDK ที่มีราคาถูกที่สุดน่ะครับ" ฮายาเตะบอกไป
"3LDK คืออะไรน่ะ ?" อากิฮิสะถาม
"3LDK คือห้องตามอพาร์ทเม้นที่มี 3 ห้องครับ" ฮายาเตะเริ่มอธิบาย
"โดยภายในห้องนั้นจะประกอบไปด้วยห้องสามห้อง ห้องรับแขก ห้องทางอาหารและห้องครัวครับ ที่ผมเลือกแบบนี้เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกับการใช้ชีวิตในแบบของผมมากที่สุดน่ะครับ แถมราคาก็ไม่น่าจะแพงมากด้วย"
"มันเป็นวิถีชีวิตแบบพอเพียงหรือยาจกล่ะนั่น แต่จากที่นายเล่ามันไม่มีห้องน้ำหนิ" อากิฮิสะบอก
"อากิฮิสะคุง ถ้ามันไม่มีห้องน้ำแล้วผมจะเลือกแบบนี้ไปทำไมล่ะครับ" ฮายาเตะเหนื่อยใจในความทึ่มของอากิฮิสะ เพราะถึงเป็น 3LDK ยังไงก็ยังมีห้องน้ำ เพียงแค่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเท่านั้น
"อืม....แล้วห้องแบบของฉันนี่นับว่าเป็น 3LDK รึเปล่าน่ะ ?" อากิฮิสะถาม
"ห้องของอากิฮิสะคุงมีทั้ง 3 อย่างจริง แต่ก็มีห้องนอนส่วนตัวด้วยนี่ครับ" ฮายาเตะบอก "แบบนั้นไม่ใช่หรอกครับ"
"เอาล่ะ นี่คือแบบที่ถูกที่สุดแล้วนะ เธอจะเอารึเปล่า ?" นายหน้าตั้งภาพให้ทั้งสองดู
"อืม...ราคาก็ 10,000 เยน ต่อเดือนแต่มีพร้อมทั้งไฟและน้ำพร้อม....พี่ครับมันจะไม่ถูกไปเหรอครับ ?" ฮายาเตะที่เห็นราคาสุดแสนจะถูกถ้านับตามบ้านแบบเดียวกัน
"เธอลองอ่านหมายเหตุข้างล่างก่อนสิ" นายหน้าบอก
ฮายาเตะและอากิฮิสะลดหัวลงมาอ่านหมายเหตุด้านล่างสุด "ไม่ขอรับประกันความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทุกชนิด หากอุปกรณ์เครื่องใช้เสียหายหรือใช้งานไม่ได้ ทางเราจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น และหากพบกับเรื่องเหนือธรรมชาติขอให้ท่านสวดมนต์เอาก็แล้วกัน"
"สรุปเธอจะเอารึเปล่า ?" นายหน้ายิ้มต้อนรับอย่างดี
ฮายาเตะและอากิฮิสะเงยหน้าขึ้นและตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า "ไม่ครับ!"
สุดท้ายทั้งสองก็ออกมาจากบริษัทนั้นด้วยความผิดหวัง
"เฮ้อ...เมืองนี้มันก็อยู่ยากจริงแฮะ แล้วอะยาซากิทำไมนายไม่ลองไปกู้เงินดูล่ะ จะได้เอามาตั้งหลักชีวิตใหม่" อากิฮิสะแนะนำ
"คือเรื่องนั้นผมทำไปหลายครั้งแล้วล่ะครับ คุณพ่อคุณแม่ผมใช้บัตรของผมกู้เงินมาจากทางนั้นแล้วนำไปใช้ทำตามความฝันหมดน่ะครับ สุดท้ายแล้วครอบครัวผมก็ติดหนี้ก้อนโตถึงขนาดที่ชีวิตนี้อาจจะใช้ไม่หมดได้เลยนะครับ" ฮายาเตะเล่าถึงชีวิตอันโหดร้ายของตัวเอง
"อากิฮิสะคุงน่ะดีนะครับที่เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่มีเงินใช้แบบนั้น ของผมต้องลำบากบากบั่นอยู่ตลอดเวลาเลย"
ทั้งสองเดินไปตามทางเรื่อยๆพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าอีกฟากของฝั่งถนนมีเหมือนงานเลี้ยงกำลังจัดขึ้นที่หน้าอาคารของบริษัทแห่งหนึ่ง
"งานเลี้ยงงั้นเรอะ จัดเนื่องในโอกาสอะไรล่ะเนี่ย ?" อากิฮิสะยืนมองด้วยความสงสัย
แต่ฮายาเตะกลับมองในสิ่งที่ต่างออกไป เขากลับมองขึ้นไปบนอาคารสูงนั้นและพยายามนึกถึงบางอย่าง "อากิฮิสะคุงผมรู้สึกว่าเหมือนพวกเราเคยเห็นตึกนี้ที่ไหนมาก่อนนะครับ"
"เอ๊ะ!?" อากิฮิสะลองมองขึ้นไปบนตึกสูงบ้าง "เอ...จริงนะเหมือนเพิ่งเห็นไปไม่นานนี้ด้วย"
ความทรงจำกลับมาที่เด็กหนุ่มอีกครั้งเขาสามารถจำได้ว่าพวกเขาเห็นที่แห่งนี้ในข่าวตอนเช้า "อากิอิสะคุงนี่มันตึกที่เกิดคดีฆาตกรรมประหลาดเมื่อเช้านี่ครับ!"
"เออ จริงแฮะ แล้วนีมันจัดงานใหญ่โตแบบนี้เพื่อโอกาสอะไรเนี่ย ?" อากิฮิสะท่าทางตกใจ
"รู้สึกจะผิดประเด็นนะครับ ที่จริงน่าจะพูดว่าทำไมถึงจัดงานแบบนี้อยู่มากกว่า" ฮายาเตะแก้คำพูด
"งานเลี้ยงนี้จัดในโอกาสวันเกิดของประธานบริษัทของที่นี่น่ะ" เสียงของชายผู้หนึ่งอธิบายให้ทั้งสอง "และที่ว่าทำไมถึงยังจัดงานอยู่เป็นเพราะประธานคนนั้นเขาไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เขาเพียงแค่สนใจความต้องการของตัวเองเท่านั้น ต่อให้เป็นตำรวจก็เถอะก็มาห้ามพวกเขาไม่ได้"
"อย่างงี้นี่เอง ขอบใจนะที่อธิบาย" อากิฮิสะขอบคุณทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
"เดี๋ยวสิแล้วนายเป็นใคร ?" อากิฮิสะหันกลับไปข้างหลังก็พบกับจุนอิจิในชุดสูทดูราคาแพง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง "นะ...นายเป็นใครกันเนี่ย!?"
"พวกเราเพิ่งเจอกันไปเมื่อสองวันก่อนไม่ใช่รึไง" จุนอิจิยืนกอดอก
"ทาจิบานะคุงทำไมถึงใส่ชุดนี้ล่ะครับ หรือว่าคุณถูกเชิญให้มาที่นี่ ?" ฮายาเตะที่ยังจำได้ก็คุยกันแบบปกติ
"อืม ฉันกับประธานของที่นี่..ไม่สิ ประธานของบริษัทนี้ทุกคนเป็นญาติๆของฉันหมด และเขาก็มักเชิญฉันไปงานแบบนี้ทุกครั้งนั่นล่ะ" จุนอิจิอธิบาย
"แต่ว่าก็ไม่ได้อยากมานักหรอกนะ งานแบบนี้.."
"งั้นสาเหตุที่ทาจิบานะคุงมาที่นี่หรือจะเป็นเรื่องคดีฆาตกรรมเมื่อคืนครับ ?" ฮายาเตะเดาเหตุผลของจุนอิจิ
จุนอิจิพยักหน้า "ใช่ ถ้ามันเกิดขึ้นที่ ไม่แน่ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกก็ได้"
"พี่คะ มัวมาทำอะไรอยู่ตรงนี้" มิยะในชุดเดรสสีดำเดินออกมาตามจุนอิจิที่มายืนคุยกับพวกฮายาเตะนานจนไม่ยอมเข้าไปซักที "แล้วคนพวกนี้เป็นใครเหรอคะ เพื่อนเหรอ ?"
"อะยาซากิ ฮายาเตะครับ เป็นเพื่อนของทาจิบานะคุงครับ" ฮายาเตะแนะนำตัว
"เช่นกัน โยชิอิ อากิฮิสะ" อากิฮิสะแนะนำตัว
"ค่ะ หนุชื่อทาจิบานะ มิยะเป็นน้องสาวของพี่จ๋า..ไม่สิ..พี่จุนอิจิค่ะ" มิยะแนะนำตัว
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"
"มิยะก็บอกว่าให้เข้าไปก่อนไม่ใช่เรอะ แล้วจะออกมาทำไม ?" จุนอิจิถาม
"พี่ก็รู้เหตุผลหนิคะว่าคุณซาคุมะเป็นคนยังไง หนูยังไม่อยากเข้าใกล้เลย หนูถึงได้ยืนกรานปฏิเสธมาตั้งแต่เช้า แต่พี่ก็กลับดันดึงดันที่จะมาให้ได้นั่นล่ะ" มิยะบ่น
"แต่คนที่ชวนดันไม่ยอมเข้างานมายืนอยู่ตรงนี้มันก็แปลกๆนะคะ" มิยะจ้องจุนอิจิเพื่อกดดันชายหนุ่ม
จนจุนอิจิต้องยอม "อาๆ เข้าใจแล้วจะเข้าไปก็ได้"
"พวกอะยาซากิเองก็จะเข้ามาด้วยกันมั้ยล่ะ ถ้าให้ฉันเป็นคนพาเข้าไปน่ะก็ได้นะ"
"เอ๊ะ จะดีเหรอครับ ?" ฮายาเตะรู้สึกเกรงใจ
"ที่นี่มีของอร่อยๆฟรีให้กินสินะ งั้นฉันตกลง!" อากิฮิสะตรงข้ามกับฮายาเตะอย่างสิ้นเชิง
"ไม่ต้องเกรงใจ อีกอย่างถ้าพวกนายเข้ามาด้วยฉันคิดว่ามันน่าจะสะดวกกว่าล่ะนะ" จุนอิจิพูดเป็นนัยๆว่าเขาจะต้องตามหาต้นตอที่แท้จริงขอคดีฆาตกรรมแน่ๆ ทำให้ฮายาเตะยอมตอบตกลง
บริษัท Tormenta เวลา 11.14 น.
ทั้งสี่คนเข้าไปในงานเลี้ยงที่จัดอยู่บนชั้นบน จุนอิจิและมิยะบอกชื่อกับบอดี้การ์ดหน้างานก็ทำให้พวกเขาผ่านเข้าไปในงานได้ แต่ฮายาเตะและอากิฮิสะกลับถูกกันไว้เพราะไม่มีชื่อ
"ไม่เป็นไรสองคนนี้มากับฉันให้เข้ามาเถอะ" จุนอิจิบอกการ์ดทั้งสอง
"ได้ครับ" การ์ดทั้งสองยอมปล่อยให้ฮายาเตะและอากิฮิสะเข้าไปในงานได้
ภายในงานเลี้ยงก็มีผู้คนมากกมาย แต่ละคนนั้นก็ดูเป็นคนที่มีฐานะกันทั้งนั้น มีชุดสูทที่ดูดี มีเครื่องประดับเรือนทองเรือนเงิน ผู้หญิงก็ใส่ชุดราตรีสวยงามดูดีมีราคา บางคนถึงจะไม่ใส่เครื่องแต่งกายที่ดูมีราคามากแต่ว่าพวกเขาก็ยังใส่ของที่บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นคนรวย บนโต๊ะมีถาดอาหารวางอยู่มากมายเรียงรายเป็นแถวยาว ตลอดทั้งงานมีกลุ่มวงดนตรีคอยเล่นเพลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับอากิฮิสะนี่คือการมาร่วมงานแบบนี้เป็นครั้งแรก สำหรับฮายาเตะเขาเคยร่วมงานแบบนี้มาหลายรอบแล้วแต่ส่วนมากจะเป็นคนที่ทำงานอยู๋เบื้องหลัง แต่สำหรับจุนอิจิและมิยะพวกเขาสองคนไม่ค่อยอยากจะมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง
"เฮ้ ไงจุนอิจิคุงไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไม่คิดเลยว่าจะมา" ผู้ชายอายุราวๆ 19 ปี พูดทักทายจุนอิจิอย่างกับรู้จักกันมาก่อน เขาดูท่าทางรวยที่สุดในบรรดาแขกร่วมงานทั้งหมดมีบอดี้การ์ดชุดดำสองคนยืนอยู่ข้างหลังเขา นอกนั้นล้วนเป็นหญิงสาวที่อยู่รายล้อมตัวเขา ด้วยสาเหตุที่เขารวย "ใช่แล้วร่วมถึงน้องสาวสุดน่ารักอย่างมิยะจังด้วยนะ"
เขาจับแก้มของเธอแตามิยะปัดออกอย่างไม่ใยดี
"คนๆนี้คือ ?" ฮายาเตะกระซิบถามมิยะที่ท่าทางฉุนเฉียว
"ทาจิบานะ ซาคุมะเป็นประธานของที่นี่น่ะค่ะ เขาชอบทำตัวแบบนี้หนูน่ะไม่ชอบเขาเลยน่ะค่ะ" มิยะกระซิบบอกฮายาเตะ
"แล้วผู้ชายข้างหลังนั่นใคร ดูจากหน้าแล้วคนนึงเป็นคนรับใช้" ซาคุมะชี้ฮายาเตะ
"แล้วก็อีกคนเป็นขี้ข้าสินะ" ซาคุมะชี้อากิฮิสะ และเขากับเหล่าหญิงสาวก็หัวเราะ
"เฮ้ย มาว่าใครเป็นขี้ข้ากัน!!" อากิฮิสะของขึ้นจะเข้าไปหาเรื่องซาคุมะแต่ถูกฮายาเตะหยุดไว้
"เย็นไว้ครับ อากิฮิสะคุง ถ้าเกิดคุณไปหาเรื่องเขาตอนนี้มีหวังโดนไล่ออกจากงานแน่ๆครับ ตอนนี้ใจเย็นก่อนเถอะครับ" ฮายาเตะพยายามกล่อมเขาจนได้ผล
"ยังคบกับพวกที่ดูเป็นคนยากคนจนไม่เปลี่ยนเลยนะจุนอิจิคุง แล้วคิดอะไรถึงมาที่นี่ล่ะ ?"
ซาคุมะพูดหยามจุนอิจิและถามเหตุผลที่มาที่นี่
"คุณซาคุมะ เมื่อวานเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นไม่ใช่เหรอครับ แล้วมาจัดงานแบบนี้ไม่คิดว่าคนร้ายจะลงมืออีกงั้นเหรอครับ ?" จุนอิจิถาม ซาคุมะไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเลยแม้แต่น้อย
"คุณซาคุมะครับ!" จุนอิจิทำหน้าจริงจังขึ้น
"อ้อๆ โทษทีนะ" ซาคุมะยอมกลับมาสนใจจุนอิจิ
"เรื่องนั้นไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ฆาตกรมันคงไม่ได้จะมาฆ่าทุกคนในงานซักหน่อย คนก็มีตั้งเยอะมันไม่กล้าลงมือหรอกน่า"
"แล้วถ้าสมมุติว่ามันไม่ใช่คนล่ะครับ" จุนอิจิพูด ซาคุมะหันกลับมาทำหน้างง
"ถ้าไม่ใช่คนแล้วจะเป็นอะไร เป็นสัตว์ประหลาดเหรอ เป็นเอเลี่ยนเหรอ หรือว่าจะเป็นยักษ์ที่ลงมาจากฟ้าแล้วมาฆ่าทุกคนกัน นี่มันโลกความจริงนะจุนอิจิคุงไม่มีอะำไรแบบนั้นหรอก" ซาคุมะไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่จุนอิจิพูดเลยแม้แต่น้อย
"ผมขอตัวนะครับ" จุนอิจิตัดสินใจเลิกคุยกับซาคุมะ ในใจของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธแต่ว่าเขารู้ดีว่าไม่ควรที่จะปลดปล่อยมันออกมา เขากลับมานั่งที่โต๊ะและคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
"อะยาซากินายช่วยไปดูที่เกิดเหตุจะได้มั้ย อยากจะให้ไปตรวจสอบแถวนั้นให้หน่อย"
"ครับ ได้ครับ" ฮายาเตะตอบตกลง และไปตามที่จุนอิจิบอกทันที
"โยชิอิ นายช่วยไปดูรอบๆงานให้ทีหากเห็นอะไรผิดปกติก็โทรมาด้วยล่ะ" จุนอิจิสั่งอากิฮิสะ
"ได้เลย แม่ทัพ!" อากิฮิสะรับคำสั่ง และเดินออกไปตามนั้น
"พี่ทำเหมือนกับว่าจะไปรบกับใครเลยนะคะ เป็นอะไรรึเปล่าวันนี้พี่ดูเครียดๆนะ" มิยะรู้สึกแปลกที่จุนอิจิดูจริงจังกับวันนี้มากผิดปกติ
"เปล่าไม่มีอะไรหรอก มิยะช่วยรอที่นี่ที่นะ เดี๋ยวฉันมีธุระที่ต้องไปทำก่อน" จุนอิจิผละตัวออกไปโดยที่ทิ้งมิยะไว้ในงานคนเดียว
"เดี๋ยวสิคะพี่" มิยะพยายามเรียกแต่ชายหนุ่มก็ไปเสียแล้ว "แล้วแบบนี้เราจะยังไงต่อละเนี่ย"
ตอนนั้นที่ทางเข้ารับแขกเข้างาน ผู้หญิงคนนึงอายุราวๆเดียวกับพวกฮายาเตะเดินเข้ามาบอกชื่อกับบอดี้การ์ด "คัตสึระ ฮินะงิคุค่ะ"
"อืม ไม่มีชื่อน่ะครับ มีแค่คัตสึระอีกคนน่ะครับ ไม่ทราบว่าเป็นญาติกันรึเปล่า ?" การ์ดด้านหน้าถาม
"ค่ะ แม่ของฉันติดงานเลยมาไม่ได้ เลยให้ฉันมาแทนน่ะค่ะ" เธอตอบ
"ถ้าอย่างงั้นก็เชิญเข้าไปได้เลยครับ" การ์ดทั้งสองยอมเปิดทางให้
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ" ฮินะงิคุเข้าไปในงานได้โดยง่าย
"สวยดีนะถ้าอีกซัก 5 ปีน่าจะสุดยอดไปเลย" การ์ดคุยกับการ์ดอีกคน
"เหอะ แบนเป็นไม้กระดานแบบนั้นฉันไม่แคร์หรอก"
"ครับๆ"
ลานจอดรถชั้นบนสุด เวลา 12.11 น.
อะยาซากิ ฮายาเตะขึ้นมายังลานจอดรถชั้นที่เกิดเหตุเพื่อมาตรวจสอบความผิดปกติตามที่จุนอิจิสั่ง พื้นที่ถูกกั้นไว้โดยกรวยและเทปกาวสีเหลืองเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปในที่เกิดเหตุ แต่ว่าเด็กหนุ่มจำต้องเข้าไปเพราะตำรวจไม่น่าจะรับมือกับเหตุผิดปกติในครั้งนี้ได้ เขาจึงแอบย่างก้าวเข้าไปในนั้น
"ตรงนั้นสินะ" ฮายาเตะเดินไปดูจุดที่รถคันขาวจอดอยู่และเปิดประตูทิ้งไว้
"รอบๆข้างไม่มีร่องรอยของอะไรเลย ไม่ได้โจมตีหรือเคลื่อนมาจากทุกทางงั้นเรอะ ?" เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัย แต่พอเขาก้มลงดูที่พื้นก็เห็นเหมือนเหมือกเหนียวๆติดอยู่บนพื้น
"นี่มัน!?" ชายหนุ่มก้มตัวลงและลองสัมผัสกับเหมือกเหนียวๆนั้น
"แบบนี้มันไม่เหมือนกับเป็นฝีมือมนุษย์เลยนะ"
"ฟึ่บ"
ฮายาเตะเหลี่ยวหลังกลับไปมองเมื่อรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบใครหรือสิ่งใด เขาจึงกลับมาให้ความสนใจกับร่องรอยประหลาดที่เกิดขึ้นบนพื้นก่อน "แบบนี้มัน ไม่ได้มาจาก...รอบข้างถ้าอย่างงั้น!"
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองขึ้นข้างบน แต่ก็พบเพียงเพดานธรรมดาไม่มีอะไรผิดปกติ
"ยังไงกันแน่นะ...คนร้ายเป็นลอสท์อย่างที่คิดจริงๆ แต่ว่ากลับแปลกไปจากตัวที่เราเจอมาก่อนหน้านี้" ฮายาเตะรู้สึกสงสัย เขาเดินไปที่รถอีกคนนึงที่จอดอยู่อีกฝั่งแต่รถคันนั้นก็ไม่ได้มีร่องรอยผิดปกติอะไร
"ถ้าอย่างงั้นเหยื่อรายที่สอง ถูกโจมตียังไงล่ะ ไม่ได้โดนโจมตีที่รถ"
ชายหนุ่มมายืนคิดอยู่ตรงกลางระหว่างรถทั้งสองคัน "คนร้ายลงมือยังไง ?"
ฮายาเตะสังเกตที่พื้นดูดีๆเข้าเห็นรอยปูนที่แตกเล็กน้อย พอเขามองไปตามทางดีๆก็พบว่ารอยแตกนั้นแม้จะเล็กมาก แต่ว่ามันก็เรียงมาเป็นแถวๆพุ่งตรงมาจุดที่เขายืนอยู่
"หรือว่าจะ ?"
ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังจะแก้ไขปริศนาได้แล้วนั้น ก็มีเงาสีดำขนาดใหญ่ได้ปรากฏอยุ่ด้านหลังของเขา
ทางด้านโยชิอิ อากิฮิสะที่ถูกใช้ให้เดินไปดูรอบๆงานหาความผิดปกติ
ก็มัวแต่เดินวนไปทั่วงานไม่ได้ไปดูที่ไหนจริงๆจังๆ "เฮ้อ ถึงจะบอกว่าให้ไปดูความผิดปกติรอบๆงานก็เถอะนะ แต่ว่าไม่มีที่ไหนที่มันดูผิดปกติเลยนี่น่า แล้วจะให้ไปที่ไหนเล่า"
อากิฮิสะเดินไปเรื่อยแล้วเขาก็ไปหยุดชะงักเมื่อมองไปที่ช่องแอร์
"ที่ที่ดูน่าสงสัยก็คงตรงนั้นล่ะมั้ง" ชายพลังอวกาศแอบผู้คนเข้าไปยังห้องที่ไม่มีใคร แล้วเขาก็ถอดตะแกงเหล็กของทางช่องแอร์ออกและแอบปีนขึ้นไปตามเส้นทางนั้น
"หวังว่าคงจะไม่มีอะไรออกมาหรอกนะ" ช่องแอร์ที่มืดๆดูน่ากลัวก็ทำให้ชายหนุ่มขนลุก
"เป็นไงเป็นกัน!" อากิฮิสะตัดสินใจคลานไปตามทางในช่องแอร์ เขาคลานผ่านห้องต่างๆไม่ว่าจะเป็นห้องจัดงานเลี้ยง ห้องทำงาน ห้องครัว ห้องน้ำ แต่ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ไม่มีความผิดปกติ
"โอย ที่นี่มันจะมีอะไรจริงเหรอเนี่ย" โยชิอิบ่นและมาหยุดพักที่ทางช่องแอร์อีกจุด และหลับตานอนพักที่นั้น
"ถ้าจะมีีอะไรผิดปกติล่ะก็ ขอให้ลืมตาขึ้นแล้วเจอมันทันทีเลยละกัน" ชายหนุ่มอธิฐานแล้วลืมตาขึ้น เขาก็พบกับ!!
ช่องแอร์
"เฮ้อ ทีนี่คงไม่มีอะไรจริงๆล่ะะมั้-!!" ช่องแอร์ที่เขานอนอยุ่นั้นรับน้ำหนักไม่ไหวและพังลงมา
ทำให้อากิฮิสะตกลงมากลางน้ำเหมือกบางอย่างที่พื้น "อะไรเนี่ย ที่นี่มันมีของสกปรกแบบ..!?" แต่พอชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า "นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ?"
ทางทาจิบานะ จุนอิจิที่ลงมาตรวจสอบลานจอดรถชั้นใต้ดิน กลับไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลย
"ข้างล่างนี่คงจะไม่มีอะไรสินะ" ระหว่างที่กำลังเดินสำรวจอยู่นั้น เสียงริงโทนโทรศัพท์ของจุนอิจิก็ดังขึ้นทำให้เขาต้องหยิบขึ้นมารับสาย "ใครโทรมานะ ?"
เมื่อดูเบอร์ก็พบว่าเป็นเบอร์คนไม่รู้จัก จุนอิจิจึงต้องลองรับดูก่อน
"ครับทาจิบานะครับ"
"จะ..จุนอิจิ มะ..มันเต็มไปหมดเลย!"
จากที่ฟังจากเสียงทำให้จุนอิจิรู้ว่าคนที่โทรมาหาเขาก็คืออากิฮิสะ "เดี๋ยวอากิฮิสะนายรู้เบอร์ของฉันได้ยังไง แล้วอะไรที่เยอะไปหมดนั่นน่ะ ?"
"ไข่" อากิฮิสะตอบ
"ไข่ ไข่อะไรมีอะไรอยู่ข้างบนนั้นกันแน่น่ะ ?" จุนอิจิทักท้้วงคำตอบจากเพื่อนของเขา
"ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไข่ของอะไร ตะ..แต่ว่า" ขณันี้ในห้องที่อากิฮิสะอยู่นั้นเต็มไปด้วยไข่ฟองสีดำที่เกาะอยู่ตามผนัง ตามพื้น หรือแม้แต่บนเพดาน ข้างในไข่ทุกฟองกำลังเหมือนมีสิ่งมีชีวิตสีดำกำลังขยับอยู่ภายในนั้นรอเวลาที่กำลังจะฟักตัวในไม่ช้า และจำนวนของมันก็...
"เจ้าพวกนี้มันมีเกินร้อยได้มั้ง"
"เยอะขนาดนั้นเลยงั้นเรอะ" ดวงตาของจุนอิจิเบิกโพลงทันทีที่ได้ฟังเรื่องจำนวนของพวกมัน
"เข้าใจแล้ว ฉันจะ-" ก่อนหน้าที่จุนอิจิจะได้พูดอะไรต่อก็มีเข็มประหลาดแทงใส่โทรศัพท์ของเขา และทำให้โทรศัพท์ของเขาหล่นลงสู่พื้นและพังในที่สุด
"ไม่นึกว่าจะหาเจอเร็วขนาดนี้นะ แต่ว่าเพราะเป็นคนที่บ้าๆบอๆถึงได้ทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้ตลอด"
เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากจุดลับแสงด้านในสุดของชั้นใต้ดินแห่งนี้ พอเขาเดินออกมาจุดที่มีแสงไฟส่องถึงก็ทำให้รู้ว่าเขาคือนีเดิลชายชุดขาวผู้เป็นหนึ่งในระดับแนวหน้าของลอสท์
"นายเองสินะ ตัวการของเหตุฆาตกรรมเมื่อวาน!" จุนอิจิมองไปที่นีเดิลด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
"ผิดแล้วๆ ฉันไม่ได้เป็นคนลงมือ" นีเดิลปฏิเสธแล้วแสยะยิ้ม
"แต่ว่าแค่เป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเท่านั้นเอง" ร่างของชายชุดขาวค่อยๆมีไอระเหยออกมา แล้วร่างของเขาก็กลายร่างเป็นลอสท์รูปแบบเม่นในที่สุด
"ในบรรดาทั้งสามคน ท่าทางแกจะเป็นคนที่ดูเป็นหัวหน้าที่สุด เพราะฉะนั้นถ้ากำจัดผู้บัญชาการลงได้ อีกสองคนก็จะไร้ผู้คอยสั่งการ"
"คงจะแอบมองมาตลอดเลยสินะ" จุนอิจิสวมโอสไดร์เวอร์และใส่เมดัลทั้งสามลง
"แต่ว่าฉันจะเป็นคนจัดการกับนายเอง!" เด็กหนุ่มหยิบโอสสแกนเนอร์ที่ข้างเข็มขัดออกมาสแกนเมดัลที่ไดร์เวอรืของเขา
TAKA (เหยี่ยว)
TORA (เสือ)
BATTA (ตั๊กแตน)
TATOBA TATOBA TATOBA
สิ้นเสียงที่ดังมาจากสแกนเนอร์ของโอส ร่างของจุนอิจิก็ถูกสวมทับด้วยเกราะสีแดงรูปเหยี่ยวที่หัว เกราะสีเหลืองรูปเสือที่ลำตัว และเกราะสีเขียวรูปตั๊กแตนที่ขา
"มาสค์ไรเดอร์โอส"
"ขอดูฝีมือของแกหน่อย!" นีเดิลสร้างหอกยาวขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าไปโจมตีใส่โอสในระยะใกล้
มาสค์ไรเดอร์เบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงที แขนสองข้างของเขาเรืองแสงขึ้นและกรงเล็บก็กางขึ้นมา "ฮ่าส์!" โอสฟันกรงเล็บโจมตีใส่นีเดิล ด้วยความประมาททำให้มันโดนการโจมตีของโอสเข้าไป และก็ถูกโจมตีซ้ำอีกทีด้วยการใช้กรงเล็บทั้งสองข้างแทง
"ดีกว่าที่คิดไว้นะ แต่ว่ายังดีไม่พอ" นีเดิลสบัดผม
เข็มจำนวนมากที่เป็นเส้นผมของมันต่างกระจายขึ้นไปข้างบน และมันก็ควบคุมเข็มเหล่านั้นลงมาโจมตีโอสอย่างต่อเนื่อง มาสค์ไรเดอร์รีบกระโดดถอยห่างในทันที
"เข็มแหลมของข้านั้นแหลมคมที่สุดในบรรดาลอสท์ที่ใช้เข็มด้วยกัน"
นีเดิลอวดพลังของมันเอง "ระวังโดนแล้วจะตายโดยไม่รู้ตัวนะ" มันหยิบเข็มขนาดใหญ่ที่ปักอยุ่ที่พื้นขึ้นมาและตามพุ่งเข้าหาโอสอย่างรวดเร็ว
"ไม่ยอมให้เป็นฝ่ายโดนบุกอยู่คนเดียวหรอก!" โอสใช้กรงเล็บปักลงพื้น
เขาเงยหน้าขึ้นใช้พลังของดวงตาเหยี่ยว มองหาจุดอ่อนของนีเดิล "ตรงนั้น!" มาสค์ไรเดอร์เบี่ยงตัวหลบนีเดิลแล้วจับตัวมันไว้ ขาทั้งสองข้างของโอสเรื่องแสง เขาก็กระโดดขึ้นไปบนเพดานและถีบนีเดิลชนกับหลอดไฟ
"เปรี้ยะๆๆ!!"
ไฟฟ้าบนหลอดไฟช๊อตร่างของนีเดิลก่อนที่มันจะตกลงมาที่พื้น
"แฮ่กๆ ไม่เลวนี่ใช้พื้นที่และความสามารถของตัวเองได้ีกว่าที่คิดไว้ซะอีก" นีเดิลพลิกตัวขึ้นมาใหม่แต่มันก็โซเซเล็กน้อย "มาต่อกันเถอะ!"
จุนอิจิสังเกตเห็นความผิดปกติของนีเดิลที่ดูอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
"หรือว่า..." ชายหนุ่มหยิบหนังสือที่เก็บเมดัลไว้ออกมา แล้วเลือกหยิบเมดัลรูปด้วงสีเขียวมาใช้
"คิดจะเปลี่ยนพลังรึไง แสดงพลังของแกมาให้ฉันเห็นมากกว่านี้อีกสิ" นีเดิลท้าทาย
"ฉันก็คิดจะให้เห็นอยู่แล้วล่ะ นี่ล่ะคือพลังของฉัน!"
ทั้งสองยืนจ้องมองกันและกัน ไม่มีใครขยับเคลื่อนไหว จนเมื่อลมได้พัดให้มีป้ายตกลงมาสู่พื้น โอสก็ทำการดีดเมดัลลอยขึ้นไป นีเดิลปล่อยเข็มจำนวนมากใส่โอส
มาสค์ไรเดอร์กางกรงเล็บออกและปัดป้องเข็มเหล่านั้นออกไปจนหมด
แล้วใช้มือขวารับเมดัลที่ร่วงลงมาเปลี่ยนกับเมดัลสีแดงที่ไดร์เวอร์ แล้วสแกนลงไป
GUWATAKA (ด้วงกวาง)
TORA (เสือ)
BATTA (ตั๊กแตน)
GATATORABA
มาสค์ไรเดอร์โอสได้เปลี่ยนส่วนหัวของตัวเองเป็นด้วงกวาง
ทันทีที่เปลี่ยนพลังที่หัวนั้นก็เกิดแสงขึ้น นั่นทำให้เขาสามารถปล่อยสายฟ้าสีเขียวออกมาจากเขาทั้งสองข้างโจมตีใส่นีเดิลได้ "เอื้อก!!"
ลอสท์รูปแบบเม่นได้รับบาดเจ็บมากกว่าปกติ
"จริงๆด้วย ท่าทางนายจะแพ้สายฟ้าสินะ" สิ่งที่จุนอิจิคิดไว้ไม่ผิด เพราะทุกครั้งที่นีเดิลโดนสายฟ้าจะออกอาการเจ็บปวดกว่าการโจมตีอื่นๆทำให้ชายหนุ่มสามารถจับจุดอ่อนของมันได้โดยง่าย บวกกับการที่เขาสังเกตจุดอ่อนของนีเดิลเมื่อก่อนหน้านี้ด้วย
"เอาล่ะ งั้นมาต่อให้จบกันเลย" โอสหยิบสแกนเนอร์ออกมาสแกนไดร์เวอร์
SCANNING CHARGE
มาสค์ไรเดอร์ใช้สายฟ้าดจมตีเบิกร่องไปก่อนเพื่อทำให้นีเดิลเสียจังหวะ
จากนั้นเขาก็ตามด้วยกระโดดขึ้นไปแล้วพุ่งตัวลงมา เกิดเป็นรูปวงกลมสามวง เมื่อผ่านวงกลมทั้งสามก็พุ่งลงมาเตะใส่นีเดิล "see ya!"
"หึ!" นีเดิลดึงเข็มที่ไหลตัวเองออกมาและปาปักลงพื้น
มันชูสองนิ้วและกวักมือขึ้น เข็มเหล่านั้นก็ขยายตัวยืดขึ้นกลายเป็นโล่ป้องกันท่าเตะของโอสไว้ได้
"คราวนี้ข้าประมาทไปหน่อยไม่คิดว่าจะมีไรเดอร์ที่สามารถสู้ได้หลากหลายแบบนี้อยู่ แต่ว่าถ้าเจอกันคราวหน้าการโจมตีแบบเก่าๆมันใช้กับข้าไม่ได้หรอกนะ" นีเดิลกระโดดหนีหายไป
"หนีไปแล้วเรอะ" โอสเก็บกรงเล็บเข้าตัว
"ต้องรีบไปหาโยชิอิ" จุนอิจิเปลี่ยนเมดัลที่ไดร์เวอร์และสแกนไดร์เวอร์
TAKA (เหยี่ยว)
KAMAKIRI (ตั๊กแตนตำข้าว)
CHEETAH (เสือชีต้าร์)
TAKAKIRITAH
ทันทีที่เปลี่ยนส่วนขาเป็นเสือชีต้าร์มันก็ได้เพิ่มความเร็วให้กับโอสอย่างมาก ทำให้เขาวิ่งขึ้นไปได้ด้วยความเร็วสูง
ในขณะเดียวกันนั้น เงาสีดำที่อยู่ด้านหลังของฮายาเตะที่ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ โดยที่เด็กหนุ่มยังมัวแต่สนใจกับรอยประหลาดที่พื้นทำให้เขาไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายที่มาจากข้างหลังเลย
"อะไรกันนะที่ทำแบบนี้ได้ ?" ฮายาเตะครุ่นคิดหันไปมองที่กระจกเว้าที่อยู่บนเสา มันก็ทำให้เขาเห็นถึงสัตว์ประหลาดสีดำที่อยู่ด้านหลัง
"แกว้กก!!" มดขนาดยักษ์คำรามแล้วเจาะเขี้ยวลงใส่เด็กหนุ่ม
ฮายาเตะรู้ตัวก่อนเขารีบกลิ้งตัวหลบออกในทันทีทำให้การโจมตีพลาดโดนพื้นแทน "นี่สินะตัวการที่ฆ่าทั้งสองคน ตัวใหญ่กว่าลอสท์ทั่วไปจริงๆ"
"แต่ว่าถึงอย่างงั้น.." ฮายาเตะหยิบไดร์เวอร์ขึ้นมาและสวมใส่ที่เอวทันที
จากนั้นก็หยิบการ์ดขึ้นมาและใส่ลงไดร์เวอร์ "แปลงร่าง!"
KAMAN RIDE
DECADE
แสงสีฟ้าเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงมาเจ็นต้าแล้วเข้าหลอมรวมกับร่างของเด็กหนุ่ม
เปลี่ยนร่างของเขาไปเป็นร่างของมาสค์ไรเดอร์ดีเคท "เอาล่ะนะครับ!"
ทันทีที่แปลงร่างเสร็จดีเคทหยิบไรด์บุ๊คทั้งสองเล่มออกมาและเปิดใช้โหมดปืนทั้งคู่ และทำการกระหน่ำยิงใส่ลอสท์แอนท์ที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาโจมตีเขา แต่ว่าการโจมตีดังกล่าวก็ไม่ระคายผิวของมันเลย "ไม่ได้ผล!"
"แกว้ก!!!" แอนท์พุ่งตัวเข้ามากระแทกดีเคทไปชนกับเสาปูนทะลุผ่านออกไป
"แรงเยอะจริงๆ สมกับที่เป็นพลังของมดล่ะนะ" ดีเคทใส่การืดลงไดร์เวอร์
ATTACK RIDE
BLAST
ปืนของดีเคทเพิ่มพลังขึ้นจากการใช้การ์ด
เขายิงกระสุนลำแสงออกไปเพียงนัดเดียว ตัวปืนก็จะมีการแยกตัวออกและยิงลำแสงออกไปพร้อมกันทำให้เหมือนสามารถยิงได้ห้านัดต่อการลั่นไกหนึ่งครั้ง แต่ว่าก็ทำได้เพียงก่อกวนมันเท่านั้น
"แกว้กก!!" ลอสท์ยังคงพุ่งมาไม่หยุด
เมื่อมันเข้ามาใกล้มากขึ้น ดีเคทเปลี่ยนปืนทั้งสองกระบอกกลายเป็นดาบ แล้วกระโดดข้ามหัวของแอนท์ไปและใช้ดาบตัดหนวดสัมผัสของมันออกหนึ่งเส้นในจังหวะนั้น
ทันทีที่แอนท์ถูกตัดเส้นหนวดของมันไปก็ยิ่งทำให้มันบ้างคลั่ง และวิ่งหนีออกไปจากชั้นนี้ทันที
"แย่ล่ะถ้ามันออกไปทำร้ายคนอื่นล่ะก็!" ดีเคทจะตามไปแต่เพราะความเร็วของมันถึงจะวิ่งไปก็ไม่มีทางที่จะตามมันทัน "ถ้ามีของที่จะช่วยเพิ่มความเร็วให้เราได้ล่ะก็.."
เมื่อดีเคทคิดเช่นนั้นก็มีบางอย่างที่อยุ่ด้านหลังของเขาเรืองแสงขึ้น
ฮายาเตะหันกลับมามองแสงนั้น "อะไรน่ะ ?" แสงตรงหน้าฮายาเตะค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง และกลายเป็นมอเตอรืไซค์ในที่สุด
"ดีล่ะ!" ดีเคทขึ้นไปขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นทันที
"ไปล่ะนะ" ชายหนุ่มเร่งคันเร่งขับกระโดดออกจากอาคารทันที!
โยชิอิ อากิฮิสะที่ต้องมาติดอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยไข่ของสัตว์ประหลาดมรณะ
"จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย หรือว่าจะทำลายเลยดี" อากิฮิสะหยิบโฟร์เซ่ไดรืเวอร์ขึ้นมาสวมไว้พร้อมแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะลงมือ "เอาไงเอากัน ทำลายเลยก็แล้วกัน!"
เขากดสวิทซ์ทั้งสี่ลงไปจากนั้นก็ตั้งท่าแปลงร่าง
THREE
TWO
ONE
สิ้นสุดเวลานับถอยหลัง "แปลงร่าง!"
อากิฮิสะสับคันโยกที่ไดร์เวอร์ จากนั้นก็ชูมือขึ้นฟ้า ประตูพลังงานคอสมิคเอเนจี่จากอวกาศก็เปิดออกเหนือหัวเขาและส่งพลังคอสมิคมาให้เขาและเปลี่ยนไปเป็นมาสค์ไรเดอร์
FOURZE
"อวกาศมาแล้ว!!!" ชายหนุ่มแหกปากตะโกน "มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ่ พวกเรามาสู้กันแบบตัวต่อตัวเลย!"
"เอาล่ะต้องทำลายมันให้เสร็จภายในทีเดียวเลย" โฟร์เซ่กำลังกดใช้สวิทซ์แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากทั่วห้อง "เสียงอะไร ?"
ด้วยความสงสัยเขาจึงหันไปมองรอบข้าง พบว่าไข่สีดำนั้นกำลังค่อยฟักตัวออกมา
คมเขี้ยวสีดำของเหล่าแอนท์เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น ขนาดตัวของมันต่างจากตัวที่ฮายาเตะเจออยู่มากเพราะขนาดมันลดลงเหลือแค่ 1/4 ส่วน แต่ว่าด้วยจำนวนมากขนาดนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
"เอาล่ะ แล้วเราจะทำลายพวกมันยังไงล่ะเนี่ย ?" โฟร์เซ่ยืนนิ่ง
ไข่ค่อยๆฟักตัวออกมา บางตัวฟักออกมาถึงครึ่งตัวแล้ว บางตัวเพิ่งโผล่มาแค่หัว บางตัวกำลังสั่นอยู่ในไข่ ทุกตัวต่างส่งเสียงร้องแกว้กๆอย่างหิวโหย
LAUNCHER ON
RADAR ON
"Target Lock On!" โฟร์เซ่ล็อคเป้าหมายไข่ทุกฟองด้านหน้าตัวเองไว้ "ยิงได้!"
มิซไซล์ทั้งห้าลูกถูกปล่อยออกมาจากเครื่องยิงจรวดมิซไซล์ที่ขาขวา มันพุ่งตรงเข้าไปทำลายเป้าหมายที่กำหนดไว้ลงได้เกือบๆสิบตัว
"ต่อไปก็ทางนี้ ยิงได้!" มาสค์ไรเดอร์หันมาอีกด้านและยิงมิซไซล์โจมตีไข่สีดำ
ฝูงแอนท์ร่างตัวอ่อนถูกผลจากแรงระเบิดทำลายพวกมันลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าบางตัวที่เกิดออกมาแล้วก็พุ่งตรงเข้ามาโจมตีอากิฮิสะทันที
"เจ้าพวกนี้ยัวเยียไปหมดเลย!" โฟร์เซ่พยายามต่อกรกับฝูงลอสท์แอนท์จำนวนมากที่เข้ามาหาเขาเรื่อย จนเริ่มต้านไม่ไหว "เยอะเกินไปแล้ว แบบนี้ไม่ไหวแน่!"
"ฮ่าส์!!" โอสวิ่งเข้ามาในห้องพอดี
แล้วเขาก็ช่วยใช้เคียวของตั๊กแตนตำขาวตัดทำลายฝูงแอนท์ลงให้ "โยชิอิขอโทษที่ช้า ถ้าไม่ได้เสียงของนายล่ะก็คงจะตามหาไม่เจอแน่ๆ"
"เสียงของฉัน ?" อากิอิสะทำงง
"ในที่สุดการตะโกนโหวกเหวกของนายมันก็มามีประโยชน์ตรงนี้ล่ะ" จุนอิจิชมออกด่านิดๆ
"ยังไงก็ตามขนาดทำลายไปเยอะแล้วก็ยังเหลืออีกนะ"
"เกือบร้อยได้มั้ง ตอนนี้ก็จัดการไปแล้วเกือบๆ 30 ตัวล่ะนะ" อากิฮิสะหันหลังชนกับจุนอิจิ
"จุนอิจิพวกเรามาแข่งกันว่าใครจะฆ่าพวกมันได้มากกว่ากันเอามั้ย ?"
"เอางั้นเรอะ งั้นฉันก็ขอรับคำท้าล่ะนะ!" จุนอิจิหยิบเมดัลสีทองรูปสิงโตขึ้นมาแล้วเปลี่ยนกับเมดัลส่วนหัวและสแกนไดร์เวอร์
LION (สิงโต)
KAMAKIRI (ตั๊กแตนตำข้าว)
CHEETAH (เสือชีต้าร์)
LAKIRITAH
"ฮ้ากกก!!!" โอสคำรามทันทีที่เปลี่ยนส่วนหัวเป็นพลังราชสีห์
แสงสีทองส่องแสงออกมาทันทีที่แปลงร่าง แสงนั้นได้ทำลายแอนท์จำนวนมากลงไปภายในครั้งเดียว โดยที่โฟร์เซ่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย
"เฮ้ย เดี๋ยวสิแบบนี้มันโกงนี่น่า" อากิฮิสะโวย
"เออ...เอาไงเอากัน!" แต่ก็ต้องยอมจำใจกลับไปยิงมิซไซล์ทำลายลอสท์ที่เปลืออยู่ให้หมด
ห้องจัดงานเลี้ยง เวลา 12.46 น.
ที่ห้องจัดงานเลี้ยงตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากทางช่องแอร์ ได้ยินเป็นเสียงตะโกนบ้าง เสียงระเบิดบ้าง ก็เริ่มทำให้แขกทุกคนเริ่มรู้สึกหวั่นๆ
"แบบนี้ไม่ดีแน่" ทาจิบานะ ซาคุมะเห็นว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ชื่อเสียงตัวเองอาจจะล่ม
เขาจึงเดินไปอยู่ที่ริมกระจกหน้าตา และเริ่มพูด
"ขอเรียนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เสียงที่ท่านได้ยินนั้นเป้นเสียงซาวด์เอฟเฟ็ครูปแบบใหม่ที่ทางบริษัทของผมกำลังใช้เป็นสโลแกนหลัก ของบริษัทสาขาย่อแห่งนี้ และเป็นของเซอร์ไพส์ทุกๆท่านเนื่องในโอกาสวันเกิดของผม"
แขกหลายคนที่ได้ยินซาคุมะพูดเช่นนั้นก็รู้สึกเบาใจลงบ้าง แต่บางคนก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ซาวด์เอฟเฟ็คลับอะไรเลย บางคนก็ไม่ก็เชื่อเขาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วเพราะเสียงพวกนี้มันดูสมจริงเกินไป ซึ่งอย่างน้อยก็มีสองคนในห้องนี้
"ผมอยากให้ทุกท่านเชิญสนุกกับงานเลี้ยงต่อไม่ต้องกังวลครับ"
ระหว่างนั้นเองแอนท์ที่กำลังบ้าคลั่งหนีดีเคทลงมา ส่วนมาสค์ไรเดอร์ก็ขับมอเตอร์ไซค์ไต่กำแพงลงมา
เมื่อเสียงดนตรีจากห้องจัดงานเลี้ยงดังขึ้นอีกครั้งมันก็ทำให้แอนท์เกิดอาละวาดมากขึ้นและเคลื่อนไปทางห้องนั้นทันที "แกว้กก!!"
"แย่ละ ทางนั้นมัน!" ดีเคทหักรถเลี้ยวตามแอนท์ไป
ภายในห้องจัดงานเลี้ยงเหล่าแขกที่ไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาเยือน บางคนก็กำลังสนุกอยู่กับงาน บางคนก็กำลังหาของกินอย่างเอร็ดอร่อย บางคนเต้นรำร่วมกับคู่ชายหญิง บางคนมางานนี้แล้วรู้สึกเบื่อๆที่ได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ
"เฮ้อ...น่าเบื่อจังเลย" มิยะถอนหายใจ
"มางานแบบนี้โดยไม่มีเพื่อนทีไร ไม่มีอะไรให้ทำเลยจริงสิ" ฮินะงิคุถอนหายใจ
"เอาล่ะครับ ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้ว!" ซาคุมะกล่าว "เค้ก!!"
เค้กขนาดใหญ่สูงถึง 5 ชั้นถูกเข็นมาส่งให้กับประธานบริษัทหนุ่ม แขกทุกคนพร้อมใจปรบมือกันให้อย่างพร้อมเพียง "ขอบคุณๆ"
"ผมจะเป็นตัวแทนของทุกท่าน ทำการลงมีดผ่าเค้กก้อนนี้และขอให้ทุกท่านที่อยู่ในลิสท์รายชื่อมารับนะครับ!" เสียงโฮ่ร้อง เสียงกรี๊ดดังมาจากทั่วสารทิศ เสียงปรบมือ เสียงดนตรี ต่างยินดีให้กับซาคุมะ แต่ว่าเสียงทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเริ่มจากเสียงร้อง ตามด้วยเสียงหรบมือและตามด้วยเสียงดนตรี เหลือเพียงเสียงของซาคุมะ แต่ที่ทุกคนเงียบไม่ใช่เพราะกำลังจะดีใจในช่วงสุดท้าย เพราะทุกสายตาของทุกคนต่างไม่ได้มองไปที่เขาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองออกไปทางนอกหน้าต่าง...
"ทุกท่านเป็นอะไร ดีใจซะจนพูดไม่ออกเลยหรือ ?" ซาคุมะถาม แต่ไม่มีใครคิดจะสนใจเขา
"พวกคุณกำลังมองอะไรอยู่!?" ประธานหนุ่มวัย 19 เริ่มโมโหแต่พอเขาหันหลังกลับ เขาก็ต้องพบกับสัตว์ประหลาดตัวสีดำขนาดใหญ่กำลังเกาะอยู่ที่กระจก ชายหนุ่มตาค้างก่อนที่จะตั้งสติได้และพูดกลับไปว่า
"แกมันตัวบ้าอะไร!" เขาพูดเสียงที่ดังที่สุด
"แกว้กก!!" แอนท์คำรามและโจมตีกระแทกกระจกแตกลงในพริบตา และนั่นก็ทำให้ซาคุมะสะดุ้งถอยหลังทันที ส่งผลทำให้เขาล้มลงชนกับเค้กของเขาและทำให้มีดหั่นเค้กที่ถืออยู่ปักลงที่ขาขวาของเขา
"อ้ากกก ช่วยด้วย!" เขาส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวด
สิ่งนั้นยิ่งเรียกร้องให้แอนท์สนใจในตัวเขามาขึ้น "แกว้กก!!" มันพุ่งตรงเข้าหาประธานหนุ่มในทันที
ตึง!
ภาพที่ทุกคนน่าจะเห็นก็คือภาพที่ประธานบริษัทหนุ่มถูกสัตว์ประหลาดฉีกร่างเป็นชิ้น แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเมื่อมีบุรุษสวมเกราะผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาใช้ดาบสองเล่มรับคมเขี้ยวของสัตว์ประหลาดไว้ เขาใช้ขาทั้งสองข้างยันพื้นไว้เพื่อต้านแรงของมดยักษ์ ซึ่งเขาคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก....
"ระ...รีบออกไปเร็วเข้าครับ" ดีเคทบอกกับซาคุมะ
"ขะ...ขาฉัน เจ็บชะมัด ช่วยด้วย!!" ประธานหนุ่มตะโกนร้องโวยวาย
"คะ...ใครก็ได้ช่วยเขาทีครับ!" ฮายาเตะตะโกนบอกทุกคนในห้องในขณะที่เขาต้องพยายามต้านแรงของแอนท์ไว้
"ใช่ๆช่วยฉันที มาโกะ ฮิโยริ พวกนายก็ด้วยอยากโดนไล่ออกรึไง!" ซาคุมะพยายามเรียกเหล่าแฟนสาวที่เคยอยุ่ข้างกายเขา บอดี้การ์ดที่เขาจ้างมาคุ้มครองเขา เหล่าแขกที่ปรบมือแสดงความยินดีให้เขา แต่ว่าไม่มีใครเลยที่คิดจะมาช่วยเขา " พวกนายช่วยฉันด้วย!"
เริ่มมีคนขยับแล้ว แต่ว่าเมื่อเสียงของแอนท์คำรามก็ทำให้พวกเขาไม่กล้าก้าวขาออกไป
"อัก...เร็วๆเข้าครับ ผมต้าน...ไว้ได้อีกไม่นาน" ชายหนุ่มบอกกับคนอื่นๆ
ในที่สุดบอดี้การ์ดก็ใจกล้ายอมออกมาช่วยจับมือหัวหน้าของพวกเขา "ขอบคุณ"
"แกว้ก!!" เสียงร้องคำรามของแอนท์มันได้ผลักดีเคทให้คุกเข่าลงจนได้ เสียงนั่นทำให้คนหลายคนจิตเริ่มกระจุยไปแล้วพวกเขาต่างวิ่งหนีไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง รวมถึงบอดี้การ์ดที่เพิ่งจับมือของซาคุมะไปเมื่อกี้ก็ทิ้งให้ประธานหนุ่มนอนรอความตาย
"พวกนายอย่าเพิ่งไปช่วยฉันออกไปก่อน!"
ในหมู่ผู้คนที่กำลังหนีมีผู้หญิงสองคนที่ยังคงยืนนิ่ง
ซาคุมะหันกลับไปทางดีเคท "แกไอ้ตัวสีชมพู (สีแดงมาเจ็นต้ามีสีที่ออกคล้ายชมพูแต่ในความเป็นจริงต่างกัน) เพราะแกพามันมาทำให้งานเลี้ยงของฉันล้ม เพราะแกไม่ยอมต้านเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นดีๆทำให้คนอื่นๆวิ่งหนฉันไปหมด!"
ในหมู่ผู้คนที่กำลังแย่งกันออกไปจากห้องมีผู้หญิงสองคนกัดฟันด้วยความโกรธ
"ผะ...ผมแค่!" ฮายาเตะเริ่มรู้สึกผิด
เขาพยายามทำดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือทุกคนแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ซาคุมะพูดก็เป็นความจริงเพราะตัวเขาเองทำให้คนอื่นๆต่างหนีไปกันหมด หากเขาต้านมันไว้ได้อีกสักนิดเขาก็คงถูกช่วยไปแล้ว
"ไม่ต้องมาพูดอะไรเลย เจ้าสัตว์ประหลาด!" ซาคุมะตวาดใส่เด็กหนุ่มในร่างเกราะ
ในหมู่ผู้คนที่กำลังหวาดกลัวมีผู้หญิงสองคนวิ่งออกมา
"ระ...เราเป็น..สัตว์ประหลาด...งั้นเรอะ ?" จิตใจของฮายาเตะเริ่มเสีย
เรี่ยวแรงที่เหลือในการต้านสัตว์ประหลาดยักษ์เริ่มหมดไป แอนท์ค่อยๆกดเขาลงได้เรื่อยๆ
"เฮ้ย ตั้งใจหน่อยสิ ฉันน่ะเป็นคนสำคัญนะเฟ้ย จะให้มาตายที่-!"
ในหมู่ผู้คนที่กำลังทิ้งความเป็นมนุษธรรมไปมีผู้หญิงสองคนเข้ามาชกหน้าของซาคุมะเต็มแรงทั้งด้านซ้ายและขวา
"นี่นายน่ะอย่าไปฟังที่เจ้านี่พูดนักเลย!" เสียงของผู้หญิงคนนึงดังขึ้น
ฮายาเตะรู้สึกตัวอีกครั้งและใช้แรงทั้งหมดต้านแอนท์ไว้ได้ เพียงแต่เขาไม่สามารถหันกลับไปมองได้ว่าผู้หญิงสองคนที่เข้ามานั้นเป็นใคร
"พี่ชายเดี๋ยวพวกหนูจะพาเขาออกไปเอง"
ฮายาเตะจำเสียงของคนที่พูดคนที่สองได้เธอคนนั้นคือทาจิบานะ มิยะ น้องสาวของจุนอิจิ
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใครหรือเป็นตัวอะไร แต่ว่าฉันอยากให้นายในตอนนี้เชื่อมั่นในพลังของตัวเองเข้าไว้" เสียงของหญิงสาวอีกคนพูดทำให้เด็กหนุ่มกลับมามีกำลังใจอีกครั้ง
"ซัดมันให้หมอบไปเลยนะ"
พูดเสร็จทั้งสองก็รีบพาประธานหนุ่มผู้หล่อเหล่าที่ถูกชกหน้าบวมทั้งสองข้างหนีออกไปทันที
"ครับ" ดีเคทตอบตกลงยามที่เธอคนนั้นออกไปจากห้องแล้ว
"ย้ากกก!!!" มาสค์ไรเดอร์รวบรวมแรงที่มีอยู่ทั้งหมดต้านสัตว์ประหลาดกลับไป และตามด้วยเปลี่ยนดาบทั้งสองเล่นกลายเป็นปืนและยิงใส่มันจนหรีออกนอกหน้าต่าง
"ไม่ยอมให้หนีหรอกครับ!" เด็กหนุ่มตั้งมั่น เขาวิ่งตรงไปไรซึ่งความหวาดกลัว
ทันใดนั้นก็เกิดแสงประหลาดค่อยๆก่อตัวขึ้นมาตรงหน้าเขา มาสค์ไรเดอร์กระโดดขึ้นไปอยุ่บนแสงนั้น แสงนั้นก็กลายสภาพเป็นรถมอเตอร์ไซค์ในทันที
บรืน!! ชายหนุ่มบิดคันเร่งขึ้นแซงหน้าลอสท์ขนาดยักษ์ไป
"จัดการล่ะนะครับ!" ดีเคทหยิบการ์ดขึ้นมาแล้วใส่ลงไดร์เวอร์
FINAL ATTACK RIDE
DE-DE-DECADE
DIMENSION SLASH
มาสค์ไรเดอร์กระโดดออกจากรถหยิบดาบของเขาขึ้นมา การ์ดสีทองปรากฏเรียงรายเป็นทางตรงไปที่แอนท์ที่กำลังพุ่งลงมา ดีเคทวิ่งผ่านการ์ดเหล่านั้นดาบของเขาขยายยาวขึ้น
"ฮ่าส์!!!" ดีเคทก้มตัวลอดช่องใต้ร่างของมันและฟันร่างของมันออกเป็นสองเสี่ยงในครั้งเดียว
"แกว้กกก!!!" สัตว์ประหลาดสีดำถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ลอยค้างอยุ่กลางอากาศ
"END"
บรึ้มม!!!
ลอสท์แอนท์ระเบิดตายไปกลางอากาศนั้น
ส่วนนักรบหนุ่มกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของเขาและขับลงมาที่เวทีด้านล่าง ที่ซึ่งมีชาวเมืองและคนที่เคยอยู่ภายในอาคารเต็มไปหมด
"โยชิอิคุง กับ ทาจิบานะคุงล่ะ ?" ฮายาเตะมองขึ้นไปข้างบน
เพล้ง! เสียงกระจกแตกพร้อมการหล่นลงมาของมาสค์ไรเดอร์อีกสองคน
"ว้าาาา!!!" โอสและโฟร์เซ่ต่างร่วงลงมาจากตึกสูงด้วยความเร็ว
"แย่แล้ว!" ดีเคทใส่การ์ดลงไดร์เวอร์ พร้อมกับขับมอเตอร์ไซค์พุ่งตัวขึ้นไป
DEFEND RIDE
BARRIER
บาเรียถูกสร้างขึ้นมารับโอสไว้แล้วให้เขากระโดลงมาด้วยตัวเอง ส่วนโฟร์เซ่ดีเคทพุ่งมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปรับและกลับลงมา
"อะยาซากิ thank you" จุนอิจิพูด
"นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว" อากิฮิสะพูด
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ ผมจัดการลอสท์ที่อาละวาดไปแล้ว" ฮายาเตะบอกทั้งสอง
"ว่าไงนะ" อากิฮิสะท่าทางตกใจกับสิ่งที่ฮายาเตะบอก "แล้วเจ้าตัวที่เราสู้ด้วยมันคืออะไรล่ะ!?"
"อะยาซากินายคงกำจัดตัวลูกของมันไปเท่านั้นล่ะ ข้างบนนั้นยังมีอีกตัว แล้วก็..." จุนอิจิมองขึ้นไปข้างบน กระจกห้องที่ทั้งสองกระโดดหนีออกมาก็ปรากฏสัตว์ประหลาดมดขนาดยักษ์ที่ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวก่อนหน้าถึงเท่าตัวนึง
"ทาจิบานะคุง อากิฮิสะคุงเดี๋ยวผมจะคอยถ่วงมันไว้เองครับ ทั้งสองคนหาโอกาสโจมตีในตอนนั้นนะครับ!" ฮายาเตะพูดเสร็จก็ขับมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าไปรับมือกับไจ-แอนท์ลอสท์(Gi-Ant) ทันที
ดีเคทฟันดาบใส่ขาของมันแต่ว่าเกราะของไจแอนท์เหนือกว่าแอนท์ตัวเดิมมากทำให้การโจมตีไม่เป็นผล และกระแทกพาตัวเขาลงมาด้านล่าง
ผู้คนที่อยุ่รอบข้างก็รีบอพยพหนีในทันที ตำรวจรีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์พาชาวเมืองหนีโดยเร็ว ปล่อยให้มาสค์ไรเดอร์ทั้งสามต้องรับมือกับลอสท์ขนาดยักษ์ตัวนี้
"ต่อให้เป็นอะยาซากิก็เถอะ แต่สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ขนาดนั้นจะทำลายมันยังไง" อากิฮิสะคิด
"โยชิอิ นายไม่มีสวิทซ์ที่จะใช้รับมือกับมันเลยรึไง ?" จุนอิจิถาม
"อืม....อ้อ จริงด้วย!" โฟร์เซ่หยิบสวิทซ์หมายเลข 5 ออกมา "เมื่อเช้าก่อนออกมาจากบ้าน เจ้านี้มันถูกส่งมาให้ทางกระเป๋าน่ะ น่าจะลองดูนะ"
"ตอนนี้ก็ยังดีกว่าไม่ีมีอะไรเลยล่ะ ลองใช้ดูเถอะ" จุนอิจิแนะนำ
"จัดให้" โฟร์เซ่เปลี่ยนสวิทซ์ข้างขวาสุดออก และใส่สวิทซ์นี้ลงไปแทนและกดใช้ "จะเป็นอะไรนะ ?"
MAGICHAND ON
มือกลปรากฏขึ้นที่แขนขวาของโฟร์เซ่ หัวของมือกลเป็นตัวหนีบ
"ว้าว นี่ก็เจ๋งดีแฮะท่าทางจะจับของหนักๆได้ดีเลย!"
"แต่ว่าคงจะจับเจ้านั่นไม่ได้...แบบนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้น่ะสิ" จุนอิจิเริ่มคิดหนัก
"งั้นเรอะ ?" อากิฮิสะหันซ้ายหันขวาหาสิ่งที่ใช้ได้และเขาก็เจอสิ่งนึงที่น่าจะได้ผล
"จุนอิจิฉันคิดว่าฉันมีแผนแล้วล่ะ!"
"แผนอะไร ลองทำดูสิ" โอสบอก
"ได้เลย!" โฟร์เซ่ใช้มือกลนั้นจับที่ขาของโอสและหมุนเป็นวงกลมกลางอากาศ
"ดะ...ดะ...เดี๋ยวทำอะไรน่ะ!?"
"เวลาที่เป็นนักบินอวกาศเองก็ต้องผ่านการทดสอบนี่ใช่มั้ยล่า ถ้าทนแรงเหวี่ยงได้และพุ่งออกไปก็จะทำให้เกิดพลังมหาศาส!" อากิฮิสะให้เหตุผล
"แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นนะ!!" จุนอิจิแย้ง
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้วไปเลย!!" โฟร์เซ่เหวี่ยงโอสจนถึงระดับหนึ่งก็ปาเขาพุ่งไปหาไจแอนท์
ดีเคทล่อให้ไจแอนท์มาทางที่โอสพุ่งเข้ามาในจังหวะนั้นพอดี
"เป็นไงเป็นกัน" โอสตัดสินใจยอมสู้ เขาใช้สแกนเนอร์สแกนไดรืเวอร์
SCANNING CHARGE
"see ya!" เคียวคู่ของโอสเรืองแสงขึ้น
มาสค์ไรเดอร์ใช้เคียวทั้งสองบวกกับพลังความเร็วของชีต้าร์และพลังแสงของสิงโต โจมตีตัดขาทั้งหกของมันในการโจมตีครั้งนั้น
"ตอนนี้ล่ะโยชิอิ!" จุนอิจิให้สัญญาณ
"ได้เลย!" อากิฮิสะเสียบสวิทซ์ 1 กลับลงไปที่ที่เดิม และกดใช้สวิทซ์ริมขวาสุดกับสวิทซ์ที่ขาซ้าย
ROCKET ON
DRILL ON
มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ่พุ่งตัวลอยขึ้นไปด้วยจรวดที่มือขวา เมื่อไปถึงจุดหนึ่งเขาก็สับคันโยกที่ไดร์เวอร์ทันที
ROCKET DRILL
LIMIT BREAK
"RIDER ROCKET DRILL KICK!!" โฟร์เซ่ส่งเสียงดังลั่น
มาสค์ไรเดอร์หัวจรวดพุ่งลงมาใช้สว่านที่ขาซ้ายเจาะแทงใส่หัวของลอสท์ยักษ์ "ไปเลย!!!"
และแล้วเขาก็พุ่งทะลุร่างของมันมา และมาหยุดลงที่พื้นคอนกรีต "เท่านี้ก็เรียบร้อย"
ตู้มม!!!
ร่างของสัตว์ประหลาดยักษ์ระเบิดออกในทันที ควันระเบิดฟุ้งกระจายไปทั่ว
ปิดบังทัศนวิสัยของเหล่าตำรวจโดยรอบทั้งหมด และเมื่อควันระเบิดนั้นจางลงไป ร่างของนักรบทั้งสามผู้กำราบสัตว์ประหลาดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฮินะงิคุที่ยืนมองการต่อสู้ในครั้งนี้อย่างไม่ละสายตาก็ได้เพียงสงสัยว่าพวกเขาหายไปไหน "...มาสค์ไรเดอร์ ?"
หลังจากนั้นกลุ่มตำรวจก็รีบเข้าควบคุมพื้นที่ ตรวจสอบความเสียหาย เช็คแขกร่วมงาน พาผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่จริงๆแล้วมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากในเหตุการครั้งนี้เพียงแค่คนเดียว ซึ่งทุกคนเองก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว
มิยะที่ยืนอยู่ในฝูงชนยังคงรู้สึกกระวนกระวายใจ "พี่กับพวกเพื่อนหายไปไหน หรือว่าจะโดนเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น..." ดวงตาของเธอเริ่มมีหยดน้ำตาไหลออกรินออกมาอย่างช้าๆ
"ใครจะโดนสัตว์ประหลาดอะไรทำร้ายเหรอ ?" เสียงของชายที่มิยะคุ้นเคย
เธอรีบหันกลับไปตามเสียงนั้น เธอก็พบกับทาจิบานะ จุนอิจิ พี่ชายของเธอกำลังยืนอยู่ "พี่...พี่จ๋า" น้องสาวรีบโผเข้ากอดพี่ชายพร้อมน้ำตา "พี่จ๋าบ้า ทำให้หนูเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย!"
"มิยะ...ขอโทษนะ" จุนอิจิกระซิบปลอบน้องสาวที่ข้างหูของเธอเบาๆ
เด็กสาวร้องไห้ในอ้อมอกของพี่ชาย โดยมีเพื่อนของชายหนุ่มสองคนยืนมองอยุ่ห่างๆ
"มันจบแล้วล่ะ..."
.
.
.
.
เอเรีย 1 หน้าร้านสะดวกซื้อ เวลา 20.38 น.
มิยะขอตัวกลับไปบ้านก่อน จุนอิจิ อากิฮิสะและฮายาเตะออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อก่อนที่จะแยกย้ายกัยกลับบ้าน
"เฮ้อ วันนี้เหนื่อยชะมัดเลย!" อากิฮิสะยืดตัวและบิดตัวไปมาด้วยความโล่งใจ
"แต่ว่าปัญหาหลักที่ตั้งไว้เรื่องหาบ้าน ผลสุดท้ายก็ล่มไปล่ะนะ"
"ขอโทษนะครับที่ให้อากิฮิสะคุงมาเหนื่อยกับผมน่ะครับ" ฮายาเตะรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรๆ ฉันเต็มใจช่วยเหลืออยู่แล้ว" อากิฮิสะตอบ
"ตอนนี้อายาซากิไม่มีที่พักสินะ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ ?" จุนอิจิถามพร้อมกับดื่มน้ำที่ตัวเองซื้อมาไปพร้อมกันด้วย
"ถ้าจะมาค้างบ้านฉัน ก็ไม่ว่านะฉันยินดีต้อนรับ" อากิอิสะบอกด้วยความใจกว้าง
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากสร้างภาระให้กับพวกเพื่อนๆแล้ว" ฮายาเตะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีดวงดารามากมายส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้านั้น
"หลังจากที่สู้วันนี้มันทำให้ผมได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ว่าถึงแม้พวกเราจะมีพลังที่สุดยอดมามากขนาดไหน แต่ว่าตัวเราก็ไม่อาจทำได้ทุกอย่างอยู่ดี ผมไม่อาจจะช่วยเหลือคนๆนึงในงานไว้ได้ทำได้เพียงหวังให้คนอื่นมาช่วยเท่านั้น แต่ว่าถ้าหากเราร่วมมือกัน ผมคิดว่าน่าจะปิดช่องว่างที่ขาดหายไปนั้นได้...การอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะทำให้เราไม่สามารถแข็แงแกร่งไปมากกว่านี้ได้ แต่ถ้ามีเพื่อนคอยอยู่เคียงข้าง ผมเชื่อว่าไม่ว่าปัญหาอะไรเราจะต้องผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน.."
"ก็อย่างที่พูดล่ะนะ" อากิฮิสะยื่นหมัดตรงที่ฮายาเตะ
"ถ้างั้นนายก็มาพักที่บ้านของพวกเราก่อนมั้ยล่ะ" จุนอิจิถาม
"ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าผมน่าจะหาที่พักได้-"
ตอนนั้นเองป้าคนคุมหอที่ฮายาเตะเคยอยุ่ก็วิ่งมาหาเขา "คุณเจ้าของหอ มาทำอะไรที่นี่ครับ ?"
"อะยาซากิ นี่!" ป้ายื่นกระดาษแผ่นนึงให้กับเขา
เด็กหนุ่มอ่านสิ่งที่เขียนอยุ่ในแผ่นกระดาษ"อะยาซากิ ฮายาเตะเซ็นสัญญาเป็นเจ้าของห้องหมายเลข 010 นี่มันหมายความว่าไงครับ ?"
"เมื่อเย็นมีลุงคนนึงบอกว่ารู้จักกับเธอ แล้วเขาก็มาเซ็นสัญญาให้เธออยู่ในห้องนั้นน่ะ" เธอเล่า "ฉันน่ะออกตามหาเธอไปซะทั่วเลยนะ จนมาเจอที่นี่ล่ะ"
"แปลว่าผม...แปลว่าผม...มีที่อยู่แล้วเหรอครับ ?" ฮายาเตะไม่อยากเชื่อเรื่องที่เขาได้ยิน
"อืม กลับมาพักที่ห้องนั่นได้เลย" ป้าคุมหอบอก
ฮายาเตะหันกลับไปมองเพื่อนชายของเขาทั้งสองคนที่ยืนยิ้มและชูนิ้วโป้งให้เขาทั้งคู่
"เท่านี้...ผมก็มีที่อยู่แล้ว....ดีจังเลย..." ฮายาเตะรุ้สึกยินดีกับของขวัญสุดพิเศษที่เขาได้รับ "แต่ว่าใครกันนะที่ช่วยเราในเรื่องนี้น่ะ ?"
ในที่ที่ห่างไกลจากจุดที่ฮายาเตะยืนอยู่ ชายวัยกลางคนยืนมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและรูปลักษณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป เขาตัวหดเล้กลง ผมสีขาวค่อยๆยืดยาวขึ้นทีละนิดและเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอมเขียว เสื้อผ้าแบบผู้ชายที่เธอใส่อยู่ก็ค่อยๆสลายไป เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวตัวเล็กๆที่ฮายาเตะเคยผมเจอ
"หวังว่าสิ่งที่เรามอบให้จะทำให้คุณมีความสุขนะ เพื่อที่จะรับชะตากรรมที่คุณและเพื่อนๆยังต้องพบเจออีกมากมายในอนาคต"
เธอสลายกลายเป็นดวงแสงร่องรอยขึ้นไปรวมกับดวงดาวบนท้องฟ้า......
บริษัท Tormenta เป็นบริษัทเป็นบริษัทเกี่ยวข้องอุตสาหกรรมพลังงานลมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของเมือง หรือก็คือบริษัทนี้คือผู้ที่เป็นเจ้าของกังหันลมทั้งหมดภายในเมืองฟูโตะ เป็นทั้งผู้ก่อสร้างและผู้วางออกแบบ ให้สามารถใช้งานได้จริง จึงเป็นบริษัทที่มีความสำคัญภายในเมืองนี้ มีสาขาหลักอยู่ที่เอเรีย 1 แห่งนี้ และก็มีสาขาย่อยกว่าอีก 27 สาขา เอเรียละ 1 สาขา
แน่นอนว่าประธานของบริษัทนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนของตระกูลทาจิบานะ
เพราะบริษัทนี้นั้นเป็นผู้ที่ออกแบบ 1 ใน 8 สิ่งมหัศจรรย์ของเมือง ซึ่งก็คือ ฟูโตะทาวน์เวอร์หรือก็คือกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าหากขาดบริษัทนี้ไปเมืองแห่งนี้คงจะขาดแหล่งพลังงานสำคัญไปอย่างแน่นอน
และนี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสาขาย่อยของบริษัท Tormenta แห่งนี้...
ขณะนี้เวลาก็ 5 ทุ่มแล้ว แต่ก็ยังมีพนักงานสองคนที่ยังคงทำงานของพวกเขาจนดึก เพื่อให้เสร็จก่อนกำหนดการณ์พรุ่งนี้ จนในที่สุดหนึ่งในสองของพวกเขาก็ทำงานเสร็จ
"เฮ้อ...ในที่สุดก็เสร็จแล้ว!" พนักงานร้องด้วยความยินดี
"ดีจังเลยนะครับคุณโมริ ผมยังเหลืออีกตั้ง 30 กว่าหน้าแน่ะ" พนักงานชายอีกคนพูด
"พยายามต่อไปนะ คุณคุโด้ เพราะถ้าเสร็จไม่ทันพรุ่งนี้ล่ะก็มีหวังโดนหัวหน้าเอ็ดอีกแน่" โมริเตือน
"นั่นสินะครับ พวกเราเองก็คงไม่มีใครอยากจะไปโดนคนเอาแต่ใจที่ทำอะไรก็ไม่เป็นแบบนั้นมาต่อว่าล่ะเนอะ" ทั้งสองแอบนินทาหัวหน้าของตัวเอง "คนของกระกูลคนรวยนี่ก็เป็นแบบนี้เสมอเลยนะ เอาแต่ใจ เห็นว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองก็มีดีแค่ทรัพย์สินเท่านั้นน่ะ"
"ก็ส่วนมากล่ะนะ" โมริสวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลของตัวเอง
"โดยเฉพาะถ้าเป็นพวกลูกคุณหนูจากตระกูลทาจิบานะด้วยแล้ว ยิ่งหยิ่งหนักเลย มีแต่พวกเห็นแก่ได้"
"ได้ยินว่าคนของตระกูลนี้ยอมฆ่ากันเพื่อที่ตนเองจะได้มรดกเลยนี่ เป็นตระกูลต้องสาปชัดๆ" คุโด้บ่น
"แต่ว่าถ้าไม่มีคนของตระกูลนี้....ไม่สิ ต้องพูดว่าถ้าไม่มีบรรพบุรุษของตระกูลนี้ก็คงจะสร้างเมืองฟูโตะแห่งนี้ขึ้นมาไม่ได้ ทั้งๆที่บรรพบุรุษสร้างชื่อให้ซะแบบนี้แต่ลูกหลานก็กลับมาทำมันพัง น่าเสียใจแทนบรรพบุรุษจริงๆนา" โมริบ่นเสร็จ ก็หยิบกุญแจรถของตัวเองเพื่อที่จะกลับ
"เอาล่ะ ฉันจะไปแล้วล่ะนะ"
"ระวังตัวด้วยนะครับ ช่วงนี้เวลากลางคืนมักจะมีเหตุคนตายบ่อยๆด้วย" คุโด้เตือนด้วยความเป็นห่วงเพื่อนร่วมงาน
"ไม่ต้องห่วงๆ งั้นขอตัวก่อนล่ะนะ" โมริลาเพื่อนร่วมงานของเขาและเปิดประตูออกจากห้อง
เขาเดินไปไปที่ลานจอดรถบนอาคารซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับชั้นที่เขาทำงานอยู่ เขาเดินตรงไปที่รถยนต์คันสีขาวของตัวเองและหยิบกุญแจรถขึ้นมา
"อ๊ะ!" ตอนที่เขาจะเสียบกุญแจใส่ประตุรถเขาก็บังเอิญทำมันหล่นก่อน
โมริก้มตัวลงไปเก็บกุญแจรถของเขาขึ้นมาใหม่
ฟั่บ!
ชายวัยสี่สิบหันกลับไปข้างหลังเมื่อเขาเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวภายในเงามืด
"คิดไปเองล่ะมั้ง" โมริปลอบใจตัวเองแบบนั้นและเสียบกุญแจรถเปิดประตูรถของเขาออก
โมริใส่ของสัมภาระของเขาลงไปในรถก่อนที่เข้าไปในรถ แต่ก่อนหน้านั้นพอเขาเหลือบไปมองที่กระมองหลัง เขาก็เห็นเหมือนมีสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่อยู่ข้างหลัง
"เฮ้ย!!" เขาสะดุ้งตกใจหันกลับมามองสัตว์ประหลาดด้านหลังนั้น....
...แต่ว่ากลับไม่มีอะไรเลย
"สงสัยคงจะนอนน้อยจนเกิดภาพหลอนแล้วสินะ" โมริจับศรีษะของตัวเอง
และเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างเหลวๆเหนี่ยวๆที่อยู่ๆก็ตกลงมาที่ฝ่ามือของเขาพอดี "อะไรเนี่ย ?" เขาลองดมมัน "แหวะ เหม็นชะมัด"
"มาจากข้างบนรึไง ?" เขาหันไปมองข้างบนหัวเขา
สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับมดยักษ์เกาะอยู่บนเพดานเหนือหัวเขา
สภาพภายนอกของมันดูไม่ต่างไปจากมดดำทั่วไปที่รู้จักกัน เพียงแต่ว่าตัวมันมีขนาดใหญ่พอๆกับสองเท่าของรถของเขา มันจ้องมองมาที่โมริพร้อมกับน้ำลายที่ไหลย้อยของมันทำให้เขารู้แล้วว่าน้ำที่หกใส่มือของเขาคืออะไร
"สะ..สัต-!!"
ชายเสื้อโค้ทน้ำตาลยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ถูกเจ้ามดยักษ์ตนนั้นเขมือบเข้าไปทั้งตัวทันที เสียงร้องของเขาดังอยู่ภายในปากอันใหญ่โตของมัน แต่ก็ไม่มีใครที่ได้เสียงร้องของเขาเลย.....
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงครึ่ง ในที่สุดคุโด้พนักงานอีกคนก็ทำงานของเขาจนเสร็จ
เขาสวมเสื้อโค้ทสีน้ำเงินเข็มแล้วเดินออกจากห้องทำงานพร้อมกับปิดไฟและเครื่องไฟฟ้าทุกชนิดให้เรียบร้อย คุโด้เดินไปยังลานจอดรถที่อยู่ชั้นเดียวกับโมริเพื่อที่จะขับรถกลับบ้าน แต่ว่าเขาก็พบสิ่งปกติระหว่างที่เดินไปที่รถของเขา
"นั่นมัน รถของคุณโมริ ?"
เวลาเที่ยงคืน ไฟบริเวณลานจอดรถส่องไฟสลัวๆ เสียงลมที่พัดมาอย่างอ่อนๆ
ถึงภายนอกจะมีเสียงของเหล่าผู้คนที่ยังใช้ชีวิตยามราตรีอยู่ในเมืองก็ตาม แต่ถ้ามาอยู่ในสถานการ์ณเช่นนี้กลับรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูเงียบสงัด ความสงสัยของเพื่อนร่วมงานที่รถของเขาจอดทิ้งไว้โดยที่ยังเปิดประตูไว้
"คุณโมริอยู่ตรงนั้นรึเปล่าครับ!?" คุโด้ตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ
"คุณโมริ!" คุโด้เดินตรงไปที่รถคันสีขาวของเพื่อนร่วมงานหวังว่าจะเจอภายในรถ
แต่เมื่อมาดูแล้วก็ไม่มีใครอยู่ในรถแม้แต่คนเดียว "ไปไหนของเขานะ ตอนที่เขาออกมาถึงตอนนี้ก็ตั้งชั่วโมงครึ่งแล้ว ไม่น่าจะมาอยู่อะไรแถวนี้"
"หรือว่าลืมของ...แต่ว่าถ้าลืมของเราก็น่าจะเห็นหนิ แต่นี่กลับ.." คุโด้หันไปมองรอบๆ พื้นที่แถบนี้แทบจะถูกปหคลุมด้วยความมืด มีแสงไฟเพียงเล็กน้อยที่ช่วยส่องแสงทางให้กับเขา
"เราเองก็กลับบ้านก่อนดีกว่า.."
คุโด้หันกลับไปทางรถตัวเองและเดินตรงไปเพื่อที่จะกลับขึ้นรถ
เมื่อนั้นเขาได้ยินเสียงของบางอย่างดังมาจากในเงามืดเขาจึงหยุดชะงัก เสียงก้าวเท้าเดินของบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ บางอย่างที่ไม่ได้มีเท้าเพียงเท้าเดียว บางอย่างที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขาด้วยความเร็วสูง
"บะ...บ้าน่า!"
"แกว้กก!!" สัตว์ประหลาดมดขนาดยักษ์พุ่งเข้ามาแล้วขย้ำชายหนุ่มทิ้งภายในชั่วพริบตา
นีเดิลที่มองเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างสนุกสนานที่ตึกข้างๆ ก็กำลังนั่งกินอาหารเป็นกับแกลมไปด้วย
"เป็นโชว์ที่ดีนะ แต่ว่าถ้าจะให้โชว์มันสนุกกว่านี้ก็คงต้อง" มันหยิบภาพของมาสค์ไรเดอร์ทั้งแปดคนขึ้นมา "ต้องให้เจ้าพวกนี้มาร่วมแสดงด้วย...ฮ่าๆๆๆๆ"
.
.
.
.
ห้องพักของอากิฮิสะ เวลา 07.40 น.
กริ๊ง!!
เสียงของนาฬิกาปลุกยามอรุณรุ่งได้ปลุกให้ชายหนุ่มผู้รับพลังจากอวกาศตื่นขึ้นมาเพื่อรับเช้าวันใหม่ที่สดใส
"ฮ้าวววว!!" เขาเอื้อมมือไปปิดสัญญาณนั้น แล้วลุกขึ้นบิดตัวไปมาเพื่อให้ตัวเองตาสว่าง "เอาล่ะ!" อากิฮิสะเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองก็พบเห็นฮายาเตะเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว
"โห นี่นายทำเองหมดเลยเรอะเนี่ยฮายาเตะยอดไปเลยแฮะ" ของกินตระการตาตรงหน้าทำเอาอากิฮิสะถึงกับน้ำลายไหล
"อะ ตื่นแล้วเหรอครับอากิฮิสะคุง ผมกะจะเลี้ยงขอบคุณน่ะครับที่ให้ที่พักของผมเมื่อคืนน่ะครับ" ฮายาเตะทดแทนบุญคุณโดยการทำอาหารเช้าให้กับอากิฮิสะ "ไม่รู้ว่ารสชาติจะดีรึเปล่านะครับ แต่ผมก็ทำอย่างสุดฝีมือ หวังว่าจะถูกปากนะครับ"
"ไหนขอลองชิมดูหน่อยนะ" อากิฮิสะตักน้ำซุปมิโซะแล้วลองชิมดู
"นะ...นี่มัน!?" ชายหนุ่มทำหน้าตกใจอย่างมาก "รสชาติของน้ำซุปเข้มข้นแต่ก็มีความนุ่มนวลอยู่ในตัว เกลือและน้ำตาลภายในนี้สามารถผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และด้วยอุณหภูมิความร้อนในตอนนี้จะยิ่งทำให้รสชาติของน้ำซุปออกมาได้ถึงขนาดนี้ นี่มันระดับภัตตาคารห้าดาวเลยไม่ใช่เรอะ!?"
อากิฮิสะก้มหัวให้ฮายาเตะ "เรื่องทำอาหารฉันแพ้นายงั้นเหรอเนี่ย"
"อา ผมยังไม่ได้เก่งอะไรถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่ทำตามที่เคยไปทำงานพิเศษมาเท่านั้นเองน่ะครับ" ฮายาเตะบอก
"ทำงานพิเศษ ?"
"ครับ คือเมื่อก่อนตอนสมัยประถมเคยไปทำงานพิเศษอยู่ที่ภัตตาคารอาหารน่ะครับ แล้วผมก็ลองก๊อปเทคนิคการทำอาหารมาจากร้านต่างๆแล้วนำมาประยุกต์จนกลายเป็นสไตล์แบบของผม แต่ว่าพอไปทำงานพิเศษที่ร้านไหนก็มักจะถูกไล่ออกน่ะครับ" ฮายาเตะเล่า
"ดะ..เดี๋ยวสิ อาหารระดับนี้น่าจะถูกใจลูกค้ามากๆเลยนะแล้วไหงโดนไล่ออก ?" อากิฮิสะสงสัย
"แบบว่าจริงอยู่นะครับที่ลูกค้าชอบมากๆ แต่คนภายในกลับไม่ชอบผมที่ดีจนเกินไปก็เลยไล่ออกน่ะครับ และให้เหตุผลว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะทำอาหารน่ะครับ"
"แล้วนายไปซื้อพวกวัตถุดิบที่ใช้ทำที่ไหนน่ะ ฉันไม่ได้มีในตู้เย็นนะ" อากิฮิสะถาม
"คือว่าผมใช้ตังค์ตัวเองที่เหลืออยู่ซื้อน่ะครับ ออกไปซื้อตั้งแต่ตี 5 ก็เลยได้วัตถุดิบดีๆแล้วก็ยังลดราคาพิเศษด้วยนะครับ"
"นายจะตื่นเช้าไปไหนเนี่ย แล้วใช้เงินนายมันจะดีเหรอ ?" อากิฮิสะรู้สึกเป็นห่วง
"ตอนนี้นายเองก็ไม่มีเงินแล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้าอย่างงั้นจะหาที่พักเป็นหลักเป็นแหล่งได้งั้นเหรอ ?"
"ไม่ต้องห่วงครับ เงินน่ะจะหาทีหลังเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนเรื่องที่พักผมก็จะหาให้ได้ภายในวันนี้ล่ะครับจะได้ไม่มาเป็นภาระให้อากิฮิสะคุงอีก" ฮายาเตะพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
"ถ้าจะพักก็มาได้เสมอนะ ช่วงนี้พี่สาวของฉันไม่อยู่ฉันอยู่คนเดียวน่ะ" อากิฮิสะบอก
"ไม่เป็นไรครับผมไม่อยากรบกวนอากิฮิสะคุงมาก ที่เลี้ยงอาหารให้วันนี้ก็ถือว่าเป็นของตอบแทนก็แล้วกันนะครับ เพราะตอนที่ผมไปเช็คคลังอาหารของอากิฮิสะคุงแล้วมันมีแต่บะหมี่ถ้วย...ที่ขาดสารอาหารน่ะครับ..."
"ขอโทษนะที่ฉันมันไม่ชอบทานอะไรที่มีประโยชน์น่ะ ก็ฉันไม่มีตังค์แล้วนี่" อากิฮิสะแย้ง
"ผมรุ้สึกว่าจริงๆแล้วอิากิฮิสะคุงก็มีฐานะนะครับถึงเช่าหอพักแบบนี้ได้ ดูจากสภาพห้องแล้วก็น่าจะรวยไม่ใช่น้อยแต่ว่าจุดที่ทำให้อากิฮิสะคุงดูเหมือนยากจนคือ.."
"คือ ?" อากิอิสะรอฟัง
"หนังสือสมบัติกว่า 2,000 เล่มในห้องของตัวเอง และเกมจำนวนมาก ก็มีแต่ของแบบนี้ถ้าจะไม่จนก็คงไม่แปลกแล้วล่ะครับ บะหมี่ถ้วยเองจริงๆแล้วก็สามารถนำไปซื้อวัตถุดิบอาหารดีๆได้ตั้งเยอะนะครับ" ฮายาเตะเทศน์ใส่เพื่อนของเขา
"กะ...ก็บะหมี่ถ้วยมันทำง่าย และสำหรับฉันมันก็อร่อยด้วย" อากิฮิสะอ้าง
"แต่ว่าถ้าไม่ฝึกทำอาหารด้วยตัวเองเวลาที่ใช้ชีวิตตัวคนเดียวโดยที่รักษาสุขภาพไปด้วยจะลำบากนะครับ" ฮายาเตะพูดสีหน้าที่จริงจัง
แววตาของชายหนุ่มพลังอวกาศเปลี่ยนไป "ใครบอกว่าฉันทำอาหารไม่เป็นน่ะ ฮายาเตะ ฉันน่ะแค่ปิดฝีมือของตัวเองไว้ต่างหาก"
"เหรอครับ ถ้าอย่างงั้นลองทำให้ผมดูหน่อยสิครับ" ฮายาเตะท้า
"ได้ตามที่ขอ" อากิฮิสะนำวัตถุดิบที่ฮายาเตะเหลืออยุ่สามารถทำอาหารออกได้หน้าตาที่ดูน่ากิน กลิ่นเองก็หอม ไม่แพ้ของฮายาเตะเลย
"ดูดีกว่าที่คิดนะครับ" ฮายาเตะใช้ตะเกียบหยิบอาหารของอากิฮิสะขึ้นมาชิม
"...อร่อย อร่อยจริงๆด้วย รสชาติไม่ได้อร่อยถึงที่สุด แต่ว่ากลับออกรสชาติที่นุ่มนวล ไม่ใช่ระดับอาหารปลายแถวเลย!"
"เห็นมั้ยเล่า บอกแล้วว่าฉันเป็นคนทำเอง!" อากิฮิสะเบ่ง
"ต่อไปเป็นข่าวเหตุความไม่สงบเมื่อวานค่ะ"
เสียงของผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์ที่เปิดไว้พูดขึ้น เปลี่ยนให้ทั้งสองไปสนตามเสียงนั้นทันที
"เกิดเหตุคดีฆาตกรรมปริศนาที่ลานจอดรถบริษัท Tormenta ผู้เสียชีวิตเป็นพนักงานสองคนที่ทำงานอยุ่ในช่วง ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง พบว่ามีร่องรอยคล้ายการต่อสู้เกิดไปทั่วพื้นที่ แต่ว่ากลับมีร่องรอยของน้ำเมือกประหลาดซึ่งทางทีมวิจัยกำลังตรวจสอบความผิดปกตินี้อยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ด้วยสาเหตุบางอย่าง แต่สามารถบันทึกเสียงของสิ่งที่โจมตีทั้งสองได้ค่ะ มาลองฟังนะคะ"
"แกว้กกก!!!"
"ค่ะ นั่นคือเสียงที่คนร้ายใช้เพื่อขู่ทั้งสองคน แล้วลงมือสังหารในจังหวะที่พวกเขาไม่ทันระวังตัว นี่คือข้อสันนิษฐานของทางตำรวจ แต่ว่าในตอนนี้ยังไม่พบศพของผู้เสียชีวิตทั้งสอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะพยายามสืบหาต้นตอที่แท้จริงสำหรับการฆาตกรรมในครั้งนี้ให้ได้ หากมีอะไรเพิ่มเติมก็จะขอแจ้งให้ทราบในภายหลังค่ะ" ผู้ประกาศข่าวสาวรายงาน
"น่าแปลกนะครับ ดูเสียงเมื่อกี้แล้วเหมือนไม่ใช่ของปลอมเลย" ฮายาเตะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
"หรือว่าจะเป็นเจ้าพวกลอสท์นั่น!?" อากิฮิสะคิด
"ถ้าใช้ล่ะก็คราวนี้พวกมันลงมือหนักเลยนะเนี่ย"
"พวกเราเองก็ลองไปตรวจสอบที่นั่นดูเถอะครับ" ฮายาเตะแนะนำ
"อืม..." อากิฮิสะครุ่นคิดเขายังลังเลว่าจะไปดีหรือไม่ "..เอางั้นก็ได้ ไปลุยกับมันกันเลย!"
ทาจิบานะ จุนอิจิที่กำลังปิดข่าวดูที่บ้านของเขาเช่นกัน พอเห็นข่าวนี้แล้วก็รู้สึกร้อนใจ
"พี่จ๋าเป็นอะไรรึเปล่า ดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่นะ" มิยะถามเมื่อเห็นท่าทีของพี่ชายตัวเองดูแปลกๆ
"เปล่าหรอกแค่รู้สึกไม่ดีเท่านั้นล่ะ อีกอย่างที่นั่นก็เป็นบริษัทของญาติเรานะ จะไม่ให้ไม่เป็นห่วงได้ไง" จุนอิจิต่อว่ามิยะ
"แต่ว่าพวกญาติคนอื่นๆพวกเขาแค่หวังมรดกไม่ใช่เหรอคะ พวกคนแบบนั้นไม่เห็นจะต้องไปห่วงอะไรเลยก็ได้นี่" มิยะทำหน้าไม่พอใจ "อีกอย่างได้ยินว่าวันนี้พวกเขาก็จะจัดงานเลี้ยงอะไรซักอย่างที่นั่นด้วยล่ะ มีบัตรเชิญมาที่เราด้วยนะ คงจะชวนเราไปให้ขายหน้าเหมือนเดิมแน่ๆเลย"
"บัตรเชิญเข้างานเลี้ยงงั้นเรอะ ?" จุนอิจิครุ่นคิดเขาคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ลอบเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ในครั้งนี้แล้ว "มิยะ เตรียมตัวเถอะ พวกเราจะไปกัน"
"ไปกัน...ไปไหน ?" มิยะงง
"ถามมาได้นะ ก็ไปงานเลี้ยงที่เขาเชิญมาไงล่ะ" จุนอิจิลุกขึ้น สีหน้าของเขาแสดงว่าเขาพูดความจริงทำเอามิยะถึงกับงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่ชายตัวเอง ที่ตามปกติไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนี้
"พี่จ๋าแต่ว่าเท่าที่หนูจำได้นะ คนที่เป็นเจ้าของที่นั่นมัน...." มิยะทำหน้าแบบไม่อยากไปพบคนที่เธอกำลังจะพูดถึงเลย
"ใช่ คนที่ดูแลที่นั่น ทาจิบานะ ซาคุมะ" ชายหนุ่มพูดชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
บริษัท Tempesta จำกัด เวลา 10.33 น.
บริษัท Tempesta เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขายบ้าน ห้องเช่า คอนโดมีเนียม
ที่ซึ่งฮายาเตะต้องมาติดต่อเพื่อหาที่พักอาศัยให้เข้าอยู่อย่างเป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่งั้นเขาคงจะต้องใช้ชีวิตแบบขอทานเร่ร่อนภายในเมืองแห่งนี้ก็เป็นได้
"แล้วเธอไม่มีผู้ปกครองมาด้วยงั้นรึ ถ้าไม่มีความรับรองจากผู้ปกครองก็จะไม่สามารถเซ็นสัญญาตามที่กำหนดได้นะ" นายหน้าอธิบาย
"คือว่าผมเป็นคนนอกเมืองน่ะครับ แล้วพ่อแม่ของผมส่งผมมาเมืองนี้คนเดียวน่ะครับ ตอนนี้ก็เลยต้องใช้ชีวิตแบบพึ่งตัวเองครับ" ฮายาเตะโกหกไป
"อืม...งั้นก็ขอดูบัตรประจำตัวของเธอหน่อยนะ เพื่อเป็นหลักฐานว่าเธออยุ่ในเมืองนี้ในฐานะนั้น" นายหน้าขอบัตรประจำตัวของฮายาเตะที่ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันสถานะของประชาชนในเมืองว่าเกิดที่เมืองแห่งนี้,ย้ายมาจากนอกเมือง,หรืออีกมากมาย
"ฮายาเตะๆ นายคิดดีแล้วเรอะ ถ้าเขาจำได้เราจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้นะ" อากิอิสะกระซิบข้างหูเพื่อนของเขา
"ไม่เป็นไรครับ ผมเคยมีประสบการณ์ทำงานแบบนี้มาก่อนวางใจผมเถอะครับ" ฮายาเตะตอบอย่างมั่นใจ
"นี่นายอายุเท่าไหร่กันแน่เนี่ยทำงานหลากหลายจังเลยนะ" อากิฮิสะชักรู้สึกสงสัย
"ครับ นี่บัตรประจำตัวของผม" ฮายาเตะยื่นบัตรประจำตัวให้นายหน้า
นายหน้าทำการตรวจสอบบัตรประจำตัวนั้น และเขาก็พูดกลับมาว่า "อืม ตกลงเป็นตามที่เธอพูดจริงๆ ถ้าอย่างงั้นเธอต้องการบ้านหรือห้องเช่าแบบไหนล่ะ ?"
"เอาจริงเด่ะ!" อากิฮิสะตกใจที่ผ่านได้ง่ายๆ
"ผมขอห้องแบบ 3LDK ที่มีราคาถูกที่สุดน่ะครับ" ฮายาเตะบอกไป
"3LDK คืออะไรน่ะ ?" อากิฮิสะถาม
"3LDK คือห้องตามอพาร์ทเม้นที่มี 3 ห้องครับ" ฮายาเตะเริ่มอธิบาย
"โดยภายในห้องนั้นจะประกอบไปด้วยห้องสามห้อง ห้องรับแขก ห้องทางอาหารและห้องครัวครับ ที่ผมเลือกแบบนี้เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกับการใช้ชีวิตในแบบของผมมากที่สุดน่ะครับ แถมราคาก็ไม่น่าจะแพงมากด้วย"
"มันเป็นวิถีชีวิตแบบพอเพียงหรือยาจกล่ะนั่น แต่จากที่นายเล่ามันไม่มีห้องน้ำหนิ" อากิฮิสะบอก
"อากิฮิสะคุง ถ้ามันไม่มีห้องน้ำแล้วผมจะเลือกแบบนี้ไปทำไมล่ะครับ" ฮายาเตะเหนื่อยใจในความทึ่มของอากิฮิสะ เพราะถึงเป็น 3LDK ยังไงก็ยังมีห้องน้ำ เพียงแค่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเท่านั้น
"อืม....แล้วห้องแบบของฉันนี่นับว่าเป็น 3LDK รึเปล่าน่ะ ?" อากิฮิสะถาม
"ห้องของอากิฮิสะคุงมีทั้ง 3 อย่างจริง แต่ก็มีห้องนอนส่วนตัวด้วยนี่ครับ" ฮายาเตะบอก "แบบนั้นไม่ใช่หรอกครับ"
"เอาล่ะ นี่คือแบบที่ถูกที่สุดแล้วนะ เธอจะเอารึเปล่า ?" นายหน้าตั้งภาพให้ทั้งสองดู
"อืม...ราคาก็ 10,000 เยน ต่อเดือนแต่มีพร้อมทั้งไฟและน้ำพร้อม....พี่ครับมันจะไม่ถูกไปเหรอครับ ?" ฮายาเตะที่เห็นราคาสุดแสนจะถูกถ้านับตามบ้านแบบเดียวกัน
"เธอลองอ่านหมายเหตุข้างล่างก่อนสิ" นายหน้าบอก
ฮายาเตะและอากิฮิสะลดหัวลงมาอ่านหมายเหตุด้านล่างสุด "ไม่ขอรับประกันความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทุกชนิด หากอุปกรณ์เครื่องใช้เสียหายหรือใช้งานไม่ได้ ทางเราจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น และหากพบกับเรื่องเหนือธรรมชาติขอให้ท่านสวดมนต์เอาก็แล้วกัน"
"สรุปเธอจะเอารึเปล่า ?" นายหน้ายิ้มต้อนรับอย่างดี
ฮายาเตะและอากิฮิสะเงยหน้าขึ้นและตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า "ไม่ครับ!"
สุดท้ายทั้งสองก็ออกมาจากบริษัทนั้นด้วยความผิดหวัง
"เฮ้อ...เมืองนี้มันก็อยู่ยากจริงแฮะ แล้วอะยาซากิทำไมนายไม่ลองไปกู้เงินดูล่ะ จะได้เอามาตั้งหลักชีวิตใหม่" อากิฮิสะแนะนำ
"คือเรื่องนั้นผมทำไปหลายครั้งแล้วล่ะครับ คุณพ่อคุณแม่ผมใช้บัตรของผมกู้เงินมาจากทางนั้นแล้วนำไปใช้ทำตามความฝันหมดน่ะครับ สุดท้ายแล้วครอบครัวผมก็ติดหนี้ก้อนโตถึงขนาดที่ชีวิตนี้อาจจะใช้ไม่หมดได้เลยนะครับ" ฮายาเตะเล่าถึงชีวิตอันโหดร้ายของตัวเอง
"อากิฮิสะคุงน่ะดีนะครับที่เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่มีเงินใช้แบบนั้น ของผมต้องลำบากบากบั่นอยู่ตลอดเวลาเลย"
ทั้งสองเดินไปตามทางเรื่อยๆพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าอีกฟากของฝั่งถนนมีเหมือนงานเลี้ยงกำลังจัดขึ้นที่หน้าอาคารของบริษัทแห่งหนึ่ง
"งานเลี้ยงงั้นเรอะ จัดเนื่องในโอกาสอะไรล่ะเนี่ย ?" อากิฮิสะยืนมองด้วยความสงสัย
แต่ฮายาเตะกลับมองในสิ่งที่ต่างออกไป เขากลับมองขึ้นไปบนอาคารสูงนั้นและพยายามนึกถึงบางอย่าง "อากิฮิสะคุงผมรู้สึกว่าเหมือนพวกเราเคยเห็นตึกนี้ที่ไหนมาก่อนนะครับ"
"เอ๊ะ!?" อากิฮิสะลองมองขึ้นไปบนตึกสูงบ้าง "เอ...จริงนะเหมือนเพิ่งเห็นไปไม่นานนี้ด้วย"
ความทรงจำกลับมาที่เด็กหนุ่มอีกครั้งเขาสามารถจำได้ว่าพวกเขาเห็นที่แห่งนี้ในข่าวตอนเช้า "อากิอิสะคุงนี่มันตึกที่เกิดคดีฆาตกรรมประหลาดเมื่อเช้านี่ครับ!"
"เออ จริงแฮะ แล้วนีมันจัดงานใหญ่โตแบบนี้เพื่อโอกาสอะไรเนี่ย ?" อากิฮิสะท่าทางตกใจ
"รู้สึกจะผิดประเด็นนะครับ ที่จริงน่าจะพูดว่าทำไมถึงจัดงานแบบนี้อยู่มากกว่า" ฮายาเตะแก้คำพูด
"งานเลี้ยงนี้จัดในโอกาสวันเกิดของประธานบริษัทของที่นี่น่ะ" เสียงของชายผู้หนึ่งอธิบายให้ทั้งสอง "และที่ว่าทำไมถึงยังจัดงานอยู่เป็นเพราะประธานคนนั้นเขาไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เขาเพียงแค่สนใจความต้องการของตัวเองเท่านั้น ต่อให้เป็นตำรวจก็เถอะก็มาห้ามพวกเขาไม่ได้"
"อย่างงี้นี่เอง ขอบใจนะที่อธิบาย" อากิฮิสะขอบคุณทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
"เดี๋ยวสิแล้วนายเป็นใคร ?" อากิฮิสะหันกลับไปข้างหลังก็พบกับจุนอิจิในชุดสูทดูราคาแพง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง "นะ...นายเป็นใครกันเนี่ย!?"
"พวกเราเพิ่งเจอกันไปเมื่อสองวันก่อนไม่ใช่รึไง" จุนอิจิยืนกอดอก
"ทาจิบานะคุงทำไมถึงใส่ชุดนี้ล่ะครับ หรือว่าคุณถูกเชิญให้มาที่นี่ ?" ฮายาเตะที่ยังจำได้ก็คุยกันแบบปกติ
"อืม ฉันกับประธานของที่นี่..ไม่สิ ประธานของบริษัทนี้ทุกคนเป็นญาติๆของฉันหมด และเขาก็มักเชิญฉันไปงานแบบนี้ทุกครั้งนั่นล่ะ" จุนอิจิอธิบาย
"แต่ว่าก็ไม่ได้อยากมานักหรอกนะ งานแบบนี้.."
"งั้นสาเหตุที่ทาจิบานะคุงมาที่นี่หรือจะเป็นเรื่องคดีฆาตกรรมเมื่อคืนครับ ?" ฮายาเตะเดาเหตุผลของจุนอิจิ
จุนอิจิพยักหน้า "ใช่ ถ้ามันเกิดขึ้นที่ ไม่แน่ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกก็ได้"
"พี่คะ มัวมาทำอะไรอยู่ตรงนี้" มิยะในชุดเดรสสีดำเดินออกมาตามจุนอิจิที่มายืนคุยกับพวกฮายาเตะนานจนไม่ยอมเข้าไปซักที "แล้วคนพวกนี้เป็นใครเหรอคะ เพื่อนเหรอ ?"
"อะยาซากิ ฮายาเตะครับ เป็นเพื่อนของทาจิบานะคุงครับ" ฮายาเตะแนะนำตัว
"เช่นกัน โยชิอิ อากิฮิสะ" อากิฮิสะแนะนำตัว
"ค่ะ หนุชื่อทาจิบานะ มิยะเป็นน้องสาวของพี่จ๋า..ไม่สิ..พี่จุนอิจิค่ะ" มิยะแนะนำตัว
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"
"มิยะก็บอกว่าให้เข้าไปก่อนไม่ใช่เรอะ แล้วจะออกมาทำไม ?" จุนอิจิถาม
"พี่ก็รู้เหตุผลหนิคะว่าคุณซาคุมะเป็นคนยังไง หนูยังไม่อยากเข้าใกล้เลย หนูถึงได้ยืนกรานปฏิเสธมาตั้งแต่เช้า แต่พี่ก็กลับดันดึงดันที่จะมาให้ได้นั่นล่ะ" มิยะบ่น
"แต่คนที่ชวนดันไม่ยอมเข้างานมายืนอยู่ตรงนี้มันก็แปลกๆนะคะ" มิยะจ้องจุนอิจิเพื่อกดดันชายหนุ่ม
จนจุนอิจิต้องยอม "อาๆ เข้าใจแล้วจะเข้าไปก็ได้"
"พวกอะยาซากิเองก็จะเข้ามาด้วยกันมั้ยล่ะ ถ้าให้ฉันเป็นคนพาเข้าไปน่ะก็ได้นะ"
"เอ๊ะ จะดีเหรอครับ ?" ฮายาเตะรู้สึกเกรงใจ
"ที่นี่มีของอร่อยๆฟรีให้กินสินะ งั้นฉันตกลง!" อากิฮิสะตรงข้ามกับฮายาเตะอย่างสิ้นเชิง
"ไม่ต้องเกรงใจ อีกอย่างถ้าพวกนายเข้ามาด้วยฉันคิดว่ามันน่าจะสะดวกกว่าล่ะนะ" จุนอิจิพูดเป็นนัยๆว่าเขาจะต้องตามหาต้นตอที่แท้จริงขอคดีฆาตกรรมแน่ๆ ทำให้ฮายาเตะยอมตอบตกลง
บริษัท Tormenta เวลา 11.14 น.
ทั้งสี่คนเข้าไปในงานเลี้ยงที่จัดอยู่บนชั้นบน จุนอิจิและมิยะบอกชื่อกับบอดี้การ์ดหน้างานก็ทำให้พวกเขาผ่านเข้าไปในงานได้ แต่ฮายาเตะและอากิฮิสะกลับถูกกันไว้เพราะไม่มีชื่อ
"ไม่เป็นไรสองคนนี้มากับฉันให้เข้ามาเถอะ" จุนอิจิบอกการ์ดทั้งสอง
"ได้ครับ" การ์ดทั้งสองยอมปล่อยให้ฮายาเตะและอากิฮิสะเข้าไปในงานได้
ภายในงานเลี้ยงก็มีผู้คนมากกมาย แต่ละคนนั้นก็ดูเป็นคนที่มีฐานะกันทั้งนั้น มีชุดสูทที่ดูดี มีเครื่องประดับเรือนทองเรือนเงิน ผู้หญิงก็ใส่ชุดราตรีสวยงามดูดีมีราคา บางคนถึงจะไม่ใส่เครื่องแต่งกายที่ดูมีราคามากแต่ว่าพวกเขาก็ยังใส่ของที่บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นคนรวย บนโต๊ะมีถาดอาหารวางอยู่มากมายเรียงรายเป็นแถวยาว ตลอดทั้งงานมีกลุ่มวงดนตรีคอยเล่นเพลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับอากิฮิสะนี่คือการมาร่วมงานแบบนี้เป็นครั้งแรก สำหรับฮายาเตะเขาเคยร่วมงานแบบนี้มาหลายรอบแล้วแต่ส่วนมากจะเป็นคนที่ทำงานอยู๋เบื้องหลัง แต่สำหรับจุนอิจิและมิยะพวกเขาสองคนไม่ค่อยอยากจะมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง
"เฮ้ ไงจุนอิจิคุงไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไม่คิดเลยว่าจะมา" ผู้ชายอายุราวๆ 19 ปี พูดทักทายจุนอิจิอย่างกับรู้จักกันมาก่อน เขาดูท่าทางรวยที่สุดในบรรดาแขกร่วมงานทั้งหมดมีบอดี้การ์ดชุดดำสองคนยืนอยู่ข้างหลังเขา นอกนั้นล้วนเป็นหญิงสาวที่อยู่รายล้อมตัวเขา ด้วยสาเหตุที่เขารวย "ใช่แล้วร่วมถึงน้องสาวสุดน่ารักอย่างมิยะจังด้วยนะ"
เขาจับแก้มของเธอแตามิยะปัดออกอย่างไม่ใยดี
"คนๆนี้คือ ?" ฮายาเตะกระซิบถามมิยะที่ท่าทางฉุนเฉียว
"ทาจิบานะ ซาคุมะเป็นประธานของที่นี่น่ะค่ะ เขาชอบทำตัวแบบนี้หนูน่ะไม่ชอบเขาเลยน่ะค่ะ" มิยะกระซิบบอกฮายาเตะ
"แล้วผู้ชายข้างหลังนั่นใคร ดูจากหน้าแล้วคนนึงเป็นคนรับใช้" ซาคุมะชี้ฮายาเตะ
"แล้วก็อีกคนเป็นขี้ข้าสินะ" ซาคุมะชี้อากิฮิสะ และเขากับเหล่าหญิงสาวก็หัวเราะ
"เฮ้ย มาว่าใครเป็นขี้ข้ากัน!!" อากิฮิสะของขึ้นจะเข้าไปหาเรื่องซาคุมะแต่ถูกฮายาเตะหยุดไว้
"เย็นไว้ครับ อากิฮิสะคุง ถ้าเกิดคุณไปหาเรื่องเขาตอนนี้มีหวังโดนไล่ออกจากงานแน่ๆครับ ตอนนี้ใจเย็นก่อนเถอะครับ" ฮายาเตะพยายามกล่อมเขาจนได้ผล
"ยังคบกับพวกที่ดูเป็นคนยากคนจนไม่เปลี่ยนเลยนะจุนอิจิคุง แล้วคิดอะไรถึงมาที่นี่ล่ะ ?"
ซาคุมะพูดหยามจุนอิจิและถามเหตุผลที่มาที่นี่
"คุณซาคุมะ เมื่อวานเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นไม่ใช่เหรอครับ แล้วมาจัดงานแบบนี้ไม่คิดว่าคนร้ายจะลงมืออีกงั้นเหรอครับ ?" จุนอิจิถาม ซาคุมะไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเลยแม้แต่น้อย
"คุณซาคุมะครับ!" จุนอิจิทำหน้าจริงจังขึ้น
"อ้อๆ โทษทีนะ" ซาคุมะยอมกลับมาสนใจจุนอิจิ
"เรื่องนั้นไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ฆาตกรมันคงไม่ได้จะมาฆ่าทุกคนในงานซักหน่อย คนก็มีตั้งเยอะมันไม่กล้าลงมือหรอกน่า"
"แล้วถ้าสมมุติว่ามันไม่ใช่คนล่ะครับ" จุนอิจิพูด ซาคุมะหันกลับมาทำหน้างง
"ถ้าไม่ใช่คนแล้วจะเป็นอะไร เป็นสัตว์ประหลาดเหรอ เป็นเอเลี่ยนเหรอ หรือว่าจะเป็นยักษ์ที่ลงมาจากฟ้าแล้วมาฆ่าทุกคนกัน นี่มันโลกความจริงนะจุนอิจิคุงไม่มีอะำไรแบบนั้นหรอก" ซาคุมะไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่จุนอิจิพูดเลยแม้แต่น้อย
"ผมขอตัวนะครับ" จุนอิจิตัดสินใจเลิกคุยกับซาคุมะ ในใจของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธแต่ว่าเขารู้ดีว่าไม่ควรที่จะปลดปล่อยมันออกมา เขากลับมานั่งที่โต๊ะและคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
"อะยาซากินายช่วยไปดูที่เกิดเหตุจะได้มั้ย อยากจะให้ไปตรวจสอบแถวนั้นให้หน่อย"
"ครับ ได้ครับ" ฮายาเตะตอบตกลง และไปตามที่จุนอิจิบอกทันที
"โยชิอิ นายช่วยไปดูรอบๆงานให้ทีหากเห็นอะไรผิดปกติก็โทรมาด้วยล่ะ" จุนอิจิสั่งอากิฮิสะ
"ได้เลย แม่ทัพ!" อากิฮิสะรับคำสั่ง และเดินออกไปตามนั้น
"พี่ทำเหมือนกับว่าจะไปรบกับใครเลยนะคะ เป็นอะไรรึเปล่าวันนี้พี่ดูเครียดๆนะ" มิยะรู้สึกแปลกที่จุนอิจิดูจริงจังกับวันนี้มากผิดปกติ
"เปล่าไม่มีอะไรหรอก มิยะช่วยรอที่นี่ที่นะ เดี๋ยวฉันมีธุระที่ต้องไปทำก่อน" จุนอิจิผละตัวออกไปโดยที่ทิ้งมิยะไว้ในงานคนเดียว
"เดี๋ยวสิคะพี่" มิยะพยายามเรียกแต่ชายหนุ่มก็ไปเสียแล้ว "แล้วแบบนี้เราจะยังไงต่อละเนี่ย"
ตอนนั้นที่ทางเข้ารับแขกเข้างาน ผู้หญิงคนนึงอายุราวๆเดียวกับพวกฮายาเตะเดินเข้ามาบอกชื่อกับบอดี้การ์ด "คัตสึระ ฮินะงิคุค่ะ"
"อืม ไม่มีชื่อน่ะครับ มีแค่คัตสึระอีกคนน่ะครับ ไม่ทราบว่าเป็นญาติกันรึเปล่า ?" การ์ดด้านหน้าถาม
"ค่ะ แม่ของฉันติดงานเลยมาไม่ได้ เลยให้ฉันมาแทนน่ะค่ะ" เธอตอบ
"ถ้าอย่างงั้นก็เชิญเข้าไปได้เลยครับ" การ์ดทั้งสองยอมเปิดทางให้
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ" ฮินะงิคุเข้าไปในงานได้โดยง่าย
"สวยดีนะถ้าอีกซัก 5 ปีน่าจะสุดยอดไปเลย" การ์ดคุยกับการ์ดอีกคน
"เหอะ แบนเป็นไม้กระดานแบบนั้นฉันไม่แคร์หรอก"
"ครับๆ"
ลานจอดรถชั้นบนสุด เวลา 12.11 น.
อะยาซากิ ฮายาเตะขึ้นมายังลานจอดรถชั้นที่เกิดเหตุเพื่อมาตรวจสอบความผิดปกติตามที่จุนอิจิสั่ง พื้นที่ถูกกั้นไว้โดยกรวยและเทปกาวสีเหลืองเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปในที่เกิดเหตุ แต่ว่าเด็กหนุ่มจำต้องเข้าไปเพราะตำรวจไม่น่าจะรับมือกับเหตุผิดปกติในครั้งนี้ได้ เขาจึงแอบย่างก้าวเข้าไปในนั้น
"ตรงนั้นสินะ" ฮายาเตะเดินไปดูจุดที่รถคันขาวจอดอยู่และเปิดประตูทิ้งไว้
"รอบๆข้างไม่มีร่องรอยของอะไรเลย ไม่ได้โจมตีหรือเคลื่อนมาจากทุกทางงั้นเรอะ ?" เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัย แต่พอเขาก้มลงดูที่พื้นก็เห็นเหมือนเหมือกเหนียวๆติดอยู่บนพื้น
"นี่มัน!?" ชายหนุ่มก้มตัวลงและลองสัมผัสกับเหมือกเหนียวๆนั้น
"แบบนี้มันไม่เหมือนกับเป็นฝีมือมนุษย์เลยนะ"
"ฟึ่บ"
ฮายาเตะเหลี่ยวหลังกลับไปมองเมื่อรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบใครหรือสิ่งใด เขาจึงกลับมาให้ความสนใจกับร่องรอยประหลาดที่เกิดขึ้นบนพื้นก่อน "แบบนี้มัน ไม่ได้มาจาก...รอบข้างถ้าอย่างงั้น!"
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองขึ้นข้างบน แต่ก็พบเพียงเพดานธรรมดาไม่มีอะไรผิดปกติ
"ยังไงกันแน่นะ...คนร้ายเป็นลอสท์อย่างที่คิดจริงๆ แต่ว่ากลับแปลกไปจากตัวที่เราเจอมาก่อนหน้านี้" ฮายาเตะรู้สึกสงสัย เขาเดินไปที่รถอีกคนนึงที่จอดอยู่อีกฝั่งแต่รถคันนั้นก็ไม่ได้มีร่องรอยผิดปกติอะไร
"ถ้าอย่างงั้นเหยื่อรายที่สอง ถูกโจมตียังไงล่ะ ไม่ได้โดนโจมตีที่รถ"
ชายหนุ่มมายืนคิดอยู่ตรงกลางระหว่างรถทั้งสองคัน "คนร้ายลงมือยังไง ?"
ฮายาเตะสังเกตที่พื้นดูดีๆเข้าเห็นรอยปูนที่แตกเล็กน้อย พอเขามองไปตามทางดีๆก็พบว่ารอยแตกนั้นแม้จะเล็กมาก แต่ว่ามันก็เรียงมาเป็นแถวๆพุ่งตรงมาจุดที่เขายืนอยู่
"หรือว่าจะ ?"
ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังจะแก้ไขปริศนาได้แล้วนั้น ก็มีเงาสีดำขนาดใหญ่ได้ปรากฏอยุ่ด้านหลังของเขา
ทางด้านโยชิอิ อากิฮิสะที่ถูกใช้ให้เดินไปดูรอบๆงานหาความผิดปกติ
ก็มัวแต่เดินวนไปทั่วงานไม่ได้ไปดูที่ไหนจริงๆจังๆ "เฮ้อ ถึงจะบอกว่าให้ไปดูความผิดปกติรอบๆงานก็เถอะนะ แต่ว่าไม่มีที่ไหนที่มันดูผิดปกติเลยนี่น่า แล้วจะให้ไปที่ไหนเล่า"
อากิฮิสะเดินไปเรื่อยแล้วเขาก็ไปหยุดชะงักเมื่อมองไปที่ช่องแอร์
"ที่ที่ดูน่าสงสัยก็คงตรงนั้นล่ะมั้ง" ชายพลังอวกาศแอบผู้คนเข้าไปยังห้องที่ไม่มีใคร แล้วเขาก็ถอดตะแกงเหล็กของทางช่องแอร์ออกและแอบปีนขึ้นไปตามเส้นทางนั้น
"หวังว่าคงจะไม่มีอะไรออกมาหรอกนะ" ช่องแอร์ที่มืดๆดูน่ากลัวก็ทำให้ชายหนุ่มขนลุก
"เป็นไงเป็นกัน!" อากิฮิสะตัดสินใจคลานไปตามทางในช่องแอร์ เขาคลานผ่านห้องต่างๆไม่ว่าจะเป็นห้องจัดงานเลี้ยง ห้องทำงาน ห้องครัว ห้องน้ำ แต่ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ไม่มีความผิดปกติ
"โอย ที่นี่มันจะมีอะไรจริงเหรอเนี่ย" โยชิอิบ่นและมาหยุดพักที่ทางช่องแอร์อีกจุด และหลับตานอนพักที่นั้น
"ถ้าจะมีีอะไรผิดปกติล่ะก็ ขอให้ลืมตาขึ้นแล้วเจอมันทันทีเลยละกัน" ชายหนุ่มอธิฐานแล้วลืมตาขึ้น เขาก็พบกับ!!
ช่องแอร์
"เฮ้อ ทีนี่คงไม่มีอะไรจริงๆล่ะะมั้-!!" ช่องแอร์ที่เขานอนอยุ่นั้นรับน้ำหนักไม่ไหวและพังลงมา
ทำให้อากิฮิสะตกลงมากลางน้ำเหมือกบางอย่างที่พื้น "อะไรเนี่ย ที่นี่มันมีของสกปรกแบบ..!?" แต่พอชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า "นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ?"
ทางทาจิบานะ จุนอิจิที่ลงมาตรวจสอบลานจอดรถชั้นใต้ดิน กลับไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลย
"ข้างล่างนี่คงจะไม่มีอะไรสินะ" ระหว่างที่กำลังเดินสำรวจอยู่นั้น เสียงริงโทนโทรศัพท์ของจุนอิจิก็ดังขึ้นทำให้เขาต้องหยิบขึ้นมารับสาย "ใครโทรมานะ ?"
เมื่อดูเบอร์ก็พบว่าเป็นเบอร์คนไม่รู้จัก จุนอิจิจึงต้องลองรับดูก่อน
"ครับทาจิบานะครับ"
"จะ..จุนอิจิ มะ..มันเต็มไปหมดเลย!"
จากที่ฟังจากเสียงทำให้จุนอิจิรู้ว่าคนที่โทรมาหาเขาก็คืออากิฮิสะ "เดี๋ยวอากิฮิสะนายรู้เบอร์ของฉันได้ยังไง แล้วอะไรที่เยอะไปหมดนั่นน่ะ ?"
"ไข่" อากิฮิสะตอบ
"ไข่ ไข่อะไรมีอะไรอยู่ข้างบนนั้นกันแน่น่ะ ?" จุนอิจิทักท้้วงคำตอบจากเพื่อนของเขา
"ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไข่ของอะไร ตะ..แต่ว่า" ขณันี้ในห้องที่อากิฮิสะอยู่นั้นเต็มไปด้วยไข่ฟองสีดำที่เกาะอยู่ตามผนัง ตามพื้น หรือแม้แต่บนเพดาน ข้างในไข่ทุกฟองกำลังเหมือนมีสิ่งมีชีวิตสีดำกำลังขยับอยู่ภายในนั้นรอเวลาที่กำลังจะฟักตัวในไม่ช้า และจำนวนของมันก็...
"เจ้าพวกนี้มันมีเกินร้อยได้มั้ง"
"เยอะขนาดนั้นเลยงั้นเรอะ" ดวงตาของจุนอิจิเบิกโพลงทันทีที่ได้ฟังเรื่องจำนวนของพวกมัน
"เข้าใจแล้ว ฉันจะ-" ก่อนหน้าที่จุนอิจิจะได้พูดอะไรต่อก็มีเข็มประหลาดแทงใส่โทรศัพท์ของเขา และทำให้โทรศัพท์ของเขาหล่นลงสู่พื้นและพังในที่สุด
"ไม่นึกว่าจะหาเจอเร็วขนาดนี้นะ แต่ว่าเพราะเป็นคนที่บ้าๆบอๆถึงได้ทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้ตลอด"
เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากจุดลับแสงด้านในสุดของชั้นใต้ดินแห่งนี้ พอเขาเดินออกมาจุดที่มีแสงไฟส่องถึงก็ทำให้รู้ว่าเขาคือนีเดิลชายชุดขาวผู้เป็นหนึ่งในระดับแนวหน้าของลอสท์
"นายเองสินะ ตัวการของเหตุฆาตกรรมเมื่อวาน!" จุนอิจิมองไปที่นีเดิลด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
"ผิดแล้วๆ ฉันไม่ได้เป็นคนลงมือ" นีเดิลปฏิเสธแล้วแสยะยิ้ม
"แต่ว่าแค่เป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเท่านั้นเอง" ร่างของชายชุดขาวค่อยๆมีไอระเหยออกมา แล้วร่างของเขาก็กลายร่างเป็นลอสท์รูปแบบเม่นในที่สุด
"ในบรรดาทั้งสามคน ท่าทางแกจะเป็นคนที่ดูเป็นหัวหน้าที่สุด เพราะฉะนั้นถ้ากำจัดผู้บัญชาการลงได้ อีกสองคนก็จะไร้ผู้คอยสั่งการ"
"คงจะแอบมองมาตลอดเลยสินะ" จุนอิจิสวมโอสไดร์เวอร์และใส่เมดัลทั้งสามลง
"แต่ว่าฉันจะเป็นคนจัดการกับนายเอง!" เด็กหนุ่มหยิบโอสสแกนเนอร์ที่ข้างเข็มขัดออกมาสแกนเมดัลที่ไดร์เวอรืของเขา
TAKA (เหยี่ยว)
TORA (เสือ)
BATTA (ตั๊กแตน)
TATOBA TATOBA TATOBA
สิ้นเสียงที่ดังมาจากสแกนเนอร์ของโอส ร่างของจุนอิจิก็ถูกสวมทับด้วยเกราะสีแดงรูปเหยี่ยวที่หัว เกราะสีเหลืองรูปเสือที่ลำตัว และเกราะสีเขียวรูปตั๊กแตนที่ขา
"มาสค์ไรเดอร์โอส"
"ขอดูฝีมือของแกหน่อย!" นีเดิลสร้างหอกยาวขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าไปโจมตีใส่โอสในระยะใกล้
มาสค์ไรเดอร์เบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงที แขนสองข้างของเขาเรืองแสงขึ้นและกรงเล็บก็กางขึ้นมา "ฮ่าส์!" โอสฟันกรงเล็บโจมตีใส่นีเดิล ด้วยความประมาททำให้มันโดนการโจมตีของโอสเข้าไป และก็ถูกโจมตีซ้ำอีกทีด้วยการใช้กรงเล็บทั้งสองข้างแทง
"ดีกว่าที่คิดไว้นะ แต่ว่ายังดีไม่พอ" นีเดิลสบัดผม
เข็มจำนวนมากที่เป็นเส้นผมของมันต่างกระจายขึ้นไปข้างบน และมันก็ควบคุมเข็มเหล่านั้นลงมาโจมตีโอสอย่างต่อเนื่อง มาสค์ไรเดอร์รีบกระโดดถอยห่างในทันที
"เข็มแหลมของข้านั้นแหลมคมที่สุดในบรรดาลอสท์ที่ใช้เข็มด้วยกัน"
นีเดิลอวดพลังของมันเอง "ระวังโดนแล้วจะตายโดยไม่รู้ตัวนะ" มันหยิบเข็มขนาดใหญ่ที่ปักอยุ่ที่พื้นขึ้นมาและตามพุ่งเข้าหาโอสอย่างรวดเร็ว
"ไม่ยอมให้เป็นฝ่ายโดนบุกอยู่คนเดียวหรอก!" โอสใช้กรงเล็บปักลงพื้น
เขาเงยหน้าขึ้นใช้พลังของดวงตาเหยี่ยว มองหาจุดอ่อนของนีเดิล "ตรงนั้น!" มาสค์ไรเดอร์เบี่ยงตัวหลบนีเดิลแล้วจับตัวมันไว้ ขาทั้งสองข้างของโอสเรื่องแสง เขาก็กระโดดขึ้นไปบนเพดานและถีบนีเดิลชนกับหลอดไฟ
"เปรี้ยะๆๆ!!"
ไฟฟ้าบนหลอดไฟช๊อตร่างของนีเดิลก่อนที่มันจะตกลงมาที่พื้น
"แฮ่กๆ ไม่เลวนี่ใช้พื้นที่และความสามารถของตัวเองได้ีกว่าที่คิดไว้ซะอีก" นีเดิลพลิกตัวขึ้นมาใหม่แต่มันก็โซเซเล็กน้อย "มาต่อกันเถอะ!"
จุนอิจิสังเกตเห็นความผิดปกติของนีเดิลที่ดูอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
"หรือว่า..." ชายหนุ่มหยิบหนังสือที่เก็บเมดัลไว้ออกมา แล้วเลือกหยิบเมดัลรูปด้วงสีเขียวมาใช้
"คิดจะเปลี่ยนพลังรึไง แสดงพลังของแกมาให้ฉันเห็นมากกว่านี้อีกสิ" นีเดิลท้าทาย
"ฉันก็คิดจะให้เห็นอยู่แล้วล่ะ นี่ล่ะคือพลังของฉัน!"
ทั้งสองยืนจ้องมองกันและกัน ไม่มีใครขยับเคลื่อนไหว จนเมื่อลมได้พัดให้มีป้ายตกลงมาสู่พื้น โอสก็ทำการดีดเมดัลลอยขึ้นไป นีเดิลปล่อยเข็มจำนวนมากใส่โอส
มาสค์ไรเดอร์กางกรงเล็บออกและปัดป้องเข็มเหล่านั้นออกไปจนหมด
แล้วใช้มือขวารับเมดัลที่ร่วงลงมาเปลี่ยนกับเมดัลสีแดงที่ไดร์เวอร์ แล้วสแกนลงไป
GUWATAKA (ด้วงกวาง)
TORA (เสือ)
BATTA (ตั๊กแตน)
GATATORABA
มาสค์ไรเดอร์โอสได้เปลี่ยนส่วนหัวของตัวเองเป็นด้วงกวาง
ทันทีที่เปลี่ยนพลังที่หัวนั้นก็เกิดแสงขึ้น นั่นทำให้เขาสามารถปล่อยสายฟ้าสีเขียวออกมาจากเขาทั้งสองข้างโจมตีใส่นีเดิลได้ "เอื้อก!!"
ลอสท์รูปแบบเม่นได้รับบาดเจ็บมากกว่าปกติ
"จริงๆด้วย ท่าทางนายจะแพ้สายฟ้าสินะ" สิ่งที่จุนอิจิคิดไว้ไม่ผิด เพราะทุกครั้งที่นีเดิลโดนสายฟ้าจะออกอาการเจ็บปวดกว่าการโจมตีอื่นๆทำให้ชายหนุ่มสามารถจับจุดอ่อนของมันได้โดยง่าย บวกกับการที่เขาสังเกตจุดอ่อนของนีเดิลเมื่อก่อนหน้านี้ด้วย
"เอาล่ะ งั้นมาต่อให้จบกันเลย" โอสหยิบสแกนเนอร์ออกมาสแกนไดร์เวอร์
SCANNING CHARGE
มาสค์ไรเดอร์ใช้สายฟ้าดจมตีเบิกร่องไปก่อนเพื่อทำให้นีเดิลเสียจังหวะ
จากนั้นเขาก็ตามด้วยกระโดดขึ้นไปแล้วพุ่งตัวลงมา เกิดเป็นรูปวงกลมสามวง เมื่อผ่านวงกลมทั้งสามก็พุ่งลงมาเตะใส่นีเดิล "see ya!"
"หึ!" นีเดิลดึงเข็มที่ไหลตัวเองออกมาและปาปักลงพื้น
มันชูสองนิ้วและกวักมือขึ้น เข็มเหล่านั้นก็ขยายตัวยืดขึ้นกลายเป็นโล่ป้องกันท่าเตะของโอสไว้ได้
"คราวนี้ข้าประมาทไปหน่อยไม่คิดว่าจะมีไรเดอร์ที่สามารถสู้ได้หลากหลายแบบนี้อยู่ แต่ว่าถ้าเจอกันคราวหน้าการโจมตีแบบเก่าๆมันใช้กับข้าไม่ได้หรอกนะ" นีเดิลกระโดดหนีหายไป
"หนีไปแล้วเรอะ" โอสเก็บกรงเล็บเข้าตัว
"ต้องรีบไปหาโยชิอิ" จุนอิจิเปลี่ยนเมดัลที่ไดร์เวอร์และสแกนไดร์เวอร์
TAKA (เหยี่ยว)
KAMAKIRI (ตั๊กแตนตำข้าว)
CHEETAH (เสือชีต้าร์)
TAKAKIRITAH
ทันทีที่เปลี่ยนส่วนขาเป็นเสือชีต้าร์มันก็ได้เพิ่มความเร็วให้กับโอสอย่างมาก ทำให้เขาวิ่งขึ้นไปได้ด้วยความเร็วสูง
ในขณะเดียวกันนั้น เงาสีดำที่อยู่ด้านหลังของฮายาเตะที่ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ โดยที่เด็กหนุ่มยังมัวแต่สนใจกับรอยประหลาดที่พื้นทำให้เขาไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายที่มาจากข้างหลังเลย
"อะไรกันนะที่ทำแบบนี้ได้ ?" ฮายาเตะครุ่นคิดหันไปมองที่กระจกเว้าที่อยู่บนเสา มันก็ทำให้เขาเห็นถึงสัตว์ประหลาดสีดำที่อยู่ด้านหลัง
"แกว้กก!!" มดขนาดยักษ์คำรามแล้วเจาะเขี้ยวลงใส่เด็กหนุ่ม
ฮายาเตะรู้ตัวก่อนเขารีบกลิ้งตัวหลบออกในทันทีทำให้การโจมตีพลาดโดนพื้นแทน "นี่สินะตัวการที่ฆ่าทั้งสองคน ตัวใหญ่กว่าลอสท์ทั่วไปจริงๆ"
"แต่ว่าถึงอย่างงั้น.." ฮายาเตะหยิบไดร์เวอร์ขึ้นมาและสวมใส่ที่เอวทันที
จากนั้นก็หยิบการ์ดขึ้นมาและใส่ลงไดร์เวอร์ "แปลงร่าง!"
KAMAN RIDE
DECADE
แสงสีฟ้าเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงมาเจ็นต้าแล้วเข้าหลอมรวมกับร่างของเด็กหนุ่ม
เปลี่ยนร่างของเขาไปเป็นร่างของมาสค์ไรเดอร์ดีเคท "เอาล่ะนะครับ!"
ทันทีที่แปลงร่างเสร็จดีเคทหยิบไรด์บุ๊คทั้งสองเล่มออกมาและเปิดใช้โหมดปืนทั้งคู่ และทำการกระหน่ำยิงใส่ลอสท์แอนท์ที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาโจมตีเขา แต่ว่าการโจมตีดังกล่าวก็ไม่ระคายผิวของมันเลย "ไม่ได้ผล!"
"แกว้ก!!!" แอนท์พุ่งตัวเข้ามากระแทกดีเคทไปชนกับเสาปูนทะลุผ่านออกไป
"แรงเยอะจริงๆ สมกับที่เป็นพลังของมดล่ะนะ" ดีเคทใส่การืดลงไดร์เวอร์
ATTACK RIDE
BLAST
ปืนของดีเคทเพิ่มพลังขึ้นจากการใช้การ์ด
เขายิงกระสุนลำแสงออกไปเพียงนัดเดียว ตัวปืนก็จะมีการแยกตัวออกและยิงลำแสงออกไปพร้อมกันทำให้เหมือนสามารถยิงได้ห้านัดต่อการลั่นไกหนึ่งครั้ง แต่ว่าก็ทำได้เพียงก่อกวนมันเท่านั้น
"แกว้กก!!" ลอสท์ยังคงพุ่งมาไม่หยุด
เมื่อมันเข้ามาใกล้มากขึ้น ดีเคทเปลี่ยนปืนทั้งสองกระบอกกลายเป็นดาบ แล้วกระโดดข้ามหัวของแอนท์ไปและใช้ดาบตัดหนวดสัมผัสของมันออกหนึ่งเส้นในจังหวะนั้น
ทันทีที่แอนท์ถูกตัดเส้นหนวดของมันไปก็ยิ่งทำให้มันบ้างคลั่ง และวิ่งหนีออกไปจากชั้นนี้ทันที
"แย่ล่ะถ้ามันออกไปทำร้ายคนอื่นล่ะก็!" ดีเคทจะตามไปแต่เพราะความเร็วของมันถึงจะวิ่งไปก็ไม่มีทางที่จะตามมันทัน "ถ้ามีของที่จะช่วยเพิ่มความเร็วให้เราได้ล่ะก็.."
เมื่อดีเคทคิดเช่นนั้นก็มีบางอย่างที่อยุ่ด้านหลังของเขาเรืองแสงขึ้น
ฮายาเตะหันกลับมามองแสงนั้น "อะไรน่ะ ?" แสงตรงหน้าฮายาเตะค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง และกลายเป็นมอเตอรืไซค์ในที่สุด
"ดีล่ะ!" ดีเคทขึ้นไปขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นทันที
"ไปล่ะนะ" ชายหนุ่มเร่งคันเร่งขับกระโดดออกจากอาคารทันที!
โยชิอิ อากิฮิสะที่ต้องมาติดอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยไข่ของสัตว์ประหลาดมรณะ
"จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย หรือว่าจะทำลายเลยดี" อากิฮิสะหยิบโฟร์เซ่ไดรืเวอร์ขึ้นมาสวมไว้พร้อมแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะลงมือ "เอาไงเอากัน ทำลายเลยก็แล้วกัน!"
เขากดสวิทซ์ทั้งสี่ลงไปจากนั้นก็ตั้งท่าแปลงร่าง
THREE
TWO
ONE
สิ้นสุดเวลานับถอยหลัง "แปลงร่าง!"
อากิฮิสะสับคันโยกที่ไดร์เวอร์ จากนั้นก็ชูมือขึ้นฟ้า ประตูพลังงานคอสมิคเอเนจี่จากอวกาศก็เปิดออกเหนือหัวเขาและส่งพลังคอสมิคมาให้เขาและเปลี่ยนไปเป็นมาสค์ไรเดอร์
FOURZE
"อวกาศมาแล้ว!!!" ชายหนุ่มแหกปากตะโกน "มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ่ พวกเรามาสู้กันแบบตัวต่อตัวเลย!"
"เอาล่ะต้องทำลายมันให้เสร็จภายในทีเดียวเลย" โฟร์เซ่กำลังกดใช้สวิทซ์แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากทั่วห้อง "เสียงอะไร ?"
ด้วยความสงสัยเขาจึงหันไปมองรอบข้าง พบว่าไข่สีดำนั้นกำลังค่อยฟักตัวออกมา
คมเขี้ยวสีดำของเหล่าแอนท์เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น ขนาดตัวของมันต่างจากตัวที่ฮายาเตะเจออยู่มากเพราะขนาดมันลดลงเหลือแค่ 1/4 ส่วน แต่ว่าด้วยจำนวนมากขนาดนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
"เอาล่ะ แล้วเราจะทำลายพวกมันยังไงล่ะเนี่ย ?" โฟร์เซ่ยืนนิ่ง
ไข่ค่อยๆฟักตัวออกมา บางตัวฟักออกมาถึงครึ่งตัวแล้ว บางตัวเพิ่งโผล่มาแค่หัว บางตัวกำลังสั่นอยู่ในไข่ ทุกตัวต่างส่งเสียงร้องแกว้กๆอย่างหิวโหย
LAUNCHER ON
RADAR ON
"Target Lock On!" โฟร์เซ่ล็อคเป้าหมายไข่ทุกฟองด้านหน้าตัวเองไว้ "ยิงได้!"
มิซไซล์ทั้งห้าลูกถูกปล่อยออกมาจากเครื่องยิงจรวดมิซไซล์ที่ขาขวา มันพุ่งตรงเข้าไปทำลายเป้าหมายที่กำหนดไว้ลงได้เกือบๆสิบตัว
"ต่อไปก็ทางนี้ ยิงได้!" มาสค์ไรเดอร์หันมาอีกด้านและยิงมิซไซล์โจมตีไข่สีดำ
ฝูงแอนท์ร่างตัวอ่อนถูกผลจากแรงระเบิดทำลายพวกมันลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าบางตัวที่เกิดออกมาแล้วก็พุ่งตรงเข้ามาโจมตีอากิฮิสะทันที
"เจ้าพวกนี้ยัวเยียไปหมดเลย!" โฟร์เซ่พยายามต่อกรกับฝูงลอสท์แอนท์จำนวนมากที่เข้ามาหาเขาเรื่อย จนเริ่มต้านไม่ไหว "เยอะเกินไปแล้ว แบบนี้ไม่ไหวแน่!"
"ฮ่าส์!!" โอสวิ่งเข้ามาในห้องพอดี
แล้วเขาก็ช่วยใช้เคียวของตั๊กแตนตำขาวตัดทำลายฝูงแอนท์ลงให้ "โยชิอิขอโทษที่ช้า ถ้าไม่ได้เสียงของนายล่ะก็คงจะตามหาไม่เจอแน่ๆ"
"เสียงของฉัน ?" อากิอิสะทำงง
"ในที่สุดการตะโกนโหวกเหวกของนายมันก็มามีประโยชน์ตรงนี้ล่ะ" จุนอิจิชมออกด่านิดๆ
"ยังไงก็ตามขนาดทำลายไปเยอะแล้วก็ยังเหลืออีกนะ"
"เกือบร้อยได้มั้ง ตอนนี้ก็จัดการไปแล้วเกือบๆ 30 ตัวล่ะนะ" อากิฮิสะหันหลังชนกับจุนอิจิ
"จุนอิจิพวกเรามาแข่งกันว่าใครจะฆ่าพวกมันได้มากกว่ากันเอามั้ย ?"
"เอางั้นเรอะ งั้นฉันก็ขอรับคำท้าล่ะนะ!" จุนอิจิหยิบเมดัลสีทองรูปสิงโตขึ้นมาแล้วเปลี่ยนกับเมดัลส่วนหัวและสแกนไดร์เวอร์
LION (สิงโต)
KAMAKIRI (ตั๊กแตนตำข้าว)
CHEETAH (เสือชีต้าร์)
LAKIRITAH
"ฮ้ากกก!!!" โอสคำรามทันทีที่เปลี่ยนส่วนหัวเป็นพลังราชสีห์
แสงสีทองส่องแสงออกมาทันทีที่แปลงร่าง แสงนั้นได้ทำลายแอนท์จำนวนมากลงไปภายในครั้งเดียว โดยที่โฟร์เซ่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย
"เฮ้ย เดี๋ยวสิแบบนี้มันโกงนี่น่า" อากิฮิสะโวย
"เออ...เอาไงเอากัน!" แต่ก็ต้องยอมจำใจกลับไปยิงมิซไซล์ทำลายลอสท์ที่เปลืออยู่ให้หมด
ห้องจัดงานเลี้ยง เวลา 12.46 น.
ที่ห้องจัดงานเลี้ยงตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากทางช่องแอร์ ได้ยินเป็นเสียงตะโกนบ้าง เสียงระเบิดบ้าง ก็เริ่มทำให้แขกทุกคนเริ่มรู้สึกหวั่นๆ
"แบบนี้ไม่ดีแน่" ทาจิบานะ ซาคุมะเห็นว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ชื่อเสียงตัวเองอาจจะล่ม
เขาจึงเดินไปอยู่ที่ริมกระจกหน้าตา และเริ่มพูด
"ขอเรียนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เสียงที่ท่านได้ยินนั้นเป้นเสียงซาวด์เอฟเฟ็ครูปแบบใหม่ที่ทางบริษัทของผมกำลังใช้เป็นสโลแกนหลัก ของบริษัทสาขาย่อแห่งนี้ และเป็นของเซอร์ไพส์ทุกๆท่านเนื่องในโอกาสวันเกิดของผม"
แขกหลายคนที่ได้ยินซาคุมะพูดเช่นนั้นก็รู้สึกเบาใจลงบ้าง แต่บางคนก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ซาวด์เอฟเฟ็คลับอะไรเลย บางคนก็ไม่ก็เชื่อเขาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วเพราะเสียงพวกนี้มันดูสมจริงเกินไป ซึ่งอย่างน้อยก็มีสองคนในห้องนี้
"ผมอยากให้ทุกท่านเชิญสนุกกับงานเลี้ยงต่อไม่ต้องกังวลครับ"
ระหว่างนั้นเองแอนท์ที่กำลังบ้าคลั่งหนีดีเคทลงมา ส่วนมาสค์ไรเดอร์ก็ขับมอเตอร์ไซค์ไต่กำแพงลงมา
เมื่อเสียงดนตรีจากห้องจัดงานเลี้ยงดังขึ้นอีกครั้งมันก็ทำให้แอนท์เกิดอาละวาดมากขึ้นและเคลื่อนไปทางห้องนั้นทันที "แกว้กก!!"
"แย่ละ ทางนั้นมัน!" ดีเคทหักรถเลี้ยวตามแอนท์ไป
ภายในห้องจัดงานเลี้ยงเหล่าแขกที่ไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาเยือน บางคนก็กำลังสนุกอยู่กับงาน บางคนก็กำลังหาของกินอย่างเอร็ดอร่อย บางคนเต้นรำร่วมกับคู่ชายหญิง บางคนมางานนี้แล้วรู้สึกเบื่อๆที่ได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ
"เฮ้อ...น่าเบื่อจังเลย" มิยะถอนหายใจ
"มางานแบบนี้โดยไม่มีเพื่อนทีไร ไม่มีอะไรให้ทำเลยจริงสิ" ฮินะงิคุถอนหายใจ
"เอาล่ะครับ ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้ว!" ซาคุมะกล่าว "เค้ก!!"
เค้กขนาดใหญ่สูงถึง 5 ชั้นถูกเข็นมาส่งให้กับประธานบริษัทหนุ่ม แขกทุกคนพร้อมใจปรบมือกันให้อย่างพร้อมเพียง "ขอบคุณๆ"
"ผมจะเป็นตัวแทนของทุกท่าน ทำการลงมีดผ่าเค้กก้อนนี้และขอให้ทุกท่านที่อยู่ในลิสท์รายชื่อมารับนะครับ!" เสียงโฮ่ร้อง เสียงกรี๊ดดังมาจากทั่วสารทิศ เสียงปรบมือ เสียงดนตรี ต่างยินดีให้กับซาคุมะ แต่ว่าเสียงทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเริ่มจากเสียงร้อง ตามด้วยเสียงหรบมือและตามด้วยเสียงดนตรี เหลือเพียงเสียงของซาคุมะ แต่ที่ทุกคนเงียบไม่ใช่เพราะกำลังจะดีใจในช่วงสุดท้าย เพราะทุกสายตาของทุกคนต่างไม่ได้มองไปที่เขาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองออกไปทางนอกหน้าต่าง...
"ทุกท่านเป็นอะไร ดีใจซะจนพูดไม่ออกเลยหรือ ?" ซาคุมะถาม แต่ไม่มีใครคิดจะสนใจเขา
"พวกคุณกำลังมองอะไรอยู่!?" ประธานหนุ่มวัย 19 เริ่มโมโหแต่พอเขาหันหลังกลับ เขาก็ต้องพบกับสัตว์ประหลาดตัวสีดำขนาดใหญ่กำลังเกาะอยู่ที่กระจก ชายหนุ่มตาค้างก่อนที่จะตั้งสติได้และพูดกลับไปว่า
"แกมันตัวบ้าอะไร!" เขาพูดเสียงที่ดังที่สุด
"แกว้กก!!" แอนท์คำรามและโจมตีกระแทกกระจกแตกลงในพริบตา และนั่นก็ทำให้ซาคุมะสะดุ้งถอยหลังทันที ส่งผลทำให้เขาล้มลงชนกับเค้กของเขาและทำให้มีดหั่นเค้กที่ถืออยู่ปักลงที่ขาขวาของเขา
"อ้ากกก ช่วยด้วย!" เขาส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวด
สิ่งนั้นยิ่งเรียกร้องให้แอนท์สนใจในตัวเขามาขึ้น "แกว้กก!!" มันพุ่งตรงเข้าหาประธานหนุ่มในทันที
ตึง!
ภาพที่ทุกคนน่าจะเห็นก็คือภาพที่ประธานบริษัทหนุ่มถูกสัตว์ประหลาดฉีกร่างเป็นชิ้น แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเมื่อมีบุรุษสวมเกราะผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาใช้ดาบสองเล่มรับคมเขี้ยวของสัตว์ประหลาดไว้ เขาใช้ขาทั้งสองข้างยันพื้นไว้เพื่อต้านแรงของมดยักษ์ ซึ่งเขาคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก....
"ระ...รีบออกไปเร็วเข้าครับ" ดีเคทบอกกับซาคุมะ
"ขะ...ขาฉัน เจ็บชะมัด ช่วยด้วย!!" ประธานหนุ่มตะโกนร้องโวยวาย
"คะ...ใครก็ได้ช่วยเขาทีครับ!" ฮายาเตะตะโกนบอกทุกคนในห้องในขณะที่เขาต้องพยายามต้านแรงของแอนท์ไว้
"ใช่ๆช่วยฉันที มาโกะ ฮิโยริ พวกนายก็ด้วยอยากโดนไล่ออกรึไง!" ซาคุมะพยายามเรียกเหล่าแฟนสาวที่เคยอยุ่ข้างกายเขา บอดี้การ์ดที่เขาจ้างมาคุ้มครองเขา เหล่าแขกที่ปรบมือแสดงความยินดีให้เขา แต่ว่าไม่มีใครเลยที่คิดจะมาช่วยเขา " พวกนายช่วยฉันด้วย!"
เริ่มมีคนขยับแล้ว แต่ว่าเมื่อเสียงของแอนท์คำรามก็ทำให้พวกเขาไม่กล้าก้าวขาออกไป
"อัก...เร็วๆเข้าครับ ผมต้าน...ไว้ได้อีกไม่นาน" ชายหนุ่มบอกกับคนอื่นๆ
ในที่สุดบอดี้การ์ดก็ใจกล้ายอมออกมาช่วยจับมือหัวหน้าของพวกเขา "ขอบคุณ"
"แกว้ก!!" เสียงร้องคำรามของแอนท์มันได้ผลักดีเคทให้คุกเข่าลงจนได้ เสียงนั่นทำให้คนหลายคนจิตเริ่มกระจุยไปแล้วพวกเขาต่างวิ่งหนีไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง รวมถึงบอดี้การ์ดที่เพิ่งจับมือของซาคุมะไปเมื่อกี้ก็ทิ้งให้ประธานหนุ่มนอนรอความตาย
"พวกนายอย่าเพิ่งไปช่วยฉันออกไปก่อน!"
ในหมู่ผู้คนที่กำลังหนีมีผู้หญิงสองคนที่ยังคงยืนนิ่ง
ซาคุมะหันกลับไปทางดีเคท "แกไอ้ตัวสีชมพู (สีแดงมาเจ็นต้ามีสีที่ออกคล้ายชมพูแต่ในความเป็นจริงต่างกัน) เพราะแกพามันมาทำให้งานเลี้ยงของฉันล้ม เพราะแกไม่ยอมต้านเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นดีๆทำให้คนอื่นๆวิ่งหนฉันไปหมด!"
ในหมู่ผู้คนที่กำลังแย่งกันออกไปจากห้องมีผู้หญิงสองคนกัดฟันด้วยความโกรธ
"ผะ...ผมแค่!" ฮายาเตะเริ่มรู้สึกผิด
เขาพยายามทำดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือทุกคนแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ซาคุมะพูดก็เป็นความจริงเพราะตัวเขาเองทำให้คนอื่นๆต่างหนีไปกันหมด หากเขาต้านมันไว้ได้อีกสักนิดเขาก็คงถูกช่วยไปแล้ว
"ไม่ต้องมาพูดอะไรเลย เจ้าสัตว์ประหลาด!" ซาคุมะตวาดใส่เด็กหนุ่มในร่างเกราะ
ในหมู่ผู้คนที่กำลังหวาดกลัวมีผู้หญิงสองคนวิ่งออกมา
"ระ...เราเป็น..สัตว์ประหลาด...งั้นเรอะ ?" จิตใจของฮายาเตะเริ่มเสีย
เรี่ยวแรงที่เหลือในการต้านสัตว์ประหลาดยักษ์เริ่มหมดไป แอนท์ค่อยๆกดเขาลงได้เรื่อยๆ
"เฮ้ย ตั้งใจหน่อยสิ ฉันน่ะเป็นคนสำคัญนะเฟ้ย จะให้มาตายที่-!"
ในหมู่ผู้คนที่กำลังทิ้งความเป็นมนุษธรรมไปมีผู้หญิงสองคนเข้ามาชกหน้าของซาคุมะเต็มแรงทั้งด้านซ้ายและขวา
"นี่นายน่ะอย่าไปฟังที่เจ้านี่พูดนักเลย!" เสียงของผู้หญิงคนนึงดังขึ้น
ฮายาเตะรู้สึกตัวอีกครั้งและใช้แรงทั้งหมดต้านแอนท์ไว้ได้ เพียงแต่เขาไม่สามารถหันกลับไปมองได้ว่าผู้หญิงสองคนที่เข้ามานั้นเป็นใคร
"พี่ชายเดี๋ยวพวกหนูจะพาเขาออกไปเอง"
ฮายาเตะจำเสียงของคนที่พูดคนที่สองได้เธอคนนั้นคือทาจิบานะ มิยะ น้องสาวของจุนอิจิ
"ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใครหรือเป็นตัวอะไร แต่ว่าฉันอยากให้นายในตอนนี้เชื่อมั่นในพลังของตัวเองเข้าไว้" เสียงของหญิงสาวอีกคนพูดทำให้เด็กหนุ่มกลับมามีกำลังใจอีกครั้ง
"ซัดมันให้หมอบไปเลยนะ"
พูดเสร็จทั้งสองก็รีบพาประธานหนุ่มผู้หล่อเหล่าที่ถูกชกหน้าบวมทั้งสองข้างหนีออกไปทันที
"ครับ" ดีเคทตอบตกลงยามที่เธอคนนั้นออกไปจากห้องแล้ว
"ย้ากกก!!!" มาสค์ไรเดอร์รวบรวมแรงที่มีอยู่ทั้งหมดต้านสัตว์ประหลาดกลับไป และตามด้วยเปลี่ยนดาบทั้งสองเล่นกลายเป็นปืนและยิงใส่มันจนหรีออกนอกหน้าต่าง
"ไม่ยอมให้หนีหรอกครับ!" เด็กหนุ่มตั้งมั่น เขาวิ่งตรงไปไรซึ่งความหวาดกลัว
ทันใดนั้นก็เกิดแสงประหลาดค่อยๆก่อตัวขึ้นมาตรงหน้าเขา มาสค์ไรเดอร์กระโดดขึ้นไปอยุ่บนแสงนั้น แสงนั้นก็กลายสภาพเป็นรถมอเตอร์ไซค์ในทันที
บรืน!! ชายหนุ่มบิดคันเร่งขึ้นแซงหน้าลอสท์ขนาดยักษ์ไป
"จัดการล่ะนะครับ!" ดีเคทหยิบการ์ดขึ้นมาแล้วใส่ลงไดร์เวอร์
FINAL ATTACK RIDE
DE-DE-DECADE
DIMENSION SLASH
มาสค์ไรเดอร์กระโดดออกจากรถหยิบดาบของเขาขึ้นมา การ์ดสีทองปรากฏเรียงรายเป็นทางตรงไปที่แอนท์ที่กำลังพุ่งลงมา ดีเคทวิ่งผ่านการ์ดเหล่านั้นดาบของเขาขยายยาวขึ้น
"ฮ่าส์!!!" ดีเคทก้มตัวลอดช่องใต้ร่างของมันและฟันร่างของมันออกเป็นสองเสี่ยงในครั้งเดียว
"แกว้กกก!!!" สัตว์ประหลาดสีดำถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ลอยค้างอยุ่กลางอากาศ
"END"
บรึ้มม!!!
ลอสท์แอนท์ระเบิดตายไปกลางอากาศนั้น
ส่วนนักรบหนุ่มกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของเขาและขับลงมาที่เวทีด้านล่าง ที่ซึ่งมีชาวเมืองและคนที่เคยอยู่ภายในอาคารเต็มไปหมด
"โยชิอิคุง กับ ทาจิบานะคุงล่ะ ?" ฮายาเตะมองขึ้นไปข้างบน
เพล้ง! เสียงกระจกแตกพร้อมการหล่นลงมาของมาสค์ไรเดอร์อีกสองคน
"ว้าาาา!!!" โอสและโฟร์เซ่ต่างร่วงลงมาจากตึกสูงด้วยความเร็ว
"แย่แล้ว!" ดีเคทใส่การ์ดลงไดร์เวอร์ พร้อมกับขับมอเตอร์ไซค์พุ่งตัวขึ้นไป
DEFEND RIDE
BARRIER
บาเรียถูกสร้างขึ้นมารับโอสไว้แล้วให้เขากระโดลงมาด้วยตัวเอง ส่วนโฟร์เซ่ดีเคทพุ่งมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปรับและกลับลงมา
"อะยาซากิ thank you" จุนอิจิพูด
"นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว" อากิฮิสะพูด
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ ผมจัดการลอสท์ที่อาละวาดไปแล้ว" ฮายาเตะบอกทั้งสอง
"ว่าไงนะ" อากิฮิสะท่าทางตกใจกับสิ่งที่ฮายาเตะบอก "แล้วเจ้าตัวที่เราสู้ด้วยมันคืออะไรล่ะ!?"
"อะยาซากินายคงกำจัดตัวลูกของมันไปเท่านั้นล่ะ ข้างบนนั้นยังมีอีกตัว แล้วก็..." จุนอิจิมองขึ้นไปข้างบน กระจกห้องที่ทั้งสองกระโดดหนีออกมาก็ปรากฏสัตว์ประหลาดมดขนาดยักษ์ที่ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวก่อนหน้าถึงเท่าตัวนึง
"ทาจิบานะคุง อากิฮิสะคุงเดี๋ยวผมจะคอยถ่วงมันไว้เองครับ ทั้งสองคนหาโอกาสโจมตีในตอนนั้นนะครับ!" ฮายาเตะพูดเสร็จก็ขับมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าไปรับมือกับไจ-แอนท์ลอสท์(Gi-Ant) ทันที
ดีเคทฟันดาบใส่ขาของมันแต่ว่าเกราะของไจแอนท์เหนือกว่าแอนท์ตัวเดิมมากทำให้การโจมตีไม่เป็นผล และกระแทกพาตัวเขาลงมาด้านล่าง
ผู้คนที่อยุ่รอบข้างก็รีบอพยพหนีในทันที ตำรวจรีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์พาชาวเมืองหนีโดยเร็ว ปล่อยให้มาสค์ไรเดอร์ทั้งสามต้องรับมือกับลอสท์ขนาดยักษ์ตัวนี้
"ต่อให้เป็นอะยาซากิก็เถอะ แต่สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ขนาดนั้นจะทำลายมันยังไง" อากิฮิสะคิด
"โยชิอิ นายไม่มีสวิทซ์ที่จะใช้รับมือกับมันเลยรึไง ?" จุนอิจิถาม
"อืม....อ้อ จริงด้วย!" โฟร์เซ่หยิบสวิทซ์หมายเลข 5 ออกมา "เมื่อเช้าก่อนออกมาจากบ้าน เจ้านี้มันถูกส่งมาให้ทางกระเป๋าน่ะ น่าจะลองดูนะ"
"ตอนนี้ก็ยังดีกว่าไม่ีมีอะไรเลยล่ะ ลองใช้ดูเถอะ" จุนอิจิแนะนำ
"จัดให้" โฟร์เซ่เปลี่ยนสวิทซ์ข้างขวาสุดออก และใส่สวิทซ์นี้ลงไปแทนและกดใช้ "จะเป็นอะไรนะ ?"
MAGICHAND ON
มือกลปรากฏขึ้นที่แขนขวาของโฟร์เซ่ หัวของมือกลเป็นตัวหนีบ
"ว้าว นี่ก็เจ๋งดีแฮะท่าทางจะจับของหนักๆได้ดีเลย!"
"แต่ว่าคงจะจับเจ้านั่นไม่ได้...แบบนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้น่ะสิ" จุนอิจิเริ่มคิดหนัก
"งั้นเรอะ ?" อากิฮิสะหันซ้ายหันขวาหาสิ่งที่ใช้ได้และเขาก็เจอสิ่งนึงที่น่าจะได้ผล
"จุนอิจิฉันคิดว่าฉันมีแผนแล้วล่ะ!"
"แผนอะไร ลองทำดูสิ" โอสบอก
"ได้เลย!" โฟร์เซ่ใช้มือกลนั้นจับที่ขาของโอสและหมุนเป็นวงกลมกลางอากาศ
"ดะ...ดะ...เดี๋ยวทำอะไรน่ะ!?"
"เวลาที่เป็นนักบินอวกาศเองก็ต้องผ่านการทดสอบนี่ใช่มั้ยล่า ถ้าทนแรงเหวี่ยงได้และพุ่งออกไปก็จะทำให้เกิดพลังมหาศาส!" อากิฮิสะให้เหตุผล
"แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นนะ!!" จุนอิจิแย้ง
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้วไปเลย!!" โฟร์เซ่เหวี่ยงโอสจนถึงระดับหนึ่งก็ปาเขาพุ่งไปหาไจแอนท์
ดีเคทล่อให้ไจแอนท์มาทางที่โอสพุ่งเข้ามาในจังหวะนั้นพอดี
"เป็นไงเป็นกัน" โอสตัดสินใจยอมสู้ เขาใช้สแกนเนอร์สแกนไดรืเวอร์
SCANNING CHARGE
"see ya!" เคียวคู่ของโอสเรืองแสงขึ้น
มาสค์ไรเดอร์ใช้เคียวทั้งสองบวกกับพลังความเร็วของชีต้าร์และพลังแสงของสิงโต โจมตีตัดขาทั้งหกของมันในการโจมตีครั้งนั้น
"ตอนนี้ล่ะโยชิอิ!" จุนอิจิให้สัญญาณ
"ได้เลย!" อากิฮิสะเสียบสวิทซ์ 1 กลับลงไปที่ที่เดิม และกดใช้สวิทซ์ริมขวาสุดกับสวิทซ์ที่ขาซ้าย
ROCKET ON
DRILL ON
มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ่พุ่งตัวลอยขึ้นไปด้วยจรวดที่มือขวา เมื่อไปถึงจุดหนึ่งเขาก็สับคันโยกที่ไดร์เวอร์ทันที
ROCKET DRILL
LIMIT BREAK
"RIDER ROCKET DRILL KICK!!" โฟร์เซ่ส่งเสียงดังลั่น
มาสค์ไรเดอร์หัวจรวดพุ่งลงมาใช้สว่านที่ขาซ้ายเจาะแทงใส่หัวของลอสท์ยักษ์ "ไปเลย!!!"
และแล้วเขาก็พุ่งทะลุร่างของมันมา และมาหยุดลงที่พื้นคอนกรีต "เท่านี้ก็เรียบร้อย"
ตู้มม!!!
ร่างของสัตว์ประหลาดยักษ์ระเบิดออกในทันที ควันระเบิดฟุ้งกระจายไปทั่ว
ปิดบังทัศนวิสัยของเหล่าตำรวจโดยรอบทั้งหมด และเมื่อควันระเบิดนั้นจางลงไป ร่างของนักรบทั้งสามผู้กำราบสัตว์ประหลาดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฮินะงิคุที่ยืนมองการต่อสู้ในครั้งนี้อย่างไม่ละสายตาก็ได้เพียงสงสัยว่าพวกเขาหายไปไหน "...มาสค์ไรเดอร์ ?"
หลังจากนั้นกลุ่มตำรวจก็รีบเข้าควบคุมพื้นที่ ตรวจสอบความเสียหาย เช็คแขกร่วมงาน พาผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่จริงๆแล้วมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากในเหตุการครั้งนี้เพียงแค่คนเดียว ซึ่งทุกคนเองก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว
มิยะที่ยืนอยู่ในฝูงชนยังคงรู้สึกกระวนกระวายใจ "พี่กับพวกเพื่อนหายไปไหน หรือว่าจะโดนเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น..." ดวงตาของเธอเริ่มมีหยดน้ำตาไหลออกรินออกมาอย่างช้าๆ
"ใครจะโดนสัตว์ประหลาดอะไรทำร้ายเหรอ ?" เสียงของชายที่มิยะคุ้นเคย
เธอรีบหันกลับไปตามเสียงนั้น เธอก็พบกับทาจิบานะ จุนอิจิ พี่ชายของเธอกำลังยืนอยู่ "พี่...พี่จ๋า" น้องสาวรีบโผเข้ากอดพี่ชายพร้อมน้ำตา "พี่จ๋าบ้า ทำให้หนูเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย!"
"มิยะ...ขอโทษนะ" จุนอิจิกระซิบปลอบน้องสาวที่ข้างหูของเธอเบาๆ
เด็กสาวร้องไห้ในอ้อมอกของพี่ชาย โดยมีเพื่อนของชายหนุ่มสองคนยืนมองอยุ่ห่างๆ
"มันจบแล้วล่ะ..."
.
.
.
.
เอเรีย 1 หน้าร้านสะดวกซื้อ เวลา 20.38 น.
มิยะขอตัวกลับไปบ้านก่อน จุนอิจิ อากิฮิสะและฮายาเตะออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อก่อนที่จะแยกย้ายกัยกลับบ้าน
"เฮ้อ วันนี้เหนื่อยชะมัดเลย!" อากิฮิสะยืดตัวและบิดตัวไปมาด้วยความโล่งใจ
"แต่ว่าปัญหาหลักที่ตั้งไว้เรื่องหาบ้าน ผลสุดท้ายก็ล่มไปล่ะนะ"
"ขอโทษนะครับที่ให้อากิฮิสะคุงมาเหนื่อยกับผมน่ะครับ" ฮายาเตะรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรๆ ฉันเต็มใจช่วยเหลืออยู่แล้ว" อากิฮิสะตอบ
"ตอนนี้อายาซากิไม่มีที่พักสินะ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ ?" จุนอิจิถามพร้อมกับดื่มน้ำที่ตัวเองซื้อมาไปพร้อมกันด้วย
"ถ้าจะมาค้างบ้านฉัน ก็ไม่ว่านะฉันยินดีต้อนรับ" อากิอิสะบอกด้วยความใจกว้าง
"ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากสร้างภาระให้กับพวกเพื่อนๆแล้ว" ฮายาเตะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีดวงดารามากมายส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้านั้น
"หลังจากที่สู้วันนี้มันทำให้ผมได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ว่าถึงแม้พวกเราจะมีพลังที่สุดยอดมามากขนาดไหน แต่ว่าตัวเราก็ไม่อาจทำได้ทุกอย่างอยู่ดี ผมไม่อาจจะช่วยเหลือคนๆนึงในงานไว้ได้ทำได้เพียงหวังให้คนอื่นมาช่วยเท่านั้น แต่ว่าถ้าหากเราร่วมมือกัน ผมคิดว่าน่าจะปิดช่องว่างที่ขาดหายไปนั้นได้...การอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะทำให้เราไม่สามารถแข็แงแกร่งไปมากกว่านี้ได้ แต่ถ้ามีเพื่อนคอยอยู่เคียงข้าง ผมเชื่อว่าไม่ว่าปัญหาอะไรเราจะต้องผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน.."
"ก็อย่างที่พูดล่ะนะ" อากิฮิสะยื่นหมัดตรงที่ฮายาเตะ
"ถ้างั้นนายก็มาพักที่บ้านของพวกเราก่อนมั้ยล่ะ" จุนอิจิถาม
"ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าผมน่าจะหาที่พักได้-"
ตอนนั้นเองป้าคนคุมหอที่ฮายาเตะเคยอยุ่ก็วิ่งมาหาเขา "คุณเจ้าของหอ มาทำอะไรที่นี่ครับ ?"
"อะยาซากิ นี่!" ป้ายื่นกระดาษแผ่นนึงให้กับเขา
เด็กหนุ่มอ่านสิ่งที่เขียนอยุ่ในแผ่นกระดาษ"อะยาซากิ ฮายาเตะเซ็นสัญญาเป็นเจ้าของห้องหมายเลข 010 นี่มันหมายความว่าไงครับ ?"
"เมื่อเย็นมีลุงคนนึงบอกว่ารู้จักกับเธอ แล้วเขาก็มาเซ็นสัญญาให้เธออยู่ในห้องนั้นน่ะ" เธอเล่า "ฉันน่ะออกตามหาเธอไปซะทั่วเลยนะ จนมาเจอที่นี่ล่ะ"
"แปลว่าผม...แปลว่าผม...มีที่อยู่แล้วเหรอครับ ?" ฮายาเตะไม่อยากเชื่อเรื่องที่เขาได้ยิน
"อืม กลับมาพักที่ห้องนั่นได้เลย" ป้าคุมหอบอก
ฮายาเตะหันกลับไปมองเพื่อนชายของเขาทั้งสองคนที่ยืนยิ้มและชูนิ้วโป้งให้เขาทั้งคู่
"เท่านี้...ผมก็มีที่อยู่แล้ว....ดีจังเลย..." ฮายาเตะรุ้สึกยินดีกับของขวัญสุดพิเศษที่เขาได้รับ "แต่ว่าใครกันนะที่ช่วยเราในเรื่องนี้น่ะ ?"
ในที่ที่ห่างไกลจากจุดที่ฮายาเตะยืนอยู่ ชายวัยกลางคนยืนมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและรูปลักษณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป เขาตัวหดเล้กลง ผมสีขาวค่อยๆยืดยาวขึ้นทีละนิดและเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอมเขียว เสื้อผ้าแบบผู้ชายที่เธอใส่อยู่ก็ค่อยๆสลายไป เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวตัวเล็กๆที่ฮายาเตะเคยผมเจอ
"หวังว่าสิ่งที่เรามอบให้จะทำให้คุณมีความสุขนะ เพื่อที่จะรับชะตากรรมที่คุณและเพื่อนๆยังต้องพบเจออีกมากมายในอนาคต"
เธอสลายกลายเป็นดวงแสงร่องรอยขึ้นไปรวมกับดวงดาวบนท้องฟ้า......
.................... TO BE CONTINUE ....................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น