ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    P:FMR NW

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 ปกป้อง

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 56


    เอเรีย 1 บริษัท Tormenta สาขาย่อย  เวลา 23.00 น.


           บริษัท Tormenta เป็นบริษัทเป็นบริษัทเกี่ยวข้องอุตสาหกรรมพลังงานลมที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของเมือง หรือก็คือบริษัทนี้คือผู้ที่เป็นเจ้าของกังหันลมทั้งหมดภายในเมืองฟูโตะ เป็นทั้งผู้ก่อสร้างและผู้วางออกแบบ ให้สามารถใช้งานได้จริง จึงเป็นบริษัทที่มีความสำคัญภายในเมืองนี้ มีสาขาหลักอยู่ที่เอเรีย 1 แห่งนี้ และก็มีสาขาย่อยกว่าอีก 27 สาขา เอเรียละ 1 สาขา

           แน่นอนว่าประธานของบริษัทนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนของตระกูลทาจิบานะ
          เพราะบริษัทนี้นั้นเป็นผู้ที่ออกแบบ 1 ใน 8 สิ่งมหัศจรรย์ของเมือง ซึ่งก็คือ ฟูโตะทาวน์เวอร์หรือก็คือกังหันลมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าหากขาดบริษัทนี้ไปเมืองแห่งนี้คงจะขาดแหล่งพลังงานสำคัญไปอย่างแน่นอน

           และนี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสาขาย่อยของบริษัท Tormenta แห่งนี้...



           ขณะนี้เวลาก็ 5 ทุ่มแล้ว แต่ก็ยังมีพนักงานสองคนที่ยังคงทำงานของพวกเขาจนดึก เพื่อให้เสร็จก่อนกำหนดการณ์พรุ่งนี้ จนในที่สุดหนึ่งในสองของพวกเขาก็ทำงานเสร็จ
           "เฮ้อ...ในที่สุดก็เสร็จแล้ว!" พนักงานร้องด้วยความยินดี

           "ดีจังเลยนะครับคุณโมริ ผมยังเหลืออีกตั้ง 30 กว่าหน้าแน่ะ" พนักงานชายอีกคนพูด
     
           "พยายามต่อไปนะ คุณคุโด้ เพราะถ้าเสร็จไม่ทันพรุ่งนี้ล่ะก็มีหวังโดนหัวหน้าเอ็ดอีกแน่" โมริเตือน

           "นั่นสินะครับ พวกเราเองก็คงไม่มีใครอยากจะไปโดนคนเอาแต่ใจที่ทำอะไรก็ไม่เป็นแบบนั้นมาต่อว่าล่ะเนอะ" ทั้งสองแอบนินทาหัวหน้าของตัวเอง "คนของกระกูลคนรวยนี่ก็เป็นแบบนี้เสมอเลยนะ เอาแต่ใจ เห็นว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่น ทั้งๆที่ตัวเองก็มีดีแค่ทรัพย์สินเท่านั้นน่ะ"

           "ก็ส่วนมากล่ะนะ" โมริสวมเสื้อโค้ทสีน้ำตาลของตัวเอง
           "โดยเฉพาะถ้าเป็นพวกลูกคุณหนูจากตระกูลทาจิบานะด้วยแล้ว ยิ่งหยิ่งหนักเลย มีแต่พวกเห็นแก่ได้"

           "ได้ยินว่าคนของตระกูลนี้ยอมฆ่ากันเพื่อที่ตนเองจะได้มรดกเลยนี่ เป็นตระกูลต้องสาปชัดๆ" คุโด้บ่น

           "แต่ว่าถ้าไม่มีคนของตระกูลนี้....ไม่สิ ต้องพูดว่าถ้าไม่มีบรรพบุรุษของตระกูลนี้ก็คงจะสร้างเมืองฟูโตะแห่งนี้ขึ้นมาไม่ได้ ทั้งๆที่บรรพบุรุษสร้างชื่อให้ซะแบบนี้แต่ลูกหลานก็กลับมาทำมันพัง น่าเสียใจแทนบรรพบุรุษจริงๆนา" โมริบ่นเสร็จ ก็หยิบกุญแจรถของตัวเองเพื่อที่จะกลับ
           "เอาล่ะ ฉันจะไปแล้วล่ะนะ"

           "ระวังตัวด้วยนะครับ ช่วงนี้เวลากลางคืนมักจะมีเหตุคนตายบ่อยๆด้วย" คุโด้เตือนด้วยความเป็นห่วงเพื่อนร่วมงาน
           
           "ไม่ต้องห่วงๆ งั้นขอตัวก่อนล่ะนะ" โมริลาเพื่อนร่วมงานของเขาและเปิดประตูออกจากห้อง
           เขาเดินไปไปที่ลานจอดรถบนอาคารซึ่งอยู่ชั้นเดียวกับชั้นที่เขาทำงานอยู่ เขาเดินตรงไปที่รถยนต์คันสีขาวของตัวเองและหยิบกุญแจรถขึ้นมา

           "อ๊ะ!" ตอนที่เขาจะเสียบกุญแจใส่ประตุรถเขาก็บังเอิญทำมันหล่นก่อน
           โมริก้มตัวลงไปเก็บกุญแจรถของเขาขึ้นมาใหม่

           ฟั่บ!

           ชายวัยสี่สิบหันกลับไปข้างหลังเมื่อเขาเหมือนรู้สึกถึงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวภายในเงามืด
           "คิดไปเองล่ะมั้ง" โมริปลอบใจตัวเองแบบนั้นและเสียบกุญแจรถเปิดประตูรถของเขาออก

           โมริใส่ของสัมภาระของเขาลงไปในรถก่อนที่เข้าไปในรถ แต่ก่อนหน้านั้นพอเขาเหลือบไปมองที่กระมองหลัง เขาก็เห็นเหมือนมีสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่อยู่ข้างหลัง
           "เฮ้ย!!" เขาสะดุ้งตกใจหันกลับมามองสัตว์ประหลาดด้านหลังนั้น....

           ...แต่ว่ากลับไม่มีอะไรเลย
           "สงสัยคงจะนอนน้อยจนเกิดภาพหลอนแล้วสินะ" โมริจับศรีษะของตัวเอง
           และเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างเหลวๆเหนี่ยวๆที่อยู่ๆก็ตกลงมาที่ฝ่ามือของเขาพอดี "อะไรเนี่ย ?" เขาลองดมมัน "แหวะ เหม็นชะมัด"
     
           "มาจากข้างบนรึไง ?" เขาหันไปมองข้างบนหัวเขา

           สัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับมดยักษ์เกาะอยู่บนเพดานเหนือหัวเขา
           สภาพภายนอกของมันดูไม่ต่างไปจากมดดำทั่วไปที่รู้จักกัน เพียงแต่ว่าตัวมันมีขนาดใหญ่พอๆกับสองเท่าของรถของเขา มันจ้องมองมาที่โมริพร้อมกับน้ำลายที่ไหลย้อยของมันทำให้เขารู้แล้วว่าน้ำที่หกใส่มือของเขาคืออะไร
      
            "สะ..สัต-!!"
            ชายเสื้อโค้ทน้ำตาลยังไม่ทันได้พูดอะไรเขาก็ถูกเจ้ามดยักษ์ตนนั้นเขมือบเข้าไปทั้งตัวทันที เสียงร้องของเขาดังอยู่ภายในปากอันใหญ่โตของมัน แต่ก็ไม่มีใครที่ได้เสียงร้องของเขาเลย.....


           เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงครึ่ง ในที่สุดคุโด้พนักงานอีกคนก็ทำงานของเขาจนเสร็จ
           เขาสวมเสื้อโค้ทสีน้ำเงินเข็มแล้วเดินออกจากห้องทำงานพร้อมกับปิดไฟและเครื่องไฟฟ้าทุกชนิดให้เรียบร้อย คุโด้เดินไปยังลานจอดรถที่อยู่ชั้นเดียวกับโมริเพื่อที่จะขับรถกลับบ้าน แต่ว่าเขาก็พบสิ่งปกติระหว่างที่เดินไปที่รถของเขา
           "นั่นมัน รถของคุณโมริ ?"

           เวลาเที่ยงคืน ไฟบริเวณลานจอดรถส่องไฟสลัวๆ เสียงลมที่พัดมาอย่างอ่อนๆ
           ถึงภายนอกจะมีเสียงของเหล่าผู้คนที่ยังใช้ชีวิตยามราตรีอยู่ในเมืองก็ตาม แต่ถ้ามาอยู่ในสถานการ์ณเช่นนี้กลับรู้สึกว่าทุกอย่างมันดูเงียบสงัด ความสงสัยของเพื่อนร่วมงานที่รถของเขาจอดทิ้งไว้โดยที่ยังเปิดประตูไว้
           "คุณโมริอยู่ตรงนั้นรึเปล่าครับ!?" คุโด้ตะโกนเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ

           "คุณโมริ!" คุโด้เดินตรงไปที่รถคันสีขาวของเพื่อนร่วมงานหวังว่าจะเจอภายในรถ
           แต่เมื่อมาดูแล้วก็ไม่มีใครอยู่ในรถแม้แต่คนเดียว "ไปไหนของเขานะ ตอนที่เขาออกมาถึงตอนนี้ก็ตั้งชั่วโมงครึ่งแล้ว ไม่น่าจะมาอยู่อะไรแถวนี้"

           "หรือว่าลืมของ...แต่ว่าถ้าลืมของเราก็น่าจะเห็นหนิ แต่นี่กลับ.." คุโด้หันไปมองรอบๆ พื้นที่แถบนี้แทบจะถูกปหคลุมด้วยความมืด มีแสงไฟเพียงเล็กน้อยที่ช่วยส่องแสงทางให้กับเขา
           "เราเองก็กลับบ้านก่อนดีกว่า.."

           คุโด้หันกลับไปทางรถตัวเองและเดินตรงไปเพื่อที่จะกลับขึ้นรถ
           เมื่อนั้นเขาได้ยินเสียงของบางอย่างดังมาจากในเงามืดเขาจึงหยุดชะงัก เสียงก้าวเท้าเดินของบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ บางอย่างที่ไม่ได้มีเท้าเพียงเท้าเดียว บางอย่างที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขาด้วยความเร็วสูง
           "บะ...บ้าน่า!"

           "แกว้กก!!" สัตว์ประหลาดมดขนาดยักษ์พุ่งเข้ามาแล้วขย้ำชายหนุ่มทิ้งภายในชั่วพริบตา 

           นีเดิลที่มองเหตุการณ์ในครั้งนี้อย่างสนุกสนานที่ตึกข้างๆ ก็กำลังนั่งกินอาหารเป็นกับแกลมไปด้วย
           "เป็นโชว์ที่ดีนะ แต่ว่าถ้าจะให้โชว์มันสนุกกว่านี้ก็คงต้อง" มันหยิบภาพของมาสค์ไรเดอร์ทั้งแปดคนขึ้นมา "ต้องให้เจ้าพวกนี้มาร่วมแสดงด้วย...ฮ่าๆๆๆๆ"

           
    .
    .
    .
    .


    ห้องพักของอากิฮิสะ  เวลา 07.40 น.


          กริ๊ง!!
          เสียงของนาฬิกาปลุกยามอรุณรุ่งได้ปลุกให้ชายหนุ่มผู้รับพลังจากอวกาศตื่นขึ้นมาเพื่อรับเช้าวันใหม่ที่สดใส
          "ฮ้าวววว!!" เขาเอื้อมมือไปปิดสัญญาณนั้น แล้วลุกขึ้นบิดตัวไปมาเพื่อให้ตัวเองตาสว่าง "เอาล่ะ!" อากิฮิสะเดินออกมาจากห้องนอนของตัวเองก็พบเห็นฮายาเตะเตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขาเรียบร้อยแล้ว 

           "โห นี่นายทำเองหมดเลยเรอะเนี่ยฮายาเตะยอดไปเลยแฮะ" ของกินตระการตาตรงหน้าทำเอาอากิฮิสะถึงกับน้ำลายไหล 

           "อะ ตื่นแล้วเหรอครับอากิฮิสะคุง ผมกะจะเลี้ยงขอบคุณน่ะครับที่ให้ที่พักของผมเมื่อคืนน่ะครับ" ฮายาเตะทดแทนบุญคุณโดยการทำอาหารเช้าให้กับอากิฮิสะ "ไม่รู้ว่ารสชาติจะดีรึเปล่านะครับ แต่ผมก็ทำอย่างสุดฝีมือ หวังว่าจะถูกปากนะครับ"

           "ไหนขอลองชิมดูหน่อยนะ" อากิฮิสะตักน้ำซุปมิโซะแล้วลองชิมดู
           "นะ...นี่มัน!?" ชายหนุ่มทำหน้าตกใจอย่างมาก "รสชาติของน้ำซุปเข้มข้นแต่ก็มีความนุ่มนวลอยู่ในตัว เกลือและน้ำตาลภายในนี้สามารถผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และด้วยอุณหภูมิความร้อนในตอนนี้จะยิ่งทำให้รสชาติของน้ำซุปออกมาได้ถึงขนาดนี้ นี่มันระดับภัตตาคารห้าดาวเลยไม่ใช่เรอะ!?"
           
           อากิฮิสะก้มหัวให้ฮายาเตะ "เรื่องทำอาหารฉันแพ้นายงั้นเหรอเนี่ย"
           "อา ผมยังไม่ได้เก่งอะไรถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่ทำตามที่เคยไปทำงานพิเศษมาเท่านั้นเองน่ะครับ" ฮายาเตะบอก

           "ทำงานพิเศษ ?"
           "ครับ คือเมื่อก่อนตอนสมัยประถมเคยไปทำงานพิเศษอยู่ที่ภัตตาคารอาหารน่ะครับ แล้วผมก็ลองก๊อปเทคนิคการทำอาหารมาจากร้านต่างๆแล้วนำมาประยุกต์จนกลายเป็นสไตล์แบบของผม แต่ว่าพอไปทำงานพิเศษที่ร้านไหนก็มักจะถูกไล่ออกน่ะครับ" ฮายาเตะเล่า

           "ดะ..เดี๋ยวสิ อาหารระดับนี้น่าจะถูกใจลูกค้ามากๆเลยนะแล้วไหงโดนไล่ออก ?" อากิฮิสะสงสัย
           "แบบว่าจริงอยู่นะครับที่ลูกค้าชอบมากๆ แต่คนภายในกลับไม่ชอบผมที่ดีจนเกินไปก็เลยไล่ออกน่ะครับ และให้เหตุผลว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะทำอาหารน่ะครับ"

           "แล้วนายไปซื้อพวกวัตถุดิบที่ใช้ทำที่ไหนน่ะ ฉันไม่ได้มีในตู้เย็นนะ" อากิฮิสะถาม
           "คือว่าผมใช้ตังค์ตัวเองที่เหลืออยู่ซื้อน่ะครับ ออกไปซื้อตั้งแต่ตี 5 ก็เลยได้วัตถุดิบดีๆแล้วก็ยังลดราคาพิเศษด้วยนะครับ"

           "นายจะตื่นเช้าไปไหนเนี่ย แล้วใช้เงินนายมันจะดีเหรอ ?" อากิฮิสะรู้สึกเป็นห่วง
           "ตอนนี้นายเองก็ไม่มีเงินแล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้าอย่างงั้นจะหาที่พักเป็นหลักเป็นแหล่งได้งั้นเหรอ ?"

           "ไม่ต้องห่วงครับ เงินน่ะจะหาทีหลังเท่าไหร่ก็ได้ ส่วนเรื่องที่พักผมก็จะหาให้ได้ภายในวันนี้ล่ะครับจะได้ไม่มาเป็นภาระให้อากิฮิสะคุงอีก" ฮายาเตะพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ

           "ถ้าจะพักก็มาได้เสมอนะ ช่วงนี้พี่สาวของฉันไม่อยู่ฉันอยู่คนเดียวน่ะ" อากิฮิสะบอก
           "ไม่เป็นไรครับผมไม่อยากรบกวนอากิฮิสะคุงมาก ที่เลี้ยงอาหารให้วันนี้ก็ถือว่าเป็นของตอบแทนก็แล้วกันนะครับ เพราะตอนที่ผมไปเช็คคลังอาหารของอากิฮิสะคุงแล้วมันมีแต่บะหมี่ถ้วย...ที่ขาดสารอาหารน่ะครับ..."

           "ขอโทษนะที่ฉันมันไม่ชอบทานอะไรที่มีประโยชน์น่ะ ก็ฉันไม่มีตังค์แล้วนี่" อากิฮิสะแย้ง

           "ผมรุ้สึกว่าจริงๆแล้วอิากิฮิสะคุงก็มีฐานะนะครับถึงเช่าหอพักแบบนี้ได้ ดูจากสภาพห้องแล้วก็น่าจะรวยไม่ใช่น้อยแต่ว่าจุดที่ทำให้อากิฮิสะคุงดูเหมือนยากจนคือ.."
           "คือ ?" อากิอิสะรอฟัง
     
           "หนังสือสมบัติกว่า 2,000 เล่มในห้องของตัวเอง และเกมจำนวนมาก ก็มีแต่ของแบบนี้ถ้าจะไม่จนก็คงไม่แปลกแล้วล่ะครับ บะหมี่ถ้วยเองจริงๆแล้วก็สามารถนำไปซื้อวัตถุดิบอาหารดีๆได้ตั้งเยอะนะครับ" ฮายาเตะเทศน์ใส่เพื่อนของเขา

           "กะ...ก็บะหมี่ถ้วยมันทำง่าย และสำหรับฉันมันก็อร่อยด้วย" อากิฮิสะอ้าง

           "แต่ว่าถ้าไม่ฝึกทำอาหารด้วยตัวเองเวลาที่ใช้ชีวิตตัวคนเดียวโดยที่รักษาสุขภาพไปด้วยจะลำบากนะครับ" ฮายาเตะพูดสีหน้าที่จริงจัง
    แววตาของชายหนุ่มพลังอวกาศเปลี่ยนไป "ใครบอกว่าฉันทำอาหารไม่เป็นน่ะ ฮายาเตะ ฉันน่ะแค่ปิดฝีมือของตัวเองไว้ต่างหาก"

            "เหรอครับ ถ้าอย่างงั้นลองทำให้ผมดูหน่อยสิครับ" ฮายาเตะท้า
            "ได้ตามที่ขอ" อากิฮิสะนำวัตถุดิบที่ฮายาเตะเหลืออยุ่สามารถทำอาหารออกได้หน้าตาที่ดูน่ากิน กลิ่นเองก็หอม ไม่แพ้ของฮายาเตะเลย

            "ดูดีกว่าที่คิดนะครับ" ฮายาเตะใช้ตะเกียบหยิบอาหารของอากิฮิสะขึ้นมาชิม
            "...อร่อย อร่อยจริงๆด้วย รสชาติไม่ได้อร่อยถึงที่สุด แต่ว่ากลับออกรสชาติที่นุ่มนวล ไม่ใช่ระดับอาหารปลายแถวเลย!"

           "เห็นมั้ยเล่า บอกแล้วว่าฉันเป็นคนทำเอง!" อากิฮิสะเบ่ง

           "ต่อไปเป็นข่าวเหตุความไม่สงบเมื่อวานค่ะ"
           เสียงของผู้ประกาศข่าวทางโทรทัศน์ที่เปิดไว้พูดขึ้น เปลี่ยนให้ทั้งสองไปสนตามเสียงนั้นทันที

           "เกิดเหตุคดีฆาตกรรมปริศนาที่ลานจอดรถบริษัท Tormenta ผู้เสียชีวิตเป็นพนักงานสองคนที่ทำงานอยุ่ในช่วง ห้าทุ่มถึงเที่ยงคืนครึ่ง พบว่ามีร่องรอยคล้ายการต่อสู้เกิดไปทั่วพื้นที่ แต่ว่ากลับมีร่องรอยของน้ำเมือกประหลาดซึ่งทางทีมวิจัยกำลังตรวจสอบความผิดปกตินี้อยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ด้วยสาเหตุบางอย่าง แต่สามารถบันทึกเสียงของสิ่งที่โจมตีทั้งสองได้ค่ะ มาลองฟังนะคะ"
           "แกว้กกก!!!"
           "ค่ะ นั่นคือเสียงที่คนร้ายใช้เพื่อขู่ทั้งสองคน แล้วลงมือสังหารในจังหวะที่พวกเขาไม่ทันระวังตัว นี่คือข้อสันนิษฐานของทางตำรวจ แต่ว่าในตอนนี้ยังไม่พบศพของผู้เสียชีวิตทั้งสอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะพยายามสืบหาต้นตอที่แท้จริงสำหรับการฆาตกรรมในครั้งนี้ให้ได้ หากมีอะไรเพิ่มเติมก็จะขอแจ้งให้ทราบในภายหลังค่ะ"
    ผู้ประกาศข่าวสาวรายงาน

           "น่าแปลกนะครับ ดูเสียงเมื่อกี้แล้วเหมือนไม่ใช่ของปลอมเลย" ฮายาเตะรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

           "หรือว่าจะเป็นเจ้าพวกลอสท์นั่น!?" อากิฮิสะคิด
           "ถ้าใช้ล่ะก็คราวนี้พวกมันลงมือหนักเลยนะเนี่ย"

           "พวกเราเองก็ลองไปตรวจสอบที่นั่นดูเถอะครับ" ฮายาเตะแนะนำ

           "อืม..." อากิฮิสะครุ่นคิดเขายังลังเลว่าจะไปดีหรือไม่ "..เอางั้นก็ได้ ไปลุยกับมันกันเลย!"


           ทาจิบานะ จุนอิจิที่กำลังปิดข่าวดูที่บ้านของเขาเช่นกัน พอเห็นข่าวนี้แล้วก็รู้สึกร้อนใจ
           "พี่จ๋าเป็นอะไรรึเปล่า ดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่นะ" มิยะถามเมื่อเห็นท่าทีของพี่ชายตัวเองดูแปลกๆ

           "เปล่าหรอกแค่รู้สึกไม่ดีเท่านั้นล่ะ อีกอย่างที่นั่นก็เป็นบริษัทของญาติเรานะ จะไม่ให้ไม่เป็นห่วงได้ไง" จุนอิจิต่อว่ามิยะ

           "แต่ว่าพวกญาติคนอื่นๆพวกเขาแค่หวังมรดกไม่ใช่เหรอคะ พวกคนแบบนั้นไม่เห็นจะต้องไปห่วงอะไรเลยก็ได้นี่" มิยะทำหน้าไม่พอใจ "อีกอย่างได้ยินว่าวันนี้พวกเขาก็จะจัดงานเลี้ยงอะไรซักอย่างที่นั่นด้วยล่ะ มีบัตรเชิญมาที่เราด้วยนะ คงจะชวนเราไปให้ขายหน้าเหมือนเดิมแน่ๆเลย"

           "บัตรเชิญเข้างานเลี้ยงงั้นเรอะ ?" จุนอิจิครุ่นคิดเขาคิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ลอบเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์ในครั้งนี้แล้ว "มิยะ เตรียมตัวเถอะ พวกเราจะไปกัน"

           "ไปกัน...ไปไหน ?" มิยะงง
           "ถามมาได้นะ ก็ไปงานเลี้ยงที่เขาเชิญมาไงล่ะ" จุนอิจิลุกขึ้น สีหน้าของเขาแสดงว่าเขาพูดความจริงทำเอามิยะถึงกับงงกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของพี่ชายตัวเอง ที่ตามปกติไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนี้


           "พี่จ๋าแต่ว่าเท่าที่หนูจำได้นะ คนที่เป็นเจ้าของที่นั่นมัน...." มิยะทำหน้าแบบไม่อยากไปพบคนที่เธอกำลังจะพูดถึงเลย

           "ใช่ คนที่ดูแลที่นั่น ทาจิบานะ ซาคุมะ" ชายหนุ่มพูดชื่อของเขาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง


    บริษัท Tempesta จำกัด  เวลา 10.33 น.

           บริษัท Tempesta เป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขายบ้าน ห้องเช่า คอนโดมีเนียม
           ที่ซึ่งฮายาเตะต้องมาติดต่อเพื่อหาที่พักอาศัยให้เข้าอยู่อย่างเป็นหลักเป็นแหล่ง ไม่งั้นเขาคงจะต้องใช้ชีวิตแบบขอทานเร่ร่อนภายในเมืองแห่งนี้ก็เป็นได้
           "แล้วเธอไม่มีผู้ปกครองมาด้วยงั้นรึ ถ้าไม่มีความรับรองจากผู้ปกครองก็จะไม่สามารถเซ็นสัญญาตามที่กำหนดได้นะ" นายหน้าอธิบาย

           "คือว่าผมเป็นคนนอกเมืองน่ะครับ แล้วพ่อแม่ของผมส่งผมมาเมืองนี้คนเดียวน่ะครับ ตอนนี้ก็เลยต้องใช้ชีวิตแบบพึ่งตัวเองครับ" ฮายาเตะโกหกไป
     
           "อืม...งั้นก็ขอดูบัตรประจำตัวของเธอหน่อยนะ เพื่อเป็นหลักฐานว่าเธออยุ่ในเมืองนี้ในฐานะนั้น" นายหน้าขอบัตรประจำตัวของฮายาเตะที่ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันสถานะของประชาชนในเมืองว่าเกิดที่เมืองแห่งนี้,ย้ายมาจากนอกเมือง,หรืออีกมากมาย

           "ฮายาเตะๆ นายคิดดีแล้วเรอะ ถ้าเขาจำได้เราจะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้นะ" อากิอิสะกระซิบข้างหูเพื่อนของเขา

           "ไม่เป็นไรครับ ผมเคยมีประสบการณ์ทำงานแบบนี้มาก่อนวางใจผมเถอะครับ" ฮายาเตะตอบอย่างมั่นใจ

           "นี่นายอายุเท่าไหร่กันแน่เนี่ยทำงานหลากหลายจังเลยนะ" อากิฮิสะชักรู้สึกสงสัย

           "ครับ นี่บัตรประจำตัวของผม" ฮายาเตะยื่นบัตรประจำตัวให้นายหน้า
           นายหน้าทำการตรวจสอบบัตรประจำตัวนั้น และเขาก็พูดกลับมาว่า "อืม ตกลงเป็นตามที่เธอพูดจริงๆ ถ้าอย่างงั้นเธอต้องการบ้านหรือห้องเช่าแบบไหนล่ะ ?"

           "เอาจริงเด่ะ!" อากิฮิสะตกใจที่ผ่านได้ง่ายๆ

           "ผมขอห้องแบบ 3LDK ที่มีราคาถูกที่สุดน่ะครับ" ฮายาเตะบอกไป
           "3LDK คืออะไรน่ะ ?" อากิฮิสะถาม

           "3LDK คือห้องตามอพาร์ทเม้นที่มี 3 ห้องครับ" ฮายาเตะเริ่มอธิบาย
           "โดยภายในห้องนั้นจะประกอบไปด้วยห้องสามห้อง ห้องรับแขก ห้องทางอาหารและห้องครัวครับ ที่ผมเลือกแบบนี้เพราะคิดว่าน่าจะเหมาะกับการใช้ชีวิตในแบบของผมมากที่สุดน่ะครับ แถมราคาก็ไม่น่าจะแพงมากด้วย"

           "มันเป็นวิถีชีวิตแบบพอเพียงหรือยาจกล่ะนั่น แต่จากที่นายเล่ามันไม่มีห้องน้ำหนิ" อากิฮิสะบอก

           "อากิฮิสะคุง ถ้ามันไม่มีห้องน้ำแล้วผมจะเลือกแบบนี้ไปทำไมล่ะครับ" ฮายาเตะเหนื่อยใจในความทึ่มของอากิฮิสะ เพราะถึงเป็น 3LDK ยังไงก็ยังมีห้องน้ำ เพียงแค่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเท่านั้น

           "อืม....แล้วห้องแบบของฉันนี่นับว่าเป็น 3LDK รึเปล่าน่ะ ?" อากิฮิสะถาม
           "ห้องของอากิฮิสะคุงมีทั้ง 3 อย่างจริง แต่ก็มีห้องนอนส่วนตัวด้วยนี่ครับ" ฮายาเตะบอก "แบบนั้นไม่ใช่หรอกครับ"

           "เอาล่ะ นี่คือแบบที่ถูกที่สุดแล้วนะ เธอจะเอารึเปล่า ?" นายหน้าตั้งภาพให้ทั้งสองดู

           "อืม...ราคาก็ 10,000 เยน ต่อเดือนแต่มีพร้อมทั้งไฟและน้ำพร้อม....พี่ครับมันจะไม่ถูกไปเหรอครับ ?" ฮายาเตะที่เห็นราคาสุดแสนจะถูกถ้านับตามบ้านแบบเดียวกัน

           "เธอลองอ่านหมายเหตุข้างล่างก่อนสิ" นายหน้าบอก
           ฮายาเตะและอากิฮิสะลดหัวลงมาอ่านหมายเหตุด้านล่างสุด "ไม่ขอรับประกันความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทุกชนิด หากอุปกรณ์เครื่องใช้เสียหายหรือใช้งานไม่ได้ ทางเราจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น และหากพบกับเรื่องเหนือธรรมชาติขอให้ท่านสวดมนต์เอาก็แล้วกัน"

           "สรุปเธอจะเอารึเปล่า ?" นายหน้ายิ้มต้อนรับอย่างดี

           ฮายาเตะและอากิฮิสะเงยหน้าขึ้นและตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า "ไม่ครับ!"

           สุดท้ายทั้งสองก็ออกมาจากบริษัทนั้นด้วยความผิดหวัง
           "เฮ้อ...เมืองนี้มันก็อยู่ยากจริงแฮะ แล้วอะยาซากิทำไมนายไม่ลองไปกู้เงินดูล่ะ จะได้เอามาตั้งหลักชีวิตใหม่" อากิฮิสะแนะนำ

           "คือเรื่องนั้นผมทำไปหลายครั้งแล้วล่ะครับ คุณพ่อคุณแม่ผมใช้บัตรของผมกู้เงินมาจากทางนั้นแล้วนำไปใช้ทำตามความฝันหมดน่ะครับ สุดท้ายแล้วครอบครัวผมก็ติดหนี้ก้อนโตถึงขนาดที่ชีวิตนี้อาจจะใช้ไม่หมดได้เลยนะครับ" ฮายาเตะเล่าถึงชีวิตอันโหดร้ายของตัวเอง
           "อากิฮิสะคุงน่ะดีนะครับที่เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่มีเงินใช้แบบนั้น ของผมต้องลำบากบากบั่นอยู่ตลอดเวลาเลย"

           ทั้งสองเดินไปตามทางเรื่อยๆพวกเขาก็สังเกตเห็นว่าอีกฟากของฝั่งถนนมีเหมือนงานเลี้ยงกำลังจัดขึ้นที่หน้าอาคารของบริษัทแห่งหนึ่ง 
           "งานเลี้ยงงั้นเรอะ จัดเนื่องในโอกาสอะไรล่ะเนี่ย ?" อากิฮิสะยืนมองด้วยความสงสัย

           แต่ฮายาเตะกลับมองในสิ่งที่ต่างออกไป เขากลับมองขึ้นไปบนอาคารสูงนั้นและพยายามนึกถึงบางอย่าง "อากิฮิสะคุงผมรู้สึกว่าเหมือนพวกเราเคยเห็นตึกนี้ที่ไหนมาก่อนนะครับ"

           "เอ๊ะ!?" อากิฮิสะลองมองขึ้นไปบนตึกสูงบ้าง "เอ...จริงนะเหมือนเพิ่งเห็นไปไม่นานนี้ด้วย"
           ความทรงจำกลับมาที่เด็กหนุ่มอีกครั้งเขาสามารถจำได้ว่าพวกเขาเห็นที่แห่งนี้ในข่าวตอนเช้า "อากิอิสะคุงนี่มันตึกที่เกิดคดีฆาตกรรมประหลาดเมื่อเช้านี่ครับ!"

           "เออ จริงแฮะ แล้วนีมันจัดงานใหญ่โตแบบนี้เพื่อโอกาสอะไรเนี่ย ?" อากิฮิสะท่าทางตกใจ
           "รู้สึกจะผิดประเด็นนะครับ ที่จริงน่าจะพูดว่าทำไมถึงจัดงานแบบนี้อยู่มากกว่า" ฮายาเตะแก้คำพูด

           "งานเลี้ยงนี้จัดในโอกาสวันเกิดของประธานบริษัทของที่นี่น่ะ" เสียงของชายผู้หนึ่งอธิบายให้ทั้งสอง "และที่ว่าทำไมถึงยังจัดงานอยู่เป็นเพราะประธานคนนั้นเขาไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เขาเพียงแค่สนใจความต้องการของตัวเองเท่านั้น ต่อให้เป็นตำรวจก็เถอะก็มาห้ามพวกเขาไม่ได้"

           "อย่างงี้นี่เอง ขอบใจนะที่อธิบาย" อากิฮิสะขอบคุณทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร
           "เดี๋ยวสิแล้วนายเป็นใคร ?" อากิฮิสะหันกลับไปข้างหลังก็พบกับจุนอิจิในชุดสูทดูราคาแพง ทำเอาชายหนุ่มถึงกับอ้าปากค้าง "นะ...นายเป็นใครกันเนี่ย!?"

           "พวกเราเพิ่งเจอกันไปเมื่อสองวันก่อนไม่ใช่รึไง" จุนอิจิยืนกอดอก

           "ทาจิบานะคุงทำไมถึงใส่ชุดนี้ล่ะครับ หรือว่าคุณถูกเชิญให้มาที่นี่ ?" ฮายาเตะที่ยังจำได้ก็คุยกันแบบปกติ

           "อืม ฉันกับประธานของที่นี่..ไม่สิ ประธานของบริษัทนี้ทุกคนเป็นญาติๆของฉันหมด และเขาก็มักเชิญฉันไปงานแบบนี้ทุกครั้งนั่นล่ะ" จุนอิจิอธิบาย
           "แต่ว่าก็ไม่ได้อยากมานักหรอกนะ งานแบบนี้.."

           "งั้นสาเหตุที่ทาจิบานะคุงมาที่นี่หรือจะเป็นเรื่องคดีฆาตกรรมเมื่อคืนครับ ?" ฮายาเตะเดาเหตุผลของจุนอิจิ

           จุนอิจิพยักหน้า "ใช่ ถ้ามันเกิดขึ้นที่ ไม่แน่ว่ามันจะเกิดขึ้นอีกก็ได้"

           "พี่คะ มัวมาทำอะไรอยู่ตรงนี้" มิยะในชุดเดรสสีดำเดินออกมาตามจุนอิจิที่มายืนคุยกับพวกฮายาเตะนานจนไม่ยอมเข้าไปซักที "แล้วคนพวกนี้เป็นใครเหรอคะ เพื่อนเหรอ ?"

           "อะยาซากิ ฮายาเตะครับ เป็นเพื่อนของทาจิบานะคุงครับ" ฮายาเตะแนะนำตัว
           "เช่นกัน โยชิอิ อากิฮิสะ" อากิฮิสะแนะนำตัว 

           "ค่ะ หนุชื่อทาจิบานะ มิยะเป็นน้องสาวของพี่จ๋า..ไม่สิ..พี่จุนอิจิค่ะ" มิยะแนะนำตัว
           "ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"

           "มิยะก็บอกว่าให้เข้าไปก่อนไม่ใช่เรอะ แล้วจะออกมาทำไม ?" จุนอิจิถาม
      
           "พี่ก็รู้เหตุผลหนิคะว่าคุณซาคุมะเป็นคนยังไง หนูยังไม่อยากเข้าใกล้เลย หนูถึงได้ยืนกรานปฏิเสธมาตั้งแต่เช้า แต่พี่ก็กลับดันดึงดันที่จะมาให้ได้นั่นล่ะ" มิยะบ่น
           "แต่คนที่ชวนดันไม่ยอมเข้างานมายืนอยู่ตรงนี้มันก็แปลกๆนะคะ" มิยะจ้องจุนอิจิเพื่อกดดันชายหนุ่ม

           จนจุนอิจิต้องยอม "อาๆ เข้าใจแล้วจะเข้าไปก็ได้" 
           "พวกอะยาซากิเองก็จะเข้ามาด้วยกันมั้ยล่ะ ถ้าให้ฉันเป็นคนพาเข้าไปน่ะก็ได้นะ"

           "เอ๊ะ จะดีเหรอครับ ?" ฮายาเตะรู้สึกเกรงใจ
           "ที่นี่มีของอร่อยๆฟรีให้กินสินะ งั้นฉันตกลง!" อากิฮิสะตรงข้ามกับฮายาเตะอย่างสิ้นเชิง

           "ไม่ต้องเกรงใจ อีกอย่างถ้าพวกนายเข้ามาด้วยฉันคิดว่ามันน่าจะสะดวกกว่าล่ะนะ" จุนอิจิพูดเป็นนัยๆว่าเขาจะต้องตามหาต้นตอที่แท้จริงขอคดีฆาตกรรมแน่ๆ ทำให้ฮายาเตะยอมตอบตกลง


    บริษัท Tormenta  เวลา 11.14 น.

           ทั้งสี่คนเข้าไปในงานเลี้ยงที่จัดอยู่บนชั้นบน จุนอิจิและมิยะบอกชื่อกับบอดี้การ์ดหน้างานก็ทำให้พวกเขาผ่านเข้าไปในงานได้ แต่ฮายาเตะและอากิฮิสะกลับถูกกันไว้เพราะไม่มีชื่อ
           "ไม่เป็นไรสองคนนี้มากับฉันให้เข้ามาเถอะ" จุนอิจิบอกการ์ดทั้งสอง

           "ได้ครับ" การ์ดทั้งสองยอมปล่อยให้ฮายาเตะและอากิฮิสะเข้าไปในงานได้

           ภายในงานเลี้ยงก็มีผู้คนมากกมาย แต่ละคนนั้นก็ดูเป็นคนที่มีฐานะกันทั้งนั้น มีชุดสูทที่ดูดี มีเครื่องประดับเรือนทองเรือนเงิน ผู้หญิงก็ใส่ชุดราตรีสวยงามดูดีมีราคา บางคนถึงจะไม่ใส่เครื่องแต่งกายที่ดูมีราคามากแต่ว่าพวกเขาก็ยังใส่ของที่บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นคนรวย บนโต๊ะมีถาดอาหารวางอยู่มากมายเรียงรายเป็นแถวยาว ตลอดทั้งงานมีกลุ่มวงดนตรีคอยเล่นเพลงอยู่ตลอดเวลา สำหรับอากิฮิสะนี่คือการมาร่วมงานแบบนี้เป็นครั้งแรก สำหรับฮายาเตะเขาเคยร่วมงานแบบนี้มาหลายรอบแล้วแต่ส่วนมากจะเป็นคนที่ทำงานอยู๋เบื้องหลัง แต่สำหรับจุนอิจิและมิยะพวกเขาสองคนไม่ค่อยอยากจะมาร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ ด้วยเหตุผลหลายอย่าง

           "เฮ้ ไงจุนอิจิคุงไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไม่คิดเลยว่าจะมา" ผู้ชายอายุราวๆ 19 ปี พูดทักทายจุนอิจิอย่างกับรู้จักกันมาก่อน เขาดูท่าทางรวยที่สุดในบรรดาแขกร่วมงานทั้งหมดมีบอดี้การ์ดชุดดำสองคนยืนอยู่ข้างหลังเขา นอกนั้นล้วนเป็นหญิงสาวที่อยู่รายล้อมตัวเขา ด้วยสาเหตุที่เขารวย "ใช่แล้วร่วมถึงน้องสาวสุดน่ารักอย่างมิยะจังด้วยนะ"
           เขาจับแก้มของเธอแตามิยะปัดออกอย่างไม่ใยดี
           
           "คนๆนี้คือ ?" ฮายาเตะกระซิบถามมิยะที่ท่าทางฉุนเฉียว

           "ทาจิบานะ ซาคุมะเป็นประธานของที่นี่น่ะค่ะ เขาชอบทำตัวแบบนี้หนูน่ะไม่ชอบเขาเลยน่ะค่ะ" มิยะกระซิบบอกฮายาเตะ

           "แล้วผู้ชายข้างหลังนั่นใคร ดูจากหน้าแล้วคนนึงเป็นคนรับใช้" ซาคุมะชี้ฮายาเตะ
           "แล้วก็อีกคนเป็นขี้ข้าสินะ" ซาคุมะชี้อากิฮิสะ และเขากับเหล่าหญิงสาวก็หัวเราะ

           "เฮ้ย มาว่าใครเป็นขี้ข้ากัน!!" อากิฮิสะของขึ้นจะเข้าไปหาเรื่องซาคุมะแต่ถูกฮายาเตะหยุดไว้
           "เย็นไว้ครับ อากิฮิสะคุง ถ้าเกิดคุณไปหาเรื่องเขาตอนนี้มีหวังโดนไล่ออกจากงานแน่ๆครับ ตอนนี้ใจเย็นก่อนเถอะครับ" ฮายาเตะพยายามกล่อมเขาจนได้ผล

           "ยังคบกับพวกที่ดูเป็นคนยากคนจนไม่เปลี่ยนเลยนะจุนอิจิคุง แล้วคิดอะไรถึงมาที่นี่ล่ะ ?"
           ซาคุมะพูดหยามจุนอิจิและถามเหตุผลที่มาที่นี่

           "คุณซาคุมะ เมื่อวานเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นไม่ใช่เหรอครับ แล้วมาจัดงานแบบนี้ไม่คิดว่าคนร้ายจะลงมืออีกงั้นเหรอครับ ?" จุนอิจิถาม ซาคุมะไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเลยแม้แต่น้อย
           "คุณซาคุมะครับ!" จุนอิจิทำหน้าจริงจังขึ้น

           "อ้อๆ โทษทีนะ" ซาคุมะยอมกลับมาสนใจจุนอิจิ
           "เรื่องนั้นไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ ฆาตกรมันคงไม่ได้จะมาฆ่าทุกคนในงานซักหน่อย คนก็มีตั้งเยอะมันไม่กล้าลงมือหรอกน่า"

           "แล้วถ้าสมมุติว่ามันไม่ใช่คนล่ะครับ" จุนอิจิพูด ซาคุมะหันกลับมาทำหน้างง
       
           "ถ้าไม่ใช่คนแล้วจะเป็นอะไร เป็นสัตว์ประหลาดเหรอ เป็นเอเลี่ยนเหรอ หรือว่าจะเป็นยักษ์ที่ลงมาจากฟ้าแล้วมาฆ่าทุกคนกัน นี่มันโลกความจริงนะจุนอิจิคุงไม่มีอะำไรแบบนั้นหรอก" ซาคุมะไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่จุนอิจิพูดเลยแม้แต่น้อย

           "ผมขอตัวนะครับ" จุนอิจิตัดสินใจเลิกคุยกับซาคุมะ ในใจของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโกรธแต่ว่าเขารู้ดีว่าไม่ควรที่จะปลดปล่อยมันออกมา เขากลับมานั่งที่โต๊ะและคิดว่าควรจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
           "อะยาซากินายช่วยไปดูที่เกิดเหตุจะได้มั้ย อยากจะให้ไปตรวจสอบแถวนั้นให้หน่อย"

           "ครับ ได้ครับ" ฮายาเตะตอบตกลง และไปตามที่จุนอิจิบอกทันที

           "โยชิอิ นายช่วยไปดูรอบๆงานให้ทีหากเห็นอะไรผิดปกติก็โทรมาด้วยล่ะ" จุนอิจิสั่งอากิฮิสะ
           "ได้เลย แม่ทัพ!" อากิฮิสะรับคำสั่ง และเดินออกไปตามนั้น

           "พี่ทำเหมือนกับว่าจะไปรบกับใครเลยนะคะ เป็นอะไรรึเปล่าวันนี้พี่ดูเครียดๆนะ" มิยะรู้สึกแปลกที่จุนอิจิดูจริงจังกับวันนี้มากผิดปกติ

           "เปล่าไม่มีอะไรหรอก มิยะช่วยรอที่นี่ที่นะ เดี๋ยวฉันมีธุระที่ต้องไปทำก่อน" จุนอิจิผละตัวออกไปโดยที่ทิ้งมิยะไว้ในงานคนเดียว
           "เดี๋ยวสิคะพี่" มิยะพยายามเรียกแต่ชายหนุ่มก็ไปเสียแล้ว "แล้วแบบนี้เราจะยังไงต่อละเนี่ย"

           ตอนนั้นที่ทางเข้ารับแขกเข้างาน ผู้หญิงคนนึงอายุราวๆเดียวกับพวกฮายาเตะเดินเข้ามาบอกชื่อกับบอดี้การ์ด "คัตสึระ ฮินะงิคุค่ะ"

           "อืม ไม่มีชื่อน่ะครับ มีแค่คัตสึระอีกคนน่ะครับ ไม่ทราบว่าเป็นญาติกันรึเปล่า ?" การ์ดด้านหน้าถาม

           "ค่ะ แม่ของฉันติดงานเลยมาไม่ได้ เลยให้ฉันมาแทนน่ะค่ะ" เธอตอบ
           "ถ้าอย่างงั้นก็เชิญเข้าไปได้เลยครับ" การ์ดทั้งสองยอมเปิดทางให้

           "ค่ะ ขอบคุณนะคะ" ฮินะงิคุเข้าไปในงานได้โดยง่าย

          "สวยดีนะถ้าอีกซัก 5 ปีน่าจะสุดยอดไปเลย" การ์ดคุยกับการ์ดอีกคน
          "เหอะ แบนเป็นไม้กระดานแบบนั้นฉันไม่แคร์หรอก"
          "ครับๆ"


    ลานจอดรถชั้นบนสุด  เวลา 12.11 น.

           อะยาซากิ ฮายาเตะขึ้นมายังลานจอดรถชั้นที่เกิดเหตุเพื่อมาตรวจสอบความผิดปกติตามที่จุนอิจิสั่ง พื้นที่ถูกกั้นไว้โดยกรวยและเทปกาวสีเหลืองเพื่อไม่ให้ใครเข้าไปในที่เกิดเหตุ แต่ว่าเด็กหนุ่มจำต้องเข้าไปเพราะตำรวจไม่น่าจะรับมือกับเหตุผิดปกติในครั้งนี้ได้ เขาจึงแอบย่างก้าวเข้าไปในนั้น

           "ตรงนั้นสินะ" ฮายาเตะเดินไปดูจุดที่รถคันขาวจอดอยู่และเปิดประตูทิ้งไว้
           "รอบๆข้างไม่มีร่องรอยของอะไรเลย ไม่ได้โจมตีหรือเคลื่อนมาจากทุกทางงั้นเรอะ ?" เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัย แต่พอเขาก้มลงดูที่พื้นก็เห็นเหมือนเหมือกเหนียวๆติดอยู่บนพื้น

           "นี่มัน!?" ชายหนุ่มก้มตัวลงและลองสัมผัสกับเหมือกเหนียวๆนั้น
           "แบบนี้มันไม่เหมือนกับเป็นฝีมือมนุษย์เลยนะ"

           "ฟึ่บ"

           ฮายาเตะเหลี่ยวหลังกลับไปมองเมื่อรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบใครหรือสิ่งใด เขาจึงกลับมาให้ความสนใจกับร่องรอยประหลาดที่เกิดขึ้นบนพื้นก่อน "แบบนี้มัน ไม่ได้มาจาก...รอบข้างถ้าอย่างงั้น!"
           เด็กหนุ่มเงยหน้ามองขึ้นข้างบน แต่ก็พบเพียงเพดานธรรมดาไม่มีอะไรผิดปกติ

           "ยังไงกันแน่นะ...คนร้ายเป็นลอสท์อย่างที่คิดจริงๆ แต่ว่ากลับแปลกไปจากตัวที่เราเจอมาก่อนหน้านี้" ฮายาเตะรู้สึกสงสัย เขาเดินไปที่รถอีกคนนึงที่จอดอยู่อีกฝั่งแต่รถคันนั้นก็ไม่ได้มีร่องรอยผิดปกติอะไร
           "ถ้าอย่างงั้นเหยื่อรายที่สอง ถูกโจมตียังไงล่ะ ไม่ได้โดนโจมตีที่รถ"

           ชายหนุ่มมายืนคิดอยู่ตรงกลางระหว่างรถทั้งสองคัน "คนร้ายลงมือยังไง ?"
           ฮายาเตะสังเกตที่พื้นดูดีๆเข้าเห็นรอยปูนที่แตกเล็กน้อย พอเขามองไปตามทางดีๆก็พบว่ารอยแตกนั้นแม้จะเล็กมาก แต่ว่ามันก็เรียงมาเป็นแถวๆพุ่งตรงมาจุดที่เขายืนอยู่

           "หรือว่าจะ ?" 
           ระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังจะแก้ไขปริศนาได้แล้วนั้น ก็มีเงาสีดำขนาดใหญ่ได้ปรากฏอยุ่ด้านหลังของเขา


           ทางด้านโยชิอิ อากิฮิสะที่ถูกใช้ให้เดินไปดูรอบๆงานหาความผิดปกติ
           ก็มัวแต่เดินวนไปทั่วงานไม่ได้ไปดูที่ไหนจริงๆจังๆ "เฮ้อ ถึงจะบอกว่าให้ไปดูความผิดปกติรอบๆงานก็เถอะนะ แต่ว่าไม่มีที่ไหนที่มันดูผิดปกติเลยนี่น่า แล้วจะให้ไปที่ไหนเล่า"

           อากิฮิสะเดินไปเรื่อยแล้วเขาก็ไปหยุดชะงักเมื่อมองไปที่ช่องแอร์
           "ที่ที่ดูน่าสงสัยก็คงตรงนั้นล่ะมั้ง" ชายพลังอวกาศแอบผู้คนเข้าไปยังห้องที่ไม่มีใคร แล้วเขาก็ถอดตะแกงเหล็กของทางช่องแอร์ออกและแอบปีนขึ้นไปตามเส้นทางนั้น

           "หวังว่าคงจะไม่มีอะไรออกมาหรอกนะ" ช่องแอร์ที่มืดๆดูน่ากลัวก็ทำให้ชายหนุ่มขนลุก
           "เป็นไงเป็นกัน!" อากิฮิสะตัดสินใจคลานไปตามทางในช่องแอร์ เขาคลานผ่านห้องต่างๆไม่ว่าจะเป็นห้องจัดงานเลี้ยง ห้องทำงาน ห้องครัว ห้องน้ำ แต่ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ไม่มีความผิดปกติ

           "โอย ที่นี่มันจะมีอะไรจริงเหรอเนี่ย" โยชิอิบ่นและมาหยุดพักที่ทางช่องแอร์อีกจุด และหลับตานอนพักที่นั้น
           "ถ้าจะมีีอะไรผิดปกติล่ะก็ ขอให้ลืมตาขึ้นแล้วเจอมันทันทีเลยละกัน" ชายหนุ่มอธิฐานแล้วลืมตาขึ้น เขาก็พบกับ!!

          ช่องแอร์

           "เฮ้อ ทีนี่คงไม่มีอะไรจริงๆล่ะะมั้-!!" ช่องแอร์ที่เขานอนอยุ่นั้นรับน้ำหนักไม่ไหวและพังลงมา
           ทำให้อากิฮิสะตกลงมากลางน้ำเหมือกบางอย่างที่พื้น "อะไรเนี่ย ที่นี่มันมีของสกปรกแบบ..!?" แต่พอชายหนุ่มลุกขึ้นยืนก็ต้องพบกับสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่า "นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ?"


           ทางทาจิบานะ จุนอิจิที่ลงมาตรวจสอบลานจอดรถชั้นใต้ดิน กลับไม่พบอะไรที่ผิดปกติเลย
           "ข้างล่างนี่คงจะไม่มีอะไรสินะ" ระหว่างที่กำลังเดินสำรวจอยู่นั้น เสียงริงโทนโทรศัพท์ของจุนอิจิก็ดังขึ้นทำให้เขาต้องหยิบขึ้นมารับสาย "ใครโทรมานะ ?"


           เมื่อดูเบอร์ก็พบว่าเป็นเบอร์คนไม่รู้จัก จุนอิจิจึงต้องลองรับดูก่อน
           "ครับทาจิบานะครับ"

           "จะ..จุนอิจิ มะ..มันเต็มไปหมดเลย!"
           จากที่ฟังจากเสียงทำให้จุนอิจิรู้ว่าคนที่โทรมาหาเขาก็คืออากิฮิสะ "เดี๋ยวอากิฮิสะนายรู้เบอร์ของฉันได้ยังไง แล้วอะไรที่เยอะไปหมดนั่นน่ะ ?"

           "ไข่" อากิฮิสะตอบ

           "ไข่ ไข่อะไรมีอะไรอยู่ข้างบนนั้นกันแน่น่ะ ?" จุนอิจิทักท้้วงคำตอบจากเพื่อนของเขา

           "ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไข่ของอะไร ตะ..แต่ว่า" ขณันี้ในห้องที่อากิฮิสะอยู่นั้นเต็มไปด้วยไข่ฟองสีดำที่เกาะอยู่ตามผนัง ตามพื้น หรือแม้แต่บนเพดาน ข้างในไข่ทุกฟองกำลังเหมือนมีสิ่งมีชีวิตสีดำกำลังขยับอยู่ภายในนั้นรอเวลาที่กำลังจะฟักตัวในไม่ช้า และจำนวนของมันก็...
           "เจ้าพวกนี้มันมีเกินร้อยได้มั้ง"

           "เยอะขนาดนั้นเลยงั้นเรอะ" ดวงตาของจุนอิจิเบิกโพลงทันทีที่ได้ฟังเรื่องจำนวนของพวกมัน
           "เข้าใจแล้ว ฉันจะ-" ก่อนหน้าที่จุนอิจิจะได้พูดอะไรต่อก็มีเข็มประหลาดแทงใส่โทรศัพท์ของเขา และทำให้โทรศัพท์ของเขาหล่นลงสู่พื้นและพังในที่สุด

           "ไม่นึกว่าจะหาเจอเร็วขนาดนี้นะ แต่ว่าเพราะเป็นคนที่บ้าๆบอๆถึงได้ทำอะไรที่คาดไม่ถึงได้ตลอด"
           เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากจุดลับแสงด้านในสุดของชั้นใต้ดินแห่งนี้ พอเขาเดินออกมาจุดที่มีแสงไฟส่องถึงก็ทำให้รู้ว่าเขาคือนีเดิลชายชุดขาวผู้เป็นหนึ่งในระดับแนวหน้าของลอสท์

           "นายเองสินะ ตัวการของเหตุฆาตกรรมเมื่อวาน!" จุนอิจิมองไปที่นีเดิลด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
     
           "ผิดแล้วๆ ฉันไม่ได้เป็นคนลงมือ" นีเดิลปฏิเสธแล้วแสยะยิ้ม
           "แต่ว่าแค่เป็นคนทำให้มันเกิดขึ้นเท่านั้นเอง" ร่างของชายชุดขาวค่อยๆมีไอระเหยออกมา แล้วร่างของเขาก็กลายร่างเป็นลอสท์รูปแบบเม่นในที่สุด
           "ในบรรดาทั้งสามคน ท่าทางแกจะเป็นคนที่ดูเป็นหัวหน้าที่สุด เพราะฉะนั้นถ้ากำจัดผู้บัญชาการลงได้ อีกสองคนก็จะไร้ผู้คอยสั่งการ"

           "คงจะแอบมองมาตลอดเลยสินะ" จุนอิจิสวมโอสไดร์เวอร์และใส่เมดัลทั้งสามลง
           "แต่ว่าฉันจะเป็นคนจัดการกับนายเอง!" เด็กหนุ่มหยิบโอสสแกนเนอร์ที่ข้างเข็มขัดออกมาสแกนเมดัลที่ไดร์เวอรืของเขา


    TAKA (เหยี่ยว)

    TORA (เสือ)

    BATTA (ตั๊กแตน)

    TATOBA TATOBA TATOBA

           สิ้นเสียงที่ดังมาจากสแกนเนอร์ของโอส ร่างของจุนอิจิก็ถูกสวมทับด้วยเกราะสีแดงรูปเหยี่ยวที่หัว เกราะสีเหลืองรูปเสือที่ลำตัว และเกราะสีเขียวรูปตั๊กแตนที่ขา
           "มาสค์ไรเดอร์โอส"

           "ขอดูฝีมือของแกหน่อย!" นีเดิลสร้างหอกยาวขึ้นมา แล้วพุ่งเข้าไปโจมตีใส่โอสในระยะใกล้

          มาสค์ไรเดอร์เบี่ยงตัวหลบได้ทันท่วงที แขนสองข้างของเขาเรืองแสงขึ้นและกรงเล็บก็กางขึ้นมา "ฮ่าส์!" โอสฟันกรงเล็บโจมตีใส่นีเดิล ด้วยความประมาททำให้มันโดนการโจมตีของโอสเข้าไป และก็ถูกโจมตีซ้ำอีกทีด้วยการใช้กรงเล็บทั้งสองข้างแทง

           "ดีกว่าที่คิดไว้นะ แต่ว่ายังดีไม่พอ" นีเดิลสบัดผม
           เข็มจำนวนมากที่เป็นเส้นผมของมันต่างกระจายขึ้นไปข้างบน และมันก็ควบคุมเข็มเหล่านั้นลงมาโจมตีโอสอย่างต่อเนื่อง มาสค์ไรเดอร์รีบกระโดดถอยห่างในทันที

           "เข็มแหลมของข้านั้นแหลมคมที่สุดในบรรดาลอสท์ที่ใช้เข็มด้วยกัน"
           นีเดิลอวดพลังของมันเอง "ระวังโดนแล้วจะตายโดยไม่รู้ตัวนะ" มันหยิบเข็มขนาดใหญ่ที่ปักอยุ่ที่พื้นขึ้นมาและตามพุ่งเข้าหาโอสอย่างรวดเร็ว

           "ไม่ยอมให้เป็นฝ่ายโดนบุกอยู่คนเดียวหรอก!" โอสใช้กรงเล็บปักลงพื้น
           เขาเงยหน้าขึ้นใช้พลังของดวงตาเหยี่ยว มองหาจุดอ่อนของนีเดิล "ตรงนั้น!" มาสค์ไรเดอร์เบี่ยงตัวหลบนีเดิลแล้วจับตัวมันไว้ ขาทั้งสองข้างของโอสเรื่องแสง เขาก็กระโดดขึ้นไปบนเพดานและถีบนีเดิลชนกับหลอดไฟ

           "เปรี้ยะๆๆ!!"
           ไฟฟ้าบนหลอดไฟช๊อตร่างของนีเดิลก่อนที่มันจะตกลงมาที่พื้น
           "แฮ่กๆ ไม่เลวนี่ใช้พื้นที่และความสามารถของตัวเองได้ีกว่าที่คิดไว้ซะอีก" นีเดิลพลิกตัวขึ้นมาใหม่แต่มันก็โซเซเล็กน้อย "มาต่อกันเถอะ!"

           จุนอิจิสังเกตเห็นความผิดปกติของนีเดิลที่ดูอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
           "หรือว่า..." ชายหนุ่มหยิบหนังสือที่เก็บเมดัลไว้ออกมา แล้วเลือกหยิบเมดัลรูปด้วงสีเขียวมาใช้

           "คิดจะเปลี่ยนพลังรึไง แสดงพลังของแกมาให้ฉันเห็นมากกว่านี้อีกสิ" นีเดิลท้าทาย

           "ฉันก็คิดจะให้เห็นอยู่แล้วล่ะ นี่ล่ะคือพลังของฉัน!"
           ทั้งสองยืนจ้องมองกันและกัน ไม่มีใครขยับเคลื่อนไหว จนเมื่อลมได้พัดให้มีป้ายตกลงมาสู่พื้น โอสก็ทำการดีดเมดัลลอยขึ้นไป นีเดิลปล่อยเข็มจำนวนมากใส่โอส
           มาสค์ไรเดอร์กางกรงเล็บออกและปัดป้องเข็มเหล่านั้นออกไปจนหมด
           แล้วใช้มือขวารับเมดัลที่ร่วงลงมาเปลี่ยนกับเมดัลสีแดงที่ไดร์เวอร์ แล้วสแกนลงไป


    GUWATAKA (ด้วงกวาง)

    TORA (เสือ)

    BATTA (ตั๊กแตน)

    GATATORABA

           มาสค์ไรเดอร์โอสได้เปลี่ยนส่วนหัวของตัวเองเป็นด้วงกวาง
           ทันทีที่เปลี่ยนพลังที่หัวนั้นก็เกิดแสงขึ้น นั่นทำให้เขาสามารถปล่อยสายฟ้าสีเขียวออกมาจากเขาทั้งสองข้างโจมตีใส่นีเดิลได้ "เอื้อก!!"
           ลอสท์รูปแบบเม่นได้รับบาดเจ็บมากกว่าปกติ

           "จริงๆด้วย ท่าทางนายจะแพ้สายฟ้าสินะ" สิ่งที่จุนอิจิคิดไว้ไม่ผิด เพราะทุกครั้งที่นีเดิลโดนสายฟ้าจะออกอาการเจ็บปวดกว่าการโจมตีอื่นๆทำให้ชายหนุ่มสามารถจับจุดอ่อนของมันได้โดยง่าย บวกกับการที่เขาสังเกตจุดอ่อนของนีเดิลเมื่อก่อนหน้านี้ด้วย

           "เอาล่ะ งั้นมาต่อให้จบกันเลย" โอสหยิบสแกนเนอร์ออกมาสแกนไดร์เวอร์ 


    SCANNING CHARGE

           มาสค์ไรเดอร์ใช้สายฟ้าดจมตีเบิกร่องไปก่อนเพื่อทำให้นีเดิลเสียจังหวะ
           จากนั้นเขาก็ตามด้วยกระโดดขึ้นไปแล้วพุ่งตัวลงมา เกิดเป็นรูปวงกลมสามวง เมื่อผ่านวงกลมทั้งสามก็พุ่งลงมาเตะใส่นีเดิล "see ya!"

           "หึ!" นีเดิลดึงเข็มที่ไหลตัวเองออกมาและปาปักลงพื้น
           มันชูสองนิ้วและกวักมือขึ้น เข็มเหล่านั้นก็ขยายตัวยืดขึ้นกลายเป็นโล่ป้องกันท่าเตะของโอสไว้ได้
           "คราวนี้ข้าประมาทไปหน่อยไม่คิดว่าจะมีไรเดอร์ที่สามารถสู้ได้หลากหลายแบบนี้อยู่ แต่ว่าถ้าเจอกันคราวหน้าการโจมตีแบบเก่าๆมันใช้กับข้าไม่ได้หรอกนะ" นีเดิลกระโดดหนีหายไป

           "หนีไปแล้วเรอะ" โอสเก็บกรงเล็บเข้าตัว
           "ต้องรีบไปหาโยชิอิ" จุนอิจิเปลี่ยนเมดัลที่ไดร์เวอร์และสแกนไดร์เวอร์


    TAKA (เหยี่ยว)

    KAMAKIRI (ตั๊กแตนตำข้าว)

    CHEETAH (เสือชีต้าร์)

    TAKAKIRITAH

           ทันทีที่เปลี่ยนส่วนขาเป็นเสือชีต้าร์มันก็ได้เพิ่มความเร็วให้กับโอสอย่างมาก ทำให้เขาวิ่งขึ้นไปได้ด้วยความเร็วสูง



           ในขณะเดียวกันนั้น เงาสีดำที่อยู่ด้านหลังของฮายาเตะที่ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อยๆ โดยที่เด็กหนุ่มยังมัวแต่สนใจกับรอยประหลาดที่พื้นทำให้เขาไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายที่มาจากข้างหลังเลย
           "อะไรกันนะที่ทำแบบนี้ได้ ?" ฮายาเตะครุ่นคิดหันไปมองที่กระจกเว้าที่อยู่บนเสา มันก็ทำให้เขาเห็นถึงสัตว์ประหลาดสีดำที่อยู่ด้านหลัง

            "แกว้กก!!" มดขนาดยักษ์คำรามแล้วเจาะเขี้ยวลงใส่เด็กหนุ่ม
            ฮายาเตะรู้ตัวก่อนเขารีบกลิ้งตัวหลบออกในทันทีทำให้การโจมตีพลาดโดนพื้นแทน "นี่สินะตัวการที่ฆ่าทั้งสองคน ตัวใหญ่กว่าลอสท์ทั่วไปจริงๆ"

            "แต่ว่าถึงอย่างงั้น.." ฮายาเตะหยิบไดร์เวอร์ขึ้นมาและสวมใส่ที่เอวทันที
            จากนั้นก็หยิบการ์ดขึ้นมาและใส่ลงไดร์เวอร์ "แปลงร่าง!"


    KAMAN RIDE

    DECADE


            แสงสีฟ้าเปลี่ยนเป็นแสงสีแดงมาเจ็นต้าแล้วเข้าหลอมรวมกับร่างของเด็กหนุ่ม
            เปลี่ยนร่างของเขาไปเป็นร่างของมาสค์ไรเดอร์ดีเคท "เอาล่ะนะครับ!"

           ทันทีที่แปลงร่างเสร็จดีเคทหยิบไรด์บุ๊คทั้งสองเล่มออกมาและเปิดใช้โหมดปืนทั้งคู่ และทำการกระหน่ำยิงใส่ลอสท์แอนท์ที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาโจมตีเขา แต่ว่าการโจมตีดังกล่าวก็ไม่ระคายผิวของมันเลย "ไม่ได้ผล!"

           "แกว้ก!!!" แอนท์พุ่งตัวเข้ามากระแทกดีเคทไปชนกับเสาปูนทะลุผ่านออกไป
           "แรงเยอะจริงๆ สมกับที่เป็นพลังของมดล่ะนะ" ดีเคทใส่การืดลงไดร์เวอร์


    ATTACK RIDE

    BLAST


           ปืนของดีเคทเพิ่มพลังขึ้นจากการใช้การ์ด
           เขายิงกระสุนลำแสงออกไปเพียงนัดเดียว ตัวปืนก็จะมีการแยกตัวออกและยิงลำแสงออกไปพร้อมกันทำให้เหมือนสามารถยิงได้ห้านัดต่อการลั่นไกหนึ่งครั้ง แต่ว่าก็ทำได้เพียงก่อกวนมันเท่านั้น

           "แกว้กก!!" ลอสท์ยังคงพุ่งมาไม่หยุด
            เมื่อมันเข้ามาใกล้มากขึ้น ดีเคทเปลี่ยนปืนทั้งสองกระบอกกลายเป็นดาบ แล้วกระโดดข้ามหัวของแอนท์ไปและใช้ดาบตัดหนวดสัมผัสของมันออกหนึ่งเส้นในจังหวะนั้น

           ทันทีที่แอนท์ถูกตัดเส้นหนวดของมันไปก็ยิ่งทำให้มันบ้างคลั่ง และวิ่งหนีออกไปจากชั้นนี้ทันที
           "แย่ล่ะถ้ามันออกไปทำร้ายคนอื่นล่ะก็!" ดีเคทจะตามไปแต่เพราะความเร็วของมันถึงจะวิ่งไปก็ไม่มีทางที่จะตามมันทัน "ถ้ามีของที่จะช่วยเพิ่มความเร็วให้เราได้ล่ะก็.."

           เมื่อดีเคทคิดเช่นนั้นก็มีบางอย่างที่อยุ่ด้านหลังของเขาเรืองแสงขึ้น
           ฮายาเตะหันกลับมามองแสงนั้น "อะไรน่ะ ?" แสงตรงหน้าฮายาเตะค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง และกลายเป็นมอเตอรืไซค์ในที่สุด

           "ดีล่ะ!" ดีเคทขึ้นไปขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นทันที
           "ไปล่ะนะ" ชายหนุ่มเร่งคันเร่งขับกระโดดออกจากอาคารทันที!



           โยชิอิ อากิฮิสะที่ต้องมาติดอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยไข่ของสัตว์ประหลาดมรณะ
           "จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย หรือว่าจะทำลายเลยดี" อากิฮิสะหยิบโฟร์เซ่ไดรืเวอร์ขึ้นมาสวมไว้พร้อมแต่ก็ยังไม่กล้าที่จะลงมือ "เอาไงเอากัน ทำลายเลยก็แล้วกัน!"
     
           เขากดสวิทซ์ทั้งสี่ลงไปจากนั้นก็ตั้งท่าแปลงร่าง


    THREE

    TWO

    ONE


           สิ้นสุดเวลานับถอยหลัง "แปลงร่าง!"
           อากิฮิสะสับคันโยกที่ไดร์เวอร์ จากนั้นก็ชูมือขึ้นฟ้า ประตูพลังงานคอสมิคเอเนจี่จากอวกาศก็เปิดออกเหนือหัวเขาและส่งพลังคอสมิคมาให้เขาและเปลี่ยนไปเป็นมาสค์ไรเดอร์


    FOURZE

           "อวกาศมาแล้ว!!!" ชายหนุ่มแหกปากตะโกน "มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ่ พวกเรามาสู้กันแบบตัวต่อตัวเลย!"
           "เอาล่ะต้องทำลายมันให้เสร็จภายในทีเดียวเลย" โฟร์เซ่กำลังกดใช้สวิทซ์แต่ก่อนหน้านั้นเขาก็ได้ยินเสียงประหลาดดังมาจากทั่วห้อง "เสียงอะไร ?"

           ด้วยความสงสัยเขาจึงหันไปมองรอบข้าง พบว่าไข่สีดำนั้นกำลังค่อยฟักตัวออกมา
           คมเขี้ยวสีดำของเหล่าแอนท์เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น ขนาดตัวของมันต่างจากตัวที่ฮายาเตะเจออยู่มากเพราะขนาดมันลดลงเหลือแค่ 1/4 ส่วน แต่ว่าด้วยจำนวนมากขนาดนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย

           "เอาล่ะ แล้วเราจะทำลายพวกมันยังไงล่ะเนี่ย ?" โฟร์เซ่ยืนนิ่ง
           ไข่ค่อยๆฟักตัวออกมา บางตัวฟักออกมาถึงครึ่งตัวแล้ว บางตัวเพิ่งโผล่มาแค่หัว บางตัวกำลังสั่นอยู่ในไข่ ทุกตัวต่างส่งเสียงร้องแกว้กๆอย่างหิวโหย


    LAUNCHER ON

    RADAR ON

           "Target Lock On!" โฟร์เซ่ล็อคเป้าหมายไข่ทุกฟองด้านหน้าตัวเองไว้ "ยิงได้!"
           มิซไซล์ทั้งห้าลูกถูกปล่อยออกมาจากเครื่องยิงจรวดมิซไซล์ที่ขาขวา มันพุ่งตรงเข้าไปทำลายเป้าหมายที่กำหนดไว้ลงได้เกือบๆสิบตัว

           "ต่อไปก็ทางนี้ ยิงได้!" มาสค์ไรเดอร์หันมาอีกด้านและยิงมิซไซล์โจมตีไข่สีดำ
           ฝูงแอนท์ร่างตัวอ่อนถูกผลจากแรงระเบิดทำลายพวกมันลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่าบางตัวที่เกิดออกมาแล้วก็พุ่งตรงเข้ามาโจมตีอากิฮิสะทันที

            "เจ้าพวกนี้ยัวเยียไปหมดเลย!" โฟร์เซ่พยายามต่อกรกับฝูงลอสท์แอนท์จำนวนมากที่เข้ามาหาเขาเรื่อย จนเริ่มต้านไม่ไหว "เยอะเกินไปแล้ว แบบนี้ไม่ไหวแน่!"

           "ฮ่าส์!!" โอสวิ่งเข้ามาในห้องพอดี
           แล้วเขาก็ช่วยใช้เคียวของตั๊กแตนตำขาวตัดทำลายฝูงแอนท์ลงให้ "โยชิอิขอโทษที่ช้า ถ้าไม่ได้เสียงของนายล่ะก็คงจะตามหาไม่เจอแน่ๆ"

           "เสียงของฉัน ?" อากิอิสะทำงง

           "ในที่สุดการตะโกนโหวกเหวกของนายมันก็มามีประโยชน์ตรงนี้ล่ะ" จุนอิจิชมออกด่านิดๆ
           "ยังไงก็ตามขนาดทำลายไปเยอะแล้วก็ยังเหลืออีกนะ"

           "เกือบร้อยได้มั้ง ตอนนี้ก็จัดการไปแล้วเกือบๆ 30 ตัวล่ะนะ" อากิฮิสะหันหลังชนกับจุนอิจิ
           "จุนอิจิพวกเรามาแข่งกันว่าใครจะฆ่าพวกมันได้มากกว่ากันเอามั้ย ?"

           "เอางั้นเรอะ งั้นฉันก็ขอรับคำท้าล่ะนะ!" จุนอิจิหยิบเมดัลสีทองรูปสิงโตขึ้นมาแล้วเปลี่ยนกับเมดัลส่วนหัวและสแกนไดร์เวอร์


    LION (สิงโต)

    KAMAKIRI (ตั๊กแตนตำข้าว)

    CHEETAH (เสือชีต้าร์)

    LAKIRITAH

           "ฮ้ากกก!!!" โอสคำรามทันทีที่เปลี่ยนส่วนหัวเป็นพลังราชสีห์
           แสงสีทองส่องแสงออกมาทันทีที่แปลงร่าง แสงนั้นได้ทำลายแอนท์จำนวนมากลงไปภายในครั้งเดียว โดยที่โฟร์เซ่ยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย


           "เฮ้ย เดี๋ยวสิแบบนี้มันโกงนี่น่า" อากิฮิสะโวย
           "เออ...เอาไงเอากัน!" แต่ก็ต้องยอมจำใจกลับไปยิงมิซไซล์ทำลายลอสท์ที่เปลืออยู่ให้หมด


    ห้องจัดงานเลี้ยง  เวลา 12.46 น.
           
           ที่ห้องจัดงานเลี้ยงตั้งแต่ที่ได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากทางช่องแอร์ ได้ยินเป็นเสียงตะโกนบ้าง เสียงระเบิดบ้าง ก็เริ่มทำให้แขกทุกคนเริ่มรู้สึกหวั่นๆ
           "แบบนี้ไม่ดีแน่" ทาจิบานะ ซาคุมะเห็นว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ชื่อเสียงตัวเองอาจจะล่ม

           เขาจึงเดินไปอยู่ที่ริมกระจกหน้าตา และเริ่มพูด
           "ขอเรียนแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน เสียงที่ท่านได้ยินนั้นเป้นเสียงซาวด์เอฟเฟ็ครูปแบบใหม่ที่ทางบริษัทของผมกำลังใช้เป็นสโลแกนหลัก ของบริษัทสาขาย่อแห่งนี้ และเป็นของเซอร์ไพส์ทุกๆท่านเนื่องในโอกาสวันเกิดของผม"

           แขกหลายคนที่ได้ยินซาคุมะพูดเช่นนั้นก็รู้สึกเบาใจลงบ้าง แต่บางคนก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ซาวด์เอฟเฟ็คลับอะไรเลย บางคนก็ไม่ก็เชื่อเขาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วเพราะเสียงพวกนี้มันดูสมจริงเกินไป ซึ่งอย่างน้อยก็มีสองคนในห้องนี้
           "ผมอยากให้ทุกท่านเชิญสนุกกับงานเลี้ยงต่อไม่ต้องกังวลครับ"

           ระหว่างนั้นเองแอนท์ที่กำลังบ้าคลั่งหนีดีเคทลงมา ส่วนมาสค์ไรเดอร์ก็ขับมอเตอร์ไซค์ไต่กำแพงลงมา
           เมื่อเสียงดนตรีจากห้องจัดงานเลี้ยงดังขึ้นอีกครั้งมันก็ทำให้แอนท์เกิดอาละวาดมากขึ้นและเคลื่อนไปทางห้องนั้นทันที "แกว้กก!!"

           "แย่ละ ทางนั้นมัน!" ดีเคทหักรถเลี้ยวตามแอนท์ไป

           ภายในห้องจัดงานเลี้ยงเหล่าแขกที่ไม่รู้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาเยือน บางคนก็กำลังสนุกอยู่กับงาน บางคนก็กำลังหาของกินอย่างเอร็ดอร่อย บางคนเต้นรำร่วมกับคู่ชายหญิง บางคนมางานนี้แล้วรู้สึกเบื่อๆที่ได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ
           "เฮ้อ...น่าเบื่อจังเลย" มิยะถอนหายใจ
           "มางานแบบนี้โดยไม่มีเพื่อนทีไร ไม่มีอะไรให้ทำเลยจริงสิ" ฮินะงิคุถอนหายใจ

           "เอาล่ะครับ ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยแล้ว!" ซาคุมะกล่าว "เค้ก!!"
           เค้กขนาดใหญ่สูงถึง 5 ชั้นถูกเข็นมาส่งให้กับประธานบริษัทหนุ่ม แขกทุกคนพร้อมใจปรบมือกันให้อย่างพร้อมเพียง "ขอบคุณๆ"

           "ผมจะเป็นตัวแทนของทุกท่าน ทำการลงมีดผ่าเค้กก้อนนี้และขอให้ทุกท่านที่อยู่ในลิสท์รายชื่อมารับนะครับ!" เสียงโฮ่ร้อง เสียงกรี๊ดดังมาจากทั่วสารทิศ เสียงปรบมือ เสียงดนตรี ต่างยินดีให้กับซาคุมะ แต่ว่าเสียงทุกอย่างก็ต้องหยุดลงเริ่มจากเสียงร้อง ตามด้วยเสียงหรบมือและตามด้วยเสียงดนตรี เหลือเพียงเสียงของซาคุมะ แต่ที่ทุกคนเงียบไม่ใช่เพราะกำลังจะดีใจในช่วงสุดท้าย เพราะทุกสายตาของทุกคนต่างไม่ได้มองไปที่เขาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองออกไปทางนอกหน้าต่าง...

           "ทุกท่านเป็นอะไร ดีใจซะจนพูดไม่ออกเลยหรือ ?" ซาคุมะถาม แต่ไม่มีใครคิดจะสนใจเขา
           "พวกคุณกำลังมองอะไรอยู่!?" ประธานหนุ่มวัย 19 เริ่มโมโหแต่พอเขาหันหลังกลับ เขาก็ต้องพบกับสัตว์ประหลาดตัวสีดำขนาดใหญ่กำลังเกาะอยู่ที่กระจก ชายหนุ่มตาค้างก่อนที่จะตั้งสติได้และพูดกลับไปว่า
           "แกมันตัวบ้าอะไร!" เขาพูดเสียงที่ดังที่สุด

           "แกว้กก!!" แอนท์คำรามและโจมตีกระแทกกระจกแตกลงในพริบตา และนั่นก็ทำให้ซาคุมะสะดุ้งถอยหลังทันที ส่งผลทำให้เขาล้มลงชนกับเค้กของเขาและทำให้มีดหั่นเค้กที่ถืออยู่ปักลงที่ขาขวาของเขา

           "อ้ากกก ช่วยด้วย!" เขาส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวและความเจ็บปวด
           สิ่งนั้นยิ่งเรียกร้องให้แอนท์สนใจในตัวเขามาขึ้น "แกว้กก!!" มันพุ่งตรงเข้าหาประธานหนุ่มในทันที


    ตึง!

           ภาพที่ทุกคนน่าจะเห็นก็คือภาพที่ประธานบริษัทหนุ่มถูกสัตว์ประหลาดฉีกร่างเป็นชิ้น แต่มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเมื่อมีบุรุษสวมเกราะผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมาใช้ดาบสองเล่มรับคมเขี้ยวของสัตว์ประหลาดไว้ เขาใช้ขาทั้งสองข้างยันพื้นไว้เพื่อต้านแรงของมดยักษ์ ซึ่งเขาคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก....
           "ระ...รีบออกไปเร็วเข้าครับ" ดีเคทบอกกับซาคุมะ

           "ขะ...ขาฉัน เจ็บชะมัด ช่วยด้วย!!" ประธานหนุ่มตะโกนร้องโวยวาย

           "คะ...ใครก็ได้ช่วยเขาทีครับ!" ฮายาเตะตะโกนบอกทุกคนในห้องในขณะที่เขาต้องพยายามต้านแรงของแอนท์ไว้

           "ใช่ๆช่วยฉันที มาโกะ ฮิโยริ พวกนายก็ด้วยอยากโดนไล่ออกรึไง!" ซาคุมะพยายามเรียกเหล่าแฟนสาวที่เคยอยุ่ข้างกายเขา บอดี้การ์ดที่เขาจ้างมาคุ้มครองเขา เหล่าแขกที่ปรบมือแสดงความยินดีให้เขา แต่ว่าไม่มีใครเลยที่คิดจะมาช่วยเขา " พวกนายช่วยฉันด้วย!"

          เริ่มมีคนขยับแล้ว แต่ว่าเมื่อเสียงของแอนท์คำรามก็ทำให้พวกเขาไม่กล้าก้าวขาออกไป
          "อัก...เร็วๆเข้าครับ ผมต้าน...ไว้ได้อีกไม่นาน" ชายหนุ่มบอกกับคนอื่นๆ

          ในที่สุดบอดี้การ์ดก็ใจกล้ายอมออกมาช่วยจับมือหัวหน้าของพวกเขา "ขอบคุณ"

          "แกว้ก!!" เสียงร้องคำรามของแอนท์มันได้ผลักดีเคทให้คุกเข่าลงจนได้ เสียงนั่นทำให้คนหลายคนจิตเริ่มกระจุยไปแล้วพวกเขาต่างวิ่งหนีไปโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง รวมถึงบอดี้การ์ดที่เพิ่งจับมือของซาคุมะไปเมื่อกี้ก็ทิ้งให้ประธานหนุ่มนอนรอความตาย
           "พวกนายอย่าเพิ่งไปช่วยฉันออกไปก่อน!"

           ในหมู่ผู้คนที่กำลังหนีมีผู้หญิงสองคนที่ยังคงยืนนิ่ง

           ซาคุมะหันกลับไปทางดีเคท "แกไอ้ตัวสีชมพู (สีแดงมาเจ็นต้ามีสีที่ออกคล้ายชมพูแต่ในความเป็นจริงต่างกัน) เพราะแกพามันมาทำให้งานเลี้ยงของฉันล้ม เพราะแกไม่ยอมต้านเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นดีๆทำให้คนอื่นๆวิ่งหนฉันไปหมด!" 

           ในหมู่ผู้คนที่กำลังแย่งกันออกไปจากห้องมีผู้หญิงสองคนกัดฟันด้วยความโกรธ

           "ผะ...ผมแค่!" ฮายาเตะเริ่มรู้สึกผิด
           เขาพยายามทำดีที่สุดเพื่อช่วยเหลือทุกคนแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ซาคุมะพูดก็เป็นความจริงเพราะตัวเขาเองทำให้คนอื่นๆต่างหนีไปกันหมด หากเขาต้านมันไว้ได้อีกสักนิดเขาก็คงถูกช่วยไปแล้ว

            "ไม่ต้องมาพูดอะไรเลย เจ้าสัตว์ประหลาด!" ซาคุมะตวาดใส่เด็กหนุ่มในร่างเกราะ

           ในหมู่ผู้คนที่กำลังหวาดกลัวมีผู้หญิงสองคนวิ่งออกมา

           "ระ...เราเป็น..สัตว์ประหลาด...งั้นเรอะ ?" จิตใจของฮายาเตะเริ่มเสีย
           เรี่ยวแรงที่เหลือในการต้านสัตว์ประหลาดยักษ์เริ่มหมดไป แอนท์ค่อยๆกดเขาลงได้เรื่อยๆ

           "เฮ้ย ตั้งใจหน่อยสิ ฉันน่ะเป็นคนสำคัญนะเฟ้ย จะให้มาตายที่-!" 
           ในหมู่ผู้คนที่กำลังทิ้งความเป็นมนุษธรรมไปมีผู้หญิงสองคนเข้ามาชกหน้าของซาคุมะเต็มแรงทั้งด้านซ้ายและขวา

           "นี่นายน่ะอย่าไปฟังที่เจ้านี่พูดนักเลย!" เสียงของผู้หญิงคนนึงดังขึ้น
           ฮายาเตะรู้สึกตัวอีกครั้งและใช้แรงทั้งหมดต้านแอนท์ไว้ได้ เพียงแต่เขาไม่สามารถหันกลับไปมองได้ว่าผู้หญิงสองคนที่เข้ามานั้นเป็นใคร

           "พี่ชายเดี๋ยวพวกหนูจะพาเขาออกไปเอง"
           ฮายาเตะจำเสียงของคนที่พูดคนที่สองได้เธอคนนั้นคือทาจิบานะ มิยะ น้องสาวของจุนอิจิ

           "ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใครหรือเป็นตัวอะไร แต่ว่าฉันอยากให้นายในตอนนี้เชื่อมั่นในพลังของตัวเองเข้าไว้" เสียงของหญิงสาวอีกคนพูดทำให้เด็กหนุ่มกลับมามีกำลังใจอีกครั้ง
           "ซัดมันให้หมอบไปเลยนะ" 
          พูดเสร็จทั้งสองก็รีบพาประธานหนุ่มผู้หล่อเหล่าที่ถูกชกหน้าบวมทั้งสองข้างหนีออกไปทันที

           "ครับ" ดีเคทตอบตกลงยามที่เธอคนนั้นออกไปจากห้องแล้ว
           "ย้ากกก!!!" มาสค์ไรเดอร์รวบรวมแรงที่มีอยู่ทั้งหมดต้านสัตว์ประหลาดกลับไป และตามด้วยเปลี่ยนดาบทั้งสองเล่นกลายเป็นปืนและยิงใส่มันจนหรีออกนอกหน้าต่าง

           "ไม่ยอมให้หนีหรอกครับ!" เด็กหนุ่มตั้งมั่น เขาวิ่งตรงไปไรซึ่งความหวาดกลัว
           ทันใดนั้นก็เกิดแสงประหลาดค่อยๆก่อตัวขึ้นมาตรงหน้าเขา มาสค์ไรเดอร์กระโดดขึ้นไปอยุ่บนแสงนั้น แสงนั้นก็กลายสภาพเป็นรถมอเตอร์ไซค์ในทันที


           บรืน!! ชายหนุ่มบิดคันเร่งขึ้นแซงหน้าลอสท์ขนาดยักษ์ไป
           "จัดการล่ะนะครับ!" ดีเคทหยิบการ์ดขึ้นมาแล้วใส่ลงไดร์เวอร์ 


    FINAL ATTACK RIDE

    DE-DE-DECADE

    DIMENSION SLASH


           มาสค์ไรเดอร์กระโดดออกจากรถหยิบดาบของเขาขึ้นมา การ์ดสีทองปรากฏเรียงรายเป็นทางตรงไปที่แอนท์ที่กำลังพุ่งลงมา ดีเคทวิ่งผ่านการ์ดเหล่านั้นดาบของเขาขยายยาวขึ้น 
           "ฮ่าส์!!!" ดีเคทก้มตัวลอดช่องใต้ร่างของมันและฟันร่างของมันออกเป็นสองเสี่ยงในครั้งเดียว

           "แกว้กกก!!!" สัตว์ประหลาดสีดำถูกแบ่งออกเป็นสองซีก ลอยค้างอยุ่กลางอากาศ

           "END" 


    บรึ้มม!!!

           ลอสท์แอนท์ระเบิดตายไปกลางอากาศนั้น
           ส่วนนักรบหนุ่มกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของเขาและขับลงมาที่เวทีด้านล่าง ที่ซึ่งมีชาวเมืองและคนที่เคยอยู่ภายในอาคารเต็มไปหมด
           "โยชิอิคุง กับ ทาจิบานะคุงล่ะ ?" ฮายาเตะมองขึ้นไปข้างบน


           เพล้ง! เสียงกระจกแตกพร้อมการหล่นลงมาของมาสค์ไรเดอร์อีกสองคน
           "ว้าาาา!!!" โอสและโฟร์เซ่ต่างร่วงลงมาจากตึกสูงด้วยความเร็ว

           "แย่แล้ว!" ดีเคทใส่การ์ดลงไดร์เวอร์ พร้อมกับขับมอเตอร์ไซค์พุ่งตัวขึ้นไป


    DEFEND RIDE

    BARRIER

     
           บาเรียถูกสร้างขึ้นมารับโอสไว้แล้วให้เขากระโดลงมาด้วยตัวเอง ส่วนโฟร์เซ่ดีเคทพุ่งมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปรับและกลับลงมา

           "อะยาซากิ thank you" จุนอิจิพูด
           "นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว" อากิฮิสะพูด

           "ไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ ผมจัดการลอสท์ที่อาละวาดไปแล้ว" ฮายาเตะบอกทั้งสอง

           "ว่าไงนะ" อากิฮิสะท่าทางตกใจกับสิ่งที่ฮายาเตะบอก "แล้วเจ้าตัวที่เราสู้ด้วยมันคืออะไรล่ะ!?" 
           "อะยาซากินายคงกำจัดตัวลูกของมันไปเท่านั้นล่ะ ข้างบนนั้นยังมีอีกตัว แล้วก็..." จุนอิจิมองขึ้นไปข้างบน กระจกห้องที่ทั้งสองกระโดดหนีออกมาก็ปรากฏสัตว์ประหลาดมดขนาดยักษ์ที่ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวก่อนหน้าถึงเท่าตัวนึง

           "ทาจิบานะคุง อากิฮิสะคุงเดี๋ยวผมจะคอยถ่วงมันไว้เองครับ ทั้งสองคนหาโอกาสโจมตีในตอนนั้นนะครับ!" ฮายาเตะพูดเสร็จก็ขับมอเตอร์ไซค์พุ่งเข้าไปรับมือกับไจ-แอนท์ลอสท์(Gi-Ant) ทันที
    ดีเคทฟันดาบใส่ขาของมันแต่ว่าเกราะของไจแอนท์เหนือกว่าแอนท์ตัวเดิมมากทำให้การโจมตีไม่เป็นผล และกระแทกพาตัวเขาลงมาด้านล่าง

           ผู้คนที่อยุ่รอบข้างก็รีบอพยพหนีในทันที ตำรวจรีบเข้ามาควบคุมสถานการณ์พาชาวเมืองหนีโดยเร็ว ปล่อยให้มาสค์ไรเดอร์ทั้งสามต้องรับมือกับลอสท์ขนาดยักษ์ตัวนี้

           "ต่อให้เป็นอะยาซากิก็เถอะ แต่สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ขนาดนั้นจะทำลายมันยังไง" อากิฮิสะคิด

           "โยชิอิ นายไม่มีสวิทซ์ที่จะใช้รับมือกับมันเลยรึไง ?" จุนอิจิถาม
           "อืม....อ้อ จริงด้วย!" โฟร์เซ่หยิบสวิทซ์หมายเลข 5 ออกมา "เมื่อเช้าก่อนออกมาจากบ้าน เจ้านี้มันถูกส่งมาให้ทางกระเป๋าน่ะ น่าจะลองดูนะ"

           "ตอนนี้ก็ยังดีกว่าไม่ีมีอะไรเลยล่ะ ลองใช้ดูเถอะ" จุนอิจิแนะนำ 
           "จัดให้" โฟร์เซ่เปลี่ยนสวิทซ์ข้างขวาสุดออก และใส่สวิทซ์นี้ลงไปแทนและกดใช้ "จะเป็นอะไรนะ ?"


    MAGICHAND ON

           มือกลปรากฏขึ้นที่แขนขวาของโฟร์เซ่ หัวของมือกลเป็นตัวหนีบ
           "ว้าว นี่ก็เจ๋งดีแฮะท่าทางจะจับของหนักๆได้ดีเลย!"

           "แต่ว่าคงจะจับเจ้านั่นไม่ได้...แบบนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้น่ะสิ" จุนอิจิเริ่มคิดหนัก

           "งั้นเรอะ ?" อากิฮิสะหันซ้ายหันขวาหาสิ่งที่ใช้ได้และเขาก็เจอสิ่งนึงที่น่าจะได้ผล
           "จุนอิจิฉันคิดว่าฉันมีแผนแล้วล่ะ!"

           "แผนอะไร ลองทำดูสิ" โอสบอก
           "ได้เลย!" โฟร์เซ่ใช้มือกลนั้นจับที่ขาของโอสและหมุนเป็นวงกลมกลางอากาศ

           "ดะ...ดะ...เดี๋ยวทำอะไรน่ะ!?"
           "เวลาที่เป็นนักบินอวกาศเองก็ต้องผ่านการทดสอบนี่ใช่มั้ยล่า ถ้าทนแรงเหวี่ยงได้และพุ่งออกไปก็จะทำให้เกิดพลังมหาศาส!" อากิฮิสะให้เหตุผล
           "แต่ว่าฉันไม่ได้เป็นนะ!!" จุนอิจิแย้ง

           "ไม่ต้องพูดอะไรแล้วไปเลย!!" โฟร์เซ่เหวี่ยงโอสจนถึงระดับหนึ่งก็ปาเขาพุ่งไปหาไจแอนท์
           ดีเคทล่อให้ไจแอนท์มาทางที่โอสพุ่งเข้ามาในจังหวะนั้นพอดี

           "เป็นไงเป็นกัน" โอสตัดสินใจยอมสู้ เขาใช้สแกนเนอร์สแกนไดรืเวอร์


    SCANNING CHARGE

           "see ya!" เคียวคู่ของโอสเรืองแสงขึ้น
           มาสค์ไรเดอร์ใช้เคียวทั้งสองบวกกับพลังความเร็วของชีต้าร์และพลังแสงของสิงโต โจมตีตัดขาทั้งหกของมันในการโจมตีครั้งนั้น
           "ตอนนี้ล่ะโยชิอิ!" จุนอิจิให้สัญญาณ

           "ได้เลย!" อากิฮิสะเสียบสวิทซ์ 1 กลับลงไปที่ที่เดิม และกดใช้สวิทซ์ริมขวาสุดกับสวิทซ์ที่ขาซ้าย


    ROCKET ON

    DRILL ON

           มาสค์ไรเดอร์โฟร์เซ่พุ่งตัวลอยขึ้นไปด้วยจรวดที่มือขวา เมื่อไปถึงจุดหนึ่งเขาก็สับคันโยกที่ไดร์เวอร์ทันที

    ROCKET DRILL

    LIMIT BREAK

           "RIDER ROCKET DRILL KICK!!
    " โฟร์เซ่ส่งเสียงดังลั่น
           มาสค์ไรเดอร์หัวจรวดพุ่งลงมาใช้สว่านที่ขาซ้ายเจาะแทงใส่หัวของลอสท์ยักษ์ "ไปเลย!!!"

           และแล้วเขาก็พุ่งทะลุร่างของมันมา และมาหยุดลงที่พื้นคอนกรีต "เท่านี้ก็เรียบร้อย" 


    ตู้มม!!!

           ร่างของสัตว์ประหลาดยักษ์ระเบิดออกในทันที ควันระเบิดฟุ้งกระจายไปทั่ว
           ปิดบังทัศนวิสัยของเหล่าตำรวจโดยรอบทั้งหมด และเมื่อควันระเบิดนั้นจางลงไป ร่างของนักรบทั้งสามผู้กำราบสัตว์ประหลาดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

           ฮินะงิคุที่ยืนมองการต่อสู้ในครั้งนี้อย่างไม่ละสายตาก็ได้เพียงสงสัยว่าพวกเขาหายไปไหน "...มาสค์ไรเดอร์ ?"

           หลังจากนั้นกลุ่มตำรวจก็รีบเข้าควบคุมพื้นที่ ตรวจสอบความเสียหาย เช็คแขกร่วมงาน พาผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่จริงๆแล้วมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากในเหตุการครั้งนี้เพียงแค่คนเดียว ซึ่งทุกคนเองก็น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว

           มิยะที่ยืนอยู่ในฝูงชนยังคงรู้สึกกระวนกระวายใจ "พี่กับพวกเพื่อนหายไปไหน หรือว่าจะโดนเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น..." ดวงตาของเธอเริ่มมีหยดน้ำตาไหลออกรินออกมาอย่างช้าๆ

           "ใครจะโดนสัตว์ประหลาดอะไรทำร้ายเหรอ ?" เสียงของชายที่มิยะคุ้นเคย 
           เธอรีบหันกลับไปตามเสียงนั้น เธอก็พบกับทาจิบานะ จุนอิจิ พี่ชายของเธอกำลังยืนอยู่ "พี่...พี่จ๋า" น้องสาวรีบโผเข้ากอดพี่ชายพร้อมน้ำตา "พี่จ๋าบ้า ทำให้หนูเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย!"

           "มิยะ...ขอโทษนะ" จุนอิจิกระซิบปลอบน้องสาวที่ข้างหูของเธอเบาๆ
           เด็กสาวร้องไห้ในอ้อมอกของพี่ชาย โดยมีเพื่อนของชายหนุ่มสองคนยืนมองอยุ่ห่างๆ
           "มันจบแล้วล่ะ..." 


    .
    .
    .
    .



    เอเรีย 1  หน้าร้านสะดวกซื้อ  เวลา 20.38 น.

           มิยะขอตัวกลับไปบ้านก่อน จุนอิจิ อากิฮิสะและฮายาเตะออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อก่อนที่จะแยกย้ายกัยกลับบ้าน

           "เฮ้อ วันนี้เหนื่อยชะมัดเลย!" อากิฮิสะยืดตัวและบิดตัวไปมาด้วยความโล่งใจ
           "แต่ว่าปัญหาหลักที่ตั้งไว้เรื่องหาบ้าน ผลสุดท้ายก็ล่มไปล่ะนะ"

           "ขอโทษนะครับที่ให้อากิฮิสะคุงมาเหนื่อยกับผมน่ะครับ" ฮายาเตะรู้สึกผิด

           "ไม่เป็นไรๆ ฉันเต็มใจช่วยเหลืออยู่แล้ว" อากิฮิสะตอบ

           "ตอนนี้อายาซากิไม่มีที่พักสินะ แล้วจะเอายังไงต่อล่ะ ?" จุนอิจิถามพร้อมกับดื่มน้ำที่ตัวเองซื้อมาไปพร้อมกันด้วย

           "ถ้าจะมาค้างบ้านฉัน ก็ไม่ว่านะฉันยินดีต้อนรับ" อากิอิสะบอกด้วยความใจกว้าง

           "ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากสร้างภาระให้กับพวกเพื่อนๆแล้ว" ฮายาเตะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มีดวงดารามากมายส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้านั้น
           "หลังจากที่สู้วันนี้มันทำให้ผมได้เรียนรู้หลายๆอย่าง ว่าถึงแม้พวกเราจะมีพลังที่สุดยอดมามากขนาดไหน แต่ว่าตัวเราก็ไม่อาจทำได้ทุกอย่างอยู่ดี ผมไม่อาจจะช่วยเหลือคนๆนึงในงานไว้ได้ทำได้เพียงหวังให้คนอื่นมาช่วยเท่านั้น แต่ว่าถ้าหากเราร่วมมือกัน ผมคิดว่าน่าจะปิดช่องว่างที่ขาดหายไปนั้นได้...การอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะทำให้เราไม่สามารถแข็แงแกร่งไปมากกว่านี้ได้ แต่ถ้ามีเพื่อนคอยอยู่เคียงข้าง ผมเชื่อว่าไม่ว่าปัญหาอะไรเราจะต้องผ่านพ้นไปได้อย่างแน่นอน.."

           "ก็อย่างที่พูดล่ะนะ" อากิฮิสะยื่นหมัดตรงที่ฮายาเตะ

           "ถ้างั้นนายก็มาพักที่บ้านของพวกเราก่อนมั้ยล่ะ" จุนอิจิถาม

           "ไม่เป็นไรครับ ผมคิดว่าผมน่าจะหาที่พักได้-"
           ตอนนั้นเองป้าคนคุมหอที่ฮายาเตะเคยอยุ่ก็วิ่งมาหาเขา "คุณเจ้าของหอ มาทำอะไรที่นี่ครับ ?"

           "อะยาซากิ นี่!" ป้ายื่นกระดาษแผ่นนึงให้กับเขา
           เด็กหนุ่มอ่านสิ่งที่เขียนอยุ่ในแผ่นกระดาษ"อะยาซากิ ฮายาเตะเซ็นสัญญาเป็นเจ้าของห้องหมายเลข 010 นี่มันหมายความว่าไงครับ ?"

           "เมื่อเย็นมีลุงคนนึงบอกว่ารู้จักกับเธอ แล้วเขาก็มาเซ็นสัญญาให้เธออยู่ในห้องนั้นน่ะ" เธอเล่า "ฉันน่ะออกตามหาเธอไปซะทั่วเลยนะ จนมาเจอที่นี่ล่ะ"

           "แปลว่าผม...แปลว่าผม...มีที่อยู่แล้วเหรอครับ ?" ฮายาเตะไม่อยากเชื่อเรื่องที่เขาได้ยิน
           "อืม กลับมาพักที่ห้องนั่นได้เลย" ป้าคุมหอบอก

           ฮายาเตะหันกลับไปมองเพื่อนชายของเขาทั้งสองคนที่ยืนยิ้มและชูนิ้วโป้งให้เขาทั้งคู่
           "เท่านี้...ผมก็มีที่อยู่แล้ว....ดีจังเลย..." ฮายาเตะรุ้สึกยินดีกับของขวัญสุดพิเศษที่เขาได้รับ "แต่ว่าใครกันนะที่ช่วยเราในเรื่องนี้น่ะ ?"

           ในที่ที่ห่างไกลจากจุดที่ฮายาเตะยืนอยู่ ชายวัยกลางคนยืนมองเขาพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะหันหลังกลับและรูปลักษณ์ของเขาก็เปลี่ยนไป เขาตัวหดเล้กลง ผมสีขาวค่อยๆยืดยาวขึ้นทีละนิดและเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอมเขียว เสื้อผ้าแบบผู้ชายที่เธอใส่อยู่ก็ค่อยๆสลายไป เหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวตัวเล็กๆที่ฮายาเตะเคยผมเจอ 
           "หวังว่าสิ่งที่เรามอบให้จะทำให้คุณมีความสุขนะ เพื่อที่จะรับชะตากรรมที่คุณและเพื่อนๆยังต้องพบเจออีกมากมายในอนาคต"

           เธอสลายกลายเป็นดวงแสงร่องรอยขึ้นไปรวมกับดวงดาวบนท้องฟ้า......





    .................... TO BE CONTINUE ....................
     
     






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×